อัลบั้มพระ ประวัติ และวัตถุมงคล

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย ปู ท่าพระ, 26 ธันวาคม 2013.

  1. nitikoon kongkhaw

    nitikoon kongkhaw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,314
    ค่าพลัง:
    +53,506
    ดูรายนามคณาจารย์ที่ปลุกเสก เหรียญนี้น่าแขวนมากๆครับ.....:cool::cool:
     
  2. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448
    เหรียญที่ระลึกพระพุทธปัญจภาคี


    [​IMG]



    เนื่องในมหามงคลวโรกาสที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2539 กรมธนารักษ์ได้รับมอบหมายให้จัดสร้างเหรียญพระพุทธรูปที่สำคัญของประเทศรวม 5 องค์ ประกอบด้วย พระพุทธโสธร พระพุทธชินสีห์ พระพุทธชินราช พระมงคลบพิตร และพระนิรันตราย เพื่อเป็นการเผยแพร่พระเกียรติคุณ และบุญญาธิการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ให้คนไทยและพุทธศาสนิกชนทั่วไปได้มีไว้เคารพสักการะบูชา เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว โดยจัดสร้างขึ้น 3 ประเภท คือ ทองคำ เงิน และทองแดง โดยจะนำรายได้จากการจำหน่ายภายหลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้ว ขึ้นทูลเกล้าถวายโดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย


    [​IMG]


    [​IMG]



    พระพุทธโสธร เป็นพระพุทธรูปบางสมาธิ คือ นั่งขัดสมาธิราบพระเนตรเนื้อแบบสมัยลานช้าง หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า “พระลาว” หน้าตักกว้าง 3 ศอก 5 นิ้ว เป็นพระพุทธรูปหล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ เป็นพระที่ทรงอานุภาพศักดิ์สิทธิ์ ไม่ปรากฏหลักฐานแน่นอนว่าใครเป็นผู้จัดสร้าง พระพุทธโสธรองค์นี้เล่าสืบต่อกันมาว่ามีพระพี่น้องกัน 3 องค์ ล่องลอยตามแม่น้ำมาจากทิศเหนือมาผุดขึ้นที่แม่น้ำบางปะกง ตำบลสัมปทวน แสดงปาฏิหาริย์ลอยตามน้ำและทวนกระแสน้ำได้ทั้ง 3 องค์ ประชาชนจึงได้ช่วยกันเอาเชือกลงไปผูกมัดที่องค์พระพุทธรูปทั้ง 3 องค์ แต่ก็ไม่ขึ้น สำหรับพระพุทธรูปหล่อองค์กลาง คือ หลวงพ่อโสธร ได้ลอยตามน้ำมาผุดขึ้นที่ท่าวัดโสธร ขณะนั้นได้มีอาจารย์ผู้หนึ่งมีความรู้ทางไสยศาสตร์ ทำพิธีบวงสรวงแล้วอารธนาอัญเชิญขึ้นประดิษฐานไว้ในวิหารวัดโสธรวรารามวรวิหาร อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา และจัดให้มีการฉลองสมโภชเป็นเทศกาลประจำปี


    [​IMG]


    [​IMG]



    พระพุทธชินสีห์ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะเชียงแสนและสุโขทัยผสมกัน จัดสร้างในสมัยพระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎก เป็นพระพุทธรูปหล่อหน้าตักกว้าง 5 ศอก 1 คืบ 7 นิ้ว สูงตั้งแต่พระที่นั่งถึงพระจุฬา 6 ศอก 1 คืบ 10 นิ้ว พระรัศมี 1 ศอก พระพุทธรูปปางนี้อยู่ในพระอาริยบถนั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายหงายวางบนพระเพลา พระหัตถ์ขวาวางที่พระชานุ นิ้วพระหัตถ์ชี้ลงที่พื้นธรณี ปางนี้เริ่มนิยมทำรัศมีบนพระเศียร เดิมประดิษฐานอยู่ในพระวิหารหลวงทางทิศเหนือวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เมืองพิษณุโลก จนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ต่อมาเมื่อพุทธศักราช 2372 สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิ์พลเสพย์ ได้โปรดให้อัญเชิญพระพุทธชินสีห์มาประดิษฐานไว้ที่วัดบวรนิเวศวิหาร


    [​IMG]


    [​IMG]

    พระพุทธชินราช เป็นพระพุทธรูปปางเรือนแก้ว หน้าตักกว้าง 5 ศอก 1 คืบ 5 นิ้วเศษ เป็นพระพุทธรูปสำคัญและสวยงามมากองค์หนึ่งมาตั้งแต่กรุงสุโขทัยเป็นราชธานี สร้างในสมัยพระมหาธรรมมาธิราชลิไท สร้างโดยชาวเมืองเชียงแสน ชาวเมืองสวรรคโลก และชาวเมืองสุโขทัย ช่วยกันหล่อพระพุทธรูปขึ้น 3 องค์ คือ พระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์ และพระศาสดา เมื่อวันพฤหัสบดี เดือน 4 ปีจอ พุทธศักราช 1499 แต่หล่อเสร็จเพียง 2 องค์ คือพระพุทธชินสีห์และพระศาสดา ส่วนพระพุทธชินราชนั้นหล่อไม่เสร็จ กล่าวคือ เมื่อเททองลงไปแล้วกลับแข็ง ทองไม่เดินตามปกติ จึงได้ทำพิธีปั้นหุ่นใหม่อีกครั้ง พระพุทธรูปจึงได้สำเร็จรูปตามความปรารถนา เมื่อวันพฤหัสบดี ขึ้น 6 ค่ำ เดือน 8 ปีกุน พุทธศักราช 1500 และได้อาราธนาอัญเชิญมาประดิษฐานไว้ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลกแต่นั้นมา


    [​IMG]


    [​IMG]


    พระมงคลบพิตร เป็นพระพุทธรูปปางนั่งสมาธิ จัดสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้นราวแผ่นดินสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ก่อด้วยอิฐเป็นแกน ข้างนอกหุ้มด้วยทองสัมฤทธิ์ หน้าตักกว้าง 4 วาเศษ นับเป็นพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุด และมีพระพุทธลักษณะงดงามเป็นสง่ามากองค์หนึ่งในประเทศไทย ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ในพระวิหารข้างกำแพงวัดพระศรีสรรเพชรด้านใต้ เขตโบราณสถานจังหวัดพระนครศรีอยุธยา


    [​IMG]


    [​IMG]

    พระนิรันตราย เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ หน้าตักกว้าง 5 นิ้วครึ่ง เป็นพุทธศิลปะที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชศรัทธามาก เนื่องจากมีความศักดิ์สิทธิ์ มหัศจรรย์แคล้วคลาดพ้นอันตรายไปถึง 2 คราว มีพุทธลักษณะพิเศษ คือที่พระเศียรไม่มีพระเมาลี แต่ต่อด้วยพระรัศมีเลย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้นสำหรับพระราชทานวัดธรรมยุตที่เป็นพระอารามหลวงวัดละองค์ ได้แก่ วัดบวรนิเวศวิหาร วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม วัดราชประดิษฐ์ และถวายพระนามว่า “พระนิรันตราย” นับเป็นพุทธศิลป์แบบหนึ่งของยุครัตนโกสินทร์



    [​IMG]


    พิธีพุทธมหาชัยมังคลาภิเษกเหรียญที่ระลึกพระพุทธปัญจภาคี

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯ แทนพระองค์ ทรงประกอบพิธีพุทธมหาชัยมังคลาภิเษกเหรียญที่ระลึกพระพุทธปัญจภาคีในวันที่ 20 มีนาคม 2540 ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) กรุงเทพมหานคร



    พระนามและรายนามพระสงฆ์ที่กราบทูลและนิมนต์

    มาร่วมอธิฐานจิตในพิธีพุทธมหาชัยมังคลาภิเษก เหรียญที่ระลึก “พระพุทธปัญจภาคี”

    วันพฤหัสบดี ที่ 20 มีนาคม 2540



    1.พระเจริญพระพุทธมนต์ (เวลาประมาณ 15.00 น.)

    1. สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก วัดบวรนิเวศวิหาร

    2. สมเด็จพระพุทธปาพจนบดี วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม

    3. สมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม

    4. สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสุวรรณาราม

    5. พระสุเมธาธิบดี วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์

    6. พระธรรมวโรดม วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม

    7. พระวิสุทธาธิบดี วัดสุทัศนเทพวราราม

    8. พระธรรมปัญญาจารย์ วัดมกุฏกษัตริยาราม

    9. พระพรหมโมลี วัดยานนาวา

    10. พระมหารัชมงคลดิลก วัดบวรนิเวศวิหาร

    2.พระคณาจารย์นั่งเจริญจิตตภาวนา

    ชุดที่ 1 (เวลาประมาณ 15.00 น.)

    1. พระวิสุทธิวงศาจารย์ (หลวงพ่อพลอย) วัดเทพธิดาราม กทม.

    2. พระมงคลเทพโมลี (ดร.พูลทรัพย์) วัดสุทัศนเทพวราราม กทม.

    3. พระราชวิสุทธิคุณ (หลวงพ่อเกตุ) วัดเกาะหลัก ประจวบคีรีขันธ์

    4. พระโสภณเสมาธิคุณ (หลวงพ่อเฟื่อง) วัดเจ้ามูล กทม.

