ท่านทราบหรือไม่ว่าเมื่อกายนี้ดับแล้วจิตของท่านจะไปเกิด ณ ที่ใด

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย งูๆปลาๆ, 25 ตุลาคม 2017.

  1. งูๆปลาๆ

    งูๆปลาๆ นตฺถิ ปญฺญาสมา อาภา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2017
    โพสต์:
    563
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +412
    งูๆปลาๆอยากทราบว่าท่านทราบหรือไม่ว่าเมื่อกายนี้ดับแล้วจิตของท่านจะไปเกิด ณ ที่ใด
     
  2. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ท่านให้ เม้มปาก แล้ว นั่งลง ฮับ

    ถ้า ยังมีคำถาม ...เดรัจฉาโน แน่นอน
     
  3. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    ผลัดกันกิน

    22728757_787266491475395_1035203403953171082_n.jpg
     
  4. งูๆปลาๆ

    งูๆปลาๆ นตฺถิ ปญฺญาสมา อาภา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2017
    โพสต์:
    563
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +412
    ถามท่านอื่นๆครับว่าทานรู้หรือไม่ว่าจะไปเกิดที่ใด ไม่ได้หมายถึงงูๆปาๆสงสัยแล้วถามตัวเองครับ
    ขอบคุณท่านนิวรณ์ด้วยครับ
     
  5. น้องนกลาบ ชื่อนี้สีชมพู

    น้องนกลาบ ชื่อนี้สีชมพู ค ว า ม ต า ย คื อ ก า ร เ ริ่ ม ต้ น ข อ งชี วิ ต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2017
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +156
    ไปเกิดที่ไหนไม่รู้ แต่ขอให้ไปเกิดในที่ๆ หนูภาวนา สาธุ
     
  6. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,040
    เป็นไปได้ อย่าพยายามไปสนใจเรื่องภายนอกครับ
    บุคคลที่ปฏิบัติ จะรู้ตัวเองอยู่แล้ว เพียงแต่คงไม่มาพูดครับ..
    การสนใจภายนอกมากกว่ามาสนใจภายในใจตัวเอง
    มันจะทำให้เรายิ่งรู้อะไรภายนอกได้ช้าลง
    และการปฏิบัติเราก็จะไปได้ช้าครับ......
    ความเข้าใจทางนามธรรมเราก็จะไม่ดีด้วยครับ

    จิตจะไปรู้ภายนอกได้ มันต้องมาจากรู้ภายในตัวเองก่อน
    แล้วมันถึงค่อยออกไปรู้ภายนอกของมันเองครับ

    ปล.ที่สัญญาวิปลาสกันในเบื้องต้นและ ตามด้วยจิตวิปลาสต่อมานั้น
    เพราะไปสนใจแต่ภายนอกกาย แต่จิตไม่มีสติ ไม่มีกำลังต้านทาน
    รวมทั้งปัญญาไม่พอในการแยกแยะ..
    แล้วก็ไปดึงภายนอกเข้ามาจนกลาย
    เป็นตัวเองอย่างไม่รู้ตัวทั้งนั้นหละครับ....
     
  7. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ จิตของ "ผู้ไม่รู้เรื่องจิต + ผู้ไม่ปฏิบัติเรื่องจิต" ย่อมจุติไปตามที่ "อาสัญกรรม" ส่งผลกำหนดนำทาง ควบคุมไม่ได้ ไปตามมโนกรรม ณ ขณะจุติ

    +++ จิตของ "ผู้ปฏิบัติเรื่องจิต" ย่อมจุติไปตามที่ "อาสัญกรรม" ส่งผลกำหนดนำทาง ควบคุม ณ ขณะที่ องค์ภาวนา ดำรงค์อยู่ก่อนจุติ

    +++ จิตของ "ผู้รู้เรื่องจิต" ย่อม "ดับเหตุแห่งการจุติ" ไปพร้อมกับ "อาสัญกรรม" สิ้นสุดไปด้วยกัน เป็นการ "ดับครั้งสุดท้าย"

    +++ สำหรับ "ผู้ที่ปฏิบัติ" ก็ควรฝึกเดินจิต "ตามอย่างที่พระพุทธเจ้า ที่ทรงพานำปฏิบัติ ในการเข้าสู่พระนิพพาน" ดังนี้

    +++ เดิน "ฌานจาก 1-9" แล้วถอย ฌาน จาก "9-1" จากนั้น เดินฌานจาก "1-4"

    +++ จนกว่า "สภาวะของอาการนิ่งเฉย" จะสูญสลาย คลายตัวออกไปเอง และ ไม่มีสภาวะใดก่อกำเนิดขึ้นมาอีกได้เลย

    +++ ความ "บริสุทธิ์ถึงที่สุด" จะบังเกิดขึ้นมาเอง (ภาษาอธิบายได้แค่นี้) ลองทำดู นะครับ
     
