ถ่ายติด ฝูงพญานาค ที่หนองประจักษ์ จ.อุดรธานี

เป็นภาพถ่าย ที่ถ่ายจากหน้าต่างตึกหลวงตาพระมหาบัว ที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี ได้ถ่ายติด ฝูงพญานาค บริเวณหนองประจักษ์ ช่วงเวลาที่ถ่ายติด
พระอาจารย์ เข้าพักรักษาตัว อยู่ที่ชั้น 10 น่าจะเป็นฝูงพญานาค ขึ้นมาคารวะ ครูบาอาจารย์

 

ภาพ หนองประจักษ์ จ.อุดรธานี ที่ถ่ายติดฝูงพญานาค

 

ยังกะพุเนะ สวยค่ะ (แล้วแต่ความเชื่อส่วนบุคคล)

 

พญานาคทำไมหันหัวไปทางเดียวกันหมด หันไปทางอื่นบ้างไม่ได้หรือ

 

sirigul คุณเคยดูหนังสารคดีไหมครับ เวลาฝูงกระทิง กวาง ออกวิ่งเดินทาง จะหันหน้าไปทางเดียวกันหมด ไม่งั้นต่างคนต่างหันหน้า วิ่งชนกันแตกกระเจิง อันนี้ ตรรกะ บ้านๆ ครับ ถ้าพูดถึงคนเวลาเดินพาเหรด เดินทัพ ทำไมต้องหันไปทางเดียวกัน

 

ที่ผมpost มานี้เห็นเป็นเรื่องแปลกๆ เพราะเห็นรูปแบบแสงไฟแบบนี้ มาหลายครั้ง นับแต่ แสงไฟ ลักษณะพญานาค วนรอบ จิตกาธาร ในงานพระราชทานเพลิงศพ หลวงปู่ขาวอนาลโย แล้วแต่ใครจะเชื่อ ไม่ได้บังคับ ถ้าขวางหูขวางตา ก็ปล่อยผ่านๆไปไม่ต้องอ่าน ที่post มานี่ เพราะเทิดทูนพระคุณครูบาอาจารย์ ใครที่ไม่เชื่อก็อย่าไปก้าวล่วง พระไตรปิฎก เลย ที่กล่าวถึง พญานาคอยู่เสมอๆ

 

ไหน ไม่เห็นอะไรเลย

 

ผมสนใจครับ แต่อยากทราบว่ามีรูปที่ใหญ่กว่านี้มั้ยคับ มองไม่ค่อยชัดอะคับ
ไม่ทราบถ่ายมากี่รูปครับ แล้วเห็นอยู่นานมั้ยครับกว่าจะหายไป ช่วยเล่าเหตุการณ์ อีกสักทีคับ ตั้งแต่เห็นแล้วถ่ายรูป จนหายไป

 

มาฟังตรรกะเชิงวิทยาศาสตร์บ้างนะครับ

การถ่ายภาพ คือการบันทึกแสงลงบนแผ่นฟิล์มครับ

รูปนาคหมู่ข้างต้นที่เกิดขึ้นน่าจะมีสาเหตุมาจาก
เวลาถ่ายรูปโหมดกลางคืน หรือโหมดอัตโนมัติ แล้ว กล้องเลือกโหมดกลางคืนให้ ความเข้าข้นของแสงเวลากลางคืนมีน้อย ทำให้ชัตเตอร์ต้องเปิดค้างนานขึ้น เมื่อชัตเตอร์เปิดค้างนาน ทำให้รับแสงเข้ากล้องได้ต่ออย่างเนื่อง บวกกับมือที่สั่นเวลาถ่ายรูป ทำให้แสง ธุปหรือแสงเทียน ที่เข้มข้นกว่าฉากหลังหรือบริเวณอื่น ที่ลอดผ่านรูเลนส์เข้าไป มันวาดการเคลื่อนที่ของตัวเองลงบนแผ่นฟิลม์ หรือฟิลม์ดิจิตอล ทำให้มีลักษณะดังที่เห็น ส่วนฉากหลังเนื่องจากมีแสงน้อย ทำให้มันไม่สามารถวาดตัวของมันเองลงไปบนแผ่นฟิล์มได้อย่างเต็มที่ ทำให้เรามองเห็นมันชัดบ้างไม่ชัดบ้าง ตามการรบกวนกันเองของแสงและรูปแบบการเคลื่อนที่ของวัตถุ อย่างเช่นคลื่นน้ำที่เห็นในภาพ อาจมีบางจุดที่เห็นชัด นั่นเป็นเพราะ คลื่นน้ำบางจุดมีการกระเพื่อมเป็นรูปแบบที่ซ้ำ ๆ กัน เมื่อมันฉายแสงลงบนฟิลม์ซ้ำ ๆ มันจะไปเน้นย้ำแสงที่สะท้อนจากคลื่นน้ำที่ถูกบันทึกลงบนฟิล์มต่อหน้า ในช่วงเสี้ยววินาที ทำให้คลื่นน้ำบางจุดที่มีแสงสะท้อนมากเป็นพิเศษดูเป็นภาพที่ชัด ครับ

