พบปะ พูดคุย ประสาเพื่อนพ้องน้องพี่ แบบกันเอง

บทความของท่านพันวฤทธิ์ 25/10/56
http://palungjit.org/threads/%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%8D%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%8D%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B9%8C%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A0%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B8%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%86%E0%B9%8C%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%98.102545/page-382#post8471088
-------------------------------------------
สืบหาพระเครื่องดีวันนี้ มาด้วยความอาลัยต่อการสิ้นพระชนม์ของท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งเรื่องนี้เมื่อสองวันที่แล้วได้คุยกับครูอาจารย์ไว้ว่า เจ็บคราวนี้เห็นท่าจะเป็นครั้งสุดท้ายของท่าน เพราะมีการติดเชื้อในกระแสพระโลหิต และระบบข้างในมีปฏิกริยาตอบสนองต่อการใช้ยาน้อยลงแล้ว น่าจะมีโอกาสสิ้นพระชนม์ได้ง่ายๆ คำถามต่อไป พี่ช่วยไหวมั้ยคราวนี้ รอให้ผ่านวิกฤตบางอย่างก่อนได้มั้ย คำตอบ คือไม่ได้ว่ะ สงสารท่าน ให้ท่านไปเหอะ ท่านน๊ะไม่มาอีกแล้ว เหลือแต่พวกเอ็งนั่นแหละ ให้เร่งภาวนากันเข้าไว้ก็แล้วกัน เมื่อคืนพอรู้ข่าวท่านสิ้นพระชนม์ เช้านี้ตื่นตีสี่ รีบนั่งสมาธิ แล้วขอบารมีจากท่าน บารมีจากร่างที่ยังทิ้งพลังงานไว้ให้บางคนที่รู้ อธิษฐานขอพรใ ห้เรามีความก้าวหน้าในชีวิตต่อไป (ครูอาจารย์ชั้น อนาคามีขึ้นไป เมื่อละสังขารไปแล้ว พลังงานของท่านที่สะสมไว้ ยังคงเหลืออยู่ให้พวกเราอธิษฐานขอพรได้ นานนับชั่วโมง แล้วแต่บารมีของแต่ละท่าน)

ทีนี้ไหนๆ ก็เขียนเรื่องถึงท่านแล้ว จำได้ว่า ได้เคยเห็นวัตถุมงคลชิ้นนึง ที่ทำในโอกาสฉลองพระชนม์มายุ 8 รอบ 96 พรรษาของท่าน ซึ่งเป็นวัตถุมงคลที่ถูกมองข้าม และไม่ค่อยมีใครสนใจ แต่ขอโทษ วัตถุมงคลชุดนี้แรงขาดใจ แบบจัดหนักได้เลย วัตถุมงคลชิ้นนี้ก็คือ “สายรัดข้อมือมหามงคล สมเด็จพระสังฆราช” นั่นเอง หน้าตาของวัตถุมงคลชุดนี้ ดูตามด้านล่างเอาเอง แล้ววัตถุมงคลชุดนี้ ใครทำใครเสก รู้แล้วจะร้องอู้ ก็ท่านเจ้าคุณธีฯ แห่งวัดชนะสงครามที่ละสังขารไปแล้วเช่นกัน ท่านเจ้าคุณธีฯ นี้ ครูอาจารย์บอกสำคัญนัก เพราะท่านสำเร็จกสิณธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ครบ เรื่องการเสกนั้นหวานหมูมาก การเสกของท่านคือเสก ด้วยธาตุไฟเพื่อตั้งธาตุก่อน แล้วตามด้วยดิน น้ำ ลม และตบท้ายด้วยธาตุไฟมาประกบอีกทีนึง บอกได้เลยว่า จับสายรัดข้อมือนี้แล้ว มันส์มากจริงๆ ไม่ทราบว่าตอนนี้ยังหาได้รึเปล่าก็ไม่รู้ แต่ถ้ามีแล้ว คาดได้เลยไม่ต้องอายใคร คาดไว้ ปรับธาตุในตัวได้ด้วย ดีกว่าวัตถุมงคลธรรมดา ที่ครูอาจารย์สำเร็จธาตุไม่ครบ แถมยังเสกไม่ครบธาตุซะด้วยซ้ำ ราคาตอนนั้น ผมทำบุญกับ รพ.จุฬาฯ ร้อยเดียวเอง ตอนนี้เท่าไรก็ไม่รู้ ใครมีแล้ว ใส่ตอนนี้ ไม่ตกเทรนด์น๊ะจะบอกให้


