ผม...พระ...และ...สาระยุคก่อน

รายงานตัว
เข้าชั้นเรียนครับผม

 

มาติดตามตอนต่อไปครับพี่

 

ยังติดตามมาโดยตลอดครับครู

 

[SIZE="6"]น้อมรับความผิดครับผมเป็นคนหนึ่งที่เข้ามาอ่านข้อความดีๆ ที่ท่าน modpong แต่ post ครั้งเดียว และก็เป็นท่านเดียวที่ผม post ให้ด้วย ถ้าไม่โดนว่ามาผมก็นึกไม่ถึงเหมือนกันครับเพราะผมอยู่ในมุมผู้อ่าน ไม่ได้นึกถึงมุมผู้เขียน(เอาเปรียบอย่างท่านว่าครับ สมควรโดนตำหนิ) ต้องขอโทษด้วยครับ มุมมองที่ดีและข้อเขียนที่มีความแตกต่างผมว่าทุกคน(ที่ได้อ่าน) รู้ครับ และก็ต้องขอบคุณที่ได้เสียสละเวลามาเพื่อให้ความรู้และประสบการณ์ที่ผ่านมาของท่าน modpong ผมก็จะตามอ่าน ตามเป็นกำลังใจต่อไปหวังว่าคงจะให้อภัยให้ผมด้วยครับ จริงจริงหลายครังผมอยากถามอะไรในมุมที่ผมอยากรู้เพิ่มแต่ก็เกรงใจท่านพี่ (ขออนุญาติเรียกท่านพี่ modpong ครับ) ต้องขอโทษอีกครั้งครับ ยังคงตามอ่านอยู่ตลอด และจะตามอ่านต่อไปครับ ขอบคุณมากครับพี่ modpong
[/SIZE]

 

สวัสดีครับคุณอา..มาติดตามอ่านบทความตอนต่อไปครับ

 

.............................
...ขอบใจมากน้องstoneที่บอกล่าวมา..และ..เข้าใจในเจตนา..ของพี่..

 

......................
..หวัดดี....หลานเขม..พลศิริน้องรัก..stone..และ..เฉียวฟงหลานรัก
..........................
...ต่อตามที่ขอ...
.........................

