ดูจิตติดเฉยโง่ "อัญญาณุเบกขา"

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 1 กรกฎาคม 2013.

  1. MindSoul1

    MindSoul1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2012
    โพสต์:
    295
    ค่าพลัง:
    +496
    ตามที่เข้าใจ
    เห็นโดยความเป็นธาตุ คือ ทุกสรรพสิ่งล้วนเป็นธาตุทั้งสิ้น
    ผู้ยึดก็เป็นธาตุ เมื่อแปรสภาพไปเป็นผู้ไม่ยึดก็เป็นธาตุ สิ่งที่ถูกเห็นก็เป็นธาตุ
    ทุกสรรพสิ่งล้วนเป็นธาตุ เมื่อแปรเปลี่ยนไปตามกฎไตรลักษณ์ ก็ยังเป็นธาตุ
    จากธาตุหนึ่งแปรเปลี่ยนไปเป็นอีกธาตุหนึ่ง เป็นอยู่เช่นนั้นๆ
    ไม่ใช่ตัวตนของใคร ไม่ใช่ของของใคร ไม่ใช่ใคร
     
  2. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +687
    เห็นยังไง ^^

    ได้มีการแตกความเป็นกลุ่มก้อนในกระบวนการเห็นบ้างไหม

    เช่น อาการอยากดู ไม่ใช่สิ่งเดียวกับ อาการดู

    อาการรู้สีรู้รูปทรง ไม่ใข่สิ่งเดียวกับ นัยตา

    อาการเห็น ไม่ใช่สิ่งเดียวกับ นึกคิด

    ที่เป็นโดยความเป็นธาตุ เพราะขณะนั้น ภาวนาวิปัสสนา โดยน้อมไปโดยความเป็นธาตุ ๔ บ้าง บ้าง ๑๘ บ้าง

    จึงมีธาตุเป็นอารมณ์ ของวิปัสสนา

    ในแต่ละอาการมันก็มีอะไรให้ดูอยู่เหมือนกันนะ

    ดูธาตุอย่างเดียว ก็ได้

    ความเข้าใจก็จะคล้ายๆคำตอบของโยม



    คำว่า ธาตุหนึ่งแปรเปลี่ยนไปเป็นอีกธาตุหนึ่ง ยังไม่ค่อยเข้าใจ

    ช่วยขยายหน่อยสิ
     
  3. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    น้องครับ....

    พระพุทธพจน์นั้น เรามาให้ค่าเองตามชอบใจไม่ได้หรอกครับ

    ที่มั่ววุ่นวายอยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะำปให้ค่าแบบมั่วๆกันไปเอง

    โดยไม่มีหลักฐานมาอ้างอิง หรือเชื่อมโยงตามความเป็นจริงจากพระพุทธพจน์

    ก้อย่างที่น้องให้ค่าคำว่า "ก็แล้ว จิต มโน วิญญาณของพี่"

    นี่ก็เห็นชัดว่า ไม่รู้จักคุณค่าของแต่ละความหมายที่ยกมา

    เรียนรู้ได้ไม่มีใครว่า แต่ถ้าทิ้ง"ภาวนามยปัญญา"

    แม้แต่"พระ"ก็ยังไม่ใช่"พระ" เป็นแค่"นักบวช"ที่แฝงตัวเข้ามาเท่านั้น

    อะไร ที่มันไม่มี เป้นไปไม่ได้ก็อย่าพยายามเข้าหา เสียเวลาเปล่า

    เอาเวลามารู้อยู่ที่องค์ภาวนา"กายสังขาร"ของตน ไม่มีพลาด

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน

     
  4. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    แปลกนะทุกวันนี้

    สอนกันจน อะไรๆก็ไม่มี อะไรๆก็ไม่ใช่ ที่ใช่ไม่มี ที่มีไม่ใช่

    จนกลายพันธ์ไป เป็นพวก"นัตถิกทิฐิ"กันหมด

    และมักอ้างแต่คำสอนของพราหมณ์ เรื่อง"อาตมัน" แบบคิดขึ้นเอง

    ถ้าท่าน"สัญชัย" กลับมาบอกได้ คงตะโกนลั่้นห้อง"อภิญญา"แล้วว่า

    พวกคุณกำลังใส่ร้ายป้ายสีพวกพราหมณ์อยู่ เรื่อง"นิพพานของกู"

