ปิดประมูลวัชระบัว ๒ องค์ หน้า ๖๖๑ ,ธรรมะจากพระอาทิพุทธะ หน้า ๖๕๙ ค่ะ

กรรมใดๆที่ได้ล่วงเกินทุกท่าน ณ แห่งนี้ จะด้วย กาย วาจา ใจ ก็ดี จะด้วยเจตนา ไม่เจตนา รู้เท่าการณ์ ไม่รู้เท่าการณ์ ก็ดี ขอทุกท่านโปรดอโหกรรมเหล่านั้นแด่ข้าพเจ้าด้วยเทอญ ขาพเจ้าจะพึงสำรวมระวังต่อไป
อนุโมทนาบุญทุกท่าน

 

..มโนปณิธานของพระอมิตาภะพุทธเจ้า..

วันนี้ขอนำการอธิษฐานของพระอมิตาภะพุทธเจ้า ปรากฏในสมัยพระโลเกศวรราชาพุทธเจ้า ได้มีการอธิษฐานสร้างแดนสุขาวดี และประกาศมโนปณิธานแห่งการปรารถนาพระโพธิญาณ

พระอมิตาภะพุทธเจ้า ตอนที่ ๑​

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=Deq9q5-QWZ8]การ์ตูน พระอมิตาภะพุทธเจ้า1 2 - YouTube[/ame]

พระอมิตาภะพุทธเจ้า ตอน ๒​

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=4ywe-tWO0GI]การ์ตูน พระอมิตาภะพุทธเจ้า2 2 - YouTube[/ame]

เหตุที่ค้นพบเรื่องพระอมิตาภะพุทธเจ้านี้ เกิดจากการค้นหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต

อันเนื่องจากผลการปฏิบัติ ได้ท่องแดนสุขาวดีโดยบังเอิญ โดยผู้ที่พาไปนั้นเป็นครูบาอาจารย์สายมหายานท่านหนึ่งได้พาไปชมพุทธเกษตรของท่าน โดยแดนนั้น ไม่ใช่สวรรค์ชั้นใด ชั้นหนึ่ง เนื่องจากสภาพแวดล้อมคล้ายโลก ๆ หนึ่ง

หลังจากได้ชมเรื่องพระอมิตภะพุทธเจ้า ทำให้เข้าใจกระจ่างแจ้ง จึงได้กราบเรียนถามสมเด็จพระอมิตาภะพุทธเจ้าโดยตรง ท่านตรัสว่า..

"นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งในการบำเพ็ญบารมีอันแสนยาวนานของเรา ขอเธอจงนำธรรมนี้เผยแพร่เถิด เพื่อให้มีผู้ที่เคยเกิดพบเรา ร่วมสร้างบุญกับเรา พึงได้รับผลบุญที่เกิดขึ้นแต่กาลก่อนของเขาเหล่านั้น เพื่อบรรเทาทุกข์ภัยที่จะเกิดขึ้นมา"

โดยพระวิศวภัทร เซี่ยเกี๊ยก ได้แปลการ์ตูนนี้ ซึ่งมาจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อสอนธรรมะแก่เด็ก ๆ ชาวญี่ปุ่น ดังนั้นคำพูดจะเป็นคำที่เข้าใจง่าย ไม่ได้ใช้ศัพท์ที่ลึกซึ้งมากนัก หวังว่าเป็นประโยชน์แก่ท่านผู้ปรารถนาพระโพธิญาณประเภทพิเศษไม่มากก็น้อย
ผลบุญแห่งการให้ธรรมทานนี้ ขอพึงบังเกิดแก่พระวิศวภัทร เซี่ยเกี๊ยก และคณะผู้จัดทำ ด้วยเถิด สาธุ

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

Numsai

 

กรรมใด ๆ ๆ ไม่ว่าจะเป็นกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ที่ข้าพเจ้าได้กระทำการล่วงเกินท่านเจ้าเมือง คุณ Numsai และญาติธรรมทุกๆท่าน ทั้งโดยตั้งใจก็ดี ไม่ตั้งใจก็ดี ในภพชาติใดๆก็ตาม ขอให้ท่านเจ้าเมือง คุณ Numsai และญาติธรรมทุกๆท่าน โปรดเมตตาอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเทอญ และแม้แต่กรรมใด ๆ ๆ ที่คุณ Numsai และญาติธรรมทุกๆท่าน กระทำแก่ข้าพเจ้าก็ตาม ข้าพเจ้าขออโหสิกรรมให้ทั้งหมดทั้งสิ้น สาธุ

ขออนุโมทนาบุญทั้งหมดทั้งมวลกับท่านเจ้าเมือง คุณ Numsai และญาติธรรมทุกท่านด้วยครับ สาธุ

 

กรุณาแจ้งชื่อที่อยู่จัดส่งดวงแก้วทาง PM ด้วยค่ะ

Numsai

 

ขออโหสิกรรมแก่คุณ บรึ๋นจ้า คุณ Lee_bangkok และคุณ bealm ทุกประการ นับแต่บัดนี้ให้แต่มีสิ่งที่เกื้อกูลกันโดยธรรมค่ะ

ขอผลบุญนี้ส่งผลให้แก่ทุกท่านที่ได้อภัยทาน มีจิตที่เยือกเย็นแจ่มใส มีความคล่องตัวในทรัพย์ ความอดอยากยากจน อย่าได้ปรากฏนับแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะสำเร็จตามความปรารถนาแห่งตนทุกประการ สาธุ....

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

Numsai

 

..รายการจัดส่งดวงแก้ว ชุดที่ ๑๘ ครั้งที่ ๒ ค่ะ..

ลงวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๗ ​

๑. ท่านสัมมา EL 2110 4862 8 TH

๒. คุณ mu-gen EL 2110 4861 4 TH

๓. คุณ nitigoney EL 2110 4864 5 TH

๔.คุณเติบโต EL 2110 4865 9 TH

๕.คุณ prapart54 EL 2110 4866 2 TH

๖.คุณ malee43 EL 2110 4867 6 TH

๗.คุณ KoKoWalk EL 2110 4868 0 TH

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านที่ร่วมบุญสร้างพระพุทธวิปัสสีฯ และบุญอื่น ๆ ด้วยค่ะ

Numsai

 