  8. งูๆปลาๆ

    งูๆปลาๆ นตฺถิ ปญฺญาสมา อาภา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2017
    โพสต์:
    563
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +412
    พูดถูกแล้วครับ ผมก้ถามไปอย่างนั้นหล่ะครับ สำหรับคนที่รู้แจ้งแก่ใจเค้าก้คงรู้แต่อยู่ที่จะบอกหรือไม่บอกคนอื่น ผมก้ลองถามดูเผื่อท่านไหนจะตอบ
     
  9. งูๆปลาๆ

    งูๆปลาๆ นตฺถิ ปญฺญาสมา อาภา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2017
    โพสต์:
    563
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +412
    ท่ากายจะแตกดับในตอนนี้คุณ ธรรม-ชาติ จะเลือกไปที่แห่งใดครับตามกำลังที่ทำได้ในตอนนี้
     
  10. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ไม่เลือกไปที่ใด ๆ ทั้งสิ้น ทำกระบวนการดับไป ตามที่โพสท์มาข้างบนนั้นแหละ
    +++ "กำลังที่ทำได้ในตอนนี้" คือ "โพสท์อย่างไร ก็ ทำได้ตามนั้น"

    +++ "ผมโพสท์อย่างที่ทำได้" และ "ทำได้ตามที่ผมโพสท์" ทุกประการ ไม่เป็นอื่น นะครับ
     
  11. งูๆปลาๆ

    งูๆปลาๆ นตฺถิ ปญฺญาสมา อาภา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2017
    โพสต์:
    563
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +412
    บุคคลมีกรรมดีกรรมชั่วต่างวาระกันไป บุคคลบางจำพวกนั้นต้องไปพบท่านพยายมบาล เพื่อทำหน้าที่ตัดสินกรรมดีกรรมชั่วที่ทำไว้ ก้ด้วยไม่รู้ตัวตน ไม่รู้เหตุแห่งกรรมที่ตนทำไว้ จึงไม่รู้ผลที่เป็นแดนเกิด บุคคลผู้มีสติดีแล้วฝึกจิตจนเหมาะแก่การใช้งานคือสามารถประคองจิตให้อยู่ในกุศลได้ ประกอปกรรมที่บังคับบัญชาด้วยสติ จึงทำกรรมดีละเว้นกรรมชั่ว รู้จักเหตุและผลของกรรม รู้จักต้นตอของเหตุและการให้ผลของกรรม รู้จักผู้สร้างเหตุและรู้ผลของการหลุดพ้นจากผู้กระทำ ดังนั้นผมจะพูดถึงบุคคลเหล่าที่มีสติรู้จักเหตุและผลของการกระทำคือผู้ที่เจริญสติและละเว้นบาปรู้ในอริยสัจ ว่าสิ่งที่ทำนั้นเป็นเหตุเป็นปัจจัยอย่างไรจึงส่งผลอย่างไรนะครับเป็นแดนเกิด เพราะชนไร้สตินั้นย่อมไปยังสำนักของท่านยมบาลเป็นแน่แท้อยู่แล้ว

    ผู้มีสติละเว้นกรรมชั่วทำบุญกุศลชำละล้างจิตเจริญภาวนาจึงมีแดนเกิดอันเป็นที่รู้ตัว
    บางกลุ่มจะรู้ในผลของกรรมดีที่กระทำ แต่ไม่ได้ละกาม จึงวนเวียนในกามมาวจรภพ อันมีสวรรค์เป็นแดนเกิดตามบุญและกำลังของบารมีตน บุคคลเหล่านี้จะมีวิมานและราชรถมารองรับ หรือไปบังเกิดในทันที

    บางกลุ่มยึดเอาสุขและสงบเป็นอารมไม่ได้หวังผลของทานอันเป็นสุขในกามมาวจรภพแต่รักการรักษาจิตสงบในณานสมาธิก้จะอยู่ในพรหมโลกบุคคลเหล่านี้จะไม่ผ่านยมโลกเพราะผู้จะไปยังพรหมโลกจะต้องรู้ตัวและมีสติอยู่ในองณานสมาธิจึงไปเกิดยังที่แห่งนี้ตามกำลังแห่งองณาน

    ผู้ที่มีความรู้แจ้งทั้งหลายอันมีชาติกำเหนิดอีก 1ชาติ 2ชาติ 7 ชาติบ้างเหล่านี้ก้ล้วนไม่ผ่านยมโลก ด้วยความชัดแจ้งของจิตในบุญกุศลย่อมเลือกที่จะไปได้ตามด้วยใจปราถนา

    ผมจึงตั้งกระทู้ถามว่า
    ท่านทราบหรือไม่ว่าเมื่อกายนี้ดับแล้วจิตของท่านจะไปเกิด ณ ที่ใด

    ขอโมทนาในสิ่งที่มาสนทนากันนะครับ
     
  12. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    ก็เห็นคุณสนใจเรื่องภายนอกมากมายอยู่นะ
     
  13. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,040
    ไปตามวิบาก(สิ่งที่จรเข้ามาที่จิต ณ เวลานั้น)
    ไม่ว่าดีหรือไม่ดี ก็ไปเสวยผลนั้นๆ...ทั่วๆไปนะครับ
    ถ้าจิตยังไม่พ้นนะครับ คือยังติดอะไรก็ตาม
    เรียกหล่อๆว่า อวิชชา ก็จะเป็นประมาณที่เล่าให้ครับ
    ดังนั้นให้พิจารณาให้ดีๆครับ