    พวกกรูไม่เคยพูดโว้ย แต่กรูเข้าใจผิดเองว่า

    "อารมณ์ฌานอันละเอียดเป็นสุขนั้นคือ"นิิพพาน" จึงจัดเป็น"อาตมัน"

    ถ้ายังยึดอารมณ์อันละเอียดแม้นิดก็ยังนิพพานไม่ได้อยู่แล้ว

    ไม่ใช่อย่างที่พวกเอ็งซี้ซั้วคิดเองและพูดกันว่า"ข้ายึดนิพพานเป็นของข้า"

    ข้ายังหลงยึดอารมณ์ฌานอันละเอียดเป็นสุขนั้นอยู่โว้ย เพราะเข้าใจผิด

    แต่ก็แปลกเอาจริงๆ อย่างในทุกวันนี้ มีคนดีที่ละความชั่วทั้งปวงได้

    แต่ต้องละความดีนั้น ทิ้งไปด้วย ถ้าไม่ละแสดงว่ายังติดอยู่ คิดเข้าไปได้

    ที่ได้ชื่อว่า"คนดี" เพราะละความชั่วทั้งปวงได้ ใช่หรือไม่?

    แล้วความเป็นคนดีของตนปรากฏที่ขึ้นมาเอง ให้คนเห็นและยกย่อง ใช่หรือไม่?

    หรือความ"เป็นคนดี"ที่ปรากกเองนั้น ต้องยึดเอามาเป็นของๆตนจึงจะได้มา

    แสดงว่าทุกวันนี้สอนแต่เรื่องที่ขาดเหตุผล เพราะให้ละจนไม่รู้จะละอะไรแล้ว

    แม้แต่บรรลุพระนิพพานแล้ว เพราะหมดกิเลสในตนได้หมด จนไม่เหลือ

    ตนเป็นผู้ละกิเลสเหล่านั้นได้หมด ความสงบสันตินิพพานย่อมปรากฏเอง

    โดยไม่ต้องร้องขอใดๆ ว่า พระนิพพานจงมาเป็นของข้าเถิด

    มันปรากฏของมันเอง โดยไม่ต้องร้องขอ ใช่หรือไม่?

    แต่เชื่อมั้ย ที่สุดของที่สุดแล้ว มันต้องละมันให้หมดแม้ผลที่ปรากฏเอง

    แม้แต่ของที่ปรากฏขึ้นเองโดยไม่ได้ร้องขอใดๆ เพื่อคนอื่นจะได้รับรู้ถึงผลนั้น

    เล่นสอนกัน แต่สิ่งที่ขาดเหตุผล เข้าข่ายโกหก-พกลมไปแล้ว

    ชอบเอาเรื่องไม่มีอยู่จริงมาสอนกันให้เชื่อ เพราะตนเองเชื่อแบบนั้นจริงๆ

    เฮ้อ!!! เหนื่อยจริงๆ

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  5. MindSoul1

    MindSoul1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2012
    โพสต์:
    295
    ค่าพลัง:
    +496
    หายใจเข้า หายใจออก ธาตุภายในกายใจก็เปลี่ยนแล้วค่ะ
     
  6. MindSoul1

    MindSoul1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2012
    โพสต์:
    295
    ค่าพลัง:
    +496
    กระทู้นี้จบภาระกิจแล้ว ขอจบการสนทนาเพียงแค่นี้นะคะ

    สำหรับพี่ธรรมภูิต ก็ตามสบายนะคะ เป็นเรื่องของพี่ทั้งหมด ไม่เกี่ยวกับน้อง
     
  7. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ู^
    ^
    ไม่ใช่ตีความหมาย มีความหมายว่า"ปล่อยวางได้"เท่านั้น จึงเฉย