    5. พระสุธรรมคณาจารย์ (หลวงปู่เหรียญ) วัดอรัญบรรพต หนองคาย

    6. พระครูสาธรพัฒนกิจ (หลวงพ่อละมูล) วัดเสด็จ ปทุมธานี

    7. พระอาจารย์มหาวิบูลย์ วัดโพธิคุณ ตาก

    8. หลวงปู่จันทา วัดเขาน้อย พิจิตร

    9. พระครูกาชาด (บุญทอง เขมทตฺโต) วัดดอนศาลา พัทลุง

    10. พระครูอดุลยธรรมกิจ (หลวงพ่อกลั่น) วัดเขาอ้อ พัทลุง

    11. หลวงพ่อสังข์ศีลคุณ วัดดอนตรอ นครศรีธรรมราช

    12. พระอาจารย์เปลี่ยน วัดอรัญวิเวก เชียงใหม่

    13. หลวงปู่จันทร์โสม กิตติกาโร วัดป่านาสีดา อุดรธานี

    14. พระอธิการวิชา รติยุตโต วัดศรีมณีวรรณ ชัยนาท

    15. หลวงพ่อบุญมา คัมภีรธัมโม วัดหนองปุง สกลนคร

    16. พระครูสมุหอวยพร วัดดอนยายหอม นครปฐม

    17. หลวงปู่กิ ธัมมุตธาโม วัดสนามชัย อุบลราชธานี

    18. พระครูมนูญธรรมมาภิรัต (หลวงพ่อสาคร) วัดหนองกรับ ระยอง

    19. พระครูเขมคุณโสภณ (หลวงพ่อจันทรแรม) วัดเกาะแก้วธุดงค์สถาน บุรีรัมย์



    ชุดที่ 2 (เวลาประมาณ 18.00 น.)

    1. พระราชจันกวี วัดไผ่ล้อม จันทบุรี

    2. พระอุดมประชานารถ (หลวงพ่อเปิ่น) วัดบางพระ นครปฐม

    3. พระมงคลสิทธิคุณ (หลวงพ่องลำใย) วัดทุ่งลาดหญ้า กาญจนบุรี

    4. พระครูฐิติธรรมญาณ (หลวงพ่อลี) วัดเหวลึก สกลนคร

    5. พระครูสุวัณโณปมคุณ (หลวงพ่อคำพอง) วัดถ้ำกกกู่ อุดรธานี

    6. พระครูอนุรักษ์วรคุณ (หลวงพ่อสง่า) วัดหนองม่วง ราชบุรี

    7. พระครูสุนันท์วิริยาภรณ์ (หลวงพ่อเก๋) วัดแม่น้ำ สมุทรสงคราม

    8. หลวงปู่พรหมมา เขมจาโร วัดสวนหินผานางคอย อุบลราชธานี

    9. พระครูสถิตโชติคุณ (หลวงพ่อไสว) วัดปรีดาราม นครปฐม

    10. พระครูถาวรสังฆสิทธิ์ (หลวงพ่อภา) วัดสองห้อง นครปฐม

    11. พระอาจารย์คำบ่อ ฐิตปัญโญ (หลวงพ่อคำบ่อ) วัดใหม่บ้านตาล สกลนคร

    12. หลวงปู่บุญมี วัดสระประสานสุข อุบลราชธานี

    13. หลวงปู่หงส์ วัดเพชรบุรี สุรินทร์

    14. พระครูอรรถธรรมทร (หลวงพ่อเฮ็น) วัดดอนทอง สระบุรี

    15. พระครูเกษมคณาภิบาล (หลวงพ่อมี) วัดมารวิชัย พระนครศรีอยุธยา

    16. หลวงปู่รินทร์ รักขโน สำนักสงฆ์ภูถ้ำพระ กาฬสินธุ์

    17. หลวงปู่จันทร์ดี เกสาโว วัดป่าหินเกิงวิปัสสนา ขอนแก่น

    18. พระครูนนทสิทธิการ วัดไทรน้อย นนทบุรี

    19. หลวงปู่พลพินิจ ขันจิธโร สำนักสงฆ์ภูถ้ำพระ กาฬสินธุ์



    พระสงฆ์สวดภาณวารและทิพย์มนต์

    1. พระมหาสุธน กวิญโญ วัดสุทัศนเทพวราราม กทม.

    2. พระปลัดพิทยา ญาณิกวโส วัดสุทัศนเทพวราราม กทม.

    3. พระครูวินิตสุนทรกิจ วัดสุทัศนเทพวราราม กทม.

    4. พระครูพินิจ กิจจาภิรักษ์ วัดสุทัศนเทพวราราม กทม.



    พระสวดพุทธาภิเษก

    1. พระครูพิทักษ์ถิรธรรม วัดสุทัศนเทพวราราม กทม.

    2. พระครูวิบูลวิหารกิจ วัดสุทัศนเทพวราราม กทม.

    3. พระครูสุวัฒนประสิทธิ วัดสุทัศนเทพวราราม กทม.

    4. พระครูอมรโฆสิต วัดสุทัศนเทพวราราม กทม



    องค์ประธานดับเทียนชัย (เวลาประมาณ 20.00 น.)

    สมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ กรุงเทพฯ
     
  3. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448
    พระผงสมเด็จเหม็น หลวงพ่ออุ้น วัดตาลกง จ.เพชรบุรี พ.ศ. 2495



    [​IMG]

    พระผงสมเด็จเหม็น ( สมเด็จพระคะแนน )
    สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2495 แล้วมาสิ้นสุด ลงในปลาย พ.ศ.2497 รวมระยะเวลาถึง 3 ปี
    โดยหลวงพ่ออุ้น ร่วมกับพระสงฆ์ภายในวัดตาลกงช่วยกัน

    พระผงสมเด็จเหม็น ( สมเด็จพระคะแนน ) ตามที่ชาวบ้านเรียกมาแต่แรกเป็นพระผงที่มีพุทธคุณ
    ด้านเมตตามหานิยมและเสน่ห์สูงมาก มีขนาดกว้างประมาณ 1.6 ซม. สูงประมาณ 2 ซม.
    เป็นรูปพระพุทธรูปนั่งสมาธิบนฐานชั้นเดียว มีอักขระคำว่า "พุทโธ" อยู่ภายในซุ้มเรือนแก้ว
    ด้านบน ส่วนด้านหลังเป็นยันต์นะปัดตลอดใต้ฐานยันต์มีคำว่า ว.ต.ก. และที่ด้านหลัง
    เห็นยันต์เลือนลางที่ไม่เห็นยันต์ก็มี ทั้งนี้เป็นเพราะหลวงพ่อได้เอาสีผึ้งเมตตาที่ท่านได้ทำไว้
    แล้วนำมาป้ายติดที่ตัวปั๊มด้านหลังแล้วกดพิมพ์ จุดประสงค์เพื่อจะให้สีผึ้งติดลงที่แผ่นหลังของพระ
    จึงทำให้เห็นรูปยันต์เลือนลาง เมื่อใดที่สีผึ้งของหลวงพ่อหมดก็จะเห็นยันต์และคำว่า "ว.ต.ก" ชัดเจน
    พระมีเนื้อแน่นละเอียด ส่วนหยาบนั้นเกิดจากการนำเอาข้าวปากบาตรและก้นบาตรตลอดจนเกษร
    ดอกไม้ ผลไม้ที่พระท่านฉันท์เหลือ ว่านต่างๆ ( โดยเฉพาะว่านดอกทอง ) หมักไว้หลายวันก็จะเกิด
    กลิ่นเหม็นบูดมาก ถ้าช่วงใดพระต่างๆมีเวลาช่วยกันมาก ผงที่หมักแค่คืนเดียวกลิ่นเหม็นก็จะน้อยลง
    บางคร้งจะมีการผสมแผ่นทองที่เหลือจากการปิดทองรอยพระพุทธบาทในพระอุโบสถผสมลงในผง
    พระสมเด็จคะแนนจะมีกลิ่นเหม็นมากและน้อยไม่เป็นปัญหา ต่อมาคนจะเรียกสมเด็จเหม็น จนติดปาก
    จะยันต์ชัด หรือไม่ชัด เหม็นมากหรือเหม็นน้อยทั้งหมดเป็นพระที่ปลุกเสกครั้งเดียวกัน 8 ปี
    ถึงแจก เป็นพระรุ่นเดียวกันมีพุทธคุณเหมือนกันหมด

    [​IMG]

    ผงพุทธคุณ ที่นำมาเป็นส่วนผสมพระสมเด็จเหม็น มีผงอิทธิเจของ ลพ.แก้ว วัดเครือวัลย์ ซึ่งเป็นผงเก่าที่
    ทำไว้ในอุโบสถหลังเก่าของวัดตาลกง สมัยที่ ลพ.แก้ว ยังอยู่ที่วัดปากทะเลผสมกับผงพุทธคุณของหลวงพ่ออุ้น
    แล้วนำมาหมักผสมกับข้าวสุกจากปากบาตร และข้าวก้นบาตรของพระสงฆ์ที่ได้บิณฑบาตมาตมา

