มีใครรู้จักหลวงพ่อเกษม เขมโกบางครับ เชิญมาเล่าประวัติและเรื่องราวของท่านบ้างสิครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Gafy, 28 กุมภาพันธ์ 2008.

  1. Gafy

    Gafy สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +24
    ผมเคยได้ยินแต่ชื่อท่าน ไม่ค่อยได้รู้เรื่องราวของท่านเลย อยากจะรู้จักท่านมีใครพอจะแนะนำให้รู้จักได้บ้างครับ
     
  2. 12punna

    12punna เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    245
    ค่าพลัง:
    +3,198
    [​IMG]

    ครูบาเจ้าเกษม เขมโก สำนักสุสานไตรลักษณ์ ลำปาง ณ ดินแดนถิ่นล้านนา ทางภาคเหนือของประเทศไทย พระอริยะสงฆ์ที่พวกเราทุกคนรู้จักชื่อเสียงคุณงามความดีของท่าน ก็คือ ครูบาศรีวิชัย อริยะสงฆ์องค์แรกของภาคเหนือท่านเปรียบเสมือนประทีปดวงใหญ่ที่ส่องประกายธรรมไปทั่วทุกสารทิศ ขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านได้ประกอบคุณงามความดีไว้กับแผ่นดินนี้มากมาย ท่านจึงถูกจัดให้เป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ของชาวเหนือ

    ประวัติและเรื่องราวต่าง ๆ ของท่าน จึงถูกบันทึกเพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้รับรู้ถึงในยุคปัจจุบัน ประวัติบางตอน ของครูบาศรีวิชัยตอนหนึ่ง กล่าวว่าท่านครูบาศรีวิชัยได้พยากรณ์ไว้ว่าจะมีตนบุญมาเกิดที่ลำปาง ครั้นต่อมาครูบาศรีวิชัยได้มรณภาพไปโดยทิ้งคำพยากรณ์นี้ไว้ให้ชาวลำปางได้เฝ้ารอคอยการมาจุติของตนบุญ ที่ครูบาศรีวิชัยได้พยากรณ์ไว้ จนเวลาล่วงเลยไปหลายสิบปี ก็ยังไม่ปรากฏ แต่ชาวลำปางก็ยังเชื่อในคำพยากรณ์ของครูบาศรีวิชัย

    เมื่อปี พ.ศ.2455 ได้มีครอบครัวเชื้อเจ้าผู้ครองนครลำปางหรือเขลางค์นครในอดีตหัวหน้าครอบครัวคือ เจ้าหนูน้อย ณ ลำปาง ภายหลังเปลี่ยนนามสกุลใหม่เป็น มณีอรุณ รับราชการเป็นปลัดอำเภอภรรยาชื่อเจ้าแม่บัวจ้อน ณ ลำปาง ทั้งสอง เป็นหลานเจ้าของพ่อบุญวาทย์ วงศ์มานิตย์ เจ้าผู้ครองนครลำปางองค์สุดท้าย
    ครอบครัวนี้ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่บ้านท่าเก๊าม่วง ริมแม่น้ำวัง อ.เมือง จ.ลำปาง อยู่กินกันมาอย่างมีความสุข ในที่สุด เจ้าแม่บัวจ้อนได้ตั้งครรภ์ และพอถึงกำหนดคลอดตรงกับวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ.2455 ตรงกับวันพุทธ เดือนยี่ (เหนือ) ปีชวด ร.ศ.131 ค.ศ.1912 เจ้าแม่บัวจ้อน ให้กำเนิดทารกเพศชาย เป็นลูกคนแรกของครอบครัว
    ขณะนั้นไม่มีใครทราบกันเลย ตนบุญ ที่ครูบาศรีวิชัยได้พยากรณ์ไว้นั้นได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว บิดามารดาก็ได้ตั้งชื่อทารกนั้น เกษม ณ ลำปาง เพราะเด็กชายเกษม ณ ลำปาง ได้เกิดมาในเชื้อสายของเจ้าทางเหนือ จึงได้รับการยกย่องของคนทั่วไป ทุกคนต่างเรียกกันว่า เจ้าเกษม ณ ลำปาง หลังจากที่ได้คลอดบุตรมาได้ไม่กี่ปี เจ้าแม่บัวจ้อนได้ให้กำเนิดทารกอีกคน แต่เป็นเพศหญิง ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้องของ เจ้าเกษม สืบสายเลือด แต่ทว่าเจ้าแม่น้อยคนนี้วาสนาน้อย ได้เสียชีวิตตั้งแต่ยังเด็ก จึงไม่มีโอกาสได้รู้ว่าพี่ชายของเธอคือ ตนบุญ ที่ชาวลำปางรอคอยเป็นสิบ ๆ ปี เมื่อวัยเด็ก เจ้าเกษม ณ ลำปาง เป็นคนมีลักษณะค่อนข้างเล็กบอบบาง ผิวขาวแต่ดูเข้มแข็ง คล่องแคล่ว และมีสติปัญญาเฉลียวฉลาด เป็นเด็กที่ชอบซน คืออยากรู้อยากเห็น เมื่อถึงวัยเรียน เจ้าเกษม ณ ลำปาง ได้รับการศึกษาระดับประถมที่โรงเรียนบุญทวงศ์อนุกูล ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำ อ.เมือง จ.ลำปาง สมัยนั้นเปิดเรียนชั้นสูงสุดแค่ชั้นประถมปีที่ 5 เท่านั้น เจ้าเกษม ณ ลำปาง ได้ศึกษาจนจบชั้นสูงของโรงเรียน คือชั้นประถมปีที่ 5 ใน พ.ศ.2466 ขณะนั้นอายุ 11 ปี

