ช้างเผือกในป่าอีสาน หลวงตาสมหมาย วัดป่าสันติกาวาส คำสอน/ประสบการณ์/วัตถุมงคล/ (ช่างชิต)

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย ช่างชิต, 21 ตุลาคม 2013.

  1. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    ....เวลาใครมาปรึกษาความทุกข์กับหลวงตาสารพัดเรื่อง สิ่งหนึ่งที่ท่านจะกำชับเสมอคือ "มันเป็นวิบากของเราบางทีมันเลี่ยงไม่ได้ ให้หมั่นทำบุญ ยึดมั่นในศีล และ ภาวนา พุทโธ ให้มีสติรู้เท่าทันปัญหา อย่าไปสร้างกรรมใหม่เพิ่มอีกมันจะไปกันใหญ่เด้" เรื่องราวข้างล่างเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการให้ผลของกรรม ที่หลวงตาสอนช่างชิตและญาติโยม
    ...........................
    "ผู้ชายคนหนึ่งสมัยหนุ่มๆเคยไปทำลูกนกตาบอด 4 ตัว พอตัวเองมีลูก ก็มีลูก4คนและก็ตาบอดทั้ง4คน คนไม่รู้ก็จะเข้าใจว่ากรรมของพ่อตกถึงลูก มันก็มีส่วนอยู่ แต่ไม่ถูกต้องทั้งหมด เพราะลูกที่ตาบอดก็มีกรรมตรงนี้อยู่แล้ว ประจวบกับมีกรรมเกี่ยวพันกับคนๆนี้(พ่อ)ก็เลยต้องมาเกิดเป็นลูกเขา การให้ผลของกรรมมันเลยจัดสรรให้มาเจอกันเพราะมีกรรมร่วมกัน" "ทุกคนก็ล้วนมีเหตุที่จะต้องรับผลของกรรมในแต่ละคน คอยดูอนาคตคนพ่อไม่ชาตินี้ก็ชาติหน้า ยังไงก็ต้องตาบอด แต่กรรมให้ผลแค่เบื้องต้นคือต้องมาเลี้ยงลูกตาบอด4คนก่อนเฉยๆ"
    .
    ‪#‎หลวงตากับพระอาจารย์สำเร็จ‬
    ‪#‎การให้ผลของกรรมเป็นอจินไตย‬
    ‪#‎การให้ผลของกรรมเมื่อแสดงผลบางครั้งกินระยะเวลายาว‬
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    "เวลากรรมให้ผลมันไม่ได้สั้นไม่ได้จบเป็นครั้งๆอย่างที่เราคิด เสมือนเมล็ดข้าวเมล็ดเดียวแต่พอปลูกเป็นต้นข้าวแล้วก็มีรวงข้าวมีเมล็ดเพิ่มขึ้นอีกมากมายหรืออย่างเราเดินไปเตะก้อนหินก็เป็นแผลก็เจ็บก็ปวดกว่าจะหายเป็นเดือนๆก็มี อย่าไปหาสร้างกรรมบาปเด้อ บางทีกรรมเรื่องเดียวส่งผลตลอดชาติก็ได้ เชื่อหลวงตานะจำไว้"
    ‪#‎ยิ่งทำกรรมหนักบาปมากยิ่งส่งผลนาน‬
    ‪#‎การให้ผลของกรรมเป็นอจินไตย‬
    ‪#‎งวดน่ามีเรื่องมาเล่าจะเขียนยาวๆละ‬
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. พระสารทะ

    พระสารทะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    1,402
    ค่าพลัง:
    +4,697
    เขาเรียกว่า ถลกบาตร หรือสลกบาตร นะนายช่าง ถ้าล้างแบบนี้ก็เป็นแบบปรกติธรรมดานี่นายช่าง แต่ต้องมีสติระมัดระวังเวลาล้างอย่างที่นายช่างว่านั่นแหละ ตอนแรกคิดว่ามีวิธีล้างบาตรแบบพิเศษที่เป็นธรรมเนียมวัตรปฏิบัติแบบสายพระป่า จึงได้ขอให้นายช่างช่วยอธิบายเพื่อให้เห็นภาพ เพราะเห็นว่าหลวงปู่ท่านถามนายช่างว่าล้างเป็นอยู่บ่บาตร ก็เลยอยากทราบว่ามีอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า ท่านจึงถามอย่างนั้น
     
  4. Nattawut8899

    Nattawut8899 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,413
    ค่าพลัง:
    +7,058
    เคยอ่านหนังสือ ว่าเวลาล้างบาตรเสร็จต้องยกขึ้นส่องด้วยครับ
    เเต่จำไม่ได้ว่าอ่านจากหนังสือที่ไหนครับ
     
  5. พระสารทะ

    พระสารทะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    1,402
    ค่าพลัง:
    +4,697
    เรียกว่าเถรส่องบาตร ความหมายคือการทำตามๆกัน โดยที่ไม่เข้าใจว่าทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไร เพราะสมัยก่อนนั้นพระจะใช้บาตรดินเผาเป็นส่วนใหญ่ ที่ต้องส่องดูก็เพื่อต้องการตรวจดูรูรั่ว หรือว่ามีรอยแตกร้าวตรงไหนบ้าง ถ้ามีรูรั่วหรือมีรอยแตกร้าวมาก พระพุทธเจ้าท่านทรงอนุญาตให้ถอนบาตรเก่า แล้วอธิษฐานบาตรใหม่ใช้ได้โดยไม่ผิดวินัย แต่ถ้ามีรูรั่ว หรือร้าวยังไม่มาก ก็ให้ใช้บาตรนั้นไปก่อน ฉะนั้นจึงต้องคอยส่องดูบ่อยๆ ว่าบาตรนั้นแตกร้าวมากจนพอที่จะทำการถอน และอธิษฐานบาตรใหม่ใช้ได้หรือยัง ทีนี้พระใหม่ บาตรก็ยังใหม่ ยังไม่มีรูรั่วหรือรอยร้าว แต่เมื่อเห็นพระเก่า ทำอย่างนั้น ก็ทำตามบ้าง โดยที่ยังไม่ได้สอบถามให้เข้าใจความหมายเสียก่อนว่า พระเก่าทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไร:cool:
     
  6. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    ขอบพระคุณมากครับ พระอาจารย์ ได้ความรู้เพิ่ม ผมก็ไม่รู้เลยว่าเค้าเรียกอะไร 555
     
