อนัตตา เปรียบดั่งยาขมของผู้ปฏิบัติธรรม

คนอย่างมึงมีอะไรให้ต้องสอบอารมณ์วะไอ้เฒ่าภูติ เหมือนจะดูดีว่างั้น เหมือนกับเป็นผู้หลุดแล้วซึ่งมลทินกิเลสตัญหาไอ้ฟาย ถุย ไอ้เฒ่าหลงตัวเอง เนี่ยแหละที่โง่ไม่เจียมกะโหลกกะลามันเป็นอย่างนี้ หลงตัวเองว่ามีธรรมไปวันๆ จำมาทั้งชาตินะมึง ของจริงที่มึงมีกิเลสทั้งนั้นไอ้โง่

กูบอกแล้วเสือกมาบี้กูเอง กูพูดดีด้วยแล้วทำเป็นมายกตนข่ม เจอตอชิ้นใหญ่แล้วไอ้ควายเฒ่า โย่วๆ กร๊าาาากกกกกๆๆๆๆๆๆ

 

ธรรมไม่มีสำหรับคนอย่างมึงจำไว้ไอ้เฒ่าภูติผู้เบาปัญญา ถ้ามึงมีธรรมมึงจะไม่ไปตอแย โชวพาวยกตนโง่ๆ ข่มคนอื่น แต่นี้มันเป็นสันดานที่มึงทำมาหลายปีแล้วนี่ คนรุ่นก่อนๆคงจะหมอบแทบเท้ามึงทั้งหมดสินะ ยกเว้นกู ฮิ้ววววว

คนอย่างมึงจัดกิเลสเนื้อๆเน้นๆให้ทุกวันนั่นแหละมันถึงจะสาแก่ใจ ถ้ายังไม่หายโง่ก็เชิญรับพรขี้ตีนกูต่อไป ไอ้เฒ่ากระจอกบ่มในใบลาน กูนี่แหละกระจกส่องเงาหัวโง่ๆของมึงที่ชัดเจนยิ่งนักไอ้เฒ่าไร้น้ำยา กร๊าาาากกกกกๆๆๆๆๆ

 

ไม่ได้มาขึ้นเวทีนะ บอกก่อน

การภาวนา พอไปถึงจุดละเอียด
ย่อมสำคัญตนขึ้นมาเสมอยิ่งได้อ่านพระสูตร
มันจะวิ่งเข้าเทียบกับการภาวนาของตน

แล้วมันก็บอกว่า จบกิจแล้ว สิ้นกิเลสแล้ว
นี้เป็นธรรมชาติของนักภาวนา จะติดกับดักตรงนี้

มันถึงต้องมีครูบาอาจารย์คอยแนะคอยเตือน
ไม่งั้นติดจนวันตาย

เรื่องจิตที่ผัวพันกับกิเลสที่ละเอียดยิ่งพิสดาร
จึงมีคำสอนที่ว่า พบจิตให้ทำลายจิต จึงจะถึงความบริสุทธ์

 

55555+
ไอ้ถ่อยเอ๊ย..... มรึงได้แค่นี้จริง มโนไม่ถึงไหน ใครหลุดพ้นว่ะ

เฮ้อ!!! คิดไปได้ไง โง่จริงๆจนดักดานไปแล้ว หรือว่ามีสมองอยู่แค่นี้

ที่เค้าเรียกว่า "มีหัวไว้แค่กั้นหู" เท่ๆเท่านั้น ไม่รู้จักที่ถูกที่ควรเลย

ถ้าหลุดพ้นได้แล้วจริงๆไม่เข้ามาเกลือกกลั้ว กับอาจมที่เหม็นคุ้งอยู่แบบนี้หรอก

กรูไปบี้บุพการีมรึงตรงไหนว่ะ มรึงนะหัวร้อนสมองบวมไปเอง

ยังจะไปเที่ยวโทษคนอื่นอีก ควายแท้ๆ ไม่มีวัวผสมเลยจริงๆ

มรึงลองกลับอ่านดูดีๆ มรึงกำลังอยู่ในอารมณ์หัวร้อนสมองบวมเอง

พอโดนเตือนนิดๆหน่อยๆเท่านั้นออกอาการเลย แถมยังกล่าวหาว่าร้ายไปนั่น

ว่ากรูไปข่มมรึง แล้วกรูไปข่มอะไรมรึง มรรคผลนิพพานก็ไม่ใช่

จำไว้นะ อย่างออกอาการมาก มรึงลงคคห.เยอะๆเห็นคคห.เยอะกรูก็ขี้เกียจตอบแล้ว

อย่าหัวร้อนสมองบวมไปเองสิ เล่นตอบซะรัวๆเอามันแบบนี้ อัดอั้นใจมากหรือไง

กลัวคนไม่รู้หรือว่าแสดงอาการโง่จนหาสาระไม่ได้ ใครก็มองออก

ขอเถอะ พวกหางเครื่องทั้งหลาย อย่าคิดเองเออเองไปเลย

ใครที่คิดว่าแค่เอาพระสูตรมาวาง แล้วยกตัวเองให้สูงได้(อริยตราตั้ง)