    เมื่อออกจากโรงเรียนก็ไม่ได้เรียน อยู่บ้าน 2 ปี ใน พ.ศ.2468 อายุขณะนั้นได้ 13 ปี เจ้าเกษม ณ ลำปาง ก็ได้มีโอกาสเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ โดยบรรพชาเป็นสามเณร เนื่องในโอกาสบรรพชาหน้าศพ (บวชหน้าไฟ) ของเจ้าอาวาสวัดป่าดั๊ว ครั้นบวชได้เพียง 7 วันก็ลาสิกขาออกไป ต่อมาอีก 2 ปี ราว พ.ศ.2470 ขณะนั้นมีอายุ 15 ปี เจ้าเกษม ณ ลำปาง ก็ได้มีโอกาสเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์อีกครั้งหนึ่ง โดยบรรพชาเป็นสามเณรอยู่ที่วัดบุญยืน จ.ลำปาง เมื่อบรรพชาแล้วสามเณรเจ้าเกษม ณ ลำปาง ก็ได้จำพรรษาศึกษาพระธรรมวินัยที่วัดบุญยืนนั่นเอง สามเณรเจ้าเกษม ณ ลำปาง เป็นคนที่ทำอะไรจริงจัง เรียนทางด้านปริยัติศึกษาธรรมะจนถึง ปี พ.ศ.2474 สามเณรเจ้าเกษม ก็สามารถสอบนักธรรมชั้นโทได้ ครั้นมีอายุได้ 21 ปี อายุครบที่จะอุปสมบทเป็นพระภิกษุได้แล้ว จึงได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุในปี พ.ศ.2475 ณ พัทธสีมา วัดบุญยืน โดยมีพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระธรรมจินดานายก (ฝ่าย) เจ้าอากาสวัดบุญวาทย์วิหาร ซึ่งดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอในขณะนั้นเป็นพระอุปัชฌาย์ พระคุณเจ้าท่านพระครูอุตตร วงศ์ธาดา หรือที่ชาวบ้านเหนือรู้จักกันในนาม ครูบาปัญญาลิ้นทอง เจ้าอาวาสวัดหมื่นเทศ และดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอเมือง จังหวัดลำปางในขณะนั้น เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และยังพระเดชพระคุณท่านพระธรรมจินดานายก(อุ่นเรือน) เจ้าอาวาสวัดป่าดั๊วเป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า เขมโก แปลว่า ผู้มีธรรมอันเกษม​