ธรรมจากปากหลวงปู่ใหญ่ ธรรมปฏิบัติบท ๒


​

จะขอพูดถึงศาสนา ศาสนาก็ได้แก่เครื่องยึดเหนี่ยวของจิตใจ ภายในศาสนาต่าง ๆ มีสิ่งที่จะใช้ยึดเหนี่ยวทางจิตใจได้ทุกศาสนา เว้นแต่ศาสนาไหนจะมีดี ดีมากดีน้อยกว่ากันเท่านั้น ศาสนาทุกศาสนาจะมีดีไม่เหมือนกัน สิ่งเหล่านี้เราจะต้องรู้เอาเองว่าศาสนาไหนดีมากดีน้อยกว่ากัน ศาสนาพราหมณ์ ศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลาม ศาสนาพุทธ ศาสนาใหญ่มี ๔ ศาสนา แต่ศาสนาเหล่านี้ก็จะไม่เหมือนกัน และเหมือนกันในบางสิ่งบางอย่าง จะไม่เหมือนกันทั้งหมด ศาสนาที่ดีจะไม่แนะนำให้เบียดเบียนกัน และก็ไม่ใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือรบราฆ่าฟันกัน

ศาสนาไหนยังแนะนำให้มีการเบียดเบียนกันอยู่ละก็ ศาสนานั้นจะเอาดีไม่ได้ เอาเป็นที่ยึดถือก็ไม่ได้อีกด้วย การยึดถือในทางปฏิบัติอยู่ที่ กาย วาจา ใจ ๓ สิ่งนี้จะต้องปฏิบัติให้มีเกิดขึ้นที่ กาย วาจา ใจ การนับถือศาสนา ก็นับถืออย่างนี้ให้ กาย วาจา ใจ ละจากการเบียดเบียนต่อผู้อื่น ศาสนาที่แนะนำอย่างนี้ก็เป็นศาสนาที่ดี ศาสนาไหนยังแนะนำให้เบียดเบียนกันอยู่ ก็เป็นศาสนาที่ดีไม่ได้

สัตว์โลก หรือผู้คนก็ชอบเบียดเบียนกันอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าจะมีศาสนา หรือไม่มีศาสนา ศาสนาที่มีขึ้นก็เพื่อสอนและแนะนำในสิ่งที่ดี ได้แก่การไม่เบียดเบียนกัน เพื่อให้โลกเกิดสันติสุข ถ้ายังมีการเบียดเบียนกันอยู่ โลกจะเกิดสันติสุขได้อย่างไร ศาสนาจึงเกิดขึ้นเพราะเหตุดังนี้ ก็ขอให้ทุกคนลองมองดูว่า ศาสนาไหนสอนดี และแนะนำดี คนชื่อคนก็บอกอยู่แล้ว คนบางคนก็คนไม่ทั่ว สักแต่ว่าคน ก็นับถือโดยมิได้ไตร่ตรองดูว่า ศาสนาไหนดี ไม่ดี ที่พูดมานี้ พูดถึงเรื่องศาสนาทั่ว ๆ ไป

การเรียนรู้ศาสนา ก็ยังมิใช่เป็นการนับถือศาสนาอย่างแท้จริง ทุกคนเกิดมาจำเป็นจะต้องเรียนรู้สิ่งที่,ดี และสิ่งที่ชั่ว จำเป็นเหลือเกิน จำเป็นจริง ๆ ถ้าไม่เรียนรู้ก็จะอยู่รวมกับสังคมเขาไม่ได้ ว่าสังคมเขาปฏิบัติกันอย่างไร สังคมไหนปฏิบัติอย่างไร สังคมไหนนับถือศาสนาอะไร การนับถือศาสนาต่างกัน จิตใจของคนก็จะต่างกัน เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นจะต้องเรียนรู้ศาสนา คนที่เรียนเรื่องศาสนา จะมิใช่เป็นคนนับถือศาสนาทุกคนไป บางคนเรียนแล้วไม่ปฏิบัติตามศาสนา แล้วพูดว่านับถือศาสนาได้อย่างไร บางคนเรียนศาสนาเอาไว้,พูดคุยอวดว่าฉันรู้เรื่องของศาสนามากกว่าท่าน ท่านโง่ ท่านไม่ได้เรียนอย่างฉัน คนพวกนี้มีจำนวนมาก จริง ๆ แล้ว เขาไม่ได้นับถือศาสนากัน ไม่ว่าจะศาสนาอะไร เป็นแต่เพียงผู้เรียนรู้เรื่องศาสนาเท่านั้น คนที่เรียนรู้แล้วแต่ไม่ได้ปฏิบัติศาสนา คนอย่างนี้จะจัดว่าเป็นคนเรียนรู้ก็ยังไม่ได้อยู่ดี คนที่เรียนรู้แล้ว ทำการปฏิบัติอีกด้วย จึงจะจัดว่าเป็นคนเรียนรู้ที่แท้จริง รู้ทั่ว รู้ตลอด รู้หมด

บางคนเรียนรู้เอาไว้ เพื่อเป็นเครื่องมือหากิน คนอย่างนี้จัดเป็นคนหากินกับศาสนา ถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายก็พูดว่าใช้ศาสนาหากิน ครั้งพุทธกาลไม่มี การสอนศาสนา การพูดบอกศาสนา เขาจะบอกสอนเพื่อเอาบุญเอาคุณกัน จะไม่ใช้เงินทองเกี่ยวกับการสอนศาสนา เดี๋ยวนี้อะไร ๆ ก็เงิน ศาสนาจึงไม่เจริญเท่าที่ควร คนที่ไม่มี เงินก็หมดสิทธิในการรู้ คนไม่มีเงินก็จะเชื่อคนมีเงิน บอกสอนจะผิดหรือถูกก็ต้องยอมรับเอา คนเรียนรู้ คนมีเงินก็จะจูงจมูกคนไม่รู้ จะสอนถูกหรือผิดก็ไม่มีสิทธิ์คัดค้าน ศาสนาจึงได้ถะไหลไถเทือกออกนอกลู่นอกทาง ก็คนพวกนี้อีกนั่นแหละเป็นผู้นำไป ก็มีใครบ้างเล่าที่เรียนรู้ ไม่ปฏิบัติในสิ่งที่รู้ คนพวกนี้ไม่ว่าจะเป็นใคร ๆ จะเป็นพระ เป็นชี เป็นฆราวาสก็ด้วยกันทั้งนั้นแหละ

ที่พูดนี้พูดถึงผู้เรียนรู้อย่างเดียว เรียนรู้แล้วไม่ได้ปฏิบัติ จึงเดินทางไม่ถูก และก็สอนไม่ถูกอีกด้วย การนับถือศาสนา ก็จะต้องปฏิบัติตามศาสนาสอน การนับถือศาสนา ไม่ว่าศาสนาไหน ๆ ก็จะต้องปฏิบัติตามศาสนาด้วยกันทั้งหมด ถ้าไม่ปฏิบัติจะชื่อว่านับถือได้อย่างไร

