ตลิ่งจะพัง แผ่นดินถิ่นอธรรมจะถล่มเป็นทะเล

ไฟป่าแคนาดาโหมไหม้รุนแรง ผลาญพื้นที่กว่า 46,000 ไร่​

​

แคนาดา 5 พ.ค. – สถานการณ์ไฟไหม้ป่าในแคนาดายังรุนแรงต่อเนื่อง เปลวไฟเผาทำลายสิ่งปลูกสร้างเสียหายแล้วกว่า 1,600 หลัง ส่งผลกระทบถึงสนามบินที่อยู่ใกล้เคียง

สถานการณ์ไฟไหม้ป่าในพื้นที่เมืองฟอร์ตแมคเมอร์เรย์ รัฐอัลเบอร์ตา ตั้งแต่ช่วงวันอาทิตย์ ยังรุนแรงต่อเนื่อง เพราะกระแสลมแรงและสภาพอากาศแห้งแล้ง ยิ่งส่งผลให้ความพยายามดับไฟยุ่งยากมากขึ้น เปลวไฟเผาผลาญพื้นที่ป่าแล้วมากกว่า 46,000 ไร่ สิ่งปลูกสร้างเสียหายกว่า 1,600 หลัง ทางการท้องถิ่นระดมกำลังเจ้าหน้าที่ดับเพลิงกว่า 100 นาย พร้อมอุปกรณ์ดับเพลิงจำนวนมากเข้าดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ชาวบ้านมากราว 88,000 คน หรือเกือบทั้งเมืองถูกสั่งให้อพยพและยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต คาดว่าเปลวไฟยังรุนแรงต่อเนื่อง และจะเลวร้ายลงอีกในวันนี้ เพราะกระแสลมแรงพัดเปลวไฟเคลื่อนไปทางเหนือและตะวันออกของเมือง ส่งผลให้สนามบินที่อยู่ใกล้เคียงได้รับผลกระทบ ต้องระงับการบินจำนวนมาก

ขณะที่เมืองฟอร์ตแมคเมอร์เรย์ ศูนย์กลางอุตสาหกรรมผลิตน้ำมันจากชั้นทราย ก็ได้รับผลกระทบต้องอพยพแรงงานออกนอกพื้นที่ ด้านนายกรัฐมนตรี จัสติน ทรูโด แห่งแคนาดา ต่อโทรศัพท์ถึงมุขมนตรีรัฐอัลเบอร์ตา เพื่อเสนอความช่วยเหลือจากรัฐบาลกลาง พร้อมกล่าวผ่านทวิตเตอร์ส่งกำลังใจไปยังประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติไฟป่า ขอให้ชาวบ้านทุกคนปลอดภัย และปฏิบัติตามคำสั่งอพยพอย่างเคร่งครัด. – สำนักข่าวไทย

คลื่นซัดซากสัตว์ทะเลลอยเกลื่อนหาดชิลี​

​

ซันติอาโก 5 พ.ค. – กองซากวาฬ ปลาแซลมอน และซาร์ดีนถูกคลื่นซัดมาเกยชายหาดหลายแห่งของชิลีทางมหาสมุทรแปซิฟิกช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ซึ่งกล่าวกันว่าเป็นเพราะปรากฏการณ์เอลนีโญ

เมื่อปีที่แล้วนักวิทยาศาสตร์พากันตกใจเมื่อมีกองซากวาฬกว่า 300 ตัวอยู่ทางอ่าวห่างจากชายฝั่งทางภาคใต้ ซึ่งถือเป็นปรากฏการณ์ที่พบกองซากสัตว์ทะเลครั้งแรกและมีต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปีนี้ รวมทั้งซากแซลมอน 40,000 ตัน มายังลอสลากอส ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 12 ของการผลิตแซลมอนในชิลี ที่นับเป็นผู้ผลิตรายใหญ่อันดับสองของโลกรองจากนอร์เวย์ ในขณะที่นักวิทยาศาสตร์หลายคนกล่าวโทษปรากฏการณ์เอลนีโญ แต่มีบางคนที่คิดว่าเป็นระบบชีววิทยาตามธรรมชาติ และจากการศึกษาพบว่า อาจเป็นเพราะการทำประมงมากเกินไปและพบปริมาณสารพิษมากขึ้นที่อาจส่งผลต่อที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเล ส่วนอิทธิพลจากปรากฏการณ์เอลนีโญลดลงแล้ว .-สำนักข่าวไทย

บราซิลเผยไวรัสซิกาเป็นสาเหตุทารกศีรษะเล็กเกือบ 1,300 คน​

​

บราซิเลีย 5 พ.ค. – เจ้าหน้าที่บราซิลกล่าวว่า ไวรัสซิกาที่แพร่ระบาดในบราซิล มีส่วนทำให้ทารกแรกเกิดศีรษะเล็กผิดปกติจำนวน 1,271 คนนับตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว ซึ่งในจำนวนนี้เสียชีวิตไป 57 คน

กระทรวงสาธารณสุขบราซิลรายงานว่า จากการบันทึกจนถึงวันที่ 30 เมษายน พบรายงานทารกที่สงสัยว่ามีภาวะผิดปกติจากการติดเชื้อไวรัสซิกา 3,580 คน ส่วนอีก 2,492 คน ที่มีรายงานนั้นไม่เกี่ยวข้องกัน ข้อมูลทางการบราซิลพบว่า ในขณะที่ระบุว่าทารก 57 คน เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสซิกา แต่อีก 178 คน ยังสงสัยว่าอาจมาจากสาเหตุเดียวกัน ที่ผ่านมาบราซิลถือเป็นพื้นที่ที่มีการระบาดของเชื้อไวรัสซิการุนแรงที่สุด และใกล้จะเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2016 ที่นครรีโอเดจาเนโรระหว่างวันที่ 5-21 สิงหาคมนี้ .- สำนักข่าวไทย

อินโดนีเซียและเพื่อนบ้านจะร่วมลาดตระเวนเสริมความปลอดภัยทางทะเล​

​

ยอกยาการ์ตา 5 พ.ค. – เจ้าหน้าที่อินโดนีเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ตกลงกันว่า จะร่วมกันลาดตระเวนเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางทะเล ภายหลังจากเหตุลักพาตัวทางน่านน้ำอินโดนีเซียซึ่งสงสัยว่าเป็นกลุ่มติดอาวุธอาบูไซยาฟ

รัฐมนตรีต่างประเทศและผู้บัญชาการกองทัพทั้งสามประเทศได้หารือกันที่เมืองยอกยาการ์ตาของอินโดนีเซียในวันนี้ โดยตกลงว่าจะร่วมกันลาดตระเวนทางทะเลเพื่อให้ความคุ้มกันการเดินเรือตามแนวเขตน่านน้ำที่เชื่อมต่อกัน นางเรตโน มาร์ซูดี รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซียกล่าวว่า ภัยคุกคามจากการปล้นสะดม ลักพาตัว และเหตุอาชญากรรมข้ามชาติต่างๆ มีส่วนบ่อนทำลายความเชื่อมั่นทางการค้าและการพาณิชย์ในภูมิภาค .- สำนักข่าวไทย

เผยพลเรือนเสียชีวิตและเจ็บหลายสิบคนจากระเบิดสองครั้งในซีเรีย​

​

เบรุต 5 พ.ค. – กลุ่มสังเกตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในซีเรียรายงานว่า เกิดระเบิดสองครั้งทางภาคกลางของซีเรียวันนี้ ทำให้พลเรือนเสียชีวิตอย่างน้อย 10 คน และบาดเจ็บ 40 คน

สถานีโทรทัศน์ของทางการรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 คน และบาดเจ็บสาหัส 28 คนจากเหตุระเบิดโจมตีแบบฆ่าตัวตายและระเบิดรถยนต์กลางจัตุรัสในเขตมูคาร์รัม อัล-ฟอว์กานีในจังหวัดฮอมส์ พื้นที่ดังกล่าวเคยเป็นเขตควบคุมของรัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดของซีเรียในเขตระหว่างเมืองฮอมส์กับเมืองพัลไมรา และกองทัพซีเรียยึดคืนมาจากกลุ่มติดอาวุธเมื่อเดือนที่แล้ว ปัจจุบันรัฐบาลซีเรียควบคุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของฮอมส์ไว้ได้แล้ว ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่สุดของซีเรีย ยกเว้นแต่ในบางพื้นที่ที่กลุ่มกบฏและกลุ่มรัฐอิสลาม(ไอเอส)ยังคงยึดครองอยู่ .- สำนักข่าวไทย

สหประชาชาติยินดีที่สหรัฐ-รัสเซีย จะผลักดันให้ซีเรียหยุดยิง​

​

ซีเรีย 5 พ.ค. – สหประชาชาติแสดงความยินดีที่สหรัฐประกาศว่าร่วมมือกับรัสเซีย ผลักดันจนสำเร็จให้กองทัพซีเรียยอมหยุดยิงในเมืองอะเลปโปของซีเรีย 2 วัน หลังการสู้รบระหว่างทหารรัฐบาลและฝ่ายกบฏตลอดหลายวันที่ผ่านมา คร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปแล้วหลายสิบคน

ในระหว่างการประชุมนัดพิเศษ ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาติ เรื่องสถานการณ์ในเมืองอะเลปโป ที่กองทัพรัฐบาลซีเรีย กับกลุ่มกบฏ สู้รบกันรุนแรง นายเจฟฟรี่ย์ เฟลต์แมน ประธานกรรมาธิการฝ่ายการเมือง ได้เรียกร้องให้ทุกฝ่ายหยุดยิง การสู้รบที่กลับมาปะทุใหม่ ระหว่างฝ่ายกองทัพรัฐบาล กับกลุ่มกบฏ ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ที่ทำร่วมกันเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ต้องขอให้สหรัฐ ซึ่งหนุนหลังฝ่ายกบฏ และรัสเซีย ซึ่งสนับสนุนรัฐบาลซีเรีย เข้ามาช่วยไกล่เกลี่ย จนได้ข้อตกลงว่า จะให้ทั้ง 2 ฝ่าย หยุดการสู้รบที่เมืองอะเลปโป 2 วัน ทั้งนี้ กองทัพรัฐบาลซีเรียประกาศว่าพร้อมจะเริ่มหยุดยิง ตั้งแต่เวลา 01.00 น.ของวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น ไปจนถึงเที่ยงคืนวันที่ 6 พฤษภาคม รวม 48 ชั่วโมง แต่ก็ยังไม่วายกล่าวโทษฝ่ายกบฏ ว่าเป็นผู้ก่อการร้าย ถล่มโจมตีทั้งด้วยจรวด และปืนใหญ่ จนทำให้ชาวเมืองอะเลปโป เสียชีวิตหลายสิบคน. -สำนักข่าวไทย

เครื่องบินเอทิฮัดเผชิญสภาพอากาศแปรปรวน เจ็บ 31 คน​

​

ดูไบ 4 พ.ค. – สายการบินเอทิฮัดของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์แถลงว่า ผู้โดยสารหลายคนได้รับบาดเจ็บจากเหตุเครื่องบินเผชิญสภาพอากาศแปรปรวนรุนแรงกะทันหัน ขณะกำลังลงจอดที่กรุงจาการ์ตาของอินโดนีเซีย

เอทิฮัดแอร์เวย์รายงานวันนี้ว่า เที่ยวบินอีวาย 474 ซึ่งเดินทางจากอาบูดาบีเผชิญสภาพอากาศแปรปรวนกะทันหันกลางทาง ก่อนเวลาลงจอดที่ท่าอากาศยานระหว่างประเทศซูการ์โนฮัตตาราว 45 นาที อย่างไรก็ตามเครื่องบินสามารถลงจอดได้อย่างปลอดภัย แต่ผู้โดยสารบาดเจ็บ 31 คน ซึ่งรวมถึง 9 คนต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล แต่เอทิฮัดไม่ได้เปิดเผยว่าอาการเจ็บมากหรือน้อย .- สำนักข่าวไทย

ที่มา เว็บไซต์สำนักข่าวไทย

 

พายุลูกเห็บถล่ม จ.กำแพงเพชร เสียหายกว่า 500 หลังคา เสาไฟหัก 18 ต้น​

​

พายุฝนลูกเห็บพัดถล่ม จ.กำแพงเพชร บ้านพังเสียหาย 5 อำเภอกว่า 549 หลังคาเรือน อ.คลองขลุง เสาไฟฟ้าแรงสูงหักโค่น 18 ต้น ด้านผู้ว่าฯ ลงพื้นที่มอบถุงยังชีพ พร้อมประสานปภ.และเจ้าหน้าที่ทหารซ่อมแซมอย่างเร่งช่วยเหลือด่วน...

วันที่ 5 พ.ค. 59 นายวิโรจน์ ชาตะนาวิน นายกอบต.คลองขลุง อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร พร้อมนายนิสิต จันทรกลิ่น ปลัดอบต.คลองขลุง พร้อมคณะลงพื้นที่สำรวจ บ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหายจากเหตุวาตภัย โดยเดินทางไปยังบ้านของนายผล และนางลั่นทม คล้ายทอง บ้านเลขที่ 43 บ้านวังหิน หมู่ที่ 11 เนื่องจากถูกลมพายุพัดเสียหายหนักสุดในอำเภอคลองขลุง หลังคาบ้านถูกลมพายุพัดหอบไปกองอยู่ในทุ่งนาห่างจากตัวบ้าน 15 เมตร ฝาผนังบ้านเป็นแผ่นยิปซั่มพังทั้งแถบ โทรทัศน์ LCD เสื้อผ้าที่นอนหมอนมุ้ง เปียกฝนหมด ต้องนำมาตากแดด

นางลั่นทม คล้ายทอง เปิดเผยว่า ขณะเกิดเหตุลมพายุพัด ตนเองและสามีไปเก็บกระท้อนอยู่ในสวนข้างบ้าน ในบ้านมีเพียงลูกสาวอยู่ในบ้านร้องตกใจจึงรีบวิ่งกลับบ้านมาดู ทั้งนี้ นายวิโรจน์ ชาตะนาวิน นายกอบต.คลองขลุง เปิดเผยว่า ได้รับรายงานและลงพื้นที่สำรวจบ้านเรือนราษฎรส่วนใหญ่หลังคาเสียหาย ในหมู่ที่ 2, 5, 6, 10, 11 รวม 56 หลังคาเรือน และที่วัดเกาะหมู อาคารอเนกประสงค์ผนังปูนที่ก่อด้วยอิฐบล็อกพังถล่มลงมาพังเสียหาย หลังคาศาลาการเปรียญกระเบื้องแตกเช่นกัน และหลังคาบ้านพักครูที่โรงเรียนคลองขลุงราษฎร์รังสรรค์ ได้รับความเสียหายหลายหลังเช่นกัน เบื้องต้นจะสำรวจและรายงานไปยังอำเภอ เพื่อช่วยเหลือตามขั้นตอนของระเบียบ ซึ่งจะมีการหาที่อยู่ให้กับชาวบ้านได้พักอาศัยชั่วคราวก่อน

ส่วนที่ถนนพหลโยธิน สายกำแพงเพชร-คลองขลุง หน้าปั๊มบางจาก พบเสาไฟฟ้าหักโค่น จำนวน 18 ต้น สายพาดผ่านถนน เจ้าหน้าที่ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และ ช่างของเครือข่ายโทรศัพท์ต่างลงพื้นที่เร่งซ่อมระบบและสายตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมาแต่ยังไม่แล้วเสร็จ

ด้าน นายณัฐวัฒน์ เกตุจันทร์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกำแพงเพชร ได้รายงานเหตุวาตภัย เมื่อเวลา 17.00-18.00 น. ของวันที่ 5 พ.ค. 59 เกิดพายุฝนลมพัดกระโชกแรงมีฝนและลูกเห็บตกในหลายอำเภอ ราษฎรประสบเหตุวาตภัยใน 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอคลองขลุง จำนวน 56 หลัง, อำเภอไทรงาม ใน 7 ตำบล ได้แก่ ต.ไทรงาม ต.หนองแม่แตง ต.หนองคล้า ต.มหาชัย ต.พานทอง ต.หนองไม้กอง จำนวน 35 หลัง, อำเภอโกสัมพีนคร จำนวน 35 หลัง, อำเภอขาณุวรลักษบุรี ต.วังชะพลู ต.บ่อถ้ำ จำนวน 423 หลัง, อำเภอลานกระบือ จำนวน 17 หลัง รวม 5 อำเภอ บ้านเรือนราษฎรได้รับความเดือดร้อน 549 หลังคาเรือน

อย่างไรก็ตาม นายธานี ธัญญาโภชน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร พร้อมคณะเหล่ากาชาด และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้เตรียมถุงยังชีพเพื่อมอบให้ราษฎรในพื้นที่ผู้ประสบภัย และประสานเจ้าหน้าที่ทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งออกให้การช่วยเหลือซ่อมแซมบ้านเรือนให้ชาวบ้าน พร้อมหาที่พักชั่วคราวให้ชาวบ้านได้พักอาศัย

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 5 พ.ค. 2559

พายุถล่มร้อยเอ็ด ฟ้าผ่าคนตาย 3 ศพ-เพลิงไหม้บ้าน สูญ 2.5 ล้านบาท​

​

หลายพื้นที่ใน อ.พนมไพร ประสบเหตุพายุฤดูร้อน ฝนหนัก ลูกเห็บตก ฟ้าผ่าชาวบ้านอาศัยในกระท่อมตาย 3 ศพ ขณะที่กลางดึก สายไฟฟ้าเสียดสีต้นไม้ใหญ่ล้มลง ประกายไฟวิ่งตามสายไฟฟ้า เข้าไหม้บ้านแม่ค้าตลาดพนมไพร เสียหาย 2.5 ล้านบาท

เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 5 พ.ค.59 ร.ต.อ.อติวิชญ์ สิงหาราโท รอง สว.(สอบสวน) สภ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด รับแจ้งไฟไหม้บ้านในเขตพื้นที่ ต.พนมไพร อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด จึงวิทยุติดต่อขอความร่วมมือรถดับเพลิงเทศบาลพนมไพร พร้อม ทต. และ อบต.ที่อยู่ใกล้เคียงจำนวนกว่า 6 คันไปดับไฟ เป็นเวลากว่า 45 นาที ไฟจึงสงบ แต่บ้านทั้งหลังเสียหาย

จากการตรวจสอบพบว่า บ้านที่เกิดเพลิงไหม้มีป้ายชื่อเขียนติดไว้ว่า 'บ้านพรมวงศ์' เลขที่ 99 บ้านไทยสมบูรณ์ หมู่ 12 ต.พนมไพร อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวก่อสร้างด้วยอิฐถือปูนสองชั้น เจ้าของบ้านคือ นางศิริมนต์ พรมวงศ์ อายุ 54 ปี แม่ค้าในตลาดพนมไพร

นางศิริมนต์ เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุ ภายในบ้านมีคนอาศัยอยู่จำนวน 3 คน ทั้งหมดสามารถหนีทันก่อนไฟโหมไหม้บ้าน ขณะที่ประเมินค่าเสียหายเบื้องต้นกว่า 2.5 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ไฟไหม้ครั้งนี้น่าจะสืบเนื่องมาจาก เมื่อช่วงใกล้หัวค่ำของ วันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา ในพื้นที่หลายตำบลของ อ.พนมไพร เกิดลมพายุหมุนฤดูร้อน ฝนตกหนักพร้อมลูกเห็บ ฟ้าคะนองและฟ้าผ่าชาวบ้าน หมู่ 9 ต.นานวล อ.พนมไพร ทำให้ สองพ่อลูกพร้อมญาติ ตายรวม 3 ศพ ที่กระท่อมนา

ชาวบ้านเล่าว่า ก่อนไฟไหม้ 'บ้านพรมวงศ์' นั้น เห็นสายไฟฟ้าเสียดสีกับต้นไม้ใหญ่ข้างถนน ซึ่งล้มตั้งแต่ลมพายุพัด ต่อมาได้เกิดประกายไฟวิ่งตามสายไฟฟ้าเข้าไหม้ 'บ้านพรมวงศ์' วอดดังกล่าว

ร.ต.อ.อติวิชญ์ สิงหาราโท รอง สว.(สอบสวน) สภ.พนมไพร ทราบเหตุเข้าตรวจที่เกิดเหตุพร้อมแจ้งตำรวจพิสูจน์หลักฐาน จ.ร้อยเอ็ด ไปตรวจพิสูจน์สาเหตุไฟไหม้บ้านโดยด่วนต่อไป