    ต่อไปนี้ฟังหูไว้หูครับ..
    ถ้าดวงจิตที่พ้น ก็กลับคืนสู่ความว่าง กลับคืนสู่ธรรมชาติของจิตนั่นหละครับ
    ส่วนธาตุที่รวมเป็นกายก็กลับคืนสู่ธรรมชาติเดิมของมัน...
    เชื่อไหม ถ้าลองไล่ในระดับธาตุดูนะครับ
    ไม่ว่า ธาตุอะไร ไม่ว่าธาตุภายในที่รวมเป็นกาย
    หรือธาตุภายนอกต่างๆ มันกลับมีลักษณะจุดกำเนิดที่เหมือนกันยังกับแกะครับ...
    เรียกว่า แทบจะเป็นสิ่งเดียวกันหรือมีจุดกำเนิดเหมือนยังไงอย่างงั้น..
    ส่วนตัวพอเล่าได้ประมาณนี้ เพราะไม่ได้รู้ละเอียดอะไรมากมาย
    ที่ทราบเพราะจากการลองไล่ดูเฉยๆ...

    ถ้าอยากทราบในเชิงข้อมูล ให้ไปฟัง หลวงปู่ ชื่อย่อ ดุ... มีสระอุนะครับ
    แล้วจะได้ยินท่านพูดประมาณนี้และละเอียดมากครับ.....
    เพราะท่านนี้ได้รับการยอมรับ เรื่องความสามารถจากเกือบทุกสายครับ...
    ไม่ว่ามหายานหรือหินยานครับ...

    มีเรื่องมาเล่าให้ฟังเล่นๆครับ
    ล่าสุดมีโอกาสไปพบ ท่านพระครูปลัดมีชื่อท่านหนึ่ง...บางท่าน
    เรียกท่านว่า พระครูจิตไว ท่านหนึ่ง อายุทางโลก ๓๐ กลางๆ
    ระดับความสามารถคือ ภายในรอบการหายใจครั้งหนึ่ง
    เข้าออกฌานได้ไม่ต่ำกว่า ๔ ถึง ๕ รอบ
    ที่ทราบเพราะส่วนตัวไปลองทำต่อหน้าท่าน เพื่อดูกำลังที่
    เหมาะสมในการใช้งาน และถามเทคนิค
    และดูสภาวะต่างๆ(บางอย่างเล่าไม่ได้ เพราะท่านบอกว่า
    ยังไม่ถึงวาระที่จะเข้าใจ เช่น เรื่องการพลิกนามธรรม
    เป็นรูปธรรมบางอย่างเป็นต้น เพียงแต่มันพอมีเชื้อแบบอ่อนๆ
    ระดับเด็กอนุบาลประมาณนี้)
    ตามการปฏิบัติและตามวาระแห่งตนเอง
    ภายในรอบหายใจครั้งเดียวถึงประมาณระดับฌาน ๓
    ท่านบอกว่า ช้าไป ๕๕๕ พูดง่ายๆว่า ยังเด๊กน้อยอยู่.
    ..ก็จริงตามที่ท่านว่าครับ พูดง่ายๆคือ ยังอ่อนอยู่ ๕๕
    และการใช้ความสามารถด้านตาพิเศษเนี่ยของท่าน
    เรียกว่า มีการส่งพลังงานกลับไปกลับมาระหว่างภาพ
    และตัวจิตท่านเป็นร้อยๆเที่ยวภายในวินาที
    ท่านบอกว่า เกจิอาจารย์ต่างๆก็ประมาณนี้หละ
    ทำให้ส่วนตัวพอเข้าใจว่า ครูบาร์อาจารย์ในอดีต
    ท่านมีดีอะไรมากกว่า ที่เราเข้าใจเยอะมาก....
    จริงๆมีอะไรมากกว่านี้เยอะแต่ไม่ควรเล่า..
    ท่านบอกว่า คนเราต่อให้ฝึกสมาธิมา ๕๐ ปี
    มันจะวัดกันตอนที่กำลังจะตายนะครับ ว่าจิตมันจะเกาะอะไรครับ
    ดังนั้น นี่เป็นข้อพิจารณาอย่างหนึ่ง.....

    อย่างที่บอก การจะไปทราบอะไรเหล่านี้
    เริ่มจากภายในตัวเราเองก่อนทั้งนั้นครับ...

    ปล.ฟังหูไว้หูนะครับ...
     
