ฝันไปถึง เมืองบังบด เมืองผี แดนลับแล แล้วแต่จะเรียก

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย jarujun, 21 มกราคม 2015.

  1. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    พระอนุชา ผู้สุขุมนุ่มลึก ไม่เคยแสดงพระอารมณ์ใดๆ ก็เปลี่ยนไปโดยสิ้น
    ทั้งสองเข้าห้ำหั่นกัน โดยไม่มีการออมอาวุธ ไม่ต่อเชิงมวย ไม่ต่อท่า
    เหมือนอยู่ในสนามรบจริงๆ สิงห์เข้าใช้หมัดต่อยไม่ยั้ง พระอนุชาแก้ด้วยการ
    ถลุงเข่า พอสิงห์จะเตะตัดขาให้พับ พระอนุชาก็เหนี่ยวคอสิงห์ลงมาหวัง
    จะศอกด้วยท่าฤาษีบดยา แต่สิงห์กลับกระแทกหัวเข้าท้องจนจุก จนพระอนุชาล้มลง
    สิงห์ไม่รอช้าขึ้นคร่อม จะระดมหมัดใส่ แต่พระอนุชาก็ปัดป้อง แล้วกระแทกตัวขึ้น
    พระเศียรก็กระแทกเข้าปลายคางสิงห์ จนเลือดกลบปาก

    เหมือนฟ้าฝนไม่เป็นใจ ห่าฝนตกลงมา โดยไม่มีเคล้า ฝนตกจนเปียก ดินที่ลานก็
    กลายเป็นโคลนคลุกเคล้าทั้งสองร่างกลางลานประลองที่ตอนนี้ไม่มีเชิงมวยเหลือ
    ทั้งจับหัวอีกฝ่ายกระแทก ซัดกันจนไม่ได้ลุกขึ้น ปล้ำต่อยกันกลางลานประลอง
    อย่างเอาเป็นเอาตาย

    ผู้ชมอันประกอบด้วยท่านขุนทั้งหลาย ต่างก็อ้าปากค้าง กับการต่อยมวยอันพิศดารนั้น
    แต่ไม่มีใครกล้าขยับ ยอมตากฝนจนหนาวสั่น ฟันกระทบกันดังกึกๆ
    เพราะบัดนี้ พระพักตร์ของเจ้าหอหน้า แลดูดุดัน และเดาไม่ได้
    ยิ่งกว่าฝนที่ตกมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กันยายน 2016
  2. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    ทรงผุดลุก ขึ้นแล้วพระดำเนินไปอย่างรวดเร็ว เข้าไปที่สองร่างกลางลาน
    ที่ไม่รู้ถึงการมาของพระองค์

    ส่วนท่านขุนที่เหลือทั้งหมด ได้แต่กลืนน้ำลายลงคอ
    ทุกคนพร้อมใจกันมองเพียงอย่างเดียว

    แล้วเจ้าหอหน้าก็ไม่ทรงกล่าวอันใด ยกพระบาทขึ้นเตะไม่ยั้งไปที่สองร่างที่กำลัง
    กอดกันกลมกลางลานประลอง แค่ไม่กี่ครั้ง ก็รู้สึกจะกระอัก สิงห์ลุกจากร่างพระอนุชาทันที พระอนุชาได้ทีลุกขึ้นนั่ง
    ด้วยพระอารมณ์โกรธ จะกระโดดเข้าบีบคอสิงห์ที่บังอาจนัก แต่ยังไม่ทันเอื้อมมือถึงคอสิงห์
    ก็โดนพระบาทเตะเสยเข้าปล่ายคาง ล้มหน้าหงาย
    ไปเปื้อนโคลน สิงห์มองสองพระองค์ ยังไม่ทันหายงง ตนก็โดนพายุ ฝ่าพระบาท
    เข้าข้างลำตัว สิงห์ได้แต่ปัดป้องไม่กล้าต่อต้าน จนพระบาทสุดท้าย เข้าก้านคอ
    สิงห์หน้าคะมำไปจุ่มโคลนอีกคน แล้วพระสุรเสียงก็แผดออกมาดังก้องเหมือนราชสีห์คำราม

    " กูจักดูเปรียบมวย ไม่ใช่หมากัดกันเยี่ยงนี้ มันมิใช่คนของกู ถ้าพวกมึงอยากได้เลือดนัก กูจักจัดให้"

    แล้วทรงกระชากพระเศียรของพระอนุชา และศรีษะของสิงห์ ด้วยพระหัตถ์คนละข้าง ในท่านั่ง
    แล้วจับโขกกันอย่างแรก สิงห์มึนหัว เสียงในหูหวีดแหลม

    ได้ยินพระสุรเสียงเจ้าหอหน้ากระซิบข้างหูของทั้งสองว่า
    "อย่านึกว่าเป็นน้องแล้วกูจักมิกล้า"