คนนั้นไม่โง่สุดๆ ก็หลงมัวเมาอยู่กับการปฏิบัติแบบ"ขี้ลอยน้ำ"(คำพูดยืมเค้ามา)5555

พระสูตรหรือพระพุทธพจน์นั้นตรงไปตรงมา ยืนอยู่บนหลักเหตุผลที่ตริตรองตามได้จริง

ใช่คือใช่ ไม่ใช่คือไม่ใช่ แค่เอามาโม้ๆแล้วบอกว่าตนเอง(มีตนอีกและ)ได้แล้ว

ใครที่เชื่อคนๆนั้นก็คงเข้าข่าย โง่เขลาเบาปัญญาแบบสุดๆที่เรียกว่าพวกสิ้นคิด

การปฏิบัติธรรมนั้น ใครจะมาอวยหรือยกให้ก็ไม่ได้ ใครจะแย่งชิงเอาไปก็ไม่ได้เช่นกัน

มีแต่พวกที่ชอบแอบอ้างหรือชอบตั้งตัวเป็นอาจารย์เท่านั้น ที่พอโดนกระทบนิดกระทบหน่อย

ออกอาการควายๆ เช่นมรึงมาบี้กรู มาข่มกรูทำไม แบบนี้เค้าเรียกว่า คิดเองเออเองไปคนเดียว

ชีวิตสั้นนัก ยังกร่างได้ขนาดนี้ กรูแหละงงจริงแบบต้นกระทู้เลย 555+ รักนะ อย่าทิ้งกัน

เพิ่งผ่าตา(ขี้เกียจอ่าน)ที่มรึงพูดว่ากรูเจอตอชิ้นใหญ่

มรึงฝันไปเองหรือพยายามปลอบใจตัวเองว่ะ

กรูขอเปลี่ยนหน่อยนะ กรูว่ากรูกลับไปเจอขี้กองใหญ่แถมโคตรเหม็นอีกต่างหาก

สู้ๆนะเอาใจช่วย ถ้าเองถอดใจเมื่อไหร่ กรูก็อดเอาพระสูตรดีๆมาวางแปะสิ

เจริญในธรรมทุกๆท่าน

 

สารธรรมวันละสูตร

มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์

ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เมื่อกามฉันท์มีอยู่ ณ ภายในจิต
ย่อมรู้ชัดว่า กามฉันท์มีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา
หรือเมื่อกามฉันท์ไม่มีอยู่ ณ ภายในจิต
ย่อมรู้ชัดว่า กามฉันท์ไม่มีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา(ตน)
อนึ่ง กามฉันท์ที่ยังไม่เกิดจะเกิดขึ้นด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย
กามฉันท์ที่เกิดขึ้นแล้วจะละเสียได้ด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย
กามฉันท์ที่ละได้แล้วจะไม่เกิดขึ้นต่อไปด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย

http://www.84000.org/tipitaka/pitak...41&items=1&preline=0&pagebreak=0&mode=bracket
**********************************************************
^
^
ชัดๆนะ ยังจะเถียงพระพุทธพจน์อีกหรือ
พระพุทธพจน์ชัดๆนะว่า เกิดขึ้นที่จิตก็รู้ชัด
ดับไปจากจิตก็รู้ชัดใช่มั้ย? ตื่นเสียทีเถอะ อย่าฝันกลางวันอยู่อีกเลย

อะไรของผู้ปฏิบัติที่รู้ชัด? ใช่จิตของตนรู้ชัดซึ่งอารมณ์ใช่หรือไม่?
จิตที่หวั่นไหว การหวั่นไหวใช่อาการของจิตหรือไม่? (พบจิตให้ทำลายอาการของจิต)
แล้วที่จิตหวั่นไหวไปเพราะอะไร ใช่เพราะอารมณ์ที่เข้ามาครอบงำหรือเจือติดจิตใช่หรือไม่?

เมื่ออารมณ์ที่เข้ามาครอบงำหรือเจือติดจิตนั้นเกิดขึ้นแล้วดับไป
ใช่จิตรู้ชัดว่าอะไรที่เกิดขึ้นดับไปใช่หรือไม่?
ตัณหาและอวิชชาตั้งอยู่ที่ไหน ถ้าไม่ใช่ตั้งที่จิต?

