วิริยาธิกะพิเศษบันทึก

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย pco-, 7 มิถุนายน 2010.

  1. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    สวัสดีครับพี่ พีซีโอ พี่ๆน้องๆทุกๆท่าน พิมเขียนเสียยาว เดี๋ยวมาอ่านนะครับ เดี๋ยวไปอบยาไอน้ำก่อน ที่ร่างกายมันจะ รวนเรเฉไฉไปอีก ยังต้องพึ่งพาอาศัยมันอีก ฮ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
     
  2. scorpion03

    scorpion03 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2012
    โพสต์:
    161
    ค่าพลัง:
    +816
    สวัสดีท่านทั้งหลาย

    ขออนุโมทนา ในกุศลเจตนาที่ท่านทั้งหลายได้กระทำแล้วด้วยดี สาธุ

    ก็ต้องกราบขออภัยที่เรา มักจะใช้พื้นที่ในกระดานธรรมแห่งนี้ ของท่านพี่ PCO มาเขียนเรื่องเกี่ยวกับการบ้านการเมืองซะมาก ขออภัยจริง ๆ เราไม่มีเจตนาอะไรหรอกนะ ก็เพียงแต่ว่า อยากให้พวกเราที่เป็นคนไทยทุกคน มีความสุข และก็เห็นว่า เรื่องของการบ้านการเมืองนั้น มันเกี่ยวข้องกับชีวิต และความเป็นอยู่ของคนไทยทุกคนนะ ไม่ว่าจะเป็นทางตรง หรือทางอ้อม ว่าแล้วก็ขอเขียนต่ออีกนะ ที่เราเขียนเรื่องของการบ้านการเมืองนี้ ก็ด้วยเจตนาว่า เผื่อบังเอิญ มีท่านผู้ใดได้เข้ามาอ่าน แล้วเกิดประโยชน์ ด้วยว่าท่านพอจะมีบทบาท และหน้าที่ในการบริหารชาติบ้านเมือง จะได้ข้อคิดนำไปใช้ให้เป็นประโยชน์ได้บ้างนะ ก็เท่านั้นเอง

    วันนี้จะเขียนเรื่อง " ข้าว "

    ก็ที่เป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้แหละนะ เกี่ยวกับเรื่องของการจำนำข้าว ที่มีการทุจริต คตโกงกันเป็นกระบวนการใหญ่ ลงท้าย คนที่รับกรรม ก็เป็นชาวนา เห็นไหมหละว่า ทำอะไรก็ตาม ถ้ามันไม่สุจริต ซื่อสัตย์ ความทุกข์ยากมันจะตกลงมาถึงราษฎรทั้งหลาย

    ประเทศไทย ประชาชนส่วนใหญ่ ประกอบอาชีพด้านเกษตรกรรม เราเป็นเมืองแห่งเกษตรกรรม มาช้านานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นภูมิประเทศ ภูมิอากาศ ก็เหมาะแก่การเพาะปลูก ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ก็ประกอบอาชีพนี้ เป็นชาวนา ชาวสวน และชาวไ่ร่ ฉะนั้นการทำอะไรก็ตามที่จะส่งผลกระทบต่อบรรดาพี่น้องเกษตรกรทั้งหลาย จะต้องคิดให้รอบคอบ ใช้สติปัญญาให้รอบด้าน ประการสำคัญ คือจะต้อง ทำด้วยความมุ่งหวัง ให้เกษตรกร ของไทยเรา มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ไม่เป็นหนี้เป็นสิน

    เริ่มกันตั้งแต่พันธุ์ข้าว เดี๋ยวนี้ ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันนะว่า หน่วยงานที่รับผิดชอบในเรื่องนี้ ไปทำอะไรกันอยู่ ไม่เห็นจะมีการพัฒนาพันธุ์ข้าว ให้กับชาวนาอย่างต่อเนื่อง และจริงจังเลย แปลงนาสาธิต ก็ขาดการเอาใจใส่ โครงการต่าง ๆ ที่ดี ที่เกี่ยวกับเรื่องการพัฒนาสายพันธ์ุข้าวต่าง ๆ ที่องค์พ่อหลวงของเรา ได้ริเริ่มเอาไว้ ขาดการเอาใจใส่อย่างแท้จริง ไม่ต่อเนื่อง

    มาต่อเรื่องการทำนา เดี๋ยวนี้ มีแต่การใช้เครื่องจักร ในการทำนา เริ่มกันตั้งแต่การเตรียมดิน ไถกลบต่าง ๆ แม้แต่การปลูกต้นกล้าข้าว ก็ยังให้รถปลูก จริงอยู่มันก็สะดวกดี และทำได้รวดเร็ว แต่อย่างลืมว่า มันก็เป็นการเพิ่มต้นทุนการผลิตของชาวนาไปโดยปริยายนะ การร่วมแรงร่วมใจกันทำนา ระดมกันช่วยปลูกต้นกล้าข้าวในนา ไม่มีเหลือให้เห็นกันแล้ว อยากปลูกข้าว ดำนา ก็ไปจ้างรถปลูกข้ามา ไถ มาปลูก แป๊บเดียวเสร็จ แต่มันต้องใช้เงินมากขึ้นนะ ต้นทุนในการทำนาก็เพิ่มขึ้นไปอีก

    มาถึงเวลาเก็บเกี่ยว ก็ไม่มีแล้วการลงแขก ช่วยกันเก็บเกี่ยว อันที่จริงวัฒนธรรม การลงแขกเกี่ยวข้าง เป็นสิ่งดีนะ คือเป็นการเชื่อมสัมพันธ์ไมตรี ของคนในหมู่บ้าน บ้านใกล้เรือนเคียง เป็นการสมานสามัคคีกัน และค่าใช้จ่ายก็น้อย เมื่อเปรียบเทียบกับการที่จะต้องไปจ้างรถเกี่ยวข้าวนะ

    โครงการพัฒนา โค กระบือ เพื่อใช้ไถนา ก็ไม่มีใครสานต่อ ทั้ง ๆ ที่เป็นพื้นฐานของชาวนาไทย มาแต่โบราณ และต้นทุนน้อย การทำนาโดยอาศัย โค และกระบือ นั้น เป็นวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของชาวนาไทย ต้นทุนน้อย ค่อย ๆ ทำไป ทำให้ชีวิตของชาวนา อยู่กับธรรมชาติ พึ่งพาตนเองได้ เพราะว่าการที่ต้องไปจ้างรถมาไถนา ปลูกข้าว และเก็บเกี่ยวข้าว ต้องใช้เงินมากกว่า ยิ่งถ้ามีนาหลายไร่ ก็ยิ่งใช้เงินมาก ก็ต้องกู้หนี้ยืมสินเขามา บ่อยครั้งที่ชาวนา ก็ต้องไปกู้เงินนอกระบบมา เพื่อเอามาเป็นต้นทุนในการทำนา จ้างรถไถนา รถหว่านข้าวปลูกต้นกล้า และรถเก็บเกี่ยวข้าว เก็บแล้วสีเป็นข้างเปลือกเลย ที่นานั่นแหละ รวดเร็ว แต่ชาวนา เป็นหนี้ท้วมหัว

    เมื่อต้นทุนในการทำนา มันเพิ่มขึ้นมามากอย่างนี้ นี่ยังไม่นับค่ายาฆ่าแมลง ปุ๋ยต่างๆ อีกนะ เพราะพันธุ์ข้าวไม่ดี และขาดองค์ความรู้ในการทำนาแบบเกษตรอินทรีย์ หมายถึง ทำนาแบบธรรมชาติ กำจัดศัตรูพืช ด้วยการใช้สมุนไพรธรรมชาติ และแม้กระทั่งปุ๋ย ก็ใช้ปุ๋ยคอกได้ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ เป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน มีมาช้านาน แต่ภาครัฐ อันได้แก่ กรมส่งเสริมการเกษตร ไม่เอาใจใส่

    บอกเพียงว่า เอาหละ ถ้าเกษตรกรรายใด ทำการเกษตรแบบธรรมชาติ คือเกษตรอินทรีย์ (ใช้คำทันสมัยหน่อย) ผลผลิตที่ได้ ก็แจ้งให้ทาง เจ้าหน้าทีไปตรวจสอบ ถ้าได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด จะให้การรับรอง สามารถขายผลผลิตได้ในราคาดี แหม ทำไมถึงไม่คิดไปช่วยเกษตรกร ตั้งแต่ขั้นตอนแรก ๆ ของการเพราะปลูกนะ ตั้งแต่การคัดเลือพันธ์ุที่เหมาะสม ความรู้ด้าน การใช้สารกำจัึดแมลงแบบธรรมชาติ และการใช้การเกษตรแบบ ใช้ ห่วงโซ่อาหาร ตามธรรมชาติ ในการดูแลศัตรูพืชต่าง ๆ และการใช้ปุ๋ยธรรมชาติ

    กรมส่งเสริมการเกษตร ไม่รู้ว่าไปทำอะไรอยู่นะ ถ้าจำไม่ผิด ก็มีกรมการข้าวด้วยนะ หน่วยงานต่าง ๆ ของทางราชการที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร มีอยู่มากมาย แต่ว่า ชาวนาไทยยังยากจนอยู่ ชาวนาไทย ยังเป็นหนี้เป็นสินอย่างท่วมหัวอยู่

    และหน่วยงานที่ว่านี้ ก็ยังชอบไปดูงานต่างประเทศกันจังนะ มีสัมมนา ประชุม ต่าง ๆ ใช้งบประมาณของชาติไปอย่างมากมาย แต่ผลที่ได้ ชาวนาไทยยังยากจน และเป็นหนี้ อย่างในทุกวันนี้

    นี่แค่เรื่องข้างเรื่องเดียวนะ เอาเป็นว่า ปัญหาความเป็นอยู่ของประชาชนชาวไทยทุกคน ไม่ว่าจะประกอบอาชีพอะไรก็ตาม งบประมาณของชาติที่ผ่านมา ก็มีอย่างมากมาย มหาศาล โครงการต่าง ๆ ของแต่ละกระทรวงทะบวงกรม ก็มากมาย เช่นกัน แต่สุดท้าย สิ่งที่เห็น คือ ราษฎร ยังตกทุกข์ได้ยาก ยังยากจน เป็นหนี้เป็นสินกันอยู่ แล้วอยากจะถามว่า เงินงบประมาณของชาติ ที่ผลาญกันไปอย่างมากมายนั้น มันไปตกอยู่ไหน

    ราษฎร ตาดำ ๆ ถึงยังได้ทุกข์ยาก และลำบาก อย่างทุกวันนี้ ขณะที่องค์พ่อหลวงของเรา ท่านทรงกระทำทุกอย่าง ด้วยความยากลำบาก มาอย่างยาวนาน ทุกโครงการในพระราชดำริของพระองค์ ทำขึ้นเพื่อให้ประชาชนชาวไทย ในทุกสาขาอาชีพ ได้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เพื่อให้ประเทศชาติเจริญรุ่งเรื่อง อย่างยั่งยืนสืบไป

    มาบัดนี้พระองค์ท่าน ทรงอ่อนล้า ไปตามกาลเวลาที่ผ่านไป ทำไมท่านผู้ทีหน้าที่เกี่ยวข้องทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น ข้าราชการฝ่ายต่าง ๆ ทั้งหมด ถึงไม่นำพา สานต่อโครงการในพระราชดำริของพระองค์ท่าน ถึงไม่เอาจริงเอาจัง ต่อยอดองค์ความรู้ต่าง ๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนชาวไทย ตามที่พระองค์ท่านได้ทรงพระดำริไว้ เปรียบดัง สมบัติอันล้ำค่า ที่พ่อได้ให้ไว้

    ทำไมลูก ๆ ทั้งหลาย ถึงไม่เห็นในคุณค่าของสมบัติที่พ่อได้ทำไว้ให้นะ เท่านั้นยังไม่พอ บรรดานักการเมืองทั้งหลาย บรรดาข้าราชการทั้งหลาย กลับไม่ทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต แต่กระทำการทุกจริต คอร์รัปชั่น ต่าง ๆ นานา จน ราษฎรไทย ส่วนใหญ่ ถึงได้ยากจน และทุกข์ยากลำบาก อย่างในปัจจุบันนี้

    เราจำได้ จากข่าวในโทรทัศน์ องค์พ่อหลวง ได้ตรัสไว้ว่า " ภูมิพล " แปลว่าแผ่นดิน เราจึงอยากถามกลับไปยังท่านทั้งหลายว่า

    " ท่านได้ทดแทนบุญคุณของแผ่นดิน แล้วหรือยัง "
     
  3. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    คุณน้อง03ไม่เป็นไร ใช้ข้างฝาบ้านผมนี่แหละเขียนอะไร ต่อมิอะไรปะข้างฝากันเข้าไว้ให้ลูกหลานในอนาคตได้รับรู้ เพียงแต่ว่าเราเลือกที่เป็นประโยชน์ เป็นกลางที่ไม่เป็นเวรภัยสาธารณะไปพรางๆก่อน แต่เวรส่วนตัวนี่ไม่เป็นไร พวกเราขอเอาไว้ฟัดให้ถนัดๆในชาติต่อๆไป

    ตอนนี้ฟังเพลงไปพลางๆก่อน รอพี่บุญทรงไปอบไอน้ำค่อยมาว่ากันต่อ

    เอ ซือเจ๊แว่วๆว่าไปอยู่วัด จะให้แมงกะไซไปรับกลับ หรือจะค้างที่วัดครับ
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=_vf6YaKbyDI"]?????????????????-??????? ????? - YouTube[/ame]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 7 มิถุนายน 2014
  4. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814