    หลังจากได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้ว พระภิกษุเกษม เขมโกก็ได้ศึกษาทางด้านภาษาบาลี ซึ่งเป็นการศึกษาปริยัติอีกแขนงหนึ่ง ที่สำนักวัดศรีล้อม สมัยนั้นก็มีอาจารย์หลายรูป เช่น มหาตาคำ พระมหามงคลเป็นครูผู้สอน และยังได้ไปศึกษาที่สำนักวัดบุญวาทย์วิหาร ซึ่งมีพระมหามั่ว พรหมวงศ์ และพระมหาโกวิทย์ โกวิทญาโน เป็นครูสอน
    ในเวลาเดียวกันนั้น พระภิกษุเจ้าเกษม เขมโก ก็ได้ไปศึกษาทางด้านปริยัติในแผนกนักธรรมต่อที่สำนักวัดเชียงราย ครูผู้สอนคือ พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระเทพวิสุทธิโสภณ เจ้าคณะจังหวัดลำปางสมัยนั้น ปรากฎว่าพระภิกษุเจ้เกษม เขมโก ก็สามารถสอบนักธรรมชั้นเอกได้ในปี พ.ศ.2479 ส่วนทางด้านการศึกษาบาลีนั้น ท่านเรียนรู้จนสามารถเขียนและแปลได้เป็น (มคธ) เป็นอย่างดี แต่ก็ไม่ยอมสอบเอาวุฒิ จนครูบาอาจารย์ทุกองค์ต่างเข้าใจว่า พระภิกษุเกษม เขมโก ไม่ต้องการมีสมณศักดิ์สูง ๆ เรียนเพื่อจะนำเอาวิชาความรู้มาใช้ในการศึกษาค้นคว้าพระธรรมคำสอนของพระบรมศาสดาเท่านั้น
    เมื่อสำเร็จทางด้านปริยัติพอควรแล้ว สามารถนำไปปฏิบัติได้โดยไม่หลงทาง ท่านจึงหันมาปฏิบัติต่อไปจนแตกฉาน แค่นั้นยังไม่พอ พระภิกษุเกษม เขมโก ได้เสาะแสวงหาครูบาอาจารย์ที่มีความรู้และมีความเชี่ยวชาญในด้านนี้ จนกระทั่งได้ทราบข่าวภิกษุรูปหนึ่งมีชื่อเสียงในด้านวิปัสสนา ภิกษุรูปนี้ คือครูบาแก่น สุมโน อดีตเจ้าอาวาสวัดประตูป่อง
    ครูบาแก่น สุมโน เป็นพระภิกษุสายวิปัสสนา ถือธุดงค์เป็นวัตร หรือที่เรียกกันว่า พระป่า หรือภาษาทางการเรียกว่า พระภิกษุฝ่ายอรัญญวาสี ตอนนั้นครูบาแก่นท่านได้ธุดงค์แสวงหาความวิเวกทั่วไป ยึดถือป่าเป็นที่บำเพ็ญเพียร นอกจากมีชื่อเสียงในด้านวิปัสสนาแล้ว ท่านยังเก่งรอบรู้ในด้านพระธรรมวินัยอย่างแตกฉานอีกด้วย
    พระภิกษุเกษม เขมโก จึงเดินทางไปขอฝากตัวเป็นศิษย์และได้อธิบายความต้องการที่จะศึกษาในด้านวิปัสสนาให้ครูบาแก่นฟัง ครูบาแก่น สุมโน เห็นความตั้งใจจริงของภิกษุเกษม เขมโก ท่านจึงรับไว้เป็นศิษย์ และได้นำภิกษุเกษม เขมโก ออกท่องธุดงค์ไปแสวงหาความวิเวกและบำเพ็ญเพียรตามป่าลึกตามที่ภิกษุเกษม เขมโก ต้องการ จึงถือได้ว่า ครูบาแก่น สุมโน รูปนี้เป็นอาจารย์ทางวิปัสสนากรรมฐานรูปแรกของ พระภิกษุเจ้าเกษม เขมโก
    ดั้งนั้น พระภิกษุเกษม เขมโก จึงได้เริ่มก้าวไปสัมผัสชีวิตของภิกษุฝ่ายอรัญญวาสี ประกอบกับจิตของท่าน โน้มเอียงมาทางสายนี้อยู่แล้ว จึงไม่ใช่เป็นเรื่องลำบากสำหรับในการไปธุดงค์ กลับเป็นการได้พบความสงบสุขโดยแท้จริง กับความเงียบสงบซ้ำยังได้ดื่มด่ำกับรสพระธรรมอันบังเกิดท่ามกลางความวิเวก พระภิกษุเกษม เขมโก จึงมุ่งมั่นปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง โดยมีครูบาแก่นแนะอุบายธรรมอย่างใกล้ชิด ระหว่างท่องธุดงค์แสวงหาความวิเวกในที่สงัดตามป่าเขาและป่าช้าต่าง ๆ การฉันอาหารในบาตร คือ อาหารหวานคาวรวมกัน เรียกว่า ฉันเอกา ไม่รวมอาสนะกับสงฆ์อื่น ฉันมื้อเดียว ช่วงบ่ายก็จะเดินจงกรม เพื่อเปลี่ยนอิริยาบถ พร้อมกำหนดจิตจนกระทั่งถึงเย็น เมื่อเสร็จจากการเดินจงกรม ก็กลับมานั่งบำเพ็ญภาวนาต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงประมาณ 5 ทุ่ม เสร็จจากการบำเพ็ญภาวนาก็สวดมนต์ทำวัตรเย็น ในตอนดึกก่อนจำวัดท่านก็ไม่นอนเหมือนคนธรรมดาทั่วไป ท่านจะหมอบเท่านั้น และท่านจะทำเป็นกิจวัตร คือการกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลแผ่เมตตาไปให้กับสรรพสัตว์ทั้งหลาย
    จนกระทั่งถึงช่วงเข้าพรรษาที่พระภิกษุจำเป็นต้องยุติการท่องธุดงค์ชั่วคราว ต้องอยู่กับที่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง จะเป็นวัดอาราม หรือถือเอาป่าช้าเป็นวัด โดยกำหนดเขตเอาตามพุทธบัญญัติ ดังนั้นภิกษุเจ้าเกษม เขมโก จึงต้องแยกทางกับอาจารย์คือครูบาแก่น ตั้งแต่นั้นมาภิกษุเจ้าเกษม เขมโก กลับมาจำพรรษาที่วัดบุญยืนตามเดิม พอครบกำหนดออกพรรษาภิกษุเกษม เขมโก ก็ติดตามอาจารย์ของท่าน คือครูบาแก่นออกธุดงค์บำเพ็ญภาวนา ท่านถือปฏิบัติเช่นนี้เรื่อยมา​