    ^
    ^
    ไม่ต้องตีความ มีความหมายตามนั้น
    เมื่อรู้แล้วยังตามไปดู แสดงว่ายังส่งออกวุ่นวายอยู่
    ยิ่งบอกว่ายกขึ้น"วิปัสนนา(นึก)" นี่ความหมายชัดเจน"เฉยโง่"
    "เฉย"เพราะนึกเอา จึงได้ชื่อว่า"เฉยโง่" คิดเองเออเองขึ้นมา
    พระพุทธพจน์ชัดๆ ไม่ต้องตีความ
    "ควรกำหนดรู้ เมื่อรู้แล้ว"สวย เซ็กซี่" ละเหตุแห่งทุกข์ซะ" ใช่เลย"เฉย"จริงๆ


    ^
    ^
    โง่ความหมายตรงๆ ยังไม่รู้ความจริง ถึงสภาวะธรรมที่เกิดตรงหน้า

    ^
    ^
    ถึงได้พยายามสื่อสารให้รู้ให้เข้าใจถูกต้องระหว่าง
    "สมถะ"ที่เป็นพระพุทธพจน์ กับ"สมถะ"ที่มีมาก่อนที่พระพุทธเจ้าจะอุบัติ
    "ฌานสมาบัติ" ยึดอารมณ์อันละเอียดเป็นสุขคิดไปเองว่านั่นนิพพานแล้ว
    เป็นความเข้าใจผิดของพวกพราหมณ์ ที่ติดในฌาน"สมถะ"
    "ฌานในสัมมาสมาธิ" ปล่อยวาง(วิปัสสนา)อารมณ์ออกไปได้หมด
    ละสุข ละทุกข์ โสมนัส โทมนัสแต่เก่าก่อนด้วย
    ไม่ต้ิองยึดไว้ ได้เวลาปล่อยอย่้างเดียว(อารมณ์)



    ^
    ^
    ชัดๆจากพระพุทธพจน์"ปัญญาเกิดเพราะการประกอบ กระทำ ภาวนานุโยคเท่านั้น"
    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  8. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    ตามนั้น แต่ฝากข้อควรคิดไว้ อ่านก็ได้ ไม่อ่านก็ได้
    ปล่อยซ้อนปล่อยเหมือนปล่อยเงินกู้ ศาสนาพุทธไม่มีแน่ๆ
    ปล่อยได้ คือ ปล่อยได้ ไม่ได้ คือไม่ได้ ได้บ้างไม่ได้บ้างพอฟังได้

    ศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งเหตุผล ที่ตริตรองตามได้
    ไม่ใช่สอนให้เชื่อตามๆกันว่า "มี" ในสิ่งที่"ไม่มีอยู่จริง"
    นั่นมันเป็นเรื่องโกหก-พกลม ไม่น่าเชื่อถือ เป็นเรื่องน่าอายมากๆ

    ยิ่งได้ชื่อว่าเป็นพุทธบุตรขานนาคเข้ามา
    เพื่อสืบต่อพระศาสนา ยิ่งน่าอายจนไม่รู้จะพูดยังไงดี

    มีที่ไหน เรียนมาแทบเป็นแทบตายกว่าจะจนหมอได้
    ยิ่งจะเป็น"ผู้เชี่ยวชาญ"เฉพาะด้าน ยิ่งนานเข้าไปใหญ๋

    แต่พอเหนื่อยยากลำบากผ่านมาได้ สอนให้เหลือแต่ความเป็นหมอไว้(มีอยู่จริง)
    ถ้าละทิ้ง "ผู้ที่ต้องเหนื่อยยากกำบาก"กว่าจะจบมาได้ออกไปเพราะ"ไม่มีอยู่จริง"
    เล่นสอนกันแบบนี้ศาสนา"พุทธ"จะเหลืออะไร

    แทนที่จะสอนว่า ผู้ที่หนื่อยยากลำบากผ่านมาได้นั้น "ดีมีประโยชน์"จริง(มีอยู่จริง)
    แต่อย่าไปยึดถือกับสิ่งที่ได้ทำสำเร็จมาแล้วว่า "นั่นเป็นเรา เป็นของเรา"แค่นั้น