นอกจากกิจกรรมต่างๆที่จัดขึ้นเพื่องานฉลองเทิดพระเกียรติแด่เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ในวโรกาสพิเศษเช่นนี้ได้มาบรรจบกัน ทางสำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช จึงได้จัดทำโครงการ “สายรัดข้อมือมหามงคล สมเด็จพระสังฆราช” มีการออกแบบให้เป็น สายรัดข้อมือ ๓ สี ๓ เส้น สีเหลือง สีขาว สีฟ้า ซึ่งเป็นสีประจำตราสัญลักษณ์ประจำพระองค์ สมเด็จพระสังฆราช โดยสายรัดข้อมือได้ผ่านพิธีมังคลาภิเษก ณ พระอุโบสถ วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานคร ซึ่งถือได้ว่าเป็นสิริมงคลของชีวิต เพราะเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่จัดทำขึ้น




คุณลักษณะของสายรัดข้อมือมหามงคลสมเด็จพระสังฆราช

เป็นสายรัดข้อมือสามเส้น สามสี ร้อยเกี่ยวเข้าด้วยกัน มีเส้นสีเหลือง สีขาว และสีฟ้า ซึ่งสีทั้งสามสีนี้ เป็นสีประจำตราสัญลักษณ์ประจำพระองค์สมเด็จพระสังฆราช และสีแต่ละสีมีความหมายดังนี้


สายสีเหลือง (สีแทนพระพุทธศาสนา) สื่อถึงทรงเป็นพระเถระที่ทรงภูมิธรรมด้านการปฏิบัติธรรม

ด้านนอก จารึกภาษาบาลีว่า พุทธํ ธมฺมํ สงฺมํ สรณํ คฺจฉามิ อภิปูชยามิ เอเตน สจฺจ วชฺเชน โสตฺถิเม โหตุ สพฺพทา (ลายพระหัตถ์) และเป็นบทสวดซึ่งสมเด็จพระสังฆราชทรงสวดมนต์ทุกวัน

ด้านใน จารึกลายพระหัตถ์ มีตัวเลข ๒๒๐ ซึ่งเป็นตัวเลขมงคลมีความหมายถึงการครบรอบ การสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช ครบ ๒ ทศวรรษ ๒๐ ปี ในวันที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๒ นี้, มีตัวเลข ๘๙๖ ซึ่งเป็น ตัวเลขมหามงคล ซึ่งมีความหมายถึงวันประสูติ ในวันที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ นี้ ทรงเจริญพระชนมายุ ครบ ๘ รอบ ๙๖ พรรษา

สายสีขาว (สีแทนพระบริสุทธิคุณ) สื่อถึงทรงเป็นพระเถระที่ทรงเพียบพร้อมด้วย อัตตสมบัติ (คือมีศีลาจารวัตร)

ด้านนอก อัญเชิญตราสัญลักษณ์ประจำพระองค์สมเด็จพระสังฆราช และจารึกพระนาม สด.พระญาณสังวร (ลายพระหัตถ์)

ด้านใน จารึกพระราชทินนาม สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เป็นภาษาไทย และภาษาอังกฤษ

สายสีฟ้า (สีวันประสูติ) สื่อถึงทรงเป็นพระเถระที่ทรงภูมิธรรมด้านปริยัติ

ด้านนอก จารึกคติธรรมเป็นภาษาบาลี และภาษาไทย ว่า ปุญญเมว โสสิกฺ เขยฺย ควรศึกษาทำความดีแล และจารึกภาษาบาลีว่า อายุ วณฺโณ ๙ สุขํ พลํ (ลายพระหัตถ์)