ที่จิตไม่หวั่นไหวไปกับอารมณ์ต่างๆเหล่านั้น เพราะอะไร
ใช่เพราะดับตัณหาและอวิชชาไปจากจิตของตนได้แล้วใช่หรือไม่?
ผู้ที่ไม่เคยปฏิบัติสมาธิกรรมฐานภาวนามาก่อน ย่อมไม่รู้ว่า
ขณะที่ปฏิบัติภาวนาอยู่นั้น จิตเห็นอารมณ์ที่เกิดขึ้นที่จิตและดับไปจากจิต

ส่วนพวกที่เชื่อแต่ตำราและความคิดที่ตกผลึกเท่านั้น
ที่พูดออกมาจากปากได้โดยไม่รู้จักละอายใจเลยว่าจิตเกิดดับ
ทั้งๆที่มีพระพุทธพจน์กล่าวไว้ชัดเจนว่า

เช่นกันเรื่อง "อนัตตา" ที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติขึ้นมานั้นเพื่ออะไร?
เพราะพราหมณ์ในยุดสมัยนั้น ยึดถือเอา "อาตมัน" เป็นตนเป็นที่พึ่งอันสูงสุด
เป็นที่พึ่งซึ่งเกิดขึ้นจากอารมณ์ฌานสมาบัติ ในรูปฌานและอรูปฌาน เป็นเพียง "สัญญาอารมณ์" เท่านั้น

เมื่อพระพุทธองค์ได้ทรงเข้าไปในสำนักของอาจารย์ทั้งสอง ซึ่งจัดว่ามีภูมิธรรมสุงสุดในสมัยนั้น
ทำให้รู้ความจริงว่าที่ทรงศึกษามานั้นยังไม่ใช่ตนที่เป็นที่พึ่งอันแท้จริง เป็นเพียงสัญญาอารมณ์หนึ่งในขันธ์๕
พระพุทธทรงชี้ชัดลงไปว่า นั่นไม่ใช่เรา ไม่เป็นเรา ไม่ใช่ตนของเรา
ในครั้งกะนั้นทำให้พระอาจารย์ปัญจวคีย์ทั้ง๕ ตาสว่าง รู้จักตนที่ใช่ ที่เป็นที่พึ่งที่อาศัย
ได้มีพระอรหันต์เกิดขึ้นในครั้งนั้น ๕ รูปรวมพระพุทธองค์เป็น ๖รูป

เจริญในธรรมทุกๆท่าน

เอามาแปะ กลัวจะไม่เห็น แล้วเอาไปคิดเองเออเอง

ใครที่คิดว่าแค่เอาพระสูตรมาวาง แล้วยกตัวเองให้สูงได้(อริยตราตั้ง)

คนนั้นไม่โง่สุดๆ ก็หลงมัวเมาอยู่กับการปฏิบัติแบบ"ขี้ลอยน้ำ"(คำพูดยืมเค้ามา)5555

พระสูตรหรือพระพุทธพจน์นั้นตรงไปตรงมา ยืนอยู่บนหลักเหตุผลที่ตริตรองตามได้จริง

ใช่คือใช่ ไม่ใช่คือไม่ใช่ แค่เอามาโม้ๆแล้วบอกว่าตนเอง(มีตนอีกและ)ได้แล้ว

ใครที่เชื่อคนๆนั้นก็คงเข้าข่าย โง่เขลาเบาปัญญาแบบสุดๆที่เรียกว่าพวกสิ้นคิด

การปฏิบัติธรรมนั้น ใครจะมาอวยหรือยกให้ก็ไม่ได้ ใครจะแย่งชิงเอาไปก็ไม่ได้เช่นกัน

 

55555+
ไอ้ถ่อยภูมิขยะเปียกเอ๊ย..... มึงไร้น้ำยาแค่นี้จริงๆ มโนไม่ถึงไหน
เฮ้อ!!! คิดไปได้ไง โง่จริงๆจนดักดานไปแล้ว หรือว่ามีสมองอยู่แค่นี้
ที่เค้าเรียกว่า "มีหัวไว้แค่กั้นหู" เท่ๆเท่านั้น ไม่รู้จักที่ถูกที่ควรเลยไอ้โง่ภูติ

กูไปเหยียบหัวบุพการีมึงตรงไหนว่ะ มึงนะหัวร้อนสมองบวมไปเอง
ยังจะไปเที่ยวโทษคนอื่นอีก ควายแท้ๆ ไม่มีวัวผสมเลยจริงๆ

จำไว้นะ อย่างออกอาการมาก กลัวคนไม่รู้หรือว่าแสดงอาการโง่จนหาสาระไม่ได้
ใครก็มองออก