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 5 พ.ค. 2559

พายุฤดูร้อนถล่ม อำนาจเจริญ บ้านไม้อายุกว่า 100 ปี พังทั้งหลัง​

​

พายุฤดูร้อนถล่ม พื้นที่ จ.อำนาจเจริญ ต่อเนื่อง บ้านพังกว่า 20 กว่า หนึ่งหลังเป็นบ้านไม้อายุ 100 ปี รอยต่อไม้-เสาปูนหักโค่น ทรัพย์สินในบ้านเสียหาย ขณะที่บ้านหญิงชรายากจน วัย 69 ปี พังทั้งหลัง โอดมีรายได้จาก รบ. เดือนละ 600 บ้านยังมาพัง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันที่ 4 พ.ค. เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา ได้เกิดพายุฤดูร้อนพัดกระหน่ำ ต.นาเวียง อ.เสนางคนิคม จ.อำนาจเจริญ แรงพายุได้พัดบ้านเรือนราษฎร ต.นาเวียง ม. 1 เสียหาย 6 หลัง, ม. 5 จำนวน 4 หลัง, ม.6 จำนวน 10 หลัง, ม.8 ต.นาวัง อ. เมือง 1 หลัง และ ม. 1 ต.หนองสามสี อ.เสนางคนิคม 1 หลัง แรงพายุยังได้พัดต้นไม้ขนาดน้อยใหญ่หักโค่นทับถนนระหว่างหมู่บ้าน นับ 10 จุด อบต.ได้นำเรื่อยตัดต้นไม้ที่กีดขวางถนนเป็นการด่วน ขณะที่นางปุณณกัณ ธนะจันทร์ นายกเหล่ากาชาดอำนาจเจริญ นำถุงยังชีพออกช่ายเหลือราษฎรในเบื้องต้น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนหลังจากพายุสงบ

จากการสำรวจพบ น.ส.กาใส บุญเนตร อายุ 60 ปี 141/1 ม. 1 ต.หนองสามสี อ.เสนางคนิคม หนึ่งในจำนวนผู้ที่ประสบวาตภัยในครั้งนี้ ว่าขณะที่พายุพัดบ้านตนได้ออกไปทำธุระในตัวอำเภอ และได้รับแจ้งจากโทรศัพท์จากหลานว่า บ้านหลังที่ปลูกใหม่ใช้ไม้เก่าอายุ 100 ปี มรดกที่พ่อแม่มอบให้มาปลูก ถูกพายุพัดกระหน่ำพังทลาย ตนถึงกับเป็นลม พอรู้สึกตัว กลับมาบ้านพบสภาพบ้านถูกแรงพายุพัดเสาช่วงรอยต่อไม้ และเสาปูนหักโค่นหักทับลงทั้งหลัง ข้าวของในบ้านเสียหาย

"ดิฉันไม่ได้แต่งงาน อาศัยอยู่กับหลานลูกน้องสาว บ้านหลังดังกล่าวหลานสาวหาเงินมาได้ จึงรื้อบ้านเก่าไปปลูกสร้างให้ยายใหม่ แต่ก็มาถูกพายุพัดพังยับเยิน" น.ส. กาใส กล่าว

ขณะที่ นางด้วง มีลา อายุ 69 ปี อาศัยอยู่ที่ ม.2 ต.นาวัง อ.เมือง ถูกพายุยกหลังคาบ้านหลังเล็กๆ ไปทั้งหลังไร้ที่อยู่อาศัย นางด้วงมีฐานยากจน อาศัยอยู่บ้านคนเดียวไม่มีลูกหลาน มีรายได้จากเงินยังชีพของรัฐเพียงเดือนละ 600 บาท พอประทังชีวิตกับมาถูกพายุพัดบ้านซ้ำเติมอีก

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 5 พ.ค. 2559

พิษณุโลกยังอ่วม! ถูกพายุฤดูร้อนซัด โกดังข้าวเสียหายนับ 10 ล้าน​

​

พายุฤดูร้อนยังโหมพัดกระหน่ำ สร้างความเสียหายหลายพื้นที่ของ จ.พิษณุโลก โดยเฉพาะที่ อ.บางระกำ โกดังข้าวถล่มเสียหายร่วม 10 ล้าน โรงเรียน บ้าน หลังคาเปิดหลายแห่ง ขณะที่ อ.เมือง บ้านพังเสียหายจำนวนมาก ทหารต้องเร่งเข้าช่วยเหลือ

เมื่อวันที่ 5 พ.ค.2559 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลจากพายุลมกระโชกแรงเมื่อช่วงเวลาประมาณ 18.00-18.30 น. ของวันที่ 4 พ.ค.59 ที่ผ่านมา สร้างความเสียหายให้กับหลายพื้นที่ในจังหวัดพิษณุโลก โดยเฉพาะที่ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก วานนี้ ต้นไม้ริมทางหลวงหมายเลข 117 หรือ ถ.พิษณุโลก-นครสวรรค์ บริเวณหลัก กม. 10 ต.บางระกำ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ต้นไม้ริมถนนล้มขวางเส้นทางจราจร ได้มีการเคลียร์ออกไปช่วงค่ำวานนี้แล้ว ขณะที่เสาไฟฟ้าแรงสูงฝั่งขาเข้าตัวเมืองพิษณุโลก แรงลมได้พัดหักโค่นหลายสิบต้น ส่วนบ้านเรือนของประชาชนเสียหายมากที่สุดเกือบ 200 หลังคาเรือน ที่ ต.พันเสา อ.บางระกำ

พ.ท.บุริม เครือเป็งกุล ผบ.หน่วยฝึกนักศึกษาวิชาทหาร มทบ.39 นำกำลังพลลงไปช่วยประชาชนซ่อมแซมบ้าน เปิดเผยว่า ในส่วนของบ้านหมู่ 2 ต.พันเสา อ.บางระกำ ได้รับความเสียหายหลังคาเปิดจำนวน 91 ครัวเรือน และมี 1 ครัวเรือนของนายนเรศ สุขเมือง ที่ต้องรื้อทั้งหลังเพราะสร้างไว้ตรงกับร่องลมพอดี เจ้าของบ้านกลัวโดนพายุถล่มซ้ำอีก จึงร้องขอให้ช่วยรื้อทั้งหลัง สำหรับวัสดุอุปกรณ์นั้นทางเทศบาลตำบลพันเสาจะเป็นผู้สนับสนุน ในส่วนของทหารจะสนับสนุนด้านกำลังพล ส่วนที่โกดังข้าวเปรมศิริไรซ์ เลขที่ 111/1 หมู่ 2 บ้านวังเป็ด ต.บางระกำ อยู่ริมถนนพิษณุโลก-นครสวรรค์ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก แรงของลมได้พัดตัวอาคารโกดังเก็บข้าวเสียหายโดยสิ้นเชิงจำนวน 1 หลัง

นายวิเชียร จาดเปรม อายุ 62 ปี เจ้าของโรงสีดังกล่าว เปิดเผยว่า ช่วงเกิดเหตุ ตนไม่อยู่ที่โรงสีแต่มีคนงานโทรไปบอกว่าได้เกิดลมพายุฝนกระหน่ำและมีลมกระโชกแรง ทำให้อาคารที่สร้างใหม่ไว้สำหรับเก็บข้าวเปลือกพังลงมาจนเสียหายทั้งหมด จึงได้รีบมาตรวจสอบ ก็พบว่าอาคารเสียหายทั้งหลัง นอกจากนี้บ้านพักและสำนักงานโรงสี ยังถูกพายุพัดกระหน่ำจนได้รับความเสียหายอีก เบื้องต้นคาดความเสียหายไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท

ด้าน นายวิษณุ รักดี ผู้อำนวยการโรงเรียนคลองวัดไร่ ต.บางระกำ เผยว่า แรงลมได้หอบหลังคาของอาคารห้องสมุดและอาคารเรียนของชั้น ป.5 ปลิวหายไป และมีฝนตกใส่อุปกรณ์การเรียน สมุด หนังสือ และเครื่องคอมพิวเตอร์ในห้องได้รับความเสียหาย ประเมินมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 200,000 บาท เช่นเดียวกับโรงเรียนบ้านท่าโก ต.บางระกำ ที่อยู่ใกล้กัน แรงลมได้พัดหลังคาอาคารเรียนชั้น 2 ของชั้น ป.5 หลังคาสังกะสีปลิวไปไกลกลางทุ่งนาร่วม 500 เมตร ทรัพย์สินภายในห้องเรียนได้รับความเสียหายจำนวนหนึ่ง รวมถึงบริเวณใกล้เคียง บ้านเรือนราษฎรในบ้านท่าโก อ.บางระกำ ได้รับความเสียหายหลายหลัง สำหรับเขต อ.เมืองพิษณุโลก ลมพายุฤดูร้อนทำให้บ้านเรือนเสียหายเบื้องต้น 48 หลังคา ประกอบด้วย หมู่ที่ 12 และหมู่ที่ 6 ต.วัดพริก 4 หลัง หมู่ 2 ต.งิ้วงาม 1 หลัง หมู่ที่ 10 ต.บ้านกร่าง 15 หลัง หมู่ที่ 10 ต.ท่าโพธิ์ 27 หลัง และหมู่ที่ 1 ต.หัวรอ 1 หลัง รวมทั้งหมด 48 หลัง กำลังพลจาก พล.ร.4 และ ม.พัน 9 กองทัพภาคที่ 3 ได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือซ่อมแซมบ้านเรือนประชาชนแล้ว.

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 5 พ.ค. 2559

ร้องจ๊าก! ชาวสวนมะละกอ จ.กำแพงเพชร ถูกพายุฤดูร้อนซัดเสียหายนับล้าน​

​

พายุพาเจ๊ง!! สวนมะละกอใน จ.กำแพงเพชร ต้องเผชิญกับพายุฤดูร้อนซัดล้มนับ 10,000 ต้น มูลค่าเสียหายนับล้าน ร่วงในท้องร่องเต็มไปหมด ทั้งที่ราคากำลังดี ต้องมาเจอภัยธรรมชาติ...

เมื่อวันที่ 5 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีพายุฤดูร้อนพัดรุนแรงเกิดฝนตกในพื้นที่ จ.กำแพงเพชร ตั้งแต่เมื่อช่วงเย็นและค่ำของวันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา นอกจากบ้านเรือนประชาชนจะเสียหนักทั้งจังหวัดรวมกว่า 200 หลังคาเรือนแล้ว ยังมีสวนมะละกอ และสวนกล้วยเสียหายอีกจำนวนมาก ร.ต.บุญเกิด อธิพงศ์ไพศาล หัวหน้าชุดปฏิบัติการมวลชน กองพลทหารราบที่ 4 ส่วนแยก 1 นายถาวร แก้ววัฒถา กำนัน ต.ท่ามะเขือ พร้อมกำลังทหารและผู้นำชุมชนลงสำรวจพื้นที่สวนผลไม้ในเขตพื้นที่

นายวันชัย จันทโรจน์ อายุ 53 ปี ชาวบ้านหมู่ 4 ต.ท่ามะเขือ อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร เจ้าของสวนมะละกอ เปิดเผยว่า ตนปลูกมะละกอพันธุ์แขกนวลที่ใช้สำหรับทำส้มตำจำนวน 17 ไร่ เมื่อคืนถูกลมพายุพัดต้นหักไปจำนวน 500 ต้น ลูกมะละกอที่ติดคาต้นรวมน้ำหนักจำนวน 3-4 ตัน ที่พอเก็บได้ก็ต้องรีบเก็บ ที่เสียหายก็ต้องทำใจ ค่าเสียหายหลายหมื่นบาท เพราะเป็นช่วงที่มะละกอราคากำลังดี ออกจากสวนกิโลกรัมละ 6 บาท

ด้านนายสำเริง ครูเล่งกี่ อายุ 40 ปี ชาวบ้าน หมู่บ้านโนนมะกอกหมู่ 3 ต.ท่ามะเขือ อ.คลองขลุง เจ้าของสวนมะละกอรายใหญ่ ปลูกมะละกอพันธุ์แขกนวลบนเนื้อที่ 65 ไร่ กำลังระดมลูกจ้างเก็บมะละกอที่ลอยอยู่ในน้ำเต็มท้องร่องขึ้นใส่เรือ เพื่อใส่ถุงส่งให้พ่อค้า จากการสำรวจดูในสวนมะละกอพบว่าลำต้นหักกลางต้นเป็นส่วนใหญ่ ลูกมะละกอทั้งลูกเล็กลูกใหญ่คาคอต้นจำนวนมาก นอกจากนั้นต้นส้มที่ปลูกแซมในร่องมะละกอก็เอนลู่ไปกับแรงลม

เจ้าของสวนมะละกอ ใน ต.ท่ามะเขือ เปิดเผยว่า ปลูกมะละกอไว้จำนวน 20,000 ต้น อายุประมาณ 9 เดือน เก็บผลผลิตไปประมาณ 5-6 ครั้งเท่านั้น และเป็นช่วงที่กำลังดกมาก ยังมีอายุอยู่ได้อีกประมาณ 1 ปี ถูกลมพัดหักไปประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ หรือเกือบ 10,000 ต้น ลูกมะละกอที่ติดคาคอต้นนำหนักประมาณ 40-50 ตัน ที่เสียหายไปกับต้นที่หัก รวมค่าเสียหายคิดรวมแล้วคงประมาณ 2-3 ล้านบาท โดยลมพายุที่มาเมื่อวานช่วงค่ำรุนแรงมาก ต้นมะละกอที่ลูกเต็มต้นถูกลมพัดกระโชกและบิดจนหักกลางต้นเป็นส่วนใหญ่ ต้องทำใจเพราะเป็นภัยธรรมชาติที่ไม่สามารถป้องกันได้

นอกจากสวนทั้ง 2 แห่งนี้แล้ว ยังมีสวนอีกหลายสวนที่เสียหายแบบนี้เช่นเดียวกัน เนื่องจากในพื้นที่แห่งนี้เป็นแหล่งปลูกมะละกอแหล่งใหญ่ของพื้นที่ จ.กำแพงเพชร ที่ส่งมะละกอสำหรับทำส้มตำไปขายในตลาดไท ตลาดสี่มุมเมือง และตามจังหวัดใหญ่ๆโดยทางเจ้าของสวนมะละกอทุกรายต่างบอกว่าต่อไปราคามะละกอจะแพงขึ้นไปอีก อาจถึงกิโลกรัมละกว่า 10 บาทแน่นอน เนื่องจากมะละกอเสียหาย ผลผลิตออกสู่ตลาดน้อยลง.

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 5 พ.ค. 2559

อากาศร้อนหนุ่มเมียนมาหอบหืดกำเริบนอนตายรวดเดียว 2 รายที่ตาก​

​

เกิดเหตุหนุ่มเมียนวัย 39 ปี และ 40 ปี มาเสียชีวิตวันเดียว 2 ศพที่ อ.แม่สอด จ.ตาก แพทย์ ชี้ สาเหตุการตาย มาจากอากาศร้อนจัดทำให้หอบหืดที่เป็นโรคประจำตัวกำเริบ และเสียชีวิตในที่สุด...

เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2559 พ.ต.ท.ธีระวัฒน์ หมู่พยัคฆ์ สารวัตร (สืบสวน) สภ.แม่สอด รับแจ้งจากโรงพยาบาลแม่สอด มีคนไข้เข้ามารักษาตัวและเสียชีวิต 2ราย ขอให้มาตรวจสอบด้วย จึงรุดไปสอบสวนพร้อมเจ้าหน้าที่พิมพ์ลายนิ้วมือ ศพแรก คือนายอ่องมินเต็งอายุ 40 ปี อยู่บ้านเช่าในซอยร่วมใจ เขตเทศบาลนครแม่สอดอาชีพรับจ้างโดยญาติผู้เสียชีวิตบอกว่า ช่วงเช้ามือนายอ่องมินเต็งมีการหืดหอบกำเริบ รวมทั้งบ่นว่าร้อน จึงนำส่งโรงพยาบาลแต่ก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา

ส่วนอีกราย ทราบชื่อ คือ นายอะยออายุ 39 ปี อาศัยอยู่ในพื้นที่ หมู่ที่ 9 ตำบลแม่ปะ อำเภอแม่สอด มีอาชีพทำไร่ถูกนำส่งโรงพยาบาลแม่สอด เมื่อช่วงตีสอง ด้วยโรคหืดหอบเช่นกันและมาเสียชีวิตตอนเช้า กำลังรอญาติมารับศพโดยแพทย์ให้ความเห็นว่าทั้งสองเป็นโรคหืดหอบประกอบกับ อากาศร้อนจัดในช่วงทำให้โรคกำเริบจนเสียชีวิต.

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 5 พ.ค. 2559

ชาวบ้าน แห่ช่วย '5 ชีวิตครอบครัวโลมาอิรวดี' เกยตื้นชายทะเลสมุทรสาคร​

​

ชาวบ้านเกือบ 20 คน ช่วยครอบครัวโลมาอิรวดี 5 ตัว ที่เกยตื้นบริเวณชายหาดกระซ้าขาว จ.สมุทรสาคร ใช้เวลากว่า 3 ชม.จึงสามารถช่วยได้สำเร็จ และปล่อยกลับสู่ธรรมชาติ ที่ปรึกษาเครือข่ายรักษ์อ่าวไทย แนะ หากช่วยถูกวิธีโลมาจะมีโอกาสรอดสูง 80-100%

เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2559 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า บริเวณชายทะเลกระซ้าขาว หมู่ที่ 7 ต.บ้านบ่อ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร มีปลาโลมาเกยตื้นอยู่ทั้งหมด 5 ตัว จึงเดินทางไปตรวจสอบพบชาวบ้านเกือบ 20 คน ลงไปบริเวณใกล้กับแนวปักไม้ไผ่ชะลอคลื่น ห่างจากฝั่งออกไปประมาณ 500 เมตร เพื่อช่วยเหลือโลมา ที่ยังคงจมอยู่ในเลนและมีน้ำเหลือน้อยเต็มที บางตัวพยายามดิ้นเพื่อเอาตัวรอด แต่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งหมดแรง ซึ่งต่อมาชาวบ้านต้องใช้เลื่อยตัดไม้ไผ่ชะลอคลื่นออกเป็นช่องขนาดประมาณ 50 เซนติเมตร จากนั้นก็นำผ้าใบมาห่อโลมาทีละตัว แล้วค่อยๆ พาออกมาตามช่อง ก่อนจะช่วยกันนำไปปล่อยจนสำเร็จตรงริมทะเลน้ำลึกที่อยู่ห่างจากแนวไม้ไผ่ชะลอคลื่นออกไปอีก 500 เมตร ซึ่งการช่วยเหลือนั้นก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะสภาพดินเลนที่ดูดเท้า อีกทั้งโลมาก็มีขนาดตัวใหญ่ น้ำหนักมาก โดยโลมา 1 ตัว ต้องใช้คนยกไม่ต่ำกว่า 5 คน ประกอบกับสภาพอากาศที่ร้อนจัด นอกจากจะทำให้กำลังคนลดน้อยถอยลงแล้ว โลมาเองก็เริ่มอ่อนแรงลง เพราะจมูกดูดเอาเลนเข้าไป ใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมงในการช่วยเหลือโลมาทั้ง 5 ตัว

ทั้งนี้พบว่า โลมาดังกล่าวเป็นสายพันธุ์อิรวดีที่พบได้มากในพื้นที่ทะเลใกล้ชายฝั่งจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งชาวบ้านบอกว่า ฝูงโลมาจะว่ายน้ำเข้ามาหากินบริเวณชายฝั่งอยู่เป็นประจำ แต่ละฝูงมีไม่ต่ำกว่า 2–3 ตัว ส่วนโลมาทั้ง 5 ตัว ที่เข้ามาเกยตื้นนี้ เป็นโลมาฝูงใหญ่และคาดว่าน่าจะเป็นโลมาครอบครัวเดียวกัน แต่ละตัวมีน้ำหนักประมาณ 150 กิโลกรัม ขนาดตัว 2 เมตร อายุก็น่าจะอยู่ที่ราวๆ 4-5 ปี ยกเว้นลูกโลมาที่ช่วยออกไปก่อนแล้วตัวแรกที่น่าจะมีอายุประมาณ 1 ปีเศษ ซึ่งฝูงโลมาจะชอบเข้ามาหากินชายฝั่ง เพราะมีความอุดมสมบูรณ์ของอาหาร

นายกฤตกร แซ่เอี๊ยบ ที่ปรึกษาเครือข่ายรักษ์อ่าวไทยตอนบน และเป็นชาวประมงชายฝั่งแถบกระซ้าขาว เปิดเผยว่า การพบโลมาเข้ามาเกยตื้นนั้นมีอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทางทะเลชายฝั่งที่เป็นอาหารของโลมานั่นเอง ซึ่งที่ผ่านมาชาวบ้านจะพบทีละ 1–2 ตัว แต่คราวนี้พบถึง 5 ตัว ถือว่าค่อนข้างจะเป็นฝูงใหญ่ ทั้งนี้สำหรับผู้ที่พบโลมาเกยตื้นนั้นอันดับแรกเลยคือ การโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่หรือเครือข่ายอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลฯ ผู้นำพื้นที่ ให้ได้รับทราบก่อน และพยายามเอาน้ำลูบตามลำตัวเพื่อคลายความร้อนให้แก่โลมา แต่อย่าสาดน้ำที่มีโคลนดำใส่จมูกโลมาอย่างเด็ดขาด เพราะจะทำให้โลมาตาย ส่วนการช่วยเหลือก็ต้องนำผ้าพลาสติกมาห่อตัวแล้วค่อยๆ พาลงทะเลน้ำลึก หากเราดันตัวโลมาโดยไม่มีอะไรห่อไว้ จะทำให้เกิดแผลตามลำตัวและตายลงได้ ทั้งนี้โลมาที่เข้ามาเกยตื้นหากได้รับการช่วยเหลืออย่างถูกวิธีและทันท่วงทีก็จะมีโอกาสรอด 80–100%