ด้านใน จารึกคติธรรมปีใหม่ เว้นการควรเว้น ทำการควรทำ เพื่อพัฒนาตน และประเทศชาติ (ลายพระหัตถ์)

ขอให้หาสายรัดนี้ให้เจอน๊ะครับ

 

บน-พระสมเด็จพิมพ์เจดีย์เนื้อเหลืองที่อาจารย์คว้าจากอากาศ, กลาง-มณีนาคราชที่อาจารย์คว้าจากอากาศ, ซ้ายและขวา-พระแก้วมณีโชติเสด็จมาหลังจากนั่งภาวนาและอธิษฐานขอจากเทพยดา, พระพิมพ์สมเด็จเนื้อทองคำเสด็จทางอากาศ

 

พระพิมพ์นาดูนเนื้อพญาเหล็ก (เหล็กไหล) สีเจ้าน้ำเงินจนเกือบดำ เสด็จมาหลังจากนั่งภาวนาและอธิษฐานขอจากเทพยดา

 

พระแก้วมณีโชติที่หลวงปู่มอบให้ไว้เป็นพิเศษ, มณีนาคราชที่อาจารย์คว้าจากอากาศเหนือศีรษะของผม และหลอดบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่เสด็จมาที่บ้าน

 

พระนาคปรกเนื้อพญาเหล็ก (เหล็กไหล) สีเจ้าน้ำเงินเสด็จมาหลังจากนั่งภาวนาและอธิษฐานขอจากเทพยดา, มณีนาคราชสีเขียวตองอ่อน (สีเลือดพญานาคตามที่อาจารย์บอก)

 

คดดักแด้ที่หลวงปู่ฯ มอบให้ มาแบบอจินไตยคือมาวางเรียงไว้ตรงหัวนอนขณะที่ผมไปปฏิบัติธรรมที่วัด

 

มณีนาคราชและเพชรพญานาคที่เสด็จมาแบบอจินไตยทั้งหมด บางองค์ก็เสด็จมาที่ฝ่ามือขณะนั่งภาวนา

 

พระแก้วมณีโชติที่เสด็จมาหลังจากภาวนาและอธิษฐานขอจากเทพยดา

 

พระพิมพ์หลวงปู่เทพโลกอุดรเนื้อพญาเหล็ก (เหล็กไหล) ที่เสด็จมาหลังจากภาวนาและอธิษฐานขอจากเทพยดา

 

ศิลปเดียวกัน



สังเกตจากตำแหน่งพระมงกุฎ สร้อยสังวาล กำไลข้อพระกร กำไลข้อพระบาท พระพาหุรัด การวางพระหัตถ์ อยู่ในตำแหน่งเดียวกันเลยครับ
พระพุทธมหาธรรมราชา เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ สมัยลพบุรี หล่อด้วยทองสำริด หน้าตักกว้าง 13 นิ้ว สูง 18 นิ้ว ประดิษฐานที่วัดไตรภูมิ จังหวัดเพชรบูรณ์ สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 กษัตริย์แห่งนครธม เมื่อพระเจ้าชัยวรมันที่ 7ทรงอภิเษกสมรสกับพระนางสิงขรมหาเทวี พระธิดาของพ่อขุนผาเมือง เจ้าเมืองราด (ปัจจุบันคือ อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์)
http://palungjit.org/threads/ตามหาลูกหลานพญานาคที่มาเกิด.471435/page-47#post8487348

 

นักวิทยาศาสตร์และวิศวกร

ไอน์สไตน์เคยกล่าวไว้ในทำนองที่ว่า "วิทยาศาสตร์ที่ไร้ศาสนาคือความมืดบอด และศาสนาที่ไร้วิทยาศาสตร์คือความงมงาย" นักวิทยาศาสตร์และวิศวกรลองฟังดูนะครับ ดีมากๆ เลย ท่านอธิบายวิทยาศาสตร์และศาสนาเข้าด้วยกันครับ
[ame=http://www.youtube.com/watch?v=d3oCQyTFCRY]ดร.วรภัทร์ สอนเรื่อง ขันธ์ 5 (1) - YouTube[/ame]