    การหมัก ครั้งใดที่หมักทิ้งไว้หลายวันมีกลิ่นเหม็นมาก หากหมักไว้ทิ้งชั่วข้ามคืนจะมีกลิ่นเหม็นน้อย
    เป็นสาเหตุให้พระสมเด็จเหม็น มีกลิ่นเหม็นมาก และเหม็นน้อยไม่เท่ากัน
    พระผงสมเด็จเหม็น สร้างประมาณ 84,000 องค์ ส่วนหนึ่งเก็บบรรจุไว้ที่พระอุโบสถหลังเก่า
    อีกส่วนหนึ่งออกให้ญาติโยมได้บูชา พระสมเด็จเหม็น มีการลองเนื้อจะมีเนื้อออกแน่น
    ออกแก่น้ำมัน มีเนื้อออกน้ำตาล ออกแดง และบางองค์ คำอธิบายใต้ภาพนั้น ในส่วนที่ลองเนื้อลองพิมพ์
    เป็นเพียงส่วนน้อย จะเอามาเป็นหลักในการเล่นหา ไม่ได้ ต้องเอาเนื้อหารูปแบบโดยรวมส่วนใหญ่
    มาเป็นเกณฑ์มาตรฐาน

    [​IMG]

    พระผงสมเด็จเหม็น ( พระสมเด็จคะแนน )
    สร้าง : พ.ศ.2495 ถึง พ.ศ.2497 จำนวนสร้างประมาณ 84,000 องค์
    มวลสาร : ผสมผงอิทธิเจ ผงปถมัง ผงมหาราช ลพ.อุ้น ผสมกับผงอิทธิเจ ลพ.แก้ว บรรจุในอุโบสถหลังใหม่ 50,000 องค์ แจกและออก

    ให้บูชาประมาณ 30,000 กว่าองค์
    ลักษณะพระผงสมเด็จเหม็น :
    1.หลังยันต์ ว.ต.ก ชัดเจน ประมาณ 4,000 องค์
    2.ยันต์หลังและคำว่า ว.ต.ก ไม่ชัดเจน เนื่องจากป้ายสีผึ้งประมาณ 30,000 องค์
    3.ยันต์หลังไม่ชัดเจน เนื่องจากพิมพ์ลึกจนเลือนราง ประมาณ 50,000 องค์

    สำหรับเนื้อที่พิมพ์ยันต์หลังชัดเจน จะมีเนื้อลองพิมพ์เป็นสีแดงอมน้ำตาล ประมาณ 500 องค์ เนื้อแก่น้ำมัน ประมาณ 2,500องค์ และผง

    เก่าในอุโบสถล้วน เนื้อจะออกขาวและยุ่ยอ่อน ถูกเบาๆจะเป็นรอย ถูกน้ำไม่ได้จะละลายประมาณ 1,000 องค์ ทั้งหมดนำมารวมกัน

    และทำพิธีปลุกเสกตั้งแต่ พ.ศ.2497 เรื่อยมาถึง พ.ศ.2505 จึงได้นำพระออกมาแจก
    รวมระยะเวลาปลุกเสกถึง 8 ปี ในส่วนที่เขาเรียกขานกันว่า " สมเด็จเหม็น " สาเหตุจากองค์พระมีกลิ่นเหม็น
    เกิดจากข้าวปากบาตรและข้าวก้นบาตรที่นำไปหมักผสมกับผงต่างๆ เหม็นมากหรือเหม็นน้อย
    ขึ้นอยู่กับการหมักนานเพียงใด
     
  4. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448

    วันที่ 07 เมษายน พ.ศ. 2556 ข่าวสดออนไลน์


    [​IMG]


    หลวงพ่ออุย วัดช่องคีรีฯ นครสวรรค์ มรณภาพแล้ว รดน้ำศพ 8 เมษา

    เมื่อเวลาประมาณ 07.52 น.วันที่ 7 เม.ย. หลวงพ่ออุย อภิวฑฺฒโณ หรือพระครูนิภาสธรรมวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดช่องคีรีศรีสิทธิวราราม ต.ปากน้ำโพ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ มรณภาพแล้วที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ด้วยโรคชราขณะอายุ 96 ปี โดยหลวงพ่ออุยมีอาการอาพาธต้องเข้าโรงพยาบาลหลายครั้ง ล่าสุดเมื่อเดือนพ.ย. 2555 หลวงพ่ออุยเข้าโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์

    เนื่องจากอาการไม่ค่อยดี บางครั้งไม่รู้สึกตัว โดยท่านต้องอยู่ในความดูแลอย่างใกล้ชิดของแพทย์ โดยคณะกรรมการวัดช่องคีรีศรีสิทธิวราราม คณะสงฆ์และคณะศิษย์ได้รับศพออกจากโรงพยาบาล มาทำการประกอบพิธีทางศาสนาที่ศาลาวัดช่องคีรีฯ โดยกำหนดสรงน้ำศพในวันที่ 8 เมษายน เวลา 16.00 น. และตั้งศพสวดพระอภิธรรมระหว่างวันที่ 8-17 เมษายน


    [​IMG]


    ประวัติหลวงพ่ออุย อภิวฑฺฒโณ

    พระครูนิภาสธรรมวัฒน์ หรือหลวงพ่ออุย อภิวฑฺฒโณ เจ้าอาวาสวัดช่องคีรีศรีสิทธิวราราม อ.เมือง จ.นครสวรรค์ นามเดิมชื่อนายมณี ภู่บัว

    เป็นบุตรของพ่อโขน แม่ศรีไพร ภู่บัว เกิดวันอาทิตย์ แรม 9 ค่ำ เดือน 5 ปีมะเส็ง ตรงกับ วันที่ 15 เมษายน พศ. 2460 เกิดที่บ้านโคกหนองไผ่ หมู่ 2 ต.สายออ อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา มีพี่น้องรวมทั้งหมด 9 คน หลวงพ่อเป็นคนโต เหตุที่เรียกว่าหลวงพ่ออุย เนื่องมาจากตอนเด็กหลวงพ่อมีรูปร่างอ้วยอุย จึงเรียกกันว่า “อุย” ครอบครัวมีอาชีพ ทำนาในวัยเด็ก หลวงพ่ออุยได้เรียนหนังสือจนจบชั้นประถมปีที่ 3 เมื่อ พศ.2475 ที่โรงเรียนประชาบาลวัดโคกหนองไผ่ ท่านเรียน ก.ข. 24 ตัว อักษรสูง อักษรกลาง อักษรต่ำ ก.ข. ก.กา และมาตราแม่ต่างๆ พร้อมทั้งช่วยครอบครัวทำนา จนกระทั่งอายุครบบวช จึงได้ทำการบรรพชา อุปสมบท ตามประเพณีให้พ่อ-แม่ ที่วัดโคกหนองไผ่ เป็นเวลา 2 พรรษา และลาสิกขาบทออกมาช่วยครอบครัวประกอบอาชีพ ต่อมาทางราชการมีการเกณฑ์คนหนุ่มส่งไปจังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อพัฒนาเป็นเมืองหลวงแห่งที่ 2 และมีข่าวว่าคนหนุ่มที่ถูกส่งไปป่วยเป็นไข้ป่า เสียชีวิตจำนวนมาก ทางครอบครัวจึงส่งท่านให้มาอยู่กับลุงที่นครสวรรค์ ชื่อลุงปาน ที่บ้านวังม้า ต.วังม้า อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์ ขณะนั้น พศ. 2486 ท่านได้ขอค่าเดินทางมานครสวรรค์ด้วยเงินเพียง 40 บาท

    ต่อมาในปีเดียวกัน(พศ.2486) ลุงปานได้จัดการอุปสมบทให้ท่านที่วัดวังม้า ขณะนั้นท่านอายุได้ 26 ปี อุปสมบทเมื่อวันขึ้น 8 ค่ำ เดือน 6

    พระอุปัฌาย์คือหลวงพ่อภู่ วัดลาดยาว พระกรรมวาจาจารย์คือ หลวงพ่อสิงห์ วัดดอนโพธิ์ พระอนุสาสนาจารย์คือหลวงพ่อประสิทธิ์ วัดวังม้า และจำพรรษาที่วัดวังม้า ต่อมา ปี พศ.2487 จำพรรษาที่วัดโพธาราม พศ. 2488 จำพรรษาที่วัดยาง(วัดสุคตวราราม) และย้ายมาจำพรรษาที่วัดช่องคีรีศรีสิทธิวราราม พศ. 2489 ท่านสอบได้นักธรรมโท สำนักเรียนวัดนครสวรรค์ และท่านได้อยู่ที่วัดช่องคีรีศรีสิทธิวรารามมาจนถึงปัจจุบัน หลวงพ่ออุยเป็นเจ้าอาวาสลำดับที่ 13

    หลังจากที่หลวงพ่ออุยมาจำพรรษาอยู่ที่วัดช่องคีรีศรีสิทธิวราราม ท่านได้ศึกษาวิชาอาคมต่างๆจากอดีตเจ้าอาวาส และจากหลวงพ่อประสิทธิ์ วัดวังม้า ซึ่งเป็นพระเถระที่มีอายุกาลพรรษาสูงและมีวิชาอาคมรูปหนึ่งของนครสวรรค์ ทั้งยังศึกษาวิชาจากพระเถระอีกหลายรูปที่มีชื่อเสียงของนครสวรรค์ ท่านได้ปฏิบัติสมาธิ เจริญจิตภาวนา อยู่อย่างสงบตามแบบของพระเถระที่คมในฝัก ท่านไม่อวดโอ้แสดงตน ไม่พูดคุยถึงความรู้ความสามารถและวิชาอาคมที่ท่านมีอยู่ ท่านได้พัฒนาวัดช่องคีรีศรีสิทธิวรารามมาตามลำดับ เมื่อมาอยู่ที่วัดช่องคีรีศรี
    สิทธิวราราม หลวงพ่ออุยได้รักษาการเจ้าอาวาสอยู่นาน 4 ปี ต่อมาจึงได้เป็นเจ้าอาวาส พศ.2524 ได้เป็นพระครูชั้นประทวน พศ. 2530 ได้เป็นพระครูชั้นสัญญาบัตร และใน พศ.2552 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ที่ “พระครูนิภาสธรรมวัฒน์”