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 5 พ.ค. 2559

หยุดทำนาเหตุน้ำแล้ง หันปลูกกล้วยก็ตายยกต้น​

​

ชาวสวนอ่างทองสุดช้ำ เลิกทำนาเพราะน้ำแล้ง หันปลูกต้นกล้วยหวังสร้างรายได้ ทุกข์กระหน่ำซ้ำซ้อน ผลสวนกล้วยก็ขาดน้ำ หักโค่นเสียหายขณะออกเครือ เก็บเกี่ยวผลผลิตไม่ได้เสียหายจำนวนมาก ครวญรายได้อยู่แค่เอื้อม ต้องสูญเสียปล่อยทิ้ง

เมื่อวันที่ 5 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังภัยแล้งขยายวงกว้าง เกษตรกรชาวสวนกล้วยน้ำว้ากาบเขียวที่ได้ลงทุนในการปลูกกล้วยไปแล้วนานหลายเดือนมีความหวังในการเก็บเกี่ยวผลผลิตนำไปขายสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัวกับต้องพบกับความผิดหวัง หลังแล้งจัดแหล่งน้ำธรรมชาติแห้งขอดส่งผลสวนกล้วยขาดน้ำหล่อเลี้ยงแห้งเหี่ยวรอวันตายในขณะที่กำลังออกเครือ

นายไปล่ โฉมฉาย อายุ 61 ปี เจ้าของสวนกล้วย เลขที่ 72/1 หมู่ 7 ตำบลป่างิ้ว อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง เปิดเผยว่า ครอบครัวตนเองได้ปลูกกล้วยน้ำว้ากาบเขียวจำนวน 2 ไร่ เป็นรายได้เสริมหลัง จากหยุดการทำนาบัว ภัยแล้งขยายวงกว้างขาดน้ำหล่อเลี้ยงทำให้ต้นกล้วยภายในสวนนั้นเริ่มเหี่ยวเฉาในขณะที่เริ่มออกเครือจำนวนมาก

"ปลูกกล้วยมานาน 7-8 เดือนแล้ว มีความหวังในการเก็บเกี่ยวผลผลิตไปขาย เพื่อสร้างรายได้แก่ครอบครัว แต่ความหวังกับต้องพังลงเมื่อต้นกล้วยภายในสวนที่กำลังออกเครือเริ่มทยอยหักกลางลำต้นแล้วโค่นลงพื้นเสียหาย ซึ่งกล้วยยังไม่ได้ขนาดที่จะเก็บเกี่ยวจำต้องปล่อยให้เน่าเสียขาดรายได้ ทั้งที่รอมาหลายเดือน โดยเบื้องต้นได้ใช้ไม้ค้ำยันไว้ แต่ด้วยความแห้งแล้งและร้อนทำต้นกล้วยเริ่มเฉาเครือแห้งและเริ่มทยอยตายลงจำนวนมากซึ่งไม่สามารถจะทำการแก้ไขอะไร ทำได้เพียงแต่ต้องรอให้ฝนตกลงมาและน้ำมีมาหล่อเลี้ยงต้นกล้วยภายในสวนที่ยังคงเหลือให้กลับฟื้นคืนมาสร้างผลผลิตและรายได้" เขากล่าว

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 5 พ.ค. 2559

ช่างซ่อมเสื้อผ้างานล้นมือ! ผู้ปกครองแห่นำชุดนร.ซ่อม รับเปิดเทอม​

​

ช่างซ่อมเสื้อผ้า ในเมืองอุบลฯ รับงานล้นมือ ผู้ปกครองที่มีรายได้น้อยแห่นำชุดนักเรียนเก่ามาซ่อมแซมต้อนรับเปิดเทอม เนื่องจากต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย หลังราคาชุดใหม่ปรับสูงขึ้น ซึ่งหากนำมาซ่อมจะมีราคาถูกกว่า ...

เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 59 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศช่วงใกล้เปิดภาคเรียน พ่อแม่ ผู้ปกครอง และประชาชนผู้มีรายได้น้อยต่างนำเสื้อผ้าและชุดนักเรียนเก่าของบุตรหลานมาซ่อม ปะ เย็บ ย่อและขยาย ตามร้านตัดเย็บเสื้อผ้าในเขตเทศบาลนครอุบลราชธานี เพื่อเตรียมไว้ให้บุตรหลานสวมใส่ในช่วงเปิดภาคเรียนที่ใกล้จะถึงนี้ เป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย เนื่องจากบางครอบครัว มีรายได้น้อยไม่เพียงพอที่จะนำไปจับจ่ายซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้บุตรหลานในช่วงเปิดภาคเรียน

โดยราคาชุดนักเรียนใหม่ตกชุดละประมาณ 300-1,000 บาท แต่หากนำชุดนักเรียนเก่ามาซ่อมจะเสียค่าตัดเย็บเพียงตัวละ 30-60 บาทเท่านั้น เป็นการประหยัด และแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัวได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในปัจจุบันข้าวของเครื่องใช้และสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ ก็มีการปรับราคาสูงขึ้นเกือบทุกอย่าง ส่งผลให้ภาระค่าครองชีพสูงขึ้นตามไปด้วย

ด้าน นายกง ศิริเริ่ม อายุ 54 ปี ช่างรับซ่อมเสื้อผ้า เปิดเผยว่า ในช่วงนี้ โรงเรียนต่างๆ เริ่มทยอยเปิดเทอม บรรดาผู้ปกครองนำเครื่องแบบนักเรียนทั้งเสื้อ และกางเกงมาปะ เปลี่ยนยาง เปลี่ยนซิป แก้เอว เปลี่ยนทรงกางเกงทำให้มีงานเพิ่มขึ้นจนล้นมือ ทำไม่ทัน ในขณะเดียวกันมีรายได้เพิ่มขึ้นเท่าตัวเช่นเดียวกัน เนื่องจากผู้ปกครองส่วนใหญ่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายในเรื่องเสื้อผ้าเครื่องแบบนักเรียนที่มีราคาสูงขึ้น

ช่างรับซ่อมเสื้อผ้า กล่าวด้วยว่า ในช่วงนี้ ตนจะรับซ่อมเฉพาะชุดนักเรียนก่อนเท่านั้น เพราะเกรงว่าเด็กนักเรียนจะไม่มีชุดใส่ไปโรงเรียน ส่วนราคานั้น ตนก็ไม่ได้คิดแพงแต่อย่างใด เพราะสงสารผู้ปกครองผู้มีรายได้น้อย เริ่มต้นเพียงตัวละ 10–60 บาท โดยแต่ละวันจะทำการซ่อมเสื้อผ้าได้ประมาณ 20-25 ตัว มีรายได้ประมาณ 400-500 บาท.

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 5 พ.ค. 2559

กินเจสร้างบุญ คุ้มรักษาโลก​

​

กินเจสร้างบุญ คุ้มรักษาโลก

วารสารของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด มีการศึกษาพบว่า การกินเจให้มากขึ้นจะช่วยป้องกันอุณหภูมิให้โลกร้อนลงได้ หากมีผู้ประพฤติกันเป็นเรือนล้าน จะสามารถช่วยลดอุณหภูมิลงได้ ภายใน พ.ศ.2593 นี้

เพราะการลดการกินเนื้อสัตว์ทั่วโลก จะสามารถพิทักษ์จากแก๊ส ที่ทำให้โลกร้อนได้ถึง 2 ใน 3 และยังจะลดงบประมาณ ที่จะใช้ในการรักษาความเปลี่ยนแปลงของดินฟ้าอากาศ และสุขภาพลงได้ไม่ต่ำกว่า 33 พันล้านบาท

ดร.มาร์โก สปริงมาน ผู้ร่วมศึกษาโครงการอาหารอนาคตของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ได้กล่าวว่า การกินอยู่ของคนจะเป็นผลให้โลกต้องแบกภาระใหญ่ที่สุดจากสุขภาพและเกือบจะทั่วอาณาบริเวณ เท่าที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ ระบบอาหารมีส่วนทำให้เกิดแก๊สที่ทำให้โลกร้อน ไม่ต่ำกว่า 1 ใน 4 ดังนั้น จึงเป็นตัวการใหญ่ของการเปลี่ยนแปลงดินฟ้าอากาศ 257,300,000 บาท.

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 5 พ.ค. 2559

อบรมเกษตรกร ให้ลดใช้สารเคมี​

​

อบรมเกษตรกร ให้ลดใช้สารเคมี

สายวันที่ 4 พ.ค. ที่ศาลาวัดกระโจมทอง อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร นายปัญญา ชวนบุญ ประธานสภา อบจ.สมุทรสาคร เป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกอบรม “แนวทางการป้องกันกำจัดศัตรูพืชด้วยเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” มีนายเศรณี อนิลบล เกษตรจังหวัดสมุทรสาคร นายอุดม ไกรวัตนุสสรณ์ อดีตเลขานุการ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและพี่น้องเกษตร ต.หลักสอง เจ็ดริ้ว บ้านแพ้ว เข้าร่วมจำนวนมาก

นายเศรณีเผยว่า อาชีพเกษตรกรรมถือเป็นอาชีพที่สำคัญของ จ.สมุทรสาคร โดยพืชผลเศรษฐกิจที่ทำรายได้ให้จังหวัดปีละหลายพันล้านบาท แต่ในสถานการณ์ปัจจุบันจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศการพัฒนาหรือปรับกระบวนการการผลิตของเกษตรกรตลอดจนปัจจัยอื่น ส่งผลให้การผลิตในภาคเกษตรได้รับผลกระทบโดยเฉพาะการระบาดของศัตรูพืชหลายชนิด

ปัจจุบันเกษตรกรส่วนใหญ่มักจะทำการกำจัดศัตรูพืชเหล่านั้น ด้วยการใช้ยาปราบศัตรูพืชที่มีพิษสูงทำให้เกิดการปนเปื้อนสารเคมีในสิ่งแวดล้อม ทาง อบจ.สมุทรสาคร และสำนักงานเกษตรจังหวัดสมุทรสาคร จึงได้ร่วมมือกันจัดการฝึกอบรมในครั้งนี้ขึ้น เพื่อฝึกอบรมเผยแพร่ความรู้ด้านเทคโนโลยีการควบคุมศัตรูพืชที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเพื่อให้เกษตรกรสามารถบริหารจัดการศัตรูพืชด้วยตนเองได้อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการลดปัญหาการแพร่ระบาดของศัตรูพืช.

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 5 พ.ค. 2559

ไม้สักพิทักษ์โลก ดับร้อนผ่อนเย็น​

​

ไม้สักพิทักษ์โลก ดับร้อนผ่อนเย็น

สำนักวิจัยและศึกษาสิ่งแวดล้อมของแคว้นคชราช แห่งอินเดีย ค้นพบว่าไม้สักเป็นต้นไม้ที่สามารถดูดซึมแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากที่สุด ยิ่งกว่าต้นไม้อื่นใดหมดในอินเดีย

ในขณะที่ไม้สักสามารถที่จะดูดเก็บแก๊ส ได้มากประมาณ 3.7 ตันต่อปี ต้นยูคาลิปตัสจะดูดได้เพียง 2.47 เท่านั้น

ต้นไม้ที่ดูดเก็บแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ จะสามารถเก็บดูดเอาจากบรรยากาศ เก็บเอาไว้ อยู่ได้เป็นเวลานาน ตัวอย่างเช่น ต้นสักที่โตขนาด 10-30 เซนติเมตร สามารถที่จะดูดแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์จากอากาศได้เป็นปริมาณมาก.

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 5 พ.ค. 2559

ทั่วไทย เจออากาศร้อนปนพายุฝนบางพื้นที่ โดยเฉพาะภาคเหนือ-อีสาน​

​

ทั่วไทย เจออากาศร้อนปนพายุฝนตกบางพื้นที่ โดยเฉพาะภาคเหนือ-อีสาน ขณะคาดการณ์ 5-12 พ.ค. แนวโน้มฝนตกครอบคลุมทั้งประเทศ

วันที่ 5 พ.ค. จากการตรวจสอบจากระบบพยากรณ์อากาศไทยรัฐทีวี เดอะเวตเตอร์ คอมพานี พบว่าสภาพอากาศช่วงหยุดยาวกลางสัปดาห์ อากาศกลับมาร้อน-ฝนลดลง บางพื้นที่ยังต้องระวังพายุฤดูร้อนเกิดจากความกดอากาศต่ำ หรือความร้อนที่ยังคงปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประกอบกับมีลมพัดสอบ 2 ทิศทาง คือ ลมตะวันตก และลมตะวันออกเฉียงใต้ พัดเข้ามาปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคตะวันออก

ลักษณะเช่นนี้ จะทำให้มีฝนฟ้าคะนอง กับลมกระโชกแรง บริเวณจังหวัดเชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน ตาก เพชรบูรณ์ เลย ชัยภูมิ หนองบัวลำภู ขอนแก่น อุดรธานี สกลนคร นครพนม หนองคาย บึงกาฬ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าว ระวังอันตรายจากพายุลมแรงที่จะเกิดขึ้น รวมถึงอยู่ห่างจากต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณา และสิ่งก่อสร้างที่ไม่แข็งแรงไว้ด้วย

ส่วนการคาดการณ์ปริมาณฝนช่วง วันที่ 5-12 พฤษภาคม 2559 มีแนวโน้มจะตกครอบคลุมทั้งประเทศ โดยจะมีฝนตกมากที่ลุ่มน้ำป่าสักตอนบน บริเวณขอบของประเทศ และภาคใต้ แต่วันที่ 13–20 พฤษภาคม 2559 มีแนวโน้มที่จะเกิดฝนตกมากขึ้น พื้นที่ที่ฝนตกจะครอบคลุมทั้งประเทศ โดยจะมีฝนตกมาก บริเวณภาคเหนือในลุ่มน้ำน่าน และบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือในลุ่มน้ำโขง และท้ายน้ำของลุ่มน้ำมูล บริเวณภาคใต้ในลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา อุณหภูมิภาพรวมของประเทศไทยวันนี้มีอากาศร้อนปนฝน

ภาคเหนือ อากาศร้อนถึงร้อนจัดบางพื้นที่ โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง ส่วนมากบริเวณจังหวัดเชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน ตาก และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศาเซลเซียส สูงสุด 42 องศาเซลเซียส

ภาคอีสาน อากาศร้อนถึงร้อนจัด โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของ พื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย ชัยภูมิ หนองบัวลำภู ขอนแก่น อุดรธานี สกลนคร นครพนม หนองคาย บึงกาฬ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศาเซลเซียส สูงสุด 40 องศาเซลเซียส

ภาคกลาง อากาศร้อนถึงร้อนจัด โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดอุทัยธานี ชัยนาท กาญจนบุรี สุพรรณบุรี และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 27 องศาเซลเซียส สูงสุด 42 องศาเซลเซียส

ภาคตะวันออก อากาศร้อนถึงร้อนจัด โดยมีฝนฟ้าคะนองและมีลมกระโชกแรงบาง แห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครนายก ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี สระแก้ว และชลบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 25 องศาเซลเซียส สูงสุด 40 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร

ภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25 สูงสุด 38 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ฝั่งอันดามัน อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดภูเก็ต กระบี่ และตรัง อุณหภูมิต่ำสุด 25 องศาเซลเซียส สูงสุด 38 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีอากาศร้อนและมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 27-39 องศาเซลเซียส

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 5 พ.ค. 2559

ที่มา ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

เตือนภัยสารเคมีตกค้างในผัก​

เผยแพร่เมื่อ 21 เม.ย. 2015​

 

รางจืด ประโยชน์ล้างพิษตะกั่วสารหนูสร่างเหล้า​

อัปโหลดเมื่อ 19 มี.ค. 2011​

 

รางจืด​

เผยแพร่เมื่อ 8 มี.ค. 2014​

 

รางจืดขับสารพิษ​

อัปโหลดเมื่อ 28 ต.ค. 2010​

 

วิธีจัดเป้สำหรับขึ้นที่สูง​

เผยแพร่เมื่อ 16 พ.ย. 2012​

 

อุปกรณ์ที่ต้องมีเพื่อเที่ยวป่าหน้าฝน​

เผยแพร่เมื่อ 14 มิ.ย. 2014
อุปกรณ์จำเป็นสำหรับเดินป่าตั้งแค้มป์หน้า­ฝน​

 

เปลสำหรับนอนในป่า​

เผยแพร่เมื่อ 27 มี.ค. 2013
แนะนำเปล Hennessy Hammock​

 

นกขมิ้นเหลืองอ่อน..ค่ำไหนนอนนั่น..​

อัปโหลดเมื่อ 12 เม.ย. 2011​

 

ภูเก็ตทำฟาร์มผักสลัดในภาชนะเหลือทิ้ง​

เผยแพร่เมื่อ 6 ก.พ. 2016​

“เกษตรสร้างชาติ” วันนี้ พาไปที่ จ.ภูเก็ต ไปดูตัวอย่างเกษตรกรที่หันมาทำฟาร์มปลูกผั­กสลัดในภาชนะที่เหลือทิ้ง จนปัจจุบันกลายเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการทำ­เกษตรเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมให้กับผู้สน­ใจทั่วภูเก็ต

 

บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง​

เผยแพร่เมื่อ 26 ก.พ. 2015​

จากเมล็ดพันธุ์พระราชทาน มาเป็นโครงการเพื่อนช่วยเพื่อน บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง และ ซอยนี้มีรัก ปลูกผักแบ่งปัน ติดตามภารกิจสุขภาพดีด้วยผักพื้นบ้าน ในรายการ "อาหารบันดาลใจ" วันศุกร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ นี้ บ่ายสามโมงครึ่ง ทางช่องไทยรัฐทีวี

 

เกษตรกรตรังปลูกผักสวนครัวลอยฟ้าประหยัดพื้นที่​

เผยแพร่เมื่อ 30 ส.ค. 2015​

ตรัง 30 ส.ค.-เกษตรกรชาวตำบลนาหมื่นศรี อ.นาโยง จ.ตรัง หันมาปลูกผักสวนครัวลอยฟ้าเพื่อให้เป็นต้น­แบบเศรษฐกิจพอเพียงสำหรับผู้ที่มีพื้นที่น­้อย เน้นปลูกง่ายโตเร็วและใช้บริโภคในครัวเรือ­นเพื่อลดรายจ่าย

 

มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 28 คน จากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในซีเรีย​

​

มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 28 คน จากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในซีเรีย

เบรุต 6 พ.ค. – กลุ่มสังเกตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในซีเรียรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 28 คน ซึ่งรวมถึงผู้หญิงและเด็กจากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศศูนย์พักพิงผู้ไร้ที่อยู่ทางภาคเหนือของซีเรียใกล้กับชายแดนตุรกี

นายรามี อับเดล ราห์มาน ผู้อำนวยการกลุ่มสังเกตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในซีเรียกล่าวว่า เหตุโจมตีซึ่งทำให้มีผู้บาดเจ็บอีก 50 คน มีเป้าหมายยังค่ายผู้ไร้ที่อยู่ใกล้กับเขตซาร์มาดาในจังหวัดอิดลิบ ซึ่งเป็นเขตที่กลุ่มอัล-นุสราในเครือข่ายกลุ่มอัลกออิดะห์ยึดครองพื้นที่ไว้ในซีเรีย .- สำนักข่าวไทย

แคนาดาย้ำผู้อพยพหนีไฟป่า อาจต้องรอนานกว่าจะได้กลับบ้าน​

​

แคนาดาย้ำผู้อพยพหนีไฟป่า อาจต้องรอนานกว่าจะได้กลับบ้าน

มอนทรีออล 6 พ.ค. – เจ้าหน้าที่แคนาดากล่าวว่า ประชาชนหลายหมื่นคนที่อพยพออกจากเมืองฟอร์ตแมคเมอร์เรย์เนื่องจากไฟป่าขยายวงกว้าง ยังคงต้องรออีกนานกว่าจะได้กลับเข้าบ้านเรือนได้

นางเรเชล นอตลีย์ มุขมนตรีรัฐแอลเบอร์ตาของแคนาดากล่าวว่า ไฟป่าทำให้เกิดความเสียหายครั้งร้ายแรง และยังไม่มีทางคาดเดาได้ว่า ผู้อพยพจะกลับบ้านได้เมื่อใด ซึ่งคาดว่าผู้อพยพจากสถานการณ์ไฟป่าลุกลาม ยังจะไม่ได้กลับบ้านในช่วงเวลาอันใกล้นี้ .- สำนักข่าวไทย

ปานามามีรายงานทารกศีรษะเล็ก 4 คน จากไวรัสซิกา​

​

ปานามาซิตี 6 พ.ค. – เจ้าหน้าที่สาธารณสุขปานามารายงานวันนี้ว่า มีทารกแรกเกิด 4 คน ที่มีความผิดปกติศีรษะเล็กซึ่งเกี่ยวข้องกับไวรัสซิกา