    สิงห์นั้นทั้งเจ็บทั้งมึนแทบลืมตาไม่ขึ้น แต่ยังได้ยินเสียงหอบหายใจขัดๆ
    ของพระอนุชา ที่กระซิบตอบไปว่า "เจ้าพี่ น้องขออภัย น้องผิดไปแล้ว"
    สิ้นคำนั้น พระหัตถ์ของเจ้าหอหน้า ก็ปล่อยทั้งสองลง ไปนอนหงายหมดสภาพ
    อยู่กลางลาน สิงห์นึกว่า พระองค์จะพระดำเนินไป กลับยกพระบาทกระทืบลงกลางอก
    ทั้งสิงห์และพระอนุชาคนละที แล้วพระสุรเสียงก็ตะคอกลงมาอีก
    "ถ้าวันไหนพวกมึงอยากตาย ก็บอกกู อย่ากัดกัดเป็นหมา เสียเชื้อวงศ์"

    แล้วทรงพระดำเนินหนี ขึ้นเรือนไป แล้วพระสุรเสียงก็ยังลอยตามลมมา
    "ห้ามใครหามมันขึ้นเรือน มีเรี่ยวแรงกัดกัน ก็ให้มันคลานขึ้นเรือนไปเอง"

    ขุนทองกลืนน้ำลาย รีบไปดูขุนเข้มไม่กล้าแลสิงห์อีก แม้ในใจจะเป็นห่วง
    แต่ก็เกรงจะโดนแบบขุนสิงห์

    ส่วนท่านขุนท่านอื่นไม่ต้องพูดถึง เพราะรู้พระอารมณ์ของเจ้าหอหน้า แต่วันนี้
    ยิ่งกลัวกันเข้าไปใหญ่ แม้พระอนุชา กับขุนสิงห์คนโปรด ยังโดนจนกระอักเลือด
    หยอดน้ำข้าวต้ม หากเป็นพวกตน ไม่รู้หัวจะได้ตั้งอยู่บนบ่าอีกหรือไม่ ต่างแยกย้าย
    กันไปช่วยขุนเข้ม และเข้าเรือนตน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กันยายน 2016
  3. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    ท่ามกลางฝนที่ตกมาอย่างหนัก กับการหายใจแทบไม่ออก ทั้งสองคน
    ได้แค่ใช้ปากหายใจ เจ้ากรรมน้ำฝนก็ดันไหลเข้าปากเข้าจมูก จนสำลักน้ำ
    พอไอก็เจ็บปวดรวดร้าวไปถึงซี่โครงและอก นอนไม่เหลือสภาพกันทั้งคู่ อยู่พักใหญ่
    พอสติสัมปชัญญะ กลับมา สิงห์ก็ให้รู้สึกผิดนะ ทิฐิมานะ ความอวดดีของตน
    ถึงอย่างไรพระอนุชาก็เป็นพี่

    สิงห์ค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้น นั่งสะบัดหน้าให้คลายจากอาการมึนงง อยู่หลายที
    จึงค่อยๆ คลานเข่าเข้าไปหาพระอนุชา ที่พยามดันตัวลุกขึ้น

    สิงห์ ก้มลงกราบแทบพระบาทของพระอนุชา พระอนุชาไม่กล่าวกะไร ใช้พระหัตถ์
    ลูบหัวสิงห์เบาๆ เหมือนครั้งแรกที่พบกัน น้ำตาลูกผู้ชายของขุนสิงห์ก็ไหลมาเอง

    สิงห์สูดลมหายใจแรงจนเจ็บไปทั้งอก
    แล้วก็ค่อยๆ เข้าไปช่วยพระอนุชา ให้ลุกขึ้น ทั้งคู่ค่อยๆลากสังขารอันสะบักสะบอม
    ไปยังเรือน เมื่อไปถึงหัวบันได ท่ามกลางฝนที่ตกหนัก หนูอินก็วิ่งถลาลงมา
    ช่วยประคองพระอนุชาอีกข้าง ใบหน้านวลนองไปด้วยน้ำตา พระอนุชาปล่อยมือจากสิงห์ แล้วทิ้งน้ำหนักไปโอบหนูอินแทน

    สิงห์มองภาพนั้นอยู่ชั่วครู่ แล้วพึ่งคิดได้บางอย่าง

    สาเหตุที่พระอนุชา เปลี่ยนไป!!! จนน่วมกันไปทุกคน เพราะความปากบอนของตนหรือนี่???
     
  4. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    ป.ล.ต่อพรุ่งนี้
    ป.ล.2 เจ้าหอหน้าโหดเหลือเกินมังคะ คนเขียนกลัว
    อย่าลงพระอาญา จะรีบเขียนต่อโดยไว
     
  5. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    พอขึ้นถึงบนเรือน ก็มีบ่าวชายร่างกำยำ มาหิ้วปีกสิงห์ไปอาบน้ำอาบท่าเสียที่ชานเรือน
    สภาพของสิงห์คล้ายคนจะสัปงก หลับกลางอากาศไปเสียหลายที จากนั้น ก็มีคนพยุง
    ช่วยผลัดผ้าจนสะอาด แล้วลากสิงห์มาที่ตั่งกลางเรือน จับกรอกน้ำซาวข้าว สิงห์อยากจะบ้วนทิ้ง ก็โดนบังคับอุดปาก
    แล้วตามด้วยยาร้อนกลิ่นฉุน ที่พอดื่มเข้าไปแล้วรู้สึกเย็นซ่านไปทั้งร่าง แล้วความรู้สึกสิงห์ก็ดับวูบลง

