ผมจะดับทุกข์ในใจนี้อย่างไรดีเมื่อรู้ว่าลูกน้อยป่วย

ลูกชายของผมอายุ7จะ8เดือนตรวจพบ ผนังหัวใจรั่ว คุณหมอบอกว่าทำอะไรไม่ได้ต้องรอให้โตกว่านี้ อาจจะหายเองได้ หรือ อาจจะต้องผ่่าตัด เมื่อได้ยินว่าลูกของเราไม่ปกติ ใจหมอแทบสลาย ใจแทบขาด ทรมานใจที่สุด พยายามทำใจ พยายามใจแข็ง ก็ทำไม่ได้ ผมจะทำยังไงดีให้ดับทุกข์ในใจนี้ให้ได้สักที คำว่าหัวใจของลูกน้อยไม่ปกติมันทำให้ผมเป็นทุกข์ทรมานเหลือเกิน ผมจะดับทุกข์ที่อยู่ในใจตอนนี้ได้ยังไง

 

จริงๆ ไม่ต้องรีบดับก็ได้
ดับทุกข์เรื่องอื่นๆไปก่อนก็ได้
ทุกขืที่ลุกไม่สบาย เป้นเรื่องปรกติของพ่อแม่
ถ้าคุณป่วยหรือมีคนป่วยเพิ่มก็ทุกข์ เพิ่ม

ถ้าเป้ฯผมนะผมจะภาวนาตามที่ผมถนัด
แล้วดูทุกข์ในความวิตกกังวล เรื่องความป่วยของลูก
แล้วอุทิศกุศลที่รู้ทุกข์ ใน ความวิตกกังวลไป
การรู้ทุกข์ เป็นกุศลชนิดหนึ่ง

ทุกข์ใจเนียะถ้าคุณโชคดีคุณสามารถทำอัปปนาสมาธิได้
จะเห้ฯว่าทุกข์ใจ เรื่องก่อนหน้านี้ เรื่องปัจจุบัน เรื่องถัดไป จะรวมตัวกัน
เหลือแค่ทุกข์ และไม่มีเรื่องใดๆ มันจะเป็นแค่นั้น

ถ้าคุณทำอัปปนาสมาธิได้คือจิตรวม แต่ยังรู้ทุกข์อยู่
พยายามประคองใจ ให้อารมณ์อัปปนาสมาธิคงอยู่
และยังรู้ทุกข์ อยู่ทั้งๆที่เป็ฯอัปปนาสมาธิ แล้วอุทิศกุศล อุทิศให้ใครก็ได้
ทำบ่อยๆ พออานิสงคต์ของการรู้ทุกข์ ที่กัววลเรื่องความป่วยไข้ของลูก มันรวมตัว
เกิดกำลังบุญฤทธิ
ก็ลองอุทิศกุศลที่รู้ทุกข์ในความกังวลเรื่องอาการป่วยของลูก
ให้กับเจ้ากรรมนายเวรของลุก หรือรูปนามที่รับผิดชอบดูแลอาการป่วย
เวลาอุทิศมันจะรวมๆไป ใครก็ตามที่มีผลกระทบ จะได้บุญทั้งหมด

 

ผมไม่ได้ปฏิบัติธรรมมากนัก ได้แค่สวดมนต์ก่อนนอนแต่ไม่เคยนั่งสมาธิ ขอบคุณมากครับสำหรับคำแนะนำแต่ผมไม่ค่อยเข้าใจเลย ว่าผมจะควรปฏิบัติยังไง รบกวน ให้ผมเข้าใจได้ง่ายๆได้มั้ยครับ ขอบพระคุณครับ

 

คุณต้องทำใจเชื่อก่อนว่า
พระพุทธศาสนาเนียะ บอกว่า รู้ทุกข์ เนียะมีกุศล
แล้วใช้กุศลนั้นอุทิศ ถ้าไม่เชือ ก็ไม่เป็ฯไรตามแต่รสนิยม

ทุกข์มีได้จากหลายสาเหตุ รวมๆเรียกว่าสมุทัย
สมุทัย ในคำภีร์พุทธ กำหนดว่าประกอบด้วย ภวตัญหา วิภวตัญหา กามตัญหา
ตัญหาแบบว่าทะยานอยาก มันผาดโผน โจนทะยานกว่าอยากเฉยๆ

ถ้าเราอยู่ดีๆไม่ทำสมาธิไม่กำหนดจิตจดจ่อกับอะไรดีๆ
เราก็คิดถึงความทะยานอะไรก็ได้ของเรา