ผู้อำนวยการโรคระบาดวิทยา กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ทารก 2 คนในจำนวน 4 คนเสียชีวิตแล้วที่โรงพยาบาลกรุงปานามาซิตี อย่างไรก็ตามยังไม่แน่ชัดว่ามารดาติดเชื้อไวรัสซิกาก่อนนี้หรือไม่ เนื่องจากไม่มีรายใดที่ถูกระบุว่ามีเชื้อไวรัสซิกาก่อนให้กำหนดทารก ทางการปานามามีรายงานยืนยันผู้ติดเชื้อไวรัสซิกาที่มียุงเป็นพาหะ 264 คน ซึ่งในจำนวนนี้เป็นหญิงตั้งครรภ์ 11 คน ขณะที่มีความสงสัยว่าไวรัสซิกาอาจมีส่วนเกี่ยวข้องทำให้ทารกมีศีรษะเล็กผิดปกติตั้งแต่แรกเกิด .- สำนักข่าวไทย

พบหญิงรอดชีวิตใต้ตึกถล่มเคนยาเมื่อ 6 วันก่อน​

​

พบหญิงรอดชีวิตใต้ตึกถล่มเคนยาเมื่อ 6 วันก่อน

เคนยา 6 พ.ค. – เจ้าหน้าที่กู้ภัยเคนยาพบผู้หญิงคนหนึ่งใต้ซากปรักหักพังของอาคารในกรุงไนโรบี ที่ถล่มลงมาเมื่อ 6 วันก่อน ขณะหญิงคนดังกล่าวยังมีสติอยู่ พูดคุยได้ ไม่พบร่องรอยอาการบาดเจ็บชัดเจน แต่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ เขาถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลท่ามกลางเสียงตบมือดีใจของผู้คน อาคารที่พักอาศัยสูง 6 ชั้นในเขตฮูรูมาพังถล่มลงมา หลังมีฝนตกหนัก ยอดผู้เสียชีวิตขณะนี้อยู่ที่ 33 คน และสามารถดึงร่างผู้รอดชีวิตออกมาได้ 137 คน ขณะที่อีกเกือบ 80 คน คาดว่ายังคงติดอยู่ภายใน. -สำนักข่าวไทย

ชาวประมงฟิลิปปินส์หวังผู้นำคนใหม่แก้ปัญหาทะเลจีนใต้​

​

ฟิลิปปินส์ 6 พ.ค. – ชาวประมงในฟิลิปปินส์คาดหวังว่าผู้นำคนใหม่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาขัดแย้งในทะเลจีนใต้กับจีนได้ หลังจากที่พวกเขาได้รับผลกระทบจากการที่จีนส่งเรือลาดตระเวนเข้ามาในน่านน้ำที่มีปัญหาพิพาทกันอยู่

ชาวประมงในเมืองมาซินล็อคของฟิลิปปินส์ ตั้งความหวังว่าประธานาธิบดีคนใหม่ที่จะมาจากการเลือกตั้งในวันที่ 9 พฤษภาคมนี้ จะกล้าเผชิญหน้ากับจีนในปัญหาขัดแย้งเรื่องกรรมสิทธิ์ในทะเลจีนใต้ และช่วยให้ชาวประมงฟิลิปปินส์สามารถกลับเข้าไปทำประมง ในเขตใกล้แนวปะการังสการ์โบโรได้อีกครั้ง หลังจากต้องระงับไปเนื่องจากจีน ได้ส่งเรือของหน่วยยามฝั่งเข้ามาลาดตระเวนในบริเวณดังกล่าว ชาวประมงจึงวิตกว่าจะถูกเรือของจีนผลักดันออกมา ทำให้เวลานี้ชาวประมงบางคน ต้องผันตัวเองไปเป็นวินมอเตอร์ไซค์เพื่อรายได้เลี้ยงชีพ และกล่าวด้วยว่าพวกเขาต้องการผู้นำที่มีท่าทีแข็งกร้าวมากขึ้น เพื่อผลักดันให้จีนถอนตัวออกจากทะเลฟิลิปปินส์ ซึ่งไม่ใช่กรรมสิทธิ์ของจีน

ขณะที่บางคนบอกว่าพวกเขาต้องการสันติภาพ ไม่อยากให้เกิดการสู้รบกันขึ้นขอเพียงได้กลับเข้าไปทำการประมง ใกล้แนวปะการังสการ์โบโร่ก็พอแล้ว อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์ด้านการทหารชี้ว่า จีนคงไม่มีวันยอมให้ชาวประมงฟิลิปปินส์กลับเข้าไปจับปลาในบริเวณดังกล่าวได้อีก แต่ชาวประมงยังคงฝากความหวังเอาไว้กับประธานาธิบดีคนใหม่ ซึ่งพวกเขาเชื่อมั่นว่าจะต้องมีคนที่สามารถเข้ามาแก้ปัญหาทะเลจีนใต้ได้อย่างแน่นอน. -สำนักข่าวไทย

เผยมีผู้เสียชีวิตกว่า 70 คน ขณะกองกำลังซีเรีย ปะทะฝ่ายกบฏในเมืองอเลปโป​

​

เผยมีผู้เสียชีวิตกว่า 70 คน ขณะกองกำลังซีเรีย ปะทะฝ่ายกบฏในเมืองอเลปโป

เบรุต 6 พ.ค. – กลุ่มสังเกตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในซีเรียรายงานวันนี้ว่า การสู้รบระหว่างกองกำลังรัฐบาลซีเรียกับกลุ่มติดอาวุธเครือข่ายกลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะห์และแนวร่วม ยังผลให้มีผู้เสียชีวิต 73 คน ที่เมืองอเลปโปทางภาคใต้ของซีเรียที่กลายเป็นสนามรบอยู่ในขณะนี้

แถลงการณ์ของกลุ่มสิทธิในซีเรียระบุว่า กลุ่มแนวร่วมอัลนุสราและเครือข่ายก่อเหตุโจมตีกองกำลังรัฐบาลที่หมู่บ้านข่านตูมาน โดยได้เข้ายึดบริเวณหมู่บ้านและพื้นที่โดยรอบภายหลังปะทะกับกองกำลังรัฐบาลเมื่อไม่ถึง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ในกลุ่มผู้เสียชีวิตมีนักรบในกลุ่มติดอาวุธอัลนุสราและแนวร่วมรวมอยู่ด้วยอย่างน้อย 43 คน ส่วนฝ่ายกองกำลังรัฐบาลเสียชีวิต 30 คน หมู่บ้านข่านตูมานถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญเนื่องจากเป็นพื้นที่ใกล้กับทางหลวงสายหลักระหว่างกรุงดามัสกัสกับเมืองอเลปโป .- สำนักข่าวไทย

สื่อเผยไม่มีผู้แทนจีนเข้าร่วมประชุมใหญ่พรรคแรงงานเกาหลีเหนือ​

​

สื่อเผยไม่มีผู้แทนจีนเข้าร่วมประชุมใหญ่พรรคแรงงานเกาหลีเหนือ

ปักกิ่ง 6 พ.ค.- สื่อจีนรายงานว่า คณะผู้แทนรัฐบาลจีนไม่ได้เข้าร่วมการประชุมใหญ่พรรคแรงงานเกาหลีเหนือในวันนี้ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี และถือเป็นสัญญาณของความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่างเกาหลีเหนือกับจีน ซึ่งเป็นพันธมิตรรายใหญ่ที่สุดที่ให้ความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจและในเวทีระหว่างประเทศ

หนังสือพิมพ์โกลบอลไทมส์สื่อใกล้ชิดพรรครัฐบาลคอมมิวนิสต์จีนรายงานว่า คณะเจ้าหน้าที่จีน ไม่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมคณะผู้นำทางการเมืองระดับสูงของเกาหลีเหนือ ผู้อำนวยการศูนย์เกาหลีศึกษา มหาวิทยาลัยฟูตันของจีนกล่าวว่า เกาหลีเหนือยังคงนโยบายที่แยกตัวเองเป็นอิสระ ขณะที่ยังไม่มีรายละเอียดของวาระในการประชุมพรรครัฐบาลเกาหลีเหนือครั้งนี้ และไม่แน่ชัดว่ามีผู้แทนจากต่างชาติเข้าร่วมด้วยหรือไม่ .- สำนักข่าวไทย

พรรคฝ่ายค้านอินเดียเดินขบวนรวมพลังต้านนายกฯ​

​

พรรคฝ่ายค้านอินเดียเดินขบวนรวมพลังต้านนายกฯ

นิวเดลี 6 พ.ค. – พรรคคองเกรสซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านอินเดียจัดการประท้วงเพื่อแสดงพลังคัดค้านนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีในวันนี้ โดยมีนางโซเนียและนายราหุล คานธี เป็นผู้นำในการชุมนุมและเดินขบวนมายังอาคารรัฐสภาซึ่งพวกเขากล่าวว่า เพื่อต่อต้านความพยายามของนายโมดีที่จะทำลายกระบวนการประชาธิปไตย

ครั้งนี้พรรคฝ่ายค้านเป็นฝ่ายตอบโต้กลับบ้างภายหลังเผชิญกับข้อกล่าวหาทุจริตคอร์รัปชันจากพรรคของนายโมดีกรณีการจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์ซึ่งพรรคคองเกรสเป็นรัฐบาลในขณะนั้น ผู้นำพรรคคองเกรสกล่าวหานายโมดีว่าพยายามจำกัดสิทธิประชาชนและไม่สามารถแก้ปัญหาภัยแล้งได้ ทำให้ประชาชนชาวอินเดีย 400 ล้านคน เดือดร้อน นายราหุล คานธีกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีโมดีเคยสัญญาว่าจะสร้างงานใหม่ 20 ล้านอัตราทุกปี แต่ในความเป็นจริงเศรษฐกิจอินเดียสร้างงานเพิ่มได้เพียง 130,000 อัตราเท่านั้น และกล่าวว่า นายโมดีบอกแต่ว่าจะดีขึ้น แต่จนถึงทุกวันนี้ประเทศยังประสบภัยแล้งและชาวนาเดือดร้อน .- สำนักข่าวไทย

ที่มา เว็บไซต์สำนักข่าวไทย

 

เตือนเอเชียโดน "ลา นีญา" ถล่มซ้ำสอง​

​

ขณะที่ฝนก็แล้ง อากาศก็ร้อนอบอ้าว ด้วยฤทธิ์เดชของปรากฏการณ์ “เอล นีโญ” ทำให้ทั้งอาหารและน้ำขาดแคลน ตามไร่นาทั่วทั้งทวีปเอเชีย วงการผู้เชี่ยวชาญยังได้เตือนให้ระวังภัยของปรากฏการณ์ “ลา นีญา” ซึ่งเป็นพี่น้องกันด้วย กำลังจะเข้ามาซ้ำเติมอีกอย่างหนึ่ง

ปรากฏการณ์ “เอล นีโญ”เกิดมาตั้งแต่ปีกลาย ลากยาวมาจนป่านนี้ เป็นครั้งที่รุนแรงสุด แม้กระทั่งแม่น้ำโขงยังเหลือระดับตื้นที่สุดในรอบหลายสิบปี แต่ที่ฟิลิปปินส์กลับมีอุทกภัย กับคลื่นความร้อนอุณหภูมิขึ้นเกิน 40 องศาเซลเซียสด้วย วงการผู้เชี่ยวชาญได้ประมาณว่า บริเวณเอเชียอาคเนย์ได้รับความเสียหายทางเศรษฐกิจเป็นมูลค่าไม่น้อยกว่า 330 พันล้านบาท ประชาชนในดินแดนที่ได้รับทุกข์เหล่านั้น ยังพากันหวาดผวาจะโดนภัยธรรมชาติจากปรากฏการณ์ “ลา นีญา” ที่ร้ายกาจไม่แพ้กันตามมาซ้ำเข้าอีก

สำนักกิจกรรมมนุษยธรรมและบรรเทาทุกข์ แห่งสหประชาชาติ กล่าวว่า สถานการณ์จะเลวร้ายลงไปอีก หากปรากฏการณ์ลานี ญา ซ้ำเข้าอีกตอนปลายปีนี้ ตัว “เอลนีโญ” เคยทำให้ประชากรโดยเฉพาะในแอฟริกา จำนวนไม่ต่ำกว่า 60 ล้านคน สิ้นเนื้อประดาตัว หาก “ลานี ญา” มาทำลายล้างเอเชียเข้าอีก ชาวทวีปเอเชียส่วนใหญ่กำลังถูกทรมานด้วยคลื่นความร้อนก็คงจะต้องทอดอาลัยในชีวิตไปตามๆกัน.

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 6 พ.ค. 2559

มาตามนัด พายุฤดูร้อนถล่มซ้ำ อุดรฯ-นครพนมอ่วม โดน 3 รอบติด​

​

มาตามคำพยากรณ์ พายุฤดูร้อนถล่มหลายพื้นที่ในภาคอีสาน หลังจากกลางวันร้อนจัด อ.นาแก จ.นครพนม โดนถี่ยิบ 3 ครั้งในรอบสัปดาห์ ล่าสุดบ้านพังอีก 20 หลัง อุดรธานี ห้างใหญ่ในเมืองหลังคาพัง ส่วน อ.หนองหาน เสาไฟฟ้าล้มขวางถนนนับสิบต้น...

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 6 พ.ค.59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม ได้เกิดพายุฤดูร้อน มีฝนตกหนัก ลมกระโชกแรง เป็นครั้งที่ 3 ในรอบสัปดาห์ ภายหลังสถานีอุตุนิยมวิทยานครพนม ได้ประกาศเตือนพายุฤดูร้อนในช่วงสัปดาห์นี้ ส่งผลให้บ้านเรือนของชาวบ้านในพื้นที่ ต.คำพี้ อ.นาแก จ.นครพนม ได้รับความเสียหายทั้งหมด 20 หลัง มีที่เสียหายอย่างหนัก 5 หลัง ถูกลมพายุพัดหลังคาปลิวหายทั้งหลัง สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน ต้องสูญเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมจำนวนมาก

ทั้งนี้ จ.นครพนม ถือว่าปีนี้เกิดพายุบ่อยครั้งในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีบ้านเรือนเสียหายกว่า 600 หลังคาเรือน รวมมูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท โดยเฉพาะพื้นที่ ต.คำพี้ อ.นาแก ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้ว มีบ้านเรือนพังเสียหายนับ 100 หลัง เบื้องต้น นายศิวเรศ น้อยเภา อายุ 52 ปี นายก อบต.คำพี้ พร้อมด้วย นายสุพจน์ หาญธงชัย อายุ 53 ปี กำนันตำบลคำพี้ ได้ประสานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าเร่งทำการสำรวจ รวมถึงจัดหาที่พักอาศัยชั่วคราว พร้อมประสานเจ้าหน้าที่หน่วยงานทหารพัฒนา ฝ่ายปกครอง เข้าไปช่วยเหลือซ่อมแซมบ้านเรือน ลดค่าใช้จ่ายให้มากที่สุด พร้อมประกาศเตือนให้ประชาชนในพื้นที่เฝ้าระวังการเกิดพายุอีกในช่วงนี้

ส่วน จ.อุดรธานี ช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ได้เกิดพายุฤดูร้อนทั้งฝนทั้งลมและลูกเห็บได้พัดถล่มเสาไฟฟ้าแรงสูงหักโค่นหลายสิบต้น สายไฟตกใส่รถยนต์บนถนนสายสกล-อุดรธานี ระหว่างหลักกิโลเมตรที่ 54-55 หน้า อบต.บ้านยา หมู่ 9 ต.บ้านยา อ.หนองหาน จนต้องปิดถนนหนึ่งช่องทางใช้ได้เพียงช่องทางเดียว เพื่อให้เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าอำเภอหนองหานเร่งเก็บกู้และซ่อมแซม ขณะที่บ้านเรือนราษฎรใน ต.บ้านยา ต.บ้านเชียง เสียหายประมาณ 50 หลังคาเรือน

ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ในพื้นที่เขตเทศบาลนครอุดรธานี พายุฤดูร้อนได้สร้างความเสียหายอย่างกว้างขวางเช่นกัน อาคารห้างร้านขนาดใหญ่ เช่น ห้างสยามโกลบอลเฮ้าส์ สาขาอุดรธานี ถูกลมพัดหลังคาพัง นอกจากนี้ยังมีที่วัดโพธิสมภาร เต็นท์ที่กางให้ญาติโยมมาทำบุญ ถูกลมพัดปลิว สร้างความโกลาหลวุ่นวายเป็นอย่างมาก.

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 6 พ.ค. 2559

พายุกระหน่ำทั่ว เสียหายยับ เสาไฟ ต้นไม้ล้ม-บ้านพัง​

​

พายุกระหน่ำทั่ว เสียหายยับ เสาไฟ ต้นไม้ล้ม-บ้านพัง

พายุฤดูร้อนพัดถล่มทั่วประเทศหลายจังหวัดได้รับผลกระทบอย่างหนัก ภาคอีสาน จ.อำนาจเจริญ ถูกพายุพัดกระหน่ำกินพื้นที่ 2 อำเภอ บ้านเรือนเรือกสวนไร่นาได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง แม่เฒ่าวัย 69 ปี บ้านไม้เก่าเพิ่งสร้าง ยังไม่เสร็จเรียบร้อยดี ถูกพายุพัดพังเสียหายทำเอา สิ้นเนื้อสิ้นตัว ภาคเหนือ จ.กำแพงเพชร สวนมะละกอในพื้นที่ อ.คลองขลุง โค่นล้มเสียหายยับเยินเป็นวงกว้าง เจ้าของสวนพากันโอดครวญทั่วหน้า ขณะที่ภาคใต้มีการประกาศพื้นที่ภัยพิบัติจากวาตภัยภายในวิทยาลัยการเกษตรและเทคโนโลยีพังงา หลังถูกพายุฝนพัดถล่มอาคารเรียนพังเสียหาย 3 หลังต้องเร่งซ่อมแซมเพื่อให้ทันรับเปิดเทอม

พายุฤดูร้อนพัดถล่มอีสานเหนือใต้หลายจังหวัด เสียหายหนัก ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 5 พ.ค.ว่า ที่ จ.อำนาจเจริญ เกิดพายุพัดกระหน่ำในพื้นที่ อ.เสนางคนิคม และ อ.เมืองอำนาจเจริญ เมื่อค่ำวันที่ 4 พ.ค.ทำให้บ้านเรือนเสียหายเป็นวงกว้างหลายตำบล ต้นไม้โค่นล้มทับเส้นทางในหมู่บ้านนับ 10 จุด ทั้งนี้ น.ส.กาใส บุญเนตร อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 141/1 หมู่ 1 ต.หนองสามสี อ.เสนางคนิคม หนึ่งในชาวบ้านผู้ประสบภัย กล่าวว่า ตนรื้อไม้เก่าอายุนับ 100 ปี เป็นไม้มรดกตกทอดของพ่อแม่มาสร้างบ้านใหม่ยังสร้างไม่เสร็จเรียบร้อยดี ถูกพายุพัดถล่มพังยับทั้งหลัง ทำให้หมดเนื้อหมดตัว ขณะที่นางด้วง มีลา อายุ 69 ปี ชาวบ้านหมู่ 2 ต.นาวัง อ.เมืองอำนาจเจริญ ถูกพายุพัดหอบหลังคาหายไปทั้งหลัง ทำให้ไร้ที่อยู่อาศัย ขณะที่นางด้วง มีฐานะยากจนอาศัยอยู่บ้านคนเดียวไม่มีลูกหลาน มีรายได้จากเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเพียงเดือนละ 600 บาท พอประทังชีวิต กลับมาถูกพายุพัดบ้านซ้ำเติมอีก

ที่ จ.เลย เกิดพายุฝนพัดถล่มในพื้นที่ อ.นาด้วง อ.วังสะพุง และ อ.เมืองเลย อย่างหนักส่งผลให้บ้านเรือนราษฎร ถูกพายุพัดได้รับความเสียหาย 126 หลังคาเรือน ต้นไม้หักโค่น เสาไฟฟ้าหัก เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเลย พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อยู่ในระหว่างการสำรวจความเสียหายเพื่อเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย ส่วน จ.นครราชสีมา พายุพัดถล่มทำให้หลังคาอาคารเรียนโรงเรียนบ้านสัมฤทธิ์ ต.สัมฤทธิ์ อ.พิมาย ได้รับความเสียหาย 3 หลัง บ้านเรือนประชาชน 4 หมู่บ้านของ ต.สัมฤทธิ์ พังยับร่วม 15 หลังคาเรือน และยังมีสถานีอนามัย กับศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่ได้รับความเสียหายเพราะถูกหลังคาโรงเรียนปลิวมาทับด้วย นอกจากนี้ ซุ้มประตูทางเข้าอนุสรณ์สถานวีรกรรมทุ่งสัมฤทธิ์ ขนาดใหญ่ที่เพิ่งสร้างได้เพียง 2 เดือน ก็พังเสียหายทั้งหมด