    เมื่อตื่นขึ้นอีกครา ก็ให้รู้สึกหนาวร้อน ด้วยพิษไข้ ทั้งยังเจ็บยอกไปทั้งกาย โดยเฉพาะ
    กลางอก ที่โดนฝ่าพระบาทกระทืบ บางคราก็อาเจียน ไม่รู้เนื้อรู้ตัว ปวดหัวที่โดนจับกระแทก
    รู้สึกราวกับหัวของตนโตขึ้นหลายเท่า ยกหัวไม่ขึ้น เวลาจะกินยาก็มีบ่าวชายมา
    ประคอง บางคราวก็ได้ยินเสียงเหมือนพี่เข้ม พี่ทอง บางคราก็ได้ยินพระสุรเสียงของเจ้าหอหน้า
    บางคราก็ได้กลิ่นมะลิอ่อนๆ

    หวนไปคิดถึงอดีตในวัยเยาว์ ได้ยินเสียงพระยาสุพรรณบุรี เรียกชื่อตนอย่างห่วงไย
    "เสือ เป็นเยี่ยงไรบ้างลูก"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กันยายน 2016
  6. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    ล่วงเข้าวันที่สาม สิงห์จึงมีความรู้สึกตัว และสติสัมปชัญญะอีกครา
    สิงห์พยุงตัวลุกขึ้น พบว่าตนนอนอยู่บนเสื่อ หน้าแท่นบรรทมของเจ้าหอหน้า
    ข้างกายมีขันโตกใบเล็ก ที่วางกระปุกทองเหลืองน้อยใหญ่ และครกบดยา
    ในห้องตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นยาต้ม เมื่อสำรวมร่างกายตนก็พบรอยพกช้ำ
    ความรู้สึกขัดยอกยังมี สิงห์มิใช่คนอ่อนแอ เมื่อรู้สึกตัว จึงกัดฟัน แล้วลุกขึ้นยืน
    ราวกับกระดูกในตัวไม่เข้าที่ ได้ยินเสียงข้อต่อในร่างกายจะประท้วงดังไปหมดทั้งร่าง

    สิงห์หลับตานึกถึงอาจารย์ตน ขรัวอินทร์ จับความรู้สึกจากกลางกระหม่อม แล้วค่อยๆ วนไปทางขวา
    จนรอบร่างกาย จากนั้น ดึงพลังจากกลางกระหม่อม มารวมที่ลิ้นปี่ รู้สึกร้อน
    แล้วนึกถึงเหล็กไหลที่แผ่ซ่านวิ่งวนไปทั่วร่าง แม้ยังเจ็บอยู่ แต่ก็สามารถลุกขึ้นมาเดินได้อีกครา

    สิงห์ค่อยๆพยุงกาย แล้วเดินไปเปิดประตูที่แง้มไว้นิดๆ

    แต่ที่ทำให้แทบลมจับอีกรอบ คือ บุรุษผู้ยืนอยู่หน้าประตู

    "ท่านพ่อ" สิงห์กระซิบเรียกชื่อบิดาเลี้ยง

    พระยาสุพรรณบุรี !!! รีบเข้าไปประคองสิงห์ที่หน้าซีดเผือดลง เมื่อเห็นหน้าตน
    สิงห์กลับปัดมือนั้นออกโดยสัญชาตญาน

    กลับเป็นพระยาสุพรรณบุรีเอง ที่หน้าสลดลงไปถนัดใจในครานั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กันยายน 2016
  7. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    เปลี่ยนรูปแทนตัวใหม่ รู้สึกขนหัวลุกนิดนึง ตามพระราชบัญชา

    กราบแทบพระบาท ทูลกระหม่อม

    ป.ล. ขอตัวไปนอนก่อนนะจ๊ะ
     
  8. มังกรบูรพา

    มังกรบูรพา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,539
    ค่าพลัง:
    +9,407
    อืม ขอบคุณจารุ ที่สละเวลาเขียน ฝันดีครับ
     
  9. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    เมื่อคืนก่อนหลับไปในภวังค์

    รู้สึกมือใหญ่ๆมาลูบหัว ใจกลับรู้สึกอบอุ่น เหมือนอยากหลับไปไม่ตื่น

    บอกท่านไปว่า ลูกท้อเหลือเกิน ขอไม่ไปแล้วนะเจ้าคะเชียงใหม่ ลำพูน
    มันสุดโต่งทรมานตน เกินกำลังทรัพย์และสังขาร

    แล้วก็มีเสียงกระซิบทุ้มต่ำ ที่ไม่ได้ยินมานาน มากระซิบข้างหู
    (เป็นบุญของลูกมาก)
    "ไปเยี่ยมบ้านเก่าของเรา แล้วเจ้าจักมีชัย"
    บ้านเก่า คือ ที่ไหน??? แล้วก็หลับไป

    ตื่นเช้าเลยหาเส้นทางไปเชียงใหม่ อีกครั้ง เลยคิดว่าจะขึ้นรถทัวร์ไปลง แวะที่
    "พิษณุโลกสองแคว" ซักครึ่งวัน ไปกราบพระพุทธชินราช และศาลสมเด็จพระนเรศวร
    ไปเยี่ยมชมวังจันทน์ บ้านเมืองเก่าของท่าน