 

ดร.วรภัทร์เป็นใคร

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=kJvoOVFmM4s]ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ เจาะใจ.mp4 - YouTube[/ame]

 

เห็นภาพของพระพุทธมหาธรรมราชาแล้ว ลองเปรียบเทียบหน่อยครับ ได้มาจากที่ท่าตูม สุรินทร์

 

เยี่ยมครับผม

 

บางท่านว่าเป็นพระเจ้าชัยวรมันที่ 7

 

ช่อง 3 รับบริจาคเงินช่วยผู้ประสบภัยที่ฟิลิปปินส์ครับ ผมได้ร่วมบริจาคไปแล้ว ขอเชิญร่วมบุญใหญ่นี้ด้วยนะครับ บริจาคได้ที่ บัญชี 014-300-7227 ชื่อ น้ำใจไทยช่วยผู้ประสบภัยพายุไห่เยี่ยนครับ ผู้คนอดอยากหิวโหยกันมาก ช่วยกันนะครับ

หากไม่ชัวร์เรื่องบัญชีก็ลองโทรหรือดูเรื่องเล่าเช้านี้จากเน็ตก็ได้ครับ ทางรายการขึ้นหมายเลขบัญชีไว้ที่หน้าจอครับ
http://palungjit.org/threads/%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%94.471435/page-47#post8533967
ครูบาอาจารย์หลายท่านได้กล่าวไว้ในทำนองที่ว่า "การสร้างบุญที่ "ถูกที่, ถูกกาล และถูกบุคคล" ย่อมมีอานิสงส์อันประมาณมิได้

ณ โอกาสนี้ การสร้างบุญใหญ่เพื่อช่วยเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเป็นสิ่งที่สมควรทำอย่างยิ่งครับ แค่ 10 หรือ 20 บาท จะได้สลัดยางเหนียวแห่งความตระหนี่ออกไปจากจิต

อานิสงส์ที่ได้แน่ๆ ก็คือเมื่อท่านต้องตกอยู่ในสภาวะที่ต้องการความช่วยเหลือจากผู้อื่นแล้ว ท่านก็จะได้รับการช่วยเหลือจากผู้ื่อื่นๆ โดยทันทีทันใจ มิต้องลำบากหรือต้องรอคอยเป็นเวลานานๆ

ขอโมทนาบุญกับทุกท่านที่ได้บริจาคเงินหรือสิ่งของในครั้งนี้ด้วยนะครับ

 

เพื่อนธรรมรุ่นน้องท่านหนึ่งเป็นสตรี ปฏิบัติภาวนาจะถึงระดับที่มีพระบรมสารีริกธาตุ พระบรมธาตุ พระธาตุ และพระหลวงปู่เทพโลกอุดรพิมพ์อธิษฐานฤทธิ์เสด็จมาเองในโถพระธาตุที่บ้านของเธอตามที่ผมได้ขอให้เธอได้ช่วยอัญเชิญให้ครับ

 

น่านับถือเป็นอย่างมาก สิ่งที่เหลือเชื่อ เกินกว่าคำบรรยายใดๆ ถ้าไม่ปฏิบัติก็เข้าไม่ถึง สาธุ ขออนุโมทนา ครับผม

 

นับเป็นเรื่องอจินไตยจริงๆ ครับพี่เสือ ถ้าไม่เห็นกับตา ไม่เคยปฏิบัติจนถึงแล้ว ก็ไม่มีวันเข้าใจหรอกครับ

ผมเอง...อย่างเก่งก็เพียงพระบรมสารีริกธาตุเสด็จบ้างนานๆ ครั้ง แต่น้องท่านนี้ พระบรมสารีริกธาตุ พระบรมธาตุ พระธาตุเสด็จแทบทุกว้ัน บางที่ขับรถอยู่ก็มีพระธาตุเสด็จผ่านกระจกหน้ารถดังเพี๊ยะ..มาสถิตอยู่บนคอนโซลหน้า บางครั้งก็มีพระพิมพ์ พระรูปหล่อลอยองค์ของพระอริยเจ้าเสด็จมาในโถพระธาตุตามภาพอยู่เนืองๆ ครับ

