อัลบั้มพระ ประวัติ และวัตถุมงคล

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย ปู ท่าพระ, 26 ธันวาคม 2013.

  1. tanman

    tanman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +17,392



    555 นี่อยู่ใน กลุ่มเพื่อน เดวิด มอยส์ รึเปล่าครับคุณเอ็ม
     
  2. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,958
    ค่าพลัง:
    +53,093

    ผมเด็กหงส์เต็มตัว แต่เมื่อคืนแอบเชียร์นิดๆ นะครับ


    [​IMG]
     
  3. ชนะ_มาร

    ชนะ_มาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +345
    อยากให้หมอยส์อยู่แมนยูไปตราบนานเท่านานครับพี่ตั้นนนนน ^_^

    มีความสุขสุดขีดดดดดดดดดด 55



    [​IMG]
     
  4. oatlovetong

    oatlovetong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    472
    ค่าพลัง:
    +17,292
    อยากให้มอยส์คุมแมนยูไปอีกนานครับพี่ตั้น ^^
     
  5. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,958
    ค่าพลัง:
    +53,093
    ดูผ่านๆ ตอนแรก นึกว่าไม่ดี แต่เอาไปให้เซียนบนพันทิพย์ดูบอก เข้าท่า ขอๆ เอ๊ะ ชักยังงัยครับนิ

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]
     
  6. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,958
    ค่าพลัง:
    +53,093

    อุดมการณ์แน่วแน่แบบนี้ คบกันได้อีกนานครับ :cool::cool::cool:
     
  7. ชนะ_มาร

    ชนะ_มาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +345
    ขวัญใจตลอดกาลลลลลลครับพี่ตั้นนน ^_^

    [​IMG]
     
  8. tanman

    tanman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +17,392







    5555 นี่ดูแล้วแต่ละท่านเนี่ยะ....ท่าทาง...จะเก็บกด...กะ...ผีแดง ทั้งนั้นเลยน๊ะครับ



    ปล.คุณนอร์เขียนชื่อ เดวิด มอยส์ อย่างนั้น เห็นแว๊บแรก นึกว่า " หมอ...อ้อย " ซะอีกครับ ^^
     
  9. ชนะ_มาร

    ชนะ_มาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +345
    ณ จุดนี้ ทุ่มสุดตัว...เพื่อเอาชนะฝ่ายตรงข้ามให้ได้ !!!!!!

    มันก็แค่เกม90นาที.. อะไรจะขนาดน้านนนน แฮดิสัน ^_^

    ไปเจอภาพนี้ในเฟสมา..ดูแล้วขำๆครับพี่ตั้น ^^

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กุมภาพันธ์ 2014
  10. ชนะ_มาร

    ชนะ_มาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +345
    555555 ภาษามันแสลงน่ะครับ..อยู่ที่การตีความว่าใครจะอ่านออกมาอย่างไร..(ดีนะที่ไม่ได้เติมไม้จัตวา 555 ^^


    ส่วนกีฬานั้นก็มีแพ้มีชนะครับ ไม่มีใครชนะตลอดไป และไม่มีใครแพ้เสมอไป....สปิริตน้ำใจนักกีฬาของนักเตะคือสิ่งที่นายกย่องอย่างยิ่งบนสนามการรบบนหญ้าเขียวๆนี้มากกว่าครับ ^_^





    [​IMG]



    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กุมภาพันธ์ 2014
  11. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,958
    ค่าพลัง:
    +53,093
    [​IMG] [​IMG]
     
  12. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,958
    ค่าพลัง:
    +53,093
    [​IMG] [​IMG]

    เหรียญสามเหลี่ยมเสือคู่ พระครูอาคมวิสุทธิ์ หลวงพ่อคง สุวัณโณ วัดวังสรรพรส ต.บ่อ อ.ขลุง จ.จันทบุรี สร้างปี 2524

    หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส นั้นท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ร่วมสมัย หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ เลยทีเดียว ท่านอาจจะอายุน้อยกว่าแต่เรื่องอาคมนั้นท่านไม่เป็นรองใครเลยทีเดียว ท่านได้รับไปร่วมพิธีพุทธาภิเษก ในพิธีใหญ่ๆ พร้อมๆกับเกจิร่วมสมัยอยู่หลายครั้ง พระเครื่องของท่านนั้น เด่นทั้งด้านเมตตามหานิยม และ คงกระพันชาตรี พระ ครูอาคมวิสุทธิ์ (หลวงพ่อคง สุวณฺโณ) วัดวังสรรพรส ต.บ่อ อ.ขลุง จ.จันทบุรี เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดรูปหนึ่งของภาคตะวันออก ร่วมสมัยเดียวกับ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี หลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า หลวงพ่อศรีนวล วัดเกวียนหัก หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ และ หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค เป็นต้นครับ

    วัตถุมงคลของหลวงพ่อคงแต่ละรุ่นล้วนมีประสบการณ์มากมายในทุกด้าน มีลูกศิษย์ลูกหาทั่วประเทศ นับตั้งแต่สามัญชนจนถึงพระบรมวงศานุวงศ์ อาทิ พลตรีพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมพลฑิฆัมพร พลเรือเอกสงัด ชลออยู่ พล.ต.ต.ม.ร.ว.พงศ์สระ เทวกุล ฯลฯ
    ประวัติหลวงพ่อคง สุวัณโณ (พระครูอาคมวิสุทธิ์)

    นามเดิมของหลวงพ่อคือ คง ฑีฆายุ โยมบิดาชื่อ ส้อง โยมมารดาชื่อ โอง ท่านเกิดเมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๔๔๕ ตรงกับวันเสาร์ ปีขาล ณ บ้านตาพราย ต.สะตอ อ.เขาสมิง จ.ตราด อุปสมบทครั้งแรก พ.ศ.๒๔๖๖ อายุได้ ๒๑ ปี อุปสมบทครั้งที่ ๒ เมื่อวันอังคารที่ ๕ มีนาคม พ.ศ.๒๔๗๗ ขณะอายุได้ ๓๒ ปี ณ วัดชมพูราย จ.ตราด โดยมี พระอธิการผูก วัดสลัก เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า "สุวณฺโณ"