    จากเดิมที่วัดช่องคีรีศรีสิทธิวราราม อยู่ในป่าไม่มีพระอุโบสถ พระสงฆ์ทั้งหมดต้องเดินทางไปลงพระอุโบสถที่วัดวรนาถบรรพต(วัดกบ)เป็นเวลานานถึง 24 ปี หลวงพ่ออุยจึงได้ริเริ่มทำการก่อสร้างโบสถ์ในปี พศ. 2507 ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 7 ปี จึงเสร็จสิ้นเมื่อ พศ. 2514 หลวงพ่ออุยได้เพียรพยายามก่อสร้างศาสนวัตถุ ทั้งโบสถ์วิหาร ศาลาการเปรียญ ด้วยความร่วมมือของประชาชนและผู้ที่ศรัทธาในวัตรปฏิบัติของท่าน

    หลวงพ่ออุยเป็นพระสมถะ ไม่สะสม ทรัพย์สินเงินทองที่มีผู้ศรัทธาบริจาคทำบุญมา ท่านจะใช้ไปในกิจการของสงฆ์ทั้งสิ้น ส่วนที่เหลือท่านได้บริจาคตอบคืนให้กับสังคมทั้งทางด้านการศึกษา การช่วยเหลือผู้ป่วย ด้วยการบริจาคทรัพย์สร้างโบสถ์ สร้างศาลา สร้างกุฏิ ที่วัดโคกหนองไผ่ บ้านเดิมของท่าน เป็นงินทั้งสิ้น 5 ล้านบาท ตั้งมูลนิธิโรคเอดส์ให้โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ นครสวรรค์ 2 ล้านบาท สร้างศูนย์สุขภาพชุมชนวัดช่องคีรีศรีสิทธิวราราม 1 ล้านบาท ตั้งมูลนิธิหลวงพ่ออุย ภู่บัว เพื่อการศึกษาให้โรงเรียนเทศบาล 5 วัดช่องคีรีศรีสิทธิวราราม 1 ล้าน 3 แสนบาท

    วัตรปฏิบัติที่สำคัญ ที่หลวงพ่ออุย ปฏิบัติมาตลอดคือการออกบิณฑบาต ทุกเช้าตั้งแต่ตี 5 ท่านจะบิณฑบาตไปรอบตลาดปากน้ำโพและกลับถึงวัดเวลาประมาณ 7.00 น. ต่อมาอายุได้ 83 ปี หลวงพ่อต้องหยุดบิณฑบาตเนื่องจากอายุมากขึ้นและเคยได้รับอุบัติเหตุ รวมทั้งถูกแก้วบาดเท้าเวลาบิณฑบาต อีกประการหนึ่งที่หลวงพ่ออุยปฏิบัติเป็นประจำคือการฉันเอกา ท่านฉันภัตตาหารเพียงมื้อเดียวคือมื้อเพล ท่านมักสอนผู้ที่มากราบไหว้ท่านว่า “เช้าๆ อย่าขี้เกียจเดิน มันเป็นยาขนานเอก” และท่านยังแนะนำหลักธรรมในการปฏิบัติตนของชาวพุทธว่า “รักษาศีล 5 ให้ครบถ้วนก็เพียงพอแล้ว”


    [​IMG]

    ด้านวัตถุมงคลท่านบอกว่าท่านไม่เชื่อและไม่ชอบ แต่ถ้ามีใครมาให้เสก ท่านก็เสกเป่าให้ไป ท่านบอกว่าช่วยสงเคราะห์กันไปในเมื่อเขามาแล้ว แต่วัตถุมงคลของท่านมักจะมีผู้ศรัทธาสร้างมาให้ท่านเสกและให้ท่านแจกจ่าย ไม่มีการให้เช่าบูชา แทบทุกรุ่นจะไม่มีเหลืออยู่ที่วัดเลย และวัตถุมงคลของท่าน ส่วนใหญ่ได้รับความนิยมจากประชาชนทั่วไป อย่างเหรียญรูปไข่ รุ่นแรกของท่าน สร้างเมื่อประมาณ พศ.2513 ท่านได้แจกจ่ายให้แก่บรรดาผู้ที่เคารพศรัทธาในตัวท่าน เกิดมีประสบการณ์เพราะมีชายคนหนึ่งเดินทางไปเจอกับควายที่อยู่กลาง
    ทุ่งนา ปรากฎว่าถูกควายขวิดกระเด็นจนตัวลอยและควายตัวนั้นได้เอาเขาเสยรับชายคนนั้นที่ตกลงมาจนเสื้อขาด แต่ชายคนดังกล่าวกลับไม่มีรอยบาดแผลหรือได้รับบาดเจ็บเลย จึงเป็นที่แสวงหาและมีราคาค่านิยมมาก

    หลวงพ่ออุย อภิวฑฺฒโณ พระสมถะ ไม่สะสม ไม่นิยมเสก เป็นพระนักปฏิบัติ มีอายุกาลพรรษาสูงรูปหนึ่งของเมืองนครสวรรค์ พระดีที่น่ากราบไหว้ น่าเคารพ น่าศรัทธาในการปฏิบัติตนของท่าน
    น่ากราบไหว้ น่าเคารพ น่าศรัทธาในการปฏิบัติตนของท่าน
     
  5. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448
    [​IMG]

    พระปิดตาผงอิทธิเจ ไตรมาส ปี 2523

    เป็นพระปิดตารุ่นแรกที่ออกที่วัดวังก์วิเวการามอย่าง เป็นทางการ

    โดยคุณบุญส่ง ไหลธนานนท์เป็นผู้สร้างถวาย

    พระปิดตารุ่นนี้หลวงพ่อท่านเขียนยันต์และลบทำผงอิทธิ เจด้วยตัวเองล้วน ๆ

    ผสมกับผงวิเศษที่รวบรวมจากที่ต่าง ๆ และให้พระ - เณรที่วัดพระปฐมเจดีย์เป็นผู้กดพิมพ์

    หลังจากนั้นก็นำมาให้หลวงพ่ออุตตมะปลุกเสกเดี่ยวตลอด ไตรมาส

    พระปิดตารุ่นนี้จึงเป็นพระดีที่น่าใช้มาก ๆ เป็นพิมพ์แบบคล้ายเม็ดบัว ขนาดกว้างเพียง 1.5 ซม. เท่านั้น

    ขอบพระคุณ เวป siamamulet.net
     
  6. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448
    เหรียญนั่งพานมหาเศรษฐีหลวงพ่อหวั่น รุ่น "มหาเศรษฐี"

    เนื้อทองแดงไม่ตัดปีก (จากชุดกรรมการเล็ก)


    [​IMG]


    สร้าง 999 เหรียญ ปลุกเสกโดยพระครูพิพิธธรรมาธร (หลวงพ่อหวั่น กุสลจิตโต) วัดคลองคูณ ต. คลองคูณ อ. ตะพานหิน จ. พิจิตร
    หลวงพ่อหวั่น เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีกาลพรรษาสูงรูปหนึ่ง ท่านสร้างวัตถุมงคลออกมาในแบบเนื้อผงผสมมวลสารมากกว่า เนื้อโลหะ

    โดยเฉพาะพระนางพญาผงใบลานนั้นเด่นในทางเมตตามหานิยมเยี่ยมมากทีเดียว ส่วนตะกรุดสาลิกาคู่เยี่ยมในทางมหานิยม ผู้คนชาว

    บ้านเขาโจษขานกันมานานแล้วว่า หลวงพ่อหวั่นนั้นท่านเป็นพระที่เมตตาสูง ท่านปล่อยวางจากลาภสักการะ อดิเรกลาภต่างๆหลวงพ่อ

    หวั่น ท่านไม่ได้ยินดีปัจจัยไทยทานต่างๆท่านวางไว้เหมือนไม่สนใจใยดี นอกจากเป็นพระเถระที่ยึดสันโดษเป็นที่ตั้งแล้วในเรื่องกฤดา

    อภินิหารต่างๆ ชาวบ้านเล่าว่าท่านนั้นเก่งมากทั้งในด้านเมตตาคงกระพันชาตรี โดยเฉพาะวัยรุ่นในย่านตะพานหินที่หัวนิยมชื่นชอบหนัก

    ในทางต่อสู้ตีรันฟันแทงแล้วจะต้องพกตะกรุดโทน หลวงพ่อหวั่น ติดตัวเพื่อช่วยใน ยามคับขัน

    [​IMG]


    อัตตะประวัติ
    พระครูพิพิธธรรมาทร มีนามเดิมว่า หวั่น นามสกุล แพนนท์ เกิดเมื่อวันที่ ๒ กันยายน ๒๔๗๘ ตรงกับวันจันทร์ขึ้น ๑๑ คํ่าเดือน ๙ ปีกุน