  7. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    .....สวัสดีครับทุกท่าน วันนี้ช่างชิตจะมาเล่าถึงเหตุการณ์ที่ช่างชิตและแอดฌานเดินทางไปงานมุทิตาจิตหลวงปู่ไมมา ต้องบอกว่าฝนที่ตกและอากาศขั้วโลกเหนือผสมกับนอนกลางดินกินกลางทราย หัวใจจะวายมันหนาวเหน็บ 555++
    .....ในวันนั้น หลวงปู่ก็ปิติกับคนที่มาร่วมงานมากมาย ปีนี้หลวงตาเราไม่ได้ไปครับเพราะติดภาระกิจทางอื่นพอดี ในงานนี้ช่างชิตก็ได้พบเจอพี่ชายใจดีเพื่อนๆน้องๆกัลยาณมิตรที่จิตกุศล ยังไงต้องขอบคุณน้ำใจที่ทุกๆท่านมอบให้นะครับ ดีใจจริงๆ
    ......ต้องบอกว่าไปงานคราวนี้ ช่างชิตขอจับเข่าคุยกับพี่ชายใจดีที่อุปฐากหลวงตาและหลวงปู่ไม ว่าทำไมเพราะอะไรถึงมา "ลงใจ" อุปฐากหลวงตา รู้จักกันมานานละไม่เคยได้คุยกันจริงๆจังๆซักที บทสนทนาต่อไปนี้ เป็นการ "เปิดใจคุยกันของศิษย์ผู้รักและเคารพหลวงตา"
    ..................
    ชช "พี่ ถามจริงๆเลยนะ ทำไมถึงได้มากราบมาลงใจหลวงตา มันต้องมีเหตุละ ไม่งั้นคนเราไม่มาอุปฐากกันขนาดนี้หรอก"
    .
    พี่ "คือ...ผมคิดว่าท่านเป็นที่พึ่งพาของผมได้นะ เรื่องของเรื่องเมื่อปี 39 ผมมาอุดรแล้วเพื่อนที่กุมภวาปีบอกว่าจะพาไปกราบพระอรหันต์(พี่เขาหมายถึงหลวงตามหาบัว)ผมก็เลยพากันไปตักบาตรท่าน สมัยนั้นหลวงตาท่านเดินนำหน้าเลยนะเวลาตักบาตร เดินแข็งขันจีวรสะบัดเสียงพรึบๆมากันเป็นกองทัพเลย"
    .
    ชช "หลวงตามหาบัวเดินนำเองเลยหราพี่"
    .
    พี่ "ใช่ ตอนนั้นท่านก็เจ็ดสิบกว่าแล้วนะ แล้วคราวนี้เพื่อนผมก็บอกว่า มาแล้วไม่เสียเที่ยวเดี้ยวจะพาไปกราบพระอาจารย์องค์หนึ่ง(หลวงตาเรา)เขาว่าท่าน"จบกิจแล้ว"แต่ไม่เปิดตัวเพราะหลวงตามหาบัวยังอยู่ท่านไม่ข้ามหน้าครูบาอาจารย์ ผมกับเพื่อนก็พากันไปหาท่าน สมัยนั้นท่านอยู่วัดโคกใหญ่ พอไปถึงท่านถามว่ามาจากไหน ผมบอกว่ามาจากกรุงเทพ ท่านบอกมาทำไมไกล นู้นไปหาหลวงปู่หลอด(วัดใหม่เสนา)นู้น ไม่ต้องมาถึงนี้ ท่านบอกผมแบบนั้น"
    "หลังจากนั้นผมก็ไปกราบอุปฐากหลวงปู่หลอด ช่วงนั้นเวลางานวันเกิดหลวงปู่หลอดผมก็เจอหลวงพ่อทุกปี(พี่เขาเรียกหลวงตาว่าหลวงพ่อ) แล้วผมสร้างพระสร้างอะไรมา ก็มาขอให้ท่านช่วยเสก เวลาท่านเสกนะนานมากสามสี่ชั่วโมง องค์อื่นลุกหมดแล้วแต่หลวงพ่อยังนั่งอยู่"
    .
    ชช "แล้วหลังจากนั้น พี่กลับมาหาหลวงตาอีกได้ไงพี่"
    .
    พี่ "ผมอยู่กับหลวงปู่หลอดหลายปี ช่วงท้ายๆก่อนท่านละท่านไม่ค่อยสบาย ผมก็เลยกราบเรียนท่านตรงๆตอนอยู่สองต่อสองว่า หลังจากสิ้นหลวงปู่แล้ว ผมจะไปกราบรับใช้ครูบาอาจารย์องค์ไหน แล้วผมก็เอ่ยชื่อครูบาอาจารย์ไล่ไป"
    .
    ชช "ท่านว่าไงพี่" สีหน้าตื่นเต้น
    .
    พี่ "ท่านตอบว่า ไปหาสมหมาย พระดี ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ท่านก็ไม่พูดชื่อองค์อื่นอีก"
    .
    ชช "โอ้โห แล้วตั้งแต่มารับใช้หลวงตามีเหตุการณ์อัศจรรย์ใจเล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมพี่"
    .
    พี่ "สำหรับผมเรื่องที่ผมประทับใจที่สุดคือ ท่านสามารถทำให้น้าผมซึ่งตลอดชีวิตไม่กราบพระไหว้พระเลย(น้าพี่เขานับถือเทพเจ้าจีน) ยอมมากราบมาไหว้พระ ยอมกราบหลวงพ่อก่อนที่น้าผมจะเสีย"
    "หลวงพ่อสำหรับผม ผมว่าท่านเด่นเรื่อง "ปัญญามากๆ" ท่านเด่นเหมือนพระสังกัจจายน์"
    .
    ชช "เด่นยังไงพี่" *เรื่องนี้ไม่รู้จริงๆ
    .
    พี่ "พระสังกัจจายน์ปัญญาท่านมาก อย่าง ธรรมะอะไรที่พระพุทธเจ้าอธิบายยาวๆแล้วคนไม่เข้าใจ ท่านก็เอามาย่อสั้นๆจนคนเข้าใจ ธรรมะอะไรที่พระพุทธเจ้าว่าสั้นๆคนไม่เข้าใจ ท่านก็มาอธิบายยาวๆจนคนเข้าใจ ปัญญาท่านเป็นรองแต่พระพุทธเจ้านะ แต่ตอนนั้นมีพระสารีบุตรเป็นเลิศทางปัญญาแล้ว ท่านเลยไปเด่นในเรื่องอื่น ผมเชื่อแบบนี้นะ ผมเลยทำเหรียญกฐินหลวงพ่อมีรูปพระกัจจายน์ด้วยไง"
    ...................
    ...ก็เป็นอันจบบทสนทนาเรื่องนี้ นี้ละครับการที่คนๆหนึ่งจะทุ่มเทแรงกายแรงใจแรงทรัพย์ ลงใจศรัทธากับใครซักคน ย่อมต้องมีเหตุให้ "สนิทใจ" เพราะกาลเวลาจะพิสูจน์ว่า "อะไรของจริง" "อะไรราคาคุย" วันนี้ช่างชิตก็นำบทความนี้มาฝากทุกท่านเพราะเชื่อว่า ยุคนี้ ครูบาอาจารย์ดีๆยังมีอยู่ แต่พวกมิจฉาชีพหากินกับความเชื่อก็เยอะ
    .....ก่อนที่ท่านจะนับถือใครหรือสิ่งไหนก็ตาม "ขอให้มีความเชื่อบวกปัญญา" มันคือความ "ศรัทธา" แต่ถ้าสักแต่เชื่อแต่ไม่เอาปัญญาพิจารณาด้วย มันจะเป็นความ "งมงาย" ราตรีสวัสดิ์ครับ
    ‪#‎ผลงานบางส่วนที่พี่เขาสร้างถวายหลวงตา‬
    ‪#‎แหวนราชาพยัคฆ์65พรรษา‬
    ‪#‎พระกริ่งกมโล100ปี‬
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,411
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,046
    ...............................
    เคยฟังหลวงพ่อจรัญ ท่านบอกว่า กรรมมีดอกเบี้ยด้วย ธรรมะสวัสดีทุกๆท่านค่ะ
     
