สวด ภาวนา ในชีวิตประจำวัน ฉบับมนุษย์เงินเดือน

หน้าวัดเวลาพลบค่ำ พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน แสงสว่างเริ่มจางหาย นกกาส่งเสียงบินกลับรัง หลวงตายืนอยุ่ที่ลานหน้าถ่ำ มองลงไปที่หน้าประตุวัด มองอะไรหรือค่ะหลวงตา หลวงตาหัวเราะ พูดว่ากำลังมองคนสู้กับความคิดอยู่ ท่านชี้ไปที่พระรุปหนึ่งที่เดินวนเวียนไปมาแถวหน้าวัด หลวงตาบอก เวลาแบบนี้แหล่ะ ที่คนจะฟุ้งมากที่สุด ถ้าจิตไม่มีเครื่องอยู่ ความคิดฟุ้งซ่านทำงาน เวทนา สัญญา มันปรุงอีกทั้งบรรยากาศเป็นใจ ทำให้จิตฟุ้งได้ง่าย เลยเดินวนไปมา ตามความคิด สับสน ไม่รุ้จะเอาไงดี มันสู้กันในตัวเอง ถูก ผิด มืด สว่าง ถ้าชนะก็อยู่ต่อไป ถ้าแพ้ไม่นานก็ต้องสึกออกไป เป็นแบบนี้มานาน เห็นจนชิน เค้าถึงบอกเวลาพลบค่ำคนถึงคิดสั้นกันเยอะเพราะเหตุนี้ ถ้าฝึกให้จิตมีเครื่องอยู่ จิตมีกำลัง ก็จะผ่านไปได้ ง่ายๆ วัดเราคือ สวดมนต์ ถ้าสวด เหตุการณ์แบบนี้จะไม่เกิด เพราะเราสวดมนต์ จิตไม่มีเวลามาคิดให้มันฟุ้งจริงไหม หลักง่ายๆคือ การเปลี่ยนกระแสนั่นเอง ถ้าเราฟุ้งหรือคิดลบสับสน ให้ลองสวดมนต์จะรู้เอง การสวดมนต์ มันจะเกิดการสั่นสะเทือนทั่งรูปและนาม ร่างกายกับจิตเกิดการสั่นสะเทือนก็เกิดการเปลี่ยนแปลงจากกระแสเดิมมาเป็นกระแสใหม่ที่ดีกว่า เห็นไหมล่ะ ง่ายๆแค่นี้ แต่คนมักมองข้าม ถ้าทำบ่อยๆจะรู้เอง ต้องลองถึงรู้ เป็นไปอย่างที่หลวงตาพูดไว้ ไม่กี่วันพระรูปนั้นก็มาลาสิกขาไปเพราะท่านไม่ได้ขึ้นสวดเหมือนคนอื่น แต่ คนที่ขึ้นสวดประจำแม้ว่าเวลาผ่านไปนับสิบปี ก็ไม่เหนท่าทีที่เค้าเหล่านี้จะจากไปจากวัด เป็นอีกเรื่องที่น่าคิดเกี่ยวกับการสวดมนต์ นะค่ะ จริงไหมค่ะ


*********************************************

 

หลวงตาม้าตอบปัญหาธรรม11/12/2560
" ถ้าเอ็งชินอยู่กับจักรพรรดิ การเปลี่ยนแปลงในชีวิตจะเกิดขึ้นทันที ที่เราฝึกไม่ได้เรื่องได้ราว เพราะเราขาดเมตตาพรหมวิหาร ขาดการบันทึกบุญ ขาดการพิจารณาใคร่ครวญ ขาดการอ่อนน้อมถ่อมตน ขาดการโมทนาบุญ ติดอารมณ์ทางโลก ติดอารมณ์ทางโลก ถ้าค่อยๆ ทำไป จากวันเป็นเดือนจากเดือนเป็นปีความเข้าใจมันจะเริ่มไปเรื่อยๆ ติดขัดอะไร ท่านว่า แค่เอ็งสวดมนต์ แค่นึกถึงข้า ความรู้สึกมันจะรู้ไปเรื่อยๆ ชีวิตนี้มีประโยชน์มาก ไม่สังเกตุเหรอฮะ ที่ถ้ำเราไม่เน้นให้ใครทำอะไร เราเน้น กินนอน สวดมนต์ ปกติหลวงตาไม่พูดนะ แต่ถ้าหลวงตาพูด...ระวังนะ "