    เจริญในธรรมทุกๆท่า่น
     
  9. MindSoul1

    MindSoul1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2012
    โพสต์:
    295
    ค่าพลัง:
    +496
    มาย อัญเชิญพุทธวจนมาให้พี่อย่างครบถ้วนแล้ว
    ที่เหลือเป็นเหตุปัจจัยของพี่เองทั้งนั้นค่ะ

    วันนี้คุณอุรุเวลาก็อัญเชิญคำสอนของหลวงตามหาบัวมาให้อีกค่ะ
    http://palungjit.org/posts/8150090
     
  10. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    งง !!!

    ไม่เคยเขียนหรือพูดไว้ที่ไหนเลยว่า "พระนิพพานคือจิตผู้รู้" หรือ "จิตผู้รู้คือพระนิพพาน"

    "จิตของเราสิ้นการปรุงแต่ง(วิสังขาร) บรรลุพระนิพพานเพราะสิ้นตัณหา"(พระบาลีจากพระพุทธพจน์)

    ถ้า"พระนิพพานคือจิตผู้รู้" ต้องสิ้นตัณหาจึงบรรลุไปเพื่ออะไร?

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  11. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    นี่แหละธรรมพระพุทธเจ้าที่ว่าเลิศเลอ เปรียบเทียบกับอะไรไม่ได้เลย เลยไปหมดแล้ว
    ถ้าว่าดีก็เลย อะไรก็เลย อย่าง นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง
    เราก็คาดเป็นสุขอย่างยิ่งอยู่นี้นะ

    แต่นิพพานแท้-ธรรมชาติแท้ไม่ใช่อันนี้ แน่ะก็อย่างนั้นแหละ
    อย่างที่ท่านว่านิพพานไม่ใช่ผู้รู้ ยังเหนือผู้รู้ขึ้นไปอีกไม่มีประมาณ
    นั่น ท่านพูดถูกต้อง นี่ผู้เจอแล้วพูด เจอธรรมชาตินั่นแล้วพูด
    หาที่ค้านกันไม่ได้ พอไปอ่านแล้วเอ้ออย่างนี้ซี
    เราก็ว่าอย่างนั้น อย่างนี้ซี มันอยู่ในจิตของเจ้าของเอง ไม่มีที่สงสัย
    ไม่ต้องหาใครมาเป็นพยาน จ้าขึ้นในนั้นแล้วรู้หมด
    ส่วนละเอียดส่วนไหนอะไรที่มาเกี่ยวข้องรู้กันไปหมด


    http://palungjit.org/threads/นิพพานไม่ใช่ผู้รู้.505657/

    ^
    ^
    อย่าด่วนสรุปอะไร อ่านของท่านพระอาจารย์หลายๆกัณฑ์เทศน์ก่อน

    ค่อยสรุปยังไม่สาย ไม่รู้ ไม่ถือว่า"ผิด" ถ้าไม่รู้จริง แล้วรีบสรุป ต้องถือว่า"ผิด"

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  12. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    หลวงปู่สิม พุทธาจาโร
    สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่


    ทานอันบริสุทธิ์ 6 ส.ค 32 - โอปนยิกธรรม

    ฯลฯ
    ได้มาด้วยความบริสุทธิ์มีอยู่ในตัวของเรา......
    เมื่อถึงพระนิพพานแล้วอย่างไร ตรงมันหมดความห่วงหน้าหวางหลัง.....
    ภาษาว่าแจ้งนิพพานก็หมดเรื่อง.....
    ถ้าเราไม่ภาวนาละกิเลสในใจของเราให้หมดสิ้น ความทุกข์ก็บังเกิดขึ้นในจิตในใจ.........
    ถ้าไม่ภาวนาจิตมันก็มืดก็ดำๆในจิตใจคือว่าไม่รู้แจ้งไม่เห็นจริง.......
    พระนิพพานอยู่ที่ไหน ก็อยู่ที่จิตใจไม่โกรธใคร
    ไม่โลภอยากได้ของใคร ไม่หลงไปตามกิเลสกาม วัตถุกาม
    เพราะว่าในโลกนี้มีเรื่องยุ่งยาก
    ....ฯลฯ