    ที่บ้านคลองคูณ หมู่ที่ ๒ ตำบลคลองคูณ อำเภอ ตะพานหิน เมืองพิจิตร โยมบิดามีนามว่า นายหมึก เป็นหมอกลางบ้านหรือแพทย์แผน

    โบราณ โยมมารดาชื่อ นางขอด แพนนท์มีพี่น้องรวมทั้งหมด ๑๑ คน ผู้ชาย ๕ คนผู้หญิง ๖ คน ส่วนหลวงพ่อหวั่น ท่านเป็นลูกคนที่ ๔

    ของครอบครัว

    [​IMG]

    อุปสมบท
    เมื่ออายุย่างเข้าปีที่ ๒๑ พ่อแม่จึงจัดการนำไปฝากเป็นศิษย์วัดเพื่อเรียนท่องคำขานนาคแล้ววันมงคลแห่งชีวิตก็มาถึงวันที่ ๗ กรกฎาคม

    ๒๔๙๙ตรงกับวันเสาร์ ขึ้น ๘ คํ่า เดือน ๖ ปีวอก ท่านจึงได้เข้ารับการอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ในพัทธสีมาของวัดคลองคูณ โดยมี พระครู

    พิเศษ ธรรมรัตน์ วัดหาดแตงโม อำเภอ ตะพานหิน เป็นพระอุปัชฌาย์ พระใบฎีกานนท์ วัดไผ่หลวง เป็นพระกรรมวาจาจารย์และ พระ

    ธรรมธร สง่า วัดไซลงโขน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ได้รับนามฉายาว่า “กุสลจิตโต” เมื่อบวชในพระศาสนาแล้วท่านตั้งใจแน่วแน่ในการ

    สวดร้องท่องบ่นเจ็ดตำนานสิบสองตำนาน จนญาติโยมต่างร่วมอนุโมทนาบุญกับท่าน และญาติโยมชาวบ้านคลองคูณ ต้องการให้ท่าน

    ครองผ้ากาสาวพัตรอันเป็นหลักชัยในทางพระพุทธศาสนาไปนานๆประกอบกับท่านนั้นเป็นลูกหลานชาวบ้านนี้ ซึ่งก็ไม่ทำให้ญาติโยม

    ผิดหวังเนื่องจากหลวงพ่อหวั่นแม้จะเป็นสัทธิวิหาริกคือหมายความว่า หลวงพ่อหวั่น ท่านเป็นผู้ก้าวเข้ามาใหม่ในอารามแห่งนี้ก็จริงอยู่

    แต่ท่านเป็นพระหนุ่มผู้ เคร่งครัด ในพระธรรมวินัยเป็นยิ่งนัก เร่งเรียนทำวัตรสวดมนต์และศึกษาข้อวัตรปฏิบัติทาง พระศาสนาอันเป็นคำ

    สอนของพระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยไม่ละความเพียรพยายามที่จะเรียนรู้จนญาติโยมศรัทธาทั้งหมู่บ้านเมื่อบวชได้ ๓ พรรษาจึงได้

    รับความไว้วางใจให้เป็นผู้ดูแลพระบวชใหม่ภายในวัดหรือเรียกว่า แต่งตั้งเป็นรักษาการแทนเจ้าอาวาสนั้นเอง


    [​IMG]


    สายอาคม
    หลวงพ่อหวั่น ท่านนับได้ว่าเป็นพระเกจิอาจารย์เป็นที่เคารพกราบไหว้ของคนในอำเภอ ตะพานหินและถิ่นย่านใกล้เคียงในภาคเหนือ

    ตอนล่าง นครสวรรค์ พิจิตร พิษณุโลก อุตรดิตถ์ ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่เข้มขลังมากๆในเรื่องตะกรุดสาลิกา และตะกรุดมหาอุด ท่าน

    ได้เมตตาบอกกับผู้เสนอบทความว่า ท่านทำตะกรุดตั้งแต่พรรษายังไม่มากนักคือท่านได้ตำรามาจากของเก่าแก่ในวัดซึ่งเป็น ยันต์ที่หลวง

    ปู่จันทร์ท่านได้เขียนเอาไว้และบอกสรรพคุณของตะกรุดแต่ละชนิดประกอบกับหลวงพ่อหวั่นท่านพอเข้าใจภาษาขอมได้อยู่ในระดับหนึ่ง

    จึงไม่ใช่สิ่งแปลกสำหรบท่านที่จะเขียนยันต์ลงในตะกรุด เมื่อลงตะกรุดแรกๆก็แจกให้กับญาติพี่น้องกันก่อนเพราะถือว่าในขณะนั้นท่าน

    เป็นพระที่บวชใหม่ เมื่อญาติพี่น้องเอาไปใช้เกิดอภินิหารต่างๆในด้านเมตตาโชคลาภตลอดจนคงกระพันชาตรีตะกรุดพระหวั่นในยามนั้น

    จึงขยายวงกว้างแห่งความศรัทธาสู่ญาติโยมไปทั่ว ทำให้สมภารหนุ่มในขณะนั้นต้องสงเคราะห์ญาติโยมที่มาขอตะกรุดท่านตลอด
    ครูบาอาจารย์ในสายอาคมของท่านที่ไม่กล่าวถึงเลยไม่ได้ บิดาของหลวงพ่อหวั่น เป็นนักเล่นอาคม นับได้ว่าเป็นผู้ขมังเวทย์อีกคนหนึ่งใน

    ย่านคลองคูณ เพราะหมอหมึก โยมบิดาของท่านเป็นหมอแผนโบราณที่ชอบและฝักใฝ่ในเรื่องคาถาอาคมจนถือกันว่าขึ้นชั้นระดับแถว

    หน้าของชาวบ้านย่านคลองคูณเพราะเมื่อ ๕-๖๐ปี ก่อนยังถือว่าบ้านคลองคูณ อยู่ในถิ่นกันดารที่การเดินทางยังยากเข็ญอยู่นอกจาก

    เกวียนหรือม้าแล้วก็ทางเรือเท่านั้นที่สะดวก ใครถูกผีเข้าเจ้าสิงก็ต้องวิ่งโร่ไปที่บ้านหมอหมึกและส่วนมากจะหายเสียด้วยจึงทำให้ชื่อเสียง

    ลือกระฉ่อนออกไปในรัศมีกว้างในละแวกนั้น และย่านใกล้เคียงจึงมอบความไว้วางใจให้หมอหมึกเป็นผู้รักษาจะกินนํ้าหมาก ราด

    นํ้ามนต์ก็ไม่ขัดข้องเพราะ หมอหมึกถือว่าช่วย
    สงเคราะห์เพื่อนมนุษย์ร่วมโลกหายทุกข์คลายโศกกันคนแล้วคนเล่า หรือเจ็บไข้ได้ทุกข์ทางร่างกายและจิตใจก็วิ่งหาหมอหมึกให้ช่วย

    เจียดยา บรรเทาทุกข์เวทนา ด้วยที่หลวงพ่อหวั่นพบเห็นการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ของหมอหมึก ผู้เป็นโยมพ่อหรือสมัยนี้เขาจะเรียกเสีย

    โก้หรูว่าแพทย์แผนโบราณมาตั้งแต่เด็กๆจึงทำให้จิตใจ ของหลวงพ่อหวั่น มีแต่ความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ผู้เกิดมาร่วมโลกเสมอด้วย

    ญาติกันทุกคน
    นอกจากหมอหมึกบิดาของท่านแล้ว หลวงพ่อหวั่นได้เรียนวิชาจากตำราของหลวงพ่อโพธิ์ วัดคลองหมาเน่า ซึ่งหลวงพ่อโพธิ์ท่านเป็นพระ

    มอญที่ไปจากจังหวัดปทุมธานี มีความเชี่ยวชาญในการลงตะกรุดคงกระพัน ไปอยู่ที่วัดคลองหมาเน่า จนกระทั่ง มรณะภาพ ลงญาติพี่

    น้องของท่านที่อยู่ในจังหวัดปทุมธานี ได้เดินทางไปรับศพท่านกลับมาประกอบพิธีทางพระศาสนาและ ปลงศพที่บ้านเกิดหลังที่ทางคณะ

    กรรมการวัดคลองหมาเน่าตลอดจนผู้ศรัทธาได้ประกอบพิธีทางศาสนาได้ระยะหนึ่ง เล่ากันว่าหลวงพ่อโพธิ์ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ ที่

    เข้มขลังวิชาเป็นที่เคารพศรัทธาของญาติโยมใน ละแวกนั้น นอกจากหลวงพ่อโพธิ์วัดคลองหมาเน่าแล้ว หลวงพ่อหวั่น ท่านได้ไปเรียน

    คาถาด้านเมตตามหานิยมกับท่านพระอาจารย์รอด ที่สำคัญและไม่กล่าวถึงไม่ได้คือหลวงพ่อจันทร์ วัดคลองคูณพระเกจิอาจารย์นาม

    อุโฆษในอดีต หลวงพ่อหวั่นได้เรียนรู้วิชาอาคมของหลวงพ่อจันทร์ท่านได้วิธีการลงอักขระยันต์ต่างๆ ในตะกรุดตลอดจนขั้นตอนการปลุก

    เสกและการนั่งสมาธิ เพื่อให้วัตถุมงคลที่ได้ปลุกเสกไปเกิดมีฤทธิ์อำนาจทางพุทธคุณในด้านต่างๆ เมื่อได้ศึกษามาก็ได้ฝึกปรือจนแน่ใจว่า

