วิริยาธิกะพิเศษบันทึก

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย pco-, 7 มิถุนายน 2010.

  1. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    ไม่เป็นไรพี่ ว่างเมื่อไรก็แวะมา ผมเองนอกจากจะต้องไปดูงานที่ต่างๆแล้ว เมื่อเข้าห้องทำงานก็อยู่หน้าคอมตลอด บางทีก็ไม่ได้มีเวลาคุยกับใคร อย่างวันนี้ตอนค่ำไปดูงานกันมากับแก้วเล็ก กลับมาแกก็นอนกลิ้งรอรับผมกลับบ้าน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN8058.jpg
      DSCN8058.jpg
      ขนาดไฟล์:
      110.8 KB
      เปิดดู:
      20
    • DSCN8061.jpg
      DSCN8061.jpg
      ขนาดไฟล์:
      79.1 KB
      เปิดดู:
      20
    • DSCN8063.jpg
      DSCN8063.jpg
      ขนาดไฟล์:
      70.2 KB
      เปิดดู:
      18
    • DSCN8064.jpg
      DSCN8064.jpg
      ขนาดไฟล์:
      64.6 KB
      เปิดดู:
      16
    • DSCN8066.jpg
      DSCN8066.jpg
      ขนาดไฟล์:
      66.3 KB
      เปิดดู:
      20
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 มิถุนายน 2014
  2. scorpion03

    scorpion03 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2012
    โพสต์:
    161
    ค่าพลัง:
    +816
    สวัสดีท่านทั้งหลาย

    ขออนุโมทนาในบุญกุศลที่ทุก ๆ ท่านได้ทำแล้วด้วยเทอญ สาธุ

    พูดถึงเมืองพม่า เราเอง ก็มีญาติข้างแฟน อยู่พม่า กันหลายคน อยู่มาตั้งแต่สมัยปู่ย่า กันแล้ว เป็นชาวจึงที่อพยพมาจากเมืองจึน มาอาศัยอยู่ที่เชียงตุง ได้ไปเห็นชีวิตความเป็นอยู่ของคนที่นั่น แม้ว่าจะประเทศเขาจะเป็นเมืองปิด ทหารปกครองประเทศ แต่ผู้คนไม่น้อย ที่ศรัทธาในพระพุทธศาสนา บางครั้งก็จินตนาการไปว่า แอ แผ่นดินพม่านี้หรือ ที่ต่อไปในวันข้างหน้า พระศรีอาริยะเมตตรัย ท่านจะเสด็จมาตรัสรู้ เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โปรดสรรพสัตว์ทั้งหลาย ต่อไป

    คิดแล้วก็มีความสุข คือคิดถึงเรื่องราวในอนาคตนะ ก็ว่ากันไปเป็นเรื่องของคนช่างฝัน และชอบฝัน ยิ่งเป็นฝันกลางวันแสก ๆ ด้วยแล้ว ยิ่งชอบ คิดไปเรื่อย ว่าที่ตรงนี้ ปัจจุบันเป็นอย่างนี้ แต่ว่าต่อไปในวันข้างหน้า ก็จะเปลี่ยนแปลงไป บางที ก็ตรงกันข้ามเลย คิดแล้วก็แปลกดี แต่โลกเรามันก็เป็นแบบนี้ มันเป็นอนิจจัง ไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอนเลย

    ในเวลานี้ เป็นยุคของปัญญาธิกะ ผู้คนทั้งหลาย ก็มีทั้งดี และเลวปะปนกันไป อย่างที่เห็นอยู่ จะให้ดีเรียบร้อยไปหมดทุกอย่าง มันก็ย่อมจะเป็นไปไม่ได้หรอกนะ เรื่องของบ้านเมืองก็เช่นเดียวกัน ก็ว่ากันไป แก้ไขกันไป อย่างน้อย ถ้าได้ให้คนดี มีศีลธรรม ได้มีโอกาส เข้ามาบริหารชาติบ้านเมือง ก็จะเป็นกุศล เป็นประโยชน์ ต่อประชาชนในชาติโดยส่วนรวม

    คนเราสิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือ การทำความดี ละเว้นความชั่ว และทำจิตใจให้ผ่องใสห่างไกลจากกิเลสทั้งปวง องค์สมเด็จพระประทีปแก้ว ท่านทรงตรัสสรุปความไว้อย่างนี้ ทุก ๆ พระองค์ ท่านก็ตรัสอย่างนี้ ซึ่งก็เป็นความจริงตามนั้น

    การได้ปกครองบ้านเมือง สิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือ การทำให้ประชาชนมีความสุข ถ้ามีอำนาจบริหารประเทศ แล้ว ไม่ทำเพื่อราษฎร มัวแต่แสวงหาผลประโยชน์ใส่ตน และพวกพ้อง ถ้าเป็นเช่นนั้น อย่ามีอำนาจดีกว่า เพราะจะได้ไม่ทำความเดือนร้อนให้กับใคร

    เมื่อไรนะ ที่มนุษย์ทั้งหลายจะเข้าใจกันเสียทีนะ คนที่จะเป็นผู้นำ ปกครองผู้คนจำนวนมาก ต้องมีคุณธรรมประจำใจ ต้องเสียสละ ทำเพื่อปวงชนได้ เพราะว่า หัวใจของการปกครอง ก็คือ ประชาชนในปกครอง อยู่เย็นเป็นสุข มีความเจริญรุ่งเรือง

    อำนาจต่าง ๆ ที่ผู้ปกครองพึงมี ต้องมีไว้เพื่อช่วยเหลือผู้คน มีไว้เพื่อต่อสู้กับคนเลว และป้องกันช่วยเหลือคนดี ในเรื่องของการปกครองนั้น เป็นเรื่องของคุณธรรมนะ มิใช่ว่า แสวงหาอำนาจ เพื่อให้ได้มาซึ่ง ยศฐาบรรดาศักดิ์ ต่าง ๆ ให้ได้มาซึ่งอำนาจในการบริหารปกครอง ต่าง ๆ เสร็จแล้ว ก็ไปแสวงหาผลประโยชน์ใส่ตน และพรรคพวก ทุกจริตคตโกงประเทศ อย่างนี้ ไม่ใช่การปกครองนะ แต่เป็นเพียง คนเลว คนบาป ที่กดขี่ข่มเหงราษฎร เท่านั้น

    ผู้คนทั้งหลาย กำลังหลงประเด็นกัน ในเรื่องนี้ เรื่องของการแสวงหาผู้คนมาบริหารประเทศชาติ คุณสมบัติของคนที่จะมาบริหารประเทศได้นั้น นอกจากความรู้ทางวิชาการทางโลก แล้ว ซึ่งไม่ต้องมีมากนักก็ได้ เอาแต่พอสมควร แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า ก็คือ คุณธรรม สิ่งนี้จะขาดมิได้สำหรับ คนที่จะไปเป็นนักปกครอง

    ถ้าจะถามว่า ก็เรื่องคุณธรรม ที่ว่านั้น จะไปรู้ได้อย่างไร มันอยู่ในใจ วันนี้อาจจะดี วันหน้า อาจจะเลว ก็ได้ มันไม่แน่นอน อันนี้ก็จริงนะ แต่ก็ต้องดูเป็นสาระสำคัญ

    ถ้าจะว่าไปแล้ว การที่ประเทศชาติ จะได้ผู้นำที่ดี มีคุณธรรม มาปกครองประเทศนั้น มันก็อยู่ ที่บุญวาสนา ของผู้คนในประเทศด้วยนะ ถ้าเอาแต่เลวกันมาก ๆ แล้ว คนดีที่ไหน เขาจะอยากมาเป็นผู้นำ จะมีก็แต่คนเลว ด้วยกันเท่านั้นแหละ ที่จะเข้ามา

    เอาหละ ก็พูดมามากแล้วเรื่องของชาติบ้านเมือง ถ้าจะถามว่า แล้วต่อไปประเทศไทย จะเป็นอย่างไร จะดีขึ้นไหม

    คำตอบก็ไม่ยากนะ มันก็ขึ้นอยู่กับ คนที่เป็นคนดีทั้งหลาย ว่าจะสามารถรวมตัวกัน ได้มากเท่าไร ว่าจะสามัคคีกัน เป็นน้ำหนึ่งใจเดียว จนมีพลังแห่งความดีนั้น สามารถผลักดัน คนที่ดี มีคุณธรรม มีหิริ และโอตัุปปะ ขึ้นไปปกครอง บริหารชาติบ้านเมืองได้ หรือไม่ อย่างไร
     
  3. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    วันนี้วันพระ ตอนกลางคืนไปตรวจดูงาน แก้วที่บ้านโทรไปเตือนเมื่อคืนนี้ว่าพรุ่งนี้วันพระหาดอกไม้มาเปลี่ยนที่ห้องพระด้วย

    แก้วเล็กมีหน้าที่หาดอกไม้ ก็จัดการตามแม่ใหญ่ แล้วก็เปลี่ยนซะตั้งแต่เที่ยงคืนแค่เริ่มย่างเข้าวันใหม่ เป็นการเอาฤกษเอาชัยประสาที่ทำอะไรก็แอบๆพิเศษมันซะอย่างนั้น เผื่อว่าเวลาจะได้ผลได้อานิสงค์อะไรจะได้เร็ว ได้ของดี ได้ก่อนชาวบ้านเขามั่ง ไม่เอาแบบ นางอามิตดา ลีลาท่ามาก เอาดอกไม้เหี่ยวเฉาไปถวายพระ อานิสงค์คือได้ผัวแก่ คือชูชก ไอ้แบบนี้ไม่เอา ของผมถวายทั้งกำ ถวายทั้งกอ ถวายทั้งกระถาง ปลูกถวายกันยกสวน แล้วก็หลายสวน มันจึงมีทั้งดอกตูมดอกที่บาน อาจจะมีดอกเลยบานไปบ้างก็ไม่เป็นไร เพราะเวลานี้ผมก็แก่ใกล้ตายเต็มที (อายุน่ะยังพอได้ แต่ร่างกายที่สมบุกสมบันมาอย่างหนักมันชักจะไปไม่ไหว) เวลาอานิสงค์ส่งผล ดอกไม้ได้ออกดอกบานชูช่อไสวสพรั่งระรานตา เมื่อไร ใครก็อย่ามาว่ากันซี

    เช้านี้วันพระ แก้วเล็กถวายอาหารและน้ำพระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐม ทำสมาธิเจริญพระกรรมฐาน นำข้าวเก่าจากการบูชาพระ ไปให้ทานต่อกับสัตว์ทั่วไป ที่หน้าโรงงาน
    เรื่องบารมีสิบ แก้วเล็กของผมทำแบบนี้ทุกวัน โดยที่แก้วใหญ่เป็นพี่เลี้ยงตลอด

