ออร่าศาสตร์...พิสูจน์ได้ด้วยตนเอง

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Innocense, 10 กุมภาพันธ์ 2008.

  1. mamboo

    mamboo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,129
    ค่าพลัง:
    +1,973
    ว้าว...ตอบยาวจัง อิอิ ^^

    ขอบคุณนะคะ ที่เอาภาพมาให้เพ่ง...

    ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า เพ่งแล้วเห็นอะไรหรือเปล่า รู้แต่ว่า...

    เพ่งแล้ว เห็นทุกอย่างเป็นสีขาวหมอกๆหมดเลย ทุกๆอย่างรอบๆข้าง..

    พอเริ่มจะขาวสนิท ก็แบบว่า มันตื่นเต้นอ่ะ ก็เลยออกก่อน

    เด๋วจะลองเพ่งนานๆดูนะคะ...สนุกดีอ่ะ...

    ตาเรามันสร้างแสงขาวได้ยังไงกัน แปลกจัง อิอิ

    มันสร้างเป็นสีขาวหมดๆๆๆๆๆๆๆๆๆเลยอ่ะ แบบว่ามองไม่เห็นอะไรเลย แม้แต่จุดดำๆนั่นก็หายไปด้วย กลายเป็นสีขาวหมดเลยจ้ะ อิอิ ^^

    เด๋วลองทำใหม่ๆ
     
  2. kittipongc

    kittipongc เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2006
    โพสต์:
    354
    ค่าพลัง:
    +3,648
    อ้างอิง: http://www.dmc.tv/forum/index.php?showtopic=8011

    เพ่งหน้าคอมฯนาน ระวัง!! เป็นตาหมีแพนดาตลอดชีวิต

    ในโลกแห่งข้อมูลข่าวสาร คนส่วนใหญ่มักใช้เวลาอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ติดต่อกัน
    วันละหลายๆ ชั่วโมง โดยหารู้ไม่ว่า "หายนะ" กำลังคืบคลานเข้ามาหาอย่างช้าๆ
    ซึ่งหายนะนั้นคือ การป่วยเป็น โรคคอมพิวเตอร์ วิชั่น ซินโดรม (Computer Vision Syndrome)

    พญ.พุธศิรินทร์ ชูจันทร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง บอกว่า สาเหตุสำคัญ
    ของการเกิดโรคคอมพิวเตอร์ วิชั่น ซินโดรม
    คือ การใช้สายตาเพ่งหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ ซึ่งจะส่งผลให้มีอาการภาวะตาแห้ง
    ปวดเบ้าตา เกิดรอยดำคล้ำบริเวณตา หรือมีรอยบวมเห็นเป็นถุงใต้ตาโปนออกมา

    "การใช้สายตาเพ่งหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน จะทำให้กล้ามเนื้อรอบดวงตาอ่อนแอลง
    ชั้นผิวหนังสร้างคอลลาเจนน้อยลง ไขมันที่เคยรองรับที่กระบอกตาจะเลื่อนไหลออกมากองอยู
    ่รอบดวงตา ปรากฏให้เห็นเป็นรอยคล้ำใต้ตา ถุงใต้ตาและรอยบวมได้ โรคนี้ไม่เกิดขึ้นในทันที
    แต่จะสะสมไปเรื่อยๆ ยิ่งใช้เพ่งสายตาหน้าจอคอมพิวเตอร์นานเท่าไหร่
    สภาพผิวรอบดวงตาก็ยิ่งอ่อนแอลงเท่านั้น
    ส่งผลให้กระบวนการซ่อมแซมตัวเองของเซลล์ผิวเสื่อมถอย
    ขาดประสิทธิภาพ ทำให้การไหลเวียนขับถ่ายของเสียรอบดวงตาบกพร่อง
    ทำให้เกิดถุงใต้ตา และมีริ้วรอยหมองคล้ำอยู่เรื่อยไป"

