ธรรมหลังกึ่งกลางพุทธกาลเป็นต้นไป เป็นธรรมบัวบาน จะเปิดเผยครั้งแรกในยุคนี้นะ

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย anakarik, 12 พฤษภาคม 2016.

  1. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    นัก ปชต. กับการเป็น "ผู้กดขี่รายใหม่"


    ในโลกแห่งความเป็นจริง หากเราไม่กดขี่ใคร เราก็จะเป็นฝ่ายผู้ถูกกดขี่เสียเอง และหากเราไม่เอาเลยทั้งสองอย่าง เราก็จะอยู่ในสังคมมนุษย์ไม่ได้ นี่คือความจริง เปาโล เฟรเร่ ได้กล่าวถึงเรื่องนี้และให้เรา "ยอมรับความจริงของโลก" ในข้อนี้ให้ได้ เราไม่สามารถทำให้การดขี่หมดไปได้ และเราก็ไม่ควรทำเช่นนั้น เพราะอะไร? เพราะการกดขี่นี่แหละ คือ "การศึกษาที่แท้จริง" ที่เรียกว่า "การศึกษาของผู้ถูกกดขี่" หากปราศจากการกดขี่เสียแล้ว ย่อมจะไม่มีการศึกษาของผู้ถูกกดขี่ และพวกเขาย่อมจะไม่เห็นคุณค่าของ ปชต., คุณค่าของอิสรภาพ, คุณค่าของความเท่าเทียมกัน ธรรมชาติของมนุษย์ได้สร้างสังคมที่มีการกดขี่มาโดยบริบูรณ์พร้อมอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น การปกครองระบอบใดๆ ล้วนมีการกดขี่ทั้งสิ้น แม้แต่ระบอบ ปชต. ก็มีระบบทุนนิยม ล่อให้เรายอมเป็น "มนุษย์เงินเดือน" เป็นขี้ข้าชั้นดี เพื่อให้เจ้านายกดขี่ เพื่อให้เราได้รับการศึกษาที่แท้จริง ในโลกแห่งความเป็นจริง ไม่ใช่โลกแห่งตำรา โลกแห่งวิชาการ หรือโลกในห้องเรียนที่มีครูมาบรรยายให้เราฟัง เหมือนการศึกษาแบบธนาคาร

    ดังนั้น นัก ปชต. ที่ยังไม่มีความเป็น ปชต. จึงต้องศึกษาความเป็น ปชต. ก่อน โดยต้อง "ยอมรับการถูกกดขี่" ในลักษณะต่างๆ ในระบบระบอบที่ตนดำรงอยู่ เพื่อไปสู่การกำเนิดใหม่ ปลดปล่อยตัวเองอย่างแท้จริง จึงจะกลายเป็นนักปชต. ที่แท้จริงและมีความเป็นปชต. จากภายในตัวของตัวเอง (Inner) เมื่อนัก ปชต. มีความเป็น ปชต. แล้ว พวกเขาจึงพร้อมที่จะให้การศึกษาเรื่อง ปชต. แก่ผู้อื่น ซึ่งย่อมมิใช่การบรรยายในเวทีสัมนาหรือในห้องเรียนอะไรเลย แต่มันคือการ "กดขี่" ดีๆ นี่เอง เราต้องกดขี่ผู้อื่น เพื่อให้การศึกษาแก่เขา ที่เรียกว่า "การศึกษาของผู้ถูกกดขี่" ไม่ใช่ไปสอน ไปบอก ไปบรรยาย ไปอธิบายให้เขาฟังแบบการศึกษาแบบธนาคาร ทว่า ในการกดขี่นี้ มันจะเป็น "การกดขี่เทียม" มันจะไม่เหมือนการกดขี่โดยผู้ที่ไม่มีความเป็น ปชต. แล้ว เพราะอะไร เพราะผู้กดขี่นั้น มีความเป็น ปชต. ในตัวเอง และเขารู้ดีว่าหน้าที่ของเขา บทบาทของเขาในการกดขี่นั้น มิใช่เพื่อการแทนที่หรือย้ายข้าง แต่เป็นการทำหน้าที่ในการถ่ายทอดความเป็น ปชต. อย่างแท้จริง ผ่านการศึกษาของผู้ถูกกดขี่ ดังนั้น การกดขี่นี้ จึงมิใช่เป็นไปเพื่อให้ผู้ถูกกดขี่ยอมจำนน ตรงข้าม เป็นไปเพื่อให้ผู้ถูกกดขี่รู้จัก "การต่อสู้" กระตุ้นให้พวกเขาต่อสู้ ให้ยอมรับแต่อย่ายอมแพ้ง่ายๆ เพราะเมื่อผู้ถูกกดขี่ได้รับความตระหนักรู้แล้วว่าพวกเขาจะต้องต่อสู้ พวกเขาจะยอมแพ้ไม่ได้ เมื่อนั้น พวกเขาจึงเริ่มมีการศึกษาของผู้ถูกกดขี่ได้ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนไม่ใช่การปฏิวัติอะไรเลย เพราะมันคือ "การศึกษา" ไม่ใช่การปฏิวัติ นั่นเอง