    นี่ตามตำราบอกว่าต่อไปในอนาคตกาลพี่น้องคู่นี้พลาดกันยาก และถึงพร้อมไปด้วยประการทั้งปวง เมื่อเราพอระรู้ว่าอนาคตว่าเขาจะเป็นไง ไม่รีบทำดีต่อพวกเขาได้ไง เผื่อว่าในชาติต่อๆไป ผมยังจะแส่เสือกเกิดเป็นคนยากไร้อนาถาอีก น้องแก้วของผมทั้งหลายเขาไปเกิดในศักดิ์ตระกูลสูง เขาขับเฟอรารี่ผ่านมาเห็นผมเป็นกรรมกรก่อสร้างอยู่ เขาเกิดจำได้ เพราะความกตัญญูรู้คุณ แล้วเก็บเอาไปเลี้ยง แหมมันเท่นะ การที่เรามีเมียรวยถึงพร้อมไปด้วยประการทั้งปวงนี่

    ใครไม่ต้องการไม่เป็นไรนะแต่ผมให้ทุนแก้วทุกดวงแก้วของผมแบบนี้
    หนึ่งส่งให้เขารวยมั่งคั่งสมบูรณ์บริบูรณ์ไปด้วยประการทั้งปวง
    สองมีความสวยสดงดงามเป็นเลิศ
    สามมีปฏิภาณปัญญาดี
    สี่มีเดชอำนาจวาสนาบารมี บริษัทบริวารมาก

    ไม่ทำไม่ได้ดันไปขอกับท่านแม่ใหญ่สุพรรณวดี ศรีโสภาค ท่านปู่ท่านย่า และพระเดชพระคุณหลวงพ่อมา ขอแก้วใหญ่ ท่านแถมแก้วเล็กมาให้อีกหนึ่งแก้ว ทีนี้เป็นไงก็จบเห่ ไม่ต้องออกซ้ายออกขวาเลยรู้ทันหมด เมื่อรู้แล้วเป็นไง แก้วเล็กก็เลยเป็นคนจัดการหาดอกไม้มาให้ซะเอง ผมไม่ต้องทำอะไร เขาจัดการของเขาเอง

    พี่บุญทรง พี่Amarmy ผมเปล่าหาเองนะพี่ แก้วของผมแกเป็นคนหาให้เอง

    เอ แล้วซือเจ็ กับคุณน้อง rungdao ว่าไงเหลืออีกห้านาทีจะเลยเที่ยงวัน ถวายดอกไม้แล้วหรือยังครับ หากเลยเที่ยง ดอกไม้น่ะยังสด แต่คนถวายเมื่อเลยเที่ยง อานิสงค์ เจอดอกไม้หนุ่ม แต่ตัวเองจะกลายเป็นดอกไม้เลยสดไปมันก็เป็นทุกข์อีก









    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]











    </FIELDSET>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN8028.jpg
      DSCN8028.jpg
      ขนาดไฟล์:
      156.6 KB
      เปิดดู:
      17
    • DSCN8036.jpg
      DSCN8036.jpg
      ขนาดไฟล์:
      121.9 KB
      เปิดดู:
      20
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 มิถุนายน 2014
  4. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    นี่ตามตำราบอกว่าต่อไปในอนาคตกาลพี่น้องคู่นี้พลาดกันยาก และถึงพร้อมไปด้วยประการทั้งปวง เมื่อเราพอระรู้ว่าอนาคตว่าเขาจะเป็นไง ไม่รีบทำดีต่อพวกเขาได้ไง เผื่อว่าในชาติต่อๆไป ผมยังจะแส่เสือกเกิดเป็นคนยากไร้อนาถาอีก น้องแก้วของผมทั้งหลายเขาไปเกิดในศักดิ์ตระกูลสูง เขาขับเฟอรารี่ผ่านมาเห็นผมเป็นกรรมกรก่อสร้างอยู่ เขาเกิดจำได้ เพราะความกตัญญูรู้คุณ แล้วเก็บเอาไปเลี้ยง แหมมันเท่นะ การที่เรามีเมียรวยถึงพร้อมไปด้วยประการทั้งปวงนี่

    ใครไม่ต้องการไม่เป็นไรนะแต่ผมให้ทุนแก้วทุกดวงแก้วของผมแบบนี้
    หนึ่งส่งให้เขารวยมั่งคั่งสมบูรณ์บริบูรณ์ไปด้วยประการทั้งปวง
    สองมีความสวยสดงดงามเป็นเลิศ
    สามมีปฏิภาณปัญญาดี
    สี่มีเดชอำนาจวาสนาบารมี บริษัทบริวารมาก

    ไม่ทำไม่ได้ดันไปขอกับท่านแม่ใหญ่สุพรรณวดี ศรีโสภาค ท่านปู่ท่านย่า และพระเดชพระคุณหลวงพ่อมา ขอแก้วใหญ่ ท่านแถมแก้วเล็กมามาให้อีกหนึ่งแก้ว ทีนี้เป็นไงก็จบเห่ ไม่ต้องออกซ้ายออกขวาเลยรู้ทันหมด เมื่อรู้แล้วเป็นไง แก้วเล็กก็เลยเป็นคนจัดการหาดอกไม้มาให้ซะเอง ผมไม่ต้องทำอะไร เขาจัดการของเขาเอง

    พี่บุญทรง พี่Amarmy ผมเปล่าหาเองนะพี่ แก้วของผมแกเป็นคนหาให้เอง

    เอ แล้วซือเจ็ กับคุณน้อง rungdao ว่าไงเหลืออีกห้านาทีจะเลยเที่ยงวัน ถวายดอกไม้แล้วหรือยังครับ หากเลยเที่ยง ดอกไม้น่ะยังสด แต่คนถวายเมื่อเลยเที่ยง อานิสงค์ เจอดอกไม้หนุ่ม แต่ตัวเองจะกลายเป็นดอกไม้เลยสดไปมันก็เป็นทุกข์อีก






    :cool:({) สวัสดีครับพี่ พีซีโอ พี่ๆน้องๆทุกๆท่าน วันนี้วันพระ ผมก็ เอาเงิน จบไว้ตรงหน้าผาก อธิษฐาน เสร็จ ก็ให้แฟนนำไปซื้ออาหารถวายพระ ผมต้องอยู่บ้าน ขืนไปกันหมด เดี๋ยวพวกมาเยี่ยมบ้าน ยืมของไปใช้ก่อนจะยุ่ง เมื่อก่อน อยู่ตรงหน้าวัด ก็ผัดกันไปใส่บาตร มาอยู่นี่ ก็อาเงินใส่แทน ที่ไม่ใช่วันพระเพราะไม่มีพระมาบินถบาตร เรื่องถวาย น้ำ หิ้งพระ ผมทำเป็นประจำ เว้นเป็นบางวัน สวดอิติปิโส ต่อด้วยพระคาถา ปัจเจ กะพุทธเจ้า ๒-๓ วัน ถวายผลไม้ ๑๐ กว่าที่ ผัดกันพ่อ บ้างแม่บ้าง ลูกบ้าง หมุนเวียนกันไป ตอนเช้า ทุกๆเช้าถ้าไม่ไปธุระ ต้องตื่นก่อน ตอนตี ๔ ครึ่ง มาสวดมนต์ ๓ พ่อลูก แม่บ้านทำกับข้าว ผมเองไม่ค่อยนิยม ถวายดอกไม้ และไม่ชอบ จุดเทียน นานๆครั้ง ถวายที ผมเอง ก็ชอบ เอาะๆนะพี่ มันของมักของผมเลยแหละ ฮ่าๆๆฮ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


    และรายการบุญต่างๆ หลายๆที่ ทำไปแล้ว ก็ลืม ไม่ได้จด สำหรับ ที่เชียงราย สำนักถ้ำอาชาทอง ครั้งแรก โอนไปบวชพระเณร ๖๐๐ บาท สร้างพระไพรรีพินาศ ๓,๐๐๐ บาท ครั้ง ๒ ก็สร้างพระไพรรีพินาศหน้าตัก ๕ วา ๑๐ เมตร อีก ๕๐๐ บาท ถวายเข้าโรงครัว ค่าอาหารพระเณรอีก ๕๐๐ บาท สร้างตานิล ๒ คู่ พร้อมตาขาว เปลือกหอยไข่มุก ถวาย อ.เขากะจี ๑,๐๐๐ บาทไปใส่พระ ๔ ศอกที่ จ.กำแพงเพชร ส่วน ที่พี่ โอนเงินเข้ามา เดี๋ยว ไปซื้อมีดหวดหญ้าพร้อม มีดตัดไม้ ทำความสะอาด ดูแลของสงฆ์ถวายพระ ถ้ำเขากะจี และสำนักสงฆ์เขาพระเรียกว่า ที่นี่เขาใช้แทบทุกวันครับ


    ผมแพ้พี่ตรงนี้แหละ เรื่องนารีแก้วนี่แหละ ผมยอมรับจริงๆ แต่ก็ต้อง ใจยอมนะพี่ เรายังเลือกไม่ได้ จึงพึงพอใจในสิ่งที่เรามีอยู่ ถึงจะไม่พอใจ เราพึงสำเนียก ไว้ในใจ ถึงใจแท้ๆ ยังอยากมีอีกเป็นร้อย แต่เดี๋ยวนี้ มันแทบ จะไม่ไหวแล้วนาพี่ แก่เลี้ยว แต่ใจยังหนุ่ม อยู่ ฮ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เรื่องอื่นๆ พอทำเองได้ ในทุกเรื่อง เว้น ที่เกินวิสัย ที่จะทำไม่ใช่หน้าที่ของเรา ถึงไม่ทำจุดใหญ่ๆ แต่ก็ได้ทำจุดเล็กๆ ก็ยังดี ขึ้นชื่อว่าได้ทำแล้ว ทำตามองค์พ่อแม่ ที่สั่งสอนอบรมมา เจริญรอยตาม พ่อหลวงของแผ่นดิน แม้มันไม่ยิ่งใหญ่ สำหรับผู้อื่น แต่มันยิ่งใหญ่ สำหรับเรานะพี่ ถึงจะได้ชื่อว่า ปิดทองหลังพระ หรือปิดทอง ฐานพระ ก็ยินดี ที่ได้กระทำ พ่อหลวงท่านตรัสไว้ว่า จำไม่ได้ ว่า เดือน ธันวาคม ปีไหน ท่านบอกว่า ถ้าไม่มีคนปิดทองหลังพระ ทองจะปิดเต็มองค์ พระได้เช่นไร ฉนั้น มันจำเป็นต้องมีคนปิดทองหลังพระ
     