    ท่าน ได้ศึกษาธรรมะและวิชาคาถาอาคมขลัง อักขระเลขยันต์จากโยมตาชื่อ หลวงคีรีเขตุ ซึ่งเป็นผู้มีวิชาทางคงกระพันเป็นเลิศ ตลอดจนพระคณาจารย์ที่มีชื่อเสียงอีกหลายท่าน อาทิ หลวงพ่อเม วัดมาบไผ่ ต.มาบไพ อ.ขลุง จ.จันทบุรี (หลวงพ่อเม ท่านมีวิชาขนาดเหาะเหินเดินอากาศได้ครับ), หลวงพ่ออ่ำ วัดสะตอน้อย ต.ตกพรม อ.ขลุง จ.จันทบุรี ,หลวงพ่ออุก หลวงพ่อเจาะ วัดโป่งโรงเซ็น ต.โป่งโรงเซ็น อ.มะขาม จ.จันทบุรี ,หลวงปู่วง (ปู่ของท่าน) ,หลวงพ่อหริ่ง ,ครูเต๋า ,และครูตาสด ฯลฯ

    หลวงพ่อคงได้ออกเดินธุดงค์ไปทั่วประเทศ ตลอดจนข้ามไปทางฝั่งประเทศพม่า กัมพูชา เพื่อฝึกฝนวิชาที่ท่านได้ร่ำเรียนมา โดยเฉพาะวิชา เสือสมิง ท่านมีความเชี่ยวชาญชำนาญเป็นพิเศษ ดังจะเห็นได้ว่า วัตถุมงคลของท่านแทบทุกรุ่น จะต้องมีรูปเสือสมิง ปรากฏอยู่ด้วย

    หลังจากที่ได้เดินธุดงค์จนเป็นที่พอใจแล้ว ท่านได้กลับมาอยู่ที่วัดวังสรรพรส และได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดวังสรรพรสตั้งแต่พ.ศ.๒๔๙๒ เป็นต้นมา

    หลวงพ่อคง นับเป็นพระเกจิอาจารย์ระดับแนวหน้าท่านหนึ่งที่มักจะได้รับนิมนต์ให้ไปร่วม นั่งปรกปลุกเสกวัตถุมงคลในพิธีพุทธาภิเษกตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศตลอดเวลา ไม่ว่าจะวัดใกล้วัดไกลแค่ไหนก็ตาม นอกจากนี้ในส่วนตัวของท่านเองก็ได้สร้างวัตถุมงคลออกมาหลายรุ่น เอกลักษณ์อย่างหนึ่งของวัตถุมงคลของท่านคือ จะมีรูปเสือสมิงอยู่ด้านหลัง หรือไม่ก็เป็น รูปพระปิดตา ซึ่งเป็นฝีมือการเขียนโดยตัวท่านเอง

    วัตถุมงคลของหลวงพ่อคงทุกรุ่นล้วนมีพุทธคุณเป็นเลิศในทุกๆ ด้าน เป็นที่เลื่องลือกันอย่างกว้างไกล นอกจากนี้ท่านยังมีความเชี่ยวชาญด้านรักษาโรคด้วยสมุนไพรอีกด้วย จนเป็นที่พึ่งพาอาศัยของชาวบ้านตลอดมา
    การสร้างวัตถุมงคล

    หลวงพ่อคง สุวัณโณ อดีตเจ้าอาวาส วัดวังสรรพรส นับว่าท่านเป็นพระเกจิคณาจารย์รูปหนึ่ง เราจะสังเกตุเห็นเด่นชัดว่างานมหาพุทธาภิเษกวัตถุมงคลทุกครั้งไม่ว่าภาคไหน ก็จะมีรายชื่อของท่านติดอยู่ในทำเนียบงานนั้นด้วยท่านผู้อ่านคงจำได้เมื่อ คราวปลุกเสกครั้งยิ่งใหญ่ที่ท้องสนามหลวงเมื่อปีพ.ศ. 2500 หลวงพ่อคงท่านก็มาในพิธีครั้งนั้นด้วย หลวงพ่อคงเริ่มเป็นที่รู้จักของประชาชนทั้งไกลและใกล้เมื่อสงครามโลกครั้ง ที่2 ท่านได้เริ่มทำธง เสื้อยันต์ ตะกรุด และปลัดแจกเรื่อยมา

    นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2500 อันเป็นปีกึ่งพุทธกาล เพื่อสมนาคุณแก่ผู้ที่มีส่วนร่วมสร้างพระอุโบสถ ดังนั้นในปีนั้นท่านจึงได้จัดทำเหรียญรูปเหมือนของท่านเป็นครั้งแรก ท่านได้นำเหรียญของท่านมาเข้าพิธีที่ท้องสนามหลวงด้วย ภายหลังท่านก็นำเหรียญของท่านปลุกเสกในวาระอื่นๆด้วย เช่นงานทอดกฐิน งานทอดผ้าป่า และงานวันเกิดของหลวงพ่อ จำนวนสร้างทั้งหมด 15,000 เหรียญ ผิวเหรียญสีขาวเนื้ออัลปาก้าทั้งหมด เหรียญรุ่นนี้เคยมีอภินิหารเป็นที่เลื่องลือกันมาก