    ใช้ได้ในเรื่องพุทธคุณไม่ขาดไม่เกินความสามารถที่หลวงพ่อหวั่นท่านได้เรียนมาก็มอบให้ญาติโยมซึ่งเดินทางมาจากที่ต่างๆทั้งใกล้และ

    ไกลเมื่อมีประสบการณ์ต่างบอกกล่าวเล่าต่อๆ กันไปกระทั่งท่านนั่งต้อนรับญาติที่ต่างดั้นด้นมาหาท่าน แม้ในขณะนั้นบางคนต้องเดิน

    เท้ามานานนับชั่วโมงโดยมิย่อท้อ เดินทางมาเพื่อให้พบกับพระอาจารย์หนุ่มท่านนี้ให้จงได้ และหลวงพ่อหวั่น ท่านเป็นผู้มีเมตตาสูงใคร

    ไปใครมาขอเมตตาอะไรจากท่านก็ล้วนแต่สำเร็จจากปากสู่หูที่บอกเล่ากล่าวต่อกันไป ชื่อเสียงของท่านหอมกระจายไปในทุกสารทิศ

    เหมือนกลิ่นดอกแก้วที่หอมรวยรินไปกับสายลมในยามรุ่งอรุณ เกียรติคุณความดีของท่านนั้นหาได้ผิดแผกไปจากความหอมแห่งบุปผา

    ชาติในยามรุ่งสางไม่ ปัจจุบันแม้สังขารจะล่วงเลยเข้าร่วมศตวรรษแล้วก็ตาม แต่หากมีพิธีพุทธาภิเษก ในเขตจังหวัดพิจิตรตลอดจนย่าน

    ใกล้เคียงในละแวกนี้ จะต้องมีนามของท่านพระครูพิพิธธรรมาทรร่วมในพิธีฯ อยู่ด้วยเสมอทุกครั้งไป



    [​IMG]


    [​IMG]

     
  7. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448
    [​IMG]

    เบี้ยแก้เปลือยพระครูพิศิษฎ์รัตโนภาส(หลวงพ่อเสียน ปภากโร)วัดมะนาวหวาน ตำบลม่วงเตี้ย อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง

    เบี้ยแก้นี้สร้างตามที่หลวงพ่อได้เล่าเรียนมาจากหลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน ด้านในจะบรรจุปรอท อุดด้วยชัน ปิดด้วยแผ่นทองแดงจาร ตอกโค๊ต

    หลวงพ่อเสียน วัดมะนาวหวาน ท่านเป็นศิษย์รุ่นน้องหลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน โดยหลวงพ่อเสียนเรียกหลวงพ่อทรงว่า หลวงพี่ทุกครั้ง

    หลวงพ่อเสียนท่านเคยเป็นถึงเจ้าคณะตำบลมาก่อน ปัจจุบันท่านอายุ 84 ปี และศิษย์ร่วมอาจารย์ที่สนิทสนมกันมาก หลวงพ่อเสียนก็เรียกหลวงพี่ทุกครั้ง เป็นการให้เกียรติ์ นั่นก็คือ หลวงพ่อมี วัดม่วงคัน จนผู้คนเลื่องลือในความเก่งกาจทั้งหลวงพ่อทรง หลวงพ่อมี และหลวงพ่อเสียน

    ทั้งสามองค์ชอบแลกเปลี่ยนวิชากันเป็นประจำ ในพื้นที่อำเภอวิเศษชัยชาญ ผู้คนนับถือหลวงพ่อเสียนมาก ว่าท่านเก่งไม่เป็นรองใครเหมือนกัน เบี้ยแก้ หลวงพ่อเสียนท่านจะทำเรื่อยๆ พอหมดก็สร้างใหม่

    จัดเป็นเกจิเมืองอ่างทองอีกองค์หนึ่งที่ ยังรักษาตำนานเบี้ยแก้ แห่งเมืองอ่างทองไว้ให้ลูกหลานได้ใช้ของดี เพราะหมดรุ่นนี้แล้ว ของเฉพาะตัวแบบนี้ ไม่รู้ว่าใครจะเสกได้เหมือนเกจิรุ่นนี้อีกแล้ว

    ถามท่านว่า เบี้ยแก้ นี่ใช้ทางใหน ท่านบอกได้หมด ให้ร้ายกลายเป็นดี กันคุณไสย ถูกกระทำยำยี ถอนของที่ไม่ดีในตัว แก้อาถรรณ์ต่างๆ หลวงพ่อเสกอยู่นานจึงออกให้บูชา

    หลังจากหลวงพ่อเสียนมรณภาพเบี้ยแก้ก็หมดจากวัดอย่างรวดเร็ว สุดยอดเบี้ยแก้ของเมืองอ่างทองยุคปัจจุบันครับ

    [​IMG]


    ประวัติพระครูพิศิษฎ์รัตโนภาส(หลวงพ่อเสียน ปภากโร)เจ้าอาวาสวัดมะนาวหวาน อดีตเจ้าคณะตำบลม่วงเตี้ย

    ท่านเกิดเมื่อปี พ.ศ. 2470 โดยได้บวชเณรตั้งแต่เล็กจนครบอายุบวชพระ เมื่อปี 2490

    ได้บวชและอยู่ที่วัดมะนาวหวาน จนหลวงพ่อองค์ก่อนมรณภาพ จึงได้แต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสเมื่อปี 2497 จนถึงปัจจุบันรวมบวชมา 65 พรรษา อายุ 85 ปี

    หลวงพ่อเสียนท่านมีแต่ให้ และส่งเสียเด็กวัดจนได้ดิบได้ดีจำนวนมากและมีลูกศิษย์ลูกหาอยู่ทั่วประเทศ ทุกวันจะมีมาหาไม่ขาดสายเพราะท่านเป็นพระสายเมตตามหานิยม

    ที่สำคัญท่านออกวัตถุมงคลหลายรุ่นด้วยกันที่โด่งดัง รุ่น 1 เหรียญรูปไข่ รุ่นสร้างศาลาการเปรียญปี 17 ตะโพนกรามช้างที่โด่งดัง

    หลวงพ่อเสียน เมื่อบวชแล้ว ท่านก็อยู่ที่วัดมะนาวหวานรับใช้หลวงพ่อเล็กพระอาจารย์ที่ถ่ายทอดวิชาให้ท่านมากมายเป็นพระอริยสงฆ์ที่กราบได้สนิทใจ

    ท่านเป็นผู้ทรงศีลปฏิบัติตามหลักพระพุทธศาสนาอย่างเคร่งครัด ท่านได้รับการถ่ายทอดวิชาต่าง ๆ มาจากหลวงปู่เล็ก (อดีตเจ้าอาวาสวัดมะนาวหวาน)

    หลวงพ่อเสียน ท่านละสังขารอย่างสงบเมื่อเวลา 08.00 น. ของวันที่ 3 เม.ย. 55 ที่ผ่านมาครับ

    ข้อมูลจากราชาพระเครื่อง
    http://www.ราชาพระเครื่อง.com/forum/index.php?topic=3083.0
     
  8. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,981
    ค่าพลัง:
    +53,093

    คุณภาพล้วนๆ วันนี้ ยกให้เป็นพระเอกเลยก๊าบ :cool::cool:
     
  9. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448
    พระปัจเจกพุทธเจ้า หลวงพ่อฤๅษีอธิษฐานจิต

    [​IMG]


    พระปัจเจกพุทธเจ้า
    จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
    พระปัจเจกพุทธเจ้า (บาลี: ปจฺเจกพุทฺธ, สันสกฤต: ปฺรตฺเยกพุทฺธ) เป็นพระพุทธเจ้าประเภทหนึ่ง ได้บำเพ็ญบารมี 2 อสงไขยกำไรแสนกัป

    และตรัสรู้อริยสัจ 4 ด้วยพระองค์เองเช่นเดียวกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    แต่จะเสด็จมาตรัสรู้ในคราวที่โลกว่างเว้นพระพุทธศาสนา และมาตรัสรู้ได้หลายพระองค์ในสมัยเดียวกัน

    แต่พระปัจเจกพุทธเจ้านั้น มิได้ทรงประกาศพระศาสนาเกิดสาวกพุทธบริษัทเหมือนอย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    [​IMG]

    ในปรมัตถโชติกา อรรถกถาสุตตนิบาตอธิบายว่า การบรรลุธรรมของพระปัจเจกพุทธเจ้า เปรียบเสมือนรสกับข้าวที่พรานป่าได้ลิ้มในเมือง

    ฉะนั้น จึงไม่อาจสอนให้บุคคลอื่นรู้ตามตนได้ (คือสอนได้แต่ไม่อาจให้รู้ตามได้) ไม่ก่อตั้งหรือสถาปนาในรูปสถาบันศาสนา

    แต่เน้นอนุโมทนาแก่ผู้ถวายทานให้ท่าน จะอุบัติขึ้นในช่วงพุทธันดร กล่าวคือ เป็นช่วงเวลาที่โลกว่างจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    ดังนั้น ในปัจจุบันนี้ จึงไม่มีพระปัจเจกพุทธเจ้าอุบัติขึ้น