    ถ้าไม่อยากเป็น โรคตาหมีแพนดา ตลอดชีวิต พญ.พุธศิรินทร์ แนะวิธีการป้องกันว่า
    ควรเริ่มจากการปฏิบัติตัวเองเสียใหม่ เช่น อย่าให้กล้ามเนื้อตาล้าเกินไป
    ด้วยการอย่านั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ ให้พักสายตาทุก 15 นาที ด้วยการมองออกไปไกลๆ
    จะทำให้ดวงตาไม่เกิดอาการล้า พร้อมปรับแสงหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้แสงพอเหมาะ
    อย่าขยี้ตา หากรู้สึกอ่อนล้าให้นวดคลึงเบาๆ และควรบริหารดวงตาเพื่อคลายความตึงเครียด
    ด้วยการกลอกตาไปรอบๆ เป็นวงกลม สัก 5-6 รอบ
    ใช้นิ้วนางทั้ง 2 นิ้วแตะที่หัวตาแต่ละข้าง คลึงเบาๆ แบบกดจุดนาน 1-2 วินาที

    ไม่อยากตาเป็นหมีแพนดา ก็อย่าลืมทำตามคำแนะนำ
     
  3. kittipongc

    kittipongc เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2006
    โพสต์:
    354
    ค่าพลัง:
    +3,648
    วิธีดูแลสายตาเมื่อต้องทำงานหน้าคอมฯ นาน ๆ

    [​IMG]
    หากต้องทำงานหน้าคอมพิวเตอร์นาน ๆ แล้วเกิดอาการกล้ามเนื้อตาล้า ตาลาย เห็นแสงสีผิดแผกไปจากปกติ นั่นเป็นสัญญาณเตือนว่า การมองเห็นของคุณได้รับผลจากการจ้องหน้าจอคอมนานเกินไป มาทดลองวิธีถนอมสายตาที่นำมาฝากกันดูนะคะ

    เรื่องน่ารู้ วิธีถนอมสายตาเมื่ออยู่หน้าคอมพิวเตอร์นาน ๆ

    [​IMG]ชีวิตในสำนักงานไหน ๆ ก็หนีไม่พ้นการต้องนั่งทำงาน หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์มากบ้าง น้อยบ้างขึ้นอยู่กับชนิดของานบางคงอาจต้องเพ่งจอนานกว่า 3 ชั่วโมง การเผชิญหน้ากับรังสีที่แผ่ออกมาจากมอนิเตอร์ แน่นอนว่าอาการกล้ามเนื้อตาล้าจะเข้ามาเยือน บางคนเบลอไปเลยก็มี บางคนก็ถึงกับน้ำตาไหล และบางคนเสี่ยงเป็นต้อลมเพิ่มขึ้นด้วย
    วิธีดีที่สุดคือหยุดการทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ทันที แต่เมื่อมันเป็นงานการหยุดทำก็หมายถึงตกงานสิ ใครจะไปกล้าเสี่ยงในยุคเศรษฐกิจขาลงแบบนี้ เลยมีวิธีผ่อนคลายและถนอมสายตามาฝาก
    วิธีการถนอมสายตาเมื่อต้องใช้คอมพิวเตอร์

    [​IMG]
    1.ควรเลือกจอภาพที่มีการกระจายรังสีต่ำเพื่อถนอมสายตา วิธีทดสอบง่ายๆ ทำได้โดยลองปิดสวิตช์จอภาพ แล้วเอามือหรือแขนไปจ่อไว้ใกล้ๆ จอภาพให้มากที่สุด จอภาพที่มีการกระจายรังสีต่ำจะแทบไม่รู้สึกถึงไฟฟ้าสถิตตามขนที่ผิว

    2.ปรับแสงและความคมชัดของหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้รู้สึกสบายตา รวมทั้งความสว่างภายในที่ทำงาน ลดแสงสะท้อนรบกวน เช่น ปิดไฟดวงที่สะท้อนจ้าลงบนจอคอมพิวเตอร์ หากทำงานกับคอมพิวเตอร์ในสภาพแวดล้อมที่มีแสงจ้าและจอภาพมีความสว่างมาก ก็จะยิ่งส่งผลเสียต่อดวงตาได้ง่ายและรวดเร็ว จะรู้สึกว่ามีอาการปวดร้าวดวงตาเร็วและแสบตาอย่างรุนแรง

    3.ตำแหน่งของจอภาพควรห่างจากดวงตาประมาณ 18-24 นิ้ว หรือประมาณช่วงแขนเอื้อม และปรับให้ต่ำกว่าระดับสายตาประมาณ 15-20 องศา หากระยะห่างระหว่างตากับจอภาพไม่สัมพันธ์กัน จะทำให้เกิดอาการเมื่อยล้าและปวดตาได้ง่าย