    ต่อมาเจ้าอธิการคำเหมย เจ้าอาวาสวัดบุญยืนถึงแก่มรณภาพลง ทำให้ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบุญยืนว่าง ทางคณะสงฆ์จึงต้องเลือกภิกษุที่มีคุณสมบัติมาปกครองดูแลวัด เพื่อเป็นเจ้าอาวาสสืบต่อไป คณะสงฆ์จึงได้ประชุมกัน และต่างลงความเห็นพ้องต้องกันว่าควรจะเป็นภิกษุเกษม เขมโก เพราะเป็นพระที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับตำแหน่งเจ้าอาวาสองค์ เมื่อท่านได้รับเลือกเป็นเจ้าอาวาสวัดบุญยืน ท่าก็ไม่ยินดียินร้ายแต่ท่านก็ห่วงทางวัด เพราะท่านเคยจำวัดนี้ ท่านก็เห็นว่า บัดนี้ทางวัดบุญยืนมีภารกิจต้องดูแล ก็ถือว่าเป็นภารกิจทางศาสนาเพราะท่านเองต้องการให้พระศาสนานี้ดำรงอยู่ จึงไม่อาจจะดูดายภารกิจนี้ได้ จึงยอมรับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบุญยืน
    ครูบาเจ้าเกษม เขมโก อยู่ในตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบุญยืนเรื่อยมาจนถึงปี พ.ศ.2492 ท่านก็ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาส ทำหนังสือลาออกกับพระเดชพระคุณท่านเจ้าพระอินทรวิชาจารย์ (ท่านเจ้าคุณอิน อดีตเจ้าคณะจังหวัดลำปาง) แต่ก็ถูกท่านเจ้าคุณยับยั้งไว้ ครูบาเจ้าเกษม เขมโก จึงจำใจกลับไปเป็นเจ้าอาวาสวัดบุญยืนอีกระยะหนึ่งนานถึง 6 ปี ท่านคิดว่าควรจะหาภิกษุที่มีคุณสมบัติมาแทนท่าน เพราะท่านอยากจะออกธุดงค์ ดังนั้นท่านจึงตัดสินใจสละตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบุญยืน โดยยื่นใบลากับคณะสงฆ์ในเขตปกครอง ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ จึงเดินทางไปลาออกกับเจ้าคณะจังหวัด ซึ่งอยู่ที่วัดเชียงราย แต่ท่านเจ้าคณะจังหวัดก็ไม่อนุญาต
    เรื่องการลาออกจากการเป็นเจ้าอาวาสของครูบาเจ้าเกษม เขมโก นี้ดูค่อนข้างจะเป็นเรื่องแปลกพิศดาร แม้แต่การสละตำแหน่งลาภยศท่านยังต้องประสบกับอุปสรรคต่าง ๆ นานา ไม่เหมือนกับพระองค์อื่น ๆ ที่ฟันฝ่าเพื่อแสวงหาลาภยศ เมื่อท่านลาออกไม่สำเร็จประมาณปี พ.ศ.2492 ก่อนเข้าพรรษาในปีนั้น หลวงพ่อก็หนีออกจากวัดบุญยืนก่อนเข้าพรรษา เพียงวันเดียวโดยไม่มีใครรู้ พอเช้าวันรุ่งขึ้นเข้าพรรษา หมู่ศรัทธาก็นำอาหารมาเตรียมถวายในวิหาร ทุกคนรอแล้วรอเล่าก็ไม่เห็นหลวงพ่อเกษม จึงเกิดความวุ่นวายเที่ยวตามหาตามกุฏิก็ไม่พบหลวงพ่อเกษม พอมาที่ศาลาทุกคนเห็นกระดาษวางบนธรรมาสน์เป็นข้อความที่หลวงพ่อเกษมเขียน ลาศรัทธาชาวบ้านยาวถึง 2 หน้ากระดาษ