    พระปัจเจกพุทธเจ้าแต่ละองค์มีประวัติคล้ายกัน คือ เป็นมาจากกษัตริย์ พราหมณ์ หรือคหบดี ในสมัยโบราณที่เบื่อหน่ายในโลกิยสมบัติ

    ได้ออกบวชศึกษาพระธรรมจนบรรลุพระปัจเจกโพธิญาณ เมื่อบรรลุพระปัจเจกโพธิญาณแล้ว ก็ไปชุมนุมที่เขาคันธมาทน์กูฏ

    ซึ่งเป็นยอดเขาแห่งหนึ่งของเทือกเขาหิมพานต์หรือหิมาลัย มีฝูงช้างฉัททันต์คอยปรนนิบัติอยู่เป็นนิจ

    [​IMG]

    คุณลักษณะพิเศษที่สำคัญประการหนึ่งของพระปัจเจกพุทธเจ้าคือ การดำเนินชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยว หรือการดำเนินชีวิตอยู่เพียงลำพัง (เอกะ)

    ในวรรณคดีพระพุทธศาสนา เปรียบเทียบ การดำเนินชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวของพระปัจเจกพุทธเจ้า

    เหมือนกับนอแรด (ขคฺควิสาณกปฺโป) ซึ่งแรดของอินเดียมีเพียงนอเดียว

    ส่วนแรดในประเทศอื่นมี ๒ นอก็มี แต่กระนั้นก็ตาม พระปัจเจกพุทธเจ้าก็ต้องมาประชุมพร้อมกันเพื่อทำกิจกรรมร่วมกัน

    คือในวันที่พระปัจเจกพุทธเจ้าองค์ใหม่อุบัติขึ้นและในวันอุโบสถ

    พระพุทธองค์ตรัสแก่พระอานนท์ในคัมภีร์ปัจเจกพุทธาปธานว่า "ในโลกทั้งปวง เว้นเราแล้ว ไม่มีใครเสมอพระปัจเจกพุทธเจ้าเลย"
     
  10. nitikoon kongkhaw

    nitikoon kongkhaw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,314
    ค่าพลัง:
    +53,506
    พระสมเด็จเหม็นหลวงพ่ออุ้น วัดตาลกงเมตตาแรงสุดๆๆๆๆๆครับ...:cool::cool:
     
  11. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448

    หน้า ๙๙๙ มีดหมอเสาร์ห้า
    ....:cool::cool::cool:
     
  12. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448
    [​IMG]

    ที่มาของบทความ ประวัติ หลวงพ่อเมี้ยน วัดโพธิ์กบเจา บางบาล จ.อยุธยา : เว็บ-พระ.คอม

    ประวัติ หลวงพ่อเมี้ยน วัดโพธิ์กบเจา บางบาล จ.อยุธยา

    ชีวประวัติ

    หลวงพ่อเมี้ยน พุทฺธสิริ หรือ พระครูพุทธสิริวัฒน์ อดีตเจ้าอาวาส วัดโพธิ์กบเจา บางบาล จ.อยุธยา ท่านมีนามเดิมว่า เมี้ยน นามสกุล เกิดโภคทรัพย์ เกิดเมื่อวันพฤหัสบดี เดือนยี่ ปีมะเส็ง (ตรงกับปี พ.ศ. 2460) ที่บ้านหาดทราย หมู่ 9 ต.กบเจา อ.บางบาล จ.อยุธยา เป็นบุตรของ นายแก้ว และ นางทองม้วน เกิดโภคทรัพย์ มีพี่น้องร่วมอุทร 8 คน

    หลวงพ่อท่าน เป็นคนใฝ่รู้ใฝ่เรียนมาตั้งแต่เด็ก (ปล. เรียกว่า เป็นคนแก่เรียนเอามากๆเลยครับ) หลวงพ่อท่านจะชอบศึกษา ค้นคว้า อยู่ตลอดเวลา อีกทั้ง เนื่องจากบิดาของท่านเป็นหมอยากลางบ้าน ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านสมุนไพร ยาแผนโบราณต่างๆ ทำให้หลวงพ่อท่าน ได้รับความรู้ ความเข้าใจ ด้านสมุนไพร และ ตัวยาแผนโบราณต่างๆ เพียงอายุยังน้อย เพราะท่านจะออกตาม บิดาท่าน ไปรักษา ผู้คนอยู่บ่อยๆ ไม่เพียงแต่ ด้านการแพทย์ ที่ท่านใฝ่ศึกษา และเรียนรู้ แต่ท่านยังชอบศึกษาหลักพระธรรม อีกด้วย (ปล. คงเป็นเพราะ ด้วยนิสัยส่วนตัว ของท่านเป็นคนใจดี มีเมตตา ชอบช่วยเหลือผู้คนอยู่แล้ว) ภายหลัง ท่านมีโอกาสได้บรรพชาเป็นสามเณร โดยได้รับการศึกษาภาษาบาลี ที่วัดดาวดึงษาราม ธนบุรี สอบได้ชั้นมูล 2 และสอบได้นักธรรมชั้นตรี ต่อมาท่านได้สึกออกมา เพื่อช่วยงานที่บ้านอยู่พักนึง จนกระทั่งพออายุครบบวช ท่านจึงได้ทำการอุปสมบท ที่วัดโพธิ์กบเจา บางบาล จ.อยุธยา ในปี พ.ศ. 2481 โดยมี พระครูปุ้ย วัดธรรมโชติการาม (วัดขวิด) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอธิการหลิ่ว วัดพิกุลโสคันธ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์, พระครูหลิ่ม วัดโพธิ์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้ฉายาว่า " พุทฺธสิริ "

    เมื่อบวชเป็นพระแล้ว หลวงพ่อท่านก็ตั้งศึกษาพระธรรมวินัย และปฏิบัติในทางพระกรรมฐาน จนมีจิตใจมั่นคงต่อ พระพุทธศาสนา หลังการบวชได้ 7 พรรษา หลวงพ่อก็ได้รับการแต่งตั้งจากคณะสงฆ์ให้เป็น เจ้าอาวาสวัดโพธิ์กบเจา แทนเจ้าอาวาสองค์ก่อน ที่มรณภาพลง หลวงพ่อท่าน ได้ทำหน้าที่ของท่าน เป็นอย่างดี โดย ท่านเป็นศูนย์รวมจิตใจ ที่ยึดมั่น และที่พึ่งของชาวบ้าน เรื่อยมา

    จวบจน กาลเวลาที่ชาวบ้านได้สูญเสีย ร่มโพธิ์ ร่มไทร ที่พวกเค้า เชิดชู เคารพ รัก และศรัธทายิ่ง ของพวกเค้าไป ในวันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2541 หลวงพ่อได้มรณภาพลงด้วยอาการสงบ สิริอายุได้ 81 ปี 60 พรรษา



    การศึกษาพุทธคม

    นี่คือตำนานบทสำคัญ ของ อมตะเถระแห่งเมืองกรุงเก่า ผู้เป็นเจ้าตำรับ 5 ม. (น้ำมัน น้ำมนต์ มีดหมอ ไม้ครู ชานหมาก) อันโด่งดัง เนื่องด้วยท่านเป็น พระคงแก่เรียน อยู่แล้วเป็นทุนเดิม จึงทำให้ หลวงพ่อท่าน มักจะศึกษา หาข้อมูล ความรู้ อยู่เรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นสรรพวิชา อาคมต่างๆ ที่ได้เล่าได้เรียนมาจาก สุดยอดคณาจารย์ที่โด่งดังตลอดกาลอย่าง "พระทองคำ" หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก, หลวงพ่อขัน วัดนกกระจาบ, หลวงพ่อห่วง วัดบางยี่โท, หลวงพ่ออินทร์ วัดเกาะหงษ์ ฯลฯ จนเป็นที่ยอมรับ และกล่าวขาน เรื่อยมา

    ในส่วนของ ยันต์ " นะฉัพพรรณรังษี " ซึ่งเป็นยันต์ประจำองค์ ยันต์ตัวเก่งของหลวงพ่อนั้น การได้มาก็ไม่ธรรมดา ตามประวัติขณะที่ท่านกำลังเจริญกรรมฐานนั้น ได้ปรากฎ " ภิกษุชรา " รูปหนึ่ง มาบอกวิธีการเขียนยันต์ " นะฉัพพรรณรังษี " ตัวนี้ พร้อมทั้งวิธีการเรียก การเสก ครบถ้วนทุกอย่าง ซึ่งต่อมาท่านจึงได้ทราบว่า พระภิกษุชรารูปนั้น ก็คือ " หลวงพ่อรอด (เสือ) แห่งวัดประดู่ทรงธรรม " นั้นเอง หลังจากนั้น ท่านจึงได้ใช้ยันต์ " นะฉัพพรรณรังษี " ในการปลุกเสกวัตถุมงคลมาโดยตลอด



    วัตถุมงคล

    ในส่วนของวัตถุมงคล ของหลวงพ่อท่าน แต่ละรุ่น แต่ละยุคสมัย มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ มีจุดเด่นในเรื่องของพุทธศิลป์ ความสวยงาม และ เข้มขลัง ด้วยพิธีการโบราณ ดั่งเดิม



    ช่วงเวลาการสร้างวัตถุมงคล ของหลวงพ่อท่าน แบ่งได้ โดยสังเขป ดังนี้

    1. ปี พ.ศ. 2490-2505 (พระผงยุคแรก พระขุนเผน,พระผงพุทธรักษา)