    วัตถุมงคลหลวงพ่อมีประสบการณ์มากมาย โดยเฉพาะด้านคงกระพันชาตรี เมตตามหานิยม ค้าขายดี แคล้วคลาดปลอดภัย เป็นที่เลื่องลือไปทั่ว จนกระทั่งบัดนี้ก็ยังกล่าวถึงตลอด หลวงพ่อคงมีจริยาวัตรงดงามมาก บุคคลต่างๆรวมทั้งลูกศิษย์ลูกหาจากทั่วประเทศเดินทางมากราบไหว้ท่าน ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า หลวงพ่อคงใจดี มีเมตตา ช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนมาโดยตลอด ไม่ลำเอียง ใครเจ็บป่วยมาหาท่าน ท่านจะเมตตาช่วยเหลือตลอดทุกคนเสมอไป หลวงพ่อคงมีแต่ให้กับให้ ใครมาขออะไรก็ให้ทั้งนั้น แม้กระทั่งเงินและวัตถุมงคล ตลอดระยะเวลาในการอุปสมบทของท่าน ท่านได้ปฏิบัติตามกฏของสงฆ์อย่างเคร่งครัดมีการครองผ้าสวดมนต์ ทำวัตรเช้า เย็น ตลอดมามิได้ขาด จนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระครูอาคมวิสุทธิ์ ซึ่งแปลว่า พระผู้ซึ่งมีอาคมขลังเป็นที่สุด

    หลวงพ่อคงได้อนุญาตให้ลูกศิษย์ สร้างวัตถุมงคลทั้งที่เป็นประเภท เหรียญ รูปหล่อ และพระเนื้อผง มากมายหลายสิบรุ่น ส่วนวัตถุมงคลประเภทเครื่องราง อาทิ ผ้ายันต์ ตะกรุด รวมทั้งปลัดขิก และเขี้ยวเสือต่างๆ หลวงพ่อคงได้สร้างเองก็มีหลายแบบ ล้วนแล้วต่างมีประสบการณ์มากมายและส่วนมากวัตถุมงคลของท่านจะทำการปลุกเสก เดี่ยวจนครบไตรมาส จึงจะเอามาออกแจกใครได้รับต่างก็หวงแหน

    ปลายชีวิตหลวงพ่อคง

    ในช่วงท้ายของชีวิตหลวงพ่อคงได้อาพาธเป็นไข้หวัดใหญ่ และปอดบวม มีโรคแทรกซ้อน เมื่อวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2532 ลูกศิษย์ได้ส่งหลวงพ่อคงไปรักษาที่ รพ.ตากสิน จันทบุรี จนพอทุเลา ท่านก็ขอกลับมาที่วัดวังสรรพรส และต่อมาอีกไม่กี่วัน ท่านก็ได้จากพวกเราไปอย่างสงบ ณ วัดวังสรรพรส ในวันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2532 เวลา 10.15 น.รวมสิริอายุได้ 87ปี พรรษาที่ 55 ก่อนที่จะท่านมรณะภาพ หลวงพ่อคง สุวณฺโณได้ปรารถ กับศิษยานุศิษย์ว่า ให้เก็บร่างท่านไว้ มิฉนั้นต่อไปจะไม่มีคนมาวัด