................นอกจาก..ตะกรุดที่ทำจากโลหะ..ในยุคแรกนั้น..คาดว่า..น่าจะมีตะกรุด
..อีกแบบ..ที่เกิด..ในเวลาไล่เลี่ยกัน..แต่..พวกพระอาจารย์คงไม่ชอบกันเท่าไหร่
..เพราะเขียนได้ยาก..และ..บรรจุคาถาได้ไม่มาก..หรือ..แม้กระทั่งยันต์ก็ต้องเป็นแบบ
เล็กๆ..ไม่สลับซับซ้อน.....นั่นคือ...
............ตะกรุดไม่ไผ่..หรือ..ตะกรุดไม้รวก...............
(ไอ้เรื่องเอาไปคาดนะ..คงไม่ในยุคโน้น..ก็..คงใส่ไว้ในผ้าประเจียด..ต้นแขนเช่นกัน)
...เนื่องจากเป็น..วัสดุที่หาได้ง่ายในชนบท..แรกๆ..ผมว่า..คงเป็นไม้ไผ่..ไม้รวก
ทั่วไป..แต่..คนไทยนี่..เป็นคนชอบถือ..เคล็ด..อยู่แล้ว..จึงทำให้..ที่มาของวัสดุ..
ต้องกันยากหน่อย....
....เรื่องถือ..เคล็ด..นี่จะว่าไป..มันก็เหมือนกันทั่วโลก...อย่างที่คนยุโรปสมัยโบราณ
(แม้ในปัจจุบัน..บางคนก็ยังเชื่ออยู่)..จะห้อย..หรือ..สวม..เครื่องประดับ..ที่ทำมาจาก
...........โกเมน(GARNET)...แต่ต้องเป็น..โกเมนสีเลือด..(โกเมนจริงๆ..มีหลายสีนะครับ
..ตั้งแต่..เหลือง..ส้ม..เขียว..ชมพู..และ..ม่วง)..เพราะจากสีมันทำให้มีความเชื่อกันว่า
..ถ้ามี..โกเมน..ติดตัวแล้ว..จะไม่มีปัญหาเรื่องเลือด..เช่น..โลหิตจาง..เลือดอุดตัน..
..เลือดเป็นพิษ..อะไรทำนองนี้...นี่ก็ถือว่า..เป็นเคล็ด..หรือ..คติความเชื่อแบบหนึ่ง
เช่นกัน..
......อาจารย์หลายท่านเลยมีกำหนด..วัสดุที่แฝงเคล็ด..ในตัวไว้..ซึ่งผมว่าต้องเป็น..
ยุคหลังแน่...เช่น..ไผ่ตัน..(ก็จะได้เป็นมหาอุตม์ในตัว..เพราะ..ตัน..ช่องวางด้านใน
ของไม้ไผ่..โดน..อุด..โดยธรรมชาติ).....
....ไผ่ที่ล้มขวางเดิน..แล้วชี้ปลายไปทางทิศตะวันออก..เป็นต้น...
.....กรณีที่..วัสดุเป็นไผ่รวกนั้น..ก็เกิดประโยชน์..แถมมา..อีกอย่างเพราะ...ด้านนอก
..นอกจากจะเขียนคาถาแล้ว...ช่องกลางมันกว้าง..คงทำให้พระอาจารย์นักค้นคิด..
ได้..ไอเดียต่อยอด...ก็เอาผงสำเร็จตามสูตรลบผง..แบบต่างๆใส่เข้าไปด้วย...
...บางท่านก็..เอากระดาษข่อย..หรือ..กระดาษสา..ลงยันต์เพิ่มเติมลงไป..
....แล้วก็..อุดด้วย..ชัน..(อาจจะเป็นชัน..ที่ได้มาจาก..ต้นยางนา..ที่เขาเอาไว้อุดเรือ
..หรือ..จะเป็น..ชันนางโรง..ก็แปลกแตกต่างกันไป)..เพื่อวัตถุประสงค์..กันของที่ใส่
ไว้ข้างในช่อง..หลุดออก..และ..กันน้ำเข้าไปทำลาย..ของในช่องที่เราใส่ไว้...
............
....ส่วนตะกรุดอีกแบบนึงนั้น..ก็ไม่แน่ใจ..ว่า..จะเกิดขึ้น..ไล่ๆกับตะกรุดโลหะ...
..หรือ..ตะกรุดไม้ไผ่..หรือไม่..แต่ด้วยความพิเศษ..ของวัสดุ..ทำให้ยันต์..หรือ..
คาถากำกับ..เป็นพิเศษ..เฉพาะไป..ด้วยสาเหตุนี้..แสดงว่า..วิชา..นั้นได้มีพัฒนา
ต่อมาอีก..อาจหลายรุ่น..จึงทำให้..ผมคิดว่า..น่าจะเกิดขึ้นในภายหลัง....

..................นั่นคือ..ตะกรุดที่ทำจากหนังสัตว์...............

....ต่อเมื่อขอมา.........

 

สวัสดีครับ เข้ามาอ่านแล้วตกใจนึกว่าพี่จะเลิกเขียนอีกแล้ว.....มารอติดตามความรู้ที่หาอ่านที่ไหนไม่ได้และเป็นกำลังใจให้เขียน บทความดีๆอีกต่อไปครับ.

 

ครูครับ. ผมเคยคลี่ดูตะกรุดแบบไม่รู้ที่มาที่ไป บางดอกก็ใช้ตัวอักษรขอม บางดอกก็ใช้ยันต์ลงใว้ ผมเคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับของขลังและเครื่องรางในสายอีสาน รูปแบบเหรียญหลวงพ่อบางท่านใช้แค่คาถาลงใว้บางท่านใช้ยันต์ลงแล้วมีคาถากำกับแบบที่ครูบอกใว้ แต่ผมมีความสงสัยว่าจริงๆแล้วคาถากำกับน่าจะมาก่อนยันต์ โดยแปลงมาจากบทสวดต่างๆแล้วย่อลงมาเป็นคาถาเพื่อเป็นกุศโลบายในการท่องจำและสืบทอดพุทธศาสนา แล้วพอพระหรือผู้ที่สืบทอดวิชาความรู้มีความชำนาญ จึงมีการพลิกแพลงออกมาเป็นตัวยันต์ ตะกรุดเป็นโลหะที่มีความคงทนจึงเป็นเครื่องรางที่สามารถเป็นขวัญและกำลังใจและได้แฝงให้สืบทอดข้อความหรือคำสอนเพื่อส่งต่อให้คนรุ่นหลังได้และเป็นการสืบทอดพุทธศาสนาต่อไป. ผมเข้าใจแบบนี้ถูกต้องมั๊ยครับครู