  5. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814




    :cool:({) สวัสดีครับคุณ ไม่ได้คุยกันนานแล้ว มีอะไรเด็ดๆ ก็เว้ามาเลยฮ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ บ่ต้องจองพื้นที่ พื้นที่มี่หลายเด้ ส่วนผมเว้ามาพอสมค่วรแล่ว:cool:
     
  6. White Sage

    White Sage เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +1,743

    สาธุค่ะ มีหลายอย่างที่คิดคล้ายๆกับคุณ scorpion03 เหมือนกันค่ะ :)


    แต่ปัญหาก็คือ ความยากในการมองคนให้ออกว่าใครเป็นคนดีหรือไม่ดี เพราะทุกวันนี้ปัญหาที่เกิดขึ้นคือการที่ทุกคนบอกว่าตัวเองเป็นคนดีและทำถูกต้องค่ะ


    และปัญหาที่สำคัญที่สุด ที่ทำให้คนหลายคนมองคนดีไม่ออกก็คือ คนในทุกๆโครงสร้างของประเทศเราไม่รู้ว่า"ความเป็นคนดี"เค้าเป็นกันยังไงค่ะ กลายเป็นว่าเวลามองคนก็จะใช้แว่นตาของตนที่ยังมัวๆอยู่(ซึ่งก็มากน้อยแตกต่างกันไป)ไปมองและตัดสินคนอื่นค่ะ


    ซึ่งบางทีก็ตัดสินบนพื้นฐานของข้อมูลข่าวสารต่างๆที่ได้รับมาบ้าง(เช่น ข่าวลือ ข่าวที่มีทั้งจริงและเท็จปะปนกัน รวมถึงวาทะกรรมต่างๆ) อคติความชอบไม่ชอบส่วนตัวบ้าง เลยกลายเป็นว่า ถูกอิทธิพลของสิ่งต่างๆที่ว่ามานี้ชักจูงและครอบงำความคิดสติปัญญาไปหมด จนเหลือให้เห็นแต่ความคิดคำพูดที่รุนแรง ไม่ให้เกียรติกัน และไม่ใช่หลักเหตุผล รวมถึงการเปิดใจรับฟังความคิดที่รอบด้านเลย


    แม้แต่ในแวดวงของผู้ที่ปฏิบัติธรรมเองก็ตาม ก็มีอยู่ไม่มากนักที่มีจิตใจที่เข้มแข็งในความดีจริงๆ จนสามารถรักษาจิตรักษาใจของตนเองไม่ให้หวั่นไหวไปกับกระแสเหล่านี้ และรู้ว่าหน้าที่ของตนทั้งทางโลกและทางธรรมนั้นจะต้องทำสิ่งใดบ้างค่ะ


    ขออนุโมทนาสาธุกับพี่ๆทุกๆท่านนะคะ (และขออภัยที่ใช้พื้นที่กระทู้พิมพ์ซะยาวเลยค่ะ - -*)


    ปล. ส่วนตัวก็ไม่สามารถทัดทานกระแสต่างๆทางการเมืองที่เกิดขึ้นเหมือนกันค่ะ เลยใช้วิธีหลีกเลี่ยงไปรับข้อมูลข่าวสารด้านอื่นแทนค่ะ T^T
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มิถุนายน 2014
  7. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814




    Armarmy
    :cool:({) สวัสดีครับคุณ และคุณ ๐๓ พี่พีซีโอ อาซือเจ๊ Armarmy คุณพงค์ ภูพาน ท่านธัมมะสามี ซึ่งรายนี้หายหน้าไปนาน หลานรุ้งดาว และพี่ๆน้องๆทุกๆท่าน ส่วนตัวผมเองแล้ว ในด้านข้อมูลแล้ว ผมดูการกระทำมากกว่า ดูเหตุ และผล ถูกต้อง ว่าผิดหรือถูก เป็นสำคัญ จะอยู่ฝ่ายไหน ก็ช่าง ถือว่าเป็นคนไทย เหมือนกัน จะนับถือ ชาติ ศาสนาไหน ก็ไม่สำคัญ ถ้าเกิดในผืนแผ่นดินไทย ถือเป็นคนไทย ด้วยกันทั้งนั้น ถือความ ถูกต้อง เคารพสิทธิ ประโยชน์ ซึ่งกันและกัน เคารพผู้อื่น เสมอ ด้วยตนเอง แม้เกิดมาในวันนี้ ก็ต้องเคารพ ผู้ใด ไม่เคารพ เรา เราก็คงไม่เคารพ เช่นกัน และหลีกหนีไป ถ้าหลีไม่ได้จริงๆ ก็คงยังว่าแหละครับ ต้องชนกันหน่อย





    แต่ผมน่ะ ขี้ตรงอีกแล้วนะครับ ทุกๆท่าน จะจริงหรือไม่จริง จะอะไรก้ช่าง เราคิดคนเดียวก็ได้ มันเป็นไปตามนั้นจริงๆ ผมเองบางคนดูคนไม่ออก ว่าดีหรือชั่ว จึง เวลาทำบุญสวดมนต์ไหว้พระ จึงตั้งจิตอธิษฐานมาหลายเดือน ที่เหตุการณ์ บ้านการเมือง เกิดขึ้น คนหลากหลายสี เสื้อ ขัดแย้ง แย่ง อำนาจ แย่งกันเป็นใหญ่ แย่งกันคดโกงทำลาย ชาติ ศาสนา พระมหากษัตย์ หรือพวกหลงผิด คิดว่าพวกตัวเอง ทำถูก ปากบอก รัก ชาติ ศาสนา พระมหากษัตย์ ทั้งๆ มันทำความ วุ่นวาย ทำลาย ความเสียหาย ให้แก่ชาติ บ้านเมือง ส่วนรวม เค็ญฆ่ากัน ทำร้ายกัน ทำลายศิลธรรม จารีตประเพณีอันดีงาม




    ผมจึง ตั้งจิต อธิษฐานว่า ขอบารมีพระพุทธเจ้า ทุกๆพระองค์ พระปัจเจกะพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระธรรม ของพระผู้มีพระภาคเจ้าทุกๆพระองค์ตรัสไว้ดีแล้ว พระสงฆ์และพระอริยสงฆ์สาวก อดีดถึงปัจจุบัน พรหม เทวดา คุณบิดามารดา คุณครูอุปฌาอาจารย์เจ้าทั้งหลายอดีดถึงปัจจุบัน พระโพธิสัตว์ทั้งหลาย เทวดาพรหม ที่เป็นพระสยามเทวาธิราชเจ้า ดูแลประเทศไทย ก็ขอให้ พวก หลากสี เสื้อแดง เสื้อเหลือง สีขาวชมภู สีดำ สีต่างๆ จงหันหน้าเข้าหากัน กับเนื้อกับตัวกับใจ มีความรักความสามัคคี ปรองดองกัน ช่วยกัน ทำนุบำรุง ประเทศชาติ ศาสนา พระมหากษัตย์ ให้มีความเจริญรุ่งเรือง สืบไป




    มันผู้ใด ไอ้อี ผู้ใดก็ตาม จะอยู่ในตระกูลไหน จนหรือรวย ไพร่ผู้ดีก็ตาม ขอให้มันกับเนื้อกับตัวกับใจ ถ้าไม่กับเนื้อ กับตัว กับใจ ขอให้พวกมัน ที่ทำลาย ชาติ พระศาสนา พระมหากษัตย์ จงมี แต่ความฉิบหายขายตน ในชาติ ปัจจุบันนี้โดยฉัพพลัน ด้วยเทอญ ด้วยกรรมที่เขาทำ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ :cool:

    เห็นทหาร ทำให้มีการปรองดองกัน ผมชอบใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ออกมาตรงเวลาและถูกต้อง ถึงจะมีพวกไม่ชอบใจและหวังดี มันเป็นธรรมดา จะให้ถูกใจ ทุกคนย่อมเป็นไปไม่ได้ พวกไม่หวังดี ทำลาย ชาติ ศาสนา มันมีอยู่ ก็อย่าไปท้อ ควรจัดการมัน ไปตามกฎ บ้านเมือง ดูให้ความเป็นธรรมต่อทุกๆฝ่ายน่ะ ทหารท่านทำถูกแล้ว ทุกอย่าง กฎบ้านเมือง สิ่งไหนไม่ดี สิ่งที่ทำกันขึ้นมา ก็ย่อม เปลี่ยนแปลงได้เสมอๆ ตามสถาณะการณ์ ที่เกิดขึ้น ปรับตามสภาวะ ในยุคนั้นๆ แต่ผมเองในส่วนตัว อยากให้เข้าในระบบ พระมหากษัตย์ อยู่เหนือกฎหมาย ปกครองแบบพ่อ กับลูก เรียก ราชาธิปไตย เมื่อพระราชา ปกครอง ด้วยทศพิธราชธรรม ปกครองแผ่นดินโดยธรรม ต่อไป มันก็จะเป็นประชาธิปไตยไปโดยปริยาย จริงๆผมอยากอธิบายมากกว่านี้ มันอธิบายไม่หวาดไหว จึงพออ้างเหตุผลมาให้ได้ อ่านกันนิดห่น่อยครับสวัสดี :cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มิถุนายน 2014
  8. White Sage

    White Sage เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +1,743

    สาธุกับความดีที่ทรงอยู่ในพรหมวิหารธรรม ๔ ประการ และได้ตั้งจิตที่เป็นบุญกุศลและปรารถนาดีต่อคนส่วนรวมที่อยู่ในประเทศของพี่นะคะ /\ :)


    สำหรับเรื่องความคิดทางการเมืองนั้น ส่วนตัว(หนู)ยอมรับว่าตั้งแต่เกิดมาจนถึงตอนนี้ ได้ผ่านการหล่อหลอมความคิดความเชื่อและอุดมการณ์อย่างสุดโต่งทั้ง 2 ฝั่งมาแล้ว (ซึ่งคงเป็นหนึ่งในบทเรียนที่ต้องผ่านในชาตินี้กระมัง) ดังนั้น ถ้าหากจะมีคนถามว่ามีความคิดทางการเมืองอย่างไร คงต้องขอตอบให้ชัดเจนแล้วว่า "มีอุดมการณ์พาคนไปพระนิพพานอย่างเดียวค่ะ" (ซึ่งก็คือการทำบารมีในฐานะของผู้ปรารถนาพุทธภูมินั่นเอง)


    ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า เป็นความคิดความเชื่อส่วนตัวที่มองว่า ไม่ว่าจะเป็นการปกครองในรูปแบบใด ย่อมต้องใช้คนที่มีความรู้ความสามารถและมีคุณธรรมจริงๆ ทีนี้ถ้าเป็นเรื่องของความรู้ความสามารถ เราสามารถดูได้ระดับนึงจากความคิด คำพูด ที่แสดงถึงวิสัยทัศน์ ไอเดีย ทัศนคติ ฯลฯ และผลงานการกระทำ ที่ชี้วัดออกมาอย่างเป็นรูปธรรม ว่ามีประสิทธิภาพ(Efficiency) ประสิทธิผล(Effective) แค่ไหน เพียงใด เป็นต้น ซึ่งส่วนนี้น่าจะเป็นสิ่งที่ตรวจสอบได้ง่ายกว่า


    แต่สำหรับในเรื่องของคุณธรรมนั้น ถือเป็นสิ่งที่จับต้องได้ยาก ยิ่งการที่เราจะรู้ว่าคนไหนเป็นคนดีมากหรือดีน้อยเพียงไร ถ้าจะให้มั่นใจจริงๆ คงต้องมีทิพจักขุญาณในเจโตปริยญาณที่แม่นยำอย่างยิ่ง เพราะไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นว่าสิ่งที่รู้เห็นมานั้นเกิดจากอุปาทานกินใจ ซึ่งทำให้เราหลงเชื่อและไปตัดสินผู้อื่นแบบผิดพลาดไปอย่างน่าเสียดาย ซึ่งส่วนตัว(หนู)เองก็ไม่มีความสามารถถึงขั้นนั้น จึงได้แต่ใช้ข้อธรรมมาเทียบเคียงเพื่อประเมินคำพูดและการกระทำของคนนั้นๆอย่างคร่าวๆให้พอรู้ เพื่อที่จะได้วางตัวถูก และรู้จักวิธีคบหาสมาคมว่าจะต้องใกล้ชิดสนิทสนมหรือหลีกเลี่ยงคนเหล่านั้นเพียงใดค่ะ


    ทั้งนี้สำหรับการดูคนที่ใช้หลักทางจิตหรือพุทธศาสตร์มาประยุกต์นั้น ยังถือว่าเป็นปัญญา ความเชื่อ และความสามารถเฉพาะกลุ่ม ซึ่งเราไม่สามารถทำให้ทุกๆคนคิดหรือเชื่อเหมือนกับเราได้ เนื่องจากว่าในโลกเรานี้ มีความหลากหลายทางความคิด ความเชื่อ และศาสนา ดังนั้นสำหรับในทางโลกแล้ว เค้าจึงมองว่าคนที่มีคุณธรรมและจริยธรรมนั้น จะต้องมีความโปร่งใสสามารถตรวจสอบได้(Accountability)นั่นเอง


    ปล. สุดท้ายนี้ส่วนตัว(หนู)เองก็มีความใฝ่ฝันลึกๆนะคะ ว่าพอมีทางที่จะเป็นไปได้ไหม ที่เราจะส่งเสริมการปฏิบัติที่ถูกต้องตรงทางในแนวทางของแต่ละศาสนา ให้แก่เด็กๆที่มีความหลากหลายทางความเชื่อ (ซึ่งบางคนเค้าก็สมัครใจไม่นับถือศาสนาใดๆเลยก็มี) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของพระพุทธศาสนาเอง ที่วางแนวทางการปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้น ตามอัชฌาสัย(จริตนิสัยและความสามารถพื้นฐานที่ได้บำเพ็ญมา)ของแต่ละคน อันได้แก่ อัชฌาสัยสุขวิปัสสโก อัชฌาสัยเตวิชโช อัชฌาสัยฉฬภิญโญ(อภิญญาหก) และอัชฌาสัยปฏิสัมภิทาญาณนั่นเองค่ะ (อันนี้ได้รับอิทธิพลมาจากแนวคิดทางทรัพยาการมนุษย์หรือHR ที่ว่าด้วย "Put the man in the right job"นะคะ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มิถุนายน 2014
  9. scorpion03

    scorpion03 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2012
    โพสต์:
    161
    ค่าพลัง:
    +816
    สวัสดีท่านทั้งหลาย

    ขออนุโมทนา ในกุศลเจตนา ที่ทุก ๆ ท่านได้กระทำแล้วด้วยดี สาธุ

    มีอยู่เรื่องหนึ่งในชาดก พระเจ้าสิบชาติ ที่เราชอบนึกถึงเสมอ เวลานึกถึงเรื่องราวของบ้านเมืองไทยในเวลานี้ ก็คือเรื่องของ พระเตมีย์ ที่เป็นชาติที่ 1 ในทศชาติ

    ยิ่งเหตุการณ์ของบ้านเมืองไทยเรา มีความสับสนวุ่นวายมากเท่าไร เราก็ยิ่งนึกถึง พระเตมีย์ ขึ้นมามากเท่านั้น ด้วยเหตุผลที่ว่า การที่พระองค์ไม่ทรงอยากเป็นกษัตริย์ รับราชสมบัติต่อจากพระราชบิดา เพราะทรงเล็นเห็นด้วยพระญาน ของพระองค์ว่า ในอดีต ที่พระองค์ได้ทรงเคยเป็นกษัตริย์ มีอำนาจปกครองผู้คน ซึ่งการเป็นกษัตริย์ นั้น ก็ต้องมีการลงโทษผู้คน มีการรบทัพจับศึก ต้องเข่นฆ่าผู้คน และลงท้าย ผลที่ได้ ก็ทำให้พระองค์ต้องไปรับผลกรรม ในอบายภูมิ เมื่อพระองค์ได้ทรงเห็นอย่างนั้น พระองค์จึงทรงดำริในพระทัยว่า เราจะไม่ยอมรับความเป็นกษัตริย์ ต่อจากพระราชบิดาโดยเด็ดขาด เพราะว่าเป็นแล้ว ต้องลงนรกไม่เอา ไม่มีอะไรดี

    พระองค์ทรงคิดหาอุบาย ที่จะหลีกเลี่ยงการสืบทอดราชสมบัติ ด้วยการแกล้งทำเป็นว่าพระองค์พูดไม่ได้ คือเป็นใบ้ นั่นเอง ยิ่งบ้านเมืองวุ่นวาย เราก็ยิ่งเข้าใจถึงการตัดสินพระทัย ของพระเตมีย์ ท่าน ว่าพระองค์ใช้เหตุผลอะไรในการตัดสินใจทำอย่างนั้น เพราะว่าพระองค์ทรงมีพระเมตตา กรุณา ต่อพสกนิกร เป็นอย่างมาก มากเสียจน ไม่ต้องการทำร้ายผู้ใด เพราะว่าการเป็นกษัตริย์ ในช่วงเวลานั้น มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่จะต้องมีการตัดสินลงโทษผู้กระทำผิด และก็มักจะมีโทษประหารชีวิต บ่อยซะด้วยนะ

    และไหนจะต้องมีการออกทัพ ออกศึก รบราฆ่าฟันผู้คนอีก ต้องทำให้มีผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก พระองค์ไม่ต้องการ ด้วยพระเมตตา กรุณา นั่นเอง พระองค์ ถึงยอมทรมานพระองค์ แกล้งทำเป็นใบ้ จนพระราชบิดา ต้องให้ทหารนำตัวไปฆ่าในป่า เพราะว่าโหร ทำนายว่า พระเตมีย์ เป็นกาละกีนี เป็นพิษเป็นภัยต่อพระองค์

    จะเห็นได้ว่า พระเตมีย์ นั้น ทรงอดทนทุกอย่าง เพียงเพื่อต้องการให้ประชาชนมีความสุข ไม่ต้องการทำร้ายราษฎร ยอมแม้กระทั่งละทิ้งราชสมบัติ แต่ด้วยความดีแห่งพระองค์ ลงท้ายพระองค์ก็ได้กลับมาครองเมือง และปกครองบ้านเมืองโดยธรรม ทำให้ผู้คนมีความสุขกันถ้วนหน้า

    ท่านทั้งหลาย คนเราเกิดมา สิ่งสำคัญก็คือการทำความดี เพราะว่า ทรัพย์สินเงินทองต่างๆ ก็ดี ยศฐาบรรดาศักดิ์ อำนาจวาสนา ต่าง ๆ ก็ดี เป็นของไม่เที่ยง สุดท้าย ก็ต้องสลายตัวไป คือเมื่อตายไป ก็เอาอะไรไปไม่สักอย่าง กล่าวคือ

    ทรัพย์สมบัติ เงินทอง ต่าง ๆ ไม่มีตัวตนอะไร

    ยศฐาบรรดาศักดิ์ต่าง ๆ อำนาจ ต่าง ๆ ก็ไม่มีตัวตนอะไร

    แล้วคนเราเกิดมาเพื่ออะไร ถ้าไม่ใช่เพื่อทำความดี เพื่อบำเพ็ญบารมีต่อเนื่องกันไป ตามแต่เส้นทางของแต่ละบุคคลจะพึงตั้งสััจจะอธิษฐานเอาไว้

    ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกันนะ ทุกอย่างที่เราพบบนโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาต่างๆ เรื่องราวต่าง ๆ เราสามารถนำเรื่องราวในชาดก พระเจ้าสิบชาติ มาเทียบเคียงได้เสมอ

    บางทีเราก็คิดว่า เอนี่เราเกิดมาเพื่ออะไรกัน ตัวของเรา ก็เป็นเพียงแค่คนจน ๆ คนหนึ่ง ชาติตระกูลก็ไม่มีอะไรที่ไหนนะ ความรู้ก็ต่ำ ความสามรถอะไรพิเศษ ก็ไม่มีหรอกนะ

    แต่ว่าทำไมถึงได้แต่คอย อยากให้คนอื่นเขามีความสุข ทำไมถึงคิดไปว่าจะบำเพ็ญบารมี ไปเพื่อช่วยเหลือสรรพสัตว์ทั้งหลาย ในอนาคต ไม่เจียมตัวเลยหรืออย่างไร เพราะว่าความเป็นจริงในเวลานี้ แค่เรื่องของตัวเอง และครอบครัว ก็ยังเอาตัวไม่ค่อยจะรอดเลย แล้วจะมีปัญญาอะไรไปช่วยเหลือใครที่ไหนได้