    ว่าแต่ แม่หญิง และเหล่าพลพรรคสหายเก่า ที่เคยร่วมเป็นร่วมตาย
    จะรอเราอยู่มั้ยหนอ แล้วจะจำเราได้กันบ้างไหม

    เมื่อท่านสั่งเราก็จักไป วันนี้ไม่เห็นหนทาง
    แต่ด้วยพระบารมี ลูกขอชัยชนะจงสถิตย์อยู่กับลูก

    ป.ล.แล้วเจอกันอีกครา "เมืองสองแคว"
    ป.ล.2 นั่งรถไฟ จากพิษณุโลกไปเชียงใหม่
    ป.ล.3 แม่กับลูกชาย 1 คน จะรอดมั้ยเนี่ย 555
     
  10. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    สิงห์ถอยกลับเข้าไปในห้อง ตั้งสติเสียใหม่ สูดลมหายใจแล้วกล้ำกลืน
    ความรู้สึกลงไป ออกไปเผชิญหน้ากับอดีตที่ตามมาหลอกหลอน
    สิงห์คิดว่าตนนั้นไร้ความรู้สึกต่อบิดาเลี้ยง แต่เมื่อได้พบหน้าโดยไม่ได้ตั้งใจ
    เช่นนี้ จึงรู้ว่าบาดแผลในใจนี้ลึกนัก และยังทำให้สิงห์เจ็บปวด

    เมื่อเปิดประตูออกไปอีกครา พระยาสุพรรณบุรียืนคอยท่าอยู่หน้าห้อง สิงห์แลไป
    เห็นท่านขุนอีกสองคนที่น่าจะตามมาคุ้มกันพระยาสุพรรณบุรี นั่งอยู่หน้าตั่ง
    ใส่ชุดอย่างข้าหลวงและสะพายดาบสองมือเต็มยศ
    แต่มิเห็นเจ้าหอหน้าและพระอนุชา หรือแม้แต่บ่าวไพร่ เหมือนทุกคนจะเป็นใจ
    ให้พ่อเลี้ยงและลูกเลี้ยงได้พบกัน

    สิงห์นึกถึงเรื่องราวหนหลัง พระบัญชาของเจ้าหอหน้า และมองหน้าที่เรียบเฉยของ
    พระยาสุพรรณบุรี แต่ในแววตาที่ทอดมองสิงห์ดูขมขื่นนัก

    สิงห์ไม่กล่าวกระไรอีก ทำสิ่งที่สัญชาตญานสั่งให้ทำ ก้มลงกราบเท้าบิดาเลี้ยง
    ผู้มีพระคุณชุบเลี้ยงตน จนเติบใหญ่ แม้นไม่ใช่บิดาที่แท้ แต่ก็นับได้ว่าเป็นผู้มีคุณ

    พระยาสุพรรณบุรี มองศรีษะได้รูป ที่ก้มลงกราบที่เท้าตน ให้จุกในอกนัก ความหลัง
    ก็หวนเข้ามาสู่อารมณ์ตนเช่นกัน จึงก้มตัวลง ยื่นมืออันสั่นเทาไปประคองสิงห์ให้ลุกขึ้น

    "เสือ กลับบ้านเราเถิดลูก พ่อมารับแล้ว แม้นเจ้าหอหน้าจะอำนาจมาก แต่พ่อก็ทำ
    ความดีต่อแผ่นดินมากนัก คงจักพักโทษเจ้าได้ "

    สิงห์ยังงงกับคำพูดของบิดาเลี้ยง แต่ก็ใช้ความสงบเข้าข่ม จนกว่าจะได้รู้แจ้งใจว่า
    เจ้าหอหน้าทรงวางแผนอันล้ำลึกใดไว้กันแน่
     
  11. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    สิงห์สบตากับบิดาเลี้ยง เมื่อลุกขึ้นยืน สังเกตุว่าบิดาเลี้ยงดูแก่ลงไปมาก
    เหมือนคนที่มีเรื่องทุกข์ตรมในใจ " ขอรับ ท่านพ่อ"

    พระยาสุพรรณบุรี เอื้อมมือมาโอบไหล่สิงห์ แล้วบีบเบาๆอย่างให้กำลังใจ
    พาเดินไปที่ตั่ง แล้วนั่งรอการมาของสองพระองค์

    พระยาสุพรรณบุรี เดินไปนั่งที่ตั่งด้านขวาอีกตัวหนึ่ง ที่ยกมาวางใหม่ ขนาบ
    กับตั่งใหญ่ตัวเดิมที่เจ้าหอหน้าเคยประทับ สิงห์จึงเข้าใจได้ว่า ณ.เรือนนี้
    เจ้าหอหน้าและพระอนุชาเป็นคุณหลวง แท้แล้วมีศักดิ์ต่ำกว่าพระยา แต่ก็
    สามารถนั่งในระดับเดียวกันได้

    แล้วคุณหลวงเดช และคุณหลวงศักดิ์หรือพระอนุชา ก็เดินขึ้นเรือนมา
    ด้วยหน้าตาที่เดาอารมณ์ไม่ถูก คุณหลวงเดชนั่งที่ตั่งใหญ่ ส่วนคุณหลวงศักดิ์
    ยืนเยื้องไปเบื้องหลังคอยคุมเชิงอยู่ทางด้านขวา