ถ้ายังไม่เข้าใจก็ให้นึกภาพ กราฟิตี้ ตามกำแพงหรือผนังสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ที่พวกศิลปินยุคใหม่เขานิยมพ่นเสปรย์ให้เกิดเป็นรูปต่าง ๆ ลองดูก็แล้วกัน
หากเราพ่นเสปร์บาง ๆ เป็นรูปเส้นตรง แนวตั้ง ลงไปบนผนัง1 ครั้ง ความชัดเจนของเสปรย์อาจไม่มาก แลพหากเราพ่นสีเสปรย์ในแนวนอนอีก 1 เส้น ด้วยน้ำหนักมีที่เท่ากันกับครั้งแรก จุดตัดของ เส้นแนวตั้งและแนวนอนจะชัดกว่าแขนทั้ง 4 ข้างของมันครับ นั่นเป็นการทำงานที่คล้านคลึงกัน ของแสงและแผ่นฟิลม์ โดยที่แสงเปรียบเสมือนสีเสปรย์ และ แผ่นฟิล์มเปรียบเสมือนผนัง

ถ้ามีพ้อยเตอร์เลเซอร์ หรือของเล่นเลเซอร์ ก็ลอง กดยิงเลเซอร์ไปที่ผนังดูครับ ถ้ามือเราสั่น จะเห็นว่า เลเซอร์ที่เรายิงออกไปมันก็สั่นสั่นไม่อยู่นิ่ง ก็ลองจินตนาการดูเอาว่า ถ้าเลเซอร์ที่เรายิงออกไปนั้นเป็นปากกาเคมีสีแดง มันจะวาดรูปออกมาอย่างไร ตอนที่มันสั่น

การทำงานของแสงเทียน แสงธูป ที่วิ่งผ่านเลนส์ลงไปที่แผ่นฟิลม์หรือกล้องดิจิตอล ก็เป็นแบบนั้นแหละครับ

ผมเองก็เชื่อนะว่า พญานาคมีจริง เพียงแต่ไม่เคยเห็น

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ความเชื่อที่ว่าพญานาคมีอยุ่จริง ก็ไม่ควรเอาไปผูกโยงกับปรากฏการณ์ ที่เราอธิบายไม่ได้ นะครับ เพราะถ้ามันไม่จริง เดี๋ยวจะเป็นการไปโมเมว่านาคเขามาทำอย่างโน้นอย่างนี้ให้ดู เสียเปล่า ๆ ทั้งที่เขาไม่ได้มาเลย หรืออาจจะมาแต่ไม่ได้แสดงตัวให้เห็น = = หรือ ถ้ามีคนมาอธิบายว่าเป็นเพียงแค่ปรากฏการณ์ที่ลำแสงเดินทางผ่านเลนส์ไปเขียนลงบนฟิล์ม หรือฟิล์มดิจิตอล อย่างที่ผมอธิบายไปเมื่อครู่ แล้วมาพูดว่า พญานาคไม่มีจริงหรอก อย่าไปเชื่อเลย มันก็จะลายเป็นว่า เรานี่แหละ ที่มีส่วนไปลดความเชื่อถือของพญานาคเสียเอง ทั้ง ๆ ที่เราเชื่อว่าพญานาคมี เพราะคนสมัยนี้ มันเชื่อวิทยาศาสตร์มากกว่าความเชื่อของชาวบ้านที่บอกเล่ากันสืบต่อมา