ส่วน จ.กำแพงเพชร พายุฝนลมพัดถล่มและลูกเห็บตกในหลายอำเภอ ชาวบ้านประสบเหตุวาตภัย 4 อำเภอ ได้แก่ อ.คลองขลุง อ.ไทรงาม อ.โกสัมพีนคร อ.ขาณุวรลักษบุรี อ.ลานกระบือ บ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหาย 549 หลังคาเรือน โดยเฉพาะบ้านเลขที่ 43 บ้านวังหิน หมู่ 11 ต.คลองขลุง อ.คลองขลุง เป็นบ้านของนางลั่นทม คล้ายทอง หลังคาบ้านถูกลมพายุพัดหอบไปกองอยู่ในทุ่งนาห่างจากตัวบ้าน 15 เมตร และฝาผนังบ้านเป็นแผ่นยิปซัมพังทั้งแถบ โทรทัศน์ LCD เสื้อผ้าที่นอนหมอนมุ้ง เปียกฝนหมด ต้องนำมาตากแดด ส่วนเสาไฟฟ้าริมถนนพหลโยธินสายกำแพงเพชร-คลองขลุง หน้าปั๊มน้ำมันบางจาก หักโค่นถึง 18 ต้น สายไฟพาดเต็มถนน เจ้าหน้าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และช่างของเครือข่ายโทรศัพท์ต่างลงพื้นที่เร่งซ่อมแซมกันวุ่นวาย

ขณะที่สวนมะละกอของนายสำเริง ครูเล่งกี่ อายุ 40 ปี ตั้งอยู่หมู่ 3 บ้านโนนมะกอก ต.ท่ามะเขือ อ.คลองขลุง ปลูกบนเนื้อที่ราว 65 ไร่ ถูกพายุพัดต้นมะละกอโค่นล้มระเนนระนาดราว 1,000 ต้น จากทั้งหมด 2,000 ต้น ลูกมะละกอลอยเกลื่อนในร่องสวน คนงานระดมกำลังเร่งเก็บผลมะละกอส่งขายพ่อค้ากันวุ่นวาย เช่นเดียวกับสวนมะละกอของนายวันชัย จันทโรจน์ อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20 หมู่ 4 ต.ท่ามะเขือ อ.คลองขลุง เนื้อที่ประมาณ 17 ไร่ ถูกพายุพัดได้รับความเสียหายร่วม 500 ต้น นอกจากนั้นยังมีสวนมะละกอรายเล็กอีกหลายรายได้รับความเสียหายทั่วหน้า ทำให้ขาดทุนยับเยิน เจ้าของสวนมะละกอต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ต่อไปราคามะละกอจะแพงขึ้นไปอีก อาจถึงกิโลกรัมละกว่า 10 บาท เนื่องจากมะละกอเสียหาย ทำให้ผลผลิตออกสู่ตลาดน้อยลง

จ.พิษณุโลก พายุพัดถล่มทำให้ต้นไม้ริมถนนสายพิษณุโลก-นครสวรรค์ บริเวณหลัก กม.10 ต.บางระกำ อ.บางระกำ โค่นล้มขวางเส้นทางจราจร ขณะที่เสาไฟฟ้าแรงสูงฝั่งขาเข้าตัวเมืองพิษณุโลก ถูกแรงลมพัดหักโค่นหลายสิบต้น ส่วนบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ ต.พันเสา อ.บางระกำ เสียหายมากที่สุดเกือบ 200 หลังคาเรือน โกดังข้าวเปรมศิริไรซ์ เลขที่ 111/1 หมู่ 2 บ้านวังเป็ด ต.บางระกำ ถูกแรงลมพัดตัวอาคารโกดังเก็บข้าวเสียหายโดยสิ้นเชิง 1 หลัง ขณะที่หลังคาอาคารเรียนโรงเรียนคลองวัดไร่ หมู่ 4 ต.บางระกำ กระแสลมพัดหลังคาสังกะสีปลิว ทำให้อุปกรณ์การเรียนเสียหายยับ เช่นเดียวกับโรงเรียนบ้านท่าโก ต.บางระกำ อยู่ใกล้กัน แรงลมพัดหลังคาอาคารเรียนชั้น ป.5 ปลิวไปตกกลางทุ่งนาไกลร่วม 500 เมตร หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจความเสียหายเพื่อให้การช่วยเหลือแล้ว

ที่ จ.ลำปาง พายุลูกเห็บพัดถล่มในพื้นที่ อ.วังเหนือ ส่งผลให้บ้านเรือนเรือกสวนไร่นาได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง นอกจากนั้นยังมีน้ำป่าจากดอยวังซ้ายไหลเข้ามาในหมู่บ้าน ทำให้ไก่เป็ดและสุกรถูกกระแสน้ำป่าพัดตายจำนวนมาก โดยพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดคือ ต.ทุ่งฮั้ว ต.วังทอง และ ต.วังซ้าย จากการสำรวจพบบ้านเรือนได้รับความเสียหายกว่า 350 หลังคาเรือน เบื้องต้นทางองค์กรปกครองท้องถิ่นลงพื้นที่สำรวจความเสียหายเพื่อเร่งให้การช่วยเหลือแล้ว

ต่อมาเย็นวันที่ 5 พ.ค. พายุฤดูร้อนพัดถล่มในพื้นที่เขต อ.เมืองนครราชสีมา นานกว่า 30 นาที ทำให้เสาไฟฟ้าแรงสูงหักโค่นรวม 24 ต้น ขวางการจราจรบนถนนสาย 304 ราชสีมา-ปักธงชัย ฝั่งขาเข้า ตัวเมืองนครราชสีมา บริเวณตรงข้ามกองพลพัฒนาที่ 2 ต.ไชยมงคล รวมระยะทางกว่า 2 กม. รถยนต์ไม่สามารถวิ่งผ่านได้ เจ้าหน้าที่ต้องปิดการจราจร ให้ไปใช้ช่องทางพิเศษฝั่งตรงข้าม ส่งผลให้ไฟฟ้าดับสนิทกินพื้นที่บริเวณกว้าง เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เร่งเคลียร์พื้นที่หลายชั่วโมง โชคดีขณะเกิดเหตุไม่มีรถสัญจรผ่านบริเวณดังกล่าว จึงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียหาย นอกจากนี้ ยังมีเสาไฟฟ้าแรงสูงหักโค่นอีก 6 ต้น ริมถนนฝั่งตรงข้าม บริเวณปั๊มแก๊ส LPG ขาออกตัวเมืองนครราชสีมา ปิดทับเส้นทางจักรยานยาวกว่า 300 เมตร อีกทั้งเสาไฟฟ้าทับหลังคาปั๊มน้ำมันได้รับความเสียหายด้วย

ด้าน จ.พังงา พายุฤดูร้อนพัดถล่มสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง 2 อำเภอ คือ อ.เมืองพังงา และ อ.ตะกั่วทุ่ง ส่วนใหญ่ต้นไม้โค่นล้ม หลังคาบ้านเรือน ถูกแรงลมพัดพังยับและพืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะภายในวิทยาลัยการเกษตรและเทคโนโลยีพังงา มีต้นไม้โค่นล้มจำนวนมาก อาคารเรียนเสียหาย 6 หลัง นางกุลธารินท์ โรจนสุรสีห์ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพังงา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่วิทยาลัยการเกษตรฯ ลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหาย พร้อมเสนอจังหวัดประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติจากวาตภัย เพื่อเร่งดำเนินการซ่อมแซมปรับปรุงอาคารเรียนให้ทันเปิดเทอมรับนักศึกษาในวันที่ 9 พ.ค.

ขณะที่กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานว่า บริเวณประเทศไทยมีอากาศร้อน และมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ โดยมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรง บริเวณจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน ตาก เพชรบูรณ์ เลย ชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และนครราชสีมา ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากพายุลมแรงที่จะเกิดขึ้น รวมถึงอยู่ห่างจากต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณา และสิ่งก่อสร้างที่ไม่แข็งแรงไว้ด้วย

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 6 พ.ค. 2559

ไฟป่าลุ่มน้ำบางนราไหม้แล้ว 2,500 ไร่ ผู้ว่าฯ เร่งระดมทีมเข้าดับ​

​

ไฟไหม้ป่าลุ่มน้ำบางนรา ยังคงรุนแรงและหนัก เสียหายแล้ว 2,500 ไร่ พ่อเมืองนราธิวาส ระดมทีมหามาตรการเข้าควบคุม ทั้งยังเตรียมแผนทำฝนหลวงขึ้นช่วยดับ...

สำหรับความคืบหน้าไฟไหม้ป่าในพื้นที่ ม.7 ต.ปะลุรู อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ก่อนจะลุกลามขยายวงกว้างเข้าไปในเขตป่าสงวนลุ่มน้ำบางนราแปลงที่ 2 และพื้นที่ทำกินของชาวบ้านในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก ซึ่งอยู่ใกล้กับเขตป่าพรุสิรินธร หรือป่าพรุโต๊ะแดง เสียหายแล้วกว่า 200 ไร่นั้น

ล่าสุด นายสิทธิชัย ศักดา ผวจ.นราธิวาส นายสุพจน์ เพริดพริ้ง ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 6 จ.สงขลา และนายมาเณศ บุณยานันท์ หัวหน้าศูนย์วิจัยและศึกษาธรรมชาติป่าพรุสิรินธร ได้ร่วมประชุมหามาตรการควบคุมไฟไหม้ป่าที่กำลังลุกลาม โดยได้สั่งการให้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังไฟไหม้ป่าทั้งกลางวันและกลางคืน ควบคู่ไปกับการปฏิบัติการโจมตีก้อนเมฆเพื่อทำฝนหลวงของศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคใต้ แต่ยังไม่สำเร็จ เนื่องจากฝนตกไม่ตรงจุดเกิดเหตุที่มีไฟไหม้ป่า

นอกจากนี้แล้วยังทำการขุดแนวกันไฟ เพื่อควบคุมพื้นที่ไฟไหม้ป่าให้อยู่ในวงจำกัด การขุดหาแหล่งน้ำเพื่อให้ชุดดับเพลิงภาคพื้นดินสามารถนำเครื่องสูบน้ำไปต่อในการฉีดน้ำดับไฟได้สะดวก รวมทั้งการใช้เฮลิคอปเตอร์ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ติดตะกร้าขนาด 500 ลิตร บินตักน้ำจากแหล่งน้ำใกล้เคียงไปโปรยน้ำดับไฟ โดยเฉพาะในจุดที่มีต้นเพลิงที่ค่อนข้างรุนแรง จำนวน 2 จุด คือ 1. พื้นที่ป่าบ้านละหาน ม.4 ต.ปะลุรู อ.สุไหงปาดี 2.พื้นที่บ้านลูโบ๊ะซามา ม.8 ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก

ด้านนายสุพจน์ เพริดพริ้ง ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 6 จ.สงขลา เปิดเผยว่า จากการบินสำรวจความเสียหายของพื้นที่ที่เกิดไฟไหม้ป่าในครั้งนี้ มีพื้นที่ที่เกิดไฟไหม้ป่า จำนวน 5 แห่ง โดยแยกเป็น อ.สุไหงปาดี 3 หมู่บ้าน คือ บ้านละหาน ม.4 บ้านตาเซ๊ะใต้ ม.6 และบ้านปอเนาะ ม.7 ต.ปะลุรู ส่วนพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก มี 2 หมู่บ้าน คือ บ้านบาโงซรายอ ม.1 และบ้านลูโบ๊ะซามา ม.8 ต.ปาเสมัส โดยมีพื้นที่ป่าสงวนและพื้นที่ทำกินของชาวบ้านได้รับความเสียหายทั้งสิ้น 2,500 ไร่

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 6 พ.ค. 2559

คุมได้แล้ว ไฟไหม้ บ้านพญาไม้ พัทยา! เรือนไทย 200 ล้าน​

​

เกิดเพลิงไหม้ บ้านพญาไม้ หมู่บ้านเรือนไทยมูลค่า200ล้าน จุดแวะพักท่องเที่ยวของเมืองพัทยา ลุกไหม้เรือนหลังใหญ่ตรงกลาง รถดับเพลิงขนาดใหญ่เข้าไม่ถึงต้องใช้รถเล็ก แต่น้ำเกิดหมด เมืองพัทยา-เทศบาลใกล้เคียงระดมช่วย ...

เมื่อเวลา 10.40 น. วันที่ 6 พ.ค. ได้เกิดเพลิงลุกไหม้บ้านพญาไม้ จุดท่องเที่ยวของเมืองพัทยา เลขที่ 124/9 ม.6 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นหมู่เรือนไทย สร้างด้วยไม้ทั้งหมด บนเนื้อที่กว่า 10 ไร่ มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท ไฟลุกโหมที่เรือนหลังใหญ่ที่อยู่ตรงกลาง เปลวเพลิงพวยพุ่งดูน่ากลัว

หลังเกิดเหตุ รถดับเพลิงจากเทศบาลหนองปรือ และเมืองพัทยา ได้รับแจ้งรุดมาดับเพลิงแต่พบอุปสรรครถใหญ่เข้าไม่ได้ ต้องใช้รถเล็กเข้าไป เบื้องต้นเข้าไปได้ 2 คัน แต่น้ำเกิดหมด ต่อมามีรถดับเพลิงจากเมืองพัทยาและใกล้เคียงเข้ามาช่วยอีก 6 คัน แต่จนถึงเวลา 11.30 น. ก็ยังไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ ส่วนสาเหตุเบื้องต้นทราบเพียงว่า ไฟลุกไหม้จากห้องพระ บนชั้น 2

สำหรับบ้านพญาไม้ บ้านไม้เรือนไทยโบราณ ที่เกิดเหตุ เจ้าของคือนายนายขุนทอง อู่เงิน อดีตตำรวจท่องเที่ยว ปัจจุบันเป็นนักธุรกิจเจ้าของตลาดสดปอยเปต ในเมืองพัทยา ตั้งใจก่อสร้างเป็นสถานที่แวะพักของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเมืองพัทยา ลงทุนไปประมาณ 200 ล้านบาท ก่อนจะเกิดเพลิงไหม้ดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า มีการระดมรถดับเพลิงจากเทศบาลหนองปรือ – เมืองพัทยาและเทศบาลใกล้เคียงกว่า 20 คัน มาร่วมกันดับเพลิงที่ลุกโหมอย่างรุนแรง เนื่องจากกระแสลมแรงใช้เวลา 3 ชั่วโมงเพลิงจึงสงบ ลุกไหม้เรือนหลังใหญ่ในเนื้อที่ 1 ไร่ครึ่ง ที่อยู่ตรงกลาง ค่าเสียหาย ไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท โดยมี ด.ต.ขุนทอง อู่เงิน อายุ 61 ปี อดีตตำรวจท่องเที่ยว ที่ลาออกมาทำธุรกิจเกี่ยวกับตลาดสด และเป็นเจ้าของ บ้านพญาไม้ ที่เกิดเหตุ พร้อมครอบครัวมายืนดูด้วยความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่ยอมเปิดเผยใดๆ ทั้งสิ้น

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 6 พ.ค. 2559

กลางวันร้อนจัด-ดึกฝนตก ปลาน็อกน้ำตายเกลื่อนบ่อ ที่อุตรดิตถ์​

​

กลางวันอากาศร้อนจัด-กลางคืนฝนตก ส่งผลให้ปลาที่เลี้ยงไว้ในบ่อของนายกเทศบาลตำบลป่าเซ่า น็อกน้ำ ลอยตายเกลื่อน เสียดายเลี้ยงมานาน แต่ละตัวหนักกว่า 5 กก. ภายในบ่อ ของวิทยาลัยเทคนิคอุตรดิตถ์ เกิดอาการเดียวกัน ครู-ศิษย์ พายเรือเก็บ หวั่นทำน้ำเสีย ...

วันนี้ 6 พ.ค. 59 เวลา 09.00 น. ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า ที่บริเวณบ่อเลี้ยงปลา ในพื้นที่ขนาด 10 ไร่ ที่บ้านหนองกวาง หมู่ที่ 5 ต.ป่าเซ่า อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ ของนายวินัย เอี่ยมสกุล นายกเทศบาลตำบลป่าเซ่า พบปลาจำนวนมากลอยตายเกลื่อน

ทั้งนี้ บ่อดังกล่าวเลี้ยงปลาหลายชนิด เช่น ปลาสวาย ปลานิล ปลาบึก ปลาไน ปลาดุก ปลาจีน และปลาตะเพียน ประมาณ 3 หมื่นตัว และเนื่องจากเลี้ยงมาหลายปีแล้ว แต่ละตัวจึงมีขนาดใหญ่ น้ำหนัก 5 กิโลกรัมขึ้นไป อีกทั้งช่วงนี้ ปลาได้ทำการขยายพันธุ์เป็นจำนวนมาก แต่เพราะอากาศช่วงนี้ ร้อนจัดตอนกลางวัน อุณหภูมิอยู่ที่ 40-43 องศา ส่วนกลางคืนจะมีฝนตกลงมา ทำให้ปลาน็อกน้ำ ลอยตายเป็นจำนวนมาก และทยอยตายเรื่อยๆ จนต้องให้ชาวบ้านนำไปรับประทาน

เบื้องต้น เจ้าของบ่อดังกล่าว ต้องหาเครื่องปั๊มน้ำมาเติมออกซิเจนภายในบ่อ และปลาที่ตายก็ให้ชาวบ้านบางส่วน ที่เหลือก็จะมีแม่ค้ามารับไปทำปลาร้า

ขณะเดียวกัน ที่วิทยาลัยเทคนิค จังหวัดอุตรดิตถ์ บ่อน้ำที่เลี้ยงปลาพันธุ์ต่างๆ ประมาณพันกว่าตัว ได้เกิดอาการน็อกน้ำเช่นกัน ปลาเริ่มเน่าส่งกลิ่นเหม็น ทางอาจารย์และนักศึกษาได้นำเรือไปพายเก็บซากปลาที่ตายเกลื่อนขึ้นมา เพื่อไม่ให้น้ำเน่าเสีย คาดว่าสาเหตุของปลาตายจะมาจากอากาศร้อนและฝนตกลงมา จนทำให้ปลาในบ่อเลี้ยงปลาปรับตัวไม่ทันเลยน็อกตาย

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 6 พ.ค. 2559

พลุระเบิดในบ้านที่ อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ดับสยอง 6 ศพ​

​

พลุระเบิดภายในบ้านชั้นเดียว กลางทุ่งนา อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี พบเสียชีวิต 6 ศพ ยัน บ้านที่ระเบิด ผลิตพลุดอกไม้ไฟ ยังไม่ทราบสาเหตุ จนท. เผย จากนี้ จ่อ กำหนดมาตรการตรวจเข้ม ทั่วจ.สุพรรณฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 21.00 น.วันที่ 5 พ.ค.59 ร.ต.อ.สยาม สวนอินทร์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ได้รับแจ้งว่า มีเหตุพลุระเบิด และมีคนเสียชีวิตจำนวนมาก ที่บริเวณบ้านไม่มีเลขที่ หมู่ 7 ต.พลับพลาไชย จึงรุดไปยังที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ไพฑูรย์ อยู่เพนียด ผกก.อู่ทอง พ.อ.กุญชภัสช์ หาญสมบูรณ์ เสนาธิการ มทบ.17 กองกำลังรักษาความสงบภายใน สุพรรณบุรี พ.ต.ท.วิรัตน์ เพชรทอง รอง ผกก.สส.หน่วยกู้ภัยจักนารายณ์อู่ทอง หน่วยกู้ภัยเสมอกันสุพรรณบุรี และหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน ร.พ.ศูนย์เจ้าพระยายมราช ระดมกำลังกว่า 50 นาย รุดไปยังที่เกิดเหตุ

ในที่เกิดเหตุพบว่า พื้นที่ดังกล่าวราบเป็นหน้ากองจากแรงระเบิด มีเศษวัสดุบ้าน เช่น สังกระสี เศษปูน เศษเหล็ก และชิ้นส่วนต่าง ๆ ของ มนุษย์กระจัดกระจายเป็นวงกว้างเกือบ 100 เมตร รวมถึงปลอกลูกพลาสติกขนาดเท่าลูกปิงปอง กระจัดกระจายไปทั่ว โดยมีบรรดาไทยมุงยืนดูอยู่เป็นจำนวนมาก และก็พบภาพอันน่าสยองมีศพนอนตายอยู่เกลื่อนไปทั่วบริเวณ สภาพศพเละ ร่างกายฉีกขาดไหม้เกรียม เลือดท่วมตัว ส่วนสภาพบ้านหลังเกิดเหตุเหลือเพียงเสาปูน 6 ต้น ตั้งโด่อยู่ ส่วนข้างฝาบ้านและหลังคา กระเด็นกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ ทางกองพิสูจน์หลักฐานสุพรรณบุรี และหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด (EOD) สุพรรณบุรี จึงได้เข้าทำการตรวจสอบและเก็บวัตถุพยานต่าง ๆ ไว้ทำการตรวจสอบ

จากการตรวจสอบศพผู้เสียชีวิต พบกระจัดกระจายไปทั้วบริเวณที่เกิดเหตุ ตรวจสอบพบจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 6 ศพ เป็นชาย 2 ศพ หญิง 4 ศพ สภาพศพ แขนขาขาด คอขาด โดยมีชิ้นส่วนอวัยวะบางอย่างกระเด็นไปติดอยู่บนต้นไม้อีกด้วย เป็นที่น่าสยดสยองอย่างยิ่ง

จากการสอบสวนชาวบ้านในละแวกที่เกิดเหตุ เผยว่า ระเบิดลูกแรกระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวมาก และมีประะกายไฟออกมาเป็นระยะ จากนั้นก็มีเสียงระเบิดตามมาอีกเป็นระยะ นานประมาณ 5 นาที เสียงจึงสงบลง เมื่อเข้าไปดูก็พบว่า โรงงานทำพลุดังกล่าวราบเป็นหน้ากองไม่เหลือแม้แต่ซาก

ด้าน พ.อ.กุญชภัสร์ หาญสมบูรณ์ เสนาธิการ กกล.รส.มทบ.17 เผยว่า จากเหตุระเบิดครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่รุนแรงที่สุด เพราะมีคนตายจำนวนมาก มาตรการต่อไปนี้ ก็คงจะต้องตรวจเข้มโรงงานพลุ ที่มีใบอนุญาติ และไม่มี โดยเฉพาะอย่างหลังนี้ ต้องจับและส่งดำเนินคดีสถานเดียว ส่วนโรงงานพลุที่มีใบอนุญาตก็จะต้องตรวจสอบอย่างเข้มข้น ว่า ถูกต้องไหม มีการกักตุนมากกว่าที่ทำเรืี่องขอมาหรือไม่ และมีมาตราการในการป้องกันอย่างไร ซึ่งตอนนี้ก็มีเป้าหมายหลายที่แล้วในเขต จ.สุพรรณบุรี

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 5 พ.ค. 2559

ชงแผนปฏิรูปแพทย์แผนไทยเข้าวิป-ครม​

.