  9. อาณัติ

    อาณัติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2006
    โพสต์:
    6,078
    ค่าพลัง:
    +22,263


    วิบากกรรมมันเลี่ยงไม่ได้ แต่มัน(น่าจะ)ผ่อนหนักเป็นเบาได้ โดย "...ให้หมั่นทำบุญ ยึดมั่นในศีล และ ภาวนา พุทโธ ให้มีสติรู้เท่าทันปัญหา อย่าไปสร้างกรรมใหม่เพิ่มอีก มันจะไปกันใหญ่เด้"
     
  10. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    ถูกต้องนะคราบบบบบบบ
     
  11. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    ......คนเรานั้นย่อมมีความสงสัยเป็นธรรมดา เช่นกันกับเรื่องนี้ที่ช่างชิตสงสัยมาตั้งนาน จนในที่สุดปัญหาที่คาใจก็มีคนมาไขให้กระจ่าง บทสนทนานี้ช่างชิตสนทนากับพี่ชายใจดีที่เป็นลูกศิษย์หลวงตามากว่า 20 ปี พี่เค้าจะไขปัญหาเรื่องอะไร?? ช่างชิตสงสัยเพราะเหตุไหน?? มาติดตามกันเลยครับ
    ............
    ชช “พี่ มีอะไรอยากจะคุยด้วยหน่อย ออยไม่เคยไปคุยกับใครเลยนะ”
    .
    พ “มีอะไรว่ามาสิ”
    .
    ชช “พี่ว่าหลวงตาเหมือนคนอินเดียไหม พอดีไปเห็นรูปมหาตมะ คานธี แล้วนึกถึงหลวงตา 5555”
    .
    พ “พี่เคยได้ยินนะ จำไม่ได้ว่าใครเป็นคนเล่ามันนานละ คือ หลวงตาชาติก่อนๆในสมัยพุทธกาล ท่านเป็นคนอินเดียเป็นทหารในเมืองๆหนึ่ง และเคยฟังธรรมกับพระพุทธเจ้า แต่ไม่ใช่แบบใกล้ชิด เป็นแบบไกลๆ คือหลวงตาเป็นทหาร ก็ยืนดูแลความเรียบร้อยในวันที่คนมากมายมาฟังพระพุทธเจ้าเทศน์ ท่านก็ได้ฟังแบบไกลๆก็ซาบซึ้งแต่ก็ยังไม่บรรลุ”
    .
    ชช “ถึงว่าหลวงตาทำไม ชอบไปอินเดียบ่อยจัง โคตรลำบาก ทั้งที่พัก การอยู่การกิน การเดินทาง สบายก็ไม่สบาย กันดารสุดๆ แต่หลวงตาก็ไปบ่อยๆ ถ้าไม่มีจิตผูกพันท่านคงไม่ไป แล้วพี่มากราบหลวงตานานยังพี่”
    .
    พ “พี่รู้จักหลวงตามายี่สิบปีแล้ว กราบครูบาอาจารย์มาเยอะแต่ก็รู้สึกลงใจกับหลวงตาเป็นพิเศษ ครั้งหนึ่งเคยไปอินเดียกับท่านประมาณ10ปีที่แล้ว วันนั้นหลวงตาจะเอาพระพุทธรูป ไปถวายวัดพุทธศรีลงกา พระพุทธรูปก็หน้าตักไม่ใหญ่มากคือยกได้ แล้วตอนที่หลวงตาจะยกถวายเจ้าอาวาส ปรากฏว่ายกไม่ขึ้น หลวงตาก็ตั้งหลักใหม่ยกอีกจนตัวเอียงลอย พระไม่กระดิกเลย พระวางบนพานนะ แต่ไม่กระดิกเลย!!"
    "แล้วหลวงตาก็เหมือนจะสัมผัสอะไรได้ ท่านก็จับพระแล้วนิ่งไปซักครู่ใหญ่ๆ พี่ก็ถ่ายรูปไปด้วยนะตอนนั้น ซักพักหลวงตายกใหม่ คราวนี้ยกสบายเลย.......หลังจากนั้น ออยรู้ไหมว่าพอมาดูรูปที่ถ่าย ตอนหลวงตายกพระพุทธรูป มีดวงกลมๆใหญ่ๆอยู่บนหัวหลวงตา และมีดวงเล็กๆอยู่ตามรูปด้านล่าง มันแปลกมากมันไม่ใช่ฝุ่นนะ ดวงกลมๆใหญ่มันไม่ใช่ถ่ายติดฝุ่นแน่นอน”
    .
    ชช “แล้วมันเป็นอะไรอะพี่”
    .
    พ “พี่คุยกับหลวงตาท่านบอกว่า ตอนนั้นมีพวกวิญญาณที่อยู่นั้นไม่ยอมให้ท่านถวาย เขากลัวหลวงตาจะไม่แผ่บุญกุศลให้เขา เขาเลยดึงเอาไว้ มากันเยอะมาก มีหัวหน้าเหมือนเจ้าเมืองนำมา พอหลวงตาเมตตาอธิฐานแผ่เมตตาให้ เขาเลยอนุโมทนาด้วย ก็ถวายได้ พี่มีรูปนะแต่มันนานมาก เดี้ยวหาก่อนจะส่งให้ดู ไม่พูดลอยๆมีหลักฐาน 555”
    .
    ชช “โอ้ๆๆๆ สุดยอดครับพี่ อย่าลืมส่งมาให้ดูด้วยนะครับ”