    4.การใช้แผ่นกรองรังสีติดไว้ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ แม้ว่าจะช่วยลดการกระจายรังสีจากจอคอมพิวเตอร์ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แล้วแต่คุณภาพของสินค้า แต่อย่างน้อยๆ ก็ช่วยลดแสงจ้าจากจอคอมพิวเตอร์ลงได้

    5.ทำความสะอาดหน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่เสมอ เพราะฝุ่นจะทำให้เกิดการสะท้อนมากขึ้น

    6.การหยุดพักหรือเปลี่ยนตารางเวลาการทำงานใหม่ จะช่วยให้สายตาคลายความเมื่อยล้าจากการจ้องเพ่งคอมพิวเตอร์ได้ The National Institute of Occupational Safety and Health (NIOSH) แนะนำให้หยุดพักสายตาครั้งละ 15 นาทีทุกๆ 2 ชั่วโมง ผู้เชี่ยวชาญบางคนก็แนะนำว่าควรจะหยุดพักบ่อยๆ โดยแต่ละครั้งใช้เวลาเพียงเล็กน้อย เช่น พักสายตาทุก 30 นาที โดยหลับตาหรือมองไปไกลๆ สัก 5-10 นาที แล้วจึงเริ่มทำงานต่อไป ก็จะช่วยถนอมสายตาได้

    7.อาจใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ วางไว้บนเปลือกตา และหลับตาสัก 2-3 นาที หรือจะให้ดีกว่านั้นก็คือ ปิดไฟ นอนพักสักครู่

    8.สำหรับผู้ที่ใส่คอนแท็กเลนส์ อาจจะเกิดอาการตาแห้งเพราะขาดน้ำหล่อเลี้ยง เพราะห้องที่มีคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ ก็มักจะมีเครื่องปรับอากาศอยู่ด้วย เมื่อบวกกับความร้อนจากเครื่องคอมพิวเตอร์ จะทำให้อากาศแห้ง การหยอดน้ำตาเทียมจะช่วยได้

    9.ควรกะพริบตาให้บ่อยครั้งกว่าปกติ เพื่อให้มีน้ำหล่อเลี้ยงดวงตาอยู่เสมอ ภายใน 10 วินาที ลองพยายามกะพริบตาสัก 1-2 ครั้ง จะช่วยลดความอ่อนล้าของสายตาได้มาก

    10.ผู้ที่ใส่คอนแท็กเลนส์ และมีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป ซึ่งใช้คอมพิวเตอร์เป็นประจำ ควรตรวจเช็กสุขภาพตาบ้าง

    นอกจากนี้ การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ทิ้งเรื่องเครียดๆ ไว้ที่ทำงาน ก็จะช่วยให้ร่างกายสดชื่น หายเหนื่อยเมื่อยล้า พร้อมสู้งานในวันถัดไปได้


    อ้างอิง :http://www.techxcite.com/relaxtimedetail.php/relaxtime/42/
     
  4. อาหลี_99

    อาหลี_99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    744
    ค่าพลัง:
    +2,992
    เออ ผมลองทำแบบที่ 1ดูอะครับ แพ่งจ้องจุดสีดำนะ
    ผมเห็นแสงจริงๆรอบๆวงสีข้างข้างแต่แพ่งแป๊ปเดียวนะ แต่ที่สังเกตุแสงออร่าที่แผ่ข้างๆข้างวงกลมสี มันกลายเป็นแสงของนิมิตติดตาเนื้อแบบภาพของเงาอีกเงาหนึ่งมันซ้อนภาพอยู่ แสงที่เห็นเป็นนิมิตติดตาหรือเงาภาพซ้อนเงานของสี พอเลื่อน ตา ออกไปเงาที่ซ้อนเป็นแบบแสงออร่า มันก็เลื่อนตาม สงใสผมคงทำผิดวิธี อะป่าวหรือ เพ่งไม่นานพอ หรือนั้นคือแสงออร่าตามที่ว่ากัน?? เพราะถ้าเพ่งรูบกสิณไปนานๆๆภาพซ้อนนี้ก็เกิดเหมือนกัน
     