​

ชูเป็นทางเลือกทุก รพ.-ดึงตำรับยาอัพเศรษฐกิจ ยกกรมเป็นกระทรวง

นพ.ธวัชชัย กลมธรรม ที่ปรึกษากรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงแผนการปฏิรูปการแพทย์แผนไทยแห่งชาติว่า ขณะนี้ได้ผ่านความเห็นชอบจากสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศไทย (สปท.) แล้ว อยู่ระหว่างนำเสนอวิปแม่น้ำ 3 สาย เพื่อรับรองก่อนที่จะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งหลังจาก ครม.เห็นชอบก็จะส่งเรื่องให้หน่วยราชการนำแผนไปปฏิบัติจริง ซึ่งแผนการปฏิรูปการแพทย์แผนไทยแห่งชาติเป็นแผน 20 ปี แต่ภายใน 1 ปีครึ่งจะมีเรื่องที่ต้องเร่งรัดและวางแผนด้านแพทย์แผนไทยให้เกิดผลเป็นรูปธรรมเพื่อทำให้ประเทศไทยเกิดความมั่นคง และยั่งยืน

โดยนำเรื่องภูมิปัญญาตำรับต่างๆที่ประเทศไทยมีอยู่มาสร้างเป็นเศรษฐกิจที่สร้างสรรค์ ซึ่งประชาชนจะได้รับประโยชน์จากแผนนี้ ทั้งนี้ความมั่นคงที่ได้รับคือไทยจะมีระบบการบริการทางการแพทย์แผนไทยคู่กับแพทย์แผนปัจจุบัน ซึ่งในอนาคตโรงพยาบาลทุกแห่งจะต้องมีการแพทย์แผนไทยให้ประชาชนได้เลือกว่าจะเข้ารับบริการด้วยการแพทย์แผนไทยหรือการแพทย์ตะวันตก

การเลือกรับบริการนั้น ประชาชนสามารถเชื่อถือการแพทย์แผนไทยได้เพราะทุกอย่างที่นำมาใช้ร่วมกับการแพทย์แผนตะวันตกจะต้องมีงานวิจัยรองรับ อย่างไรก็ตาม หากแผนการปฏิรูปการแพทย์แผนไทยแห่งชาตินี้ผ่าน ครม.ก็จะส่งผลให้งานในการปฏิรูปโครงสร้างด้านแพทย์แผนไทยดีขึ้น เพราะจะมีงบประมาณมาใช้พัฒนาด้านต่างๆ ทั้งด้านการบริหารกำลังคน การเพิ่มกำลังคน เป็นต้น และในอนาคตจะมีการบูรณาการการทำงานร่วมกันของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องเพื่อพัฒนาสมุนไพรไทยและแพทย์แผนไทยให้สามารถนำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยได้

นพ.ธวัชชัยกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังจะมีการส่งเสริมการศึกษาด้านการแปรรูปผลิตภัณฑ์ในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ รวมทั้งเรื่องการบริการ คาดว่าแผนดังกล่าวจะเข้าสู่วิปแม่น้ำ 3 สายสัปดาห์หน้า ก่อนเสนอเข้า ครม. เมื่อผ่าน ครม.ก็จะนำไปสู่การปฏิรูป 3 ส่วนหลัก ได้แก่ 1.ระบบบริการ 2.การศึกษา การทำวิจัยและพัฒนากำลังคน และ 3.การปฏิรูประบบการบริหารจัดการ ทั้งนี้ในที่ประชุม สปท.ยังเสนอแนวคิดที่จะยกระดับกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯเป็นกระทรวงเพื่อดูเรื่องของแพทย์แผนไทยอย่างครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ.

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 6 พ.ค. 2559

ไทย ผจญ 2 ฤดู ร้อนจัดตอนกลางประเทศ ขณะเหนือ-อีสาน เจอพายุฤดูร้อน​

​

ไทยผจญ 2 ฤดูในวันเดียว อากาศร้อนจัดตอนกลางประเทศ คาดยังร้อนต่อเนื่องไปอีก 2 สัปดาห์ ขณะภาคเหนือ-อีสาน เจอพายุฤดูร้อน ฝนฟ้าคะนอง-ลมกระโชกแรง

วันที่ 6 พ.ค. จากการตรวจสอบจากระบบพยากรณ์อากาศไทยรัฐทีวี เดอะเวตเตอร์ คอมพานี พบว่า ช่วงรอยต่อฤดูร้อนเข้าฤดูฝน ทำไทยเหมือนมี 2 ฤดู ในวันเดียว ภาคกลางของประเทศร้อนจัด ขณะที่เหนือ-อีสาน เผชิญพายุฤดูร้อน สาเหตุมาจากลมตะวันออกเฉียงใต้ยังคงพัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้ และอ่าวไทย เข้ามาปกคลุมภาคอีสาน ภาคตะวันออก และภาคกลาง ประกอบกับมีลมพัดสอบจาก 2 ทิศทาง คือ ลมตะวันตกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคเหนือ ท่ามกลางประเทศไทยที่มีอากาศร้อนอยู่เป็นทุนเดิม

ลักษณะเช่นนี้ ทำให้พื้นที่ตอนกลางของไทย ยังมีอากาศร้อนต่อไปอีก 2 สัปดาห์ ขณะที่ตอนบนของประเทศ ต้องรับมือกับพายุฤดูร้อนที่มาพร้อมกับฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง บริเวณจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน ตาก เพชรบูรณ์ เลย ชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และนครราชสีมา ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าว ระวังอันตรายจากพายุลมแรงที่จะเกิดขึ้น รวมถึงอยู่ห่างจากต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณา และสิ่งก่อสร้างที่ไม่แข็งแรงไว้ด้วย

เมื่อเราเปรียบเทียบปริมาณฝนปัจจุบันปี 2559 กับปี 2558 พบว่า มีฝนตกในภาคใต้ ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณลุ่มน้ำมูล มากกว่าปีที่แล้วในช่วงเวลาเดียวกันอย่างเห็นได้ชัด แต่เมื่อเทียบกับค่าปกติแล้วจะพบว่ามีลักษณะการกระจายตัวที่ไม่ดี โดยฝนที่ตกยังน้อยกว่าค่าปกติทุกภาค แต่มีการตกมากกว่าปกติเป็นบริเวณแคบๆ ในภาคเหนือ ที่ จ.ลำปาง ภาคกลางที่ จ.ชัยนาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ จ.ชัยภูมิ ร้อยเอ็ด และมหาสารคาม ภาคใต้ที่ จ.สงขลา ฝนเหมือนจะมีมากแต่มีเขื่อนขนาดใหญ่ที่มีปริมาณน้ำน้อยถึง 16 เขื่อน และมีน้ำลดลงจากเมื่อวาน 9 เขื่อน คือ เขื่อนภูมิพล จ.ตาก, เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์, เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก, เขื่อนจุฬาภรณ์ จ.ชัยภูมิ, เขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น, เขื่อนสิรินธร จ.อุบลราชธานี, เขื่อนศรีนครินทร์ จ.กาญจนบุรี, เขื่อนแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี และ เขื่อนบางลาง จ.ยะลา

อุณหภูมิในแต่ละภาคตลอดทั้งวันเฉลี่ย

ภาคเหนือ อากาศร้อนและมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง ส่วนมากบริเวณจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน ตาก และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 21 องศาเซลเซียส สูงสุด 43 องศาเซลเซียส

ภาคอีสาน อากาศร้อนและมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย ชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และนครราชสีมา อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศาเซลเซียส สูงสุด 40 องศาเซลเซียส

ภาคกลาง อากาศร้อนถึงร้อนจัด โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดอุทัยธานี ชัยนาท กาญจนบุรี สุพรรณบุรี และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 26 องศาเซลเซียส สูงสุด 43 องศาเซลเซียส

ภาคตะวันออก อากาศร้อน และมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ โดยมีฝนฟ้าคะนอง และลม กระโชกแรงบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 26 สูงสุด 41 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร

ภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช สงขลา ปัตตานี และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศาเซลเซียส สูงสุด 38 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ฝั่งอันดามัน อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดภูเก็ต กระบี่ และตรัง อุณหภูมิต่ำสุด 25 สูงสุด 38 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีอากาศร้อนและมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 27 องศาเซลเซียส สูงสุด 39 องศาเซลเซียส

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 6 พ.ค. 2559

ที่มา ข่าวล่าสุด ข่าวด่วน ประเด็นร้อน ข่าวไทยรัฐ - thairath.co.th

 

สหรัฐเผยมีสัญญาณเกาหลีเหนือพร้อมทดลองนิวเคลียร์​

​

โซล 7 พ.ค.- หน่วยงานวิชาการของสหรัฐเผยผลวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมเมื่อไม่นานมานี้ว่า เกาหลีเหนืออาจกำลังเดินหน้าเตรียมการทดลองนิวเคลียร์ครั้งที่ 5 ในเร็ว ๆ นี้

ภาพถ่ายลงวันที่ 5 พฤษภาคมเห็นยวดยานจอดหลายคันจอดหน้าจุดที่เชื่อว่าเป็นศูนย์บัญชาการการทดลองนิวเคลียร์ ห่างจากสถานทดลองนิวเคลียร์ใต้ดินพุงกเยรีไปทางใต้ 6 กิโลเมตร สถาบันสหรัฐ-เกาหลี มหาวิทยาลัยจอห์นส์ฮอปกินส์เผยว่า แม้ข้อมูลที่ผ่านมายังไม่สมบูรณ์นัก แต่เกาหลีเหนือมักจอดยวดยานจำนวนมากเฉพาะช่วงเตรียมการทดลองเท่านั้น แม้สถานทดลองนิวเคลียร์ใต้ดินยังมีความเคลื่อนไหวไม่มากนัก แต่มีความเป็นไปได้ว่าเกาหลีเหนือเตรียมทดลองในเร็ว ๆ นี้

ก่อนหน้านี้มีการคาดเดากันว่า เกาหลีเหนืออาจทดลองนิวเคลียร์ครั้งที่ 5 ก่อนเปิดการประชุมใหญ่พรรคแรงงานครั้งแรกในรอบ 36 ปีเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม แต่ก็ยังไม่มีการทดลองเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ยังคงเชื่อว่า เกาหลีเหนืออาจทดลองระหว่างการประชุมที่จะกินเวลา 3-4 วัน นายคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือกล่าวเปิดการประชุมว่า ประเทศได้ก้าวไปอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการเดินหน้าโครงการนิวเคลียร์ท่ามกลางแรงกดดันและมาตรการคว่ำบาตรที่ชั่วร้าย.-สำนักข่าวไทย

หมอกควันปกคลุมซิดนีย์ ไฟป่าโหมหนักวอดแล้ว 75,000 ไร่​

​

ออสเตรเลีย 7 พ.ค.-นครซิดนีย์ ออสเตรเลีย เผชิญหมอกควันหนาทึบ สถานที่สำคัญหลายแห่งถูกบดบังจนแทบจะมองไม่เห็น ขณะที่ทางการระดมกำลังหลายร้อยนายสกัดไฟป่าที่กำลังลุกไหม้กว่า 40 จุด เผาผลาญพื้นที่ไปแล้วเกือบ 75,000 ไร่

นครซิดนีย์ของออสเตรเลียกำลังเผชิญกับหมอกควันหนาทึบ สถานที่สำคัญหลายแห่ง ทั้งสะพานฮาเบอร์บริดจ์ หรือซิดนีย์ทาวเวอร์ ถูกบดบังจนแทบจะมองไม่เห็น ขณะที่ทางการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ดับไฟป่าหลายร้อยนาย สกัดกั้นไฟป่าที่กำลังลุกไหม้กว่า 40 จุด ในบริเวณอุทยานแห่งชาติบลูเมาเทนส์ พร้อมแนะนำให้ประชาชนที่เป็นโรคปอดและหอบหืดลดการทำกิจกรรมกลางแจ้ง ล่าสุด ไฟป่าได้เผาผลาญพื้นที่ไปแล้วเกือบ 75,000 ไร่ คาดว่าจะต้องใช้เวลาดับไฟอีกหลายวัน.-สำนักข่าวไทย

ไฟป่าแคนาดายังวิกฤติหนัก รุกคืบใกล้เมืองผลิตน้ำมัน​

​

ไฟป่าแคนาดายังวิกฤติหนัก รุกคืบใกล้เมืองผลิตน้ำมัน

แคนาดา 7 พ.ค.-สถานการณ์ไฟป่าในจังหวัดอัลเบอร์ตาของแคนาดายังวิกฤติหนัก หลังเปลวไฟได้เริ่มปะทุมาตั้งแต่วันอาทิตย์ และกำลังรุกคืบเข้ามาโดยรอบเมืองฟอร์ต แมคเมอร์เรย์ ซึ่งเป็นเมืองผลิตน้ำมันสำคัญของแคนาดา

สถานการณ์ไฟป่าในจังหวัดอัลเบอร์ตาของแคนาดายังวิกฤติหนัก หลังเปลวไฟได้เริ่มปะทุมาตั้งแต่วันอาทิตย์ จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ ทำให้ประชาชนในพื้นที่ราว 88,000 คน ต้องอพยพไปอยู่ในที่ปลอดภัย ขณะที่ไฟป่ากำลังรุกคืบเข้ามาโดยรอบเมืองฟอร์ต แมคเมอร์เรย์ ซึ่งเป็นเมืองผลิตน้ำมันสำคัญของแคนาดา.-สำนักข่าวไทย

ไฟไหม้เรือชมวิวอ่าวฮาลองเบย์เวียดนาม 37 ชีวิต โดดน้ำหนีตาย​

​

เวียดนาม 7 พ.ค.-เกิดไฟไหม้เรือชมวิวอ่าวฮาลองเบย์ แหล่งท่องเที่ยวดังในเวียดนาม นักท่องเที่ยวต่างชาติ 36 คน และมัคคุเทศก์ท้องถิ่น 1 คน กระโดดหนีตาย แต่ได้รับความช่วยเหลือขึ้นฝั่งได้อย่างปลอดภัย บาดเจ็บเล็กน้อย 3 คน ส่วนเรือไฟไหม้เสียหายทั้งหมดก่อนอับปางลง

เกิดเหตุระทึกขวัญกับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ล่องเรือชมวิวทิวทัศน์ของอ่าวฮาลองเบย์ ที่มีชื่อเสียงในจังหวัดกว่างนินห์ของเวียดนาม เมื่อเรือสำราญที่ชื่อ QN-6299 ที่พวกเขาโดยสารมาและกำลังกลับเข้าเทียบท่าที่ฝั่งหลังชมทัศนียภาพในอ่าวฮาลองเบย์แล้ว ได้เกิดไฟไหม้ จนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 36 คนและมัคคุเทศก์ท้องถิ่น 1 คน ตื่นตกใจพากันกระโดดลงน้ำหนีตาย แต่ได้รับความช่วยเหลือขึ้นฝั่งได้อย่างปลอดภัย โดยมีนักท่องเที่ยวได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 3 คน ส่วนเรือถูกเพลิงไหม้เสียหายทั้งหมดและจมลง

สำหรับต้นเพลิงมาจากบริเวณห้องครัว ซึ่งทางการจะได้สอบสวนสาเหตุที่แท้จริงต่อไป สำหรับนักท่องเที่ยวนั้นประกอบไปด้วยชาวอังกฤษ ฝรั่งเศส ไต้หวัน และเกาหลีใต้.-สำนักข่าวไทย

5 เกาะในหมู่เกาะโซโลมอน จมมหาสมุทรแปซิฟิก​

​

ซิดนีย์ 7 พ.ค.- ผลการศึกษาของคณะนักวิจัยในออสเตรเลียพบว่า เกาะ 5 เกาะของหมู่เกาะโซโลมอนในมหาสมุทรแปซิฟิก จมหายไปเพราะระดับน้ำทะเลสูงขึ้นและการกัดเซาะชายฝั่ง ขณะที่ 6 เกาะเสี่ยงจมหายตามไปในอนาคต

ผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสารเอ็นไวรอนเมนทัลรีเสิร์ชเลตเตอร์สระบุว่า มีเกาะอย่างน้อย 5 เกาะทางตอนเหนือของหมู่เกาะโซโลมอนที่หายไปแล้วอย่างสิ้นเชิง เป็นเกาะปะการังที่ไม่มีคนอาศัยอยู่ แต่ชาวประมงใช้เป็นที่พักชั่วครั้งชั่วคราว และไม่ใช่เกาะเล็ก ๆ เพราะมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า 30 ไร่ ขณะที่อีก 6 เกาะกำลังถูกกัดเซาะชายฝั่งอย่างรุนแรง หนึ่งในนั้นมีบ้านเรือนราว 10 หลังถูกกระแสน้ำพัดลงทะเลระหว่างปี 2554-2557 หมู่บ้านหลายแห่งที่ตั้งมาตั้งแต่ปี 2478 ถูกกัดเซาะชายฝั่งจนต้องอพยพไปตั้งชุมชนใหม่

คณะนักวิจัยเตือนว่า หมู่เกาะโซโลมอนเป็นจุดที่ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นมากกว่าอัตราเฉลี่ยทั่วโลกถึง 3 เท่า เสี่ยงเกิดน้ำท่วมและชายฝั่งถูกกัดเซาะในวงกว้าง ผลการวิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศและภาพถ่ายดาวเทียมตั้งแต่ปี 2490 ถึงปี 2557 ประกอบกับข้อมูลของชาวบ้านพบว่า จุดที่รับพลังงานคลื่นสูงเสี่ยงถูกกัดเซาะชายฝั่งมากที่สุด เนื่องจากเป็นจุดที่เกิดปฏิกิริยาเสริมกันระหว่างระดับน้ำทะเลสูงขึ้นและคลื่นซัดฝั่ง ปรากฏการณ์นี้กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก แต่ยังไม่มีมาตรการรับมือในระดับโลก มีแต่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของแต่ละชุมชนเท่านั้น.-สำนักข่าวไทย

เรือประมงจีนชนเรือสินค้าต่างชาติในทะเลจีนตะวันออก จมหาย 17 คน​

​

เซี่ยงไฮ้ 7 พ.ค.- หน่วยยามฝั่งจีนแจ้งว่า เกิดเหตุเรือประมงจีนชนกับเรือสินค้าต่างชาติในทะเลจีนตะวันออกแล้วจมลงในวันนี้ คนบนเรือประมงจมหายไป 17 คน

หน่วยยามฝั่งเผยว่า เหตุเกิดเมื่อเวลา 03.40 น.วันนี้ตามเวลาจีน ตรงกับเวลา 02.40 น.วันนี้ตามเวลาในไทย เรือประมงที่จมลงมีคนบนเรือทั้งหมด 19 คน สองคนได้รับความช่วยเหลือจากเรือประมงที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กำลังค้นหาผู้ที่สูญหายอยู่ 17 คน อย่างไรก็ดี รายงานข่าวไม่ได้ระบุว่า เรือจมลงในจุดใดของทะเลจีนตะวันออก และเรือสินค้าต่างชาติเป็นเรือสัญชาติใด ทะเลจีนตะวันออกมีเกาะเล็กเกาะน้อยที่ไม่มีคนอาศัยอยู่หลายเกาะ และเป็นดินแดนที่ทั้งจีนและญี่ปุ่นต่างอ้างกรรมสิมธิทับซ้อนกันอยู่.-สำนักข่าวไทย

ผู้โดยสารเครื่องบินฮ่องกงบาดเจ็บหลังสภาพอากาศแปรปรวนเหนือบอร์เนียว​

​

เดนปาซาร์ 7 พ.ค.- เกิดเหตุเครื่องบินสายการบินฮ่องกงแอร์ไลน์เผชิญสภาพอากาศแปรปรวนรุนแรงขณะบินอยู่เหนือเกาะบอร์เนียว ทำให้ต้องบินกลับไปยังท่าอากาศยานบนเกาะบาหลีของอินโดนีเซีย มีผู้โดยสารบาดเจ็บ 17 คน

เจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานนานาชาติงูระห์ไรในเมืองเดนปาซาร์แจ้งว่า สภาพอากาศเลวร้ายทำให้เที่ยวบิน CRK6704 ที่นำผู้โดยสาร 204 คนและลูกเรือ 12 คนมุ่งหน้าไปยังเกาะฮ่องกงต้องบินกลับลงมาจอดบนเกาะบาหลี มีผู้โดยสารบาดเจ็บ 17 คน ในจำนวนนี้ 12 คนถูกส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล ส่วนใหญ่มีอาการฟกช้ำ และไม่มีใครถึงขั้นหมดสติ ขณะที่เครื่องบินแอร์บัส A330-200 เสียหายไม่มากและอยู่ระหว่างการตรวจสอบที่ท่าอากาศยาน

ก่อนหน้านี้เมื่อวันพุธเครื่องบินแอร์บัส A300-200 ของสายการบินเอทิฮัดเพิ่งเผชิญสภาพอากาศแปรปรวนรุนแรงอย่างกะทันหันก่อนลงจอดที่ท่าอากาศยานกรุงจาการ์ตาของอินโดนีเซีย มีผู้โดยสารบาดเจ็บ 31 คน เป็นเที่ยวบิน EY474 ที่เดินทางมาจากกรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สภาพอากาศแปรปรวนทำให้ส่วนเก็บสัมภาระภายในห้องโดยสารเครื่องบินเสียหาย.-สำนักข่าวไทย

ที่มา เว็บไซต์สำนักข่าวไทย

 

พายุฤดูร้อนพัดถล่มสกลนคร หลายพื้นที่เสาไฟ-ต้นไม้ โค่นพังราบ​

​

พายุฤดูร้อน!! พัดถล่มสกลนคร ระลอก 5 คราวนี้บ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหาย 551 หลัง เสาไฟฟ้าหักโค่นระเนระนาด ต้นไม้ขาดกระจุย ไฟฟ้าช็อตวัวตาย 1 ตัว พ่อเฒ่า 79 ปี ถูกต้นไม้ล้มทับ แขนหัก 3 ท่อน...