อย่าเพิ่งงงนะ
พอเราคิดถึงความทะยานโดยอยากรู้ทุกข์ในพระพุทธศาสนา เพราะอยากได้อานิสงค์เอามาช่วยลูก
เราก็จะเกิดทะยานอยาก ครอบงำความทะยานอยากนั้นทันที

คือ ความทะยานอยากที่จะรู้ ทะยานอยาก
เราได้แล้วหละทะยานอยาก หาไม่ยากหรอก
แต่ถ้าคุณสามารถทำอัปปนาสมาธิ
ทะยานอยากจะรวมกันเป็นสมุทัย ทุกข์จะรวมกันเป็ฯทุกข์เดียว

คุณจะเห็นความตแกต่างของการกำหนดให้จิตรวมเป็ฯสมาธิ กับ จิตไม่รวม

จิตไม่รวมทุกข์จะกระจัดกระจาย จิตรวมทุกข์เหลืออันเดียว

รู้ทุกข์รวมทุกข์แยกก็มีอานิสงค์ ตามคำภีร์พุทธ
อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรลูกไๆด้ เจ้ากรรมนายเวรครอบครัว หรือใครๆก็ได้

 

นิโรธ ในอริยะสัจจะ
อริยะสัจจะ มีทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
นิโรธเนียะแปลว่าดับ
เป็ฯตัวที่สาม ในสี่ของอริยะสัจจะ
ค่อนข้างจับต้องได้ยาก ปราณีต

แต่เราหาทุกข์ง่าย อาสมุทัยคือสาเหตุของทุกข์นั้นๆ ง่าย
ถ้าเราจับคู่ ทุกข์หนึ่งๆ กะสมุทัยหนึ่งๆ จับได้ถูกคู่
คืออันหนึ่งเป็ฯสาเหตุของอันหนึ่ง
นิโรธ จึงจะเห็น และต้องทำบ่อยๆ

การกำหนดรู้ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค มีผล มีอานิสงค์ทั้งหมด
สามารถเอามาอุทิศกุศลในกับเจ้ากรรมนายเวรลูกได้

แต่นิโรธดูยาก
เพราะต้องจับคู่ ทุกข์ กับสมุทัยมันให้ได้ก่อน

เช่นเรา ยึดมั่นว่า เรารู้ทุกข์ ที่ลูกป่วย
เราต้องให้ รู้ว่าลูกป่วย มาเตือนหนะ มาเป็นสัมปะชัญญะ
ให้รู้ว่าลูกป่วย ตามเตือน รู้ว่า่ทุกข์เพราะลูกป่วย
ให้มันตามรู้กัน

ให้ตัวยึดมันว่าทุกข์ โดนรู้ทุกข์ ตักเตือน เป็นสัมปะชัญญะ

 

ขอบคุณครับ ผมจะลองพยายามทำครับ ถึงแม้จะยัง งง คำศัพท์ต่างๆอยู่ก็เถอะ

 

ถ้าทำได้
ถ้าเชื่อคำภีร์พุทธ
จะเห้ฯว่าทุกข์จะยังไม่ดับ
เพราะดับทุกข์ค่อนข้างปราณีต พุทธศาสนา ไม่ใช่ไสยศาสนา
ดูดับทุกข์จะปราณีต

แต่เราจะทุกข์ แบบมีบุญ ทุกข์แบบได้บุญ
เราอุทิศกุศลจากการรู้ จากการมีสัมปะชัญญะว่าเรารู้
ได้
อุทิศให้กับเจ้ากรรมนายเวรลูก

 

ขอบพระคุณมากครับ ขอคุณสำหรับคำสอนนะครับ ผมจะพยายามทำให้ได้ครับ

 

ขออภัยพิมพ์เพลิน
ไม่ทันได้ฟังข้อเห็นท่านเจ้าของกระทู้
ถ้าแบบว่าจะไปขอพร หลวงพ่อองค์ไหนศักดิ์สิทธิ
หรือว่าออกแนวไสยเวทย์เลยไม่ค่อยสันทัด

หรือจะให้ทำนายแบหมอดูก็ไม่สันทัด

ผมออกแนว ทำกรรมฐาน สวดมนต์ อุทิศกุศล

 

เอาใหม่นะครับ
ผมก็ไม่ได้มีความสามารถจะมาสรุปอะไรหรอก
ผมเขียนไปก็ดำน้ำไป

แค่อยากจะให้รู้ว่า
คุณทราบว่าคุณทุกข์
ถือว่ามีอานิสงค์ในพระพุทธศาสนา การทราบ ว่าทุกข์ มีอานิสงค์ได้บุญในพระพุทธศาสนา