    เราก็ชอบคิดอยู่แบบนี้นะ จนบางทีก็ท้อใจ เพราะว่าก็คิดอยู่คนเดียว ถาม ตอบ ในใจคนเดียว คิดขนาดว่า อ้าว ชาตินี้ เวลานี้ ก็รู้หรอกนะว่า จะทำอะไร ตั้งใจว่าอย่างไร อยากช่วยเหลือผู้คน ก็ทำความดีไปเล็ก ๆ น้อย ๆ ตามแต่จะกระทำได้ แต่ว่าพอตายไป แล้วจะจำได้หรือว่า เคยมีความตั้งใจไว้ว่าอย่างไร

    เกิดต่อไป ได้ไปเกิดในที่ที่ไม่มีพระพุทธศาสนา จะทำอย่างไร จะจำความดีที่ตั้งใจไว้ได้ไหม ขนาดในชาตินี้ มีพระพุทธศาสนา ก็ยังทำอะไรไม่ค่อยจะได้เลย คือช่วยเหลือผู้อื่นนะ คิดไปต่าง ๆ นานา

    แต่สุดท้าย พอคิดถึงเรื่องของพระเจ้าสิบชาติขึ้นมา ความกังวลใจ ความสงสัย ความท้อถอย ทุกอย่างที่บั่นทอนกำลังใจ ก็จะหายไป น่าอัศจรรย์จริง ๆ นะ นอกจากหายไปแล้ว กำลังใจของเราก็กลับฟูขึ้นมาอย่างประหลาด ไม่รู้สินะ มันเป็นอย่างนี้

    กลับมาเรื่องของชาติบ้านเมือง ถ้าจะถามว่าแล้วจะไปรู้ได้อย่างไรว่า ใครเป็นดีนะ เอาที่ดีกันจริง ๆ นะ ใครที่ไหนกันเล่า ก็ต้องตอบว่า อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับบุญวาสนา ของประชาชนชาวไทยนะ ว่าจะมีบุญวาสนา ได้คนดี มีคุณธรรม มาปกครองบ้านเมือง หรือเปล่า นี่คือข้อเท็จจริง เป็นไปตามนั้น

    ถ้าจะเปรียบ เมืองไทยในเวลานี้ ก็คล้าย ๆ กับเรื่อง " กบเลือกนาย " ก็ขึ้นอยู่กับว่า บรรดา กบทั้งหลาย จะมีวาสนา ตัดสินใจ เลือกได้ถูกต้องหรือเปล่านะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มิถุนายน 2014
  10. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    คุยเรื่องการเมืองแล้วมันจะพาลกลุ้มใจ พาลจะเวียนหัว เลยหาเรื่องคุยมันเรื่องเมียนี่แหละ พูดถึง ก็มาถึงกันพอดีทั้งสองแก้ว

    คืออย่างนี้นะพี่ ตัวต่อตัวนี่มันสู้ชาวบ้านเขาไม่ได้ เลยต้องให้เมียช่วย อย่างเรื่องดอกไม้ถวายพระลำพังผมก็ลืมไปแล้วว่าวันพระ นี่เดชะบุญคุ้มครอง แม่ใหญ่โทรไปเตือน แก้วเล็กเลยได้หามาถวายพระเอาซะก่อนใคร ถวายกันตอนเที่ยงคืนกันเลย นี่เมียน่ะมีพระคุณใหญ่อย่างนี้ ไม่งั้นสู้ชาวบ้านเขาไม่ได้อีก
    เดี๋ยวมาต่อครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN8084.JPG
      DSCN8084.JPG
      ขนาดไฟล์:
      6.2 MB
      เปิดดู:
      34
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 7 มิถุนายน 2014
  11. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    ขอเอามารวมบันทึกไว้จากกระทู้ข้างบ้าน

    พระสูตรก่อนนอน
    พระนางมัลลิกา
    โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    ท่านสาธุชนพุทธบริษัททั้งหลาย วันนี้ก็มาฟังพระสูตรก่อนนอนไม่ใช่พระสูตรก่อนหลับ แต่วันนี้ สำนวนอาจจะดีขึ้นกว่าสองวันที่แล้วมา ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะไม่ได้เอาหนังสือมากาง มาเล่านิทานกับตามความรู้ที่จำมาได้ อันนี้สะดวกกว่าฟังดีกว่า ไม่อย่างนั้นมัน

    หยอกแหยกๆ เหลือเกิน จะทิ้งหนังสือก็ไม่ได้เรื่องราวของท่านละเอียด เดี่ยวจะขัดถ้อยความ สำหรับในตอนนี้การฟังคราวนี้นะทุกคืน? ขณะที่ฟังทุกคนอยู่ตามสบาย หลับก็ได้ ตื่นก็ได้ นั่งก็ได้ นอนก็ได้ ตามปกติฟังเล่นเพลินๆ ถือว่ากำลังใจอยู่ในธรรม ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องราวของพระสูตรก็เป็นธรรมะ เป็นส่วนที่เราคิดตาม ด้านกุศล ถ้าอารมณ์ของท่านเป็นกุศล ทุกคนถ้าตายแล้วเมื่อไหร่ขณะหลับ

    มันไปสวรรค์ทันที ถ้าฟังไปๆ แล้วเคลิ้มหลับตามกระแสเสียง หรือว่าขณะที่หลับจิตเริ่มเป็นฌานก็ตัดหลับ จิตของท่านจะทรงฌานระดับนั้นตลอดเวลาจะตื่น คุณประโยชน์ใหญ่มาก ถ้าตายเวลาหลับถ้าจิตขณะนั้น ทรงฌานอะไรไปตามผลของฌานนั้น


    ในช่วงนี้ก็มาคุยกันถึงเรื่องราวของ พระเจ้าปเสนทิโกศล กับ พระนางมัลลิกา รวมความว่าผมก็ยังไม่ถอนตัวออกจาก เมืองพาราณสี ยังนั่งจ๋องเล่าเรื่องความ เป็นมาของ เมืองพาราณสี ต่อไป ถ้าเสร็จหน้านี้นะ หน้าหลังอาจจะใช่หรือมใช่ยังไม่แน่ เรื่องราวของพระนางมัลลิกา นี่มีมาก ใน เมืองพาราณสี นี่มีเรื่องน่าคุยกันเยอะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 7 มิถุนายน 2014
  12. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    เนื้อความมีอยู่ว่า พระนางมัลลิกา นี่ปกติเป็นสุภาพสัตรีที่มีความดีเลิศหนึ่งการเมตตากรุณาดีมาก สันโดษก็ดีมาก พระเจ้าปเสนทิโกศล ถ้าพูดถึงคนธรรมดา ภรรยาหลวงจะหนักใจขนาดไหน ก็ดูบรรดาเจ้าหญิงทั้งหลาย ที่ไปนั่งถวายงานกับพระเป็นอันว่านั่งอยู่ใกล้ๆ ปฏิบัติพระหมายความว่าสองคนต่อหนึ่งองค์สองคนแบ่งงานกัน บดของหอมคนหนึ่ง ถวายงานพัดคนหนึ่ง รวมแล้วพระ 500 องค์ ก็เจ้าหญิง 1,000 คน อันนี้เจ้าหญิงภายใน ใหญ่จริงๆ เจ้าหญิงรองลงมาก็ทำงานอื่นๆ รวมความเวลานั้น พระเจ้าปเสนทิโกศล ไข่ตามภาคพื้น เรียกว่าไข่มาตรฐาน ก็ประมาณ 1,000 ผล แล้วก็ยังไข่เรี่ยราดอีกตั้งเยอะ

    ก็รวมความว่าท่านเองก็คงจะต้องมีเมียมาก ถ้ามีเมียน้อยมีลูกมากไม่ได้ เมื่อดูกำลังใจของ พระนางมัลลิกาเทวี ถ้าผู้หญิงทั้งหลายโดนเข้าแบบนี้ก็จะหนักใจ แต่ท่านเฉย มีกำลังใจหนักแน่น กลับมีความรักมีความเมตตาปรานีในภรรยาที่มาข้างหลังและลูกหญิงทุกคนลูกชายทุกคน จะเป็นลูกของใครก็ตาม ถือว่าเป็นลูกของท่านเพราะท่านเป็นเมียหลวงใหญ่ นี่กำลังใจอย่างนี้หาได้ยาก จะถามว่าคนที่ชื่อ มัลลิกา ไปหามาจากไหนไม่มีล่ะ ชาวบ้านเขาอาจจะชื่อกันเหมือนกันแต่หายาก คนที่เป็นพระราชินีกับพระราชาต้องไปหาคนชื่อ มัลลิกา มันหาไม่ได้ มัลลิกาเทวี เป็นชื่อโดยตำแหน่ง แต่ชื่อจริงๆ อย่างท่านผู้รู้ท่านบอกว่าควรจะเรียกว่า ศรีระจิตร ท่านผู้นี้หนักแน่นมาทุกชาติ กำลังใจหนักแน่นยากที่จะหาได้และจริยามีความน่ารักเป็นกันเอง การล่วงเกินนิดหน่อย คำหยาบคำหนึ่งไม่เคยพูด อาการทางกายที่ทำให้สะเทือนใจพระราชสวามีไม่เคยทำ ไม่เคยเลยในชีวิตอาการหยาบต่างๆ ไม่เคยมี แม้แต่คนอื่นก็เช่นเดียวกัน จะกล่าววาจาที่สะเทือนใจคนอื่นไม่เคยกล่าว จะแสดงอาการอย่างใดอย่างหนึ่งให้เป็นที่สะเทือนใจของบุคคลอื่นก็ไม่เคยทำ เป็นคนมีเหตุมีผล ทำทุกสิ่งทุกอย่างมีเหตุมีผล
     
  13. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    แต่ทว่าบรรดาท่านพุทธศาสนิกชนจงจำพุทธภาษิตที่พระพุทธเจ้า ตรัสว่า จิตเต สังกิลิฏเฐ ทุคติ ปาฏิกังขา ก่อนจะตายถ้าจิตเศร้าหมองก็ไปสู่อบายภูมิได้ สู่ทุคติ ก็คืออบายภูมิ จิตเต อสังกิลิฏเฐ สุคติ ปาฏิกังขา ก่อนจะตายถ้ามีอารมณ์ใจผ่องในก็ไปสู่สวรรค์ คือสุคติได้ ? เรื่องราวของ พระนางมัลลิกา เป็นหญิงที่ไม่เคยสร้างความสะเทือนใจแก่พระราชสวามี ความจริงน่าคิดนะ พระราชสวามีมีเมียตั้ง 100 เศษนะ เกิน 100 อาจจะ 200 ก็ได้คือว่าเป็นล่ำเป็นสันนี่เกิน 100 ที่เรี่ยราดต่างหาก มันน่าจะเจ็บช้ำน้ำใจในหน้าที่ของตน เพราะในหน้าที่ของตนเป็นภรรยา ฉันเป็นเมียก็ต้องเป็นเมีย นี่คนอื่นมาแย่งตำแหน่ง แต่พระนางไม่เคยทำ และขึ้นชื่อจริยาไม่เรียบร้อยไม่เคย เป็นคนละเอียดมาก ดีมาก นิ่มนวลมาก