    ...............................................
    #หลังจากนั้นพี่เค้าหาไฟล์ภาพแล้วนะครับ ปรากฏว่าไฟล์ภาพมันเสียกู้ไม่ได้เกือบทั้งหมด ได้มาไม่กี่ภาพ เลยเอามาให้ชมกันได้เท่านี้ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    ......ช่างชิตถามหลวงตาตอบ “พระเหาะได้”
    .
    .........มีวันหนึ่งช่างชิตได้ไปรับหลวงตาสารทที่สนามบินก็เลยถามหลวงตาดูว่าเคยได้ยินเรื่องเล่าเรื่องนี้ไหม
    .
    ชช “หลวงตาครับ หลวงตาเคยได้ยินเรื่องหลวงปู่จันทร์เรียน.เหาะข้ามภูเขาไหมครับ”
    .
    ลต สาท “ไม่เคยได้ยินนะ”
    .
    ชช “แล้วคนที่ปฏิบัติเหาะได้จริงๆหราครับ”
    .
    ลต สาท “มันก็ได้อยู่ พวกฤาษีมันก็เหาะได้แต่มันไม่ใช่ทางพ้นกิเลส สมัยก่อนพระด้วยกันนี้ละมาเล่าให้หลวงตาฟังว่า หลวงปู่บุญทัน(ลูกศิษย์หลวงปู่มั่น) ที่ท่านอยู่กบินบุรี เป็นเพื่อนกับหลวงปู่แหวน ท่านก็เหาะได้ เคยเหาะไปหาหลวงปู่ตื้อ แต่โดนหลวงปู่ตื้อเพ่งจิตจนตก ฮ่าๆๆ เขาว่าให้ฟังดอกนะ” ท่านว่าเสร็จก็ยิ้มหัวเราะ
    .
    ชช “แสดงว่าพลังจิตหลวงปู่ตื้อสูงมาก”
    .
    ลต สาท “ใช่ หลวงปู่บุญทันท่านมรณะตอนปี 27 หลวงปู่มั่นท่านก็เคยว่าหลวงปู่บุญทันนะว่า “ไม่เห็นผีเสื้อมันไปนิพพานนะ” หลวงปู่มั่นท่านก็ว่าเอาอยู่"
    .
    .........หลังจากนั้นพอมาถึงที่พักหลวงตาสาทก็มากราบหลวงตา หลวงตาก็บอกให้ไปพักผ่อน หลวงตาเองก็จะไปสรงน้ำช่างชิตก็ตามหลวงตาไปอุปฐากท่านต่อ พอมีโอกาสตอนนวดหลวงตาก็กราบเรียนถามท่าน ด้วยคำถามเดียวกันกับที่ถามหลวงตาสาท หลวงตาก็ตอบว่า
    .
    ลต “ไม่เคยได้ยินนะ แต่ท่านเคยเล่าให้แค่ว่า สมัยก่อนภาวนาบนถ้ำพอลืมตามาดันมาอยู่ข้างล่างแล้วท่านว่างั้น "
    .
    ชช “อ๋อครับ เคยอ่านประวัติหลวงปู่เสาร์ว่าท่านก็เหาะได้นิครับ”
    .
    ลต “ท่านก็นั่งภาวนาแล้วมันก็ลอยขึ้นไปเฉยๆในประวัติท่าน แต่สมัยหลวงปู่มั่นท่านเคยเล่าให้หลวงปู่ขาวฟังว่า ท่านไปดอยสุเทพไปเจอสำนักสงฆ์ที่หนึ่งเจ้าสำนักชื่อ อาจารย์ภา(พรรษาสูงกว่าหลวงปู่มั่น)สำนักนี้จะบำเพ็ญภาวนาแบบฤาษี แต่วิธีการแบบไหนหลวงตาไม่รู้นะ หลวงปู่มั่นได้ยินมาว่าอาจารย์ภาเหาะได้ ก็อยากให้อาจารย์ภาเหาะให้ดู แต่พรรษาท่านน้อยกว่าก็เกรงใจ อาจารย์ภาท่านก็คงเหมือนจะรู้ก็บอกหลวงปู่มั่นว่า ลูกศิษย์ท่านก็ทำได้ หลวงปู่มั่นเลยขอให้ลูกศิษย์อาจารย์ภาทำให้ดู พระรูปนั้นก็ออกตัวว่า ตบะบารมียังน้อยเหาะได้นิดๆหน่อยๆแต่จะทำให้ดูนะ ก็ครองจีวรห่มผ้าเรียบร้อยก็ไปยืนภาวนาที่ลานโล่งๆ"
    "ซักพักพระรูปนั้นก็เหาะขึ้นลงๆเหาะไปถึงยอดไม้ก็ลง แป๊ปๆก็หยุดแล้วบอกหลวงปู่มั่นว่าพอแล้ว หลวงปู่มั่นท่านก็มาเล่าให้หลวงปู่ขาวฟัง ท่านยังว่าสำนักแห่งนี้กินมังสวิรัติด้วย แล้วก็มีพระที่นั่งฟังอยู่ด้วยพูดแทรกท่านขึ้นมาว่า ทำไมพวกเราไม่ฝึกแบบนั้นบ้าง หลวงปู่มั่นท่านก็ว่า “ไม่เห็นตัวด้วงมันจะไปนิพพาน” ว่าแล้วหลวงตาก็ยิ้มตามสไตล์
    ลต “สมัยพระพุทธเจ้า พระปิณโฑลภารทวาชเถระ เหาะขึ้นไปเอาบาตร ก็โดนพระพุทธเจ้าตำหนิ แล้วท่านก็ออกกฏห้ามพระภิกษุแสดงฤทธิ์”