 

ความสงบของจิต ความสบายของใจ


ภายใต้แสงเทียน ความมืด ภายในถ่ำหลวงตานั่งมองรูปหลวงปู่ ท่านหันมาพูดว่า วันนี้สงบจริงๆ ต่อให้โลกวุ่นวายขนาดไหน ถ้าจิตสงบ ใจสบายได้ ปัญหาและความทุกต่างๆจะหมดไป

ในยุคนี้อย่าได้ไปหวังอะไรจากใคร โลกมันเปลี่ยนแปลงตลอด กลไกมันซับซ้อน คนจะวุ่นวายตามโลก ปัญหาเลยเยอะเพราะการเปลี่ยนแปลงเยอะ

ส่วนมากมาจากความโลภและผลประโยชน์ พรหมวิหารสี่จึงสำคัญ ถ้าเราทรงอารมณ์ได้ จิตสงบใจสบาย เข้าใจ รู้เท่าทัน ปัญหาเหล่านั้นจะหมดไป ง่ายๆคือ ส.ส.บ สวดมนต์ ส่งวิญญาณ บันทึกบุญ คือ ทำกำลังของจิต แผ่เมตตานำกำลังนั้นไปใช้ให้เกิดประโยช์ต่อสิ่งอื่น บันทึกกำลังนั้นไว้เป็นฐานเพื่อพัฒนาต่อไป ทำที่เรา จบที่เราประโยชน์มันมหาศาล ทำเอง รู้เอง ไม่ต้องบอกใคร คนภาวนาไม่ต้องประกาศให้ใครเค้ารู้ ตัวเองรู้ก็พอ ทำไปเรื่อยๆกำลังมันจะเกิดจะพัฒนาเอง สิ่งที่เห็นได้ชัดและสัมผัสได้ด้วยตัวเองคือ ความสงบของจิต ความสบายของใจ สิ่งนี้แหล่ะสำคัญมากๆ เป็นดัชนี่ชี้วัดผลของการภาวนาทั้งหมด ยิ่งจิตสงบมากใจสบายมาก เราจะมีความเรียบง่ายสูง ปัญหาความวุ่นวายจะหมดไป ไม่เกิดการกระทบต่อสิ่งใด สังเกตุ คนที่ภาวนาทำบารมี เค้าทำมากกว่าพูด ไม่พูดมากนินทาใครไม่สนใจเรื่องคนอื่น เพราะจิตมันสงบ ใจมันสบาย จะเอาความคิดไม่ดีที่ไหนไปสร้างกรรมไม่ดีต่อ ทุกวินาทีและลมหายใจที่มี จึงอยู่กับปัจจุบันขณะ เป็นปกติธรรมชาติ การใช้ชีวิตจะอยู่เพื่อสร้างประโยชน์มากกว่าสร้างปัญหา เพราะจิตสงบใจสบาย ไม่มีความวุ่นวายหรือเรื่องราวกับสิ่งใด ยังประโยชน์ในการดำเนินตน ทำได้แค่นี้ ทุกภพชาติรับรองเห็นผลชัดเจน ปัญหาไม่มี ทุกข์มันจะน้อยลงเรื่อยๆ พวกเอ็งลองไปพิจารณาดู ทำมากกว่าพูด เอาเวลาที่จะพูดไปทำ มันมีประโยช์มาก


หลวงตาหัวเราะ และทิ้งท้ายตัวประโยคประจำตัวว่า คิดได้ทำได้ก็ดี คิดไม่ได้ก็เสียใจ แต้ๆ ( เสียใจด้วย ช่วยอะไรไม่ได้ )'

 

อยู่ในทุกสิ่ง .....