    ข้อความบางตอนที่จำได้มีอยู่ว่า ทุกอย่างเราสอนดีแล้ว อย่าได้คิดไปตามเรา เพราะเราสละแล้วการเป็นเจ้าอาวาส เปรียบเหมือนหัวหน้าครอบครัว ต้องรับผิดชอบภาระหลายอย่าง ไม่เหมาะสมกับเรา เราต้องการความวิเวกจะไม่ขอกลับมาอีก แต่พวกชาวบ้านก็ไม่ละความพยายาม เพราะชาวบ้านเหล่านี้ศรัทธาในตัวหลวงพ่อพอ รู้ว่าหลวงพ่ออยู่ที่ไหนเมื่อรวมกันได้ 40-50 คน ก็ออกเดินทางไปตามหาหลวงพ่อเกษม และไปพบหลวงพ่อที่ศาลาวังทาน หลวงพ่อเกษมได้ปฏิบัติธรรมที่นั่น พวกชาวบ้านได้อ้อนวอนหลวงพ่อ ขอให้กลับวัด บางคนร้องไห้เพราะศรัทธาในตัวหลวงพ่อมาก แต่หลวงพ่อเกษมท่านก็นิ่งไม่พูดไม่ตอบ จนพวกชาวบ้านต้องยอมแพ้ ตลอดพรรษาปี 2492 หลวงพ่อเกษมท่านก็อยู่ที่ศาลาวังทานโดยไม่ยอมกลับวัดบุญยืน
    พวกชาวบ้านจึงพากันเข้าไปพบโยมแม่ของหลวงพ่อโยมแม่รักหลวงพ่อเกษมมาก เพราะท่านมีลูกชายคนเดียว จึงให้คนพาไปหาหลวงพ่อที่ศาลาวังทาน โดยมี (เจ้าประเวทย์ ณ ลำปาง) ตอนนั้นยังบวชเป็นสามเณรอยู่ โยมแม่ได้ขอร้องให้หลวงพ่อเกษมกลับวัด แต่หลวงพ่อกลับบอกโยมแม่ว่า
    แม่เฮาบ่เอาแล้วเฮาบ่เหมาะสมกับวัด เฮาชอบความวิเวก เฮาขออยู่อย่างวิเวกต่อไป เฮาจะไปอยู่ที่ป่าเหี้ยว แม่อาง จนทำให้โยมแม่หมดปัญญา ไม่รู้จะขอร้องยังไง ผลที่สุดก็ต้องตามใจหลวงพ่อ วันรุ่งขึ้น หลวงพ่อเกษมก็ออกจากศาลาวังทาน เดินทางไปบ้านแม่อางด้วยเท้าเปล่า เช้ามืดไปถึงป่าเหี้ยวแม่อางก็ค่ำพอดี ฝ่ายโยมมารดาพอกลับมาบ้านก็เกิดคิดถึงพระลูกชาย เพราะเกรงว่าพระลูกชายจะลำบาก จึงออกจากบ้านไปตามหาพระลูกชาย โดยมีคนติดตามไปด้วยชื่อ โกเกตุ โยมแม่สั่งให้โกเกตุ ขนของสัมภาระเพื่อจะไปอยู่บนดอย ของที่เหลือในร้านเพชรพลอยแจกให้ชาวบ้านจนหมดเกลี้ยง ไม่เอาอะไรเลย นอกจากของใช้ที่จำเป็นบางอย่างเท่านั้น
    เกตุ พงษ์พันธุ์ ซึ่งเป็นญาติใกล้ชิดก็พาโยมแม่ไปส่งที่แม่อาง และพวกชาวบ้านเห็นโยมแม่ของหลวงพ่อมา ก็สร้างตูบกระท่อมอยู่ข้างวัดแม่อาง ส่วนหลวงพ่อเข้าบำเพ็ญภาวนาในป่าช้าบนดอยแม่อาง บำเพ็ญภาวนาบารมีวิปัสสนาปฏิบัติธรรมได้หนึ่งพรรษา ทิ้งให้โยมแม่ซึ่งอยู่กระท่อมตีนดอยก็คิดถึงพระลูกชาย โดยแม่ก็ตามไปหาที่ป่าช้าข้างเนินดอย ก็มีชาวบ้านแถวนั้นอาสาสร้างตูบกระท่อมให้โยมแม่พักใกล้ ๆ ที่หลวงพ่อปฏิบัติธรรม โดยโยมแม่บัวจ้อนได้พำนักที่ข้างเนินดอยได้พักหนึ่งก็ล้มป่วยลงด้วยโรคไข้ป่า ชาวบ้านก็ไปตามหมอทหารมาฉีดยารักษาให้ แต่โยมแม่ท่านมีสติที่เข้มแข็ง และยังได้สั่งเสียเณรเวทย์ว่ามีเงินซาวเอ็ดบาท ให้เก็บไว้ถ้าโยมแม่ตายให้เณรไปบอกลุงมา เมื่อสั่งเสร็จโยมแม่ก็หลับตา เณรเวทย์ก็ไปบอกหลวงพ่อเกษม หลวงพ่อก็มา ท่านได้นั่งดูอาการของโยมแม่ท่านนั่งสวดมนต์ เป็นที่น่าแปลกใจขณะที่หลวงพ่อสวดมนต์ มีผึ้งบินมาวนเวียนตอมไปตอมมาสักครู่ใหญ่ ๆ โยมแม่ก็ถอดจิตอย่างสงบ นัยน์ตาหลวงพ่อเกษมมีน้ำตาค่อย ๆ ไหลขณะที่ท่านแผ่บุญกุศลให้กับโยมแม่ ท่านยังเอ่ยว่า​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กุมภาพันธ์ 2008
  3. bayong