  14. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    เลิกหรือยังเรียกพระธาตุ ยังเสพเมถุนธรรมอยู่หรือเลิกแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ธันวาคม 2017
  15. alkuwaiti

    alkuwaiti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    372
    ค่าพลัง:
    +1,257
    ผู้ที่สำเร็จธรรมในระดับโสดาบันขึ้นไป จะเกิดวนเวียนอยู่แค่ในโลกมนุษย์ สวรรค์ หรือพรหมโลกจะไม่ไปตกอบายภูมิ 4 และจะเกิดอีกอย่างมาก 7 ชาติแล้วบรรลุอรหันต์

    ส่วนผู้ที่ไม่ได้สำเร็จธรรม ก็จะได้วนเวียนอยู่ในทั้ง โลก อบายภูมิ 4 สวรรค์ และ พรหมโลก ตามกรรมดีและชั่วที่ทำ คนเราเกิดมาทำทั้งบุญและบาป พอตายไปก็ได้ทั้งเสวยสุข และรับโทษบาป
     
  16. งูๆปลาๆ

    งูๆปลาๆ นตฺถิ ปญฺญาสมา อาภา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2017
    โพสต์:
    563
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +412
    ถูกแล้วครับ เหล่านักปติบัติเราจะทราบเรื่องนี้กันดีว่า ผู้เข้าสู่กระแสแห่งพระนิพพานแล้วย่อมรู้ทางไปที่ชัดเจนย่อมรู้ฐานะแห่งตนย่อมรู้กำเหนิดย่อมรู้เหตุรู้ผล ส่วนผู้ยังไม่ถึงแห่งฐานะที่จะรู้ได้นั้น ก้ย่อมเป็นไปตามกรรม กระทู้นี้ถามว่า ท่ารู้หรือไม่ว่าเมื่อกายนี้ดับแล้วจิตของท่านนั้นจะไป ณ ที่แห่งใด ผู้ใดมีสติก้จะรู้ชัดว่าตนนั้นรู้ที่ไปหรือไม่รู้ ผู้ที่ยังไร้สติก้ยังคงไม่รู้ในปัจจุบันคงต้องรอเมื่อจะตายจึงปล่อยไปตามกรรม แล้่วคุณ alkuwaiti ล่ะครับจะร่วมตอบกระทู้นี้ด้วยหรือไม่ว่าเมื่อท่านละจากโลกนี้แล้วจิตของท่านนั้นจะไปที่แห่งใดต่อ
     
  17. งูๆปลาๆ

    งูๆปลาๆ นตฺถิ ปญฺญาสมา อาภา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2017
    โพสต์:
    563
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +412
    ครับประสบการณ์ทางจิตนั้นผู้อื่นที่ไม่ได้เข้าถึงจะรับรู้ได้โดยยากหากไม่มีประสบการตรง การเข้าออกณานอย่างวสี เข้าสู่อัปปานาและออกมาสู่นณิกะโดยกำหนดได้ในทันทีสำหรับผู้ที่ฝึกดีแล้วย่อมเข้าใจว่าทำได้ รู้ถึงอาการโดยถ้วนทั่ว รู้ว่าการอฐิฐานฤทธิ์นั้นต้องทำอย่างไรและจะเกิดผลได้อย่างไรบังคับบันชาอย่างไร เกิดด้วยกำลังแห่งอะไรด้วยสาเหตุใดย่อมรู้ชัด จะเข้าสู่อัปปานาหรือขณิกะในนาทีละสิบๆครั้งก้ตามก้ย่อมทำได้ แต่ว่าณานนั้นเป็นเครื่องถือนะครับโลกียะณานมีเสื่อมโลกุตระณานนั้นก้ด้วยถือครองไว้กำหนดจิตแทนการไหลไปมาของสังขารธรรมอื่นๆที่ถือครอง ล้วนเป้นของหนักเป้นภาระเช่นกันไม่เช่นนั้นภพของพรหมก้คงจะเป็นที่สุดไปแล้ว แม้ไม่ถือเอารูป วิญญาน สัญญา แล้วก้ยังไม่สิ้นด้วยทุข ดั่งเช่นอรูปพรหม วสีนั้นไม่มีความหมายใดหากกิเลศละไม่ได้ แต่สมถะสมาธิและณานนั้นเป็นของดีไม่ใช่ของไม่ดีไม่เช่นนั้นพระพุทะเจ้าไม่ให้ปลีกวิเวกภาวนาถือครองอารมใดอารมหนึ่งเพื่อไม่ให้จิตไหลไปตามอกุศลหรอกครับ แต่เป็นเครื่องขัดเกลา เป็นตัวแบ่งแยกจิตได้ชัดเจนดั้่งโต้ะที่จัดวางสิ่งของไว้ดีแล้วสิ่งใดเกิดขึ้นย่อมรู้ชัด การทรงณานนั้นดีแต่การยกย่องณานว่าเป็นที่สุดนั้นยังไม่ถูกต้อง เรื่องของณานนี้ต้องเป็นผู้ทำได้จริงจึงจะเข้าใจได้โดยละเอียด ของขณะจิตที่ท่านเข้าสู่อัปปานาและขณะจิตที่ท่านออกมาสู่ขณิกะ ผู้ที่ยังอฐิฐานฤทธิ์ยังไม่ได้นั้นก้ยังเข้าใจเรื่องพวกนี้เป็นของวิเศษอยุ่เช่นกัน ผู้เหาะเหินเดินอากาศได้ ก้ยังทุข ยังตาย ยังพ้นจากการเวียนว่ายไม่ได้ ไม่ได้มีเพียงผู้บำเพ็ญเพียงเล็กน้อยในมนุษโลกเท่านั้นที่ทำณานได้แต่มีเหล่าเทวดาพรหม และดาบษอีกมากมายที่กระทำได้อย่างวสี ผมก้เคยมีกระทู้ภามถึงท่านที่ได้พบเหล่าเทวดาบ้างหรือไม่ไปแล้วนะครับสำหรับบางคนนั้นก้จะคุ้นชินกับเรื่องพวกนี้เป็นอย่างดีแต่สำหรับบางคนนั้นเรื่องพวกนี้ก้ไกลตัวจนเกินไปครับ อย่าคิดอาไรมากครับ ปัจจุบันขณะก้บอกกับตัวเราได้ครับว่ารู้หรือไม่รู้ มีสติหรือขาดสติ มีบุญบารมีหรือไม่มี ตายณตอนนี้จิตจะไปยังที่แห่งหนใด ร่วมตอบคำถามกระทู้กันสนุกๆครับ
     