    ต่อมาวันหนึ่งเวลากลางคืนดับไฟแล้ว ท่านปวดปัสสาวะ พูดภาษาชาวบ้านก็ลุกจะไปห้องปัสสาวะ เป็นการบังเอิญอย่างยิ่ง เท้าข้างขวาไปสะดุดเท้าพระราชสวามีเข้า ขอเรียกเท้าก็แล้วกัน ชาวบ้านฟังง่ายๆ พระบาทพระสองสลึงมันยากจะเรียกพระบาทพระสองสลึงพระหกสลึงมันหนักใจ เรียกเท้าดีกว่า ไปสะดุดเข้าเท่านั้นแหละ เสียพระทัยมาก คิดว่ากรรมชั่วอย่างนี้ไม่เคยมีสำหรับเรา เราไม่น่าจะเป็นคนพลั้งเผลอ มีความชั่วขนาดนี้ ก็ทรงพระกรรแสงคือร้องไห้เสียใจสะอึกสะอื้นนอนไม่หลับ พระเจ้าปเสนทิโกศล เห็นพระชายาสะอึกสะอื้นแบบนั้นก็สงสัยถามว่าน้องหญิงเสียใจอะไร พระนางมัลลิกา ก็ทูลให้ทราบว่า หม่อมฉันเลวมาก ขอประทานอภัย

    พระราชา พระราชาบอกพี่ให้อภัยทุกอย่าง ความจริงที่น้องทำไม่มีเจตนาเสีย ไม่มีอะไรเป็นความผิด ความว่าที่ว่าเป็นคนหยาบคนเสียก็ไม่มีให้เลิกการเสียใจ เมื่อพระราชาทรงปลอบ พระเจ้าปเสนทิโกศล ปลอบ ต่อหน้าท่านก็ยิ้มแย้มแจ่มใส แต่ว่ากำลังใจมันข้อง คิดว่าเราเกิดมาไม่น่าจะสร้างความเลวอย่างนี้ ไอ้ตัวนี้แหละฝังใจตลอดเวลาและกาลต่อมาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงกำลังประทับอยู่ใน พระเชตวัน นั่นเอง พระนางมัลลิกา ก็ทรงสิ้นพระชนม์ แต่ความจริงไม่ใช่คราวเดียวกับให้ อสทิสทาน อยู่หลายปี และเมื่อมาอีกหลายปีที่คิดว่าพระนางมีพระชนม์มายุสั้น ก็ไม่สั้นนัก คือไม่ใช่สั้นจู๋อายุ 20 ปี 30 ปลายปีตาย
     
  14. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก พระนางเวลานั้นก็มีพระชนมายุก่อนที่จะสิ้นพระชนม์ก็เกือบ 50 เห็นจะโดยประมาณได้ ประมาณ50 ปี แต่ว่าในเมื่อพระนางสิ้นพระชนม์พระราชาท่านก็ต้องหนุ่มของท่านเรื่อยๆ ไป เมียตายก็มีเมียใหม่ได้ เมียอยู่ก็ยังมีเมียใหม่ได้ ทำไมเมียตายจะมีเมียไม่ได้ เป็นเรื่องธรรมดาๆทีนี้ก็เล่าลืมเนื่องต่อกันไป เป็นอันว่าก่อนจะตายจิตของพระนางหวนเข้ามานึกถึงเราเลวที่เอาเท้าไปสะดุดเท้าของพระราชสวามี พระราชสวามีก็ควรจะเคารพอย่างยิ่งบิดา เอาเท้าไปกระทบเท้าของพระราชสวามีก็เหมือนกับเอาเท้าไปกระทบเท้าของพระราชบิดาหรือพ่อนี่เอง กำลังใจก็เศร้าหมอง แต่ว่าความดีของพระนางมีมาก พอจิตออกจากร่างบรรดาท่านพุทธบริษัท ร่างกายของนางก็เป็นนางฟ้าสมบูรณ์แบบแพรวพราวระยับเนื้อเป็นแก้ว สวยสดงดงามแสงสว่างมีเป็นกรณีพิเศษ ถ้าจะเทียบเป็นนางฟ้าก็เป็นนางฟ้าอันดับหนึ่งของสวรรค์ชั้น ดาวดึงสเทวโลก

    แต่ทว่าการออกจากร่างแทนที่จะเดินไปสวรรค์ อาศัยความเศร้าหมองของจิตนิดหนึ่งที่ความจริงไม่เป็นความผิด แต่ตั้งใจให้มันผิดไปเองคิดว่ามันผิดไปเองที่ไปสะดุดเท้าของพระราชสวามี ใจเศร้าหมองว่าเราทำชั่วเราเลวตัวนี้นิดเดียวกรรมจิตตัวนี้นิดหนึ่งที่ข้องอยู่มีความเศร้าหมองหน่อยหนึ่งพานางลงไปถึงนรก ไปขุมไหนก็จำไม่ได้ ไม่ได้ตามไปซะด้วย เอาเท้าข้างขวาที่สะดุดเท้าพระราชสวามีไปแหย่ลงนรกให้ไฟไหม้อยู่ 7 วันมนุษย์ แต่ว่าร่างกายของพระนางทั้งหมดแต่งตัวเป็นนางฟ้าสมบูรณ์แบบในระหว่างนั้นที่ พระนางมัลลิกาเทวี เธอสิ้นพระชนม์ พระเจ้าปเสนทิโกศล ทำฌานปนกิจเสร็จตั้งใจจะไปถามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า พระนางมัลลิกาเทวี มเหสีคนสำคัญเธอจริยาเป็นเลิศการทำให้หมองใจนิดหนึ่งไม่มีตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา บุญบารมีก็สร้างมากหนักกว่าใครทั้งหมด การให้ อสทิสทาน ไม่มีใครสามารถจะทำได้แต่เธอทำได้ อยากจะถามองค์สมเด็จพระจอมไตรว่าเวลานี้น่ะ พระนางมัลลิกา พระมเหสีไปอยู่ที่ไหน เป็นอันว่าสมเด็จพระจอมไตรคือพระพุทธเจ้าทรงทราบวาระทางจิต องค์พระธรรมสามิสรทรงทราบว่าถ้าตรัสตรงๆ ออกไปว่าเวลานี้ พระนางมัลลิกาเทวี ไปอยู่เมืองนรก

    เอาเท้าไปแหย่ไฟเล่นโก้ๆ แค่ตาตุ่ม 7 วันมนุษย์ ถ้าตรัสเพียงเท่านี้ พระเจ้าปเสนทิโกศล จึงไม่ยอมทำบุญต่อไป จะไม่สร้างความดีต่อไปเพราะความดีที่พระองค์ทำนั้นมันไปเท่ากับ พระนางมัลลิกา พระนางมัลลิกา ดีขนาดนี้ยังลงนรก ก็พระราชาสั่งคนติดตะรางบ้าง สั่งประหารชีวิตบ้าง สั่งเนรเทศบ้าง ลงโทษคนนั้น ยื้อแย่งคนนี้รบทัพกับเมืองโน้นดีกับเมืองนี้ ยังสร้างกรรมที่เป็นอกุศลมาก คนที่มีความดีอย่างนั้นถ้าต้องลำบากต้องตกนรก คนอย่างเรามันก็พ้นไม่ได้ เราก็สร้างมันแต่ความชั่วมันเรื่อยไปดีกว่า ทำยังไงก็ต้องตกนรก ?พระพุทธเจ้าทรงทราบว่ากำลังใจของ พระเจ้าปเสนทิโกศล น่ะเป็นรูปนี้ตั้งใจแบบไหน แล้วบุกไม่ถอยหลัง จึงได้ทรงยับยั้งกำลังใจของ พระเจ้าปเสนทิโกศล
     
  15. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    เวลาที่ พระเจ้าปเสนทิโกศล เสด็จไปเฝ้าจะถามเรื่องนี้ พระพุทธเจ้าก็ทรงบันดาลให้ท่านลืมเรื่องนี้เสียทุกวัน ไปถึงก็ลืม ตอนเย็นก็กลับ กลับมาถึงพระราชนิเวศน์ใกล้บรรทมนึกขึ้นมาได้ว่าตายจริง เมื่อตอนกลางวันจะไปถามเรื่องราวของพระนางมัลลิกา เมียที่ตายว่าไปอยู่ที่ไหน ลืมถามพระพุทธเจ้าพรุ่งนี้ถามใหม่ ไปอีก พระพุทธเจ้าก็ทรงบันดาลให้ลืมอีกถึง 7 วัน เมื่อถึงวันที่ 8 เป็นวันที่ พระนางมัลลิกาเทวี พ้นโทษ ลอยจากนรกขึ้นไปสู่ สวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลก เสวยทิพย์สมบัติ

    อันนี้บรรดาท่านพุทธบริษัทต้องระมัดระวังให้มากเรื่องนี้เป็นตัวอย่าง การที่เราทำความดีแสนดีต้องรักษากำลังใจให้มันดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กำลังใจของเรานี้ต้องทรงพรหมวิหาร 5 ไว้เป็นปกติ ทรงศีลเป็นปกติ และก็ทรงยับยั้งกำลังใจอย่าหวั่นไหวในโลกธรรม ให้ทรงพรหมวิหาร 4 ไม่หวั่นไหวในโลกธรรม โลกธรรมคือได้ลาภ เสื่อมลาภ ได้ยศเสื่อมยศ นินทาสรรเสริญ สุขทุกข์อะไรมันจะมายังไงก็ถือว่าช่างมันๆ ๆ ไว้เสมอ ถ้าหวั่นไหวไปตามมัน คนนั้นเขานินทาเรา คนนี้เขาสรรเสริญเรา ตัวนี้แหละจะพาลงนรก