    bayong Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +29
    อนุโมทนาด้วยครับ


    ผมมาเรียนลำปางก็ได้ไปกราบท่านมาเหมือนกัน


    ร่างของท่านยังเหมือนเดิมถึงจะมีหนังที่เหี่ยวติดกับกระดูกไปบ้าง


    ท่านเป็นผู้มีบารมีมากครับ
     
  4. srirote

    srirote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +393
    เคยอ่านเจอว่าท่านสำเร็จอรหันต์ในชาตินี้ พระที่ท่านปลุกเสกดังหลายรุ่น
    โดยเฉพาะรุ่น มทบ.7 พ.ศ.2518 เคยแจกทหารไปโดนระเบิดไม่เป็นอะไรเลย
     
  5. 12punna

    12punna เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    245
    ค่าพลัง:
    +3,198
    ใช้เลยครับ ท่านอรหันต์ ในชาตินี้แล้วครับ แล้วครับ
     
  6. บัวใต้น้ำ

    บัวใต้น้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2004
    โพสต์:
    891
    ค่าพลัง:
    +1,937
    ธรรมะคำสอนของหลวงพ่อเกษม เขมโก เรื่องการภาวนา

    "การเห็นเป็นเหตุ แห่งการคิด
    การคิดเป็นเหตุ แห่งการเห็น
    ถ้าคิดดี ก็เป็นทางเย็น..........
    หากคิดไม่เป็นก็เย็นสบาย......
    ตายเป็นเหม็นเน่า- เราเขาเหมือนกัน
    อยู่ไปทุกวัน ใครได้ก็ดี......
    ใครมีก็ได้.... สวัสดีเสมอ....

    ------------------------------------------------

    คำสอนของท่านเป็นคำสอนที่มุ่งให้"รู้สีกตัว'ให้เป็น
    หมายถึงการให้รู้จักการที่กิเลสพาเราไปหลงคิด และเราสามารถพัฒนาจิตของเรา
    ให้พ้นจากโลกการปรุงแต่ง หรือการคิดได้ มาเป็นผุ้รู้สึกตัวแทน ดั่งคำที่ว่า

    "คิดไม่เป็น ก็เย็นสบาย"
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กุมภาพันธ์ 2008
  7. icom3fgx

    icom3fgx เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +121
    คุณพระคุ้มครอง
     
  8. บัวใต้น้ำ

    บัวใต้น้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2004
    โพสต์:
    891
    ค่าพลัง:
    +1,937
    คำสอนของหลวงพ่อเกษม เขมโก เรื่องพระนิพพาน

    พระนิพพานเปรียบเหมือนคุณของอากาศ
    อธิบายว่า อากาศมีคุณอยู่ 10 ประการ คือ

    1 ไม่รู้จักเกิด
    2 ไม่รู้จักแก่
    3 ไม่รู้จักตาย
    4 ไม่จุติ......
    5 ไม่กลับเกิดอีก
    6 เป็นของดำรงค์สภาพไว้ได้ โดยไม่ต้องอาศัยอะไร
    7 สำหรับฝูงนกบินไปมา
    8 ใครจะข่มเหง, ลักลอบเอาไปไม่ได้...
    9 ไม่รู้มีอะไรมากางกั้น
    10 ที่สุดไม่ปรากฎ.........ท่องไปสอบวันว่าง..
     
  9. บัวใต้น้ำ

    บัวใต้น้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2004
    โพสต์:
    891
    ค่าพลัง:
    +1,937
    คำสอนของหลวงพ่อเกษม เขมโก

    "นี่เป็นภาษิตของพระวิปัสนาแต่งไว้ดังนี้...
    หทยัง หัวใจ..พระเจ้าท่านไขว่า
    ใจนานา ใจขึ้นใจโกรธ ใจโทษโทสา...
    ใจมารเกล้วกล้า ฆ่าสัตว์ทั้งหลาย...
    ใจมักเสียดส่อ...
    ใจลวง-ใจล่อ-ให้เขาลุ่มหลง
    ใจมืดใจมัวกอปด้วย
    ตัญหาใจดำนั้นหนา
    เหมือนสัตว์เดรัจฉาน
    ใจร้ายใจพาล ไม่รู้ประมาณ
    ว่าจะจมอยู่นานในจตุราบาย...
    ใจมักทำบุญให้คิดถึงคุณ ..
    ศีลทานมากหลาย..
    ให้น้ำให้ข้าว เพื่อเป็นทานมากมาย..
    ให้เร่งขวัญขวาย มุ่งหมายทุกวัน...
    ไหว้พระสวดมนต์
    จักได้กุศลผลบุญที่ทำนั้น.
    ใจประกอบด้วยบุญด้วยศรัทธา...
    ใจนั้นสุภาพ..ละอายต่อแก่บาป....
    ความบาปไม่มี... ซื่อสัตย์มั่นคง...
    ถึงเจรจาสิ่งใด... ก็ไพเราะนักหนา...
    นาโทษโทษาก็ไม่มี.. ใจดั่งดวงแก้ว...
    ส่องโลกโลกา... ชั่วไกลจากตน...
    ผลกุศลนำมา.... เราท่านเกิดมา...
    ไม่เป็นแก่นสาร... ใจถือคันถี....
    เมตตาปราณี... ฝูงสัตว์ทุกวัน...
    เหนี่ยวเอามรรคผล... ให้พ้นกันดาชร....
    แม้นสิ้นอาสัญ.... ถึงชั้นใดๆ........
     
  10. บัวใต้น้ำ

    บัวใต้น้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2004
    โพสต์:
    891
    ค่าพลัง:
    +1,937
    ธรรมะจากหลวงพ่อเกษม เขมโก

    " ถ้าต้องพูดกับคนทุกคนแล้ว ..คงไม่มีเวลาปฏิบัติธรรมแน่.."