ผมวาสนาดีที่ได้รู้จักท่านเหล่านี้ (เป็นฆราวาสทั้งหมด) จำนวน 4 ท่านครับ และที่เล่ามานี้ไม่ได้ต้องการโปรโมตหรือเชียร์ใคร เพราะเจ้าตัวท่านก็ไม่ประสงค์ที่จะแสดงตัว แต่ผมนำมาเล่าสู่กันฟังก็เพียงให้ทราบว่า เรื่องอจินไตยในยุคดิจิตอลนั้นก็ยังมีอยู่ครับ และดูเหมือนจะมากขึ้นเรื่อยๆ โดยคนจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนค่อนข้างชัดเจนแล้วครับ

 

ผมเคยนำพระธาตุของหลวงปู่มั่นที่อาจารย์ฆราวาสของผมท่านหนึ่งได้อัญเิชิญให้และมอบให้ผมไว้บูชา โดยผมได้แบ่งไปถวายพระคุณเจ้าที่เป็นพระอาจารย์ผมองค์หนึ่งที่วัดในกทม. ซึ่งผมได้ซื้อตู้และผอบใส่พระธาตุถวายท่านอย่างเรียบร้อย และท่านได้นำไปบูชาที่หิ้งพระในกุฏิของท่าน

เมื่อวันพุธที่ 20 พ.ย. ท่านได้โทรหาผมเล่าให้ฟังว่า เมื่อวันทีี่ 17 พ.ย. วันพระขึ้น 15 ค่ำ (วันลอยกระทง) ประมาณสองนาฬิกาหลังจากท่านสวดมนต์และปฏิบัติภาวนาเสร็จแล้ว ท่านเห็นแสงสีทองพุ่งปราดเข้ามาในกุฏิ แต่ท่านก็ไม่ได้เปิดไฟกุฏิดูว่ามีเกิดอะไรขึ้น พอรุ่งเช้าท่านก็พบเหล็กไหล 1 องค์เสด็จมาอยู่ในตู้พระธาตุหลวงปู่มั่น (แต่ไม่ได้เข้าไปในผอบพระธาตุ) ขนาดหัวไม้ขีดไฟ แล้วบอกผมว่าถ้าว่างก็ให้มารับไปบูชา แต่เนื่องจากผมติดภาระกิจอยู่ต่างจังหวัดกว่าจะกลับก็วันที่ 27 พ.ย. ผมจึงเรียนให้ท่านทราบว่าผมจะไปพบท่านหลังวันที่ 27 พ.ย.

บ่ายสองโมงวันที่ 28 พ.ย. ผมก็ไปพบท่าน ท่านได้หยิบโถแก้วเล็กๆ ที่ใส่น้ำผึ้งแช่เหล็กไหลนั้นไว้ ท่านบอกผมว่า ดูสิ..เมื่อตอนมาใหม่ๆ ขนาดเท่าหัวไม้ขีดไฟตอนนี้ขนาดประมาณเมล็ดถั่วลิสงไปแล้ว (ตามภาพ...ผมพยายามถ่ายหลายภาพ แต่ถ่ายยังไงก็ไม่ชัดสักทีทั้งๆ ที่ขออนุญาตท่านแล้ว)

พระอาจารย์บอกว่า เหล็กไหลนี้เสด็จมาเพื่อรักษาพระบรมสารีริกธาตุ ให้ขึ้นบูชาไว้ที่หิ้งพระบรมสารีริกธาตุที่บ้านผม ไม่ต้องนำติดกาย ผมจึงนำใส่ผอบวางบนสำลีที่ชุบน้ำผึ้งไว้ และนำไปวางบูชาไว้ตรงหิ้งพระบรมสารีริกธาตุ (พระทันตธาตุ) และพระบรมสารีริกธาตุสมเด็จองค์ปฐมครับ

ผมก้มลงกราบท่านและซึ้งในความเมตตาที่ท่านให้ผมเสมอมามิได้ขาด
นับเป็นเรื่องอจินไตยที่ผมอยากเล่าสู่กันฟังครับ