    :cool:({) สวัสดีครับคุณ ผมไม่รู้จักว่าคุณชื่อแซ่อะไร อยู่ประเทศไหน เพราะว่าผมขณะนี้ได้ชื่อว่าเป็นคนไทย และเป็นเพื่อนเกิดแก่ เจ็บและตาย เหมือนดั่งทุกๆคน เพราะผมเอง อ่านภาษาอังกฤษ ไม่ออกไม่ได้เรียนมา ในการทำความปราถนาของคุณที่ว่ามา เป็นของดี ขออนุโมทนาสาธุ ในสิ่งที่ดี จะปราถนาอะไร เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล ปราถนา พุทธภูมิก็ดี ปัจเจกะภูมิก็ดี สาวกภูมิก็ดี หรือไม่ปราถนาก็ตาม ทุกคนมีสิทธิ์ จะเลือกหรือไม่เลือกก็ได้ ตามใจปราถนา ไม่มีใครห้าม หรือพาไปได้ หรือหิ้วไปได้ สัตว์ทุกตัวทุกคน สามารถเลือกทางเดินเป็นของตนเอง ผิดถูกต้องแก้ไขเอง ตัวเองเป็นผู้กำหนดทิศทางดีและชั่ว ที่ตัวทำทั้งสิ้น



    ส่วนเรื่องการเมืองนั้นผมเอง พยายาม ตัดมันออกไป จากใจผม ไม่ขอยุ่งเกี่ยว เพราะเราไม่มีหน้าที่และบทบาทอะไร ถ้าเรื่องมาหา หรือมาถึงก็ว่ากันไป ตามบทบาท ถ้าไม่มีหน้าที่ เราก็ถอยห่าง ถือว่า ไม่ใช่เรื่องของเรา ควรสวมบทบาท ที่ควรทำ ไม่ให้เสียหายต่อ ชาติบ้านเมือง หรือส่วนรวม ใช้ใจตนเอง พิจรณาว่า ควรทำในสิ่งไร มีคุณหรือมีโทษ ในฐาณะ ที่ผมก็เคยประสบพบ เห็นคุกคี มาทั้งในรูปแบบ ของพุทธภูมิ ปัจเจกภูมิ สาวกภูมิ ทั้งคนและสัตว์มาพอสมควร ทั้งผู้หญิงผู้ชาย และนักบวช ก็พอ รู้จริยาของท่านเหล่านั้นมาบ้างพออนุมาน แต่ส่วนใหญ่แล้ว ไม่ค่อยสนใจเท่าใดหรอก ส่วนไหนดี เอามาใช้ ส่วนไหนไม่ดี ก็ไม่เอามาใช้ ทุกอย่างเราต้องทำเองหมด ใครก็มาทำแทนไม่ได้



    ในส่วนบารมีต้น จะเป็นพุทธภูมิ ปัจเจกภูมิ สาวกภูมิ ก็ตาม บารมีต้น ยังมีสิทธิ ตกนรก เป็นเปรต อสูรกาย ได้ทั้งสิ้น บารมีกลาง ปรอดบ้างตกบ้าง ถ้าบารมี ปลาย ปรมัตถบารมี ปรอด มากกว่าตก แต่หลวงปู่ปาน ท่านมีบารมีปรมัตถบารมี รอคิวมาตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้า ท่านบอก ท่าน ขาหนึ่ง เหยียบ ปากขุมนรก อีกขาหนึ่ง ก้าวขา อยู่ฝั่งมนุษย์ คนละฝั่งกัน ยังมีสิทธิตกนรก ท่านไม่เคยประมาท บางเรื่อง บางอย่าง มันตรวจสอบได้ บางเรื่อง ก็ตรวจสอบยากครับ บางที เราว่าใช่ แต่มันไม่ใช่ บางที่ว่าใช่ มันไม่ใช่ก็มี จริงๆเท็จๆๆๆจริงๆ ในทางโลกพระท่านบอก จะเกิดสักเท่าไหร่ มันเรียนไม่จบหรอก แต่ทางธรรม มันมีสิทธิเรียนจบด้วยกันทุกคน จะช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง



    การเกิดมาแต่ละคน ล้วน ต้องมาทำเอง ในส่วนของพุทธภูมิ ใครก็พูดได้แต่การกระทำ มันยาก ยิ่งกว่า มันยากยิ่งกว่าตัดแขนตนเองทิ้งเสียอีก การทำกำลังใจ ให้เต็มนี่แหละ มันยาก ทำให้เต็มเมื่อไหร่เมื่อนั้นแหละ ผมว่าจะชนะ ตัวเรา ได้สำเร็จ และชนะผู้อื่นได้ โดยไม่ยาก ถ้าผมชนะตัวเองได้ ผมคงไม่มาตอบคุณแน่นอน เพราะเห็นว่ามันไร้สาระ ผมแพ้ตนเอง ผมจึงมาตอบให้คุณได้รู้ว่า ที่มาของผม คนจะเดินทางนี้ มันต้องรู้ของจริงมาพอสมควร การเรียนตำรานั้น ใช้ไม่ได้เลย มันเพียงแนวทางเดินเท่านั้น มันต้อง ทั้งเรียน ทั้งทำ มันต้องประสบของจริงเท่านั้น เดินเอง ทำเอง กินเองชงเอง ในทุกๆเรื่อง ไม่ผ่านก้ต้องไปเรียนใหม่ จะเรียนในเรื่องเดียว จะสัก ร้อยครั้ง พันครั้ง ถ้าไม่ผ่าน ก็ต้องไปซ้ำไหม่ แต่ ในอีกแง่มุมหนึ่ง คล้ายๆกัน


    การจะจะรู้ใครดีใครชั่วนั้น บางอย่างก็ดูการกระทำ ถ้าจะให้รู้แน่ชัด ก็ต้องอาศัย คลุกคลี กินนอนด้วยกัน หรืออยู่ร่วมกัน ถึงจะรู้นิสัยซึ่งกันและกัน แต่ถ้าเคารพกัน ในสิทธิซึ่งกันและกัน รู้ถูกรู้ผิด ว่าควรไหม คนเรานั้นมีปัญญา เหมือนกัน จะเอามันออกใช้หรือเปล่าเท่านั้นเอง ถึงผมจะไม่มี ทิพยจักษุญาณ เหมือนบุคคลอื่น ก็พอ จะดูอะไรๆได้พอสมควร หรือยังไม่รู้จริงก็นิ่งดู อยู่ห่างๆ ถ้ามันคันปากก็ พูดมันให้หายบ้างก็เท่านั้นเอง



    พระพุทธศาสนา ไม่เคยปิดกั้นใคร ทาง ศาสนา ใครจะนับถือ พุทธศาสนาหรือไม่ หรือจะไปนับถือ ศาสนาคริต อิสลาม ฮินดู เชน ซิก หรือพราหม์ ทุกศาสนา สอนให้คนเป็นคนดี แล้วแต่ศาสนานั้นๆ สอนถึงไหน สอนถึง สวรรค์ สอนถึงพรหม อรูปพรหม มีศาสนาเดียว ที่สอนถึงพระนิพพาน คือศาสนาพุทธ ท่านสอน ตั้งแต่เบื้องต่ำ ถึงเบื้องสูง ใครทำอะไร จะเกิดเป็นคนหรือ สัตว์ สัตว์นรก สัตว์เดรัชฉาน คนจนคนรวย พระเจ้นแผ่นดิน พระเจ้าจักพรรดิ์ เทวดา พรหม อรูปพรหม ถึงพระนิพพาน สร้างบารมีอย่างไร ท่านสอนไว้ครบ ละเอียดลออ หรือใคร ไม่นับถืออะไรเลย เป็นเรื่องของบุคคลนั้นๆ ไม่บังคับผู้ใด พระพุทธศาสนา มีเหตุและผล ให้มาพิสูตรได้ด้วยตนเอง


    ส่วนในด้านปัญญาคนนั้น ไม่สามารถ เรียน ตามกันทันได้ อยู่ที่การสั่งสมอบรมมา ในด้านการเรียน สามารถ เรียนตามกันทันได้ ปัญญาของคน ก็มีหลายขั้น หลายตอน พระโพธิสัตว์ ก็ มีขั้นต้น กลาง หยาบ ละเอียด ปัญญาขั้นกลาง ก็มี หยาบ กลาง ละเอียด ปัญญาขั้นละเอียด ก็มี หยาบ กลาง ละเอียด ในส่วนของโลกีย ก็มีหลายขั้นตอน และก็ยังมี หยาบ กลาง ละเอียด คนที่เป็น พระอริยเจ้า ขั้นต้น พระโสดาบัน ก็มีหยาบ กลาง ละเอียด พระสกิทาคามี ก็มีหยาบกลาง ละเอียด พระอนาคามี ก็มี หยาบกลาง ละเอียด พระอรหันต์ ก็มีหยาบ กลาง ละเอียด พระอรหันต์ ก็มีอีก ๔ รดับ สุกขวิปัจสโก วิชชาสาม ฉฬภิญโญ ปฏิสัมภิทัพปัตโต จึงพออนุมานเทียบเคียงมาแค่นี้ก่อนครับสวัสดี :cool:
     
  5. scorpion03

    scorpion03 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2012
    โพสต์:
    161
    ค่าพลัง:
    +816
    สวัสดีท่านทั้งหลาย

    ท่านบุญทรงพระเครื่อง กล่าวได้ดีนะ ทำในสิ่งใกล้ตัว ที่เหมาะสม ส่วนที่เราชอบพูดแต่เรื่องการบ้านการเมือง ก็ขอท่านบุญทรงฯ ได้โปรดเข้าใจนะ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน ใจมันพาไป ก็รู้ ๆ พอ ๆ กับท่านบุญทรงฯ นั่นแหละ ว่าไม่มีหน้าที่ ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกันนะ พอเดี๋ยว ๆ ใจมันก็สั่งให้เขียนไปอีก ทั้ง ๆที่ตัวเอง ก็ทำอะไรไม่ได้หรอกนะ แต่ใจของเรามันปรารถนาให้เป็นอย่างที่ได้เขียนไปนะ

    ชีวิตของคนเรานั้นสั้นนัก ไม่ช้าทุกคนก็ต้องตายจากกันไป เมื่อตายไปแล้วก็จะมีเพียง กรรมดี และกรรมชั่วเท่านั้นที่จะติดตัวของทุกคน (ทุกดวงจิต) ไป

    พระท่านว่า มนุษย์ทุกคน มีกรรมเป็นของตัว มีกรรมเป็นเครื่องบ่งชี้ และมีกรรมเป็นเครื่องนำพาไป มาถึงเวลานี้ เราก็ยังเป็นคนช่างฝันอยู่เหมือนเดิม ฝันเช่นนี้มาตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็ก อายุไม่มาก เราฝันอยากให้ผู้คนอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ไม่มีขโมย ไม่มีโจรผู้ร้าย ผู้คนอยู่กันด้วยเมตตา กรุณา ไม่มีการอาฆาตพยาบาท เข่นฆ่า จองเวรจองกรรมกัน เป็นสังคมที่หอมอบอวลไปด้วยศีล ด้วยธรรม

    ในสมัยเด็ก ก็จะฝันไม่ค่อยละเอียดนัก ฝันเพียงแค่ ไม่ต้องการให้ผู้คนทะเลาะ เบาะแว้งกัน พอมาเวลานี้ ก็ปาเข้าไป 55 ปีแล้ว แก่พอตัว ความฝันที่ว่านี้ ก็ละเอียดขึ้นไปตามอายุนะ ในช่วงเวลาปัจจุบันนี้ การที่จะทำให้ทุกคนเป็นคนดี นั้น มันเป็นไปไม่ได้หรอกนะ เพราะสังคมมันเป็นแบบนี้ มีคนดี คนเลวปะปนกันไป

    แต่สิ่งที่สำคัญ และเป็นหัวใจ ของความสุข หรือว่า ความทุกข์ ของคนในชาติ ก็คือ การที่จะต้องพยายาม ให้คนดี มีศีลธรรม ได้มีโอกาส เข้ามามีอำนาจในการบริหารชาติบ้านเมือง และต้องคอยกันคนที่ไม่ดี ไม่ให้เขาเหล่านั้น ได้มีโอกาส เข้ามามีอำนาจปกครองบ้านเมือง เพื่อให้ประชาชนชาวไทยทุกคน จะได้มีความสุข บ้านเมืองเจริญรุ่งเรืองต่อไป

    หลักสำคัญมันอยู่ที่ตรงนี้เพียงเท่านั้น ไม่ว่าเราจะไปเขียนกฏกติกา อะไรมากมายอย่างไร มีรัฐธรรมนูญ ไปอีกสักกี่ฉบับ ก็ตามแต่ หรือว่าจะปฏิรูปอะไร มากสักเท่าไรก็ตาม แต่ความสำคัญมันอยู่ที่ตรงนี้เท่านั้น

    เพราะว่า ไม่ว่าเราจะมีกฏหมาย ที่ดี มีประสิทธภาพเพียงไรก็ตาม แต่ว่าคนเราถ้ามันจะโกงซะอย่าง อย่างไร มันก็หาช่องทางทุกจริต คตโกงได้วันยังค่ำนั่นแหละนะ ไม่มีกฏหมายอะไรหรอกนะ ที่จะไปห้ามไม่ให้คนโกง ที่จะไปห้ามไม่ให้คนคิดทุจริต คอร์รัปชั่น คือพูดง่าย ๆ ก็คือ จะไปห้าม ความอยาก คือกิเลส ตัณหา ภายในใจของคนเรา มันห้ามกันไม่ได้หรอก