  18. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,040
    2A2BF547-9463-485B-9C8D-49BEC1C3D75C.jpeg
    ถึงคุณ bigtoo นะครับ ขอบคุณที่สนใจเรื่องของข้าพเจ้านะครับ ขอบใจที่เป็นห่วงนะครับ
    ขอแนะนำว่า ควรดูใจตัวเองมากกว่าจะมาสนใจเรื่องของคนอื่นๆนะครับ ถ้าพูดกับข้าพเจ้าอย่างนี้เมื่อ ๕ ปีก่อนข้าพเจ้าคงฟังอยู่ครับ. ปกติเรื่องพระธาตุไม่ค่อยอยากพูดเท่าไร เกรงว่าคนจะหาว่าโม้สร้างภาพ

    จะเล่าให้ฟังอย่างนี้นะครับ เอาทีละเรื่องนะครับ
    ปกติเนี่ยส่วนตัวครั้งแรกเลย มีความเกี่ยวข้องกับเรื่อง
    ทำนองนี้มาตั้งแต่พิ่งหัดนั่งสมาธิได้ไม่กี่เดือน
    คือมีนิมิต ปรากฏเป็นพระพุทธ ๓องค์ ซึ่งคิดว่าพูดไป
    คนไทยทั้งประเทศรู้จักดี
    และ อาจารย์ มีชื่อในอดีต ที่ใครก็รู้จักดี
    อีก ๒ ท่านมาปรากฏให้เห็นพค้อมกัน
    เลยขึ้นไปดูพระธาตุกับ
    พระสรีระ ที่เก็บไว้ ปรากฎว่าพระธาตุเหมือนเดิม
    แต่มีเป็นพระสรีระเสด็จมาเพิ่ม อีก ๗ สีอีกหลายองค์(เขียว ฟ้า น้ำเงิน ม่วง เหลือง คราม ชมพู ในรูปบนขวา)
    เคยลงในเวบนี้ไปแล้ว(ปัจจุบันมีมาเพิ่มอีกหลายสี เช่น ทอง เงิน ทองแดง ในรูปบนซ้าย) ปัจจุบันผู้ตั้งกระทู้นั้น ก็กำลังเชิญพระธาตุที่ตนได้มาไปให้วัดต่างๆอยู่มีเป้าหมาย ๑,๐๐๐ วัด ตอนนี้น่าจะเกินครึ่งแล้ว นี่คือ
    ปฐมบทแห่งเจได เห้ย! ไม่ใช่. เรื่องพระธาตุนะครับ


    และเรื่องเรียกพระธาตุส่วนตัว
    เกิดมาเคยทำแค่สองครั้ง
    แล้วมีการเสด็จมาจริง ๑ องค์เป็นวรรณะสีใส(มีรูปถ่ายให้ดูในนี้ เพราะมีแต่พระสรีระเสด็จพอนึกออกนะครับ)ซึ่งตอนที่เรียกใช้เวลา ๑๕ นาที(ในรูปบนซ้าย องค์ที่วางติดกับองค์สีดำ)(ปกติท่านที่สอนข้าพเจ้าอีกท่านแค่ยื่นมือไปในอากาศก็เสด็จมาแล้ว)
    เหตุที่ทำเพราะ ตอนนั้นฝึกวิชาเดินธาตุ แล้วจิตมันไปทางสร้างปรอท คือพูดง่ายๆ กำลังห้าว และออกแนว
    ไม่ค่อยกลัวใคร ใครมาดีก็ดีไป
    ใครมาไม่ดีก็ยิ้มรับ ถ้าจะกวนตรีนกัน ขอให้เก่งจริง
    อย่างที่ปากพูดแล้วกัน แล้วมาเจอกันหน่อย เข้าใจนะ

    แต่ถูก พระสงฆ์มีชื่อท่านหนึ่ง ความสมารถทางจิตสูง
    ท่านได้บอกว่า ให้เลิกยุ่งถึง ๓ ครั้ง ท่านเตือน
    ต่อหน้าพวกมีสัมผัสพิเศษทั้งหลาย
    (มีเหตุให้เลิกแต่ไม่ขอกล่าว)
    และมีพระครูจิตไว มีชื่อเสียงอีกท่าน ซึ่งเป็นท่านที่แนะทริคต่างๆในการใช้งานให้ ท่านบอกว่า
    ข้าพเจ้าจะเรียกอีกเท่าไรก็ได้ในอนาคต(ฟังดูหล่อ)
    คือท่านบอกนะครับ แต่ปัญหาของจ้าพเจ้าคือ จะทำไปเพื่อ ? เพราะไม่ได้เน้นเรื่องนี้.