 

ติดตามตลอดครับ
ขอโทษครับที่ไม่ได้ให้กำลังใจ ต่อไปจะเข้าระบบไว้ตลอดเพื่อโพสติดตาม
ผมอ่านก่อนนอนแทบทุกคืน ขอบคุณคุณอาจริงๆ ที่เสียสละเวลามาให้ความรู้น้องๆ หลานๆ

 

คุณ modpong ในเมื่อคุณเสียสละแรงกายหัวสมอง..และ..แรงกาย..มานั่งเขียนให้พวกคุณทุกวัน....ไม่ได้หวังอะไร. แล้วคุณจะไปแค่หวังอะไรให้คนมานั่งเขียนกำลังใจให้อีกละครับ

ที่คุณมาเปิดกระทู้เขียนเล่าเรื่องราวต่างๆในอดีตถือว่าเป็นวิทยาทานอยู่แล้วให้คนรุ่นหลังๆได้ทราบกัน ก็ควรถือว่าเขียนเป็นวิทยาทานไม่หวังอะไรจริงๆ จะเป็นมัวคิดอยากให้คนอ่านโน้นนี้มาเขียนให้กำลังใจอะไรกันอีกละครับ ทำไมต้องมารอคนเชียร์ให้กำลังใจตัวเองถึงจะสร้างแรงจูงใจกันอีก เอาว่าคุณเห็นยอดคนเข้าคลิกอ่านจำนวนมากก็แปลว่ากระทู้คุณมีสาระดี มีประโยชน์คนถึงเข้ามาอ่านกันมาก แค่นี้ผมว่าคุณน่าจะปลื้มใจ มีกำลังใจเขียนแล้ว

และที่คุณเขียนว่าจะเขียนต่อต้องอย่างน้อย 3 คนขอให้เขียน ผมว่าถ้าจะทำจริง น้อยไปอยู่นะครับเพราะขาประจำที่มาเขียนโพสก็เกิน 3 คนอยู่แล้ว จะเอาจริงควรซัก 10 คนไปเลย วัดใจคนอ่าน แค่ 3 คนมาขอเหมือนว่าอันที่จริงแล้วคุณก็ไม่อยากเลิกเขียนซะเท่าไหร่กันหรอกเพียงว่าขอให้บ่นๆให้พวกน้องๆมาเขียนเอาใจคุณหน่อยแค่นั้นเอง ขืนขอกมากไปซัก 10 คนอาจไม่มีใครมาโพสเขียนให้กำลังใจจริง ก็จะติดกับดักคำพูดตัวเองซะแบบนัั้น

10 คนไปเลยครับ กำลังพอดีๆ กับจำนวนคนที่มาเขียนโพสกันอยู่ วัดใจคนอ่านท่านอื่นๆที่มาอ่านหาความรู้แต่ไม่อยากแสดงตนด้วย

แต่จริงๆแล้วแต่ต้นก็ไม่ควรเขียนหรอกครับข้อความมีเงื่อนไขแบบนี้

 