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 7 พ.ค.59 พล.ต.กนก ภู่ม่วง ผบ.มทบ.29 นำกำลังทหาร ตชด.ที่ 23 ร่วมกับนายสมศักดิ์ สุขประเสริฐ นายอำเภอสว่างแดนดิน ที่นำเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และ อส.ออกตรวจสอบความเสียหาย พร้อมทั้งซ่อมแซมบ้านเรือนราษฎร ซึ่งประสบวาตภัย หลังจากเมื่อวันที่ 6 พ.ค.59 เวลาประมาณ 17.00 น. ได้เกิดพายุฤดูร้อน ลักษณะเป็นพายุหมุนพัดถล่ม จากการสำรวจพบว่า บ้านเรือนในพื้นที่ 5 ตำบล รวม 38 หมู่บ้าน มีบ้านเรือนราษฎรเสียหาย 551 หลัง

มียุ้งข้าวเสียหาย 11 หลัง คอกสัตว์เสียหาย 4 หลัง เสาไฟฟ้าหัก 2 เสา และมีผู้บาดเจ็บ จำนวน 1 ราย วัวถูกไฟฟ้าช็อต 1 ตัว ซึ่งพื้นที่ได้รับความเสียหายคือตำบลบงเหนือ จำนวน 7 หมู่บ้าน บ้านเสียหาย 199 หลัง ยุ้งข้าว 6 หลัง วัด 1 แห่ง ตำบลค้อใต้ จำนวน 9 หมู่บ้าน บ้านเสียหาย 175 หลัง เสาไฟฟ้าหัก 1 เสา มีผู้บาดเจ็บ 1 ราย ตำบลบงใต้ จำนวน 13 หมู่บ้าน บ้านเสียหาย 146 หลัง ยุ้งข้าว 1 หลัง เสาไฟฟ้า 1 ต้น ตำบลคำสะอาด จำนวน 7 หมู่บ้าน บ้านเสียหาย 22 หลัง ยุ้งข้าวเสียหาย 4 หลัง คอกสัตว์เสียหาย 4 หลัง ตำบลโพนสูง จำนวน 2 หมู่บ้าน บ้านเสียหาย 9 หลัง เจ้าหน้าที่ต้องตั้งกองบัญชาการ อยู่ที่บ้านจำปา ต.บงเหนือ อ.สว่างแดนดิน

นายชาญชัย แสนธิมล สมาชิก อบต.บ้านจำปา กล่าวว่า พายุครั้งนี้รุนแรงมาก ไม่เคยเกิดขึ้นแบบนี้มาก่อน ตนเกิดมา 50 กว่าปี เพิ่งเคยเห็น ขณะเกิดเหตุ พายุฝนพัดรุนแรงมาก แทบลืมหูลืมตาไม่ขึ้น สังกะสีหลังคาบ้านปลิวว่อน ไม่รู้ของใครเป็นของใคร หลังเกิดเหตุมีเสาไฟฟ้าหักโค่น ต้นไม้ล้มระเนระนาด มีบ้านเรือนราษฎรที่บ้านจำปา พังเสียหาย 116 หลัง จากทั้งหมด 123 หลัง เรียกว่าไร้ที่อยู่อาศัยแทบยกทั้งหมู่บ้าน เหลือเพียง 7 หลัง คาดว่าจะรุนแรงกว่าทุกครั้งที่เคยเกิดพายุขึ้น เหตุเกิดประมาณ 20 นาที โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บ เป็นชายอายุ 79 ปี ถูกต้นไม้ล้มทับบ้าน แขนหัก 3 ท่อน และเย็นวันนี้ นายอดิศักดิ์ เทพอาสน์ ผวจ.สกลนคร พร้อมด้วยเหล่ากาชาด จะนำสิ่งของที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ มาแจกจ่ายแก่ผู้ประสบวาตภัยในครั้งนี้.

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 7 พ.ค. 2559

อากาศร้อน! ลิงแสมเกาะเป็ด เครียดขาดน้ำจืด-อาหาร ไล่แย่งจากนักท่องเที่ยว​

​

ลิงแสมนับพันตัวที่อาศัยอยู่บนเกาะเป็ด อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เดือดร้อนจากอากาศร้อน กระหายน้ำทำให้เครียด นักท่องเที่ยวเอาอาหารไปให้ลิงแต่ไม่มีน้ำพอกับความต้องการ ส่งผลให้ลิงต้องคอยแย่ง แต่บางตัวได้ขวดเปล่าไปถึงกับมืออ่อนก็มี...

เมื่อวันที่ 7 พ.ค.59 นาวาเอกวิรัตน์ สมจิตร ผู้บังคับการ โรงเรียนชุมพลทหารเรือ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี พร้อมคณะฯ ได้เดินทางโดยเรือเร็วข้ามจากโรงเรียนชุมพลทหารเรือ ไปยังเกาะเป็ด หรือเกาะเกล็ดแก้ว หรือที่นักท่องเที่ยวเรียกกันว่า Monkey lsland เพื่อตรวจสอบว่าลิงแสมนับพันตัวที่อาศัยอยู่บนเกาะได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศร้อน และอุณหภูมิที่สูงมากหรือไม่ เพราะเกรงว่าลิงจะมีอาการเครียด อาจกัด หรือทำร้ายนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่แวะเวียนมาชมลิงที่แสนเชื่อง

ผู้บังคับการ โรงเรียนชุมพลทหารเรือ กล่าวว่า ขณะที่เดินทางไปยังเกาะได้นำผลไม้จำนวนมากไปจัดโต๊ะจีนให้กับลิง เพื่อเป็นแบบอย่างให้กับนักท่องเที่ยว ในการเลือกหาผลไม้ที่มีน้ำมากๆ เช่น แตงโม สับปะรด มะม่วง และกล้วยสุก เพราะจะทำให้ลิงได้ลดกระหายในช่วงอากาศร้อนจัด เพราะเท่าที่พบนักท่องเที่ยวมักจะนำอาหารแห้งๆ หรือปริมาณน้ำที่น้อยมากมาให้ลิง ทำให้ลิงเกิดความกระหายน้ำมากขึ้น และพบว่าถ้านักท่องเที่ยวถือขวดน้ำทุกชนิดขึ้นมาบนเกาะ ก็จะถูกลิงแย่งแล้วหนีขึ้นไปบนที่สูง เพื่อดื่มอย่างกระหาย บางตัวก็ต้องผิดหวังเมื่อเจอขวดเปล่า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการได้ข้ามเกาะไปสังเกตการณ์พฤติกรรมของลิงแสมบนเกาะเป็ดแห่งนี้ พบลิงแสมที่ใช้ชีวิตแบบธรรมชาติ สืบทอดสายพันธุ์กันมายาวนาน ดำรงชีพแบบชาวทะเล จับปลา แคะหอยกินกันเอง แต่ไม่ดุ ไม่เคยทำร้ายใครมาก่อน ซึ่งปัจจุบันนี้ได้มีนักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวต่างประเทศได้แวะเวียนมาให้อาหารลิง แต่ก็คงไม่เพียงพอกับความต้องการของลิงมากนัก ลิงเล็กๆ ยังถูกกีดกันจากลิงจ่าฝูงอยู่ตลอดเวลา ไม่กล้าเข้ามาแย่งอาหารเพราะถูกกัด

จึงได้สอบถามถึงวิธีการแก้ไขปัญหาลิงอดน้ำจาก น.อ.วิรัตน์ ซึ่งยอมรับว่า ขณะนี้อากาศร้อนมาก ลิงขาดน้ำดื่มอย่างมาก แต่ก็ให้เจ้าหน้าที่ของหน่วยขนน้ำไปให้ลิงบนเกาะ จากการที่เฝ้าสังเกตพฤติกรรมของลิงพบว่า ถ้าใครถือขวดน้ำชนิดต่างๆ ขึ้นมา ลิงก็พยายามสอดแทรกตัวเข้าไปแล้วแย่งหนีขึ้นไปบนที่สูง เพื่อป้องกันตัวอื่นแย่งไปอีก บางตัวน่าสงสารเพราะขวดน้ำที่แย่งไปไม่มีน้ำ บางขวดน้ำน้อย บางขวดเป็นขวดเปล่า พอยกขึ้นดื่มลิงถึงกับมืออ่อนขวดหลุดมืออย่างเห็นได้ชัดเจน.

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 7 พ.ค. 2559

อากาศร้อนจัด ทำโรคกำเริบ หนุ่มสุพรรณฯ-บ้านแพ้ว วันเดียวดับ 2 ราย​

​

ตำรวจรับแจ้งเหตุหนุ่มสุพรรณบุรีวัย 45 ปี ดับคาบ้าน น้องสาวระบุผู้ตายบ่นร้อนหายใจไม่ออก คาดโรคลมชักกำเริบล้มชักศีรษะฟาดพื้นดับ ส่วน หนุ่มบ้านแพ้ว ไปตายในหอพักที่เชียงใหม่ ท่ามกลางอากาศร้อน คาดโรคหอบหืดกำเริบจนช็อกตาย...

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 7 พ.ค. ร.ต.อ.ปัญญา อยู่พิทักษ์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.ทุ่งคอก จ.สุพรรณบุรี รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตที่บ้านพักคนงาน ในพื้นที่หมู่ 5 ต.บ่อสุพรรณ อ.สองพี่น้อง ไปตรวจสอบพร้อมด้วยแพทย์เวร รพ.สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 17 และหน่วยกู้ภัยเสมอกัน ที่เกิดเหตุเป็นเพิงพักสังกะสี พบศพ นายสมวงษ์ วงศาโรจน์ อายุ 45 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ หมู่ 3 ต.สามควายเผือก อ.เมือง จ.นครปฐม นอนหงาย ไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย คาดเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 2 ชม.

สอบสวน นางกัลยา วงศาโรจน์ อายุ 40 ปี น้องสาวให้การว่าผู้ตายเป็นโรคลมชักและขาซ้ายลีบ และก่อนเกิดเหตุบ่นว่าร้อนจัดไม่ค่อยสบายหายใจไม่ออก เบื้องต้นคาดว่าอากาศร้อน โรคลมชักกำเริบ ล้มชักศีรษะฟาดพื้นเสียชีวิตดังกล่าว

ต่อมาเมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 7 พ.ค.59 พ.ต.ต.มาโนช เยี่ยมเจริญ สารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้รับแจ้งว่ามีคนเสียชีวิตไม่ทราบสาเหตุ ที่ห้องพักหมายเลข 212 ในหอพักแห่งหนึ่ง บนถนนราชภาคินัย ต.ศรีภูมิ จึงพร้อมกับแพทย์ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่รุดไปสอบสวน พบศพ นายกช เกิดสินธุ์ อายุ 39 ปี ชาวบ้าน หมู่ 5 ต.เขาสามหลัก อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร นอนตายอยู่บนเตียงในห้องพัก ข้างๆ ศพ มีโถน้ำแดงพร้อมหลอดวางอยู่ จากการตรวจสอบตามร่างกายไม่พบบาดแผลหรือร่องรอยการถูกทำร้ายแต่อย่างใด คาดว่าจะเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 9 ชม. จากการตรวจสอบภายในห้องพักพบว่าผู้ตายยังเปิดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กทิ้งไว้ พร้อมกับทรัพย์สินส่วนตัววางไว้บนโต๊ะ นอกนั้นตำรวจยังพบยารักษาโรคภูมิแพ้และหอบหืดอยู่ในถุงแขวนอยู่จำนวนหนึ่ง และกระบอกแก้วอุปกรณ์สูบบารากู่ 1 ชิ้น วางอยู่ จึงเก็บเอาไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบสวน นายกสิณ ชำนาญกิจ อายุ 40 ปี คนดูแลหอพัก ให้การว่า ผู้ตายมาเช่าพักเมื่อวันที่ 7 เม.ย.59 ที่ผ่านมา ก่อนหน้านั้นผู้ตายบ่นว่า เบื่อตัวเองที่ป่วยเป็นโรคหอบหืดและภูมิแพ้ ที่ต้องรักษาตัวเองมาตลอด และเจอครั้งล่าสุดเมื่อช่วงเย็นวันที่ 6 พ.ค.ที่ผ่านมา ก่อนเที่ยงวันนี้ได้ไปเคาะห้องพัก เพื่อจะไปขอเก็บค่าเช่ารายเดือน แต่เคาะอย่างไรก็ไม่ยอมเปิดประตู จึงใช้กุญแจสำรองเปิดเข้าไปพบว่า คนเช่านอนเสียชีวิตไปแล้ว หลังจากสอบสวนแล้ว แพทย์สันนิษฐานว่า ผู้ตายอาจเสียชีวิตด้วยภาวะช็อกและโรคประจำตัวอาจกำเริบจนเสียชีวิต ทางสารวัตรสอบสวนได้ส่งศพไปให้แพทย์ภาควิชานิติเวช รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ ผ่าชันสูตรหาสาเหตุการตายที่แน่ชัดอีกครั้งพร้อมกับแจ้งญาติมารับศพต่อไป

อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงเที่ยงวันของวันนี้ ตัวเมืองเชียงใหม่มีอุณหภูมิสูงถึง 39 องศาเซลเซียส และช่วงบ่ายอาจทะลุ 40 องศาฯ ถือว่าอากาศร้อนมาก

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 7 พ.ค. 2559

ทำบุญใหญ่ สุสานนั่งยาง! ให้ 23 ศพไปผุดไปเกิด รอง ผบ.ตร.ยันรื้อทุกคดี​

​

รองผบ.ตร.เป็นประธานทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิตในสุสานนั่งยาง ป่ากุดจับ อุดรธานี พ่อนำภาพถ่ายลูกชายที่ศพหายสาบสูญมาร่วมพิธี เผยนิติเวชตรวจรู้แล้วเป็นกระดูกมนุษย์ ยืนยันพร้อมรื้อทุกคดีที่มีญาติร้อง...

จากกรณี "สุสานเผานั่งยาง" ใน อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ตรวจพบร่องรอยการเผาศพ 23 จุดในป่ากุดจับ มีการนำกระดูกที่พบไปตรวจหาดีเอ็นเอ เทียบกับญาติผู้สูญหายที่แจ้งความจำนงขอตรวจดีเอ็นเอเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และเร่งให้สืบสวนหาพยานเชื่อมโยงจับกุมกลุ่มคนร้ายที่เชื่อว่าเป็นกลุ่มตำรวจนอกรีตในพื้นที่ ขณะที่ชาวบ้านได้กำหนดทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เหยื่อเผานั่งยาง เพื่อวิญญาณจะได้ไปผุดไปเกิด

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 7 พ.ค. วันทำบุญอุทิศส่วนกุศล พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ปิยะ สอนตระกูล ผช.ผบ.ตร. เดินทางมาเป็นประธานในการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เหยื่อเผานั่งยาง ภายในป่าสงวนแห่งชาติป่ากุดจับ บ้านคำบอนเวียงชัย ต.หนองแวง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี โดยมี พล.ต.อำนวย จุลโนนยาง ผบ.มทบ. 24 พล.ต.ต.บุญลือ กอบางยาง รอง ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.พีระพงษ์ วงษ์สมาน ผบก.ภ.อุดรธานี นายชยาวุธ จันทร ผวจ.อุดรธานี นายภูมิชัย ราชพิตภักดีวิเศษ นายอำเภอบ้านผือ นายสมร วงษ์เวียน นายก อบต.หนองแวง เข้าร่วมงาน มีพระครูสุทธิ ลีละสังวร เจ้าอาวาสวัดป่าถ้ำม่วง ต.หนองแวง เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นำพระสงฆ์ 8 รูป มาทำพิธี โดยมีชาวบ้านมาร่วมพิธีจำนวนมาก

ทั้งนี้ บรรยากาศ บริเวณปากทางเข้า "สุสานเผานั่งยาง" มีชาวบ้านนำอาหาร ขนม และน้ำดื่ม มาตั้งโรงทานให้ผู้มาร่วมงานรับประทานฟรี ส่วนภายในบริเวณสุสานได้ตั้งเต็นท์สำหรับพระสงฆ์ เต็นท์สำหรับประธาน และประชาชน แต่เก้าอี้มี 200 ตัว ไม่พอนั่ง ทำให้ชาวบ้านที่มาร่วมงานต้องปูเสื่อนั่งตามร่มไม้ ขณะที่ นายสมร วงษ์เวียน นายก อบต.หนองแวง ได้นำเศษกระดูก ห่อด้วยผ้าขาว 23 ห่อ มาตั้งไว้ มีชาวบ้านนำเงินมาร่วมทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับเหยื่อเผานั่งยาง รวม 15,219 บาท

ในกองห่อกระดูก มีรูปถ่ายของ นายแสวง อินทบุญศรี อายุ 34 ปี เจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดเก็บภาษีรายได้ อบต.ไทยขาว อยู่บ้านเลขที่ 58 หมู่ 18 ต.ไทรขาว อ.วังสะพุง จ.เลย ที่หายสาบสูญไปวางอยู่ด้วย โดยนายทองแดง อินทบุญศรี อายุ 60 ปี พ่อนายแสวงเปิดเผยว่า นายแสวง เป็นคนโสด ได้หายตัวเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2555 ระหว่างขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ไปทำงาน และพบรถจักรยานยนต์ถูกทิ้งในคลองน้ำชลประทาน เขตติดต่อระหว่าง อ.ภูหลวง กับ อ.วังสะพุง จ.เลย แต่ไม่พบศพ คิดว่าลูกชายประสบอุบัติเหตุ งมหาในคลองน้ำก็ไม่พบ เมื่อรู้ข่าวเรื่อง สุสานเผานั่งยาง เลยมาแจ้งความประสงค์ขอตรวจเทียบดีเอ็นเอ เพราะยังมีความหวังได้พบศพลูกชาย และวันนี้ได้มาร่วมทำบุญด้วย

จากนั้นพระสงฆ์ได้สวดมาติกาบังสุกุล นายชยาวุธ จันทร ผวจ.อุดรธานี พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. นำคณะถวายผ้าบังสุกุล ถวายเครื่องไทยทาน ถวายจตุปัจจัย ถวายอาหารเพล และกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้เสียชีวิตในสุสานเผานั่งยาง เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ไปผุดไปเกิด ไม่ต้องวนเวียนอยู่ในสุสานแห่งนี้ เสร็จแล้ว พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร.ได้เดินทางไปเป็นประธาน ประชุมสรุปความคืบหน้าของคดีเผานั่งยางร่วมกับ พนักงานสอบสวน ชุดสืบสวน และพิสูจน์หลักฐาน ที่ห้องประชุม ศปก.สภ.เมืองอุดรธานี