    หลังจากนั้นข้าพเจ้า จึงเลิกยุ่งกับปรอท
    แต่ด้วยกำลังพื้นฐานในการเรียกปรอทกับพระธาตุ
    พอๆกัน จึงได้ทำการลองเรียกดูด้วยตัวเอง
    แบบไม่เป็นทางการ ก็เท่านั้นเอง ไม่ต่ำกว่า ๓ ปีที่เลิก
    ถ้าคุณไม่พูด ส่วนตัวคงลืมไปแล้ว
    ยังไงถ้าชอบยุ่งเรื่องคนอื่นๆ
    ทีหลังก็พยายามอัพเดทข้อมูลหน่อยนะครับ

    เข้าใจไหม เอาไว้สอนไว้แนะคนอื่น
    ไม่ใช่โม้อย่างเดียวทั้งที่ไม่เคยทำได้
    หนือคิดว่าจิตตัวเองทำได้ แต่ทำได่แต่ปาก
    หรืออ่านตำรามาแล้วมโนเอา อ้างโน้นอ้างนี้
    อ้างไม่ใช่ทาง อ้างแต่ระดับสูงๆไม่เคยสอน
    พูดอย่างหล่อ เหมือนเก่ง
    พยามวร้างภาพ คอยดิสเครดิสคนอื่นไป
    แล้วพูดเหมือนตัวเองบรรลุระดับสูง
    แต่ไม่มีความสามารถทางจิตทำอะไรได้เลย
    พูดไปเรื่อยว่าเป็นอย่างโน้นอย่างนี้แบบที่ตนเองคิด
    วิเคราะห์เอาจากตำรา หลงสภาวะสมาธิระดับพื้นๆ
    พอมีคนถามว่าทำอย่างไรหรือมีคนท้าแสดงให้ดู
    แล้วเงียบเหมือนพวกที่พยายามสร้างภาพให้ตนดูหล่อดูวิเศษเข้าใจนะครับผม. ชัดเจนนะครับ

    ซึ่งถ้าจำไม่ผิดเรื่องเรียกพระธาตุ
    น่าจะผ่านมาไม่ต่ำกว่า ๓ ปีแล้วครับ
    และไม่เคยทำอีกเลย. แต่หลังจากที่เรียกพระธาตุ
    วรรณะสีใสได้(องค์สีใสติดองค์ดำรูปซ้ายบน). ส่วนตัวก็ได้รับพระธาตุที่สืบต่อมาจาก
    หลานของอดีตสมเด็จพระสังฆ์ราช องค์ที่พึ่งสิ้นพระชนไปอีก ๙ องค์ (ในรูปล่างซ้าย)
    และก็ปฎิบัติตัวเองไปเรื่อยๆ แบบคนปกติ
    ปัจจุบันถ้านับไม่ผิด
    ปรากฎว่า มีพระธาตุเสด็จมาเพิ่มอีก แบบลักษณะ
    ที่เหมือนที่ได้จากหลานอดีตสมเด็จพระสังฆราชฯ
    มาเพิ่ม ถ้านับไม่ผิดก็มีเสด็จมาอีก ๘ ถึง ๙ องค์ครับ
    (ในรูปล่างขวา) ส่วนตัวไม่สามารถอธิบายอะไรได้
    แล้วแต่ใครจะคิดนะครับ.


    คุณ bigtoo ครับ เสพเมถุน ใช้กับพระหรือเป่าครับ
    พอดีส่วนตัวเป็นฆารวาสครับ และส่วนตัว
    ก็แต่งงานมีภรรยาแล้วครับ
    น่าจะใช้คำว่ามีเพศสัมพันธ์นะครับ
    คุณใช้คำพูดแปลกๆเนาะ
    พูดเหมือน คุณพ่อคุณแม่คุณ
    ไปเก็บคุณมาจากกระบอกไม้ไผ่เนาะ
    คือคุณพัฒนาตัวตนจากกระบอดไม้ไผ่เปล่าครับ
    หรือคุณอยู่ดีๆผุดขึ้นมาเป็นเด็กที่
    มีกระเจี๊ยวน้อย(น้องชายน้อย หรือ ช้างน้อย)ไว้เหยี่ยวอย่างเดียวเลยหรือครับ