    การกดขี่แบบใหม่ที่เป็นแก่นสารของการศึกษาจึงเกิดขึ้นด้วยเหตุนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 7 พฤศจิกายน 2016
  2. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    โลกแห่งความจริง ไม่มีใครเป็นคนดีและคนเลว?


    โลกเหมือนละครแต่ไม่ใช่ละคร คนเหมือนตัวละคร แต่ไม่ใช่พระเอก ตัวโกง ทว่า หลายคนไม่เข้าใจโลกแบบนี้ หลายคนคิดว่าในโลกนี้มีคนดีเหมือนพระเอก และมีคนเลวเหมือนตัวร้ายในละครจริงๆ แท้แล้วไม่ใช่ โลกนี้ถูกสร้างมาให้สมดุลแบบหยินหยางในตัวมันเอง และมนุษย์ก็เป็นเช่นนั้นไม่ต่างจากโลก มนุษย์ถูกสร้างมาให้สมดุลในตัวเองเช่นกัน มนุษย์จึงมีสองด้านทั้งด้านดีและด้านร้าย ก็ต่อเมื่อ "สูญเสียความเป็นมนุษย์" ไปแล้ว จึงเสียสมดุล บางคนกลายเป็นคนดีด้านเดียวหรือร้ายด้านเดียวได้ ทว่า นั่นไม่ใช่มนุษย์ อย่าได้เข้าใจผิดว่ามนุษย์เป็นอย่างที่ท่านเห็นเช่นนั้น และยิ่งไม่เหมือนในละครที่ท่านดู แม้ว่าโลกจะเหมือนละครก็ตาม เพื่อให้ท่านเข้าใจยิ่งขึ้น ไม่หลงความดี ไม่หลงมายาการของโลก ขอยกตัวอย่างการกระทำต่างๆ ของมนุษย์ว่าเกิดจากเหตุปัจจัยใดบ้าง ดังตัวอย่างต่อไปนี้

    1 การกระทำเพราะผลกรรมในอดีต
    เฉกเช่น องคุลีมาล อันได้มีกรรมทำไว้แต่ในอดีตชาติ จึงต้องมาทำกรรมกับคนทั้งหลาย ต้องกลายเป็นโจรฆ่าคนนั้น คนเราก็เช่นกัน ที่ต้องมาทำดี ทำชั่วนั้น ส่วนหนึ่งมิใช่ด้วยตัวเขาเองเป็นคนดีหรือคนชั่ว แต่เพราะ "แรงกรรม" ทำไว้ในอดีต คนบางคนถูกทำร้ายมาในอดีต ก็มาทำกรรมทำร้ายคนอื่นในชาตินี้ คนบางคนได้รับการทำสิ่งดีมาในอดีต ก็มาทำบุญทำความดีในชาตินี้ ก็มี นี่ก็เพราะกรรม