    สิ่งที่ทำได้ คือต้องสนับสนุนให้ คนดี มีศีลธรรม ได้เข้ามามีอำนาจปกครองประเทศ ไม่ว่าจะเป็นในระดับใด ยิ่งถ้ามีคนดี มีศีลธรรม มาบริหารชาติบ้านเมือง ได้มากเท่าไร ความสงบสุข ความเจริญรุ่งเรื่อง ของชาติไทยเรา ก็จะมีมากเท่านั้น คำกล่าวที่ว่า " แผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง " นี้เป็นเรื่องจริง แผ่นดินธรรม หมายถึงว่า การที่บ้านเมือง มีผู้คนที่มีศีล มีธรรม โดยเฉพาะ คนที่มาเป็นผู้นำประเทศ มาบริหารประเทศ ต้องมีศีล มีธรรม และมี หิริ โอตัุปปะ คือมีความละอายต่อการกระทำความชั่ว ตลอดจนเกรงกลัวถึงผลของการกระทำความชั่ว

    เมื่อคนที่มาบริหารประเทศ มีคุณธรรมแล้ว แผ่นดินทอง ก็จะเกิดตามมา คือ ความเจริญรุ่งเรื่อง ในด้านต่าง ๆ จะเกิดมาตามมาอย่างรวดเร็ว

    ประเทศไทยของเรา มีเท่านี้เอง ต่อให้ทำการปฏิรูป กันไปอีกสักร้อยครั้ง ต่อให้แก้ไขกฏกติกา รัฐธรรมนูญกันไปอีก 100 ฉบับ ก็ไม่มีประโยชน์สักเท่าไร ประโยชน์นะมี แต่ผลที่แท้จริง มันไม่ได้รับตามที่คาดหวังกันหรอกนะ คือไม่มีกฏหมาย อะไร ที่จะไปห้าม หรือป้องกัน ไม่ให้คนโกง คนคิดทุกจริต คอร์รัปชั่นได้หรอกนะ คือว่า มันป้องกันได้น้อยมาก เพราะว่าคนเรามันจะโกง หรือว่า ไม่โกงนั้น มันอยู่ที่ใจ

    แล้วจะเอากฏหมายอะไร ไปควบคุมใจคนได้นะ ไม่มีหรอก
     
  6. White Sage

    White Sage เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +1,743

    สาธุค่ะ จริงๆก่อนอื่นต้องขออภัยพี่ PCO และพี่ๆทุกๆท่านเป็นอย่างสูงที่ได้ใช้กระทู้แห่งนี้พิมพ์เรื่องการเมืองนะคะ คงด้วยความบังเอิญที่ผ่านมาเห็นโพสต์ของพี่ scorpion03 แล้วใคร่อยากจะสนทนา และแชร์มุมมองความคิดต่างๆ ที่น่าจะเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยอ่ะค่ะ


    สิ่งที่หนูพิมพ์ไปนั้น ยอมรับว่าเป็นมุมมองส่วนตัวจริงๆ เพราะว่าในชีวิตได้หลงไปกับข้อมูลข่าวสาร และความเชื่อต่างๆทางการเมือง ถึงขนาดว่าเคยมีความคิดที่สุดโต่งทางการเมืองไปทั้ง 2 ทางเลยทีเดียว โดยความเลวในใจที่เกิดขึ้นนั้น ก็คือ ส่วนตัวนั้นมีความเคารพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นอย่างมาก ที่ท่านเป็นพระโพธิสัตว์ที่ทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อประชาชนชาวไทยจริงๆ แต่แล้ววันหนึ่งด้วยความบังเอิญก็ได้ยินผู้ที่ไม่ได้นับถือท่านพูดสิ่งต่างๆ ทำให้รู้สึกโกรธและเกลียดคนเหล่านั้นเป็นอย่างมาก จนเมื่อวันหนึ่งได้กลับมามองตัวเองก็คิดขึ้นได้ว่า ความเลวนั้นเกิดขึ้นกับใจเราแล้วจริงๆ เพราะสิ่งที่เราคิดในใจนั้น ขาดพรหมวิหารธรรม ๔ ประการ และยังขาดปัญญาด้วยว่า ความเป็นจริงแล้ว พระโพธิสัตว์ที่ท่านมีบารมี(กำลังใจ)เข้มแข็งนั้น ท่านย่อมวางเฉยต่อกฎแห่งกรรม และประกอบด้วยพรหมวิหารธรรม ๔ ประการ และตั้งใจทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อส่วนรวมโดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ ดังนั้นหากว่าเราเคารพท่านจริงๆ ก็ควรยึดถือท่านเป็นแบบอย่าง และคนที่เขาไม่ได้นับถือท่านแต่นับถือการปกครองรูปแบบอื่นนั้น เราต้องรู้จักดูกำลังใจของเขาด้วยว่า เขามีจิตเจตนาที่ดีและมีใจทำเพื่อส่วนรวมหรือไม่ อย่างที่หลวงพ่อท่านได้เคยกล่าวไว้ถึงท่านที่เคยเข้าป่าไปเมื่อช่วง 14 ตุลานั่นเอง


    และเมื่อมาถึงช่วงที่มีความคิดความเชื่อทางการเมืองสุดโต่งอีกทางหนึ่งนั้น ยอมรับว่าเป็นผลของวิบากกรรมและเป็นการเรียนรู้เพื่อทำบารมีด้วยเช่นกัน โดยจิตในตอนนั้นก็เกิดความเลวขาดซึ่งพรหมวิหารธรรม ๔ อีกเช่นกัน จนกระทั่งวันหนึ่งก็มานั่งดูตัวเองและรู้ว่ามันเป็นการเชื่อโดยปราศจากข้อมูล เพราะถึงแม้ว่าเค้าจะพูดดูน่าเชื่อถือและมีตัวเลขการคำนวณที่ดูสมเหตุสมผลอย่างไร แต่สุดท้ายแล้วมันจะมีวาระซ่อนเร้นบางอย่างแฝงมาด้วยเช่นกันไม่ต่างจากความคิดความเชื่ออีกฝั่งเลย ซึ่งยังไม่รวมถึงการเล่าเรื่องที่ดูน่าเชื่อถือแต่ไม่สามารถพิสูจน์ได้เลยอีกด้วย


    สุดท้ายเมื่อผ่านการเชื่ออย่างสุดโต่งทั้ง 2 ฝั่งมาแล้ว ก็ได้กลับมามองตัวเองมองเรื่องการเมืองแล้วพบว่า ไม่ว่าจะระบอบการเมืองไหนก็ไม่ได้สำคัญ เพราะตัวเราเองนั้นก็เคยผ่านการเวียนว่ายตายเกิดและประสบพบเจอกับการเมืองการปกครองในทุกๆรูปแบบมาแล้ว ซึ่งทุกระบอบนั้นก็ล้วนมีทั้งผู้ที่มีคุณธรรมความสามารถ และผู้ที่ไม่มีคุณธรรมความสามารถทั้งสิ้น แต่ความสำคัญก็คือทำอย่างไรที่จะทำให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเมืองการปกครองรูปแบบนั้นๆเป็นคนที่ดีมีคุณธรรมและความสามารถจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นระบอบที่ปกครองด้วยคนๆเดียว ปกครองด้วยหมู่คณะส่วนน้อย หรือปกครองด้วยเสียงส่วนใหญ่ ตามแต่ละยุคแต่ละสมัยที่มนุษย์ยอมรับกันค่ะ


    ดังนั้นส่วนตัวเลยขออนุญาตแชร์ความคิดในเรื่องของคนดีและคนมีความสามารถดู ว่าเราจะมีวิธีการพิสูจน์ตรวจสอบอย่างไร เผื่อว่าจะมีประโยชน์บ้างเล็กๆน้อยตามประสาเยาวชนคนหนึ่งที่พอจะทำได้ ซึ่งเมื่อได้อ่านข้อความที่พี่บุญทรงเขียนมาแล้ว รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านทุกๆท่านในการนำไปใช้(อันรวมถึงตัวหนูเองเช่นกันค่ะ):)


    สุดท้ายนี้หากตัวหนูเองมีจิตเจตนาใดๆที่ล่วงเกินพี่ๆทุกๆท่านไป ต้องกราบขออภัยทุกๆท่านด้วยนะคะ และหากว่าใช้คำหรือข้อความในการสื่อสารใดๆที่สร้างความเข้าใจผิดแก่พี่ๆทุกๆท่านไปบ้าง ก็ขออภัยพี่ๆทุกๆท่านด้วยเช่นกันค่ะ :)


    ปล. หากว่าทางพี่ PCO เห็นว่าโพสต์ไหนมีความไม่เหมาะสม(ไม่เกี่ยวกับว่าดี ถูกต้อง หรือไม่ดี ไม่ถูกต้องนะคะ)รบกวนพี่ลบทิ้งได้เลยนะคะ ขอบคุณค่ะพี่ /\ :)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มิถุนายน 2014
  7. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    ก็อย่างที่บอกไว้ อยากปิดป้ายแขวนไว้ที่ข้างฝานั่นแหละ เราจะปิดว่าเราอยากได้อะไรทุกอย่างที่เป็นของดี รวมทั้งตัวเองก็อยากจะลองเป็นคนดี เขาลือกันว่าทำดีไปเรื่อยๆสักวันจะได้ดี ตอนเป็นคนไม่ได้ดี ตายไปแล้วถึงได้ดีก็ไม่เป็นไร ก็ยังได้ชื่อว่าเอาดีจนได้ ช่วงนี้ไม่ค่อยมีแรงเขียนออกความเห็นการเมืองเพราะงานค่อนข้างจะหนัก แล้วก็เขียนมาพอสมควร

    ก็ใครมีความคิดที่ดี ใจเราอยากได้อะไรเราก็เขียนของเราออกมา เพียงแต่ว่าขอให้เป็นไปในทางสร้างสรรสังคหวัสถุสี่ ที่คุณซือเจ๊ให้เอามาทำการบ้าน แล้วตัวเองไม่รู้ว่าแอบไปลอกข้อสอบเพื่อนอยู่ที่ใหน อะไรที่จะทำให้แตกร้าวกัน เราก็เลี่ยงๆ ใช้ทางเบี่ยง

    เรียกว่าแกล้งฉลาดไปซะมั่ง แกล้งไม่เห็นความไม่ดีของคน แกล้งไม่ได้ยินความไม่ดีของคนซะบ้างเป็นการให้โอกาสเขา หากว่ายังพอที่จะรักษาได้

    แต่หากขนาดหลังแข็งตาขวางน้ำลายฟูมปากแล้วนี่ก็สุดวิสัยที่จะเข้าใกล้ เราก็คงไม่ฆ่าทิ้งให้เป็นเวรภัย เพราะขนาดนั้นอย่างไรเสียก็ต้องตายด้วยตัวเองอยู่แล้ว เราเพียงระวังอย่าให้น้ำลายกระเด็นมาใส่เราให้ติดเชื้อไปด้วยก็แล้วกัน

    ฉะนั้นคุณน้องWhite Sageไม่ต้องเกรงใจเขียนแปะข้างฝาไว้ได้เลย

    เรื่องการปกครองอย่างไรเสียไม่ช้าก็เร็ว พระเดชพระคุณหลวงพ่อบอกว่าทั่วโลกจะหันกลับไปนิยมแบบเดิม เพราะแบบอื่นๆต่อไปจะไปไม่รอด

    ชะตาเมืองของกรุงเทพตอนที่ย้ายมาจากกรุงธนบุรี หลวงพ่อก็บอกว่า สมเด็จพระพุทธยอดฟ้า ท่านกำหนดไว้ให้มีเกณฑ์ของทหารคุ้มครอง ฉะนั้นใครก็ไม่ต้องไปฝันว่าจะไม่การทหารเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมือง นี่เป็นชะตาของชาติบ้านเมืองที่คนรุ่นก่อนรักษาไว้ด้วยเลือดเนื้อชีวิต หากการเมืองอยู่ในศีลในธรรม มีกิริยามารยาทที่ดี บ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อย ประชาชนพลเมืองมีความเป็นอยู่เป็นสุขตามอัตภาพ มีความปลอดภัย

    บรรดาพี่Amarmyก็ไม่ต้องสพายดาบเดินผ่านตลาดให้พี่นวลต้องกังวลใจ ก็จะมีเวลาไปฝึกซ้องเพลงดาบ คอยแค่ระวังขะโมยขะโจรมันจะมุดรั้วเข้ามา กับคอยซ่อมแซมเสาดูแลลวดหนามทำรั้วให้มีสภาพดีอยู่เสมอเท่านั้น ความจริงเรื่องภายในตามตำราบอกว่าเป็นเรื่องของเสนาบดีที่อุตส่าห์ส่งไปเรียนถึงสำนักทิสาปาโมกข์ ก็เพื่อให้มีความรู้ดี ไม่ใช่รู้ชั่ว เรียนรู้มาอย่างถูกต้อง อย่าดันไปจำเอาอะไรที่ไม่ถูกต้องเอามาเบ่ง