    *******
    อยากรู้ก็ไปฟังซักหลายรอบ
    แล้วลงมือภาวนาอย่างจริงจังด้วยจะได้หายสงสัย
    ว่าพระนิพพานอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลอยู่ที่...ของตน
    เจริญในธรรมทุกท่าน
     
  13. Workgroup

    Workgroup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    693
    ค่าพลัง:
    +1,947
    ผมฟัง จากพระพุทธพจน์ แค่ อานาปาณสติสูตร พระสูตรเดี่ยวครับ

    ที่เหลืออ่านจาก หลวงปู่มัน หลวงพ่อปาน หลวงพ่อสด หลวงพ่อฤาษีลิงดํา และ พระอาจารย์องค์อื่นๆครับ

    เหนือจากนั้น เอาธรรมะ ที่ อ่านมาลงมือเองครับ หยิบคำสอน ของหลวงพ่อทุกองค์ มา รวมกัน ตามจริตที่เราชอบสุดท้ายก็ได้ มาแบบนี้ครับ พิจารณา คำว่าตายหนอ แล้วดูลมไปด้วยครับสุดท้าย ตัวกิเลส ความกลัว ตาย มัน วิ่งหายไป ลมหายใจหายไป แต่ จิต มัน สว่าง จนกลางคืน กลางวันไม่มี ไม่มี จิตมันตื่นตลอด จิตมันไม่เกาะ ธาตุทั้ง สี่ ดิน น้ำ ลม ไฟ แล้วครับ มันสว่างตลอดเวลาครับ

    สาธุเจริญธรรม
     
  14. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    อนุโมทนาในความเพียรที่เกิดขึ้น

    แต่ยังไงก็อย่าลืมพระพุทธพจน์ที่ทรงสั่งสอนว่า

    เมื่อ "จิตอิสระไม่ยึดเกาะ" ให้ตรึกธรรมเฉพาะหน้าต่อไปเลย

    เจริญในธรรมสมควรแก่ธรรมทุกๆท่าน
     
  15. Workgroup

    Workgroup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    693
    ค่าพลัง:
    +1,947
    ให้ตรึกธรรมเฉพาะหน้าต่อไปเลย + เมตตา อุเบกขา ด้วยนะครับผม ถ้าไม่มีธรรม 2 ข้อนี้ จิต จะ แข็งกระด้าง เวลาไปคุย หรือ สอน ให้คน เข้าใจ ธรรมะ จะลำบากครับผม

    สาธุเจริญ ธรรม
     
  16. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    ดีครับ....
    พรหมวิหารรวมทั้งอุเบกขาธรรม
    นำมาใช้กับบุคคลที่มีสายบุญสายกรรมที่ไปกันได้
    ธรรมเหล่านั้น จะช่วยให้สำเร็จบรรลุผล

    แต่ข้อธรรมเหล่านี้ ไม่สามารถนำมาใช้ในเว็บบอร์ดต่างๆได้
    เพราะในนั้น ล้วนมีแต่การเสแสร้งแกล้งทำ
    พยายามสร้างภาพให้เห็นว่าเป็นอย่างนั้น

    โดยมากคนพวกนี้ที่เข้าเล่นนั้น ล้วนคิดว่าตนเอง(ไอ้แน่)เลิศแล้ว มีทิฐิที่ฝังแน่น
    ไม่ฟังใครง่ายๆหรอกครับ เชื่อเถอะเห็นมาเยอะแล้ว
    คนพวกนี้ ล้วนหาความซื่อสัตย์ต่อตนเองไม่ได้
    ขอให้ชนะ ตลบแตลงพลิกแพงยังไงก็ได้เพื่อชัยชนะเท่านั้นเอง

    เจริญในธรรมที่สมควรแก่ธรรมทุกๆท่าน
     

แชร์หน้านี้

Loading...