รถกำลังเคลื่อนที่ไป ท้องฟ้าสีคราม ถนนทางหลวงมุ่งสู่ปลายทาง
หลวงตานั่งหน้า สายตามองไปตามทาง หลวงตาพูดว่า พวกเอ็งว่าหลวงปู่อยู่ที่ไหน ทุกคนตอบต่างๆนานานา หลวงตายิ้มและพูดอย่างมีสุขว่า เอ็งมองไปบนท้องฟ้าสิ หลวงปู่ก็อยู่ในฟ้า มองไปที่ต้นไม้ข้างทางก็จะเห็นท่านในนั้น มองตรงไปที่ถนนก็จะเห็นท่านเดินนำทาง มองเข้ามาในตัวก็จะเห็นท่านอยู่ในใจ

มันแค่นั้นจริงๆ
ท่านอยู่ในทุกสิ่ง อยุ่ในร่างกายและจิตวิญญาณของหลวงตาและพวกเรา

ถ้าเรารู้สึกเช่นนี้ สัมผัสแบบนี้ เรากับท่านจะไม่มีความต่าง หล่อหลอมเป็นสิ่งเดียวกัน

การดำเนินชีวิตเราก็คือท่าน เราจะทำแต่ความดี ละชั่ว ใจเราผ่องใส นี่คือหัวใจหหลักของศาสนา ที่คนว่ากัน

แต่เป็นจริงธรรมชาติเพราะการภาวนา ชีวิตจะเปลี่ยน เราจะทำดี ล่ะชั่ว ใจเราผ่องใส มันแค่สวดมนต์กับมีท่านอยู่ในใจ สันติและความสุขเกิดขึ้นในใจ และสิ่งต่างๆรอบข้าง ใจเราเปลี่ยน โลกเปลี่ยน สิ่งต่างๆจึงเปลี่ยน

แค่มีท่านในใจ จับให้มั่น แนบให้ชิด ติดทุกลมหายใจ จำไว้นะ


สิ้นเสียงหลวงตาจำวัดหลับไปไปด้วยความเพลีย เวลาผ่านไป ตามล้อรถที่หมุนไป การเดินทางของหลวงปู่กับหลวงตายังคงดำเนินต่อไป เพื่อประโยชน์ของสรรพสิ่ง โมทนาในทุกความดีงาม


*******************************************

 

การกำหนดภาพหลวงปู่ต้องสวดจักรพรรดิไปด้วยหรือ

ศิษย์ : ต้องกำหนดหลวงปู่ กับสวดคู่กันไปตลอด
หลวงตา : นั่นคือหลักใหญ่...ถ้านานๆเข้าเนี่ยมันชำ
นาญแล้วเนี่ย ท่านจะผ่านเอง จะดูอะไรผ่านเลยให้ดูภาพให้เห็นภาพเลย
ศิษย์ : แบบ ปี้บขึ้นมาเลยใช่มั้ยครับ
หลวงตา : มันจะมีภาพเกิดเลย
ศิษย์ : อ๋อ...คือท่านคุมเราอยู่
หลวงตา : ใช่...เพราะว่าเราจับภาพท่านมานาน
ศิษย์ : โดยไม่ต้องไปสวดจักรพรรดิ
หลวงตา : ไม่ๆ...มันเป็นอัตโนมัติ นอกจากเวลาจะไป
อธิษฐานอะไร ต้องตั้งท่านก่อน ตั้งพระพุทธ
พระธรรม พระสงฆ์ แล้วอธิษฐานถึงท่าน หลวงปู่ดู่

จากหนังสือไตรรัตนญาณจักรพรรดิเปิดโลกหน้า 116

 

หลวงตาบอก “ให้ทำวันละเล็กวันละน้อย ดีกว่าไม่ทำเลย”

ไม่ว่าเราจะเคยผ่านเรื่องราวที่สุขใจหรือทุกข์ใจมาก่อน ตอนนี้ขออย่าได้ไปสนใจมัน เพราะเรื่องราวทั้งหมดล้วนเป็นอดีตไปแล้ว การอยู่กับปัจจุบันเป็นเรื่องสำคัญ ควรคิดเสมอว่าวันหนึ่งเราต้องตายจากโลกนี้ไป หากเชื่อในพระพุทธศาสนาที่สอนว่าบุญและบาปมีจริง ชาติหน้ามีจริง ก็ควรทำจิตใจให้แจ่มใส สวดมนต์ไหว้พระ นึกถึงหลวงปู่ดู่บ่อยๆ สวดจักรพรรดิในใจบ่อยๆ (ตลอดเวลาที่นึกได้)