    .
    ชช “เรื่องเป็นยังไงครับหลวงตา”
    .
    ลต “ที่เมืองราชคึกเจ้าเมืองต้องการทราบว่า พระอรหันต์ มีจริงอยู่ไหม ก็เอาบาตรไปผูกบนยอดไม้แล้วประกาศว่า “ภายใน 7 วันถ้าพระอรหันต์มีอยู่จริงขอจงให้เหาะไปเอาบาตรลงมาให้เห็นเป็นบุญตาด้วยเถอะ ไม่งั้นก็จะถือว่าพระอรหันต์ไม่มีจริง” พวกนักบวชลัทธิต่างๆก็ทำท่าทำทางเหมือนจะเหาะไปวันแล้ววันเล่า ก็ไม่มีใครเหาะไปจริงๆซักที จนมาถึงวันสุดท้ายพระมหาปิ่นโทนจึงขอโอกาสพระโมคลานะเหาะไปเอาบาตร"
    "แล้วพระมหาปิณโฑลก็ออกไปยืนบนลานหินแล้วเหาะโดยมีหินแผ่นใหญ่ติดฝ่าเท้าไปด้วย เหาะรอบเมืองสามรอบแล้วจึงไปเอาบาตรก่อนเอาไปถวายพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าท่านก็ทรงตำหนิว่า “ไม่ควรกระทำแบบนี้อีก เพราะมันจะทำให้คนมัวเมาไปกับฤทธิ์กับเดชไม่มุ่งหวังขจัดกิเลสไปนิพาน ท่านจึงออกเป็นธรรมวินัย พระที่แสดงอิทธิฤทธิ์จะต้องอาบัติปาจิตตี” “

    .
    ชช “อ๋อ ครับ หลวงตา”
    .......................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • download.jpg
      download.jpg
      ขนาดไฟล์:
      4.5 KB
      เปิดดู:
      56
  13. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    ...จากเรื่องที่ได้เล่าไปนั้น ผู้ที่เหาะเหินเดินอากาศได้ก็คือได้ "ฌานอภิญญา" หรือเป็นผู้ได้ "อภิญญา 5" ส่วนอภิญญา 5 มีอะไรบ้างอ่านข้อมูลด้านล่างนี้เลยครับ
    .
    1. อิทธิวิธี คือ แสดงฤทธิ์ต่างๆ ได้ เช่น เหาะ , เหิน , เดินอากาศ , เดินทะลุกำแพง , ดำดิน , เดินบนน้ำ , เอามือไปลูบพระอาทิตย์ , หายตัวได้ เป็นต้น ทำได้ด้วยฌานสมาบัติ ไม่ใช่คาถาอาคมเหมือนวิชาไสยเวทของวิทยาธร
    .
    2. ทิพพโสต คือ หูทิพย์ , สามารถฟังภาษาสัตว์ต่างๆรู้เรื่องได้
    3. เจโตปริยญาณ คือ ญาณที่รู้ใจคนอื่นได้ รู้ความคิดของผู้อื่นได้ ทายใจคนอื่นได้
    .
    4. ปุพเพนิวาสานุสติญาณ คือ ญาณที่ทำให้ระลึกชาติได้ รู้เรื่องราวในอดีตของตัวเองได้
    .
    5. ทิพพจักขุ คือ มีตาทิพย์ , มองเห็นทั้ง 3 ภพ โลก นรก สวรรค์ ฯลฯ
    .
    .......ผู้ที่ได้ อภิญญา 5 ยังไม่ได้ชื่อว่าเป็นผู้หมดกิเลสอาสวะ เป็นแต่เพียงข่มกิเลสมิให้แสดงออกมาเท่านั้น
    .
    .....มีแต่ผู้ที่ได้ อภิญญา 6 หรือ "พระอรหันต์" เท่านั้นจึงจะหมดกิเลส อาสวะ ได้โดยสิ้นเชิง ถึงที่สุดแห่งทุกข์คือ พระนิพพานได้
    ....อภิญญาข้อที่ 6 คือ อาสวักขยญาณ คือ ญาณที่ทำให้ กิเลส อาสวะ หมดสิ้นไป จนเป็นพระอรหันต์ในที่สุด
    ............................
    .....พระอรหันต์ คือผู้ที่ดับกิเลส จนสิ้นเชื้อไม่เหลือเศษ ไม่สามารถมีอะไรปรุงแต่งจิตของท่านได้อีกต่อไป จึงทำให้ ไม่ต้องไปเกิดในภพใดๆ อีกต่อไป เป็นการสิ้นสุด การเดินทางในวัฏฏสังสารอันยาวนาน พระอรหันต์เอง ก็มีหลายแบบ สามารถแบ่งได้ 4 ประเภท ตามสิ่งที่ได้มาด้วยพร้อมการบรรลุอรหันต์ คือ
    .
    1) พระอรหันต์แบบ "สุขวิปัสสโก" คือ บรรลุอรหันต์ได้ด้วยการ เน้นการเจริญวิปัสสนา พอบรรลุอรหันต์แล้วก็จะไม่มี option พิเศษใดๆติดมาพร้อมการบรรลุเลย
    .
    2) พระอรหันต์แบบ "เตวิชโช" คือ ได้ วิชชา 3 มาพร้อมกับการบรรลุอรหันต์
    วิชชา 3 ได้แก่
    - บุพเพนิวาสานุสติญาณ คือ ญาณในการระลึกชาติได้
    - จูตูปปาตญาณ คือ ญาณในการรู้เห็นการเกิด การตายของสัตว์ทั้งหลาย
    - อาสวขยญาณ คือ ญาณในการกำจัดกิเลสให้สิ้นไป
    .
    3) พระอรหันต์แบบ "ฉฬภิญโญ" คือ ได้ อภิญญา 6 มาพร้อมกับการบรรลุอรหันต์ อภิญญา 6 ได้แก่
    - แสดงอิทธิฤทธิ์ได้เช่น เหาะเหิร เดินอากาศ หายตัว ฯลฯ
    - มีหูทิพย์ (ทิพยโสต)
    - ระลึกชาติได้ (บุพเพนิวาสานุสติญาณ)
    - รู้วาระจิตผู้อื่นได้ หรือ อ่านใจคนอื่นได้ว่าคิดอะไร (เจโตปริยญาณ)
    - มีตาทิพย์ (ทิพยจักขุ)
    - อาสวขยญาณ
    .
    4) พระอรหันต์แบบ "ปฏิสัมภิทัปปัตโต" คือ ได้ ปฏิสัมภิทาญาณ 4 อย่างมาพร้อมกับการบรรลุอรหันต์ ปฏิสัมภิทาญาณทั้ง 4 ได้แก่
    - ความแตกฉานใน อรรถ
    - ความแตกฉานใน ธรรม
    - ความแตกฉานใน ภาษา
    - ความแตกฉานใน ปฏิภาณ
    .........ดังนั้นจะเห็นได้ว่า แม้แต่พระอรหันต์เองก็ยังมีความแตกต่าง อันนี้ก็ขึ้นกับ บุญญาธิการของท่านที่ท่านได้สร้างไว้ใน ชาติก่อนๆ ด้วย ดังนั้นจึงเป็นไปได้ที่พระอรหันต์บางรูปท่านไม่รู้และไม่แตกฉานในพระอภิธรรมปิฏก
    ......อภิญญา 5 อย่างแรกนั้น พวกฤาษี ชีไพรทั้งหลายก็สามารถทำได้ แต่
    อาสวขยญาณนั้นจะเกิดกับพระอรหันต์เท่านั้น ฉะนั้น แม้เจอคนเหาะได้หรือพระเหาะได้ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็น "พระสุปฏิปันโนผู้หลุดพ้นนะจ๊ะ" จบบริบูรณ์
    .
    ‪#‎ภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น‬
    ‪#‎ขอบคุณข้อมูลความรู้จากกูเกิ้ล‬
    ‪#‎ต้นกำเนิดสิกขาบทห้ามพระแสดงฤทธิ์และห้ามพระใช้บาตรไม้‬
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 243926.jpg
      243926.jpg
      ขนาดไฟล์:
      82.8 KB
      เปิดดู:
      92
  14. อนาคินร์