    หลังจากทีท่านมรณภาพไปแล้ว เล็บมือ เล็บเท้า เส้นเกศาของท่านจะยาวออกมาตลอดครับ

    ข้อมูลอ้างอิงจาก : p.moohin.com
     
  13. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,958
    ค่าพลัง:
    +53,093
    ณ ดินแดนถิ่นล้านนา ทางภาคเหนือของประเทศไทย พระอริยะสงฆ์ที่พวกเราทุกคนรู้จักชื่อเสียงคุณงามความดีของท่าน ก็คือ ครูบาศรีวิชัย อริยะสงฆ์องค์แรกของภาคเหนือท่านเปรียบเสมือนประทีปดวงใหญ่ที่ส่องประกายธรรมไปทั่วทุกสารทิศ ขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านได้ประกอบคุณงามความดีไว้กับแผ่นดินนี้มากมาย ท่านจึงถูกจัดให้เป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ของชาวเหนือ ประวัติและเรื่องราวต่าง ๆ ของท่าน จึงถูกบันทึกเพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้รับรู้ถึงในยุคปัจจุบัน
    ประวัติบางตอนของครูบาศรีวิชัยตอนหนึ่งกล่าวว่าท่านครูบาศรีวิชัยได้พยากรณ์ไว้ว่าจะมีตนบุญมาเกิดที่ลำปาง ครั้นต่อมาครูบาศรีวิชัยได้มรณภาพไปโดยทิ้งคำพยากรณ์นี้ไว้ให้ชาวลำปางได้เฝ้ารอคอยการมาจุติของตนบุญ ที่ครูบาศรีวิชัยได้พยากรณ์ไว้ จนเวลาล่วงเลยไปหลายสิบปี ก็ยังไม่ปรากฏ แต่ชาวลำปางก็ยังเชื่อในคำพยากรณ์ของครูบาศรีวิชัย
    เมื่อปี พ.ศ.2455 ได้มีครอบครัวเชื้อเจ้าผู้ครองนครลำปางหรือเขลางค์นครในอดีตหัวหน้าครอบครัวคือ เจ้าหนูน้อย ณ ลำปาง ภายหลังเปลี่ยนนามสกุลใหม่เป็น มณีอรุณ รับราชการเป็นปลัดอำเภอภรรยาชื่อเจ้าแม่บัวจ้อน ณ ลำปาง ทั้งสองเป็นหลานของเจ้าพ่อบุญวาทย์ วงศ์มานิตย์ เจ้าผู้ครองนครลำปางองค์สุดท้าย
    ครอบครัวนี้ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่บ้านท่าเก๊าม่วง ริมแม่น้ำวัง อ.เมือง จ.ลำปาง อยู่กินกันมาอย่างมีความสุขในที่สุดเจ้าแม่บัวจ้อนได้ตั้งครรภ์และพอถึงกำหนดคลอดตรงกับวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ.2455 ตรงกับวันพุทธ เดือนยี่ (เหนือ) ปีชวด ร.ศ.131 ค.ศ.1912 เจ้าแม่บัวจ้อนให้กำเนิดทารกเพศชาย เป็นลูกคนแรกของครอบครัว
    ขณะนั้นไม่มีใครทราบกันเลย ตนบุญ ที่ครูบาศรีวิชัยได้พยากรณ์ไว้นั้นได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว
    บิดามารดาก็ได้ตั้งชื่อทารกนั้น เกษม ณ ลำปาง เพราะเด็กชายเกษม ณ ลำปาง ได้เกิดมาในเชื้อสายของเจ้าทางเหนือ จึงได้รับการยกย่องของคนทั่วไป ทุกคนต่างเรียกกันว่า เจ้าเกษม ณ ลำปาง หลังจากที่ได้คลอดบุตรมาได้ไม่กี่ปี เจ้าแม่บัวจ้อนได้ให้กำเนิดทารกอีกคน แต่เป็นเพศหญิง ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้องของ เจ้าเกษม สืบสายเลือด แต่ทว่าเจ้าแม่น้อยคนนี้วาสนาน้อย ได้เสียชีวิตตั้งแต่ยังเด็ก จึงไม่มีโอกาสได้รู้ว่าพี่ชายของเธอคือ ตนบุญ ที่ชาวลำปางรอคอยเป็นสิบ ๆ ปี
    เมื่อวัยเด็ก เจ้าเกษม ณ ลำปาง เป็นคนมีลักษณะค่อนข้างเล็กบอบบาง ผิวขาวแต่ดูเข้มแข็ง คล่องแคล่ว และมีสติปัญญาเฉลียวฉลาด เป็นเด็กที่ชอบซน คืออยากรู้อยากเห็น เมื่อถึงวัยเรียน เจ้าเกษม ณ ลำปาง ได้รับการศึกษาระดับประถมที่โรงเรียนบุญทวงศ์อนุกูล ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำ อ.เมือง จ.ลำปาง สมัยนั้นเปิดเรียนชั้นสูงสุดแค่ชั้นประถมปีที่ 5 เท่านั้น เจ้าเกษม ณ ลำปาง ได้ศึกษาจนจบชั้นสูงของโรงเรียน คือชั้นประถมปีที่ 5 ใน พ.ศ.2466 ขณะนั้นอายุ 11 ปี
    เมื่อออกจากโรงเรียนก็ไม่ได้เรียน อยู่บ้าน 2 ปี ใน พ.ศ.2468 อายุขณะนั้นได้ 13 ปี เจ้าเกษม ณ ลำปาง ก็ได้มีโอกาสเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ โดยบรรพชาเป็นสามเณร เนื่องในโอกาสบรรพชาหน้าศพ (บวชหน้าไฟ) ของเจ้าอาวาสวัดป่าดั๊ว ครั้นบวชได้เพียง 7 วันก็ลาสิกขาออกไป ต่อมาอีก 2 ปี ราว พ.ศ.2470 ขณะนั้นมีอายุ 15 ปี เจ้าเกษม ณ ลำปาง ก็ได้มีโอกาสเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์อีกครั้งหนึ่ง โดยบรรพชาเป็นสามเณรอยู่ที่วัดบุญยืน จ.ลำปาง เมื่อบรรพชาแล้วสามเณรเจ้าเกษม ณ ลำปาง ก็ได้จำพรรษาศึกษาพระธรรมวินัยที่วัดบุญยืนนั่นเอง สามเณรเจ้าเกษม ณ ลำปาง เป็นคนที่ทำอะไรจริงจัง เรียนทางด้านปริยัติศึกษาธรรมะจนถึง ปี พ.ศ.2474