    2 การกระทำเพราะลองผิดลองถูก
    กรณีนี้ มัก "ล้มเหลว" เพราะไม่มี "กรรมในอดีตรองรับ" หรือหนุนให้สำเร็จผล การกระทำเหล่านี้จึงล้มเหลว เรียกว่า การลองผิด ลองถูก เป็นการกระทำที่อิสระจากกรรม ทว่า ไม่มีแรง ไม่มีพลัง มากพอที่จะทำให้สำเร็จ สำฤทธิ์ผลได้ เช่น คนเสพยาเสพติด หลอนไปเอง แต่ไม่ได้ทำอะไรจริงๆ, เด็กแว๊นซ์ ทำตัวเลียนแบบอันธพาล แต่ก็ไม่ได้เป็นอันธพาลจริงๆ ให้เป็นอันธพาลจริงๆ ก็ทำไม่ได้ ทำไม่สำเร็จ

    3 การกระทำเพราะแรงปรารถนา
    กรณีนี้ ไม่มีทั้งกรรมหนุนหลัง และไม่ใช่การลองผิดลองถูก แต่เป็น "ความปรารถนา" ที่แท้จริงของคนผู้นั้นต้องการจะทำจริงๆ เช่น การให้อิสรภาพแก่ทาสของ อับลาฮัม ลินคอร์น, ร. 5, มหาตมะ คานธีร์ ฯลฯ ซึ่งการกระทำด้วยแรงปรารถนาอันแท้จริงนี้อาจจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จก็ได้ เหมือนคนเสื้อแดงที่ปรารถนา ปชต. แต่อาจไม่สำเร็จ การกระทำของเขาก็จะกลายเป็นแรงปรารถนาส่งผลไปชาติหน้า

    คนๆ หนึ่ง อาจมีการกระทำทั้ง 3 แบบนี้ได้ บางครั้ง เราเห็นใครทำเลวมากๆ เหมือนองคุลีมาล ก็อย่าเพิ่งตัดสินว่าเขาเป็นคนเลว เป็นตัวโกง ตัวร้าย ตัวทศกัณฐ์ในละคร เพราะมนุษย์ที่แท้จริง ไม่ใช่เช่นนั้น เราอาจเห็นเขาในสื่อแค่ไม่กี่นาที แต่เราตัดสินเขาไปแล้วทั้งชีวิต ทั้งๆ ที่เรายังไม่เคยเห็นชีวิตจริงของเขาเลย บางคนเราเห็นในสื่อ เป็นคนดีตลอด เพราะเขาต้องการให้เห็นแบบนั้น เขาวางแผนมาแล้วให้สื่อออกมาอย่างนั้น ทำให้เราคิดว่าเขาเป็นพระราม เราก็รักเขา ลุ่มหลงเขา "เพราะสื่อ" นี่แหละ "โลกมายา" มันเหมือนละคร แต่มันไม่ใช่ละคร เราจะเอาอารมณ์ตอนดูละครมาใช้กับโลกแห่งความเป็นจริงไม่ได้ มิฉะนั้น เราจะไม่อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง

    คนไทยปัจจุบัน ไม่ได้อยู่บนโลกแห่งความเป็นจริงกันมากขึ้นครับ!
     
  3. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    บทบาทของญี่ปุ่นต่อสถานการณ์ด้านการสงครามในเอเชีย​



    หลายคนเข้าใจว่าประเทศญี่ปุ่นไม่มีกองทัพ มองผิวเผินแล้วก็อาจจะจริงอย่างนั้นครับ ทว่า "แท้จริงแล้วไม่ใช่" ความจริงเป็นอย่างไร อย่างนี้ครับ คนญี่ปุ่นทุกคนทำตัวเหมือน "ทหาร" แต่พวกเขาสู้รบกับอย่างอื่น ไม่ใช่สู้รบด้วยการเข่นฆ่าเพื่อนมนุษย์ นึกภาพไม่ออกใช่ไหมครับ? ชายจะเล่าให้ฟังอย่างนี้ ครั้งหนึ่ง ชายเห็นนักว่ายน้ำของเขามาซ้อมที่ประเทศเรา และครั้งนั้นเองทำให้ชายอึ้ง อึ้งนี่ไม่ใช่ว่าเขาเซ็กซี่นะ เซ็กซี่ก็เรื่องหนึ่งแต่ไม่ใช่ประเด็นนั้น 555 ประเด็นคือ เขาฝึกซ้อมกันไม่ต่างจากทหารเลย ผู้หญิงเป็นโค้ช แล้วเขาทำตัวเหมือนครูฝึกทหาร ส่วนนักกีฬาแต่ละคนซ้อมกันแบบว่าเอาเป็นเอาตายเลย เหมือนจะให้สู้จนตายกันไปตรงนั้นเลย คือ มันไม่ใช่อย่างที่เราเห็นในบ้านเราเลยครับ ชายยืนยันได้ ชายอึ้งจริงๆ แล้วมันทำให้ชายเข้าใจคนญี่ปุ่นว่าทำไมเขาจึงไม่ต้องมีทหารครับ ด้วยทุกคนทำตัวเป็นทหารหมด ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย เด็ก หรือคนแก่ ทุกคนมีจิตใจเหมือนทหารในตัวครับ ดังนั้น เราจึงพบว่าคนญี่ปุ่นเครียดและฆ่าตัวตายกันมาก พวกเขาบ้างานและทำงานแบบสุดชีวิตจริงๆ