    "..ไม่กินก็อยาก ไม่ปากก็ใจ สารพัดยัดเข้าไป ..ถ้าเจ็บท้องไม่ร้องหาใคร นอนอยู่ในป่าช้าผู้เดียว.."
     
  11. บัวใต้น้ำ

    บัวใต้น้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2004
    โพสต์:
    891
    ค่าพลัง:
    +1,937
    ธรรมะจากหลวงพ่อเกษม เขมโก

    ป่าเป็นธรรมชาติ ธรรมชาติไม่ได้บอกให้เราคิดเพ้อเจ้อ ฟุ้งซ่าน
    แต่มนุษย์ไม่ได้ทำตามหน้าที่ตามธรรมชาติ
    คิดเก่ง คิดชอบ คิดไร้สาระ คิดเอาแต่ใจ ไม่รู้จักจบ
    มนุษย์ทำเกินหน้าที่ของตัว ไม่ทำตามธรรมชาติ

    เมื่อใดมนุษย์ถือมั่น ความทุกข์ก็ไม่มี มีแต่ประโยชน์
    ที่สำคัญธรรมชาติยังมีกฏของไตรลักษณ์
    ลักษณะสำคัญคือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
    จงใช้สติไม่ไปถือมั่นกับสิ่งเหล่านี้
    เพราะมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
     
  12. วิทย์

    วิทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,036
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,439
    นี่เป็นเรื่องที่ผมฟังคนเล่ามาอีกทีนะครับ

    ญาติผมเป็นลูกศิษย์ท่านเคยไปกราบท่านเป็นประจำ เคยเล่าให้ผมฟังว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งญาติผมอยากจะทดสอบบารมีท่านก็เลยจุดธูปเทียนของให้ท่านแสดงอภินิหารอะไรสักอย่างให้ปรากฏที ผลปรากฏว่ารุ่งเช้าญาติผมออกไปถวายอาหารพระที่มาบิณฑบาตรหน้าบ้าน ก็เจอหลวงพ่อเกษมท่านมายืนรอรับบิณฑบาตรอยู่ที่หน้าบ้านน่ะครับ (ซึ่งความจริงแล้วท่านควรจะอยู่ที่ลำปางน่ะครับ) ตั้งแต่นั้นมาญาติผมคนนี้ก็ศรัทธาท่านมากและก็หายสงสัยเกี่ยวกับตัวท่านด้วยประการทั้งปวงน่ะครับ (หลังจากที่ญาติผมเจอท่านแล้วพูดคุยหรือทำอะไรต่อนั้นผมไม่ทราบเนื่องจากญาติผมไม่ได้เล่าให้ฟังต่อน่ะครับ ญาติผมคนนี้ชอบเข้าไปหาพระตั้งหลายรูปมักจะเจออะไรแปลกๆอยู่เสมอ เขาเคารพหลวงพ่อบุญมี วัดสระเกศ เป็นพิเศษน่ะครับ)
     
  13. ศรีอิสระ๒๕๕๐

    ศรีอิสระ๒๕๕๐ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +57
    อีกปฎิปทาหนึ่งขององค์หลวงพ่อที่คนลำปางรู้เป็นอย่างดี ท่านจะให้ความสำคัญกับอักษรที่ใช้เขียนหนังสือมาก ว่าเป็นของสูง เมื่อท่านเดินทางไปที่ไหนหากเห็นเศษกระดาษที่ตกอยู่ตามทาง ท่านจะเก็บไม่ต้องการให้ถูกเหยียบย่ำ

    ท่านเป็นพระผู้เปี่ยมเมตตาเป็นอย่างมาก ตอนผมเป็นเด็กทุกครั้งที่ไปนมัสการท่าน ท่านจะให้ขนมทุกครั้งเป็นที่เจริญใจสำหรับเด็กๆมากและทำให้เด็กๆรู้จักความเมตตา

    ขอกราบท่านด้วยจิตที่ตั้งมั่น
     
  14. yokine

    yokine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2007
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +602
    ภาษิตธรรมถวายในหลวง

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในหลวงองค์ปัจจุบันของเรา เคยไปสนทนาธรรมกับหลวงพ่อ ทรงเคยถามหลวงพ่อเกษมว่า
    " หลวงพ่อสอนอย่างไร อยากฟังบ้าง และอยากได้เป็นแนวปฏิบัติ
    จะเป็นคราวไหนไม่ทราบ หลวงพ่อได้บันทึกคำภาษิตถวายในหลวงดังนี้
    คำภาษิตของอาตมาภาพมีอยู่ดังนี้
    การเห็นเป็นเหตุแห่งการคิด...
    การคิดเป็นเหตุแห่งการเห็น...
    ถ้าคิดดีก็เป็นทางเย็น...
    หากคิดไม่เป็นก็เย็นสบาย...
    ตายเป็นเหม็นเน่า - เราเขาเหมือนกัน
    อยู่ไปทุกวันใครได้ก็ดี..ใคร่มีก็ได้
    นี่เป็นภาษิตของพระวิปัสสนาแต่งไว้ดังนี้
    หทยังหัวใจ พระเจ้าท่านไขว่าในนานา - ใจ
    กิจวัตร
    กิจวัตรประจำวันของ หลวงพ่อเกษม เขมโก