บุญในพระพุทธศาสนา สามารถอุทิศได้เช่นคุณกรวดน้ำ
โดยออกปาก จะสงสัยว่า ออกเสียงหรือในใจอีก
ก็ได้ แค่รู้ทุกข์ก็พอ

ออกปากว่าอุทิศกุศลที่รู้ทุกข์ อะไรก็ได้
อ่านผมดำน้ำ แล้วไม่เข้าใจเลยรู้สึกทุกข์ก็ได้
กรวดน้ำ เอาน้ำราดไปบนพื้น ไม่ต้องต้นไม้ใหญ๋
ตรงไหนก็ได้ห้องน้ำก็ได้
ราดลงไป
ออกปากว่าข้าพเจ้ารู้ว่าข้าพเจ้าทุกข์
อุทิศกุศลนี้ให้แกเจ้ากรรมนายเวรที่ทำให้ลูกข้าำพเจ้าป่วย
น้ำกินก็ได้ ขอให้บุญที่เกิดจากการที่ข้าำพเจ้ารู้ว่าข้าพเจ้าทุกข์
จงสำเร็จ จงกลายเป็นของเข้ากรรมนายเวรที่ทำให้ลูกข้าพเจ้าป่วย

 

เช่นคุณสงสัย สมมุติ
ว่าคุณสงสัยว่าต้องกรวดน้ำ หรือไม่ต้อง
ให้คุณ กำหนด คือติ๊ดต่างว่าคุณรู้ ว่าคุณทุกข์
เพราะเหตุของทุกข์นี้คือสงสัยว่าต้องกรวดหรือไม่ต้องกรวดน้ำ

แล้วเอาน้ำราดลงไปอุทิศที่ข้าพเจ้ารู้ทุกข์
ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรของข้ำพเจ้า

 

ถ้าทุกข์ที่สงสัยว่าต้องกรวดน้ำหรือไม่กรวดน้ำดับไปได้
เหมือนน้ำดับไฟ เพราะเอาน้ำใส่กระแป๋งมาเลย
ถ้าดับได้เพราะหายสงสัย

ให้ไปทำบุญใหญ่ๆ เท่าที่สะดวก
และทำบ่อยๆบุญอะไรก็ได้

แล้วเอากระแป๋งน้ำ เอาขันหรือแก้ว แล้วราดน้ำดับทุกข์

 

อยากให้ลองเข้าไปในเว็บไซต์นี้ดูนะคะ
เป็นเว็บไซต์ ธรรมะบ้านสบายใจ ของท่านจิตโต ค่ะ
มีหลายหัวข้อเลยค่ะ ที่เกี่ยวกับการเกิดทุกข์ การคลายจากความทุกข์ เรื่องเกี่ยวกับกรรม
และเรื่องต่างๆมากมายเลยค่ะ ล้วนมีประโยชน์ในการปฏิบัติและดำเนินชีวิต
ท่านเทศน์ได้ดีมาก ด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ตรงใจ ฟังแล้วไม่เบื่อเลยค่ะ
ฟังได้ทั้งวันทั้งคืนเลย ลองดูนะคะ ถ้าได้ฟังแล้ว
น่าจะช่วยให้สบายใจมากขึ้นนะคะ

และขอเป็นกำลังใจให้ คุณcommon56 ด้วยนะคะ
ขอคุณพระศรีรัตนตรัยคุ้มครองให้ตัวเล็กหายป่วยไวๆ กลับมาเป็นปกติแข็งแรงโดยเร็วนะคะ

ฟังธรรม | ธรรมะบ้านสบายใจ | Page 5

 

ถ้ารู้จักสอนตัวเองด้วยความคิดที่มีขั้นตอนก็จะดีนะหนูปัง

 

เป็นปกติธรรมดามากของคนที่เป็นพ่อเป็นแม่ที่จะรู้สึกแบบนี้


พอมีสติสัมปชัญญะกลับมา


ก็ตั้งสติฯรักษาใจ ตนให้ดี แล้วก็จะมีสติสัมปชัญญะ และคิดได้ นึกได้
ที่จะหาทางรักษาลูกต่อไป


คนในโลก ที่ไม่มีสติสัมปชัญญะรักษาใจตนได้ทัน
หลายคนฆ่าตนเอง ทำร้ายตนเอง จนตาย จนอาการหนัก
ก่อนที่โรคร้ายและปัญหา จะทำร้ายเค้าจนตาย

 