    จะได้เอาความรู้ดีนั้นมาบอกกล่าวแนะนำให้ทำในเรื่องที่ดี บ้านเมืองมันก็สงบสุข พี่Amarmyก็จะได้ไม่ต้องลาดตระเวณไกลให้เสียพลังงาน แล้วจะได้ลากลับบ้านไปหาพี่นวล แล้วก็กลับมาประจำกรมกองซ้อมเพลงดาบต่อ ไม่เอาแบบที่ไปหาพี่นวล แล้วลาพี่นวลเข้าหลักประหาร แบบนั้นใจมันหายทำดีแต่ตาย ทำดีตามหน้าที่ของลูกผู้ชายชาตรีพึงกระทำ แต่ทำแล้วพี่นวลจะอยู่กลับใคร

    ผมขอกราบขอบพระคุณลูกหลานของสมเด็จกรมหลวงทุกท่าน กราบขอบพระคุณลูกหลานของพ่อพันท้ายนรสิงหที่ทำหน้าที่ของลูกผู้ชายที่พึงกระทำ ขอบคุณเจ้าหน้าที่รักษาความสงบทุกท่านทุกหมู่เหล่า และทุกๆท่านที่ช่วยกันพยายามทำให้บ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อย ขอฝากไว้อีกนิดหน่อยขอให้ช่วยจัดการกับความไม่ยุติธรรมทั้งหลายให้เหลือน้อยที่สุด

    ในชาตินี้ผมถือว่ามาดูลาดเลา ชาติต่อไปอย่างที่บอก ใครที่เพลงร้องว่าหนักแผ่นดินน่ะ เตรียมไปฝึกซ้อมหวดกระสอบทรายไว้ให้ดีเลย ไฟ๊ทหน้าเจอกันทุกน้ำหนักพิกัด ทุกเวที แต่ชาตินี้ขอไปทำหน้าที่กรรมกรก่อสร้างก่อน

    อีกสักครั้งสำหรับพี่Amarmy

    กราบระลึกถึงสุดยอดทหารกล้า ตำนานลูกผู้ชายชาตรี อีกหนึ่งผู้กล้าของลูกหลานไทย

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=7Qs4JZJVthc"]???????? - "??????????????" Disc2 /6-7 - YouTube[/ame]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 7 มิถุนายน 2014
  8. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    หน้าที่ของลูกผู้ชาย เกิดอีกเท่าไรชาติก็ขอให้จำเรื่องราวยอดทหารกล้าท่านนี้ได้
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=vedc6GCGYCk"]น้ำตาแสงไต้ - ทนงศักดิ์ ภักดีเทวา - YouTube[/ame]
     
  9. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814




    :cool:({) สวัสดีครับคุณ ๐๓ พี่ๆน้องๆทุกๆท่าน ผมเอง ว่าจะไม่เข้ามา แล้วนะ นานๆค่อยเข้ามา แต่ก็อดใจไว้ไม่ได้ ผมน่ะเห็นด้วย ในข้อเขียนของคุณ แต่ผมน่ะ ก็ทำมาพอสมควร ร้องแรกแหกกะเฌอ ไปถึงผู้หลักผู้ใหญ่ ถึงไม่เป็นผล แต่ก็เสทือน บ้าง พอควร การทำอะไรต่อมิอะไร ที่คุณว่ามาผมเข้าใจ แต่มิอาจทำได้ ต้องดูกาลเวลา ดูความเหมาะสม ดูกาลสมัย ว่าถูกต้องหรือไม่ ผมน่ะ ร้องให้ในใจมานาน พอสมควร แก่อัตภาพ วันนี้ มันคิดถึง คำพูดของคุณ ได้อ่านมาแล้ว หนึ่งครั้ง เมื่อตอนบ่าย จึงอยาก มาเขียน ให้รู้ถึงประสบการณ์ จริง ที่เกิดขึ้น กับชีวิตจริงของผม ผมไม่มีอะไรจะฝาก แต่ เอาชีวิตจริงๆมาฝากเป็นอุทาหรณ์


    :cool:ไม่ได้เอามาเบ่ง หรือทับถม แต่ได้กระทำของจริงๆมา มันทั้ง อ่อน เหนื่อย ล้า หดหู่ใจ เป็นยิ่งนัก ขอย้อนหลังไปเมื่อ พ.ศ.ไม่ถึง ๑๐ ผมเริ่มทำงานเลี้ยงน้อง ๓ ขวบกว่าๆ และได้ทำงานทุกๆอย่าง เมื่อเจริญวัยขึ้นตามลำดับ ผมเริ่มไถนาเป็น ไกล้ ๗ ขวบ ไถควาย วัวต่อมา ผมเป็นมาแต่เด็กๆนาหว่าน นาดำ หาปูปลามาแต่เด็กๆ เป็นหมด เด็กในรุ่นราวคราวเดียวกัน ถือว่า ผมไม่แพ้ใคร เรื่องทำงาน ขอเล่าค่าวๆ ในกระทู้พี่ พีซีโอนี่แหละ เคยเล่าที่อื่นมาบ้างแล้ว เรื่องข้าว ยังไม่ถึง พ.ศ. ๑๐ เรื่องข้าว จำไม่ได้ ถนัดนักว่าเกวียนเท่าไหร่ ทองคำในสมัยนั้น บาทหนึ่ง ไม่ถึง ๓๐๐ บาท เรียกว่า ราคาข้าว กับทองคำ ราคาไร่เรี่ยกัน ต่อมา พ.ศ.๑๐ กว่าๆ ไม่น่าจะเกิน พ.ศ.๑๕ จากการ ไถนาด้วยควาย หรือวัว เรียกว่า จะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง ในการทำนาแล้ว


    พ่อผมขายวัวควายหมดแล้ว ซื้อ ควายเหล็กมาแทน ไถนาแบบในสมัยใหม่ ได้เริ่มขึ้นแล้ว ก่อนที่จะมีข้าวสายพันธุ์ไหม่ ข้าว ก.ข.เกิดขึ้น ข้าว พันธุ์ ซีซี ก็เกิดขึ้น เมล็ดเล็ก กว่าพันธุ์ใดๆ ถัง หรือปี๊บหนึ่งน้ำหนักถึง ๑๑โลหรือกว่า ปี ๒ ปีต่อมาเริ่ม ก.ข. ๑ เข้ามาแทน และพันต่อๆมา เริ่มทยอยออกมา ให้เห็น แพร่หลาย จากเคย ทำนาได้ ไร่ละ ๓๐-๔๐ ถังหรือไม่ถึง ก็ได้เพิ่มขึ้นเห็นได้ชัด สำหรับที่นาไม่ค่อยดี สำหรับนาดีๆ ข้าวนาปี ไร่ละ ๔๐ ถัง ถึง ๖๐ ถัง ต่อไร่ เมื่อหันมาทำนาปัง นาไม่ค่อยดี กับทำนาได้ไร่ละ ๕๐ ถังถึง ๖๐-๗๐-๘๐ ถังต่อไร่ ที่ดีๆ ก็คงได้ไร่ละ ๘๐-๙๐ ๑๐๐ ถังถึงนาดี อาจจะกว่า ได้ถึง ๑๒๐ ถัง สมัยก่อน เขาใช้ ถังหรือปิ๊บ ตวง ใครมือเบา เวลาตบถังหรือปิ๊บ ข้าวจะยุบตัวลง เหลือค่อน ถังๆหนึง น้ำหนักไม่แน่นอนตายตัว แต่ส่วนใหญ่ ข้านาปัง ประมาณ ๙ โลถึง ๑๐ โลครึ่ง ถ้าข้าวนาปี ถังหนึ่ง ๑๐โล ๑/๒ ถึง ๑๑ โล


    จากเกวียนละ ๑,๐๐๐ กว่าบาท ตอน พ.ศ.๑๐กว่า ก็ขึ้นมาเรื่อยๆ ใกล้เคียงกับราคาทองห่างกัน ก็ไม่เท่าไหร่ ใกล้ พ.ศ. ๒๐ ข้าวเริ่มแพง เกวียนหนึ่ง น่าจะ ๒,๐๐๐พันบาทหรือกว่า จำไม่ได้เท่าไหร่ แต่คงผิดไม่มากนะ เริ่มเปลี่ยน จาก ตวงด้วยถัง ก็เปลี่ยนมาเป็น ชั่งแบบกิโลแทน ถังแบบตวงมากน้อยเท่าไหร่ เขาไม่คิด คือ ทางรัฐบาลในสมัยนั้น ให้ใช้ ชั่ง เอาเป็นมารตฐาน สากล ๑ เกวียนคือ ๑ ตัน หรือ ๑,๐๐๐ กิโล ทุกอย่างค่อยๆ ทิ้งไป ขอย้อนหลังนิดนะ ตอนเริ่มทำนาปังใหม่ๆ ไม่กี่ปี ก็ใช้ ควายนวดข้าว ต่อมาก็ใช้ ควายเหล็ก นวดแทน ต่อมา ใช้เครื่องมานวด แทน แต่ก็ต้องใช้คนเก็บกองๆไว้ ต่อมา ลากรถ ไปนวดในนา ข้าวออกมาเป็นเม็ด ทันสมัยขึ้นไปเรื่อยๆพัฒนาไปเรื่อยๆ

    ใหม่ๆ ก็เอาแรงกัน เลี้ยงข้าวปลาอาหาร เลี้ยงเหล้ายาปลาปิ้ง ตอนกลางวัน หรือตอนเย็นๆ ต่อมาก็เอาแรงแบบ วัดงาน บางคน เล่นโกง งานหนึ่งเป็นศอกๆความกว้างนะ ทั้งเกี่ยวข้าว ดำนา เมื่อก่อน จะเอาแรงกัน และลงแขกเกี่ยวข้าวดำนา เมื่อ พ.ศ.๒๐ เศษๆผ่านไป เรื่องเอาแรงกัน แทบไม่มีแล้ว เหลือแต่ เอาแรงนวดข้าว ตอนนี้ พ.ศ.๒๐ กว่าขึ้นมา แหมข้าวขึ้น ราคา มาเกวียนหนึ่ง ถึง ๓,๐๐๐กว่าบาท และถึงสุดขีด ๔,๐๐๐บาท ไม่น่าจะเกิน พ.ศ.๒๓ นะ ตอนนี้ผมว่าทองคำ น่าจะถูก กว่าข้าว เพราะอะไรรู้ไหม ก็เพราะว่า ผมเป็นภารโรง วัดท่าซุง พ.ศ. ๒๘ ตอนนั้นทองคำ บาทหนึ่ง ประมาณ ๓,๐๐๐บาทหรือไม่ถึงนี่แหละ ข้าวขึ้นราคามาได้ ๒-๓ ปี ราคาข้าวจึงทรงกับทรุด ๒พันกว่าบาทบ้าง ถึง ๓ พันบาทบ้าง

    ผมมาเลิกทำนา ตอน น้ำท่วม ปี ๒๖ นอกนั้นให้น้องทำ เล็กๆน้อยพอได้กิน หรือไม่พอกิน ขาดประสบการณ์ หรือผู้นำ ผมออกจากบ้านแล้ว ผมว่าจะเลิกทำนา แต่มาอยู่ สุพรรณ ก็มาทำนาไว้กินอีก ทำไร่ อ้อย มันสัมปะหลัง ข้าวโพดแป้งอีก ในปี ๓๔-๓๕ ทองคำ ราคา ๓ พันกว่า ข้าวก็ขึ้นมาที่ น่าจะ ๔ พันกว่าบาท ในสมัยนี้ จากใช้รถนวดข้าวเฉยๆ กลายพัฒนามาเป็น รถเกี่ยวข้าว แทน ใช้รถลากข้าว ต่อมาก็พัฒนามาเรื่อยๆผมทำนาโดยสิ้นเชิง ต่อมา ผมว่าจะเลิกทำนา พอดีลูกศิษย์ หลวงพ่อ ซื้อนา ๕๐ไร่ จึงได้มาทำนาอีกครั้ง พ.ศ.๔๐ ชีวิตผมไม่ พ้นนาจริงๆ การตกลง ทำให้วัด และให้ผมมีส่วน แบ่ง ข้าวผมใช้ทำแบบ ข้าวสมัยใหม่ กรึ่ง สมัยเก่า เพราะนาอยู่ที่ อ.สว่างอารมย์ จ.อุทัย พื้นที่ยัง ใช้แบบ สมัยร่วม เก่าและใหม่ปนกัน

    ได้ข้าว ๑๐ กว่าเกวียนผมแบ่งข้าวไปไว้กิน ๔ เกวียน กินอยู่ ๓ ปี ๆที่ ๓ ข้าวแทบหมดยาง กินแทบไม่อร่อยเลย ในการทำนาปีนี้ จากที่ ข้าวขึ้นราคา อีกครั้ง เป็นประวัติการณ์จากเกวียนหนึ่ง ๔ -๕ พันบาท ขึ้นไปถึงเกวียนละ ๑ ๑๐,๐๐ กว่าๆ หมื่นกว่าๆ บาท แต่อภิโถอภิถัง พอผมเกี่ยวข้าวเสร็จ ข้าว ดันลงราคา เหลือเกรียนละ ไม่ถึง ๔,๐๐๐บาท ทั้งๆเป็นข้าวหอมมะลิ คนส่วนใหญ่จะรู้จัก ข้าวหอมมะลิ ๑๐๕ ซึ่งทำได้เนื้อดีกว่า ข้าวนาปี สายพันธุ์อื่นๆ ที่ผมต้องเอาข้าวไว้กินเพราะราคา มันลงมาแค่ ไม่ถึง ๔ พันบาท ผมทั้งเจ็บใจ ร้องให้ในใจ ด่าหยาบคายสารพัดเดี๋ยวต่อหน้าใหม่ จะได้ไม่ยาวเกินไปครับ:cool:
     