    อนาคินร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    271
    ค่าพลัง:
    +1,437
    สาธุสาธุ!! อนุโมทนาคราฟ...แวะเข้ามาเยี่ยมชม สวัสดีนายชั่งและพี่ๆกัลยาณมิตรทุกท่านครับ...(deejai)(good)denceedencee
     
  15. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    .........เวลาอยู่กับหลวงตา สมัยก่อนไม่รู้ภาษาอะไรหรอกครับ ตามประสาเด็กน้อย แต่เดี้ยวนี้ช่างชิตจะต้องระวังจิตและมีสติอยู่เสมอ เพราะทุกอย่างที่หลวงตาคุยกับช่างชิตไม่ว่าเรื่องอะไร "ล้วนเป็นธรรมะ" ทั้งสิ้น อย่างในเหตุการณ์นี้ นึกทีไรก็ได้แต่ขำ เลยเอามาเล่าสนุกๆให้สมาชิกทุกท่านได้แบ่งปันรอยยิ้มแฝงคำสอนกัน
    .........ครั้งหนึ่งช่างชิตคุยกับหลวงตาตอนที่ท่านอธิฐานจิตเหรียญ ปัญญาอิทธฤทธิ์ "หลวงตาครับหลวงตาเสกให้ปืนแตกเลยนะครับ" ท่านก็ตอบ "แตกอยู่แล้วเอานิ้วเข้าไปกดไกมันก็แตกดัง ปัง!! " เจอหลวงตางวดหน้าก็เอาอีก "หลวงตาครับเอาให้ระเบิดด้านเลยนะครับ" ท่านก็ว่า "เหยียบลงมันก็ตู้ม!! ทันที"
    .........สองครั้งสองครา คิดว่าช่างชิตจะยอมไหมครับ ไม่มีทาง หน้าด้าน 5555++ งวดอธิฐานจิตข้ามปีช่างชิตเอาอีก "หลวงตาอัดพลังให้ดังพลิกแผ่นดินเลยนะครับ" หลวงตาก็ยิ้ม "มันจะไปยากอะไร ถือจอบไปหาพื้นดินโล่งๆแล้วสับลงไปโลด ดึงขึ้นมามันก็พลิกแล้วแผ่นดิน" งวดนี้ฮาครับ เพราะเจอดอกนี้ไป ช่างชิตสตั้นไป 5 วิ ไปต่อไม่ถูก 5555++
    .........หลายท่านอ่านมาจนถึงตรงนี้ ถ้าไม่คิดอะไรก็คงมองเป็นเรื่องขำขัน แต่ถ้าเอาปัญญาจับพิจารณาจะเห็นเลยครับว่า "หลวงตาสอนให้มีเหตุมีผล สอนให้อยู่กับความเป็นจริง มีสติไม่ประมาทในทุกเวลา(ปืน ระเบิด) สอนให้ใช้ปัญญาในการแก้ไขสถานะการณ์(พลิกแผ่นดิน)"
    ........นั้นคือที่ช่างชิตพิจารณาคร่าวๆเป็นเบสิคที่สามารถนำมาใช้ได้จริงในชีวิตประจำวันนะครับ ส่วนใครจะพิจารณาแบบไหนยังไงให้เหมาะกับตนก็ up to you ช่างชิตก็มาเล่าสู่กันฟังสนุกๆ
    .
    ‪#‎เครดิตภาพพี่พรชัย‬
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_7550.JPG
      IMG_7550.JPG
      ขนาดไฟล์:
      422.4 KB
      เปิดดู:
      52
  16. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    นานๆมาเล่นในคอมทีต้องจัดหนักๆ ช่างชิตเอาข่าวสารอัพเดตของกัลยาณมิตรที่ส่งในเฟสมาบอกต่อกันนะครับ
    ...................
    ......ขออนุญาตแจ้งข่าวครับ ด้วยผมได้รับพระเหรียญ"ปัญญาอิทธิฤทธิ"ที่ญาติธรรมทั้งหลายร่วมกันจัดสร้างและส่วนหนึ่งมอบให้แก่ จนท.ผู้ปฏิบัติงานที่3จว.ชายแดนใต้นะครับ ซึ่งช่างชิตได้ฝากให้ผมเป็นสะพานธรรมต่อให้นั้น ตอนนี้ถึงมือ จนท.ที่3จว.แล้วนะครับ ซึ่งเมื่อปลายเดือนเพื่อนผมมารับพระ และทำธุระที่บ้าน เพิ่งลงไปทำงาน กำลังแจกจ่ายนะครับ เดี๋ยวรวบรวมภาพที่แจกไปครบแล้วจะนำมาลงให้อีกรอบครับ
    ปล.1 # ภาพนี้ตอนเพื่อนมารับพระครับ ปฏิบัติหน้าที่ชุดสลาตัน กก.ตชด.44 ซึ่งปกติจะไม่ค่อยได้ทำงานกลางวันครับ ส่วนมากกลางคืน ปิดล้อมตรวจค้นตามบ้านเป้าหมาย ปกติจะออกปฏิบัติงานทุกคืนครับ ร่วมกับทหารหน่วยต่างๆ
    ปล.2 # แต่ละฐานปฏิบัติการหรือว่าหน่วยปฏิบัติจะอยู่ห่างกันมากครับ ทั่ว 3 จว.เลยทำให้การแจกจ่ายพระต้องใช้เวลานิดนึงครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. อนาคินร์