ลูกคนแรกหรือเปล่าคะ เป็นธรรมดานะคะ คนเป็นพ่อเป็นแม่ถ้าเกิดลูกน้อยเกิดไม่สบายหรือมีสิ่งใดผิดปรกติแม้เพียงเล็กน้อยก็ใจเสียแล้วค่ะ
จากที่เล่ามาดิฉันว่าลูกคุณจะไม่เป็นอะไรมากนะคะ หมอเองก็บอกว่าทำอะไรไม่ได้ในตอนนี้ และพอโตก็อาจจะหายเองได้ ถ้าเป็นรูเล็กๆที่ผนังหัวใจจะไม่เป็นอะไรมากนักหรอกค่ะ เด็กจะเหมือนปรกติดีทุกอย่างค่ะ พอโตขึ้นเวลาไปหาหมอตรวจอีกทีก็คงไม่เห็นแล้วค่ะ เพราะมันจะติดกันเอง นอกเสียจากเป็นรูรั่วรูใหญ่หรือมันกว้างมาก แต่หมอก็ไม่ได้บอกว่าเรื่องใหญ่อะไร ดังนั้นขอให้คุณคลายความวิตกไประดับหนึ่งก่อนนะคะ

ส่วนเรื่องการดับทุกข์นั้น ดิฉันว่าคุณควรศึกษาธรรมของพระพุทธองค์หรือพ่อแม่ครูบาอาจารย์ให้มากๆค่ะ มีอยู่ในเวปฯแห่งนี้แหละค่ะ

ดิฉันอยากให้คุณนึกถึงความตายให้มากๆค่ะ คนเราเกิดมาก็ต้องตายนะคะ ไม่เลือกวัย ไม่เลือกสถานที่ ไม่เลือกเวลา นี่คือกฎของธรรมดา ไม่เว้นแม้แต่ตัวเรา ตัวเขา คนที่เรารัก ...
ไม่รู้ว่าคุยกันตอนนี้จะคุยรู้เรื่องไหม เพราะจิตใจคุณตอนนี้มีแต่ห่วงกังวล แต่ถ้าวันไหนสบายใจมากแล้วก้ลองเอาวิธีของดิฉันไปลองทำดูนะคะ (ถ้าวันหนึ่งคุณนึกขึ้นได้) วิธีง่ายๆที่ว่าคือ ตอนที่ลูกของคุณนอนหลับนั่นแหละค่ะ และไม่ใช่แค่ลูกนะคะ มองไปที่แม่ของลูกด้วย คือคนที่คุณรักนั่นแหละค่ะ ตอนที่พวกเขานอน ให้ลอง"สมมติ" ว่าขณะนี้พวกเขาได้ตายแล้วเหลือแต่ร่างไร้วิญญาณ มองไปที่พวกเขา แล้วถามตัวเองว่าเราจะทำยังไง .. คิดต่อไปอีกว่า สักวันหนึ่งพวกเขาจะต้องตายจริงๆ แล้วย้อนกลับมาเป็นตัวเองบ้าง ว่า
ถ้าพวกเขานอนหลับอยู่แต่กลายเป็นว่าตอนนี้เป็นวิญญาณของคุณเองที่มาดูพวกเขา .. คุณ จะทำยังไง
แรกๆมันเศร้า น้ำตาจะไหล ใจมันวูบๆหวิวๆ ฯลฯ

แต่ ...

ให้คิดไว้ว่า ทุกคนเกิดมาต้องตาย คนเราทุกคนต้องตายไม่มีใครหนีพ้น (ย้ำบ่อยๆนะคะ คิดบ่อยๆ) บอกตัวเองด้วยว่า นี่คือความจริง

ต่อ ...

ในเมื่อมันหนีไม่พ้น คิดต่อไปว่าถ้าพวกเขาตายไปจริงๆ เราคงช่วยให้ฟื้นไม่ได้ แต่ เราช่วยอุทิศบุญกุศลให้พวกเขาได้ เพื่อวิญญาณพวกเขาจะมีบุญกุศล ได้ไปสู่ภพภูมิที่ดีๆ หรือ เป็นผีก็ไม่ลำบาก เราจะมานั่งจมกับกองทุกข์หรือทรมานตัวเองตายไปตามเขาก็จะหาประโยชน์ไม่ได้ นอกจากช่วยตัวเองไม่ได้แล้วก็ยังช่วยคนที่เรารักที่เป็นวิญญาณไม่ได้อีก (คิดประมาณนี้นะคะ)

ต่อ ...