    อารมณ์ใจที่จะทรงกำลังใจไม่หวั่นไหวในโลกธรรม 8 รายการก็ต้องมีพรหมวิหาร 4 คือ หนึ่ง เมตตา ความรัก สอง กรุณา ความสงสาร สองรายการนี้ทำให้ศีลบริบูรณ์ การให้ทานก็ให้ปกติ ชุ่มชื่น ศีลก็บริสุทธิ์ สมาธิก็ทรงตัวและปัญญาก็แจ่มใส กำลังใจไม่หวั่นไหวในโลกธรรม เพราะมี มุทิตา ใครได้ดีพลอยยินดีด้วย อุเบกขา วางเฉยจากอารมณ์ที่เราไม่ชอบใจ ใครเขาว่ายังไงมายังไงก็ช่าง วางเฉยตัวนี้แหละทำให้ปลอดภัย ท่านทั้งหลายจงระวังไว้ อย่าถือว่าเราทำความดีมากแล้วอันนี้ไม่ควร ถ้าจะวัดกันจริงๆ แล้ว ความดีของพวกเราเท่า พระนางมัลลิกาเทวี หรือเปล่า แล้วอาศัยกำลังใจเท่าท่านไหม ท่านตั้งแต่เกิดมาไม่สร้างความสะเทือนใจให้ใครเลย เราทำได้ไหม ไม่ได้แน่ ขอยืนยันทุกคนที่ฟังทำไม่ได้แน่และก็มีจิตอ่อนโยนเมตตาปรานี่ไม่หึงไม่หวงใคร ตัวนี้หนัก ทำกันได้ยากแต่พระนางทำได้ ทานก็หนัก และเผลอนิดเดียวจิตใจไปห่วงว่าเท้าเตะเท้าพระสามีหน่อย ลงนรก แล้วพวกเราล่ะ พวกเราถ้ายิ่งไปกว่านั้นท่านบรรดาท่านพุทธบริษัทถ้าเผลอมันจะลงนรกยิ่งไปกว่านั้น ?ก็รวมความว่าเอาอย่างนี้ก็แล้วกันทุกคนรักษาความดีของเราไว้ด้วย
    อำนาจของพรหมวิหาร 4 อย่าลืมนะ ตั้งใจว่าเราจะไม่หวั่นไหวในโลกธรรมทั้ง 8
     
  16. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    หลังจากนั้นเมื่อพระราชาไปเฝ้าสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และทูลถามพระองค์ในวันที่ 8 องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่าเวลานี้ พระนางมัลลิกาเทวี อยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลก อันนี้จะหาว่าเป็นการหลอกลวงกันก็ไม่ได้บรรดาท่านพุทธบริษัท เป็นการสร้างกำลังใจให้แก่ พระเจ้าปเสนทิโกศล ?เอาละ บรรดาท่านพุทธบริษัททุกคน ที่นำเรื่องมาเล่าสู่กันฟังก็เพราะว่าเรื่องมันติดต่อกัน แต่ความจริง พระธรรมบท มันอยู่กันคนละตอน แต่เรื่องมันสืบเนื่องกัน ก็มาเล่าสู่กันฟังเพื่อเป็นคติแก่บรรดาท่านพุทธบริษัท ทุกคนจะได้ไม่ไประมาทคิดว่าเราดีแล้วเราเลิศแล้วเราประเสริฐแล้ว อย่าคิดอย่างนั้น ถ้าคิดอย่างนั้นเสียหายมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านที่เป็นพระสงฆ์สาวกขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาค ต้องระมัดระวังให้มาก อย่าเป็นพระประเภทที่เรียกว่าเกาะกินคือเกาะกินอย่างประเภทอะไรล่ะ อย่างประเภทเห็บกินสุนัขหรือว่าหมัดกินสุนัขแต่ความจริงมันอาศัยตัวสุนัขอยู่ แต่มันก็ทำลายสุนัขกินเลือดเนื้อตลอดวันจนร่างกายสุนัขโทรมไปและมันก็จะต้องตายด้วย ข้อนี้ฉันใด บรรดาเหล่าพระภิกษุสามเณรทั้งหลาย ซึ่งเป็นสาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่าทำตัวอย่างกับเห็นหรือหมัดที่ตามโบราณ เขาบอกอย่าทำตัวเป็นกาฝาก แต่ความจริงกาฝากมันไม่ได้สร้างความสะเทือนแก่ต้นไม้มากนัก และต้นไม้ก็ปราศจากความรู้สึก แต่มันก็เฉาก็ตายได้ กว่าจะเฉาจะตายก็นานมาก ทุกข์

    ทรมานก็น้อย แต่ว่าเห็นหรือเจ้าหมัดที่มันกินสุนัขนี่มันหนักมาก มันอาศัยร่างกายของสุนัข อยู่มันก็กินเลือดกินเนื้อเขาทำลายเขา ในที่สุดเขาตายมันก็ต้องตาย มันไม่รู้จะกินอะไรหาที่ไหน ไม่ได้มันก็ตายต่อไป และดีไม่ดีของเขารังเกียจขึ้นมาเขาก็ล่อเสียให้ตายพวกเราเหล่าพุทธบริษัทก็เช่นเดียวกัน พระทั้งหลายที่จะมีชีวิตอยู่ได้อาศัยบารมีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลานี้เรากินบุญของพระพุทธเจ้าท่านอยู่ คำว่าบุญคือความดี พระพุทธเจ้าท่านดี อาศัยความดีของพระพุทธเจ้าเลี้ยงพวกเรา ผ้านุ่งทุกผืน ผ้าห่มทุกผืน อาหารทุกเม็ด ข้าวทุกเม็ด สถานที่ที่อยู่ทั้งหมด อาศัยความดีของพระพุทธเจ้า ญาติโยมพุทธบริษัทที่มีความเคารพในพระพุทธเจ้ามาจัดสรร สร้างให้ สร้างให้ ที่อยู่ก็สร้างให้กระแสไฟฟ้าก็สร้างให้ยารักษาโรคก็ให้ ของกินของใช้ให้ทุกวัน บางทีการเลี้ยงพระที่บ้านท่านกินยังไม่ดีเท่าถวายพระ ของอะไรที่ว่าดีเอามาถวายพระ ไอ้ที่เหลือเศษ เอาไว้บริโภคเองอันนี้มีเยอะ ของดีๆ ที่ท่านถวาย บางทีที่บ้านท่านไม่มี ท่านคัดของดีมาถวายพระ และพระก็ต้องตีตามของตามอาหาร ถ้าพระไม่ดีตามนั้นพระไปไหนล่ะ เอรกปัตตนาคราช ทำให้ตะไคร้น้ำให้ขาดนิดเดียวเกิดเป็นสัตว์เดียรัจฉาน

    พระกบิลภิกขุ ดื้อด้านไม่ฟังคำสอนของพระพุทธเจ้า ทรงพระ
    ไตรปิฏก เรียน พระไตรปิฎกแล้วไม่ปฏิบัติตามดื้อด้านออกนอกลู่นอกทาง ประกาศว่าตน เป็นศาสดาใหม่ นรกไม่มีสวรรค์ไม่มี ความหมายไม่มีแก่การลง พระปาติโมกข์ ดัดแปลงคำสนอของตัวแทรกแซงพระพุทธเจ้า ตายแล้วไปอเวจีมหานรก
     
  17. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    ฉะนั้นขอบรรดาเพื่อนภิกษุสามเณรทั้งหลาย ศีลเป็นเรื่องใหญ่ ทรงตัวให้ดีอย่างเลวที่สุดเราจะต้องทรงกระพี้เปลือกความดีในพระพุทธศาสนาไว้ นั่นคือหนึ่งศีลบริสุทธ์ สองระงับนิวรณ์ สามทรงพรหมวิหาร 4 แต่ว่าท่านทรงเท่านี้นะท่านดีไม่เท่าฆราวาส เวลานี้ฆราวาสเขาทรงกรรมฐาน มีฌานสมาบัติ มีญาณกันเป็นพิเศษเยอะแยะ ถ้าเราทรงแค่นี้เราก็เลวกว่าเขา ไม่ควรกินของของเขา ไม่ควรใช้ของของเขา ไม่ควรอยู่อาศัยในสถานที่ที่ เขาสร้างให้ อย่างเลวที่สุดต้องทำ ปุพเพนิวาสนานุสสติญาณ ให้คล่อง และก็ ทิพจักขุญาณ และ จุตูปปาตญาณ ให้คล่อง ถ้าคล่องแค่นี้ก็ยังมีควรเอาของชาวบ้านเขาอีก

    เพราะท่านยังไม่พ้นนรกทางที่ดีเอาสังโยชน์ 3 เข้ามาเป็นเครื่องยึด ญาติโยมพุทธบริษัทก็เหมือนกันสังโยชน์ 3 นี่ไม่ใช่แต่พระ เณร เพราะเป็นตัวกันอบายภูมิอย่างชัดเจน เราจะตกนรกไม่เป็น เป็นเปรต อสุรกาย สัตว์เดียรัจฉาน ไม่เป็นต่อไป ตัดอบายภูมิกันเลย สังโยชน์ 3 มีอะไรบ้าง มันก็เป็นของไม่ยาก คือหนึ่งมีความรู้สึกว่าชีวิตนี้จะต้องตาย แต่เราก็ไม่ประมาทในชีวิต ไม่คิดว่าความตายจะอยู่นาน อีกนานถึงจะตาย ต้องคิดว่าความตายอาจจะมีวันนี้อยู่เสมอ ระวังตัวไว้ วิธีระวังตัวไม่ไปอบายภูมิ ก็ยึดพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ เป็นที่พึ่ง ยอมรับนับถือด้วยปัญญา อย่าสักแต่ว่าสัญญา จำแต่นับถือพระพุทธเจ้าๆๆ พระธรรม พระสงฆ์สักแต่ว่าปากน่ะ ลงนรกนับไม่ถ้วน และการยอมรับนับถือ

    พระพุทธเจ้า มองให้ชัดๆ ก็ดูกันที่ศีล ศีลเฉพาะประเภท ฆราวาสศีล 5 เณรศีล 10 พระศีล 117 และมีธรรมะด้วย ถ้าท่านผู้ใดมีศีลครบถ้วน บุคคลนั้นเคารพพระพุทธเจ้า พระรรม พระอริยสงฆ์ ถ้าศีลยังบกพร่องก็สักว่าเคารพแต่ปาก เป็นเหยื่อของอบายภูมิ มีนรก เป็นต้น ? ?ฉะนั้นขอบรรดาท่านพุทบริษัทศาสนิกชนและเพื่อนภิกษุสามเณร อันดับแรกคิดไว้เสมอ มรณานุสสติกรรมฐาน คือคิดถึงความตายว่ามันจะตาย กันอบายภูมิด้วยเคารพพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ มีศีลบริสุทธิ์ จิตคิดไว้เสมอว่าตายเมื่อไหร่ความดีที่ทำทุกอย่างเราไม่หวังผลตอบแทน เราทำเพื่อพระนิพพาน ถ้าตายเมื่อไหร่ ความที่ที่ทำทุกอย่างเราไม่หวังผลตอบแทน