ยิ่งศาสนาพุทธด้วยยิ่งแล้ว ศาสนาพุทธเป็นศาสนาปฏิบัติอย่างแท้จริง ปฏิบัติอย่างเดียวจึงเข้าถึงศาสนาพุทธได้ ครั้งพุทธกาล พระพุทธเจ้าก็สอนให้ปฏิบัติกัน มาเดี๋ยวนี้พวกเราปฏิบัติกันหรือเปล่า หรือใช้การสวดอ้อนวอนอย่างศาสนาพระเจ้า หรือศาสนาผี ศาสนาพุทธสวดอ้อนวอนไม่ได้ ไม่ใช่ศาสนาผีถึงจะได้สวดอ้อนวอนให้ผีช่วย ศาสนาพุทธก็มิใช่ศาสนาที่จะต้องเซ่น ต้องฆ่าบูชายันต์ด้วยสิ่งที่มีชีวิต พระพุทธเจ้าจะไม่กินเลือดเนื้อของใคร ๆ เว้นแต่ไม่รู้จึงกิน พระพุทธเจ้าบอกว่า ถ้าใครอยากเข้าถึงศาสนาพุทธให้ปฏิบัติ ปฏิบัติอย่างเดียวเท่านั้น จึงจะเข้าถึงศาสนาพุทธได้ การปฏิบัติก็ให้ละเว้นจากการฆ่าเสียก่อนอื่นแล้วมาปฏิบัติธรรม

ธรรมวินัย พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้ดีแล้ว ธรรมวินัยนี้ สามารถอยู่ไปได้ถึงห้าพันปี ถ้ามีผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ แล้วเวลานี้มีผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอยู่กันหรือเปล่า ถ้ามีก็จะไม่ต้องออกกฎหมายใด ๆ ให้เสียเวลา ให้เสียเงินเสียทองกัน เอาเวลานั้นไปทำอย่างอื่นจะมิดีกว่าหรือ ถ้าเดี๋ยวนี้มีพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ก็จะไม่ต้องตั้งกฎหมาย ขอให้เอากฎหมายชาวบ้านมาใช้แทนก็จะดีกว่า เสียเวลาร่างกฎหมายกัน ร่างคราวนี้แล้วก็จะต้องร่างกันอีก จะต้องสังคายนากันตลอดไป ก็ขอให้พวกพระปฏิบัติกัน ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบกันเสียทีไม่ยังนั้นแล้ว คำของพระพุทธเจ้าก็เป็นหมันเท่านั้นเอง

คำว่าธรรมวินัยนี้ ได้บัญญัติไว้ดีแล้ว จะอยู่ได้นานจนกว่าศาสนาจะสุดสิ้นลง คำนี้คงไม่ศักดิ์สิทธิ์เสียแล้ว พระปฏิบัติจะรู้จักชั่วดีได้โดยอัตโนมัติ จะเว้นจะหลีกความชั่ว จะทำแต่ความดีเท่านั้น ข้อบังคับกฎหมายที่ร่างขึ้นก็จะไม่เกิดประโยชน์อันใด เดี๋ยวนี้มีพระปฏิบัติกันกี่องค์ พระใหญ่ ๆ โต ๆ ปฏิบัติกันบ้างหรือเปล่า พระใหญ่พระโตนั่นแหละตัวสำคัญ หัวหน้าไม่ดีแล้ว จะให้ลูกน้องดีได้อย่างไร มองๆ ดูแล้ว พระใหญ่ ๆ โต ๆ ไม่ได้ปฏิบัติกันสักองค์ มัวแต่คอยร่างกฎหมายกัน และลืมปฏิบัติกัน ถ้าพระในศาสนามีการบังคับให้ปฏิบัติกันทุกองค์ ถ้าใครไม่ปฏิบัติก็ให้สึกออกไป ก็ลองดูซิว่าพระหรือคนร่างกฎหมายจะทำหน้าที่อะไรต่อไป

ยังมีต่อ

 

..สาธุ สาธุ สาธุ...

ในที่สุดสำเร็จวิชาลงภาพนะคะ อิอิ เดี๋ยวอาจารย์ phuya จะตรวจการบ้านนะคะ

ขออนุโมทนาบุญกับคุณ sun2555 ด้วยค่ะ

Numsai

 

บอกบุญถวายตาลปัตร หางนกยูง (ดูภาพตัวอย่าง) ครับ.. เดิมที อยากถวายกับพระศาสนา ซึ่งได้บอกบุญกับเพื่อน ๆ ที่อยู่ใกล้ ๆ กันเท่านั้นครับ และได้บอกบุญคุณน้ำใส ๆ จึงแนะนำว่าให้บอกบุญในกระทู้นี้เผื่อท่านใดสนใจทำบุญ ด้วยกัน ขอขอบคุณ คุณน้ำใสมาก ๆครับ ที่ได้ให้คำแนะนำเรื่องการบอกบุญกับท่านอื่น ๆ ที่ไม่ได้จำกัด

ราคาตาลปัตรหางนกยูง : 7,500บาท
ผู้จัดทำ : อาจารย์จากคณะวิจิตรศิลป์
ถวายที่วัด : ทาขุมเงิน อ. แม่ทา จ.ลำพูน
วันที่ถวาย : 9 สิงหาคม 2557 พร้อมกับ อาสนะ(เก้าอี้) 2 ชุดที่ได้
บอกบุญไว้ก่อนหน้านั้น
ปัจัจจัยเกิน : ถวายแด่ท่านเจ้าอาวาส วัดฯ

บัญชีที่รับโอนปัจจัย : นายอริย์ธัชธ์ วงค์ปวณวัตร
ธนาคาร : กรุงเทพ สาขา สยามพารากอน
หมายเลขบัญชี : 855-0-30736-0
ปิดรับปัจจัย : วันที่ 8 สิงหาคม 2557 เวลา 23.00น. ยอดไม่ถึงตามที่กำหนดผมรับหน้าที่ปิดยอดทั้งหมดครับ (ได้ร่วมบุญไปแล้วส่วนหนึ่ง)

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยครับ

สำหรับภาพถวายสัปทน สองแห่ง คือวัดขุมเงิน และ บ้านสบายใจ ครับ พระคุณเจ้าได้เมตตาอนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านที่มีส่วนร่วมบุญนี้ และ มีหลายท่านขณะที่ผมและคณะได้ถือเข้าไปถวายท่าน มีผู้ร่วมบุญเป็นอย่างมาก และปัจจัยนั้นทั้งหมดได้ถวายท่านที่บ้านสบายใจเรียบร้อยแล้วน่ะครับ เมื่อวันที่ ต้นเดือน กรกฎาคม 2557 ที่ผ่านมา ขออภัยด้วยครับ ที่นำภาพมาลงช้าไป เนื่องจากเหตุผลเรื่องหน้าที่การงาน ^^