    คุณก็มีภรรยาแล้ว อายุก็ไม่น่าจะมากถึง
    ที่อสุจิเสื่อมนิครับ การที่มีภรรยา แล้วเที่ยวประกาศ
    บอกว่า ตนเองปฎิบัติจนถึงอสุจิไม่เคลื่อน
    เพื่อให้ชาวโลกเข้าใจว่าตนเอง
    บรรลุระดับสูงๆ มุขนี้เค้าไม่เล่นกันแล้วครับ
    มันเชยยยยยยมาก.
    เข้าใจคุณ ประกาศตัวเอง ว่าบรรลุระดับโน้นนี่นั้น
    แต่มีคนมาค้านคุณตลอด ต่อมาก็ลดระดับลงมา
    พอมุขประกาศตนไม่ได้ผล
    ก็ไปมุข เรื่องการห้อยพระเครื่อง
    ก็เพื่อจะบอกว่า ตนสูงส่งที่ไม่สนพระเครื่อง วัตถุ
    มงคล ไหนจะเรื่องทำน้ำมนต์อีก สรุป อะไรที่มัน
    ทำให้คุณหล่อ เท่ห์มีคุณธรรม คุณเอาหมด
    อ้างไปเรื่อย ไม่ฟังใคร
    หายไปพักหนึ่งมาประกาศตนว่าอสุจิไม่เคลื่อนอีก
    ทั้งที่มีภรรยาอยู่แล้ว คุณเป็นฆารวาสนะครับ
    ไม่ใช่พระสงฆ์ ไม่ต้องพูดแทนภรรยาหรอกครับ
    ถ้าคิดอย่างนี้จะมีภรรยาไปเพื่อ? หน้าที่ ส่วนหนึ่ง
    เข้าใจไหม หรือถ้าทำไม่เป็นก็บอกตรงๆก็บอกได้ครับ

    ไม่เข้าใจว่าคุณ จะอยากหล่อ อยากทำให้คนดูว่าตนเอง สูงส่งไปเพื่ออะไร
    ตอนเด็กๆ มีคนขออุ้มบ้างเปล่าครับ
    หรือช่วงเป็นหนุ่ม มีสาวๆมาชอบบ้างไหม
    เล่นกีฬาเก่งไหมซักอย่าง เรียนเก่งไหม
    เพราะเหมือนคุณทำเพื่อลบปมด้อยในอดีตจังเลยครับ

    ที่สำคัญมารยาท ทางสังคมมีไหม ได้รับการอบรมย์
    สั่งสอนจากต้นตระกูลมาบ้างไหม
    ทำไมถึงคอยพยายามดิสเครดิสคนอื่นๆอยู่เรื่อยไป
    ทั้งๆที่ไม่ได้คุยหรือสนทนากับคุณ

    หันไปพิจารณาตัวเองก่อนเถอะครับ
    ว่าตนเองปฎิบัติอย่างไร
    ทำไมถึงคิดว่าตัวเองเป็นระดับ
    สูงๆได้ แต่ใจยังมีความริษยา
    และความสามารถทางจิตก็ไม่มี
    ไม่เคยสำเร็จดรรมฐานอะไรซักอย่าง
    ความเข้าใจทางนามธรรมก็แย่
    เห็นคนอื่นๆดีกว่าตนไม่ได้
    หรือเห็นใครคิดต่างไม่ได้ในทางปฎิบัติ
    ทั้งๆที่สภาวะทางสมาธิที่คุณเจอ
    มันก็แค่ระดับรากหญ้าที่ไม่ควรสนใจด้วยซ้ำ
    แต่คุณก็ยึดเป็นตุเป็นตะ ว่าวิเศษวิโส
    โดยไม่ฟังการทักท้วงจากใคร

    ปล คุณต้องเข้าใจว่านะว่า ข้าพเจ้าไม่เคยสร้างภาพ
    เหมือนคุณ คนเราคำแนะนำมันบอกสิ่งที่เป็นเราได้
    ยิ่งการได้เจอตัวจริงกันแล้วแสดงความสามารถให้ปรากฏได้ต่อหน้า ยิ่งบอกสิ่งที่เราถ่ายทอดได้
    ว่าทำได้จริงอย่างที่พูดที่สอนคนอื่นๆไหม
    หรือแค่โม้สร้างภาพเพื่อให้ตนดูวิเศษวิโส

    นิสัยขี้อิจฉา ชอบถามคำถามเชิงใส่ความ
    ดิสเครดิสคนอื่นๆ เพื่อยกตนเองข่มท่านใก้ตนดูดี
    และการมาประกาศบอกชาวโลก
    ว่าตนอยู่ระดับโน้นนี่นั้น เพราะไปอ่านตำรามา
    ว่าระดับนั้นเป็นอย่างโน้นอย่างนี้
    ทั้งที่ไม่มีคำสอน คำแนะนำจากการปฎิบัติแห่งตน(อ้างแค่ตำราล้วนๆใครอ่านก็รู้)
    และความสามารถเป็นที่ประจักษ์มาก่อนนั้น
    ยังไงๆ กมลสันดานแบบนี้เลิกได้ก็เลิกเถอะครับ