    สามเณรเจ้าเกษม ก็สามารถสอบนักธรรมชั้นโทได้ ครั้นมีอายุได้ 21 ปี อายุครบที่จะอุปสมบทเป็นพระภิกษุได้แล้ว จึงได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุในปี พ.ศ.2475 ณ พัทธสีมา วัดบุญยืน โดยมีพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระธรรมจินดานายก (ฝ่าย) เจ้าอากาสวัดบุญวาทย์วิหาร ซึ่งดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอในขณะนั้นเป็นพระอุปัชฌาย์ พระคุณเจ้าท่านพระครูอุตตร วงศ์ธาดา หรือที่ชาวบ้านเหนือรู้จักกันในนาม ครูบาปัญญาลิ้นทอง เจ้าอาวาสวัดหมื่นเทศ และดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอเมือง จังหวัดลำปางในขณะนั้น เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และยังพระเดชพระคุณท่านพระธรรมจินดานายก(อุ่นเรือน) เจ้าอาวาสวัดป่าดั๊วเป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า เขมโก แปลว่า ผู้มีธรรมอันเกษม
    หลังจากได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้ว พระภิกษุเกษม เขมโกก็ได้ศึกษาทางด้านภาษาบาลี ซึ่งเป็นการศึกษาปริยัติอีกแขนงหนึ่ง ที่สำนักวัดศรีล้อม สมัยนั้นก็มีอาจารย์หลายรูป เช่น มหาตาคำ พระมหามงคลเป็นครูผู้สอน และยังได้ไปศึกษาที่สำนักวัดบุญวาทย์วิหาร ซึ่งมีพระมหามั่ว พรหมวงศ์ และพระมหาโกวิทย์ โกวิทญาโน เป็นครูสอน ในเวลาเดียวกันนั้น พระภิกษุเจ้าเกษม เขมโก ก็ได้ไปศึกษาทางด้านปริยัติในแผนกนักธรรมต่อที่สำนักวัดเชียงราย ครูผู้สอนคือ พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระเทพวิสุทธิโสภณ เจ้าคณะจังหวัดลำปางสมัยนั้น ปรากฎว่าพระภิกษุเจ้าเกษม เขมโก ก็สามารถสอบนักธรรมชั้นเอกได้ในปี พ.ศ.2479
    ส่วนทางด้านการศึกษาบาลีนั้น ท่านเรียนรู้จนสามารถเขียนและแปลได้เป็น (มคธ) เป็นอย่างดี แต่ก็ไม่ยอมสอบเอาวุฒิ จนครูบาอาจารย์ทุกองค์ต่างเข้าใจว่า พระภิกษุเกษม เขมโก ไม่ต้องการมีสมณศักดิ์สูง ๆ เรียนเพื่อจะนำเอาวิชาความรู้มาใช้ในการศึกษาค้นคว้าพระธรรมคำสอนของพระบรมศาสดาเท่านั้น
    เมื่อสำเร็จทางด้านปริยัติพอควรแล้ว สามารถนำไปปฏิบัติได้โดยไม่หลงทาง ท่านจึงหันมาปฏิบัติต่อไปจนแตกฉาน แค่นั้นยังไม่พอ พระภิกษุเกษม เขมโก ได้เสาะแสวงหาครูบาอาจารย์ที่มีความรู้และมีความเชี่ยวชาญในด้านนี้ จนกระทั่งได้ทราบข่าวภิกษุรูปหนึ่งมีชื่อเสียงในด้านวิปัสสนา ภิกษุรูปนี้ คือครูบาแก่น สุมโน อดีตเจ้าอาวาสวัดประตูป่อง
    ครูบาแก่น สุมโน เป็นพระภิกษุสายวิปัสสนา ถือธุดงค์เป็นวัตร หรือที่เรียกกันว่า พระป่า หรือภาษาทางการเรียกว่า พระภิกษุฝ่ายอรัญญวาสี ตอนนั้นครูบาแก่นท่านได้ธุดงค์แสวงหาความวิเวกทั่วไป ยึดถือป่าเป็นที่บำเพ็ญเพียร นอกจากมีชื่อเสียงในด้านวิปัสสนาแล้ว ท่านยังเก่งรอบรู้ในด้านพระธรรมวินัยอย่างแตกฉานอีกด้วย
    พระภิกษุเกษม เขมโก จึงเดินทางไปขอฝากตัวเป็นศิษย์และได้อธิบายความต้องการที่จะศึกษาในด้านวิปัสสนาให้ครูบาแก่นฟัง ครูบาแก่น สุมโน เห็นความตั้งใจจริงของภิกษุเกษม เขมโก ท่านจึงรับไว้เป็นศิษย์ และได้นำภิกษุเกษม เขมโก ออกท่องธุดงค์ไปแสวงหาความวิเวกและบำเพ็ญเพียรตามป่าลึกตามที่ภิกษุเกษม เขมโก ต้องการ จึงถือได้ว่า ครูบาแก่น สุมโน รูปนี้เป็นอาจารย์ทางวิปัสสนากรรมฐานรูปแรกของ พระภิกษุเจ้าเกษม เขมโก
    ดั้งนั้น พระภิกษุเกษม เขมโก จึงได้เริ่มก้าวไปสัมผัสชีวิตของภิกษุฝ่ายอรัญญวาสี ประกอบกับจิตของท่านโน้มเอียงมาทางสายนี้อยู่แล้ว จึงไม่ใช่เป็นเรื่องลำบากสำหรับในการไปธุดงค์ กลับเป็นการได้พบความสงบสุขโดยแท้จริง กับความเงียบสงบซ้ำยังได้ดื่มด่ำกับรสพระธรรมอันบังเกิดท่ามกลางความวิเวก พระภิกษุเกษม เขมโก จึงมุ่งมั่นปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง โดยมีครูบาแก่นแนะอุบายธรรมอย่างใกล้ชิด