  10. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    ต่อมาไม่นานนักปี ๔๗ไม่เกิน ปี ๔๘ ผมมาทำนาที่วัดท่าซุง อีกปีหนึ่งชีวิตผมไม่พ้นาจริงๆ ผมตัดพ้อต่อว่า ชีวิตตัวเอง ในเวลา ๓ ถึง ๕ ปีมานี้ ทองคำราคา เกือบ ๓ หมื่นบาท แต่ราคาข้าวกับถอยหลัง เมื่อย้อนลงไป พ.ศ.๓๐ เศษๆ ซึ่งราคาข้าวกับราคาทองใกล้เคียงกัน แต่สำหรับ ปุ๋ยยา ขึ้นแล้ว ไม่มีการลงๆก็นิดหน่อยเองครับ ของทุกอย่าง ขึ้นแล้วลงยาก แต่ข้าวของชาวนาเรา กับ ถอยห่างลงไปทุกๆที อาหาร น่าจะเป็นการต่อลองราคาของโลกได้ แต่กับทำอะไรไม่ได้เลย เจ็บใจไหมล่ะ ผมให้ทุกคนช่วยเก็บไปคิดเป็นการบ้านกันหน่อยครับ หรือผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้อง ช่วยชาวนาหน่อยก็ดีครับ แต่ผมเห็นอย่างหนึ่ง พ่อค้ามันรวยเอาๆ คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องก็รวยๆเอา

    เอาล่ะ มาว่ากันเรื่อง เศรษฐกิจพอเพียงของพ่อหลวงกันดีกว่าครับ ผมว่า ผมว่า ทุกคนเข้าใจกันเปล่า ผมน่ะไม่รู้หรอก แต่ผมน่ะพอเข้าใจ บ้างพอสมควร แต่ก็ไม่มากหรอกครับ เอาค่าวๆนะครับ ผมอยากจะได้ รถเครื่องสักคัน ผมไม่มีเงินซื้อ รถป้ายแดง ถอยของใหม่ว่างั้นเถอะ แต่มีเงินบ้างพอควร ผมไม่มีเงิน ซื้อรถเครื่องใหม่ ผมก็เอาเงินไปซื้อ รถเครื่องเก่า หรือรถมือ สองมาใช้ก่อน มีเงินเมื่อไหร่ ค่อยขยับไปซื้อรถใหม่ ถอยป้ายแดงว่างั้นเถอะ พอเพียง ที่ตนมีอยู่ ไม่ใช่ทะเยอะ ทะยานจนเกินเหตุ ไม่มีเงินไปถอยป้ายแดงออกมา จะเป็นรถเครื่องก็ดี รถยนต์ก็ดี ส่งเป็นรายเดือน พอไม่มีเงินส่ง เขาก็มายึดรถกับคืนไปเป็นของเขา ทำให้ พ่อค้ารวย เราก็จนต่อไป เขาเรียก ทะยานอยากเกินพอดี ไม่พอเพียงที่ตนมีอยู่


    เราไม่มีเงิน ก็ไปผ่อน รถยนต์ มอไซร์ ผ่อนตู้เย็น แอร์ ทีวี เครื่องสตูดิโอ ข้าวของสารพัด นี่ก็เป็นปัญหานะครับพี่น้อง ทำนาไม่ได้ดีอยู่แล้ว กับแข่งขันกันเป็นนี่ แข่งกันสร้างของ ทำให้พ่อค้าคนกลางรวยเอาๆ การทำมาหากิน จะกลับไปแบบเดิมๆมันยาก ครับ แต่ปรับเปลี่ยน วิถีชีวิต ให้ไป ใช้ แบบสมุนไพร ข้าวอินทรีย์ ปุ๋ยอินทรีย์ ให้ลงทุนน้อยๆหน่อย การลงทุน ถ้า พ่อค้า เอากำไลน้อยลงหน่อย ช่วยคนจนได้อ้าปาก บ้าง ในส่วนผู้เกี่ยวข้อง ก็อย่า กินโกงชาวนาเลย เศรษบกิจพอเพียง ในส่วนของคนรวยเขาก็พอเพียง ในแบบของเขา พึงพอใจ สิ่งที่ตนมีอยู่ ไม่คตโกง กินกำไลเกินพอดี ลงทุน พอให้ ไหว ไม่เป็นนี่ขี้ข้า จนเกินพอดี เวลา ใช้นี่ไม่ได้ ก็เป็นคนล้มละลาย ยกสมบัติ ให้ลูกเมีย เป็นนี่เสียให้แก่ประเทศชาติ ไม่รู้ มันจริงขนาดไหน ท่านผู้อ่านที่เคารพ ไอ้ พวกมากลากไป กู้เงิน กี่ สิบล้าน ๑๐๐ ล้าน พันล้านได้ แต่คนจนไม่ค่อยเข้าถึงเงินเหล่านี้เลย ครับ หาน้อยมาก แต่คนไม่กี่คน สามารถ มากู้เงินมากมาย ที่ได้ยินมา นี้ มันจรืงหรือเปล่าหนอ พี่ๆน้องๆทุกท่าน หรือผมฟังมาผิด


    เอ่ผมนี่เลอะเทอะไปกันใหญ่แล้ว พิมมา น้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหลงเหลง มันจะมีประโยชน์ต่อใครบ้างน้อ แต่อย่างน้อย ก็ได้ นำมาให้อ่านกันเล่น เป็นนิทาน สนุกๆ เผื่อใครจะมีชีวิตแบบผมบ้างก็เท่านั้นเอง เอาไว้ เตือนตนเองน่ะดีที่สุด ว่าเกิดมามีแต่ความผิดหวัง ไม่เคยได้สมหวังอะไรเลย ทุกอย่าง มีจาก ก็มีมา มีกลับมาก็มีจากไป เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปในที่สุดของมัน เกิดมามีแต่ทุกข์ จึงพยายามทำใจให้เป็นสุก พึงพอใจ สิ่งที่เรามีอยู่ แล้วสักวัน จิตของเราก็จะมีแต่สุขตลอดไปครับ ราตรีสวัสแด่ทุกๆท่านครับสวัสดี
     
  11. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814



    :cool:({) สวัสดีครับคุณ พี่ๆน้องๆทุกๆท่าน ในกรณีของคุณ พูดมา ผมเองไม่รู้หรอก ว่าคุณเป็นใคร คุณพูดมา แบบนั้น ผมก็นึกว่าคุณไม่ใช่คนไทย เป็นคนต่างชาติ และผมไม่รู้ ภาษาอังกฤษ ฟุดฟิตฟอไฟ ผมเองไม่รู้เลย ไม่ได้ศึกษา ถ้าทำให้คุณ มัวหมองใจ ต้องขออภัยด้วยจริงๆ ผมพิมไปตามความรู้ สึกจริงๆ ที่มีอยู่ไม่ได้เสแสร้ง แกล้งทำ ผมเองรักสงบ ความสัจจะ รักท่านเหมือนรักตัวเอง ไม่อยาก เป็นสิ่งนั้นสิ่งนี้ หรือไม่อยากให้ใครมาทำเรา คนและสัตว์ ต้องการเหมือนเราด้วยกันทุกตัวตน ใครไม่มีให้ผมๆก็ไม่มีให้เช่นกัน ผมเองยังไม่เคยได้ยิน หรือเห็น พระพุทธเจ้า พาคนไปนิพพานได้หมด หรือไปครบคนพาล ถ้าท่านครบ ก็ต้องหมายความว่า คนๆนั้นโปรดได้ และไม่มีพระอรหันต์ พระโพธิสัตว์องค์ไหน พาคน ให้เป็นคนดีได้หมด แต่ท่านเหล่านั้น ท่านมีเมตตาจิต มหากรุณาธิคุณ หาที่สุดมิได้


    คนที่จะไปได้ หรือดีได้อย่างท่าน ก็ต้อง สั่งสมอบรมมา ตามกันมา เท่านั้น หรือมีศรัทธาเท่านั้น ท่านจึงเมตตาโปรด และคน ที่ ใฝ่ฝันจะเป็นคนพาคนไปพระนิพพานได้นั้น ต้องทำเองหมด มันไม่ใช่ ภาษาพูด แต่มันเป็นภาษาปฏิบัติครับ ปราถนานั้นใครๆก็ปราถนาได้ แต่ทำให้ถึงนี่สิ มันยาก ยิ่งกว่า ว่ายน้ำในมหาสมุทรอีกครับ เอาแค่ว่ายน้ำ ในมหานที เล็กๆยังยากเลย คนทำความปราถนาเท่าขนโค แต่ไปถึงฝั่งจริงๆ ตามพระท่านว่า แค่เขาโคเท่านั้นครับ เอาแค่เกิดมาชาตินี้ชาติเดียว ผมก็ร้องไห้ จนไม่มีน้ำตา จะไหลแล้ว ไม่ต้องไปเอ่ยถึงชาติ ที่แล้วๆผ่านมาหรอก เพราะเรามองไม่เห็น เอาแค่ชาตินี้แหละ ง่ายดี เห็นกันจะๆชัดๆ


    คำใดว่าล่วง เกิน มันไม่มีใคร ถูก ทั้งหมดหรอก แต่ว่าฝ่ายไหน จะถูกมากกว่ากันเท่านั้นเอง ชั่วหรือดี ผมก็ขอโมทนาสาธุ ในการตั้งใจจริงของคุณ ให้คุณ ไปให้ถึง ด้วยบารมีของคุณ ของพระ รัตนตรัย ทั้ง ๓ ประการ มีเทพยดา ฟ้าดิน ที่คุณเคารพ พระโพธิ์สัตว์เจ้าทั้งหลาย ให้คุณ สมปราถนา ในสิ่งที่คุณต้องการ โดยไม่ผิดศิลธรรม สมปราถนาทุกๆประการเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมธามิ :cool:
     
  12. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814



    :cool:({) สวัสดีครับพี่ พีซีโอ พี่ๆน้องๆทุกๆท่าน ขอบคุณครับที่ นำมาให้ได้ฟัง ผมฟังแค่เพลง ๒ เพลง ก็สึกดี เมื่อก่อนผม ติดไวพจน์ เพชน์สุพรรณ เมืองมนต์ สุรพล สมบัติเจริญ ศรเพชร รุ่งเพชร ผ่องศรี ละอองดาว สายันต์ ยอดรัก ชายเมืองสิงห์ ศรคีรี ศรีประจวบนี่ ติดจน ทุกข์ ถนัดใจ และอีกหลายๆท่าน มาบัดนี้ วางไปเยอะครับ ฟังนิดหน่อย ไม่ทิ้งเสียทีเดียว ผม ดูทุกอย่าง ลิเก ดนตรี หนังกลางแปลง หนังขายยา หนังวิก หนังโรงใหญ่ หนังตลุง ลำตัด ลำเต้ย หมอลำ


    ตอนไป วัดพันท้ายนรสิงห์ สมุทรสาคร อ.ชลอ เดี๋ยวนี้ วัดท่านเหมือนสวรรค์เลย ผมบูชาทองเพื่อจะไปปิดทอง พระมีครบ ทองคำเปลว เมื่อปิดไปถึง เหลือแต่ รูปปั้นพันท้ายนรสิงห์ ปรากฎว่ามีแต่ แผ่นทอง ทองคำเปลวหายไป เป็นไปได้อย่างไร ผมขนลุก ซู่ซ่า ในใจคิดไปถึง อ.ชลอทันที ร้องอ๋อ ท่านพันท้าย คงมาเกิดเป็นคน ตอนนี้บวชพระ เทพที่ดูแล แสดงให้รู้ เป็นแน่แท้ คงเป็นท่าน อ.ชลอ แหงๆเลย ผมเลยอธิฐาน ขอเป็นจริงตามนั้นไหม ปรากฎผลเป็นแบบนั้น ผมลืมไปแล้ว ว่าอธิฐานว่าไร จึงบอกกว่าวมาค่าวๆครับ อย่าพึ่งเชื่อ หาเหตุผล เอาเองครับ


    ขอต่อเรื่องข้าวสักนิด ปีที่ผ่านมา ตอนรัฐบาลประกันราคา เกวียนละ ๑๕,๐๐๐บาทแต่ได้จริง เกวียนละ ๑๒,๐๐๐ ๑๒,๕๐๐ บาท ๑๓,๐๐๐บาทบ้าง ส่วนใหญ่ ไม่ถึง ๑๕,๐๐๐บาท แต่ก็ยังดี แต่เวลานี้ ข้าวลดราคามา เกวียนละ ๕,๐๐๐บาท ๕,๕๐๐บาท ๖,๐๐๐บาท ไม่เกิน ๗,๐๐๐ บาทต่อเกวียน แต่ทำไม ข้าวสาร มันไม่ลง ๆยังดีก็ ถังละ ๒๐ บาท โครตพ่อแม่มัน ทำกันอย่างไร ผมน่ะ ซื้อทีละ ๒-๓ กระสอบปุ๋ย ๆละ ๕๐ กิโล ทำไมพ่อค้า มันเอาเปรียบเช่นนี้ นี่เป็นแบบนี้มาหลายเดือนแล้วครับพี่ ข้าวที่ซื้อมาใกล้จะหมด ต้องไปซื้อมาใหม่เร็วๆนี้