    ปัจจุบันการที่ญี่ปุ่นไม่มีกองทัพ ทำให้อิทธิพลของฝ่าย ปชต. ในเขตภูมิภาคอาเซี่ยนมีปัญหาอย่างมาก เพราะอะไร? เพราะปัจจุบันไทยก็ยังไม่เป็น ปชต. เต็มตัว, ฟิลิปปินส์หันไปเข้ากับฝ่ายคอมมิวนิสต์ สถานการณ์เช่นนี้ ฝ่าย ปชต. จึงเริ่มมีปัญหาอย่างมาก แม้จะเข้าหาพม่า แต่ชายว่ามันจะไม่ทันการณ์ พม่าเองยังมีปัญหาเรื่องชนเผ่าต่างๆ อยู่ ยังไม่มีเอกภาพ และต้องใช้เวลาในการแก้ปัญหาในชาติของตนเองอีกนานเชียวครับ ชายคิดว่าไม่ต่ำกว่า 20 ปี หากใจร้อนไปกว่านั้น จะส่งผลให้เกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กันได้ ดังนั้น ญี่ปุ่นจึงเป็นความหวังของฝ่าย ปชต. ที่เหลืออยู่ ทว่า อเมริกาจะทำอย่างไร ในสถานการณ์เช่นนี้? ด้านหนึ่งจีนก็แผ่อิทธิพลผ่านสงครามเงียบอย่างที่เคยกลืนทิเบตแบบเงียบๆ มาแล้วโดยไม่ใช้กำลังทหาร หากไม่อาจตอบโต้สงครามเงียบของจีนได้ ชายคิดว่าจีนจะแผ่ขยายอิทธิพลไปเรื่อยๆ ตอนนี้ ฟิลิปปินส์และไทยก็ไปแล้ว อีกไม่นานก็จะกลืนได้ถึงรากฐานด้วยซ้ำไป ในเกมสงครามเงียบ การใช้เศรษฐกิจเป็นการทำสงครามนั้น ชายคาดหวังว่าญี่ปุ่นจะเป็นแม่ทัพของฝ่าย ปชต. ในภูมิภาคเอเชียได้ เพราะญี่ปุ่นเองไม่มีกองกำลังทหาร จึงจะต้องออกหน้าในเรื่องนี้ครับ ส่วนอเมริกาหากออกหน้าก็จะกลายเป็นสงครามโลกได้ แม้จะใช้กองกำลังของ UN ก็ตาม ก็เลี่ยงไม่พ้นครับ ดังนั้น จึงมีเหตุผลที่หนักแน่นมากที่ไม่ควรจะให้อเมริกาหรือ UN มาใช้การทหารในเขตภูมิภาคเอเชียเพื่อไม่ให้เกิดสงครามโลก และมี เหตุผลหนักแน่นอย่างยิ่งที่ญี่ปุ่นควรม่ีบทบาทในสงครามเศรษฐกิจ เพื่อตอบโต้สงครามเงียบจากอิทธิพลของจีนให้มากกว่านี้ครับ

    ภายใต้สถานการณ์ที่ล่อแหลมนี้ ถึงคราวที่ญี่ปุ่นต้องเอาจริงละครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...