    ระหว่างท่องธุดงค์แสวงหาความวิเวกในที่สงัดตามป่าเขาและป่าช้าต่าง ๆ การฉันอาหารในบาตร คือ อาหารหวานคาวรวมกัน เรียกว่า ฉันเอกา ไม่รวมอาสนะกับสงฆ์อื่น ฉันมื้อเดียว ช่วงบ่ายก็จะเดินจงกรม เพื่อเปลี่ยนอิริยาบถ พร้อมกำหนดจิตจนกระทั่งถึงเย็น เมื่อเสร็จจากการเดินจงกรม ก็กลับมานั่งบำเพ็ญภาวนาต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงประมาณ 5 ทุ่ม เสร็จจากการบำเพ็ญภาวนาก็สวดมนต์ทำวัตรเย็น ในตอนดึกก่อนจำวัดท่านก็ไม่นอนเหมือนคนธรรมดาทั่วไป ท่านจะหมอบเท่านั้น และท่านจะทำเป็นกิจวัตร คือการกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลแผ่เมตตาไปให้กับสรรพสัตว์ทั้งหลาย
    จนกระทั่งถึงช่วงเข้าพรรษาที่พระภิกษุจำเป็นต้องยุติการท่องธุดงค์ชั่วคราว ต้องอยู่กับที่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง จะเป็นวัดอารามหรือถือเอาป่าช้าเป็นวัด โดยกำหนดเขตเอาตามพุทธบัญญัติ ดังนั้นภิกษุเจ้าเกษม เขมโก จึงต้องแยกทางกับอาจารย์คือครูบาแก่น ตั้งแต่นั้นมาภิกษุเจ้าเกษม เขมโก กลับมาจำพรรษาที่วัดบุญยืนตามเดิม พอครบกำหนดออกพรรษาภิกษุเกษม เขมโก ก็ติดตามอาจารย์ของท่าน คือครูบาแก่นออกธุดงค์บำเพ็ญภาวนา ท่านถือปฏิบัติเช่นนี้เรื่อยมา
    ต่อมาเจ้าอธิการคำเหมย เจ้าอาวาสวัดบุญยืนถึงแก่มรณภาพลง ทำให้ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบุญยืนว่าง ทางคณะสงฆ์จึงต้องเลือกภิกษุที่มีคุณสมบัติมาปกครองดูแลวัด เพื่อเป็นเจ้าอาวาสสืบต่อไป คณะสงฆ์จึงได้ประชุมกันและต่างลงความเห็นพ้องต้องกันว่าควรจะเป็นภิกษุเกษม เขมโก เพราะเป็นพระที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับตำแหน่งเจ้าอาวาสองค์ เมื่อท่านได้รับเลือกเป็นเจ้าอาวาสวัดบุญยืน ท่าก็ไม่ยินดียินร้ายแต่ท่านก็ห่วงทางวัด เพราะท่านเคยจำวัดนี้ ท่านก็เห็นว่าบัดนี้ทางวัดบุญยืนมีภารกิจต้องดูแล ก็ถือว่าเป็นภารกิจทางศาสนาเพราะท่านเองต้องการให้พระศาสนานี้ดำรงอยู่ จึงไม่อาจจะดูดายภารกิจนี้ได้ จึงยอมรับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบุญยืน
    ครูบาเจ้าเกษม เขมโก อยู่ในตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบุญยืนเรื่อยมาจนถึงปี พ.ศ.2492 ท่านก็ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาส ทำหนังสือลาออกกับพระเดชพระคุณท่านเจ้าพระอินทรวิชาจารย์ (ท่านเจ้าคุณอิน อดีตเจ้าคณะจังหวัดลำปาง) แต่ก็ถูกท่านเจ้าคุณยับยั้งไว้ ครูบาเจ้าเกษม เขมโก จึงจำใจกลับไปเป็นเจ้าอาวาสวัดบุญยืนอีกระยะหนึ่งนานถึง 6 ปี ท่านคิดว่าควรจะหาภิกษุที่มีคุณสมบัติมาแทนท่าน เพราะท่านอยากจะออกธุดงค์ ดังนั้นท่านจึงตัดสินใจสละตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบุญยืน โดยยื่นใบลากับคณะสงฆ์ในเขตปกครอง ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ จึงเดินทางไปลาออกกับเจ้าคณะจังหวัด ซึ่งอยู่ที่วัดเชียงราย แต่ท่านเจ้าคณะจังหวัดก็ไม่อนุญาต
    เรื่องการลาออกจากการเป็นเจ้าอาวาสของครูบาเจ้าเกษม เขมโก นี้ดูค่อนข้างจะเป็นเรื่องแปลกพิศดาร แม้แต่การสละตำแหน่งลาภยศท่านยังต้องประสบกับอุปสรรคต่าง ๆ นานา ไม่เหมือนกับพระองค์อื่น ๆ ที่ฟันฝ่าเพื่อแสวงหาลาภยศ เมื่อท่านลาออกไม่สำเร็จประมาณปี พ.