ปล. ท่านใดต้องการใบอนุโมทนาบัตร บุญถวายสัปทน อาสนะ และ ตาลปัตรหางนกยูง แด่วัดเท่านั้นครับ สำนักสงฆ์ ไม่สามารถออกได้ครับ ขอแจ้งชื่อและที่อยุ่ในการจัดส่งให้ด้วยครับ

 

ขออนุโมทนาครับ

ได้ฟังเรื่องราวของพระอมิตภะพุทธเจ้าแล้ว ขอน้อมจิตอนุโมทนาอย่างยิ่งครับ
ยอมรับว่า เรารู้จักมหายานน้อยมาก พอๆกับมหายานรู้จักหีนยานน้อยเช่นกัน
แต่สิ่งที่เข้าใจในความรู้สึกแบบวิริยะธิกะพิเศษคือช่วยสอนพระโพธิสัตว์น้อยใหญ่ทั้งหลายให้บำเพ็ญบารมีจนมั่นคงในพระโพธิญาน ตรัสรู้เป็นสัมมาสัมพุทธ ในวงศ์ของตน และเป็นต้นธาตุต้นธรรมให้วิริยะธิกะแบบพิเศษองค์ต่อๆไป นับประมาณมิได้

หากข้าพเจ้าได้เคยทำบุญหรือเคยพบพระอมิตภะพุทธเจ้าแล้ว ขอให้ได้พบอีก ขอให้ได้สัมผัสดินแดนสุขาวดีของพระองค์ด้วยเถิด สาธุ

 

ตามอรรถาธิบายของจีนได้กล่าวสรุปความพระมหาปณิธานของพระอมิตาภะพุทธเจ้า
ที่เคยทรงประกาศไว้เฉพาะเบื้องพระพักตร์แห่งพระโลเกศวรราชาพุทธเจ้าตอนเสวยพระชาติเป็นธรรมากรภิกษุทั้ง ๔๘ ประการดังนี้