    และอีกอย่าง ปี ๕๔ น้ำท่วม ทั่วประเทศ ผมเตรียม ข้าวสาร ๖ กระสอบปุ๋ย อาหารแห้ง ปลากระป๋อง ถ่านไฟ แก๊ส เพื่อไม่ให้เดือดร้อน ตอนยามขาดแคลน และก็เป็นจริงๆ ถ้าเราไม่เตรียมตัวไว้ก่อน พวกประชาชน แย่งกันซื้อและกักตุน เกิดโกลาหล ไปทั่ว ถ้าเราเตรียมไว้ก่อนมันได้เปรียบคนอื่นเขา เห็นกันได้ชัดๆ ผมก็ได้เอา ผักหน่อไม้ มาวัด ๓-๔คันรถปิ๊กอัพ และบอกบุญ แม่ชี ก.ม. ๘ เอาข้าวของมาแจก ชาวบ้าน ๒ ตำบล ท่าซุง กับ ต.น้ำซึม อ.เมือง อุทัยธานี เกือบ ๑,๐๐๐ ถุงหรือห่อ:cool:

    พูดมาเสียยาวเลย ปีหน้า ๕๘ ถ้าน้ำท่วมอีก ก็คงต้องเตรียมการไว้ก่อนเช่นเคย เกิดหรือไม่เกิด ไม่เสียหายอะไร ถ้าเกิด เราก็จะเอาตัวรอด อาจช่วยคนอื่นได้อีกด้วยครับสวัสดี แต่ก็อย่าพึ่งตีตน ก่อนไข้ครับขอบคุณมากครับพี่
     
  13. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    พี่บุญทรงไปต่อเรื่อยๆครับ
     
  14. White Sage

    White Sage เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +1,743

    สาธุ ขอบพระคุณสำหรับคำแนะนำ และคำอวยพรของพี่นะคะ :)

    หนูเองไปอ่านข้อความของตัวเองแล้วก็นึกว่าตัวเองในใจเหมือนกันว่าพิมพ์ชวนหาเรื่องพาลให้คนอื่นเข้าใจผิดจริงๆเลย ยังไงก็ขอติดตามโพสต์พี่บุญทรงต่อนะคะ

    ปล. เห็นด้วยค่ะ ชาวนาลำบากจริงๆ อยากให้มีหลายๆหน่วยงานทั้งรัฐและเอกชนเข้ามาดูแลเค้าให้ครบวงจร จะได้ดูแลตัวเองได้อย่างยั่งยืนอ่ะค่ะ
     
  15. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    พี่บุญทรงเรื่องทำนานี่แหม มันน่าจดจำดีจริงๆ เดี๋ยวค่อยมาคุยแบบคนเคยทำนาเลี้ยงควายกันมา สมัยนี้มันไม่ลำบากมากอย่างแต่ก่อนแล้ว ผมว่าใกล้จะเป็นชาววิไลยเข้าไปเต็มที ยินดีมากหากมีการเอาโครงการรถไฟรางคู่ รถไฟความเร็วสูงมาปัดฝุ่นเดินหน้า เรื่องกู้ต่างประเทศเขามา ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวชาติต่อไป ผมมาใช้หนี้ให้เอง นี่ตอนนี้ยืนเฝ้าบ่อน้ำมันอยู่ หลวงพ่อบอกน้ำมันของไทยใช้ไปอีก4000ปี ก็หมดไปแค่ประมาณ20% ใครจะมาช่วยผมหาบน้ำมันไปขายก็เตรียมตัวได้เลย ที่บ้านช่วยกันหยอดเหรียญใส่กระปุกวันละห้าบาทสิบบาททุกวัน กะว่าจะเอาซื้อบริษัทน้ำมัน แล้วก็เหมืองแร่ทุกเหมืองในชาติต่อๆไป

    วันนี้แก้วใหญ่ไปอยู่เวณเฝ้าเวิหาร ตอนกลางวันแก้วเล็กเอาข้าวไปส่ง วันนี้วันอาทิตย์ซึ่งวันหยุดพักผ่อน แต่เป็นวันที่งานหนักของพวกเราอีกหนึ่งวัน แก้วเล็กตื่นแต่เช้าหุงข้าวใส่บาตร เอาสตางค์ใส่บาตร เอาข้าวเก่าที่ถวายพระไปให้ทานต่อกับสัตว์ แล้วไปดูแลงานด่วนวันนี้ กลางวันไปส่งข้าวแม่ใหญ่ที่วิหาร กลับมาดูแลงานต่อ ตอนกลางคืนเลยร่วงไปไม่ไหว ให้แม่ใหญ่ไปรับผมกลับจากที่ทำงานแทน บอกไว้ให้ลูกหลานได้รู้ว่าพวกเรางานหนักกันขนาดนี้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Image.jpg
      Image.jpg
      ขนาดไฟล์:
      29.7 KB
      เปิดดู:
      28
    • DSCN8095.JPG
      DSCN8095.JPG
      ขนาดไฟล์:
      6.3 MB
      เปิดดู:
      33
    • DSCN8097.JPG
      DSCN8097.JPG
      ขนาดไฟล์:
      6.3 MB
      เปิดดู:
      51
    • DSCN8101.JPG
      DSCN8101.JPG
      ขนาดไฟล์:
      5.9 MB
      เปิดดู:
      45
    • DSCN8103.JPG
      DSCN8103.JPG
      ขนาดไฟล์:
      6.5 MB
      เปิดดู:
      51
    • DSCN8110.JPG
      DSCN8110.JPG
      ขนาดไฟล์:
      6.5 MB
      เปิดดู:
      28
    • DSCN8105.JPG
      DSCN8105.JPG
      ขนาดไฟล์:
      6.3 MB
      เปิดดู:
      37
    • DSCN8136.JPG
      DSCN8136.JPG
      ขนาดไฟล์:
      5.7 MB
      เปิดดู:
      60
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 มิถุนายน 2014
  16. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814



    :cool:({) สวัสดีครับพี่ พีซีโอ พี่ๆน้องๆทุกๆท่าน ต้องอนุโมทนาสาธุกับบุญของพี่และขณะที่ทำ พี่ทำ มาดี และจดจำคำของพ่อมาได้ดีทีเดียว และได้กระทำ มาไว้ดีแล้ว และทำต่อไป ละเอียดละออ ผมเอง จะใช้ ไม่ละเอียด ละออ ต้องรวบรัด ตัดใจความ เพราะเรียนของท่านมา ได้นิดหน่อยเอง การสร้าง รถไฟรางคู่ มันควรจะมีตั้งนานแล้ว หรือเจริญก่อนใครๆแล้ว พวกมันมาผลาญกัน จนประเทศ เป็นนี่ขี้ข้าเขา จนลูกหลาน ของไทย ออกมาดูโลก อุแหว้ๆๆ ก็ต้องเป็นหนี้ ต่างประเทศแล้วครับ ถ้าจะพูด เสด็จพ่อ ร. ๕ ของเรา สร้าง ก่อนใครๆ ในเอซียอีก ก่อน ปี ๒ ปี แต่ของไทยเรากับล้าหลัง ในอีกหลายๆประเทศเลยนะครับ


    การเป็นหนี้เพื่อความเจริญ ในสิ่งที่ควรทำ ไม่มีอะไรเสียหาย ดูสิ่งอื่นๆ ทุกแง่มุมประกอบ ผมเข้าใจในคำพูดของพี่ พี่เกิ่นมาแต่ละอย่างทำให้ผมคันปาก ที่จะพูดต่อ ถ้าพี่ไม่พูดมาก่อนผมคงไม่พูดแน่นอนครับ ก็ดีเหมือนกัน เผื่อ คนหลายคน หรือน้อยคนไม่เคยรู้มาก่อน จะได้รู้ บ้างเป็นกระสายยา ทำให้ผมวันนี้ได้ เข้ามาแต่เช้า การพิมผมไม่เคยทำมาก่อน ได้เรียนรู้เอง โดยพวกแนะนำนิดหน่อย แล้วมองดูอักตัวขระ จิ้มๆมันเข้าไป ให้ผิดน้อยที่สุด เรื่องน้ำมันนี่ แหมพี่ ที่พ่อพูดไว้ ตอนนั้น พ.ศ. ๑๐ กว่า ท่านเรียก หัวหน้าฝรั่งเข้าพบ ขอพิมค่าวๆนะครับ ฝรั่งคนนี้เป็น หัวหน้า บริษัทออยเม็ททำการจ้างมา สำรวจน้ำมันในประเทศไทยเรา


    ในตอนนั้น ทำการเจาะอยู่ที่ เกาะภูเก็ต เป็นหลุมที่ ๕ ในอ่านไทย ที่เจาะเสร็จแล้ว ๔ บ่อ ที่ภูเก็ตก็ใกล้เสร็จแล้ว หลวงพ่อถามเขาแต่เขาไม่ตอบ จนหลวงพ่อ ย้ำหลายเที่ยวเขาจึงมั่นใจตอบ หลวงพ่อ ๔ หลุม ที่เจาะลงไป เสร็จหมดแล้ว และเจอน้ำมันแล้ว และบ่อที่ ๕ ก็เหมือน ๔ บ่อใช่ไหม เขาตอบ หลวงพ่อบอกว่าใช่ ถ้าเขาบอกกับรัฐบาลไทย บอกเจอ น้ำมัน ตัวเขาเอง จะถูกลงโทษ สถานหนักเขา จะต้องโดน ฆ่าตาย ถ้าสถานเบา คือโดนไล่ออก ทางบริษัท บอกให้เขาบอกรัฐบาลไทย ขุดเจาะไม่เจอ น้ำมัน ให้บอกไม่มี น้ำมัน เขาบอกต่อว่า ในประเทศ แถบ อีรัก อิหร่าน ซาอุ น้ำมันเกรดไม่ดี แต่ในประเทศไทย น้ำมันเกรดดีมาก อยู่ในเกรดเอ คือ กลั่นส่วนเดียว ก็ เป็นน้ำมัน เบนซินแล้ว เพราะ ความร้อนไต้ภิภพ แทบจะกลั่นเป็นเบนซินเลย แต่ ที่ ซาอุ อีรัก อิหร่าน ต้องกลั่น ถึง ๔ ส่วนจึงจะเป็นเบนซิน


    เขาบอกหลวงพ่อต่อว่า ถ้าตัวของแกยังอยู่ ในประเทศเรา กรุณา อย่าบอกกับใครนะ ว่าสำรวจน้ำมันเจอแล้ว ถ้าแกออกไปจากประเทศแล้ว ค่อยพูดหรือบอก แกพูดภาษาไทยได้ชัดมาก ว่าประเทศไทยเรามีน้ำมัน ไม่งั้นแกคง ต้องเป็นไปตาม ที่แกบอก หลวงพ่อตอนแรก พ่อตอบรับคำขอร้องของแก มาพูดถึง ว่า ที่ประเทศ อื่นๆเช่นอีรัก อิหร่าน ซาอุ ตะวันออกกลาง หรืออีกหลายประเทศ มีน้ำมัน ซึ่งอยู่ สูงกว่าเรามาก พม่า มาเลเซีย บูรไนร์ จีน ก็มีน้ำมัน ซึ่งอยู่ใกล้กับเราหรือต่ำกว่าเรา นี่ต้องคิดนะ มาดูคำพูดของพ่อ ประเทศเรา มีน้ำมัน เยอะมาก ตามที่พี่พูดมา ตามพ่อบอก อันนี้ ท่านบอก เอาน้ำมันในประเทศไทย ของเราในเวลานี้ ที่ใช้ทั่วโลก เอาของเราประเทศเดียว ส่งไปขายทั่วโลก ๔,๐๐๐ปี ยังไม่หมด น้ำมันในไทย พึ่งยุบไปนิดเดียวเอง


    ที่ไทยเรานี่ มันเป็นแหล่งน้ำมันดิบบ่อใหญ่ ทะเลน้ำมัน เลยนะ เอ่พี่ ในอ่านไทยนี่ ผมว่าที่เขา เจาะแล้ว เสร็จแล้ว และวางท่อไว้ แบบ บ่อบาดาล แล้วถ้ามีไอ้ตัวบรรลัย หลายๆตัว ช่วยกัน ดูด น้ำมันไป ขายที่ประเทศอื่นๆ นี่ มีใครรู้บ้างไหม หรือ แต่ละรัฐบาล ที่ผ่านมา มันช่วยกันดูด ขนแดกห่ากับยับเยิน แล้วมั่ง มันรวยกันจนรวย ล้นฟ้า มันไม่คิดกันบ้างเลยหรือว่า จะตายโหงตายห่ากันหรือไง ประเทศก็ขาดรายได้ นำมาบริหารประเทศ แล้วที่ผม พิมมานี้ มันจะมีประโยชน์ต่อใครๆบ้างไหม ขอให่เทวดา พรหม พระท่านดลใจ คนไทยรักชาติ มาบริหาร ประเทซ เร็วๆ ตามที่ พระอรหันต์ท่านทำนายไวๆด้วยเถิด และตามที่ท่านพ่อ ทำนายด้วยเถิดพระเจ้าข้า ลูกอยากเห็นจริงๆขอให้อยู่ทัน ไทยเรารวยเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐี รวย รวย รวย รวย รวย รวย รวย รวย รวย คนชั่วจงถอยห่างออกไป:cool:
     