    อยากดี อยากเด่น อยากดัง ก็เรื่องของคุณ
    คุณก็ถ่ายทอดความรู้ที่ได้จากการปฎิบัติ
    ให้คนอื่นๆอ่านได้นิครับ คิดเอง
    หรือมาจากการปฎิบัติ คนอ่านตัดสินเองได้
    หรือมีความสามารถอะไร
    หากแฟนคลับคุณ(ถ้ามี)อยากพิสูจน์ก็แสดงไปเลย
    จะไปยากอะไร ถ้าทำได้จริงถูกไหม
    คนปฎิบัติมา ของอย่างนี้ อ่านแค่คำแนะนำก็
    พอรู้แล้วหละครับ


    คนจะดีมันดีที่ใจ ไม่ใช่การพูดสร้างภาพ
    หรือเหยียบกดคนอื่นๆด้วยตำรา
    ด้วยทิฐิแห่งตนเอง
    โดยไม่ดูว่าตัวเองทำอะไรได้บ้าง
    คุณเป็นประเภทไม่เคยทำได้
    แต่มักบอกคนอื่นๆที่ทำว่าไม่ดี
    โดยเอาของสูงมาอ้าง
    ต่างกับคนเคยทำได้เเล้ววางนะครับ
    แล้วท้ายสุดก็มาบอกว่าตนเองดี
    การจะยุ่งกับใครควรมีขอบเขต
    ไม่ใช่จบไม่เป็น
    ทำนิสัยเหมือนไม่แมน
    ไปทำไมหละครับ

    ปล. ทางโลกลองกลับไปทำหน้าที่สามีที่ดี
    ไม่ให้บกพร่องก่อนที่จะมาคอย
    จับผิดคนอื่นๆก่อนดีไหม(ยกเว้นเซ็กส์เสื่อมหรือลืมแล้วว่าทำอย่างไรก็ไม่ว่ากัน)
    ทางธรรม อย่ายึดตำรายึดตัวครูบาร์อาจารย์
    มากไป อย่าเที่ยวฟันธงว่าใครผิดถูกหรือใครดี
    และเข้าหาครูบาร์อาจารย์ ที่ได้รับการยอมรับจากสังคมโดยไม่มีจ้อแย้งบ้าง
    และสัมผัสหรือกิริยาระดับรากหญ้าทางสมาธิที่คุณยึดนั้น ก็หัดเข้าหา แสวงหาครูบาร์อาจารย์ที่เก่งๆ
    มีความสามารถทางจิตสูงบ้าง ท่านจะได้แนะนำให้

    แล้วก็เลิกหาอุบาย เพื่อมาประกาศให้ชาวโลกเข้าใจว่าตนเองบรรลุระดับโน้นนี่นั้นซะ
    ของแบบนี้ เค้ารู้ๆกัน แค่เสี้ยววินาทีก็ดูออกแล้ว
    ว่าใครเป็นอย่างไร เพียงแต่จะพูดไม่พูด
    เส้นทางธรรม มันมีอะไรอีกไกลครับ

    ที่ผ่านมาคุณออกทะเลไปไกล ถึงไม่มีพัฒนาทางจิตอะไร ยกเว้นทางกายที่เซ๊กน์เสื่อม
    คนจะถึงระดับที่คุณคิด มันต้องมีอะไร
    ทำอะไรมากกว่าตำราที่คุณยึดอ่านมาอยู่ครับ

    ท้ายนี้หวังว่าจะอ่านให้จบนะครับ
    และหวังว่าจะมีปัญญาอ่านแล้วเข้าใจนะครับ

    คุณเป็นคนที่น่าสงสารนะครับ (^_^)
    โชคดีนะครับผม





     
  19. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    ถ้าโสดาบันคงไม่ต้องพูดกันนะพอรู้แล้ว ส่วนต่างจากนั้นมีใครกล้าบอกว่าเลือกทางไปได้ครับคงไม่มี เพราะเปรียบการโยนกิ่งไม้ขึ้นในอากาศ บ้างก็เอาหัวลง บ้างก็เอาท้ายลง เอาข้างลงบ้าง นี่คือคำตอบที่ตรงตามธรรมที่สุด
     
  20. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    ยาวจังเลย สงสัยจะเก็บกดมั้ง ที่ถามนะ ลดละอะไรได้บ้างมั้ย เห็นสอนคนอื่นไปมากมายแต่ทิศทางมันออกจากอริยสัจไปไกลมากโข มีมั้ยอริยสัจสอนให้เรียกพระธาตุอะไรนั้น ที่ท่านสอนมามีแต่ทำให้คนมีแต่ความสงสัยทั้งนั้นเลย คุณเดินบนเส้นทางมรรคบ้างมั้ย สัมมาทิฎฐิบ้างหรือยัง ดำริออกจากกามบ้างหรือยังไม่เคยเห็นกล่าวถึง มีแต่เรื่องสมาธิอะไรๆนักหนา พุทธเจ้าตรัสรู้อะไร รู้เรื่องบ้างมั้ยครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...