  5. sukawons

    sukawons เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2007
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +248
    มองที่จุดแล้ว เหน วงกลม สีส้ม ซ้อนมาจาก วงกลมสีฟ้าอะคับ มันคืออะไรคับ อยากรู้มากเลย
     
  6. ลิงเมืองละโว้

    ลิงเมืองละโว้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    709
    ค่าพลัง:
    +1,521
    จริงๆ แล้วออร่า หากมองที่จุดจะสังเกตได้ว่าจะมีแสงเรืองๆ ออกมารอบวงทั้งสองอัน นั้นแหละออร่า ส่วนที่จ้องนานแล้วติดตา มันเป็นการที่ตาเรารับแสงนานมาก เหมือนคุณจองอะไรสว่างๆ มาก แล้วมันติดตา อย่างเช่น หลอดไฟ ไฟจากเทียน ดวงอาทิตย์ คุณต้องสังเกตดีๆ ออร่ากับแสงที่กระทบตาเราอย่างที่บอกต่างกัน เอาเป็นว่าคุณฝึกที่เขาให้มาพอรู้ว่าออร่าเป็นแบบนี้ก็พอ แล้วหาเครื่องราง หรือสิ่งที่คุณคิดว่ามีพลังก็ได้ ให้มองโดยมีกระดาษหรืออะไรก็เป็นสีขาวอยู่ข้างหลัง มองในเวลาที่แสงไม่มากเช่น ใกล้สว่าง หรือ เวลาที่คุณไปที่ไหนแล้วลองมองศรีษะคนอื่นดูจะเห็น ต้องเป็นห้องสีขาวนะครับ มันเห็นง่าย
     
  7. flukeskn

    flukeskn สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +2
    ขอถามหน่อยครับ

    ทำไมผมมอง ถาพที่มีจุดดำตรงกลางแล้วจุดนั้ันมันหมุนทั่วจอคอมเลยอะครับ

    แล้วผมทำหลายรอบมันก้อหมุนอะครับ

    งงครับ

    ตอบทีครับ
     
  8. ศิวิไลซ์

    ศิวิไลซ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2007
    โพสต์:
    184
    ค่าพลัง:
    +737
    คือไม่ได้อยากทักท้วงนะครับ แต่อยากให้เรียนรู้กันในสิ่งที่ถูกต้อง
    <TABLE height="100%" cellSpacing=2 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top colSpan=3>การที่เรามองเห็นวงกลมสีแดงมีสีฟ้าเรืองรองรอบๆ และสีฟ้ามีสีแดงรอบเกิดจากการปิดตัวลงขอเรตินาภายในลูกตาของคุณ โดยตาของคนเราจะมีเซลล์ที่คอยรับสีอยู่ 3 สี คือ แดง เขียว และ น้ำเงินหรือฟ้า เมื่อเราจ้องสีใดสีหนึ่งนานเกินไปจะทำให้เซลล์สีนั้นๆ ปิดตัวลง และแสดงให้เห็นสีอื่นแทน ถึงแม้ว่าจะจ้องเจ้าวงกลมสีดำนั่น แต่เราก็ยังเห็นวงกลมใหญ่อยู่ในขอบเขตของการมองเห็นของเราอยู่ดี ดังนั้น เมื่อเรามองสีแดงนานเกินไป เซลล์สีแดงจะปิดตัวลง และแสดงให้เห็นสีฟ้าซ้อนขึ้นมากับของเดิม ถ้าไม่เชื่อจะลองทดลองดูก็ได้ วาดวงกลม 2 วงเรียงกันลงบนกระดาษแผ่นเดียวกัน วงหนึ่งสีแดง วงหนึ่งสีเขียว(หรือจะเลือกสีเองก็ได้) จ้องมันราวๆ 1 นาที แล้วหันไปมองฝาผนังสีขาว จะพบว่า วงกลมทั้ง 2 นั้นสลับสีกัน นั่นก็เพราะปฏิกิริยาตามปกติของมนุษย์เราตามที่กล่าวมาข้างต้นนั่นเอง (อาจจะอ่านแล้วไม่เข้าใจ แต่อยากให้เข้าใจว่า สีที่เห็นนั่นไม่ใช่ออร่าหรอก) อีกอย่าง ออร่านั้นจะพบเห็นได้ในสิ่งมีชีวิตและแร่ธาตุเท่านั้น ไม่ใช่ในจอคอมพิวเตอร์ เนื่องจากออร่าเกิดจากการสั่นสะเทือนของอิเล็กตรอนของพลังงานในเซลล์ หรือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในเซลล์ ซึ่งเป็นสนามพลังพิเศษ ต่างจากคลื่นสีธรรมดาในสิ่งไม่มีชีวิตทั่วไป โดยออร่าสามารถพิสูจน์ได้โดยการถ่ายสิ่งของนั้นๆด้วยกล้องเกอร์เลียน ผลพิสูจน์ออกมาแล้วว่า สิ่งมีชีวิตและชิ้นส่วนของสิ่งมีชีวิตเท่านั้นจึงจะมีออร่า และสิ่งไม่มีชีวิตบางชนิดเท่านั้นจึงจะมีออร่าได้ เช่น ผลึกแร่ ออร่านั้นไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า การจะมองเห็นนั้นต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างหนัก ออร่านั้นอยู่ใน Astral plane ที่ตาเนื้อปกติไม่สามารถมองเห็น หรือถ้ามองเห็นได้ก็ต้องผ่านการฝึกฝนอย่างหนักเพื่อให้ตาสามารถรับรู้คลื่นความถี่ที่ต่างจากปกติได้ ถ้าทำให้รู้สึกขัดใจก็ขออภัยด้วยครับ แต่อยากให้รับรู้ข้อมูลที่ถูกต้องเท่านั้น</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  9. nuttadet

    nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
    ฝึกแบบฝึกใหม่ๆ ก็ทำตามที่เค้าแนะนำไปก่อนนะครับ พอฝึกไปเรื่อยๆ
    ค่อยเอามาใช้มองจริงๆ กับวัตถุที่มีออร่า เช่นพระเครื่อง เครื่องรางของขลัง
    แล้วค่อยมาฝึกมองออร่าคนอีกที

    เวลามองออร่าคนสีออร่าจะเปลี่ยนไปตามอารมณ์ขณะนั้น ไม่แน่นอนตลอด
    เวลานะครับ


    ขออนุญาติตอบแทนเจ้าของกระทู้นะครับสีฟ้าคือสีของจิตใจแสดงว่า
    คุณเป็นคนเมตตาใจดี ชอบสอนคน ช่วยเหลือคนอื่น สีม่วงคือสีของสมาธิ
    ถ้ามันเข้มและมาก แสดงว่าสมาธิคุณดีมากอาจจะเป็นสมาธิที่เกิดจากการ
    เพิ่งออร่าก็ได้นะ


    พิสูจน์ว่ามันมีจริง สามารถมองเห็นด้วยตัวเองได้ และทำให้รู้ว่ายังมีอะไรอีก
    เยอะที่เรามองไม่เห็นแต่เรายังไม่ได้พิสูจน์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กุมภาพันธ์ 2008
  10. นายฉิม

    นายฉิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2004
    โพสต์:
    2,105
    ค่าพลัง:
    +2,696
    เหมือนยังกะมองภาพสามมิติ
     
  11. เด็กอ๊าม

    เด็กอ๊าม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +45
    ปวดตามากค่ะ ไม่เพ่งแล้ว- -
     
  12. nonlovekwan

    nonlovekwan สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    <script>

    alert("สวัสดี");
    </script>
     
  13. เมืองแก้ว

    เมืองแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +539
    ออร่า เรื่องนี้ผมเห็นเขียนมาหลายกระทู้แล้ว ...............................น่าจะเอามารวมๆกันมั่งจังเลย.......................................แล้วก็น่าจะทำสารบัญผู้ที่สามารถให้บริการถ่ายภาพ หรือ สถานที่...หรือเบอร์โทรติดต่อได้...................มีอัตราราคาค่าบริการบอกไว้เสียให้เป็นเรื่องเป็นราวไปเลย.................................ผมจะได้ไปดู ..... ไปถ่ายรูปมาดูมั่ง .....................................ไหนๆก็เป็นเวปที่เกี่ยวพันกันกับการศึกษาเรื่องจิต เรื่องพลังงาน จะได้เป็นแหล่งศึกษาวิชาการต่างแบบนี้ได้...............เสนอไว้ครับ
     