อีกทั้งยังเป็นการสร้างความเข้าใจที่ผิด ๆ เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ให้คนในสังคมด้วยครับ เพราะ คนในสังคมสมัยใหม่นี้ เขาไม่รู้จักแยกแยะว่าอันไหนเป็นความเชื่อของชาวบ้าน อันไหนเป็นความจริงในพระพุทธศาสนา

นาคเขาเป็นสัตว์ทิพย์ มันไม่ง่ายหรอกที่จะเห็นเขาครับ

อ้อ ผมเคยเรียนเกี่ยวกับสื่อสิ่งพิมพ์ เคยเรียนเกี่ยวกับการถ่ายรูปมาบ้าง กล้องผมก็มีครับ แต่เปนแบบดิจิตอล ที่ทำงานเหมือนกล้องฟิล์ม

ข้อสังเกตของภาพนี้คือ พญานาคส่วนใหญ่ เคลื่อนที่เป็น เส้นเดียวกันหมด แทบจะก็อปปี้เพสเลย

ดังนั้นนั่นน่าจะเป็น แสงธุป แสงประธีป ที่ถูกจุดเอาไว้บนกระทง หรือแสงไฟจากที่ไหนสักแห่งที่สะท้อนอยู่บนผิวน้ำมากกว่า
แล้วโดนโหมดถ่ายภาพกลางคืนกับมือของคนถ่ายที่ไม่นิ่งบันทึกแสงไว้ หรือในกรณีที่ นั่นไม่ใช่แสงเทียนบนกระทง หรือ มือของผู้ถ่ายรูปไม่สั่น ก็อาจเป็น แสงไฟ จากที่ไหนสักแห่ง ที่สะท้อนอยู่บนผิวน้ำ แล้ว โดนผิวน้ำที่มีคลื่น สะท้อนแสงไฟที่อยู่บนผิวน้ำเข้าไปที่เลนส์ แล้ว วาดรูปที่ท่านคิดว่าเป็นพญานาคขึ้นมาก็อาจเป็นได้ครับ

อ้อ อันนี้ไม่ได้ก้าวล่วงพระไตรปิฏกนะครับ และอยากจะบอกว่า บางที การผูกเรื่องขึ้นมาโดยศรัทธา แต่ไม่รู้จริง ว่า สิ่งที่เราเห็นอยู่ข้างหน้า เป็นของจริง หรือสิ่งที่เราปรุงแต่งขึ้นมาด้วยความไม่รู้ อาจจะเป็นการทำลายพระพุทธศาสนาทางอ้อมเสียอีก

สิ่งที่ควรเผยแพร่ เมื่อ ท่านศรัทธาบุคคลใดบุคคลหนึ่งครับ คือ
1.ความรู้ที่ผู้ที่ท่านศรัทธาบรรลุ หรือ/และ คุณธรรมของท่าน
2.แบบอย่างที่ท่านปฏิบัติตน เพื่อกิจใด ๆ อันดีงาม
3.ผลที่เกิดจากการปฏิบัติตามที่ท่านได้รับการอบรมสั่งสอนมา หรือผลที่เกิดจากการปฏิบัติตามแบบอย่างของท่านครับ
4.ความจริงที่เรารู้ชัดว่าจริงเกี่ยวกับตัวท่านครับ

เพราะศรัทธาจะคงอยู่ได้นาน ด้วยความจริงเท่านั้น

 

มองตามประสาคนเรียนถ่ายภาพมานะครับ

ภาพที่เอามาลง เป็นภาพที่ใช้ โหมดกลางคืน ไม่น่าจะเปิดแฟลช
เพราะในกรณีที่เปิดแฟลช หน้ากล้องจะเปิดแป๊บเดียว เพื่อไม่ให้แสงแฟลชที่กระทบวัตถุและสะท้อนสู่จอรับภาพมีความสว่างเกินไป โดยปกติ ไม่น่าเกิน1/50 วินาที

ในกรณีที่ไม่เปิดแฟลชและถ่ายในที่แสงน้อย หรือตอนกลางคืน การเปิดหน้ากล้องจะต้องนานขึ้นกว่าที่ถ่ายกลางวัน ในที่นี้เขาจะคำนวณกันเป็นระดับหรือที่เขาเรียกกันว่า stop ซึ่งอาจต้องเปิดหน้ากล้อง 1/25 ถึงหนึ่งวินาทีขึ้นไป ทีนี้ ในกรณีนี้ เมื่อเราถ่ายภาพ มือจะต้องนิ่ง จึงจะได้ภาพที่คมชัด