    อนาคินร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2013
    โพสต์:
    271
    ค่าพลัง:
    +1,437
    อนุโมทนา สาธุสาธุ!!! sleeping_rb
     
  18. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    ....ก่อนหลวงตาจะเดินทางไปอินเดียกับคณะหลวงปู่หลอ ช่างชิตเข้าไปกราบหลวงตา ที่บ้านพัก พอเข้าไปจังหวะนั้นหลวงตาท่านก็สนทนากับพี่คนหนึ่งอยู่จับใจความได้เรื่องการ ปฏิบัติภาวนา พอช่างชิตนั่งลงซักพักก็ได้ยินท่านกล่าวถึงครูบาอาจารย์สมัยก่อน
    .
    "หลวงปู่จันทาท่านฝึกความเพียร ยืนภาวนา 7 วันติด ท่านก็อยู่ได้ ไม่ผอมไม่โทรม เพราะอิ่มในสมาธิพักในสมาธิ"
    .
    ......หลังจากนั้นหลวงตาก็พูดถึงตัวท่านเองในเรื่องการปฏิบัติสมัยก่อนว่า
    .
    "พอตั้งสัจจะว่าจะเดิน(จงกรม)ต่อเนื่องกัน 5 วันไม่หยุดก็ลงมือทำเลย เดินไปเดินมาอยู่แบบนั้นกำหนดจิตกำหนดสติพอได้วันที่4 เดินๆอยู่ก็ทรุดล้มลง"
    .
    "ทำไมละครับหลวงตา" มีประโยคเชื่อมเอ่ยสวนขึ้น
    .
    "เหตุเพราะสติมันหลุด สติไม่ต่อเนื่องกัน สมาธิขาดก็ส่งผลถึงร่างกาย เหมือนคนป่วยละ ร่างกายป่วยแต่กำลังใจดีสติดีมันก็คงสภาพไว้ได้ แต่ถ้าสติขาดกำลังใจหมดตอนไหนร่างกายก็ทรุดเลย อย่างที่หลวงตาเดินจงกรมล้มนิ ถ้าตอนนั้นสติต่อเนื่องสมาธิแน่วแน่มันก็ไปได้เรื่อยๆ ร่างกายมันอิ่มมันทรงในสมาธิอยู่(ไม่อ่อนล้าแม้เดินมา4วันติดต่อกัน)แต่พอสติขาดช่วง ร่างกายก็ทรุดก็ล้มเลย".
    .
    ....นี้เป็นแค่บางช่วงบางตอนที่หลวงตาเมตตาเล่าความหลังสมัยทำความเพียรสู้กับกิเลสให้ลูกศิษย์ฟัง อย่างที่บอกครับว่ากว่าจะมาเป็นครูบาอาจารย์คนนั้น มันยากลำบากขนาดไหนไม่ใช่นั่งกินนอนกินแล้วจำตำรามาสอน แต่ถึงจะยากลำบากขนาดไหนถ้าผ่านมาได้มันก็ "จบ". เหมือนอย่างประโยคที่ครูบาอาจารย์(จำไม่ได้ว่าองค์ไหน)ท่านได้กล่าวเอาไว้ว่า
    "เรียนทางโลกเรียนยังไงก็ไม่มีวันจบ แต่เรียนทางธรรม จบแล้วจบเลย"
    .............
    #ภาพหลวงตากับหลวงปู่จันทา
    ‪#‎ระดับภูมิจิตภูมิธรรมไม่เหมือนลำดับขั้นของบริษัทขายตรง‬
    ‪#‎เป็นแล้วเป็นเลยไม่ต้องหายอดรักษายอดทุกๆเดือน‬
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    .....สวัสดีครับทุกท่านไม่ได้เข้ามาหลายวันช่างชิต จะจัดบทความหนักๆยาวๆไปเลย สมกับนานๆมาที ยังไงก็จะไปอ่านบทความต่างๆมี เรื่องในใจอยากจะเล่าสู่กันฟังหน่อยครับ
    ....ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาช่างชิตได้รู้ความจริงบางเรื่อง ที่ทำให้ช็อค! เรื่องนี้เป็นเรื่องของพระรูปอื่นไม่เกี่ยวอะไรกับหลวงตานะ แต่ช่างชิตก็นับถือมากทำให้นอนไม่หลับไปหลายวัน ก็มานั่งคิดนอนคิดว่ามีอะไร "ที่ช่างชิตจะพอพูดคุยกับพี่ๆน้องๆในกลุ่มได้บ้าง" คิดจนตกผลึกและขอ "ทำในสิ่งที่พอจะทำได้ผ่านบทความนี้"
    ...ขอคุยเปิดอกซักเรื่องหน่อยละกัน ตอนที่เขียนเรื่องหลวงตาช่วงแรกๆ เวลาไปเจอกลุ่มลูกศิษย์ของครูบาอาจารย์องค์อื่นที่มีชื่อเสียงโด่งดัง แล้วช่างชิตเอาพระหลวงตามอบให้เขา บอกเขาว่า "ช่างชิตเป็นลูกศิษย์หลวงตาสมหมาย" เขากับทำหน้าไม่รู้จัก ทำหน้า งงๆ และก็รับไปโดยมารยาท บางคนปฎิเสธ ไม่รับเลยก็มี...!!
    ....บางครั้งช่างชิตก็คิดน้อยใจเล็กๆ ทำไมหลวงตาไม่เด่นไม่ดังไม่มากปาฏิหาริย์เหมือนองค์อื่นๆ. ไม่มีเรื่องอะไรแบบ หือๆ หาๆ มากๆอย่างเขาบ้าง "ทำไมหลวงตาเรียบง่ายสมถะแบบนี้" ช่างชิตก็คิดแบบนั้นจริงๆนะช่วงนั้น เปิดอกคุยเลย
    .....จนเวลาผ่านไป ผ่านไป ได้พบเจอผู้คนมากมาย ได้พูดคุยกับหลายๆท่านที่เคยอยู่กับครูบาอาจารย์องค์อื่น "แต่สุดท้ายก็มาลงที่หลวงตา"
    *****......ทุกวันนี้ช่างชิตไม่มีความรู้สึกน้อยใจเลยครับ.....*****
    .....ภูมิใจที่สุดที่ได้เป็นลูกศิษย์หลวงตา ภูมิใจในความเรียบๆง่ายๆสมถะของท่านแต่แฝงด้วยความเมตตาจนหาที่สุดมิได้ ภูมิใจที่ท่านเมตตาสั่งสอนญาติโยมโปรดญาติโยมทุกระดับ สอนทำทานยันสอนวิปัสสะนาละกิเลส (และเรื่อง หือๆ หาๆ ก็มีพอสมควร อยู่ที่จะไปเจาะข้อมูลมาได้แค่ไหม)
    ......ช่างชิตชอบคำพูดของพี่ที่เคารพท่านหนึ่งมากๆ(พี่เขาผ่านมาเยอะเจ็บมาเยอะ)ที่เคยเอ่ยกับช่างชิตว่า "ชีวิตพี่สัมผัสครูบาอาจารย์มามาก บอกได้คำเดียวเลยว่า หลวงตาท่านบริสุทธิ์มากจริงๆพี่สนิทใจที่สุด พี่เข้าใจคำพูดของเจ้าคุณนรก็ตอนที่ได้เข้ามาสัมผัสกับหลวงตานี่ละ "ของจริงนิ่งเป็นใบ้ของพูดได้มักไม่จริง" "
    ......จากบทความข้างบนช่างชิตพูดได้เต็มปากและกล้าเอา "ชีวิตเป็นประกัน"เลยครับว่าทุกท่านที่ได้กราบได้ร่วมบุญได้มีวาสนาร่วมสร้างกุศลกับหลวงตา แม้จะเพียงครั้งเดียว "ท่านได้ทำกับ พระที่เป็นพระอริยะเจ้า พระสุปฏิปันโน จริงๆ". จากเรื่องที่ช่างชิตเจอมาช่างชิตพูดกับทุกท่านได้แค่นี้ละ.
    .......ใครจะเชื่อไม่เชื่อ ใครจะเกลียดช่างชิตหาว่าอวยครูบาอาจารย์ตัวเองตามใจครับ เพราะรักจึงบอก พูดได้เท่านี้จริงๆ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. ช่างชิต