  14. --FoX--

    --FoX-- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    102
    ค่าพลัง:
    +171
    มาสบทบอีกคนน่ะครับว่ามันไม่ใช่ออร่า การที่เห็นแสงซ้อนขึ้นมากนั้นมันเกิดจากแสง
    ที่ติดตาเราแล้วไปซ้อนกับภาพๆนั้น
    เหมือนตอนที่เราจ้องหลอดไฟ หรือดวงอาทิตย์อะครับ จะมีแสงติดตาอยู่

    ส่วนเรื่องที่เห็นทุกอย่างเป็นสีขาวนั้น เกิดจากการใช้สมาธิควบคุมรูม่านตารับแสง
    ปกติรูม่านตาจะควบคุมโดยอัตโนมัติแต่หากเราใช้จิตหลอกร่างกาย เราก็สามารถควบคุมมันได้เหมือนกัน

    การที่เราเห็นแสงสีขาวนั้นเกิดจากการที่รูม่านเราเราขยายรับแสงมากเกินไปเหมือนตอนเราอยู่ในที่มืดครับ

    ยืนยันว่าไม่ควรฝึกครับ เสียสายตาเปล่าๆ
     
  15. Lightdo

    Lightdo สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2008
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +1
    งง จัง ตกลงว่ากระทู้นี้ให้เพ่งวงกลมในคอมเหรอ แล้วทำไมก็มีคนลงบทความเพ่งคอมนานๆระวังเป็นหมีแพนด้าด้วยอะ ตกลงว่าเค้าแนะนำให้เราเพ่งหรือไม่อยากให้เราเพ่งเนี่ย
     
  16. ThesLong

    ThesLong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    412
    ค่าพลัง:
    +827
    อยากจะถามหน่อยอ่ะครับ
    พอดีนั่งเล่นกับแล้วอยากโชว์- -
    คือให้มันดูที่รอบๆๆนิ้ว ของผม
    ผมก็โชว์ออร่า แบบให้มันหมุนรอบนิ้ว
    แสงของออร่าเป็นสีรุ้งอ่ะครับ (มีทุกสี)
    มันก็หมุนรอบนิ้ว ชี้ (พอดีโชว์นิ้วชี้)
    เป็นสีรุ้งหมุนตามแนวเดี่ยว หนาๆๆ
    ผมก็ สงสัยมันจะตะลึง ในความสามารถ
    ผมก็มองเห็น แล้วบอก อืมสุดยอด
    แล้วมันทำอะไรได้ อ่ะ เจอคำตอบแบบนี่
    ตูก็ไม่รู้เหมือนกันอ่ะ ฝึกเอาเท่ ซะงั้นตู
    แล้วมันเอาไว้ทำอะไรได้มั้งครับ ช่วยบอกหน่อย
     
  17. naei

    naei Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    115
    ค่าพลัง:
    +94
    แจ่ม
     
  18. Innocense

    Innocense เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    96
    ค่าพลัง:
    +509
    วันก่อนได้ตำราออร่าภาษาอังกฤษเล่มเล็กๆ มีภาพประกอบ เข้าใจง่ายดีจัง

    ไว้จะแปลและแสกนภาพลงเว็บให้นะครับ
     
  19. มะกะโท

    มะกะโท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2008
    โพสต์:
    533
    ค่าพลัง:
    +373
    หากมีคนเก่งภาษาอังกฤษมานั่งแปล
    คนๆ นั้นคงได้บุญเยอะเนอะ
     
  20. Innocense

    Innocense เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    96
    ค่าพลัง:
    +509
    How to see and read AURA ... นี่คือชื่อหนังสือ Pocket Book เล่มบางๆ

    เนื้อหาของหนังสือเล่มนี้ไม่ได้เน้นการเพ่งภาพต่าง
    แต่เน้นการสัมผัสซะมากกว่า...
    การสัมผัสที่ว่าคือการสัมผัสลมปราณ
    ถ้าใครฝึก ชี่กง ก็จะเข้าใจได้โดยง่าย
    การใช้สองมือปั้นลูกบอลลมปราณ
    การส่งพลังลมปราณจากมือไปสู่ร่างกายส่วนอื่น
    การรับส่งพลังลมปราณกับคู่ฝึกซ้อม
    ล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญในการเรียนรู้เรื่องออร่า
    (ยังมีต่อ)

     

แชร์หน้านี้

Loading...