ในกรณีของภาพด้านบน ให้สังเกตุดูแสงจากแหล่งกำเนิดแสงที่ตกกระทบจอรับภาพ
ในทางปฏิบัติ ในขณะที่มือเราสั่น หรือกล้องขยับ แสงจากแหล่งกำเนิดแสงไม่ว่าจะมีกี่แหล่งก็จะขยับไปในทิศทางเดียวกันทังหมด ซึ่งเห็นได้ชัดจากรูปด้านบนที่ว่า ทำไมแสงจากแหล่งกำเนิดแสงที่ต่างกันจึงมีเส้นที่วาดไปในทิศทางและเส้นโค้งแบบเดียวกันทั้งหมด จากรูปผมเข้าใจว่าน่าจะเป็นแสงเทียน เป็นแสงไฟ ณ ที่เกิดเหตุ แต่ถ้าถ่ายมืด ๆใต้แสงจันทร์แล้วออกมาได้ภาพแบบนี้ คงต้องหาคำตอบทางวิทยาศาสตร์มาอธิบายกันใหม่
โดยปกติถ้าเป็นการเดินทางของสิ่งที่เหนือธรรมชาติ หรือตามธรรมชาติจริง ๆ ทิศทางของการเดินทางของแต่ละวัตถุหรือสรรพชีวิต ถึงแม้ว่าจะไปในทางทิศทางเดียวกัน แต่จะไม่ขนานสวยงามขนาดนั้น แต่ละอันจะไปในทิศของตน ในแบบของตน สู่จุดหมายเดียวกัน เหมือนนกบินเป็นฝูง แต่ละตัวอาจเป๋ซ้ยเป๋ขวาบ้าง แต่จะไปด้วยกันเหมือนไปเป็นเส้นตรง

 

เด่วถ้าไม่ลืม จะเอาภาพถ่ายที่ถ่ายแล้วดูเหมือนหรือใกล้เคียง
มาให้ชมนะครับ ความจริงมีที่ส่วนตัวถ่ายก็มีก็ว่า มันดูยากหน่อย

ที่อุดรถ้าจำไม่ผิดนะครับ มีเกาะหนึ่งเรียกว่า ดอนผีดุ ที่อยู่กลางหนอง
น้ำใหญ่ครับ มีฝูงควายป่าด้วย เกาะนี้คนขับเรือจะไม่กล้าขึ้นมานอนบนเกาะ
เพราะเสียงลำลือเรื่องผีดุ เนื่องจากเกาะแห่งนี้ เคยมีพระวัดดังแห่งหนึ่ง
ที่เป็นข่าวใหญ่โตใน กทม ไปอยู่อาศัย จังหวะว่า ฟ้าฝ่าตนไม้แล้วล้มมา
ทับท่านมรณะภาพ และก็มีอีกรูปที่ท่านผูกคอเสียชีวิต ซึ่งเชือกที่ใช้ผูก
ทุกวันนี้ก็ยังอยู่ที่ศาลานั้น มีโอกาสไปครั้งหนึ่ง แต่ตอนนั้นส่วนตัวนึกว่า
คณะที่ไปด้วย ใส่หมวกไฟฉาย แต่ก็เอะใจว่า ทำไมมีหมวกแบบนี้เยอะจัง
คือ มองๆด้วยตาเปล่านี่หละครับ เหมือนหมวกแยก ๗ ทางแต่ละทาง
จะมีแสงสีขาวอย่างละดวง ก็ดูปกติเหมือนไม่มีอะไร พึ่งมาทราบทีหลัง
ว่าเค้าไม่มีหมวกแบบนี้ แต่ส่วนตัวก็ยังไม่ได้ปักใจเชื่ออะไรนะครับ..