ศ.2492 ก่อนเข้าพรรษาในปีนั้น หลวงพ่อก็หนีออกจากวัดบุญยืนก่อนเข้าพรรษา เพียงวันเดียวโดยไม่มีใครรู้ พอเช้าวันรุ่งขึ้นเข้าพรรษา หมู่ศรัทธาก็นำอาหารมาเตรียมถวายในวิหาร ทุกคนรอแล้วรอเล่าก็ไม่เห็นหลวงพ่อเกษม จึงเกิดความวุ่นวายเที่ยวตามหาตามกุฏิก็ไม่พบหลวงพ่อเกษม พอมาที่ศาลาทุกคนเห็นกระดาษวางบนธรรมาสน์เป็นข้อความที่หลวงพ่อเกษมเขียน ลาศรัทธาชาวบ้านยาวถึง 2 หน้ากระดาษ ข้อความบางตอนที่จำได้มีอยู่ว่า ทุกอย่างเราสอนดีแล้ว อย่าได้คิดไปตามเรา เพราะเราสละแล้วการเป็นเจ้าอาวาส เปรียบเหมือนหัวหน้าครอบครัวต้องรับผิดชอบภาระหลายอย่าง ไม่เหมาะสมกับเรา เราต้องการความวิเวกจะไม่ขอกลับมาอีก แต่พวกชาวบ้านก็ไม่ละความพยายาม เพราะชาวบ้านเหล่านี้ศรัทธาในตัวหลวงพ่อพอรู้ว่าหลวงพ่ออยู่ที่ไหนเมื่อรวมกันได้ 40-50 คน ก็ออกเดินทางไปตามหาหลวงพ่อเกษม และไปพบหลวงพ่อที่ศาลาวังทาน หลวงพ่อเกษมได้ปฏิบัติธรรมที่นั่น พวกชาวบ้านได้อ้อนวอนหลวงพ่อขอให้กลับวัด บางคนร้องไห้เพราะศรัทธาในตัวหลวงพ่อมาก แต่หลวงพ่อเกษมท่านก็นิ่งไม่พูดไม่ตอบ จนพวกชาวบ้านต้องยอมแพ้ ตลอดพรรษาปี 2492 หลวงพ่อเกษมท่านก็อยู่ที่ศาลาวังทานโดยไม่ยอมกลับวัดบุญยืน พวกชาวบ้านจึงพากันเข้าไปพบโยมแม่ของหลวงพ่อโยมแม่รักหลวงพ่อเกษมมาก เพราะท่านมีลูกชายคนเดียว จึงให้คนพาไปหาหลวงพ่อที่ศาลาวังทาน โดยมี (เจ้าประเวทย์ ณ ลำปาง) ตอนนั้นยังบวชเป็นสามเณรอยู่ โยมแม่ได้ขอร้องให้หลวงพ่อเกษมกลับวัด แต่หลวงพ่อกลับบอกโยมแม่ว่าแม่เฮาบ่เอาแล้วเฮาบ่เหมาะสมกับวัด เฮาชอบความวิเวก เฮาขออยู่อย่างวิเวกต่อไป เฮาจะไปอยู่ที่ป่าเหี้ยว แม่อาง จนทำให้โยมแม่หมดปัญญา ไม่รู้จะขอร้องยังไง ผลที่สุดก็ต้องตามใจหลวงพ่อ
    วันรุ่งขึ้นหลวงพ่อเกษมก็ออกจากศาลาวังทานเดินทางไปบ้านแม่อางด้วยเท้าเปล่า เช้ามืดไปถึงป่าเหี้ยวแม่อางก็ค่ำพอดี ฝ่ายโยมมารดาพอกลับมาบ้านก็เกิดคิดถึงพระลูกชาย เพราะเกรงว่าพระลูกชายจะลำบากจึงออกจากบ้านไปตามหาพระลูกชาย โดยมีคนติดตามไปด้วยชื่อ โกเกตุ โยมแม่สั่งให้โกเกตุขนของสัมภาระเพื่อจะไปอยู่บนดอย ของที่เหลือในร้านเพชรพลอยแจกให้ชาวบ้านจนหมดเกลี้ยง ไม่เอาอะไรเลย นอกจากของใช้ที่จำเป็นบางอย่างเท่านั้น
    เกตุ พงษ์พันธุ์ ซึ่งเป็นญาติใกล้ชิดก็พาโยมแม่ไปส่งที่แม่อาง และพวกชาวบ้านเห็นโยมแม่ของหลวงพ่อมาก็สร้างตูบกระท่อมอยู่ข้างวัดแม่อาง ส่วนหลวงพ่อเข้าบำเพ็ญภาวนาในป่าช้าบนดอยแม่อาง บำเพ็ญภาวนาบารมีวิปัสสนาปฏิบัติธรรมได้หนึ่งพรรษา ทิ้งให้โยมแม่ซึ่งอยู่กระท่อมตีนดอยก็คิดถึงพระลูกชาย โดยแม่ก็ตามไปหาที่ป่าช้าข้างเนินดอย ก็มีชาวบ้านแถวนั้นอาสาสร้างตูบกระท่อมให้โยมแม่พักใกล้ ๆ ที่หลวงพ่อปฏิบัติธรรม โดยมแม่บัวจ้อนได้พำนักที่ข้างเนินดอยได้พักหนึ่งก็ล้มป่วยลงด้วยโรคไข้ป่า ชาวบ้านก็ไปตามหมอทหารมาฉีดยารักษาให้ แต่โยมแม่ท่านมีสติที่เข้มแข็ง และยังได้สั่งเสียเณรเวทย์ว่ามีเงินซาวเอ็ดบาท ให้เก็บไว้ถ้าโยมแม่ตายให้เณรไปบอกลุงมา เมื่อสั่งเสร็จโยมแม่ก็หลับตา เณรเวทย์ก็ไปบอกหลวงพ่อเกษม หลวงพ่อก็มา
    ท่านได้นั่งดูอาการของโยมแม่ท่านนั่งสวดมนต์ เป็นที่น่าแปลกใจขณะที่หลวงพ่อสวดมนต์ มีผึ้งบินมาวนเวียนตอมไปตอมมาสักครู่ใหญ่ ๆ โยมแม่ก็ถอดจิตอย่างสงบ นัยน์ตาหลวงพ่อเกษมมีน้ำตาค่อย ๆ ไหลขณะที่ท่านแผ่บุญกุศลให้กับโยมแม่ ท่านยังเอ่ยว่า ?แหม เฮาว่า เฮาจะบ่ไห้(ร้องไห้) แล้วนา?? ศพของโยมแม่บัวจ้อน มีเณรเวทย์และชาวบ้านได้มาช่วยจัดการจนเสร็จพิธี ชาวบ้านช่วยเป็นเงินในสมัยนั้นได้ 700 บาท ถือว่ามาก ศพของโยมแม่บัวจ้อนเผาที่ป่าช้าแม่อาง หลังจากที่เสร็จพิธีงานศพโยมแม่จ้อนแล้ว หลวงพ่อก็สั่งเณรเวทย์ให้กลับไปเรียนธรรมที่วัดบุญยืน อยู่มาไม่นานหลวงพ่อก็จากป่าช้าแม่อางกลับมาบำเพ็ญภาวนาที่ป่าช้าศาลาวังทานอีกเพียงหนึ่งพรรษาท่านก็เดินทางไปอยู่ที่ป่าช้านาป้อ และกลับมาอยู่ประตูม้า ซึ่งก็คือสุสานไตรลักษณ์ในปัจจุบัน
    หลวงพ่อเกษม เขมโก ท่านได้ปฏิบัติธรรมจนเป็นพระที่ขาวสะอาด และเป็นที่เคารพสักการะของคนทั่วประเทศ ศีลบริสุทธิ์ตามพระธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านเป็นพระไม่ติดยึดใคร ต้องการอะไร ขออะไร ไม่เคยปฏิเสธ จนสังขารของท่านดูแล้วไม่แข็งแรง แต่จิตของหลวงพ่อแข็งแรง และท้ายที่สุดหลวงพ่อเกษม เขมโก ได้ละสังขาร ณ ห้องไอซียูโรงพยาบาลศูนย์ภาคเหนือ จังหวัดลำปาง เมื่อเวลา 19.40 น. ของวันจันทร์ที่ 15 มกราคม 2539 ซึ่งตรงกับวันแรม 11 ค่ำ เดือน 2 ยังความอาลัยเศร้าโศกเสียใจมายังหมู่ศานุศิษย์ทั่วประเทศ