    คุณหลวงเดชกล่าวกับพระยาสุพรรณบุรี โดยไม่ทำความเคารพ " ขอบน้ำใจ
    ท่านพระยา ที่ยอมมาพบ ตามสาสน์ลับที่ข้าส่งไปให้ เรื่องที่จักหารือกัน
    คือเรื่องของ ขุนสิงห์ บัดนี้แม้นขุนสิงห์จักยังไม่ได้แต่งตั้งตามโบราณราชประเพณี
    ให้เป็นข้าในข้านั้น แต่นับว่าเป็นผู้มีฝีมือและวิชชาไม่ด้อยไปกว่าผู้ใดในแผ่นดิน
    ในวันข้างหน้าจักเป็นใหญ่ได้ แม้ขุนสิงห์จักว่าท่านได้ตัดเป็นตัดตายกับขุนสิงห์แล้ว
    ข้าก็เห็นว่า ควรจักบอกกล่าวเพื่อเป็นเกียรติ แก่ท่านพระยา"
     
  12. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    เจ้าหอหน้าหยุดพัก เพื่อมองอากัปกริยาของพระยาสุพรรณบุรี แล้วถามเป็นเชิง
    ท้าทายด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แลเย้ยหยันอยูในที

    " ท่านพระยาเห็นเป็นเยี่ยงไร"

    พระยาสุพรรณบุรี สุขุมนุ่มลึกนัก กล่าวด้วยน้ำเสียงแสดงความเคารพแม้จักมากวัยกว่านัก

    " ข้าเห็นว่า เป็นบุญของขุนสิงห์นัก ที่จักได้เรียนรู้จากคุณหลวงทั้งสอง
    แต่สิงห์หรือเสือลูกชายคนโตของข้านั้น เป็นเด็กนัก อีกทั้งยังดื้อรั้น เรื่องที่
    บังอาจเปรียบมวยกับคุณหลวงศักดิ์โดยมิได้ให้ความเคารพ จนทำให้คุณหลวงเดช
    ต้องลงโทษทั้งสองนั้น ข้าก็เข้าใจและเห็นสมควรอยู่ แต่เกรงว่าความใจร้อนของ
    สิงห์จักทำให้เป็นภัยแก่ตัวในภายภาคหน้า กระไรเสีย เพื่อเห็นแก่หน้าข้า จึงขอ
    ให้คุณหลวงเดช มอบลูกชายคนโตให้ข้านำไปขัดเกลาเสีย ส่วนเรื่องที่ว่าข้าตัดเป็น
    ตัดตายกับลูกเสือนั้น เป็นเพียงความเข้าใจฝ่ายเดียว ข้าได้มอบเสือให้กับขรัวอินทร์
    แต่ก็ได้ติดตามข่าวของลูกข้าอยู่เสมอ จึงได้มารับเสือทัน มิใช่เพราะสาส์นลับที่คุณหลวงเดชส่งไป
    หากมัวแต่รอสาส์นข้าจักมาถึงเพลานี้ได้เยี่ยงไร อันเรื่องการข่าว กลยุทธ์ ข้านั้นไม่น้อยหน้าใครในแผ่นดินอโยธยา
    แม้นใครคิดการสิ่งใด ก็มิอาจรอดหูรอดตาข้าไปได้ แต่ข้าจะตอบโต้หรือกระทำเยี่ยงไร ก็แล้วแต่
    ความสมควรแก่เหตุ" !!!!

    แม้น้ำเสียงและกริยาที่แสดงจะสุภาพ ถ่อมตน สุขุม แต่วาจาโต้ตอบของพระยาสุพรรณบุรีช่างเผ็ดร้อนใจนัก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กันยายน 2016
  13. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    สิงห์ลอบกลืนน้ำลาย แอบเหลือบมองใบหน้าของบิดาเลี้ยงเหมือนไม่เคยเห็นมาก่อน
    แต่ในใจก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดเจ้าหอหน้าจึงคิดว่าบิดาเลี้ยงของตนนั้นจะเป็นขบถ

    เงียบไปครู่ใหญ่ คุณหลวงเดช จึงกลาวด้วยน้ำเสียงราบเรียบไร้อารมณ์
    "เช่นนั้น ท่านก็คงเห็นแก่หน้าข้าบ้าง หากท่านจักนำสิงห์กลับไปขัดเกลาที่บ้าน
    ข้ามิเห็นสมควร คนมีฝีมือมากเช่นสิงห์ ควรได้เป็นแม่ทัพนายกอง ข้าเห็นว่า
    ควรให้ขุนสิงห์ไปอยู่กรมคชบาล เพื่อจักฝึกฝน ในภายภาคหน้า จักได้เป็นทหาร
    ฝ่ายจตุรงคบาท จักได้ติดตามรับใช้ ข้าออกรบ ไม่เสียทีที่เป็นข้าแผ่นดิน
    เป็นชายชาติทหาร ถือน้ำพิพัฒน์สัตยา หากได้รับใช้และตายเพื่อแผ่นดิน
    ถือเป็นเกียรติสูงสุด หรือท่านเห็นต่าง???"