    05.00น. ตื่นจากจำวัด ซึ่งในการจำวัดของ หลวงพ่อเกษมเขมโกนั้น บางครั้งท่านก็นั่งจำวัดทั้งคืน

    05.15น. พิจารณาปัจจัยสี่ คือ บิณฑบาต(อาหาร)เสนาสนะ (ที่อยู่อาศัย) ศิลานเภสัช(บารักษาโรค)

    05.30น. ล้างหน้าบ้วนปาก แล้วนั่งภาวนาแผ่เมตตาให้ทุกชีวิต

    06.00น. ไหว้พระสวดมนต์ ทำวัตรเช้า เจริญเมตตาภาวนาพิจารณาสิ่งของที่มีผู้นำมาถวายเป็นอย่างๆไป

    08.00น. อนุญาตให้คณะแพทย์จากโรงพยาบาลศูนย์ลำปาง เข้าทำการตรวจเช็คร่างกาย วันละ 3 คน หลวงพ่อจะป้อนขนมให้คณะแพทย์ และน้ำชา หลังจากนายแพทย์ได้เสร็จการตรวจเช็คร่างกายแล้ว

    08.30น เจริญวิปัสนากรรมฐานต่อไปอีกหลายๆ รอบแล้วแต่ท่านจะกำหนดอธิษฐาน

    10.00น.แสดงธรรมเทศนา

    11.00น. ฉันภัตตาหาร

    12.00น. นั่งบริกรรมภาวนาจนถึงเวลา 18.00น. ก็จะย้ายกลับมาที่เตียงนอนภาวนา จนถึงเวลา 20.00น. ก็จะลงนอนจำวัด สลับกับการภาวนา

    เมื่อนั่งบนเตียง เท้าของท่านจะวางอยู่จุดตรงไหนจุดตรงนั้น ท่านจะกลัว ระวังไปเหยียบเอาแมลงต่างๆ ถ้ามี มดแมลงหลุดหลงเข้าไปในห้องนอนของท่าน ท่านก็จะพูดว่ามันเข้ามาเยี่ยม ถ้าหากศิษย์คนไหนหวังดีต่อท่าน ตบ ฆ่ายุงตายศิษย์คนนั้นก็มีโอกาสที่จะถูกลงโทษ (ปิด) ห้ามเข้ามาปรนนิบัติท่านเป็นเวลาแรมเดือน
    (คัดมาจากหนังสือ หลวงพ่อเกษมเขมโก อริยสงฆผู้ล่วงลับ)

    ^^
     
  15. เปลือกไม้

    เปลือกไม้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2007
    โพสต์:
    6,719
    ค่าพลัง:
    +38,356
    ปริศนาธรรมที่ท่านแสดงไว้ หลายอย่างการที่ท่านบำเพ็ญเพียรกลางเเดดกลางฝน การฉันอาหารที่เก็บไว้หลายวันจนบูด การที่ท่านบำเพ็ญเพียรในป่าช้า ลองศึกษาปฏิปทาท่านดูนะครับ
    โอกาสะ โอกาสะ อาจาริโย เมนาโถ ภันเตโหนตุ
    อายัสมา เขมโกภิกขุ เมนาโถ ภันเตโหนตุ
    ขอกราบนมัสการหลวงปู่ครูบาเจ้าเกษม เขมโก
     
  16. rux

    rux เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    308
    ค่าพลัง:
    +990
    <!-- / message --><!-- sig --> "..ไม่กินก็อยาก ไม่ปากก็ใจ สารพัดยัดเข้าไป ..ถ้าเจ็บท้องไม่ร้องหาใคร นอนอยู่ในป่าช้าผู้เดียว.."

    ปรมัตถ์ธรรมของหลวงปู่แจ่มแจ้งแทงตลอด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กุมภาพันธ์ 2008
  17. Mettigo

    Mettigo ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +690
    หลวงปู่เป็นพระที่มีเมตตามาก ปี ๒๕๓๖ ได้ไปกราบท่านที่สุสานไตรลักษณ์ วันนั้นท่านไม่ค่อยสบายนอนภาวนาอยู่ในกุฏิหลังเล็ก แต่ด้วยความเมตตาท่านได้ให้ศิษย์จัดคนเข้าไปกราบท่านทีละชุด ชุดละประมาณ ๑๐ คน ผมโชคดีได้เข้าไปกราบนมัสการท่านในชุดแรก ผมสังเกตุเห็นริมฝีปากท่านขมุบขมิบด้วยคงจะให้พรกับญาติธรรม ผมปลาบปลื้มใจมาก นึกถึงทีไรมีความสุขทุกทีครับ ผมมีประสบการณ์ปาฏิหารย์กับวัตถุมงคลท่านหลายอย่าง ท่านมีบารมีสูงจริง ๆ ครับ ขออนุโมทนากับทุกท่านครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...