ส่วนเทคนิคการถ่ายภาพที่ กล่าวมาข้างบนทั้ง ๒ ท่านส่วนตัวก็เห็นด้วยครับ..
ศรัทธาเรามีได้ แต่อย่าไปยึดถือมาก
ถ้าไม่ชัดเจน ก็อย่าพึ่งไปฟันธง มิฉนั้น
หากมีใครเห็นต่างเราจะเกิดอาการขัดแย้งในใจทันที
และเราต้องเข้าใจว่า นามธรรมคือนามธรรม
ถ้าเราพยายามจะทำให้เป็นรูปธรรม
ปัญหามันจะเกิดทันที เพราะฉะนั้น ไม่ว่ามีหรือไม่มี
เราก็เฉยๆไว้ก่อนเป็นดีที่สุดครับ
เหมือนเราบอกว่า ผีมีจริง คนเคยเห็นก็เชื่อ
คนไม่เคยเห็นก็ไม่เชื่อ ประมาณนี้หละครับ
และถึงแม้ว่าจะเชื่อเราก็ยึดว่าเชื่อ
ถึงแม้ว่าเราจะไม่เชื่อเราก็ยึดว่าไม่เชื่อ
พอเข้าใจที่สื่อนะครับ



แม้ว่าจะมีจริง หรือ ไม่มีจริง ยังไงก็ให้วางใจเป็นกลางๆไว้ก่อน
ประมาณว่า มีก็มี ไม่มีก็ไม่มี
ประมาณนี้ครับ ส่วนภาพถ่าย หรือ รูป เราก็ดูไว้

เพราะจากประสบการณ์ ภูมินี้แม้ขอถ่ายรูปเค้าก็ไม่ให้ถ่ายครับ
อย่างมากก็จะกลายเป็น คล้ายๆวงกลมเรียงกัน
หรือถ้ามาให้เราเห็น มักจะไร้ธาตุดินจริงๆ
เพราะภูมินี้หากมาแบบมีธาตุดินแบบเราๆ
จะค่อนข้างอันตรายมากๆครับ เหมือนว่า
บริเวณนั้นมันจะมีอันตรายที่เราไม่สามารถ
ลงไปแตะหรือสัมผัสได้เลย
ที่เห็นๆกันได้ คล้ายงู คล้ายคน และมีสี
หรือไม่มีสี เพราะเค้าปรากฏตามลักษณะ
ของจิตที่บำเพ็ญแล้วเด่นของเค้า
ไม่ได้มาเป็นธาตุดินแบบเราๆ ครับ

 

ภาพสีสันต์สวยดีจัง...ชอบๆ

 

พญานาคติดเลนซ์กล้อง.อิอิ ในรูปพยานาคไม่จริงหรอกครับ. มันเป็นภาพแสงทึ่เคลื่อนที่แล้วเลนซ์รับแสงความไวช่วงนั้นต่างหาก

 

มองเผินๆ เหมือนงานศิลปะ บนผ้าใบ

 

นำมาให้ดูตามที่เคยบอก
ปล.ส่วนตัวไม่มีความเห็นครับ

 

เผอิญถ่ายมา เห็นว่า ที่พรมคล้ายๆ กัน แต่ไม่รู้ว่าใช่รึเปล่า เพราะความเป็นจริงไม่มีรอยอะไร และภาพอื่นๆก็ไม่มีรอย

 

แขนเก้าอี้พลาสติกสีแดงที่วางข้างซ้ายอาม่างัย

เรื่องรูป พยานง พยานาค อะไรนี่ ผมว่าเลิกเล่นได้ละนะ คนไทยส่วนใหญ่นี่แปลกเนอะ บอกว่านับถือพุทธ แต่ยกย่องไหว้นับถืออะไรให้เหนือกว่าตนไปเรื่อย ถามจริงถ้าเวลาเจอจริงๆจังๆ พวกท่านจะทำอย่างไร นั่งไหว้ปะงกปะงกเหรอ ........... ไร้ประโยชน์แท้ .... เสียดายเกิดมาเป็นมนุษย์

เวลาผมอ่านหรือฟังประวัติพระอาจารย์แต่ละรูป ที่ท่านเจอ ท่านเห็น ไม่เห็นท่านจะมาใส่ใจว่ามันจะวิเศษวิโสอะไรเลย มีแต่ให้สนใจฝึกที่ตนเอง รู้ก็แค่รู้ เห็นก็แค่เห็น ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องไปยุ่งกับเค้า ถ้าเกิดพลัดหลงไปอยู่ที่ของเค้า เราก็อยู่ของเรา ถึงเวลาเราก็หนีไปที่อื่น ไม่มีต้องมากราบไหว้บูชาอะไรให้มันไร้ประโยชน์ ผมว่าผมยังชอบเหล่า..... ที่เราถามอะไรได้ พอทำให้เราได้ตาสว่างขึ้นมากกว่านะ