๑. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว หากในโลกธาตุของเราหากมีนรก เปรต เดรัจฉานแล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ
๒. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว หากเทวดาและมนุษย์ในโลกธาตุ ภายหลังที่สิ้นชีพลงแล้ว ยังตกสู่อบายภูมิทั้ง ๓ อีกไซร้ ก็จักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ
๓. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว หากเทวดาและมนุษย์ทั้งหมดในโลกธาตุมิได้มีรูปกายดั่งสุวรรณบริสุทธิ์แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ
๔. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว หากเทวดาและมนุษย์ในโลกธาตุมีรูปลักษณ์ที่แตกต่างกัน ยังมีศุภลักษณ์และอัปลักษณ์อยู่ไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ
๕. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว หากเทวดาและมนุษย์ในโลกธาตุไร้ซึ่งบุพเพนิวาสานุสติญาณ มิสามารถล่วงรู้ย้อนไปอย่างน้อยร้อยพันโกฏินยุตะ กัลป์ได้แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ
๖. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว หากเทวดาและมนุษย์ในโลกธาตุมิอาจบรรลุถึงทิพยจักษุ แล้วแลเห็นพุทธประเทศต่างๆจำนวนอย่างน้อยร้อยพันโกฏินยุตะได้แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ
๗. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว หากเทวดาและมนุษย์ในโลกธาตุมิอาจบรรลุถึงทิพยโสต ได้สดับในพระพุทธวัจนะทั้งปวงจำนวนอย่างน้อยร้อยพันโกฏินยุตะได้แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ
๘. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว หากเทวดาและมนุษย์ในโลกธาตุมิอาจบรรลุถึงเจโตปริยญาณ ได้ล่วงรู้ถึงความระลึกแห่งจิตของสรรพสัตว์ในพุทธประเทศจำนวนอย่างน้อยร้อยพันโกฏินยุตะได้แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ
๙. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว หากเทวดาและมนุษย์ในโลกธาตุมิอาจบรรลุถึงอภิญญาฤทธิ์ โดยในชั่วขณะหนึ่งหากมิสามารถผ่านล่วงบรรดาพุทธประเทศจำนวนอย่างน้อยร้อยพันโกฏินยุตะได้แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ
๑๐. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว หากเทวดาและมนุษย์ในโลกธาตุเกิดสัญญาความยึดมั่น ยังละโมบมีแผนการณ์เพื่อสังขารแห่งตนแล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ
๑๑. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว หากเทวดาและมนุษย์ในโลกธาตุมิอาจธำรงมั่นในสมาธิตราบถึงพระนิพพานได้แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ
๑๒. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว หากรัศมีประภาสถูกจำกัดขอบเขตปริมาณ มิอาจฉายส่องไปยังพุทธประเทศจำนวนอย่างน้อยร้อยพันโกฏินยุตะแล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ
๑๓. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว หากอายุกาลถูกจำกัดขอบเขตปริมาณ อยู่น้อยกว่าร้อยพันโกฏินยุตะกัลป์แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ
๑๔. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว หากสามารถคณนาซึ่งปริมาณของบรรดาสาวกในโลกธาตุได้ ฤๅสามารถคณนาถึงปริมาณสรรพสัตว์ในตรีสหัสมหาสหัสโลกธาตุที่ล้วนได้สำเร็จเป็นปัจเจกโพธิ หากด้วยอาศัยระยะเวลาหนึ่งร้อยกัลป์ในการคำนวณนับจนสามารถทราบถึงจำนวนทั้งหมดนั้นได้แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ
๑๕. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว หากเทวดาและมนุษย์ในโลกธาตุไร้ซึ่งอายุกาลที่มิอาจประมาณได้ เว้นเสียแต่เป็นปณิธานที่จักย่นอายุกาลของตนเอง (เพื่อนิพพาน) เท่านั้น หากมิเป็นเช่นนี้แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ
๑๖. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว หากเทวดาและมนุษย์ในโลกธาตุ ยังได้สดับยลยินถึงนามของอกุศลอยู่ไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ
๑๗. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว หากบรรดาพระพุทธเจ้าจำนวนอนันตะในทศทิศโลกธาตุ มิได้สรรเสริญสดุดีในนามของเราอย่างอุโฆษเลื่องลือแล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ
๑๘. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว หากสรรพสัตว์ในทศทิศ ที่ยินดีในศรัทธาด้วยความเป็นที่สุดแห่งใจ ปรารถนาอุบัติยังโลกธาตุของเรา แม้นกระทั่งได้ระลึกถึงเรา ๑๐ วาระ แล้วมิได้ไปถืออุบัติแล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ เว้นเพียงแต่ผู้ก่ออนันตริยกรรม และผู้ทำลายพระสัทธรรม
๑๙. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว หากสรรพสัตว์ในทศทิศได้บังเกิดมีโพธิจิต ได้บำเพ็ญซึ่งสรรพกุศลมีปณิธานมุ่งมั่นยิ่งเป็นที่สุดแห่งใจ ปรารถนาไปอุบัติยังโลกธาตุของเรา แลเมื่อคราวายชนม์แล้ว สมมติว่าเราและบรรดามหาชนผู้แวดล้อมมิอาจไปปรากฏกายเบื้องหน้าของผู้นั้นได้แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ
๒๐. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว หากสรรพสัตว์ในทศทิศได้สดับนามของเรา มีจิตพันผูกระลึกถึงโลกธาตุของเรา เป็นผู้สั่งสมไว้ซึ่งกุศลมูลทั้งปวง แล้วมีจิตอุทิศเพื่อมุ่งไปอุบัติยังโลกธาตุของเราด้วยความเป็นที่สุดแห่งใจ หากมิอาจสำเร็จซึ่งผลนั้นแล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ
๒๑. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว หากเทวดาและมนุษย์ในโลกธาตุ มิได้สำเร็จบริบูรณ์ในทวัตติงสมหาบุรุษลักษณะทั้ง ๓๒ ประการแล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ
๒๒. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว บรรดาคณะโพธิสัตว์ทั้งปวงจากพุทธเกษตรอื่นๆ ที่มาถืออุบัติยังโลกธาตุของเรานั้น หากเป็นเอกชาติปฏิพันธ์โพธิสัตว์ แล้วไซร้(เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ) เว้นแต่จักเป็นผู้ที่มีมูลปณิธานดั้งเดิมของตนที่ยังจะสั่งสอนสรรพสัตว์ต่อไปเป็นเหตุ แลด้วยความตั้งใจนั้นอันเป็นคุณธรรมมูลฐานที่ตนได้สั่งสมไว้ด้วยความเหนื่อยยาก ในการโปรดสรรพสัตว์ให้หลุดพ้น เพื่อท่องเที่ยวไปในพุทธเกษตรทั้งปวงเพื่อบำเพ็ญโพธิสัตวจริยา เพื่อถวายสักการบูชาพระพุทธตถาคตเจ้าในทศทิศทั้งปวง เพื่ออนุศาสน์สอนสั่งสรรพสัตว์จำนวนอเนกอนันต์เท่าเม็ดทรายของคงคานทีหลวง เพื่อได้ตั้งมั่นในอนุตรสัมมาสัตยมรรคแล้วได้ก้าวพ้นออกจากจริยาแห่งภูมิทั้งปวง ได้ปรากฏสำแดงว่าได้บำเพ็ญซึ่งคุณธรรมแห่งพระสมันตภัทร หากมิเป็นเช่นนี้แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ
๒๓. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว โพธิสัตว์ในโลกธาตุหากด้วยอาศัยพุทธานุภาพในการถวายสักการบูชาพระพุทธเจ้าทั้งปวง แม้นในชั่วขณะภัตรกิจคราวเดียว หากมิอาจ(ถวายสักการะ)ไปได้ถ้วนทั่วถึงพุทธเกษตรจำนวนอสงไขยอนันตโกฏินยุตะแล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ
๒๔. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว โพธิสัตว์ในโลกธาตุหากแม้นเมื่ออยู่เฉพาะพระพุทธพักตร์แล้ว ก็ย่อมจักสำแดงซึ่งการปลูกฝังกุศลมูล อันเครื่องสักการะบรรดาที่ต้องการใช้บูชานั้น หากมิสามารถได้ดั่งสมประสงค์แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ
๒๕. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว โพธิสัตว์ในโลกธาตุหากมิอาจกล่าวแสดง(ธรรม)ด้วยความเป็นสัพพัญญู(รู้แจ้งในสรรพสิ่งทั้งปวง)แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ
๒๖. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว โพธิสัตว์ในโลกธาตุหากมิได้บรรลุถึงวัชรนารายณกาย แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ
๒๗. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว เทวดาและมนุษย์ในโลกธาตุหากในบรรดาสรรพสิ่งทั้งปวง อันบริสุทธิ์อลังการและสว่างสุกใส มีรูปลักษณ์อันวิเศษพิศดาร วิจิตรประณีตบรรจงซึ่งมิอาจกล่าวถึงปริมาณได้ แม้นบรรดาสรรพสัตว์ทั้งหลายนั้นจักได้บรรลุซึ่งทิพยจักษุแล้ว หากสามารถล่วงรู้ถึงนามและนับจำนวน(ของสรรพสิ่งอันวิเศษในโลกธาตุ)ได้หมดสิ้นแล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ
๒๘. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว โพธิสัตว์ในโลกธาตุตราบถึงผู้ที่มีกุศลน้อย มิอาจได้รู้แลได้ประสบซึ่งโพธิพฤกษ์(แห่งตน) ว่ามีประภาวรรณะจำนวนอเนกอนันต์ และมีความสูงถึงสี่ล้านลี้ แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ
๒๙. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว โพธิสัตว์ในโลกธาตุหากสาธยายพระธรรมสูตร อ่านท่องกล่าวแสดงแล้ว หากมิได้บรรลุซึ่งปฏิภาณแลปัญญาญาณแล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ
๓๐. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว โพธิสัตว์ในโลกธาตุหากมีปัญญาญาณแลปฏิภาณที่อาจหยั่งวัดถึงขอบเขตปริมาณได้แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ
๓๑. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว อันความบริสุทธิ์แห่งโลกธาตุจักฉายส่องโชติช่วงไปยังบรรดาพุทธเกษตรจำนวนอสงไขย จำนวนอนันต์ จำนวนอจินไตยในทศทิศโดยทั่ว ประดุจกระจกที่สว่างใสที่ฉายส่องอยู่ตรงหน้า หากมิดุจฉะนี้แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ
๓๒. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว อันพื้นพสุธาขึ้นไปเบื้องบนจรดความว่างเปล่าแห่งอากาศ พระตำหนักมณเฑียรสถาน พระวิหารแลหอทัศนา สระโบกขรณี พฤกษาแลมาลี อีกสรรพสิ่งบรรดามีในโลกธาตุ ให้ล้วนสำเร็จจากรัตนชาตินานาชนิดและเครื่องสุคนธานับร้อยพันประการมิมีประมาณ ซึ่งประกอบตบแต่งกันอย่างอลังการและวิจิตรพิศดารยิ่งกว่าของเทพยดาทั้งปวง อันกลิ่นสุรภีคันธมาลย์นั้นหอมหวนโชยระรื่นไปยังโลกธาตุทั่วทศทิศ โพธิสัตว์ผู้ได้สูดดมแล้ว ย่อมล้วนบำเพ็ญในพุทธจริยา หากมิเป็นดังประการนี้แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ
๓๓. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว บรรดาสรรพสัตว์หลากสายพันธุ์ในพุทธเกษตรทั้งหลายที่มีจำนวนอจินไตยและหาประมาณมิได้ตลอดทั้งทศทิศนั้น เมื่อผู้ที่กายนั้นได้สัมผัสต้องกับประภารัศมีแห่งเราแล้ว กายแลจิตจักได้อ่อนโยนยิ่งกว่าเทพและมนุษย์ หากมิได้เป็นเช่นนี้แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ
๓๔. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว บรรดาสรรพสัตว์หลากสายพันธุ์ในพุทธเกษตรทั้งหลายที่มีจำนวนอจินไตยและหาประมาณมิได้ตลอดทั้งทศทิศนั้น เมื่อได้สดับนามของเรา แล้วมิได้บรรลุในอนุตปตติก ธรรมกษานติ และธารณีอันคัมภีรภาพทั้งปวงแล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ
๓๕. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว บรรดาพุทธเกษตรทั้งหลายที่มีจำนวนอจินไตยและหาประมาณมิได้ตลอดทั้งทศทิศนั้น ภายในนั้นหากจักมีอิสตรีที่ได้สดับนามของเรา แล้วปีติยินดีศรัทธาปสาทะได้บังเกิดโพธิจิต เอือมระอาอย่างหนักหนาในสตรีกาย เมื่อหลังจากชีวาดับสิ้นแล้วยังมีรูปลักษณ์เป็นสตรีอีกไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ
๓๖. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว บรรดาโพธิสัตว์ในพุทธเกษตรทั้งหลายที่มีจำนวนอจินไตยและหาประมาณมิได้ตลอดทั้งทศทิศนั้น เมื่อได้สดับนามของเรา แลเมื่อภายหลังที่วายชนม์แล้ว ย่อมจักบำเพ็ญในพรหมจริยาวัตรโดยนิจศิล ตราบจนสำเร็จพุทธมรรค หากมิได้เป็นเช่นนี้แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ
๓๗. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว บรรดาประชากรชาวสวรรค์และมนุษย์ในพุทธเกษตรทั้งหลายที่มีจำนวนอจินไตยและหาประมาณมิได้ตลอดทั้งทศทิศนั้น เมื่อได้สดับนามของเรา แล้วจักกระทำเบญจางคประดิษฐ์อภิวาทนมัสการ จิตบังเกิดความปีติยินดีน้อมใจศรัทธา ได้มาบำเพ็ญในโพธิสัตวจริยาแล้ว อันบรรดาเทพแลมนุษย์โลกทั้งหลายจักมินอบน้อมยำเกรง(แก่ผู้ที่อภิวาทนมัสการนั้น)ก็หาไม่ หากมิเป็นดังประการฉะนี้แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ
๓๘. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว บรรดาเทวดาและมนุษย์ในโลกธาตุ เมื่อต้องการพัสตราภรณ์แพรพรรณก็ย่อมได้ตามความระลึกนั้น ประดุจที่พระพุทธองค์ทรงสรรเสริญในเครื่องนุ่งห่มอันเลิศที่สมธรรม อันจักอยู่บนกายได้เอง หากมีการย้อม เย็บ ซักและตากอยู่แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ
๓๙. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว หากบรรดาเทวดาและมนุษย์ในโลกธาตุ ได้เสวยซึ่งความสุขสวัสดีทั้งปวง มิดั่งเช่นภิกษุผู้เป็นพระขีณาสพผู้ปราศจากกิเลสาสวะแล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ
๔๐. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว โพธิสัตว์ในโลกธาตุ เมื่อปรารถนาจักทอดทัศนาความวิสุทธิอลังการของพุทธเกษตรต่างๆจำนวนไม่มีประมาณในทศทิศ ใน เพลานั้นย่อมจักได้สมดังมโนรถ ด้วยในรัตนพฤกษ์ล้วนจักสำแดงปรากฏให้เห็นได้ ประดุจคันฉ่องสะอาดใสยังให้ประจักษ์อยู่เบื้องหน้า หากมิได้เป็นเช่นนี้แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ
๔๑. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว บรรดาโพธิสัตว์ในโลกธาตุแดนอื่น เมื่อได้สดับนามของเราแล้ว ตราบจนได้บรรลุความเป็นพระพุทธะ (ในระหว่างนั้น)หากสรรพอินทรีย์เกิดอัปลักษณ์มิสมประกอบบริบูรณ์แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ
๔๒. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว บรรดาโพธิสัตว์ในโลกธาตุแดนอื่น เมื่อได้สดับนามของเราแล้ว ให้ล้วนบรรลุถึงวิสุทธิวิมุตติสมาธิ เมื่อดำรงในสมาธินี้แล้ว ในชั่วขณะหนึ่งจักสามารถถวายสักการะบรรดาพระพุทธโลกนาถเจ้าทั้งหลายจำนวนอนันตอสงไขยได้ โดยจิตมิบกพร่องในสมาธินี้ หากมิเป็นดังประการนี้แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ
๔๓. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว บรรดาโพธิสัตว์ในโลกธาตุแดนอื่น เมื่อได้สดับนามของเรา แลเมื่อวายชนม์แล้วในภายหลัง จักได้ไปบังเกิดยังตระกูลที่สูงส่ง หากมิเป็นเช่นนี้แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ
๔๔. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว บรรดาโพธิสัตว์ในโลกธาตุแดนอื่น เมื่อได้สดับนามของเราแล้ว ให้เกิดอุเพคาปีติจนโลมาลุกชัน ได้บำเพ็ญโพธิสัตวจริยา สมบูรณ์พร้อมในพีชะแห่งคุณธรรม หากมิประดุจฉะนี้แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ
๔๕. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว บรรดาโพธิสัตว์ในโลกธาตุแดนอื่น เมื่อได้สดับนามของเราแล้ว ล้วนแต่บรรลุในสมันตนุคตสมาธิ เมื่อดำรงในสมาธินี้แล้ว ตราบจนได้สำเร็จความเป็นพระพุทธะ ย่อมจักได้ประสบกับบรรดาพระพุทธเจ้าจำนวนอนันตอสงไขยทั้งปวงโดยนิจศิล หากมิเป็นไปดังเช่นนี้แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ
๔๖. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว โพธิสัตว์ในโลกธาตุ ย่อมจักได้สดับพระธรรมกถาตามใจปรารถนา โดยจักได้สดับเฉพาะตน หากมิประดุจเช่นนี้แล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ
๔๗. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว บรรดาโพธิสัตว์ในโลกธาตุแดนอื่น เมื่อได้สดับนามของเราแล้ว ยังเป็นผู้ที่มิบรรลุซึ่งความมิเสื่อมถอยย้อนกลับแล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ
๔๘. เพื่อการเป็นพระพุทธะแล้ว บรรดาโพธิสัตว์ในโลกธาตุแดนอื่น เมื่อได้สดับนามของเราแล้ว ยังมิบรรลุในธรรมกษานติ ประการที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๓ แลในสรรพพุทธธรรม มิสามารถบรรลุถึงความเป็นผู้มิเสื่อมถอยย้อนกลับแล้วไซร้ เราจักมิขอสำเร็จพระสัมโพธิญาณ ด้วยประการฉะนี้แล