    เราทำเพื่อพระนิพพาน ถ้าตายเมื่อไหร่จุดที่เราต้องการคือ พระนิพพานแห่งเดียว หลังจากนั้นก็ตีตลบกลับพยายามตัดโลภะด้วย การให้ทาน หรือ จาคานุสสติกรรมฐาน ตัดความโกรธด้วยการ ทรงพรหมวิหาร 4 ตัดความหลง ด้วยอารมณ์ ใจของเรานี้ ไม่พอใจในมนุษย์โลก เทวโลกและพรหมโลก ไม่ติดในร่างกายของเรา ไม่ติดในร่างกายของคนอื่นไม่ติดในร่างกายของสัตว์ และไม่ติดในวัตถุธาตุต่างๆ มุ่งพระนิพพานอย่างเดียวเอาละบรรดาท่านพุทธบริษัทสัญญาณบอกหมดเวลาผ่านไปแล้ว ขอยุติลงแต่เพียงเท่านี้ ขอความสุขสมหวัง ความบรรลุมรรคผลตามที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติแล้ว จงมีแก่บรรดาท่านพุทธบริษัทผู้รับฟังทุกท่าน สวัสดี

    คนที่ปรารถนาจะลงประกวดนางแก้ว ลองวัดกำลังใจ กับแม่ใหญ่มัลลิกาเทวีศรีระจิตร ดูนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 7 มิถุนายน 2014
  18. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    แก้วใหญ่ของผม ผมกราบขอมาจากแม่ใหญ่สุพรรณวดีศรีโสภาค กับพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ท่านปู่่ท่านย่า ขอในตอนกลางคืน เช้าท่านก็ส่งมาให้เลยเหมือนกัน เพราะตอนนั้นตัดสินใจเด็ดขาด หากว่ายังมีวิสัยเป็นฆราวาสผู้ครองเรือน และต้องทำหน้าที่ทำงานพุทธภูมิ มันต้องมีแม่บ้านเป็นกองกำลังสนับสนุน ก่อนหน้านั้นก็มีมาแล้ว และก็มาก อยู่บ้านเดียวกันสามคนก็มี สองคนก็มี แต่ช่วงก่อนนั้น อกุศลกรรมมันก็เอาหนัก ก็ขนาดบ้านแตกสาแหรกขาด แตกกระสานซ่านกระเซ็นกันไป จากกรรมที่ไปตีบ้านเมืองเขาแล้วก็ยึดเอามาครอบครอง ถึงกับต้องไปบวชทิ้งทุกอย่างไว้ชั่วคราว

    อกุศลกรรมมันย่ำยีเอาอย่างหนัก แบบหมดทางสู้ ลูกหลานพระเดชพระคุณหลวงพ่อแทบทุกคนเจอกันหนัก ในช่วงนั้นที่บวชเป็นพระแล้วไม่สึกอีกเลยก็หลายองค์ ช่วงที่แชร์แม่ชะม้อย แชร์แม่นกแก้ว แชร์เสมาฟ้าครามนคร ร่วงกันนั่นแหละ ผมเองมีบริษัทจัดหางานของตัวเองและในเครืออีกหลายแห่งก็ร่วงแบบ กรุงศรีอยุธยาแตก แบบค่ายบางระจันแตก มันสู้แต่สู้ไม่ไหว หมดทางสู้อย่างสมัยเชียงแสนที่ขอมดำมันถล่มย่ำยีเอา

    เมื่อบวชอยู่สามปีข้างๆหลวงพ่อนี่แหละ ก็มีเหตุ มีคนไปตามให้สึก ไม่สึกก็ไม่ได้มันเป็นเรื่องฉะเพาะตัวที่ต้องสะสาง

    สะสางเรื่องเก่าๆเสร็จ ครองเรือนอยู่ก็มีเหตุให้ต้องสละเรือนอีก สละครั้งนี้ จึงมาตัดสินใจเด็ดขาด วัดกันเลย บุญทานกองการกุศลทั้งปวง และการปรารถนาพระโพธิญาณ ว่าตัวเองนี่มันปรารถนาจริง ของจริงหรือเปล่า ไอ้ปรารถนานี่จริง แล้ววิสัยนี่มันจริงหรือปล่าววะ หรือสักแต่ว่าอยากได้ อยากเป็นเพราะกิเลส ตัณหา อุปาทาน และอกุศลกรรมบรรดาลให้เป็นไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 7 มิถุนายน 2014
  19. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    ต้องขยายหน่อยหนึ่ง กิเลสคือความเศร้าหมองสกปรกของจิต ที่มันเป็นฝ้าเป็นสิ่งปกคลุมไม่ให้มองเห็นสิ่งๆต่างๆตามความเป็นจริง ตามหลักอริยสัจ ตามหลักไตรลักษหรือเปล่า

    ตัณหา ความทะยานอยาก ทะเยอทะยาน เกินพอดี เกินตัว เกินฐานะ เกินวิสัยกำลัง ของตัวเอง ประเภทเรียกว่าไม่เจียมตัว โบราณ บอกว่าไม่ส่องกระโหลกชะโงกดูเงาหัวตัวเองหรือเปล่า

    อุปาทาน การยึดมั่นถือมั่นกับสิ่งที่รู้มา ได้ฟังมา สิ่งที่เห็นมา แล้วเรามายึดถือมั่นจะเป็นแบบนั้น จะได้แบบนี้ ต้องเป็น ต้องได้ตามนั้น ตามนี้หรือเปล่า อันนี้สำรวจใจ สำรวจลักษณะนิสัยของตัวเอง และสิ่งแวดล้อม ผลที่พึงมีพึงได้ มันมีผลจริง มันมีอยู่จริง หรือว่าฝันละเมอเพ้อพกไปเอง อันนี้คิดหนัก

    อกุศลกรรมบรรดาล ให้คิดให้ฝันไป หรือเปล่า ให้หลงเข้าใจผิดว่าตัวเองเป็นนักเรียนพุทธภูมิกับเขา ทั้งๆที่ตัวเองแค่วิสัยสาวก หากเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งก็จะได้ทำหน้าที่ทำใจให้มันถูก หากวิสัยเป็นครูจะได้ตั้งใจเรียนวิชาครู ก็จะได้ทำการบ้าน เตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ในการสอน เพื่อจะได้เอาไปสอน

    หากมีวิสัยสาวกก็จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเรียนในวิชาครู ตั้งใจเรียน แล้วประพฤติตัวเพื่อเป็นนักเรียนที่ดีจะได้รีบจบๆ ให้มันหมดเรื่องหมดราว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 7 มิถุนายน 2014
  20. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    นี่เพราะคิดแบบนี้และตั้งใจเด็ดขาดวัดผลกันเลย คือหากเป็นฆราวาสผู้ครองเรือนก็ขอให้ได้คน ที่เคยเป็นคู่ครองกันมาในอดีต หรือเชื้อสายวัดท่าซุงเท่านั้น คือขอแก้วกันเลย ไม่ใช่ ไม่เอา จะบวชสถานเดียว ชีวิตฆราวาสเลิกกัน ก็คืนนั้นไหว้พระทำสมาธิกรรมฐานอธิฐานเสร็จตั้งอารมณ์ตามตำราหลวงพ่อ ในตอนเช้าแม่ใหญ่ก็ส่งมาให้เลยเหมือนกัน รายละเอียดเล่าไว้หลายครั้งแล้ว

    เรื่องนางแก้วเมื่อขอกับท่าน ท่านก็พระราชทานให้มาดูแลความประพฤติ เป็นผู้ปกครองผมอยู่เวลานี้ ท่านแถมแก้วเล็กมาให้อีกหนึ่งแก้วดูแลความประพฤติ อ้ายแก้วนี้ดูแลหลังโรงเรียนกันผมโดนเรียนออกทางประตูหลัง หรือปีนกำแพง ยิ่งข้างๆกำแพงแก้วนั้นน่ะดุมาก ขนาดปาดหลังมือสั่งสอนผมนั่นแหละสมัยไปหาเขาครั้งแรก ดีว่าไม่เอาเท้าเหยียบอก มือขยุ้มคอเสื้อแล้วค่อยๆบรรจงตบก่อน แล้วค่อยๆสั่งสอนทีหลัง ไอ้เราก็ไหว้ครูว่าคาถาเสร็จปั๊บแล้วจะอุ้มออกมาจากห้องมาโชว์ซะหน่อย

    พอถูกตัวปั๊ปซัดเปรี้ยงเข้าให้หน้านี้ชาไปครึ่งซีก แล้วก็หัวเราะคิกชอบใจ เปิดไฟฉายสว่างโร่ แล้วจุดกะเกียง เสียงดังยังไงก็ไม่มีใครตื่น บอกพี่เอ๋ย พี่สกดคนอื่นได้แต่ฉันนี่เป็นหลานอาจารย์พี่ คาถาพี่ฉันมีคาถาแก้ ฉันรู้แล้วเดี๋ยวพี่ก็จะเข้ามาอุ้มฉัน นอนรอให้อุ้มอยู่นี่ ถามว่าเมื่อรออยู่แล้วตบทำไม แก้วนี้บอกว่านี่ฉันรักพี่อยู่ก่อนนะจึงแค่ตบ หากเป็นคนอื่นทำกับฉันแบบนี้โดนเตะสั่งสอน จะไม่ตบยังไง

    พี่รักชอบพออยู่กับพี่สาวลูกพี่ลูกน้องฉันที่บ้านเหนือ แล้วพี่เข้าหาฉัน พี่ทำกับฉันอย่างนี้ทำไม ก็อ้อมแอ้มว่าการที่พี่เสี่ยงแข้งเพื่อนเข้ามาหาน้องสาวมันนี่คงไม่ได้มาหาจิ้งหรีดไปให้ควายกินหรอกนะ เมื่อตื่นแล้วนี่ถามว่าจะเอาไงต่อ จะให้กลับหรือว่านอนที่ในนี้ อ้ายนี่ลูกสาวเสือนักเลงเหมือนกัน บอกว่าแล้วแต่พี่ ในเมื่อพี่เข้ามาได้โดยไม่มีใครตื่นเข้าถึงตัวฉันได้ก็แล้วแต่พี่ ขออย่างเดียวพี่ห้ามทอดทิ้งฉัน ก็รับปากเขาไว้ตามนั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 มิถุนายน 2014

แชร์หน้านี้

Loading...