ปล.ขอโทษนะครับที่อาจจะคอมเม้นแรงไปหน่อย (แต่มันคือความรู้สึกตรงๆของผม)

 

ให้ความเคารพนับถือแต่อย่ายึดมั่นถือมั่นครับ
ไม่ว่าภูมิไหนก็ตามใจเราจะเป็นกลาง
อย่าแยกแยะ แบ่งฝัก แบ่งฝ่าย
ปัญหาจะเกิด ปล่อยให้เป็นไปตามวิถี
และวาระแห่งตนครับ
พุทธศาสนาเป็นสายกลางที่สุดในโลกนี้แล้วครับ
ถ้าเราดีจริงป่านนี้คงไม่ได้ลงมาเกิดกันแล้วครับ
ทั้งๆที่พุทธศาสนาเกิดก่อนเราตั้งหลายพันปี
พึ่งระลึกข้อนี้ไว้ด้วยครับ

จะเข้าใจอนัตตาก็ต้องอาศัยอัตตาก่อน
เพื่อทำความเข้าใจอนัตตา
เปรียบดังถ้าเรา
มีแต่วิญญานเราจะฝึกอะไรไม่ได้
มันก็ต้องอาศัยกายนี้ เพื่อให้เข้าวิญญานเช่นกัน
ซึ่งเป็นนามธรรม
กิเลสก็เป็นนามธรรมครับอย่าลืม
เพราะว่ามันอาศัยซึ่งกันและกันอยู่
เปรียบดังภพภูมิต่างๆที่ก็มีมาคู่กับ
พุทธศาสนามานาน.
ดังนั้นให้รู้และเข้าใจประเด็นนี้
เคารพแต่อย่ายึดมั่นถือมั่น
และอย่าคิดว่าตัว ว่าตนจะสูงส่งกว่า
ภพภูมิใดๆ เพราะมันเป็นทิฐิมานะอย่างหนึ่ง
พุทธเน้น ปัญญาเพื่อหลุดพ้น ใครๆก็รู้
เรื่องราวที่นำมาเสนอ ใช่ว่าผู้นำเสนอจะยึด จะติด
แต่เพื่ออรรถรส ความบันเทิง
แลกเปลี่ยนมุมมอง อย่าจริงจังอะไรมากมาย
เพื่อความบันเทิงก็พอครับ
ตึงมากจะแก่เร็วครับ (^_^)

 

ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ว่ากันแล้วแต่ความคิดเห็นของแต่ละท่านค่ะ^_^
แต่ภาพในรูปเป็นงานศพนะคะ ไม่ใช่งานพิธีบูชาพญานาค ขอคุณนายดอกบัว กล่าวให้ตรงกับภาพหน่อยค่ะถ้าจะอ้างอิง เดี๋ยวใครเข้ามาอ่านจะเข้าใจว่าดิฉันกราบไหว้ บูชาพญานาคปะงกปะงก ตรงนี้ขอแจ้งไว้นิสนึงค่ะ ^_^

จุดประสงค์ที่ลง พอดีกระทู้นี้เห็นมีภาพลงถ่ายติดพญานาค แล้วเห็นว่าคล้ายๆกัน เลยเอามาลง ไม่ได้จริงจังอะไร และก็แจ้งไว้แล้วว่า ไม่รู้ว่าใช่รึเปล่า ??? ที่ท่านว่าเป็นเก้าอี้แดง ดิฉันก็เคยพิจารณาค่ะ แต่ถ้าจะดูรายละเอียดกันจริงๆ ดิฉันก็ลงความเห็นว่า ไม่ใช่ส่วนของที่เท้าแขนเก้าอี้ค่ะ แต่ถ้าจะเป็นความผิดปกติของภาพถ่าย รึ มุมแสงเงา อะไรอื่นๆ อันนี้ดิฉันไม่คัดค้านค่ะ ^_^