ยังติดตามอยู่ครับและเพื่อที่จะตอบแทนพี่ท่าน เลยจะขออนุญาติเล่าถึงตะกรุดลูกอมของ....หลวงปู่ใจวัดเสด็จ.... ที่พอจะรู้ข้อมูลและแนวคิดวิเคราะห์บางอย่างตามแนวท่านพี่ modpong แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็จะต้องได้รับความอนุญาติจากเจ้าของกระทู้และมิตรรักแฟนเพลงของท่านพี่ว่าจะอนุญาติมั้ย....แต่เกริ่นไว้ซักนิดว่า.....ในแนวทางที่ผมวิเคราะห์ไว้ตะกรุดลูกอมหลวงปู่ใจมีเฉพาะเนื้อเงินเท่านั้น......(ไม่เชื่อตามเซียนว่ามีเนื้อทองคำและเนื้อนาก)
ถ้าพี่ modpong และแฟนๆ ของพี่เห็นว่าน่าจะเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ก็จะลองเป็นผู้เล่าเรื่องครับ......(ถ้าเห็นว่าไม่เหมาะสมก็แจ้งมานะครับ)
ก็จะติดตามต่อครับถ้าพี่ท่านเล่าเรื่องแล้วผมเข้ามาอ่านผมก็จะ Post แล้วกัน ........ขอบคุณครับที่ยังไปต่อผมก็จะตามต่อ ขอบคุณและด้วยความเคารพจากใจครับ

 

ว่าจะรอหลายคน post ก่อนแต่คิดดูไม่รอดีกว่า ผมคิดไว้เหมือนกันว่าอาจจะมีคนแสดงมุมมองเหมือนท่าน runningman คือการแสดงออกทันทีที่รู้สึกเห็นข้อความ พี่ modpong ต่อไปเป็นความเห็นส่วนตัว.........(ย้ำนะครับว่าเป็นความเห็นส่วนตัว) ตามประเด็นตามนี้
- การที่ผมเข้ามาอ่านในห้องของเขาผมจะไม่เอาตัวเองเป็นที่ตั้งเหมือนผมไปบ้านใครแล้วสไตล์การแต่งบ้านเข้าเป็นอย่างไรนั้นก็จะไม่พูดถึงแต่จะถามว่ามีอะไรห้ามทำอะไรก็บอกผมแล้วกันถ้าผมรับได้ผมก็จะไปมาหาสู่ครับเพราะผมให้เกียติเจ้าของบ้าน
- ผมเคยถูกสอนมาว่าอย่าเอาความคิดของเราไปใส่หัวคนอื่น อย่าให้คนอื่นคิดเหมือนเรา........มันจะได้มีมุมมองที่แตกต่าง คือต้องเคารพคความคิดของทุกคน
- คิิดต่างแต่ต้องถ้อยที่ต้องอาศัยกันอะไรมันถึงจะมีบรรยากาศแห่งความอบอุ่น เอาใจเขาใส่ใจเราครองใจซึ่งกันและกัน
.........(อันนี้เป็นความเห็นของผมคนเดียว)......การเสนอถึง 10 post ผมไม่เห็นด้วยครับเพราะผมเชื่อว่าคนที่ไม่ถนัดที่จะ post มี และพอเห็นความคิดเห็นของพี่ modpong ที่ต้องมี 3 post เค้าก็อาจไม่ post เหมือนเดิมอาจะไม่ถนัด post ก็ได้อย่างนี้ผมจะคิดเป็นบวกครับ แต่ที่พี่ modpong เค้าบอก 3 post ก็ไม่มีปัญหาสำหรับ 1 ....post...ของผมครับ(จริงจริงผมก็ไม่ถนัด post เหมือนกัน)....แต่ผมถือว่ามันเป็นน้ำใจครับไม่คิดว่าเป็นเงื่อนไขด้วยซ้ำครับ สำหรับการ post ถึงมุมมองที่แตกต่างกันออกไป ของคุณ runningman สำหรับผมคืออีกมุมหนึ่ง..........(แต่สำหรับท่านอื่นผมไม่รู้ครับ) ถ้าเป็นไปได้ขออย่างเดิมคือน้ำใจที่ 3 post....ด้วยความเคารพทั้ง 2 ท่าน ทั้งพี่ modpong และ ท่าน runningman (ไปต่อด้วยกันครับ........ขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบครับ)

 

มาตามต่อครับอ้าย
นานาจิตตังครับ
กฏกติกา เป็นสิ่งที่เราต้องยอมรับ
เมื่อจะมาอยู่ในสังคมเดียวกันครับผม