ตอนนี้คิดกลับกันอีกที ถ้าคุณเป็นคนที่ตายแล้ว และวิญญาณมาดูลูกและคนที่รัก จะทำยังไงดี ...
เท่าที่ศึกษามาถ้าจิตสุดท้ายเศ้าหมองไม่ว่าด้วยเรื่องอะไร เช่น ห่วงลูก ห่วงเมีย ฯลฯ จะมีอบายเป็นที่ไป คิดอีกว่า ถ้าเกิดเป็นสัตว์ก็ดี เกิดในนรกก็ดี เป็นเปรตก็ดี เราอยากไปไหม ถ้าไม่ใช่เทวดา จะมีโอกาสเห็นลูกเมียได้อีกไหม (ประมาณนี้ก่อนนะคะ)
พอคิดได้แบบนี้ คุณอยากจะไปเกิดเป็นอะไรหลังจากตายแล้วคะ แล้วทำยังไงจะไม่ให้จิตเศร้าหมองเวลาจะตาย วิธีปิดอบายทำยังไง อันนี้ขอแนะนำให้ศึกษาเอาเลยนะคะ

ดิฉันไม่ได้ใช้ศัพท์ที่เข้าใจยากไปนะคะ คุณเห็นตัวทุกข์แล้วนะคะ

ขอให้คุณโชคดี

 

ปล่อยวางครับ วิธีดูลมหายใจรู้ว่าลมเข้า ลมออกทำไปเรื่อยๆพอความคิดเรื่องลูกหรื่อเรื่องอื่นเข้ามาก็รู้ตัวแล้วกลับมาดูลมอีกจนจิตเบาสบาย เมื่อจิตว่างแล้วนั้นคือการวางอารมณ์ทั้งปวงคุณทุกข์เพราะเด็กคนนี้เป็นลูกคุณ ถ้าเป็นลูกคนอื่นคุณก็ไม่ทุกข์ ทุกข์เกิดจากความยึดมั่นถือมั่น สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ทำวันนี้ให้ดีที่สุดอะไรจะเกิดมันต้องเกิด ไม่มีใครใหญ่เกินกรรมคุณคงได้ยินมาบ้าง หมอบอกว่าโรคนี้อาจหายได้เมื่อเด็กโตจับความคิดที่เป็นบวกนี้ไว้แล้วก็มีความหวัง ทำวันนี้ให้ดีที่สุดตอนนี้เด็กป่วยคุณไม่ได้ป่วยแต่กำลังจะป่วย คนรอบข้างจะป่วยตามเพราะเรา คุณเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ต้องรับผิดชอบอย่างสูงแล้วครับ ขอให้โชคดี อ้อมีวิธีทำบุญแนะนำครับ บริจาคเงินช่วยเหลือผู้ป่วยโรคหัวใจอนาถาบุญแรงครับจะบอกให้

 

ขอบพระคุณมากๆครับทุกๆท่าน ขอบพระคุณมากๆจริงๆครับ

 

ถ้าลูกตาย จะยิ่งทุกข์กว่านี้อีก
คนเรานั้น มีสิ่งใดย่อมทุกข์เพราะสิ่งนั้น
ความสุขกับความทุกข์เป็นของคู่กัน
อยากมีความสุข ย่อมต้องรับความทุกข์ด้วย
มีลูก มีความสุขเพราะลูก ย่อมมีความทุกข์เพราะลูก
ลูก ก็คน เรา ก็คน ทุกคนมีเหมือนกัน คือ เกิด แก่ เจ็บ ตาย
เพียงแต่ลูกเรา ไปเจ็บเสียแล้ว
ไม่วันนี้ พรุ่งนี้ เดือนหน้า ปีหน้า อีกสิบปี ยี่สิบปี ไม่ใครก็ใคร ก็ต้องตาย
ตอนมีชีวิต ควรปฏิบัติต่อกันให้ดี แสวงหาความรู้สึกดีๆไว้มากๆ
เมื่อยามต้องจากลา ก็ต้องทำใจ เพราะเรียกร้องชีวิต ไม่ได้
เมื่อลูกยังอยู่ ก็ช่วยเหลือ ทำให้เต็มที่ เมื่อเขามีชีวิตต่อไปได้ ก็น่ายินดี
แต่เมื่อล้มเหลว ก็ต้องเตรียมใจ ไม่มีอะไรจีรัง ใครจะอยู่ค้ำฟ้า เป็นไม่มี

 

ปฏิบัติธรรมถือศีลแปดเดือนละครั้งครั้งละ3วันให้เค้าซิ พ่อ-แม่เป็นสายเลืดโดยตรง ปฏิหารย์อาจเกิดขึ้น
เคยทำให้หลาน ตอนเข้าเกิดใหม่สำลักน้ำคลำ อยู่ ICU หลายวัน จนคุณทอดเป็นกังวัล...