เพื่อที่วันหนึ่งหากเราตายจากโลกนี้ไป บุญกุศลที่เราได้บำเพ็ญไว้ทุกวัน จะเป็นเสบียงหนุนนำเราไปสู่ภพภูมิที่ดี ให้พากันไปเกิดเป็นเทวดา เป็นพรหม ไปพระนิพพาน หรือหากจะกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ ก็เป็นมนุษย์ที่ดี สมบูรณ์พร้อมทั้งทรัพย์สิน อำนาจ หน้าตา วาสนา ไม่ไปเกิดเป็นคนพิกลพิการหรือทุกข์อนาถา

วัฏสงสารนี้น่ากลัวยิ่งนัก หากไม่พบเจอครูบาอาจารย์ที่ดี เมื่อเราเกิดมาแล้วก็ไม่รู้จักบุญบาป ไม่รู้จักความดีความชั่ว สังคมพากันทำอย่างไรเราก็ทำอย่างนั้น ยุคไหนที่พากันนิยมความชั่ว เชิดชูคนชั่ว(ยินดีในบาป) เราก็ทำตามเขา และพากันลงนรกไป เมื่อกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ก็ชดใช้กรรมที่ทำไว้ วนเวียนไปไม่รู้จักจบสิ้น

ดังนั้นเมื่อมาชาตินี้หากพบเจอครูบาอาจารย์ที่ดีแล้ว ควรหมั่นบำเพ็ญกุศล สั่งสมบุญบารมี เข้าถึงไตรสรณคมณ์อันได้แก่พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เพื่อที่ชาติต่อๆไปจะได้ไม่ลำบาก

เจตนาที่เขียนเรื่องราวนี้ เพราะเสียดายแทนผู้ที่รู้จักพระพุทธศาสนา รู้จักหลวงปู่หลวงตา แต่ละเลยการสร้างบารมี หลงไปกับทางโลก เผลอแปปเดียวก็จะหมดไปหนึ่งชาติแล้ว

ใครที่นึกได้ ก็ขอให้หมั่นทำ หมั่นสร้างบารมี ไม่ต้องใช้สตางค์สักบาท(ยกเว้นถ้าอยากให้ทานก็ทำตามสมควร) ขอแค่หมั่นระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์บ่อยๆ นึกถึงหลวงปู่ดู่บ่อยๆก็ได้เช่นกัน เพราะท่านเป็นพระสงฆ์ เป็นพระโพธิสัตว์ แล้วสวดมนต์บทที่ชอบในใจบ่อยๆ จะเป็นอิติปิโสก็ได้ จักรพรรดิก็ได้ พาหุงก็ได้

ทำเป็นประจำทุกวัน จะสังเกตุว่าชีวิตมีแต่เรื่องดีๆ เรื่องร้ายๆก็จะมีทางแก้ไข เพราะหลวงตาม้าท่านสอนว่า ถ้านึกถึงหลวงปู่บ่อยๆ กรรมหนักจะกลายเป็นเบา กรรมเบาก็จะหาย

ทำควบคู่ไปกับการทำงานทางโลกก็ได้ นึกได้ตอนไหนก็ทำ ช่วงเวลาที่เราว่างมีมากมาย จะอาบน้ำ กินข้าว เดินทาง นั่ง ยืน เดิน นอน ทำได้ทั้งหมด ทำวันละเล็กวันละน้อย ดีกว่าไม่ทำเลย

FB : ศิษย์มีครูหลวงปู่ดู่ หลวงตาม้า



*******************************

 

สวดแล้วอึดอัด สัมผัสวิญญาณที่เป็นทุกข์ ต้องทำอย่างไร?

 

พรรษานี้...
ตั้งสัจจะอธิษฐานเลยนะฮะ
ข้าพเจ้า จะสวดจักรพรรดิ
จะสวดมนต์ จะทรงพรหมวิหาร
จะทำจิตให้เป็นบุญตลอด
แล้วอธิษฐานทุกวัน
เช็คทุกวันด้วย
สามเดือน แล้วมันก็จะเข้าใจนะฮะ
นี่คือ การฝึกสติในสิ่งที่เราปฏิบัติ ในกรรมฐาน

(หลวงตาม้า ตอบปัญหาธรรมะ)


๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