    เกิด วันพุธ แรม 4 ค่ำ เดือนยี่เหนือ ปีชวด ตรงกับวันที่ 28 พฤศจิกายน 2455

    อุปสมบท ปี 2476

    มรณภาพ 15 มกราคม 2539

    สิริอายุ 83 ปี


    [​IMG]
     
  14. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,958
    ค่าพลัง:
    +53,093
    [​IMG] [​IMG]

    พระเนื้อขาว หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ มีที่ไปที่มาอย่างไร ???

    ก็น่าจะเป็นอีกคำถามหนึ่งที่หลายคนก็อยากจะถามเช่นกัน ตั้งแต่อยู่ในกระทู้
    เปิดตำนาน หลวงปู่ทิม มา ผมเองก็พึ่งคิดได้ว่า ไม่เคยบอกรายละเอียดแบบลงลึก
    ความเข้าใจว่า พระเนื้อขาว นำผงเก่าของหลวงปู่ มาทำทีหลัง...เป็นเรื่องที่เข้าใจผิด
    เพราะด้วยพยานบุคคล พระเนื้อขาว หรือ ทำด้วยดินสอพอง มีมาตั้งแต่ก่อนปี 16
    ซึ่งผู้อยู่ในเหตุการณ์ ยังมีชีวิตอยู่หลายท่าน

    หากจะมองว่าพระทำปลอมขึ้นมา ก็เป็นเรื่องยาก ที่จะนำมาขาย ใช่ไหมครับ
    เพราะพระไม่ได้มีความสวยงามเอาเสียเลย บูดๆ เบี้ยวๆ

    มาเริ่มดูที่มากันครับ เดิมทีพระชุดนี้ ถูกสร้างมาเมื่อยุคก่อนปี 16 (รายละเอียด พ.ศ.
    ผมจะลงให้ทราบอีกครั้ง เพราะสร้างกันมาหลายยุคมาก) เป็นพระที่เหลือจากการ
    แจกผู้ที่มากราบ ขอพึ่งบารมีหลวงปู่สมัยนั้น ถึงแม้บริเวณวัดจะมีแต่ป่า การเดินทาง
    ยากลำบากก็ตามที บวกกับพระที่กดกันมาเรื่อยๆ ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์จะทราบว่า
    ผู้ที่เก็บรักษา คือ ลุงสาย และท่านหวงมากขนาดไหน หากผู้ที่มาหลังปี 16 แล้ว
    จะพบเห็นได้ยาก เพราะท่านเก็บกลับไปหมด ด้วยของในห้องหลวงปู่ก็เรื่มมากขึ้น
    จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะไม่มีคนรู้จัก

    ครั้งหนึ่ง คนเคยมาถามหาพระหลวงปู่จากลุงสาย ท่านก็นำพระเนื้อขาวออกมาให้
    เขาเหล่านั้น ปฏิเสธที่จะรับ บอกว่าไม่สวย ไม่ใช่พระของหลวงปู่ เมื่อเป็นดังนั้น
    ท่านก็ไม่มีการใด ที่จะไปป่าวประกาศบอกใคร ว่านี่คือ ของหลวงปู่ทิมที่แท้จริง
    ปล่อยให้คนแสวงหาของสวยงาม ตามที่ใจจะปราถนาเอา บัดนั้นเป็นต้นมา พระ
    เนื้อขาว หรือ พระที่ทำจากน้ำข้าว และดินสอพอง ก็ถูกเก็บมาตลอด

    เมื่อลุงสาย ท่านเสีย เมื่อ 21 เม.ย. 2542 พระเครื่อง เครื่องราง และสิ่งที่ลุงสายเก็บไว้
    ได้ถูกตกทอดออกมา และถูกเก็บต่อมาอีกเกือบ 10 ปี ถึงได้มีพระดินสอพองให้
    คนได้เห็นกันอีกครั้ง บางท่านพอทราบว่า พระเนื้อนี้ เคยมี แต่ไม่ทราบผู้ใดเก็บไว้
    บ้างเคยเห็นจากญาติ พี่ น้อง เพื่อน แต่ก็ไม่ทราบว่าเป็นของใคร มีแต่เจ้าตัวผู้ห้อย
    ทราบดี ว่านี่คือสิ่งมงคลกับชีวิตเขา แต่ใครล่ะจะเชื่อ...

    ธรรมชาติของคนเรา ต้องการ ความยอมรับ พระแท้ ไม่ได้รับการยอมรับ ก็ไม่มี
    ประโยชน์อะไร แต่เราลืมมองอะไรบางอย่างไหม ว่าเราต้องการอะไรจากพระเครื่อง
    บารมีหลวงปู่ที่นับถือ หรือ ความยอมรับจากสังคม

    เอามาฝากพี่ตี๋โดยเฉพาะครับ เห็นว่าอยากอ่านบ้าง แต่ต้องพิจารณาเองอีกทีนะครับผม
     
  15. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,806
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,525
    สวัสดีตอนพักเที่ยงครับคุณปู คุณโญ พี่ตี๋ใหญ่ พี่รุ่ง คุณเอ๊ะ คุณชาญ คุณบอย คุณภัทร์ คุณตุ้ม คุณนอร์ คุณเอ็ม คุณนาย คุณเคี้ยว คุณโอ๊ต น้องนิก และทุกๆท่านครับ



    [​IMG]

    แพะภูเขา (Mountain Goat) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ที่อาศัยอยู่พื้นที่ความสูงกว่า 4,000 เมตร ในแถบเทือกเขาร็อกกี เทือกเขาแอลป์ มันมีกีบเท้าที่แข็งแรงทำให้การปีนภูเขาเป็นเรื่องง่าย โดยมักจะปีนไปตามหน้าผาเพื่อหาแร่ธาตุอาหารต่างๆ ที่อยู่บนเนื้อหินอย่างเช่นเกลือ แต่อาหารหลังของพวกมันเป็นหญ้าที่พบได้ตามที่สูงอย่างเช่น เฟิร์น มอส
     
  16. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,806
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,525
    [​IMG]
     
  17. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,806
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,525
    [​IMG]
    [​IMG]
     
  18. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,806
    กระทู้เรื่องเด่น:
    80
    ค่าพลัง:
    +225,525
    [​IMG]
     
  19. ชนะ_มาร

    ชนะ_มาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +345


    สวัสดีตอนเที่ยงครับพี่วรรณ...(^_^)

    ขอบคุณสำหรับสาระความรู้เล็กๆน้อยๆมาให้อ่านกันครับ..
     
  20. ชนะ_มาร

    ชนะ_มาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +345

    รูปนี้ท่านดูหนุ่มมากครับ....

    ไม่แน่ใจว่า ณ เวลานั้นหลวงพ่อปานยังอยู่มั๊ยครับ..
    เหมือนๆเป็นช่วงเริ่มต้นศึกษาวิชากับหลวงพ่อปานเลยคับ ^_^
     

แชร์หน้านี้

Loading...