ก่อนเข้าประชุม พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ เปิดเผยว่า ที่เรียกประชุมวันนี้ เพื่อสรุปความคืบหน้าของคดี ท่ีมีความคืบหน้าไปพอสมควร แต่ขอสงวนไว้ก่อน เพราะเป็นเรื่องในสำนวนการสอบสวน การตรวจดีเอ็นเอจากกองกระดูกของนิติเวช สามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นดีเอ็นเอของมนุษย์ ส่วนการส่งดีเอ็นเอของญาติไปเปรียบเทียบยังไม่ทราบผล ยังไม่มีผลออกมา เพราะต้องทำหลายรอบ รวมถึงคดีนางบังอร ทองอ่อน เจ้าแม่เงินกู้ที่ญาติพิสูจน์ดีเอ็นเอเมื่อปี 2557 พนักงานสอบสวน สืบสวนยังทำคดีอยู่แต่เปิดเผยไม่ได้เพราะจะมีผลกระทบ

"คดีเก่าเช่นคดีนางกุหลาบ อินทร์ศรี แม่แอร์โฮสเตส ได้สั่งให้นำสำนวนคดีขึ้นมาดู ตรวจสอบความชัดเจน ส่วนไหนจะดำเนินการต่อเนื่องได้ การสืบสวนให้ทำต่อเนื่องไป ส่วนสำนวนคดีก็ว่ากันไปอีกทีหนึ่ง ซึ่งคดีญาติมาร้องสูญหายตามหาในอีสานมี 33 ราย เจตนาคือตามหา และรื้อคดี แม้จะไม่มีดีเอ็นเอในสุสานก็ตาม เราก็ต้องดำเนินการ หลังจากมีการแจ้งคนหาย” รอง ผบ.ตร.กล่าวในที่สุด

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 7 พ.ค. 2559

ทรุดเป็นทางยาวเกือบ 100 เมตร ถนนคลองสาม ที่ปทุมธานี​

​

พบถนนคอนกรีต คลองสาม อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ทรุดเป็นทางยาวกว่า 70 เมตร จนไม่สามารถสัญจรได้ 1 ช่องทาง นำแบริเออร์กั้นพื้นที่ชำรุด รอซ่อมแซม แนะประชาชนเลี่ยงใช้เส้นทางอื่นชั่วคราว

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 7 พฤษภาคม 2559 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากประชาชนที่ใช้เส้นทางคลองสามลำลูกกา-ธัญบุรี หมู่ที่ 8 ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เกิดการทรุดตัว จนรถยนต์สัญจรไปด้วยความยากลำบากและยังส่อแววทรุดอีกเป็นทางยาว หลังรับแจ้งจึงลงพื้นที่ตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุ เป็นถนนคอนกรีต ความกว้าง 10 เมตร ซึ่งเป็นเส้นทางสัญจรของประชาชนที่อาศัยอยู่ภายในถนนเลียบคลองฝั่งทิศตะวันออกซึ่งมีหมู่บ้านจัดสรร กว่า 40 หมู่บ้าน ปลูกสร้างอยู่ถนนซึ่งมีเขื่อนกันตลิ่งพัง เกิดการโก่งตัวถนน ทรุดเป็นทางยาวกว่า 70 เมตร ผิวทางต่างระดับประมาณ 70 เซนติเมตร ความกว้างประมาณ 5 เมตร เกิดการทรุดจนรถยนต์ไม่สามารถสัญจรไปได้ 1 ช่องการจราจร

นางสาววรางคณา เรียงเครือ อายุ 55 ปี ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 8 ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เปิดเผยว่า ถนนเกิดการทรุดมาก่อนหน้านี้ แต่ช่วงค่ำคืนที่ผ่านมาเกิดการทรุดตัวอย่างหนัก จนผิวทางต่างระดับรถยนต์ไม่สามารถสัญจรไปได้ เบื้องต้นได้ประสานทหาร เทศบาลเมืองลาดสวาย เพื่อนำแบริเออร์มาปิดกั้นการจราจรถาวร เพื่อรอการซ่อมแซมแก้ไขเบื้องต้น เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ จึงขอให้ประชาชนเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นแทนก่อน.

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 7 พ.ค. 2559

ไฟป่าพรุควนเคร็ง เมืองคอน วอดเกือบพันไร่ ควันฟุ้งกระทบชาวบ้าน​

​

เจ้าหน้าที่ระดมกำลังเร่งดับไฟป่า พรุควนเคร็ง อ.ชะอวด นครศรีธรรมราช วอดเกือบพันไร่ ควันฟุ้งกระทบชาวบ้าน เบื้องต้น คุมได้วงจำกัด เฝ้าระวังต่อเนื่องจากลมแรง ส่วนอีกที่ อ.พระพรหม ไหม้ป่าพรุ ใกล้โรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม ...

เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2559 นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รับรายงานจากนายพิทักษ์ บริพิตร นายอำเภอชะอวด ว่าในช่วงตั้งแต่วันที่ 5 พ.ค.2559 ได้เกิดไฟป่าลุกไหม้เผาผลาญพื้นที่ป่าพรุควนเคร็ง บริเวณป่าชุมชนเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์อย่างหนัก กินพื้นที่หมู่ 2 ,3 ,5 และหมู่ 7 ต.ชะอวด อ.ชะอวด โดยพื้นที่ทั้งหมดเป็นพื้นท่าป่าเสม็ดที่อุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก โดยไฟป่าได้เริ่มลุกไหม้มาจากฝั่งถนนทางด้านทิศตะวันออก และลุกลามเผาผลาญพื้นที่อย่างรวดเร็ว

ในขณะที่ อบต.ชะอวด ได้จัดตั้งศูนย์บรรเทาสาธารณภัยขึ้นบริเวณอาคารที่ทำการสวนสาธารณะป่าชุมชนเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ พร้อมระดมกำลังเจ้าหน้าที่ รถดับเพลิงจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใกล้เคียงช่วยกันดับไฟป่าอย่างยากลำบาก เนื่องจากพื้นที่เป็นป่าพรุทำให้ยากลำบากในการเดินเข้าไปถึงจุดที่ไฟป่าลุกไหม้ ประกอบกับพื้นที่ถูกไฟไหม้ลุกลามเป็นบริเวณกว้าง และมีลมพัดกระโชกอย่างรุนแรง ทำให้ไม่สามารถดับไฟป่าให้มอดสนิทลงได้ ในวันที่ 5 พ.ค.พื้นที่ป่าพรุควนเคร็ง เขตป่าชุมชนเจ้าจุฬาภรณ์ถูกไฟป่าเผาผลาญเสียหายไม่น้อยกว่า 800 ไร่

นอกจากนี้ ควันจากไฟป่า ได้แผ่ปกคลุมทั้ง 4 หมู่บ้าน รวมทั้งในตัวตลาดเขตเทศบาลตำบลชะอวด มีควันไฟปกคลุมจนแทบจะมองไม่เห็น ขณะที่ชาวบ้านต้องอพยพเด็ก คนชรา ผู้ป่วย ออกจากพื้นที่ เพราะเริ่มกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ แต่ก็ยังติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด เนื่องจากเกรงว่า ไฟจะลามไหม้บ้าน

จากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้สั่งการให้สถานีควบคุมไฟป่าทั้ง 3 แห่ง ประกอบด้วยสถานีควบคุมไฟฟ้า อ.ปากพนัง สถานีควบคุมไฟป่าบ่อล้อ อ.เชียรใหญ่ และสถานีควบคุมไฟป่าศาลหลวงต้นไทร ระดมกำลังเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครควบคุมไฟป่า รวมจำนวนหลายสิบนาย นำรถดับเพลิงพร้อมอุปกรณ์ เครื่องมือดับไฟป่าลงพื้นที่ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใน อ.ชะอวด และอำเภอใกล้เคียง ลงพื้นที่แยกย้ายกันออกดับไฟป่า โดยการปฏิบัติการเป็นไปอย่างยากลำบากและทุลักทุเล เนื่องจากมี มีลมกระโชกแรง ส่งผลให้เปลวไฟจากถนนทางด้านทิศตะวันออก ปลิวข้ามมาลุกไหม้ทางฝั่งถนนทิศตะวันตก และลุกลามอย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้แบ่งกำลังเป็นชุด กระจายกันออกดับไฟป่าพร้อมๆ กัน นับ 10 จุด ทั้งใช้เครื่องสูบน้ำขนาดเล็ก สูบน้ำจากร่องคูถนน ต่อสายยางฉีดดับไฟป่าอย่างต่อเนื่อง กำลังอีกส่วนหนึ่ง ใช้รถดับเพลิงต่อสายยางฉีดน้ำยาวหลายร้อยเมตร ให้เจ้าหน้าที่ลุยเดินเท้าบุกป่าพรุเข้าไปยังจุดที่ไฟกำลังลุกไหม้ กำลังอีกส่วนหนึ่งลุยเดินเท้าบุกป่าพรุ ใช้กิ่งไม้ กระสอบป่าน และอุปกรณ์เครื่องมือดับไฟป่า ทำการตีดับไฟตามจุดที่ลุกไหม้ จนสามารถดับไฟป่าทางทิศตะวันออกของถนน เกือบมอดสนิท หลังจากนั้นจึงระดมกำลังและรถดับเพลิงข้ามถนนมายังฝั่งทิศตะวันตก และใช้รูปแบบและวิธีการดับไฟป่าแบบเดียวกัน จนสามารถควบคุมเปลวเพลิงให้อยู่ในวงจำกัด โดยพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายรวมไม่น้อยกว่า 800 ไร่เศษ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังเฝ้าระวังต่อ 24 ชม. เนื่องจากมีลมกระโชกแรง หวั่นไฟปะทุขึ้นมาอีก

นอกจากนี้ ช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ได้เกิดไฟป่าลุกไหม้เผาผลาญพื้นที่ป่าพรุบ้านสาคู หมู่ 3 ต.ช้างซ้าย อ.พระพรหม โดยไฟป่าได้ลุกลามเผาผลาญอย่างรุนแรงจนเปลวไฟพวยพุ่ง แดงเถือกไปทั่วท้องฟ้า เป็นบริเวณกว้าง หรือที่เรียกว่า “ฟ้าสีเลือด” สร้างความแตกตื่นตกใจให้กับประชาชนในละแวกดังกล่าว โดยเฉพาะโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม และโรงไฟฟ้าชีวมวลของบริษัทเกษตรลุ่มน้ำจำกัด ที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 400-500 เมตร ทางบริษัทฯ ต้องคอยเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

ขณะที่ อบต.ช้างซ้าย และใกล้เคียง ได้นำรถดับเพลิงมาฉีดสกัดไฟป่าอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้ลุกลาม ซึ่งจนถึงขณะนี้ ไฟป่า ในจุดป่าพรุบ้านสาคู หมู่ 3 ต.ช้างซ้าย สถานการณ์ยังน่าเป็นห่วง และยังส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ถนนสายนครศรีธรรมราช-หัวไทร เนื่องจากถูกควันไฟแผ่ปกคลุมจนมองทางไม่ค่อยเห็น.

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 7 พ.ค. 2559

ไฟไหม้ 100 ล้าน บ้านพญาไม้ จุดท่องเที่ยวใหม่พัทยา​

​

ไฟไหม้ 100 ล้าน บ้านพญาไม้ จุดท่องเที่ยวใหม่พัทยา

เพลิงโหมกระหน่ำเผาบ้านทรงไทย “บ้านพญาไม้” แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี เจ้าหน้าที่ระดมรถดับเพลิงกว่า 20 คัน เข้าระงับเหตุใช้เวลากว่า 5 ชั่วโมง เพลิงจึงสงบเรือนหลังใหญ่ถูกเผาวอดเสียหายทั้งหลัง พนักงานเผยได้กลิ่นเหม็นไหม้จากห้องพระชั้นบนก่อนเพลิงลุกลาม ตำรวจยังไม่ฟันธงเร่งสอบหาสาเหตุ คาดมูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท เจ้าของบ้านโอดใช้เวลาสร้างนับสิบปี เตรียมถ่ายทอดวิถีชีวิตคนไทยสมัยโบราณ และสืบสานประเพณีไทยให้นักท่องเที่ยวเข้าชมพร้อมเปิดอย่างเป็นทางการ 27 พ.ค.นี้ แต่ถูกเพลิงเผาวอดวายเสียก่อน

เพลิงเผาวอด “บ้านพญาไม้” แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่เมืองพัทยา เปิดเผยเมื่อเวลา 10.40 น. วันที่ 6 พ.ค. พ.ต.ท.จีระศักดิ์ แอบแฝง สว.(สอบสวน) สภ.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ บ้านพญาไม้ เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของเมืองพัทยา เลขที่ 124/9 ซอยมาบสอง-หนองใหญ่ 10 หมู่ 6 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง หลังรับแจ้งไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.ปราโมทย์ งามประดิษฐ์ ผกก.สภ. หนองปรือ เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเมืองพัทยา เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา พร้อมประสานรถดับเพลิงจากเทศบาลตำบลหนองปรือ และเทศบาลใกล้เคียงกว่า 20 คัน รีบรุดไปที่เกิดเหตุ

ที่เกิดเหตุพบเพลิงกำลังลุกไหม้บ้านทรงไทยเรือนใหญ่ปลูกอยู่ตรงกลาง สร้างด้วยไม้สักทองและไม้หายาก เพลิงลุกไหม้อย่างรุนแรง ประกอบกับมีกระแสลมแรง ทำให้เพลิงลุกลามอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่ ต้องระดมฉีดน้ำสกัดเพลิงอยู่นานกว่า 5 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ ตรวจสอบพบว่าเพลิงได้เผาบ้านจนเสียหายทั้งหลัง ตรวจสอบไม่พบผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต นอกจากนี้ เปลวไฟได้กระจายไปโดนบ้านเรือนประชาชนในละแวกใกล้เคียงเสียหายเล็กน้อย โดยมีนายขุนทอง อู่เงิน อายุ 61 ปี นักธุรกิจเจ้าของร้านอาหารและตลาดสดชื่อดังในเมืองพัทยา เจ้าของบ้านยืนดูพร้อมกับครอบครัวด้วยความเสียใจ

จากการสอบสวนทราบว่า บ้านเรือนไทยหลังดังกล่าวสร้างด้วยไม้สักทองอายุกว่า 100 ปี สร้างขึ้นเพื่อให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ บนเนื้อที่กว่า 10 ไร่ มูลค่ากว่า 500 ล้านบาท ไฟลุกไหม้เรือน หลังใหญ่อยู่ตรงกลางจนได้รับความเสียหายทั้งหลัง ขณะที่นายสุริยัณห์ สีติ อายุ 33 ปี พนักงานและอยู่ในเหตุการณ์เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุได้กลิ่นเหม็นไหม้จากห้องพระชั้นบน จากนั้นก็พบเพลิงลุกไหม้อย่างรุนแรง

พ.ต.อ.ปราโมทย์ งามประดิษฐ์ ผกก.สภ.หนองปรือ เปิดเผยว่า เบื้องต้นจากการสอบสวนยังไม่สามารถสรุปสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้ได้ ต้องรอเจ้าหน้าที่วิทยาการเข้ามาตรวจสอบหาสาเหตุอีกครั้ง เนื่องจากขณะนี้ยังไม่สามารถเข้าไปในที่เกิดเหตุได้ ส่วนมูลค่าความเสียหายคาดว่าไม่น่าจะต่ำกว่า 100 ล้านบาท

นายขุนทอง อู่เงิน อายุ 61 ปี เจ้าของบ้าน เปิดเผยว่า เคารพและศรัทธาในองค์สมเด็จพระเจ้า ตากสินมหาราช จึงสร้างบ้านพญาไม้แห่งนี้เพื่อให้ชาวไทยรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน ที่ทำให้ประเทศไทยเป็นเอกราช และมีผืนแผ่นดินทำกินอันอุดมสมบูรณ์ บ้านพญาไม้มีตำนานประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ที่เก็บรักษาไว้ รวมถึงนำต้นไม้ที่หายากนำมาสร้างเป็นตัวบ้านใช้เวลามากกว่าสิบปี เพื่อให้ผู้มาเที่ยวชมสัมผัสบรรยากาศและวิถีชีวิตคนไทยสมัยโบราณ เพื่ออนุรักษ์และสืบสานประเพณีวัฒนธรรมไทย

นายขุนทองกล่าวต่อว่า คำว่า “พญา” หมายถึงผู้เป็นใหญ่ ผู้เป็นหัวหน้า เสาเอกของบ้านพญาไม้คือ ไม้สักทอง ขนาดรอบวง 6 เมตร อายุหลายร้อยปีถือว่าเป็นไม้ขนาดใหญ่ หรือพญาแห่งไม้ ตามความเชื่อของคนไทยต้นไม้ใหญ่จะมีรุกขเทวดาสถิตอยู่และถือเป็นสิริมงคลแก่บ้านและเป็นที่มาของ “บ้านพญาไม้” และส่วนต่างๆภายในบ้านสร้างจากไม้หายาก ทั้งสิ้น ขณะนี้เปิดให้เที่ยวชมแล้ว แต่จะมีการเปิดอย่างเป็น ทางการในวันที่ 27 พ.ค.นี้ แต่มาถูกเพลิงไหม้เสียก่อน

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 7 พ.ค. 2559

ภาคกลางระอุ! บ่ายนี้แตะ 43 องศาฯ​

​

พยากรณ์อากาศวันนี้ ไทยตอนบน ร้อนถึงร้อนจัด ขณะที่ อุณหภูมิสูงสุดวันนี้เกิดขึ้นในช่วงบ่าย ที่ภาคกลางอยู่ที่ 43 องศาเซลเซียส ส่วนภาคเหนือ อีสาน และภาคใต้ บริเวณฝั่งอันดามัน ยังมีโอกาสเกิดฝนตก ...

วันที่ 7 พ.ค. จากตรวจสอบพยากรณ์อากาศไทยรัฐทีวี เดอะเวตเตอร์คอมพานี พบว่า ประเทศไทยมีอากาศร้อนและมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณตอนบนของประเทศ อุณหภูมิสูงสุดวันนี้เกิดขึ้นในช่วงบ่าย ที่ภาคกลางอยู่ที่ 43 องศาเซลเซียส ประกอบกับมีกับมีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมภาคอีสาน ภาคตะวันออก และภาคกลาง ในขณะที่มีลมพัดสอบของตะวันตกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง

จากการตรวจสอบดาวเทียม พบกลุ่มเมฆที่ก่อให้เกิดฝนได้ โดยมีฝนฟ้าคะนอง กับลมกระโชกแรง บริเวณจังหวัดเชียงราย ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน ตาก สุโขทัย เพชรบูรณ์ เลย อุดรธานี หนองคาย สกลนคร ชัยภูมิ ขอนแก่น นครราชสีมา อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ ภาคตะวันออกในวันนี้มีโอกาสเกิดฝนตก ส่วนภาคใต้ บริเวณฝั่งอันดามัน มีโอกาสเกิดฝนตก

พยากรณ์อากาศ ภาคต่างๆ มีดังนี้

ภาคเหนือ มีอากาศร้อนจัดหลายพื้นที่ โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง พื้นที่ที่ควรระมัดระวัง จังหวัดเชียงราย ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน ตาก สุโขทัย และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 44 องศาเซลเซียส

ภาคอีสาน อากาศร้อนและมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง พื้นที่จังหวัดเลย อุดรธานี หนองคาย สกลนคร ชัยภูมิ ขอนแก่น นครราชสีมา อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 40 องศาเซลเซียส

ภาคกลาง อากาศร้อนถึงร้อนจัดโดยทั่วไป และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง บริเวณจังหวัดกาญจนบุรี และราชบุรี ควรระมัดระวังฝนฟ้าคะนอง อุณหภูมิต่ำสุด 27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 43 องศาเซลเซียส

ภาคตะวันออก อากาศร้อน และมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ โดยมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ที่จังหวัดนครนายก ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี สระแก้ว ชลบุรี จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 41 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร

ภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย อากาศร้อนในตอนกลางวัน มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช สงขลา และปัตตานี อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 38 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ฝั่งอันดามัน มีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ บริเวณจังหวัดภูเก็ต กระบี่ และตรัง อุณหภูมิต่ำสุด 27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 39 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

กรุงเทพมหานคร มีอากาศร้อนและมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ไม่มีโอกาสเกิดฝน อุณหภูมิต่ำสุด 30 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 39 องศาเซลเซียส

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 7 พ.ค. 2559

ที่มา ข่าวล่าสุด ข่าวด่วน ประเด็นร้อน ข่าวไทยรัฐ - thairath.co.th

 

How to make a Plastic bottle Solar distiller​

เผยแพร่เมื่อ 10 ก.ค. 2013​

 

Homemade Solar Water Distiller​

เผยแพร่เมื่อ 19 ก.ค. 2012​

 

How to convert seawater into drinking water​

เผยแพร่เมื่อ 13 ต.ค. 2015​