    2. ปี พ.ศ. 2510 (เหรียญปั้มพุทธรักษารุ่นแรก)

    3. ปี พ.ศ. 2520-2523 (เหรียญรุ่นแรก, เหรียญกตัญูญ)

    4. ปี พ.ศ. 2530 (เหรียญ 70 ปี โพธิ์รอบ ทั้ง กลม-ไข่, พระรูปหล่อรุ่นแรก)

    5. ปี พ.ศ. 2534 (เหรียญนะโม, เหรียญหล่อหน้าใหญ่, เหรียญพระกริ่งพุทธรักษา ศิษย์สายวัดสุทัศน์ฯสร้างถวาย)

    6. ปี พ.ศ. 2535 (พระกริ่งช่อฟ้า, เหรียญหล่อช่อฟ้าเต็มองค์, มีดหมอรุ่นแรก ศิษย์สายวัดสุทัศน์ฯสร้างถวาย)

    7. ปี พ.ศ. 2536 (ชุดพระกริ่งมโหสถ, ชุดพิธีเสาร์5 เหรียญเศรษฐี เหรียญเมตา พระรูปหล่อ ศิษย์สายวัดสุทัศน์ฯสร้างถวาย) (ชุดเหรียญไตรมาส 36 ออกวัดโพธิ์ฯ)

    8. ปี พ.ศ. 2537 (พระชุดสิริวัฒน์ พระกริ่งอะระหัง เหรียญหล่อยันต์กลับ เหรียญหล่อเกลียวเชือด เหรียญหล่อพัดยศ เหรียญหล่อพ่อครู เหรียญหล่อพระราหู เหรียญนั่งพาน ศิษย์สายวัดสุทัศน์ฯสร้างถวาย) (พระนาคปรกใบมะขามรุ่นแรก, เหรียญหล่อปลอดโรค-ปลอดภัย ศิษย์สายวัดสุทัศน์ฯสร้างถวาย)

    9. ปี พ.ศ. 2539 ( พระกริ่ง 79 พระชุด "บุญนิธิ" ที่ตอกโค๊ด "บุญนิธิ" ทั้งหมด ศิษย์สายวัดสุทัศน์ฯสร้างถวาย)

    10. ปี พ.ศ. 2540 (เหรียญแจกทาน ศิษย์สายวัดสุทัศน์ฯสร้างถวาย) (เหรียญชุด 80 ปี ออกวัดโพธิ์ฯ)



    ในส่วนของพุทธคุณ และประสบการณ์ จะเห็นเด่นชัด ในรื่องของ โชคลาภ เมตตา ค้าขาย (ปล. อันนี้ผู้เขียนเจอมากับตัวเองเลยครับ) และ เรื่องคงกระพัน ชาตรี มหาอุตม์ หยุดลูกกระสุน (ปล. อันนี้กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วครับ สำหรับคนในพื้นที่ ที่แขวนพระของหลวงพ่อ)


    .....สุดท้ายนี้ ผู้เขียน ขอขอบพระคุณ ผู้ที่มอบข้อมูล ความรู้ คอยชี้แนะ และให้คำปรึกษา ตลอดจน มิตรไมตรี ที่ทุกๆท่าน ยินดีหยิบยื่นให้กัน ขอขอบพระคุณจริงๆครับ จากใจ โอ ธนบุรี.....
     
  13. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,981
    ค่าพลัง:
    +53,093
    [​IMG]

    ผมเผลอไปแทงสนุ๊กฯ แป๊บเดียว หกสิบกว่าแล้ว พี่โญสงสัยกลัวน้องๆ จะว่า ชงเอง กินเองแน่ๆ เลย :cool:
     
  14. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448
    [​IMG]


    [​IMG]


    หลวงพ่อมนัส มนฺตชาโต
    พระผู้เปี่ยมด้วยเมตตาบารมี
    หลวงพ่อเกิดวันที่ 17 มิถุนายน 2491 ท่านเป็นคนจันทบุรีโดยกำเนิด ท่านอุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่ออายุ 20 ปี หลวงพ่อได้เล่าเรียนวิชาต่าง ๆ กับครูบาอาจารย์หลายท่าน อาทิเช่น วิชาธาตุของหลวงปู่สำเร็จลุน จนแตกฉาน วิชาอาคมต่าง ๆ จากพระอาจารย์จำรัส เตชะปัญโญ วัดบ้านแห จ.ปราจีนบุรี หลวงพ่อผาง พระอาจารย์ประเสริฐ ถิระจิตโต จ.อ่างทอง เรียนวิชาด้านเมตตาค้าขาย จากหลวงปู่สาย วัดท่าน้ำแดง จ.ตาก เป็นต้น

    หลวงพ่อมนัส ยังเชี่ยวชาญในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ซึ่งท่านมีความรู้เกี่ยวกับการแพทย์ สอบได้ใบประกอบโรคศิลปะ สาขาเภสัชกรรมไทย เมื่อปี พ.ศ. 2518 โดยส่วนตัวแล้วท่านชอบปลีกวิเวกอยู่ตามป่าตามเขา แต่ด้วยความเมตตาของท่าน ท่านจึงปรารถนาจะช่วยคน ท่านใช้ยอดวิชาเดินธาตุ และธาตุกรรมฐาน 4 และวิชาต่าง ๆ ที่ร่ำเรียนมาในการสงเคราะห์ญาติโยมทั้งหลาย โดยไม่คำนึงถึงความยากลำบาก หรือเหน็ดเหนื่อยแม้แต่ประการใด ไม่ว่าจะยากดี มี จน อย่างไรท่านไม่เคยสนใจ ขอเพียงมาพึ่งพาท่าน ท่านก็จะสงเคราะห์ทุกรายไป

    กล่าวถึงวัตถุมงคลของหลวงพ่อนั้น ท่านจะนั่งปรกปลุกเสกแทบทุกคืน ลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดต่างรู้กันดีถึงความเข้มขลัง และพุทธานุภาพ วัตถุมงคลของท่านนั้นเด่นดังแทบทุกรุ่น ไม่ว่าจะเป็นพระยอดธงที่ขึ้นชื่อ หรือตะกรุด ที่มีประสบการณ์มากมายเล่าสามวันสามคืนก็ไม่จบ ตัวอย่างเช่น ตะกรุดมหารอด ที่มีญาติโยมบูชาแล้วสามารถแคล้วคลาดจากอุบัติเหตุรถข้ามเกาะกลางถนนแต่ไม่เป็นอะไรเลย ไม่มีแผลแม้แต่นิดเดียว แต่รถซึ่งเป็นเหล็กกลับเละ จนใครเห็นก็คิดว่า คนขับคงไม่รอดแน่ แต่ตรงข้ามรอยแมวข่วนยังไม่มีเลย หรือตะกรุดพรานพิฆาตที่ท่านทำขึ้นมาเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับทหารใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะเมื่อทหารเหล่านั้นได้รับตะกรุดจากหลวงพ่อก็จะพกติดตัวตลอด ปรากฏว่า โดนซุ่มโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว แต่สามารถรอดปลอดภัยมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ บางคนขนาดโดนยิงจนหงายท้อง ก็ยังลุกขึ้นมาได้โดยไม่เป็นอะไร หรือเหรียญกระทิงดำ ที่มีญาติโยมบูชาไปแขวนไว้ในรถ เมื่อมีคนร้ายจะมาขโมย ก็ปรากฏเห็นแสงและมีกระทิงวิ่งอยู่รอบ จึงทำให้ก่อการโจรกรรมไม่สำเร็จ และปัจจุบันนี้พระสมเด็จทันใจขี่ไก่ ที่รวบรวมสุดยอดมวลสาร ก็กำลังเป็นที่นิยม เพราะเด่นมากในด้านเมตตา โชคลาภ

    นอกจากวัตถุมงคลแล้ว ยาสมุนไพรต่าง ๆ ของท่าน ก็เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะยาสมุนไพรรักษาโรคมะเร็ง ที่ท่านแจกเป็นทานบารมี ได้ช่วยรักษาผู้ป่วยให้หาย หรือมีชีวิตยืนยาวขึ้นมากมาย เป็นที่ประจักษ์ จนเป็นที่ซาบซึ้งและสำนึกในพระคุณและความเมตตาของท่าน
     
  15. nitikoon kongkhaw

    nitikoon kongkhaw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,314
    ค่าพลัง:
    +53,506
    น้อมกราบหลวงพ่อหวั่น กุสลจิตโต วัดคลองคูณ พระท่านมีประสบการณ์เยอะมากๆครับ ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 พฤษภาคม 2014
  16. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,981
    ค่าพลัง:
    +53,093

    [​IMG]
     
  17. nitikoon kongkhaw

    nitikoon kongkhaw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,314
    ค่าพลัง:
    +53,506
    [​IMG]
     
  18. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448


    <a href="http://www.yenta4.com/cutie/view_img.php?d_id=1945&cate_id=1" target="_blank"><img src="http://www.yenta4.com/cutie/upload/945/1945/50126e934d747.gif" border="0" alt="รูปสวย น่ารัก glitter emoticon www.yenta4.com" title="รูปสวย น่ารัก glitter emoticon www.yenta4.com"></a><br />
     
  19. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448

    [​IMG]
     
  20. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,981
    ค่าพลัง:
    +53,093

    เหรียญรุ่นนี้ น่าใช้มากครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...