    ท่านพระยาสุพรรณบุรี นิ่งไปชั่วครู่ อย่างใช้ความคิด
    " ข้านั้นวางแผนจักให้เสือเป็นใหญ่ในแผ่นดิน มากกว่าทหารจตุรงคบาทมากนัก
    แม้นท่านจักเห็นเยี่ยงไร แต่ก็ไม่เสียการใด ถ้าเสือลูกข้าจักได้หัดนั่งช้างไว้ให้เคยชิน
    อีกสามวันข้าจักมารับเสือ หวังว่าคุณหลวงคงพอใจ ข้านั้นเดินตามหมากคุณหลวง
    แต่หมากเกมนี้จักจบเยี่ยงไร คุณหลวงก็อย่าเพิ่งย่ามใจนัก แม้ข้าจะแก่แล้ว แต่ก็
    เดินหมากเดินเกมมามากเช่นกัน"

    แล้วพระยาสุพรรณบุรีก็ผุดลุกขึ้น โดยไม่ทำความเคารพ เดินลงเรือนไป อย่างไร้ร่องรอย
     
  14. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    บอกข่าวบุญค่ะ
    ขอเชิญเป็นเจ้าภาพร่วมสร้างกุศลบารมี
    สร้างองค์ท้าวมหาพรหมพร้อมแท่น
    ผู้ประทานโชคลาภ บารมีธรรมให้ประสบความสำเร็จ
    สมความปรารถนาทุกประการ

    ร่วมบุญ
    - ร่วมเป็นเจ้าภาพ กองบุญละ ๙๙ บาท
    จำนวน ๙๙๙ กองบุญ
    ได้จารึกชื่อในแผ่นดวงมหายันต์โภคทรัพย์บรรจุ
    ในองค์ท้าวมหาพรหม วันพิธีขึ้นสถิตย์ศาล
    (ทางวัดเขียนให้)
    - เเละร่วมสร้างบุญตามแรงศรัทธา
    - ท่านเจ้าภาพสามารถ เขียนแผ่นยันต์ด้วยตนเอง
    ส่งมาร่วมบรรจุได้ (ให้ส่งถึงวัดก่อนวันที่ ๒๗ ต.ค.๕๙)
    - ส่งที่ พระปลัดณัฏฐกิตติ์ นาถสีโล
    สำนักงานเจ้าคณะตำบลลี้-ดงดำ เขต๑
    วัดลี้หลวง ๑๓๓ หมู่ ๖ ตำบลลี้ อำเภอลี้
    จังหวัดลำพูน ๕๑๑๑๐

    มณฑลพิธี วัดลี้หลวง อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน
    งบประมาณในการจัดสร้าง พร้อมงานพิธี ๙๐,๐๐๐ บาท
    กำหนดการ วันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๙ เวลา ๐๖.๒๙ น. เป็นต้นไป...
    ☺☺☺ ร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างบุญบารมี ได้ที่....☺☺☺
    ธนาคารกรุงไทย สาขาบ้านโฮ่ง
    ชื่อบัญชี พระณัฏฐกิตติ์ นาถสีโล
    เลขที่ บัญชี 514 0 25418 2


    ติดต่อสอบถาม แจ้งความจำนงค์ ได้ใน inbox
    และ โทร. 093 515 5818
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 187225.jpg
      187225.jpg
      ขนาดไฟล์:
      109.6 KB
      เปิดดู:
      108
    • 187224.jpg
      187224.jpg
      ขนาดไฟล์:
      63 KB
      เปิดดู:
      88
    • 186208.jpg
      186208.jpg
      ขนาดไฟล์:
      244.8 KB
      เปิดดู:
      48
    • 216858.jpg
      216858.jpg
      ขนาดไฟล์:
      104.4 KB
      เปิดดู:
      46
    • 216857.jpg
      216857.jpg
      ขนาดไฟล์:
      87.6 KB
      เปิดดู:
      43
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กันยายน 2016
  15. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    หลังจากพระยาสุพรรณบุรีลงเรือนไป เจ้าหอหน้าก็ไม่ตรัสกระไร
    ทรงทอดถอนพระปัสสาสะ แล้วมองหน้าสิงห์ที่ตอนนี้มีรอยพกช้ำดำเขียวเปรอะไปทั้ง
    โหนกแก้มและริมฝีปาก ทรงจ้องลึกไปในดวงตาสิงห์ สิงห์จ้องตอบไปโดยไม่หลบตา

    ส่วนพระอนุชา ทรงพระดำเนินมานั่งข้างๆ เจ้าหอหน้า แล้วมองหน้าสิงห์เช่นเดียวกัน

    " หากเอ็งเป็นข้า เอ็งจะทำเยี่ยงไร จะปล่อยเสือเข้าป่า
    หรือเลือกเชื่อว่า เลือดข้นกว่าน้ำ เชื่อว่าเกียรติของคนมีค่ากว่าอำนาจ เงินตรา บารมี"

    พระพักตร์ของเจ้าหอหน้าในเพลานั้น ทรงดูเหนื่อยล้ามากนัก

    "บัดนี้พระยาสุพรรณบุรีกำแหงนัก คงถือว่าพ่ออยู่หัวทรงไว้พระทัย
    อีกทั้งยังได้เป็นเจ้ากรมคชบาล แต่วาจาที่กล่าวถึงเจ้าในวันนี้ ข้าไม่เคยคาดคิดไว้ก่อน
    เห็นทีเราจักต้องรีบไปพบพ่ออยู่หัวก่อนกำหนด คงจักยื้อเวลาไว้มิได้"
     