***(คัดมาจากหนังสือพระพุทธเจ้าและพระธรรมสูตรฝ่ายมหายาน เขียนโดยภิกษุจีนวิศวภัทร มีแผยแผ่ฉบับเต็มในเว็ปมหาปารมิตาครับ)


..(มหาปารมิตา)

 

ขอร่วมบุญถวายตาลปัตร หางนกยูง
วันนี้ 06/08/57 เวลา 08.05 น. ได้ทำการโอนเงินเข้าบัญชี
บัญชีที่รับโอนปัจจัย : นายอริย์ธัชธ์ วงค์ปวณวัตร
ธนาคาร : กรุงเทพ สาขา สยามพารากอน
หมายเลขบัญชี : 855-0-30736-0
จำนวน 1,500 บาท

- ข้าพเจ้าขอน้อมถวายบุญกุศลนี้เป็นพุทธบูชาแด่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระองค์ น้อมถวายเป็นธรรมบูชา และน้อมถวายเป็นสังฆบูชาแด่พระอริยสงฆ์สาวกทุกพระองค์ และพระมหาโพธิสัตว์ทุกพระองค์
- ขอน้อมถวายบุญนี้แด่พ่อ แม่ ญาติ พี่น้อง และผู้มีพระคุณ ทุกภพทุกชาติของข้าพเจ้า ตั้งแต่อดีตชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ
- น้อมถวายบุญกุศลนี้แด่ ครูบาอาจารย์ทุกภพทุกชาติของข้าพเจ้า มีหลวงปู่ฤาษีเกษรี หลวงปู่ทวดวัดช้างไห้ หลวงปู่โตวัดระฆังฯ หลวงปู่ศุขวัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงปู่ปานวัดบางนมโค หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต หลวงปู่ดู่วัดสะแก หลวงพ่อสดวัดปากน้ำฯ และหลวงพ่อพระราชพรหมยานวัดท่าซุงเป็นที่สุด
- ขอน้อมถวายบุญนี้แด่ท้าวสหัมบดีพรหม ท้าวมหาพรหมทุกพระองค์ และพรหมทุกพระองค์ ท้าวสักกเทวราช พระมเหสีทั้ง ๔ มเหสักข์เทพทุกพระองค์ ท่านท้าวจตุโลกบาลทั้ง ๔ ท่านอินทกะทั้งหลาย และบริวารทั้งหลายของท่าน เทพ เทวา ทุกชั้นฟ้า พระยายมราช และปรมาจารย์เซียนทั้ง ๑๐๘ พระองค์ พร้อมทั้งบริวารทั้งหลาย
- น้อมถวายบุญกุศลนี้เป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ และบูรพมหากษัตราธิราชเจ้าทุกพระองค์ ตลอดถึงพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์
- น้อมถวายบุญกุศลนี้แด่ พระโพธิสัตว์ พระฤาษี พรหม เทพ เซียนทุกพระองค์ที่อธิษฐานและดูแลดวงแก้ว พระเขี้ยวแก้วเนรมิต ธาตุกายสิทธิ์ที่พี่น้ำใสได้นำมาให้บูชา พระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุ พระพุทธปฏิมา พระสังฆปฏิมา มงคลวัตถุทั้งหลายที่ข้าพเจ้าบูชารักษาอยู่ ตลอดถึงเทวดาที่รักษาตัวข้าพเจ้า ที่รักษาคนในครอบครัวของข้าพเจ้า และที่รักษาที่อยู่อาศัยของข้าพเจ้า
- น้อมถวายบุญกุศลนี้แด่ท่านพยายมราช ท่านสุวรรณ ท่านสุวาณ นายนิริยบาลทุกท่าน
- ขออุทิศบุญกุศลนี้ให้แก่พญาครุฑ และบริวาร พญานาค และบริวาร ทั้งหมด
- ขออุทิศบุญกุศลนี้ให้แก่นางแก้ว ญาติมิตรสหายและบริวารทั้งหลายของข้าพเจ้า
- ขออุทิศบุญกุศลนี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ให้แก่สรรพสัตว์ที่ข้าพเจ้าได้เคยเบียดเบียนลงไป

ขอบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้น้อมถวายและอุทิศนี้ จงมีผลประหนึ่งดังท่านทั้งหลายที่กล่าวมาได้กระทำเองทุกประการ เช่นนั้นเทอญฯ

ขอท่านทั้งหลายได้โปรดโมทนา และเป็นสักขีพยานในการบำเพ็ญกุศลในครั้งนี้ของข้าพเจ้าด้วยเถิด สาธุ

ขอบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้กระทำมาแต่อดีต ตลอดถึงบุญกุศลที่ได้ร่วมในครั้งนี้เป็นที่สุด ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความมั่นคง แน่วแน่ ไม่คลอนแคลนในการทำความดีให้ยิ่งๆขึ้นไป ขอให้มีกำลังใจสูงมีกำลังใจไม่สิ้นสุด เมื่อปรารถนาในความดีใดแล้วขอให้มีแต่ทางสำเร็จ มีผู้คอยช่วยเหลือเกื้อหนุนค้ำชู ศัตรูหมู่มารทั้งหลายจงหลีกทางห่างไกล ไร้ซึ่งอุปสรรคใหญ่น้อยคอยขัดขวาง ตราบเท่าถึงที่สุดแห่งความปรารถนาสำเร็จพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณในเบื้องหน้านั้นเทอญ ฯ

และขอผลบุญนี้จงส่งผลให้ข้าพเจ้าได้ผลญาณ และวิชาความรู้เก่าๆ จงได้กลับคืนมา ตามความเหมาะสมด้วยเทอญ

ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยครับ

 

พี่น้ำใสครับ คำว่า พุทธเกษตร คือแดนไหนครับ ขอบคุณครับ

 

พุทธเกษตร คือ ดินแดนที่พระพุทธเจ้าท่านสำเร็จพระโพธิญาณและท่านโปรดสัตว์ในดินแดนนั้นนะครับ

เหมือนโลกที่พระสมณโคดมพุทธเจ้าของเราท่านสำเร็จและโปรดสัตว์ ก็เรียกว่า พุทธเกษตรนะครับ