  17. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814



    :cool:({) สวัสดีครับพี่ มาต่ออีก ตอน ๒ เรื่องน้ำมัน ในประเทศไทย ของเรา ขอเท้า ความลงไปอีกนิด ว่า เจ้าของบริษัทออยเม็ท จ้างนักสำรวจ น้ำมันเข้ามาในไทย ตามที่ รัฐบาลไทย จ้างมา ถ้าพูดถึง ถ้าเขาบอกกับรัฐบาลของเจอน้ำ มัน เขาจะมีโทษ คือ ๒ อย่าง คือสถานหนัก ฆ่าทิ้ง ๒ สถานเบา คือไล่ออก คือถ้าไล่ออก วันหนึ่ง ค่าแรงเขา ในสมัยนั้น พ.ศ.๑๐ กว่า วันหนึ่ง ก็ไม่มากมาย อะไรครับ ๒,๐๐๐ กว่า ดอลล่าร์เอง สองพันกว่าดอลล่าร์ คิดเป็นเงินไทย ๒๑ บาทต่อ ๑ ดอลล่าร์ ในสมัยนั้น คูณเข้าไป ได้เท่าไหร่ บอกที


    หลังจากนั้นมา พ.ศ. ๒๐ เศษๆ ได้เจาะบ่อน้ำ มันที่ลานกระบือ จ.กำแพงเพชร และต่อมาได้สร้าง บ่อคลังน้ำมัน แยกกาซ์ และน้ำมันดิบ ออกคนละส่วน มีรถวิ่งรับส่ง ไปกลั่นที่ โรงกลั่นที่บางจาก หรือที่ไหนจำไม่ได้ครับ ชลบุรีหรือเปล่าไม่แน่ใจ และต่อมา ปี พ.ศ. ที่ ๒๘ มีคณะลูกศิษย์ หลวงพ่อ มานิมนต์หลวงพ่อ ให้ไป บ่อน้ำมันที่ ลานกระบือ ในปีนี้ แหมผมโชคดี ที่มีโอกาศได้เข้าไปดู ชมบ่อน้ำมันที่ลานกระบือ ได้เข้าชม รอบแรก กับคณะของหลวงพ่อ เข้าห้องแล๊ป เจ้าหน้าที่ ได้ทำการฉายภาพยนต์ ให้ดู ตั้งแต่การเริ่ม สำรวจบ่อน้ำมัน การขุดเจาะ วิธีการมากมาย จนกระทั่ง อธิบายมาถึง ณ ปีที่ ๒๘ นี้ ได้น้ำมันขึ้นมา ได้วันละ ๒๐,๐๐๐ กว่า ถึง ๓๐,๐๐๐ บาเลน ต่อวัน และทั้งหมด ถ้าจำผิดขออภัยไว้ ณโอกาศนี้ด้วยครับ ผิดก็คงน้อย

    ทั้งหมด ๒๖ บ่อ กำลัง ขุดเจาะอีก ๒-ถึง ๕ บ่อหรือที่ และกำลังสำรวจที่จะ ขุดเจาะอีกต่อไป ความลึกที่ขุดเจาะ ตั้งแต่ ๑ โลครึ่ง ถึง ๒ กิโลครึ่ง และที่ไกลออกไป ๓๐ ก.ม.ถึง ๑๐๐ ก.ม. จำวางท่อ กลมๆ ตามแนวทาง มาตามถนน มาที่จุด รับส่งน้ำมันดิบ โรงงานนั่นเองครับ ถ้าพูดถึง หุ้นส่วน บ่อน้ำมันในสมัยนั้น รัฐบาลไทยมีหุ้นส่วน อยู่ถึง ๗๕ เปอร์เซ็น นอกประเทศ มีหุ้นส่วน ๒๕ เปอร์เซ็น ของหุ้นส่วนทั้งหมด แท่นขุดเจาะน้ำมัน ความสูงอยู่ที่ ตึก ๕ ชั้นไม่น่าจะเกิน ตึก ๗ชั้น ที่มองดูน่ะครับ เหาะขุดเจาะก็ ใช้หัวเพชร ขุดเจาะ วันหนึ่ง ค่า เช่า ก็ประมาณวันละ ๒๘ ล้านบาท ในสมัยนั้นครับ จะขุดหรือไม่ได้ขุด ต้องเสียค่าใช้จ่ายทุกๆวัน เขาไม่ให้ซื้อขาด เป็นของไทย ต้องเช่าอย่างเดียว


    เดี๋ยวนี้ น่าจะวันละ หลายๆหมื่นบาเลนแล้วนะ นี่ก็ จะเข้า ๓๐ ปีแล้วนะครับ แต่หลวงพ่อท่านเคย พูด ถ้าจำไม่ผิดๆขออภัย ถ้าขุดบ่อน้ำมันให้ได้ความลึก ขนาด ลึกถึง ๕-๗ กิโลนี่ จะถึงกลางถังบ่อน้ำมัน เหมือนกับประเทศ อังกฤษ หรือ อเมริกา แต่ที่ลานกระบือ มันแค่เจาะ ความลึก ๑โลครึ่งไม่เกิน ๒ก.ม.ครึ่งสมัยนั้นเอง แค่ ผิวน้ำมันครับยังเข้าไม่ถึงถัง น้ำมัน ผมในเวลานี้ พวกประเทศนอก ขนแร่เงิน แร่ทองคำ สารพัดแร่ ไปประเทศมันไม่รู้เท่าไหร่ คนไทย ไม่รู้ป่าประเทศตนเอง มีรู้ก็ส่วนน้อย แต่คนนอกประเทศ เสือกรู้ป่าของไทยดีกว่าคนไทย มันน่าคิดไหมครับพี่ คนไทยไม่เชื่อคนไทยด้วยกัน แต่ไปเชื่อคนนอก เขาเขียนภาษาอังกฤษ ให้คนไทยอ่าน คนไทยชอบ คนไทย ทำผ้าขายให้คนไทย ไม่ค่อยนิยม แต่ นำไปตี ภาษาอังกฤษ ตีตรายี่ห้อ คนไทยซื้อ


    ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าคนไทย โง่ หรือคนไทย ฉลาด ฮ่าๆๆฮ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ:cool:
     
  18. scorpion03

    scorpion03 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2012
    โพสต์:
    161
    ค่าพลัง:
    +816
    สวัสดีท่านทั้งหลาย

    ท่านพี่บุญทรงฯ กล่าวได้ประทับใจนะ ก็อย่างที่รู้ ๆ กันนั่นแหละ ในความเป็นจริงของผู้คนในสังคมไทย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มันก็มี พวกนักการเมืองทั้งหลาย ข้าราชการ และ พวกพ่อค้าวาณิช ที่คอยเอาเปรียบ คนจน และทุกจริต คตโกงต่าง ๆ นานา จนเป็นสาเหตุทำให้ความเป็นอยู่ของ ชาวนา ชาวสวน และ ผู้ประกอบอาชีพอื่นๆ ต่างพากันตกทุกข์ ได้ยาก จวบจนทุกวันนี้

    ความจริงที่เราก็ยอมรับ และทุกคนก็คงต้องยอมรับคือ ในยุคนี้ เวลานี้ หรือในชาตินี้ เป็นยุคแห่งปัญญาธิกะ หมายถึง เป็นยุคที่ผู้คน ย่อมมีทั้งดี และเลวปะปนกันไป จะให้ดีเพียบพร้อมไปหมด ย่อมจะเป็นไปไม่ได้ เพราะว่ากรรมเขากำหนดให้ต้องเป็นไปแบบนี้

    เพียงแต่ว่า เราก็อยากให้ ที่ว่าเลว ก็ให้ลดน้อยถอยลงไป ที่ว่าดี ก็ให้เพิ่มพูนมากยิ่งขึ้นไป ทั้งนี้ ก็เพื่อให้ผู้คนทั้งหลาย ได้มีความสุขกันตามสมควรนะ ไหน ๆ ต่างก็ได้เกิดมาบนโลกใบนี้กันแล้ว ก็อยากให้ผู้คนมีความสุขกัน แม้ว่าจะเป็นเพียงความคิด ความตั้งใจภายในใจ แต่ว่า บทบาท และความสามารถ นั้นไม่อาจจะทำอะไรได้ก็ตาม แต่ก็พยายามคิด และตั้งใจแบบนี้ ชาตินี้ไม่ได้ ได้น้อย ชาติต่อไปก็ว่ากันใหม่ ต่อ ๆ ไป ไม่มีวันสิ้นสุด จนกว่าจะถึงวันนั้น

    อนาคตของชาติ อยู่ในกำมือของคนไทยทุกคนนะ

    ญี่ปุ่น เยอรมัน เป็นประเทศที่แพ้สงคราม แต่ก็กลับมาเจริญรุ่งเรื่อง ในระยะเวลาไม่นาน เพราะคนในชาติ เจ็บปวดเหมือนกัน ไม่มีทางไป นอกจากร่วมแรงร่วมใจกันพัฒนาประเทศให้จงได้

    อเมริกา ก็เป็นประเทศที่เกิดจากผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ ที่อพยพหลีกหนี มาจากประเทศฝั่งยุโรป คือเป็นคนชั้นสอง จากฝั่งยุโรป ไปรวมตัวกันหลายเชื่อชาติ หลายชนเผ่า ล้มลุกคลุกคลาน ผ่านสงครามกลางเมืองมา ผ่านการเข่นฆ่ากันมามากมาย กว่าจะเป็นประเทศมหาอำนาจในทุกวันนี้

    จะสังเกตุได้ว่า ประเทศที่ยกตัวอย่างมานี้ ประชาชน ต่างล้วนต้องผ่านความเจ็บปวด ความทุกข์ยากลำบากอย่างแสนสาหัสมาก่อน คือได้บทเรียนอันมีค่ามาก่อน จนเกิดเป็นแรงบันดาลใจ เป็นความร่วมแรงร่วมใจกันพัฒนาประเทศ จนเจริญรุ่งเรื่อง อย่างที่เป็นอยู่ในเวลานี้

    กลับมาที่ประเทศไทยของเรา ทำไมท่านผู้รู้ทั้งหลาย คนที่มีความสามารถในด้านต่าง ๆ มีตำแหน่งในการปกครองทั้งหลาย และคนไทยที่อยู่ในฐานะอื่นๆ ทุกคน ทำไม ท่านถึงไม่ร่วมแรงร่วมใจกันแก้ไขปัญหาของประเทศ และพยายามผลักดันประเทศชาติ ให้เจริญรุ่งเรื่อง เฉกเช่นเดียวกัน อาณาอารยะประเทศทั้งหลาย ทำไมถึงไม่ลดความเห็นแก่ตัวลงไปบ้าง ลดความเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน และพรรคพวก กันลงไปบ้าง

    ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่า ทำไม่ถึงไม่มีคนไทย ที่จะลุกขึ้นมาทำเพื่อประเทศชาติกันอย่างแท้จริงกันบ้าง คนเราสุดท้ายก็ต้องตายจากกันไป ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า อันที่ทุกคนก็ทราบกันดี

    แล้วทำไม ถึงไม่ฝากศักดิ์ศรี คุณงามความดี เอาไว้ให้ชนรุ่นหลังได้กล่าวขาน ทำไม ถึงเอาแต่ตักตวง แสวงหาผลประโยชน์ใส่ตน และพวกพ้อง โดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนในชาติโดยส่วนรวม

    ถ้าหาก ท่านผู้มีอำนาจในการปกครองประเทศ ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใดก็ตาม และบรรดาพ่อค้า นักธุรกิจทั้งหลาย กล่าวคือกลุ่มบุคคล ที่มีอิทธิพล ต่อการบริหารชาติบ้านเมือง มีอิทธิพล ต่อชีวิตความเป็นไปของราษฎร

    ถ้าหากว่า กลุ่มคนเหล่านี้ ได้คิดกันสักนิดว่า

    คนเรา เกิดมาแล้วก็ต้องตาย สมบัติต่าง ๆ ทรัพย์สินเงินทอง ยศฐาบรรดาศักดิื์ต่าง ๆ ตายไปก็เอาไปไม่ได้ มีแต่ ความดี และความชั่ว เท่านั้นที่จะติดตัวไป

    ถ้าคิดกันเพียงเท่านี้ ประเทศชาติก็คงจะสงบสุข และเจริญรุ่งเรืองสืบไป
     
  19. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    พี่บุญทรงอย่าเพิ่งพูดดังไปเดี๋ยวผู้ถือหุ้นเดิมขึ้นราคา ตอนนี้ผมให้แก้วเล็กแกหยอดกระปุกของแกทุกวัน แกหยอดขั้นตัดชีวิตกันเลย มีสตางค์ติดตัวเท่าไรแกเล่นหยอดหมด แกถือว่าหมดแล้วก็ไปเอาที่แก้วใหญ่มาทำบุญใหม่ได้ แก้วใหญ่ผมเสียท่าแกอยู่เวลานี้ ส่วนแม่ใหญ่ทำหมดตัวไม่ได้เพราะต้องมีสำรองไว้เพื่อคนนั้นคนนี้

    นี่ก็เป็นอะไรที่น่าคิด ความจำเป็นของคนที่ใช้ปัญญาในการ ตัดสินใจไม่เหมือนกัน หากแก้วใหญ่ต้องการอานิสงค์อย่างแก้วเล็ก เป็นได้พากันตายหมู่จริงๆ เพราะหมดแล้วหมดเลยแต่ทุกอย่างทุกชีวิตต้องไปต่อ

    ส่วนแก้วเล็กแกไม่ต้องรับภาระแบบแก้วใหญ่ การบริหารจัดการเป็นเรื่องที่แก้วใหญ่รับภาระ ตัวเธอเองหากตายนั้นตายคนเดียว ส่วนแก้วใหญ่หากตายมันตายทั้งกลุ่ม เรียกว่าตายยกรัง