  16. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    สิงห์นั่งนิ่ง มิรู้จักกล่าวการใด เพื่อให้ทั้งสองพระองค์ไว้ใจตนได้
    ได้แต่คิดเอาว่า เวลาคงจักเป็นเครื่องพิสูจน์ ความซื่อสัตย์และจงรักภักดี
    อีกทั้งสัจจะวาจาต่อหน้าขรัวอินทร์ ที่ตนจักมอบเลือดเนื้อและชีวิตให้แผ่นดิน

    แต่ก็อดหนักใจในวาจาของบิดาเลี้ยงมิได้ ตัวสิงห์นั้นไม่เคยมองบิดาเลี้ยงของตน
    ว่าเป็นผู้มากอำนาจถึงเพียงนี้ เพลาล่วงไปเพียงปีกว่า ใยพระยาสุพรรณบุรีผู้อ่อนน้อม
    และจงรักภักดี จึงเปลี่ยนไปได้ถึงเพียงนี้ สิงห์คิดหาสาเหตุวนเวียนแต่จนแล้วจนรอด ก็กลับคิดไม่ออก
    คงต้องรอให้เรื่องราวคลี่คลาย เปิดเผยความลับ แต่จะมิยอมให้พระยาสุพรรณบุรีได้ขบถต่อแผ่นดินเป็นแน่แท้

    ในใจของสิงห์ตอนนั้น ตัวตนของตนได้ตายไป เหลือเพียงแต่จิตวิญญานของผู้รักษา
    แผ่นดิน ที่ขรัวอินทร์ได้ชุบเลี้ยงและมอบวิชชาให้ นามว่าสิงห์ เพียงเท่านั้น และจัก
    มั่นคงต่อหน้าที่และสัญญา จนกว่าจะหมดวาระแห่งดวงจิต
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กันยายน 2016
  17. Higtmax

    Higtmax เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    2,342
    ค่าพลัง:
    +4,818
    inception จริงๆ เรื่อง การเมือง การปกครอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กันยายน 2016
  18. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    แล้วหลังจากนั้นไม่นาน ทั้งขุนทั้งหลายก็พากันเดินขึ้นเรือนมาเป็นขบวน
    นำโดนขุนแก้ว ซึ่งใบหน้ายังเขียวคล้ำ แต่ก็ดูดีขึ้นมาก ไม่ต่างกับขุนเข้ม
    ขุนสิงห์และขุนเข้มต่างสบตากันโดยไม่กล่าวอันใด สองพี่น้องร่วมสาบาน
    ถ่ายทอดความเป็นห่วงใยกัน ผ่านทางสายตา

    เจ้าหอหน้าทอดพระเนตรอากัปกริยาของทั้งสอง ก็ทรงดำริบางอย่าง

    "บัดนี้ถึงเวลาอันเป็นการสมควร ที่เราจักได้ไปเข้าเฝ้าพ่ออยู่หัว
    แต่ข้ามีราชการลับ จึงจักไปเข้าเฝ้าโดยลำพัง กระนั้น จักให้พวกเจ้าได้
    พักอยู่ที่คุ้มบ้านนี้ ให้เพียงขุนแก้ว ขุนทอง ขุนเข้ม ขุนสิงห์ ติดตาม
    เพลาเช้ารุ่งจักออกเดินทางทันที ทหารของวังหลวงคงจักมาถึงในเพลาค่ำนี้
    จงไปเตรียมการให้พรั่งพร้อม งานนี้จักพลาดอีกมิได้ "

    ท่านขุนทั้งหลาย ได้ฟังแล้ว ต่างก็ลงเรือนไปอย่างรู้หน้าที่ ขุนแก้วหันไปทำท่าทางให้
    ขุนเข้มและขุนทองอยู่ก่อน ทั้งคู่จึงขยับมาข้างหน้า นั่งไกล้ขุนแก้วเพื่อรอรับสั่งต่อไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ตุลาคม 2016
  19. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    ทรงทอดถอนพระปัสสาสะ แล้วทรงตรัสด้วยพระสุรเสียงเคร่งเครียดนัก

    "ข้าอยากจะขอร้องให้พวกเจ้าทำการอย่างหนึ่ง ซึ่งคงจักทำให้กระอักกระอ่วน
    ไม่สบายใจกันทุกฝ่าย แต่เพื่อแผ่นดินอโยธยา ข้าไม่อาจให้ใครทักท้วงคำสั่ง
    ของข้าได้ และเรื่องราวในวันนี้มิอาจแพร่งพรายให้ผู้ใดได้รับรู้ได้