พุทธเกษตร (อาณาจักรแห่งพระพุทธเจ้า) หรือ วิสุทธิภูมิ (ดินแดนบริสุทธิ์) ตามความเชื่อของศาสนาพุทธนิกายมหายาน
คือดินแดนที่พระพุทธเจ้าทรงสร้างขึ้นด้วยปณิธานของแต่ละพระองค์ แดนพุทธเกษตรไม่ใช่นิพพาน
แต่มีลักษณะคล้ายสวรรค์ เป็นภูมิที่สาวกของพระพุทธเจ้าใช้ปฏิบัติธรรมต่อหลังจากสิ้นชีวิตบนโลกเพื่อบรรลุนิพพานต่อไป

 

ขอร่วมทำุบุญรายการนี้ 200 บาท โอนแล้ว วันนี้ เวลา 09.09 น. สาธุ

 

พี่พัชรี เลิศคงคาทิพย์ และ diya ร่วมบุญตาลปัตรหางนกยูง ถวายวัดทาขุมเงิน อ.แม่ทา จ.ลำพูน
โอนเงินเข้าบัญชี ธ.กรุงเทพ เลขที่ ๘๕๕๐๓๐๗๓๖๐ วันนี้ เวลา ๑๐:๒๕ น. จำนวน ๑๕๐ บาท

ขอน้อมจิตอนุโมทนาบุญกับคุณVatechayana พี่น้ำใสและญาติธรรมทุกท่านทั้งหมดทั้งมวล สาธุค่า

 

สาธุ

 

...แดนพุทธเกษตร...

ขออาราธนาคำตรัสของสมเด็จพระโภครัตนสัมภาวะตถาคตพุทธเจ้า ทรงสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าลำดับที่ ๙ หลังจากสมเด็จองค์ปฐม เดิมพระพุทธองค์ปรารถนาจะเป็นทั้งภาคปราบ และภาคโปรด ภายหลังทรงเปลี่ยนพระทัย และสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าในอดีตกาลนานมาแล้ว ทรงตรัสว่า...

"พุทธเกษตร เป็นโลกธาตุหนึ่งที่เกิดจากมโนปณิธานของพระโพธิสัตว์แต่ละพระองค์ ไม่ใช่สวรรค์ชั้นดุสิต แต่มีความเป็นอยู่ดีกว่ามนุษย์

พุทธเกษตรของพระอมิตาภะพุทธเจ้าจะอยู่ทางทิศตะวันตกของโลกธาตุนี้(แดนชมพูทวีป) เรียกว่า "แดนสุขาวดี"

ส่วนพุทธเกษตรของพระไภษัชยคุรุไวยฑูรยประภาตถาคต เรียกว่า "แดนศุทธิไวฑูรย์" เป็นต้น

จะปรากฏพุทธเกษตรของพระโพธิสัตว์แต่ละพระองค์ต่อเมื่อพระโพธิสัตว์นั้นบำเพ็ญบารมีแล้วกว่า ๑๕๐ อสงไขย จะเกิดเฉพาะพระโพธิสัตว์ที่อธิษฐานพิเศษเท่านั้น

ทั้งนี้การอธิษฐานพิเศษได้แบ่งตามวงศ์ของพระพุทธเจ้าต้นธาตุต้นธรรมแยกเป็นแต่ละประเภท ขึ้นอยู่กับการค้นพบวิชาแต่ละพระองค์ มีสมเด็จพระพุทธสิกขีทศพลเป็นแบบอย่าง ที่ผ่านมาพระพุทธเจ้าต้นธาตุต้นธาตุสำเร็จแล้ว ๕ พระองค์

ยังมีพระพุทธเจ้าต้นธาตุต้นธรรมที่จะสำเร็จในอนาคตกาลอีก ๑๑ พระองค์ แต่ใช้ระยะเวลาการสร้างบารมียาวนานมาก ลำดับที่ ๖-๙ มีความเที่ยงแท้แน่นอนแล้วแต่ลำดับที่ ๑๐ เป็นต้นไปยังเอาความแน่นอนมิได้ อาจจะมีการเปลี่ยนใจมาเป็นประเภทวิริยะธิกะธรรมดา

เนื่องจากบททดสอบต่าง ๆ ที่จะพบในอนาคตจะต้องความมั่นคงในการสร้างบารมีของผู้ปรารถนาอย่างยิ่งยวด จึงจะสำเร็จได้

แดนพุทธเกษตรจะปรากฏต่อเมื่อมีการพยากรณ์เที่ยงแท้แน่นอนแล้วเท่านั้น แต่มีพระมหาโพธิสัตว์บางพระองค์ไม่ได้อธิษฐานแดนพุทธเกษตรของตน ก็จะสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าในแดนชมพูทวีปนี้ ซึ่งมีสรรพสัตว์หลากหลายให้โปรด เพื่อให้เข้าสู่พระนิพพาน"

ทรงตรัสเพิ่มเติมว่า "ในห้วงจักรวาลนี้ มีหมื่นโลกธาตุ บางโลกธาตุเป็นที่อยู่ของเหล่ามาร นักปฏิบัติที่จะท่องโลกธาตุต่าง ๆ ได้ต้องมีม้าแก้วเป็นของตน จึงจะมีความปลอดภัย

หากท่องโลกด้วยกำลังตัวเองแล้ว อาจจะโดนวิชาของเหล่ามาร ทำให้ร่างกายอ่อนแอ เจ็บป่วยง่าย บางโรครักษาไม่ได้ ผู้ที่มีม้าแก้วได้นั้น จะต้องเป็นผู้เคยเป็นพระเจ้าจักรพรรดิแต่กาลก่อนในอดีตกาล

และในชาตินี้ต้องมีการปฏิบัติแบบละเอียด จึงจะมีบุญได้ใช้ม้าแก้ว ในบางกรณีที่ทำหน้าที่บางอย่าง พระพุทธเจ้าในอดีตอาจจะประทานม้าแก้วให้ใช้เป็นการชั่วคราว ทั้งนี้ส่วนใหญ่จะต้องปรารถนาเป็นสายปราบมารด้วย"

ขออนุโมทนาบุญกับคุณ Lee_bangkok และทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ
Numsai

 

สาธุ สาธุ สาธุ
ขอบพระคุณพี่น้ำใสมากนะคะที่อโหสิกรรมให้น้อง^/|\^
การได้รับอโหสิกรรมสร้างความปลอดโปร่งโล่งใจจริงๆค่ะ

 

เอก็คิดถึงคุณน้ำตาลเหมือนกันค่ะ แต่ด้วยภาระทางโลกที่มากมายนัก และเอเปลี่ยนคอมฯและลืมpasswordค่ะ แต่ก็ยังคิดถึงญาติธรรมทุกท่านในที่นี่เสมอค่ะ
เอขออนุโมทนาในทุกบุญที่คุณน้ำตาลได้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบด้วยดีเสมอมาด้วยนะคะ
บุญรักษาค่ะ
เอ