    นี่นะพี่การทำอะไรเป็นหมู่คณะมันย่อมจะครบถ้วน ทรงพลังกว่าการทำอะไรเพียงลำพัง นี่แค่เรื่องเดียวคือการทำบุญให้ทาน แก้วสองแก้วยังต้องแบ่งหน้าที่กันทำคนเดียวทำสองอย่างมันก็สะดุด เหมือนการที่ฟุตบอลเขาเล่นกัน มันต้องเป็นทีมที่ดี คนเดียวลากลูกไปไม่ถึงใหนโดนพวกหวดเอากลิ้งต้องหามออกไป

    การทำอะไรเพียงลำพังมันทำได้ก็ไม่มาก ทำได้ก็แค่กำลังของตัวเอง ต่อให้เก่งกาจอย่างไรลงสนามเจอโดนรุมสกรัมเข้าไป ขนาดพี่ฮิตเล่อร์ของผม ยังโดนนับแปด กัดฟันจะให้ครบยก เจอรุมเจอกรรมการเข้าไปก็ถึงกับน๊อคเอ๊า

    หากมีดาวซัลโวทั้งทีมมันจะเป็นไง ตัวศูนย์หน้าไม่ต้องลากลูกไปซัดเอง จากหลังเส้น มีคนช่วยลำเลียงไปให้ ถึงเวลาที่พอเหมาะพอดี ตัวศูนย์หน้าดาวยิงระดับพระกาล ไม่จำเป็นต้องลงสนามตลอดเวลา เก็บเอาไว้เป็นตัวสำรอง ลงสิบห้านาทีสุดท้าย เมื่อลงไปพรรคพวกวิ่งกันจนลิ้นห้อยอ่อนแรงแล้ว ศูนย์หน้าดาวโรจน์วิ่งลงไปหวดซะสามประตูซ้อนๆ

    อย่างที่แก้วเล็กของผมทำ พวกเราวิ่งกันหน้ากันหลังเข้าไว้ เมื่อเข้าเขตระยะเผาขน ใส่พานให้แก้วเล็กหวดเต็มๆ เอาแค่ตาข่ายเกือบขาดก็พอ ไม่ต้องถึงกับขาด

    นี่ยังมีรองอันดับหนึ่งที่จะส่งไปเกิดเป็นลูกสาวจีนในสมัยหน้า ตอนนี้ฝึกซ้อมเก็บตัวเข้าค่ายไม่โชว์ตัว กำลังอาบน้ำมนต์พ่นน้ำหมาก อบชุบตัวด้วยเครื่องสมุนไพรไทยทุกขนาน การจะไปเกิดเป็นลูกสาวจีนแล้วติดทีมชาติ เป็นหัวหอกดาวซัลโวมันต้องเตรียมตัวกันอย่างหนัก ทั้งขมิ้นดินสอพอง ต้องพร้อม แล้วที่สำคัญคือเมื่อถึงเวลา

    ผมเป็นผู้จัดการทีมเมื่อไร ไม่ต้องเรียกตัว แต่รู้หน้าที่ต้องมา แม้อยู่บนปราสาทสูงเพียงใดหากผ่านไปหนึ่งเที่ยว ขากลับมานี่ต้องลงมาส่งขวดน้ำเชิญให้นั่งหลบแดดแล้วคุยกัน หากไม่ลงมาเพราะอะไรก็แล้วแต่ เป็นได้มีเรื่องกับ รปภ เป็นแน่ นั่นก็หมายความว่าแม้น้องหญิงจะถูกกั้นไว้ด้วยศักดิ์ตระกูลอะไรก็แล้วแต่ แต่เมื่อเจ้าของมายืนเซ่ออยู่ตรงหน้าถือทะเบียนสมรสมาแสดงมันต้องจบ ไม่ต้องอธิบาย

    นี่มันต้องเตรียมตัว เตรียมความพร้อมกันแบบนี้นะพี่ ขืนเกิดมั่วส่งเดชมาอย่างชาตินี้ ที่ทะเร่อทะร่ามาผ้าผ่อนแทบสวมใส่ไม่ทัน เพราะมาส่งขบวนพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านในชาติสุดท้าย นี่ยังดีว่านุ่งผ้าขาวม้ามาทันขบวน

    เกิดกันใหม่มันต้องถึงพร้อมไปด้วยประการทั้งปวงเพราะทรัพยากรณ์ของเรามันมาก แล้วเสือกโง่ใช้ไม่เป็น มีนาก็ไถนาไม่เป็นมีปัญญาแค่ให้เช่าเก็บค่าเช่า มีสวนมะพร้าวก็ไม่มีปัญญาเอาลูกมันมากิน ยืนแหงนรอให้มันตกลงมาเอง แถมมีสตางค์ เสือกพูดสอนกรอกหูอยู่ได้ ว่ามีสตางค์ขนาดนั้น ขนาดนี้ ไม่ต้องทำอะไร

    ฝากธนาคารกินดอกเบี้ยอย่างเดียวก็พอ ไอ้คนที่สอนลูกหลานไทยแบบนี้รีบตายๆไปให้พ้นซะนะ มันสอนให้ไทยหลงทาง แล้วมันเสือกตื่นซะตั้งแต่ตีสี่ ไปไถนาเหย็งๆ กว่าเราจะตื่นมันพาควายเข้าบ้านไปนอนต่อแล้ว นับประสาอะไรจะไปเอาน้ำมันขึ้นมาใช้

    เรียนวิศกรรมมันยาก คนไง่เท่านั้นที่เรียนงานมันลำบาก เรียนมันบริหารดีกว่า ใช้ชาวบ้านเขาทำเก็บเอาเศษเนื้อข้างเขียงก็พอ พี่คนจัญไรแบบนี้แหละมันดันมาเกิดมากแล้วดันมีอำนาจแล้วมีวาสนาอีก มันเลยเป็นผู้บริหาร ไอ้เด็กช่าง อย่างผมนี่


    มันซ่าแค่ข้างถนนเที่ยวยืนมองสาวพาณิชย์ไปวันๆ เก่งแต่ตอนต้นตอนเรียน ไล่ขับตีเขาแก้ว่างโรงเรียนไปไม่ค่อยจะถึง แต่อีตอนปลายไปในเจอกันในออฟฟิศ เด็กพาณิชย์ที่เด็กช่างเคยไล่ขับ ดันกลายไปเป็นผู้บริหาร เขาก็เลยไล่ฟาดกะบาลเอามั่ง

    เอาเถอะ ต่อไปก็ขอให้บรรดาลูกหลานของท่านพ่อพระวิษณุกรรม เมื่อซ่าพอสมควร พอที่คนทั่วไปจะเกรงๆ และคนในหมู่บ้านจะเอาไปโจทขาน ว่าซ่าพออาศัย พอคุ้มครองน้องสาวตัวเองได้ ไม่มีไอ้โก๋ใหนกล้ามามุดรั้ว ส่วนพวกเข้าตามตรอกออกทางประตูไม่เป็นไร

    ก็เตรียมตัวเผื่อที่จะโตเป็นผู้ใหญ่กับเขามั่ง ดีกว่าไม๊ ที่ช่างเซ่อๆอย่างพวกเรานี่ ลองไปต่อโทบริหาร เอายันด็อกเตอร์มันจะเป็นไรไป ให้คนที่ไม่ใช่ช่างมาบริหารจัดการในงานช่าง บางทีมันก็ยุ่ง เมื่อยุ่งมันก็เลยต้องยกพวกตีกันทั้งตอนเรียนเป็นวัยรุ่น แล้วก็มาตีกันอีกตอนแก่ทำงานแล้วอย่างทุกวันนี้

    เดี๋ยวมาต่อครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 มิถุนายน 2014
  20. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814



    :cool:({) อรุณสวัสครับพี่ พีซีโอ พี่ๆน้องๆทุกๆท่าน ผมเข้าใจ ที่พี่พูดมา ตัวผมเอง มาจากศูนย์ นับถูกนับผิดมาอยู่เรื่อยๆจนต้องนับ ๑ เดินด้วย ๒-๓-๔-๕ แล้วขึ้น ๘-๙-๑๐ ตั้งแต่เกิดมา มันรวยจนไม่มีอะไรจะกินครับ มาเดี๋ยวนี้ พอได้อาศัย พอได้พักกายใจ ไปถึงแม่พี่น้อง ลูกเมีย ได้ระดับหนึ่ง หรือคนข้างเคียงอื่นบ้าง แล้วแต่เหตุการณ์พาไป ผมมาคนละแนวกับพี่ แต่ก็ คล้ายคลึงกัน ผมไม่มีคณะ เตรียมพร้อมแบบพี่ ไม่มีคณะทีมงาน ฟุตเวิ๊กแต่ผมมีกำลังกายใจ พร้อม สั่งลุย งานที่ต้องทำ ไม่ว่าจะด้านใด ถึงพร้อม สับก็ไม่วายต้องไปทำเอง ผมจึงเตรียมตัว เผื่อ ผิดพาดในการต้องเกิดมาอีก ยังไม่แน่ใจตัวเอง ว่าจะไปได้ถึงที่สุด เผื่อไว้ ความไม่ประมาท ทำไว้ให้พร้อมทุกๆสิ่งอย่าง


    เพื่อ ชาติ พระศาสนา พระมหากษัตย์ มากน้อย ก็ได้ขึ้นชื่อว่าได้ทำแล้ว ทำตามกำลังของเรา ถึงจะอยู่ที่ใด หมู่บ้านใด ตำบลใด อำเภอใด จ.ใดของประเทศ ขอให้ผมได้กระทำ ผมวางแนวทางของผมไว้แล้ว ทำแล้ว จะเสร็จหรือไม่เสร็จ แล้วแต่อนาคต แต่จะทำไปเรื่อย ที่กำลังมีอยู่ ที่ผ่านมา ตรงไหน บางทีก็เป็นห่วง พี่น้องคนนั้นคนนี้ หมู่บ้านนั้นหมู่บ้านนี้ เที่ยวจะไปวางแผนให้เขา ทำให้เขา ทำทีไรไม่เคยเสร็จหรอกนะ ครึ่งๆกลาง ๆบ้าง พอให้เขาได้อาศัย ได้มีที่อยู่ที่กิน แบบหลวงปู่ ครูบาวงค์ ท่านพูด กับผม ว่า ที่ท่านทำ ให้ชาวไทยกระเหรี่ยง ก็เพื่อ ให้เขาเหล่านั้น ได้มีที่อยู่ที่กิน ผมก็หวังไว้ลึกๆ เช่นกัน ถ้าพี่ๆน้องๆ ของผมหรือชาวบ้าน ยังไปไม่ถึงฝั่ง จะได้มีโอกาศ เกิดมาเป็นมนุษย์ จะต้องไม่ยากจนอีก อย่างน้อยจะได้มีที่พักพิง เหมือนกับคนอื่นๆเขา


    แต่เดี๋ยวนี้ มันจะค่อยๆวาง ตัวลง เพราะความแก่ ใครจะมีกินหรือไม่มี จะไปห่วงคนอื่นเพื่ออะไร ทุกๆคนมีปัญญา ไม่นำออกมาใช้ หรือทำ เราห้ามใครไม่ได้หรอกครับ จะทำหรือไม่ทำ ก็ช่าง เราทำของเราพอ ตัวเราเองยังเอาตัวไม่รอด ตามที่ท่านพ่อ พูด มาหลายปีแล้ว ผมยังทำไม่ได้ จะช่วยเหลือผู้อื่น ต้องช่วยเหลือ ตนเองก่อน ทั้งทางโลกและทางธรรม จะสอนบุคคลอื่น ต้องสอนตนเองก่อน ๒ คำนี้ มันยิ่งใหญ่มาก กว่าคำใดๆ ที่พ่อสอน มันคุมหมด ตั้งแต่เบื้องต่ำ ไปถึงเบื้องสูง ทั้งทางโลกและทางธรรม


    ผมเอง ปลูกบ้าน ผมก็ทำตามกำลังของผม สวยหรือไม่สวยไม่สำคัญๆ ที่ ให้อยู่ได้ ไม่จำเป็นต้องหรู ว่ากันตามฐานะ ไม่ทะเยอทะยาน เกินความจำเป็นที่มีอยู่ มีเมื่อไหร่ ค่อยว่ากัน จะทำให้เลิศเลอ ขนาดไหน ก้ได้ ซื้อบ้าน ผมก็ต้องซื้อ ด้วยเงินสด ถึงไม่สวยหรือ ไม่เด่น เอาแค่พอ ได้ มีเหลือเมื่อไหร่ จะเนรมิต ให้สวยเลย ไม่มีเงินลงทุน ผมก็ไปกู้นะครับพี่ตอนนี้ น่ะ กู้มา ห้าแสนบาท มาลงทุน กะดูว่า ทรัพย์ ของเรามีพอ ไหม ว่าถ้าเราบริหารผิดพาด หรือ โอกาศไม่เป็นของๆเรา เราจะได้ไม่เดือดร้อน หรือให้คนข้างหลังต้องเดือดร้อน ให้เขาไปให้รอด เมื่อเราไม่อยู่ ในโลกนี้แล้ว เพราะว่า เราไม่รู้ว่าเราจะตายเมื่อไหร่ เช้า สาย บ่ายเย็น วันไหนเดือนปีไหน ไม่รู้เลย ทั้งกลัวตาย แต่ถ้ามันจะตายของมันจริงๆ ก็ต้องยอมรับ เพราะไม่มีใครหนีพ้น ครับสวัสดี :cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...