    บัดนี้พระยาสุพรรณบุรี พ่อที่เลี้ยงสิงห์มาแต่อ้อนแต่ออก จักมารับสิงห์กลับคืนไป
    ชุบเลี้ยงดังเดิม และจักใช้ชาติกำเนิดที่แท้จริงของสิงห์ เพื่อจะอ้างสิทธิ์ในพระราชบัลลังค์
    อันตัวสิงห์นั้นที่แท้แล้วคือน้องชายต่างมารดาของข้าเอง แต่ดูทีแล้วเรื่องนี้อาจมี
    เหตุบานปลาย จึงจักผลีผลามมิได้ ข้าได้มอบสิงห์ให้ไปอยู่กรมคชบาล เพื่อสืบข่าว
    แลจักให้พวกเจ้าทั้งสามติดตามไปด้วย ขอให้สมัครสมานสามัคคี รวมเป็นน้ำใจเดียวกัน
    เพื่อแผ่นดินอโยธยา และถึงแม้นสิงห์จักเป็นน้องต่างมารดา มิได้มียศแลศักดิ์ ก็
    ขอให้พวกเจ้าจงให้ความเคารพยำเกรง เช่นเดียวกับตัวข้า และขอให้คอยเตือนสติ
    หากสิงห์คิดการใหญ่ คิดคดทรยศต่อพ่ออยู่หัว ข้าจักเป็นคนลงมือปลิดชีพสิงห์เอง
    มันผู้ใดก็ห้ามแตะศรีษะของสิงห์"

    พระดำรัสตอนท้ายนั้น ทรงหันไปสบสายพระเนตรกับพระอนุชา
    ถึงแม้ท่านขุนทั้งสามจะตกใจแทบลมจับ กับความจริงที่ได้รับ เรื่องชาติกำเนิดของสิงห์
    แต่ก็มิอาจแสดงความรู้สึกใดได้ ได้แต่หมอบกราบ ฟังพระราชดำรัสอยู่เช่นนั้น

    แล้วเจ้าหอหน้า ก็ทรงโบกพระหัตถ์เป็นเชิงไล่ ท่านขุนทั้งสาม ไม่กล้าแม้แต่มองหน้ากัน รีบลงเรือนไปอย่างเงียบเชียว รู้สึกหนักอึ้งในใจนัก
     
  20. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    สิงห์สุดจะทนความอึดอัดในใจนัก จึงเอ่ยถามถ้อยความในใจ

    "พระยาสุพรรณบุรีนั้น จักอ้างสิทธิ์ในบัลลังค์ได้เยี่ยงไร ข้าพระพุทธเจ้าเดาว่า
    พ่ออยู่หัวคงจักมีลูกลับ หรือมีน้องของพระองค์ที่เกิดจากสนมกำนัลอีกไม่น้อย
    ที่อยู่ในวังหลวง แลอยู่ในพิษณุโลกสองแคว ข้าคงไม่ใช่หมากตัวสำคัญ เป็นเพียงเบี้ยตัวหนึ่งพระยาสุพรรณบุรีคงจักคิดการไกลมากไปเองกระมัง"

    เจ้าหอหน้าจ้องลึกไปในตาสิงห์
    "พระยาสุพรรณบุรี เป็นผู้สุขุมนุ่มลึก แลเป็นเจ้ากลยุทธ์ ที่จริงมารดาของเจ้านั้น
    มิใช่หญิงธรรมดา เป็นพระธิดา ของเจ้าครองแคว้นไทใหญ่ เจ้าจึงเป็นหมากสำคัญทางการเมือง
    แต่พระเจ้าตาของเจ้านั้น ทราบเพียงว่า มารดาของเจ้าคลอดบุตรแล้วสิ้นที่พิษณุโลกหากเรื่องเจ้าแพร่งพรายออกไป
    อโยธยาคงต้องรับศึกใหญ่ แม้ศักดิ์ของเจ้าจะด้อยกว่าพี่ในวังอโยธยา แต่เจ้านั้นไม่ด้อยเลยหากจักรวมแคว้นทางเหนือมาร่วม
    นับว่าพระยาสุพรรณบุรี วางแผนได้ล้ำลึกนัก แต่ข้าว่าแผนคงมิใช่แค่นี้ ก่อนหน้านี้ พระยาสุพรรณบุรีเป็นผู้ภักดีที่ควรยกย่องในแผ่นดิน
    ข้าจักต้องหาสาเหตุให้ได้ ว่าทำไปเพื่อการใดกันแน่"

    สิงห์นั้นรู้สึกมึนชาเหมือนคราที่โดนพระอนุชากระหน่ำหมัดใส่กับความจริงที่ได้รู้

    "ส่วนว่าเหตุใด พ่ออยู่หัวถึงต้องฝากฝังเจ้ากับพระยาสุพรรณบุรี ข้าจักให้เจ้าฟังจาก
    พระโอษฐ์ของพระองค์เอง"

    "และต่อจากนี้ หากอยู่ด้วยกันในที่รโหฐานเยี่ยงนี้ ข้าจักแทนตัวว่าพี่ และให้เจ้าแทนตัวว่าน้อง ดังพระอนุชา
    น้องมิใช่ข้าในพี่ แต่เป็นพี่น้องร่วมสายเลือด และพี่เชื่อว่าเลือดข้นกว่าน้ำ แม้จักพัดพรากจากกันไป"

    สิงห์สุดจะซาบซึ้งในน้ำพระทัย ก้มกราบแทบพระบาท ทั้งสองพระองค์วางมือลงบน
    ศรีษะสิงห์ อย่างปราณี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2016

แชร์หน้านี้

Loading...