    ช่างชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +6,109
    ...มีวันหนึ่งหลวงตาเมตตาเล่าเรื่องสมัยท่านอยู่วัดโคกใหญ่ว่า
    .
    "สมัยหลวงตาอยู่วัดโคกใหญ่ปี253..(ลืม).. มีพระองค์หนึ่งมาบวชกับหลวงตาได้ 3 พรรษา ในพรรษาที่3นี้ ช่วงเข้าพรรษาเขาอธิฐานว่าจะไม่นอนจะอยู่ในอริยาบท3(เดิน ยืน นั่ง ห้ามนอน)ตลอดเข้าพรรษา หลวงตาก็จับตาดูนะ ดูพฤติกรรมว่าจะทำตามที่พูดไหม เขาก็ทำได้นะ ในแต่ละวันพอฉันเช้าเสร็จ เขาก็เข้าสมาธิเวลานั่งเขาก็นั่งไม่มีสัปหงก บ่ายสามก็ออกสมาธิมาทำข้อวัตรต่อ(กวาดวัด)"
    "กลางคืนก็เดินก็นั่งตลอดคืน ทำแบบนี้ได้ตลอดเข้าพรรษา ร่างกายก็ไม่ผอมไม่โทรม เพราะเวลาเข้าสมาธิมันอิ่มมันพักในสมาธิมันปิติอยู่ในนั้น ออกพรรษาแล้วเขาก็ไม่หยุดนะ อยู่ในอริยาบท3ไปอีกเรื่อยๆจนได้ 7 เดือนกว่าๆ(ทำได้ไง ยอดมนุษย์อะ)จะเข้าพรรษาที่4"
    "อยู่ดีๆก็มาขอหลวงตาสึก หลวงตาก็ถามว่าจะสึกทำไมละ เขาบอกว่าเขาตั้งใจจะบวชแค่3พรรษาถ้าอยู่เกินนั้นจะบวชตลอดชีวิต พอจะเข้า4พรรษาเลยรีบมาสึก หลวงตาก็นึก โอ้ยเนาะ 5555 ยังมาตายเพราะอุบายกิเลสอีก"
    "นี้ละถึงบอกว่า ได้สมาธิอย่างเดียว มันไม่ละกิเลสไม่ละความหลง การปฏิบัติเพื่อละ เรามีศีลเป็นฐานพอได้สมาธิแล้วต้องเดินปัญญาพิจารณาเพื่อขจัดกิเลสออก ถ้าติดในสมาธิมันก็สุขอยู่ แต่มันก็ได้แค่นั้น อย่างพระองค์นี้หลวงตาบอกให้เดินปัญญาพิจารณาต่อ เขาก็ไม่ได้ ไม่เอาเลย สุดท้ายก็สึกไปเฉยๆ" .......
    .
    ‪#‎เสียดายเนาะอุตส่าห์ทำได้ขนาดนั้น‬
    ‪#‎ไม่นอน7เดือนต้องบอกว่าไม่ธรรมดาจริงๆ‬
    ‪#‎ช่างชิตนั่งสมาธิได้นานมากนะ10นาที‬ 5555
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...