 

เห็นด้วยตาม คุณstone1 และคุณพลศิริ. ครับ. ขอบคุณครับผม

 

ปูเสื่อรอตอนต่อไปครับอา

ขอบคุณสำหรับการถ่ายทอดความรู้ดีๆ ครับ

รออ่านมุมมองของพี่ stone1 เรื่องตะกรุดลูกอม หลวงปู่ใจด้วยครับ

 

ผมมานึกดู ตามที่พี่ modpong ว่า ลองเอาใจเขาใส่ใจเรา ผมเข้าใจความรู้สึกพี่นะ

มันไม่ใช่เขียนง่ายๆ ต้องคิด ต้องใช้สมอง ผมเชื่อบางครั้งพี่ก็ต้องค้นตำรามาทวน มันไม่ง่ายเลย แต่ถ้าเรานั่งเขียนๆไป แต่ไม่มีใครมาพูดคุยด้วย มันก็แน่ละมันจะรู้สึกว่า มานั่งเขียนทำไม คิดหัวแทบแตก

ตกลงครับ ตามพี่ว่ามา เพราะจริงๆอยากเขามาคุยกับพี่มาก แต่เกรงใจกลัวจะทำให้กระทู้เดินช้า เพราะมีคำถามมากมายเหมือนกัน ที่อยากรู้จากคนรู้จริง พี่น่ะของจริง เพราะผมตามข้อเขียนพี่มาตลอด

ยิ่งที่พี่บอก มันต้องเขียนให้ทะลุบ้องไปเลย ผมชอบใจมาก เพราะเราอาจได้คิดถึงรากฐานที่มาที่ไป ทำให้เรามีความรู้ มีสติ จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อ ของพุทธพาณิชย์ ดิ้นรนใฝ่หา หมดเงินหมดทองมากมาย เพราะขาดความรู้รากฐาน เชื่อคำพูด แรงเชียร์ ซึ่งผมเองก็โดนมาแล้ว

เข้าใจพี่ครับ เป็นผมให้ผมมานั่งเขียน นั่งคิด นั่งถ่ายทอดความรู้ อยู่คนเดียว ไม่มีใครมาพูดคุยด้วย เป็นผม ผมก็เลิก ติดตามต่อครับพี่

 

ส่วนคุณ runningman ผมออกความเห็นนิดนะครับ กระทู้นี้ มันมีตั้ง 338 หน้า มันเป็นทางเดินที่ยาวไกล ขาประจำของกระทู้นี้ จะรู้นิสัยใจคอกัน เหมือนพี่เหมือนน้อง ลูกศิษย์อาจารย์กัน เขาคุยกันรู้เรื่องดีครับ

เรื่องที่พี่ modpong ไม่หวังอะไรนี่ มันก็พูดยาก เพราะพี่เขาก็ไม่ได้ผลประโยชน์อะไร จากการถ่ายทอดความรู้

แต่ผมไม่รู้ว่า คุณrunningman เคยได้ยิน ความรู้สึกที่ว่า เกิดความสงสัยว่านี่ตรู สีซอให้ควายฟัง อยู่หรือเปล่า ซึ่งมันก็สงสัยกันได้ ถ้าเขียนๆไป แต่ไม่มีคนมาพูดคุย เพราะอย่างนั้น ผมว่ามองกันกว้างๆดีกว่าไหมครับ

 

เข้ามารายงานตัวค่ะพี่มด มัวแต่ป่วยอยู่นานไม่ได้เข้าเวบพลังจิต เพิ่งจะเข้ามาเริีมอ่านเรื่องมองโกลเมื่อวานนี้เองค่ะ

มาให้กำลังใจพี่ค่ะ เคยเขียนคนเดียวเหมือนกัน ไม่มีคนตอบโต้ บางครั้งเราไม่รู้ว่าคนอ่านคิดอย่างไร เห็นด้วยไม่เห็นด้วย คนเขียนอย่างเราก็ไม่ค่อยสนุกแล้ว หนูเข้าใจพี่ค่ะ

 

สวัสดีครับคุณอา....มาติดตามอ่านบทความดีๆทั้งสองเรื่องครับผม