ขอเถอะ พวกหางเครื่องทั้งหลาย อย่าคิดเองเออเองไปเลย
ใครที่คิดว่าแค่เอาพระสูตรมาวาง แล้วยกตัวเองให้สูงได้(อริยตราตั้ง)
คนนั้นไม่โง่สุดๆ(มึงไงไอ้เฒ่ากระจอกโครตโง่ที่สุด) ก็หลงมัวเมาอยู่กับการปฏิบัติแบบ
"ขี้ลอยน้ำ"(คำพูดยืมเค้ามา)5555

มึงคือพวกที่ชอบแอบอ้างหรือชอบตั้งตัวเป็นอาจารย์ควายๆ ที่พอโดนกระทบนิดกระทบหน่อย
ออกอาการควายๆ เช่นมึงไงไอ้เฒ่าระยำ ระยำทั้งโครตเลยมึงน่ะ

มึงฝันไปเองหรือพยายามปลอบใจตัวเองว่ะไอ้โง่ภูติ
กูขอเปลี่ยนหน่อยนะ มึงคือขี้กองใหญ่แถมโคตรเหม็นอีกต่างหาก

สู้ๆนะเอาใจช่วย กูอาสาคนทั้งเว็บจัดการกับมึงเอง กูรอด่ามึงทุกวันไอ้หน้าส้นตีน ไอ้เฒ่ากระจอก ตราควายแท้บ่มในกะลา กร๊าาาากกกกกๆๆๆๆ

 

ประเทศที่ 1
หากมีประเทศหนึ่งมีวัดอยู่ในเมือง มีทหารอยู่รอบนอก เมื่อเกิดสึกทหารย่อมออกไปรับหน้า
ส่วนวัดก็ยังคงสงบร่มเย็นอยู่ภายในเมือง หากทหารจะบอบช้ำแต่ก็ยังรักษาวัดเอาไว้ได้

ประเทศที่ 2
หากมีประเทศหนึ่งให้วัดอยู่รอบนอก ส่วนทหารให้ไปรวมกันไว้ที่ภายในเมือง
ก็เป็นไปได้ว่า ข้าสึกและศัตรูจากภายในเมืองนั้นคงจะเยอะ เลยต้องไปรวมกันที่แห่งนั้น
หากมีสึกอะไรๆ ก็ให้ผ่านวัดก่อนถึงจะเข้ามาพบทหารได้ ให้วัดออกไปรับหน้า

ในบัว 4 เหล่าที่อาการหนักสุดคือคนที่ไม่มีศาสนาอะไรๆเลย ไม่เชื่อกฏแห่งกรรม

เคยฟังความคิดเห็นคนไม่มีศาสนาว่าทำไมถึงไม่นับถือ
เขาว่าเพราะศาสนาเป็นเหตุให้เกิดการรบกัน
ฟังๆดูแล้วมันก็ไม่น่านำมาผสมกันได้ น่าจะเป็นส่วนๆไป

ก็จะพอสังเกตได้ว่า โง่บรมแบบต่ำตม นี้จะมองศาสนากับการรบว่าเป็นอันเดียวกัน
ส่วนโง่แบบต่ำตมแต่ยังไม่ถึงขั้นบรม นี้ก็จะอยู่ประมาณ
ประเทศที่ 2 คือการใช้วัด ใช้ธรรมของผู้อื่น นี้หละเป็นข้อบังหน้า
หากเมืองแบบนี้จะแตก ก็แตกจากภายใจนั้นหละ เพราะข้าศึกมันเยอะไง
ภายในนั้นไม่มีวัด มีธรรมรักษา คนภายในเมืองพอมองถึงศาสนาก็จะมองไปที่รอบนอก
หรือในส่วนเปลือกของเมืองนั้นหละ

 

สำหรับฆราวาสแล้ว
มันก็มีหลุดกันบ้างมากบ้างน้อย
หรือถึงขั้น
หลุดแล้วหลุดอีกถี่ยิบ เพราะจิตไม่ได้ทรงฌานและความเข้าใจก็ยังไม่เพียงพอ
ที่จะให้ระงับยับยั้งความเป็นตัวตน
ที่ถอดถอนยังไม่ได้
ก็คงต้องฟังธรรมซ้ำๆ และไตร่ตรองกัน
ซ้ำๆ กันไปอีกยาวนาน จนกว่าจะเข้าใจ
ชัดเจนและถอดถอนตัวตนได้
เพราะเข้าใจและเห็นความจริง
(จะด้วยญานหรือปัญญาก็ตาม)
ตามพระธรรมคำสอน
ถึงขั้นแจ้งในธรรมฮับ

 

เพราะเหตุว่าอนัตตลักษณะเป็นสิ่งไม่สามารถยกมาวางให้เห็นต่อหน้า
ได้ จึงอยากต่อการเข้าใจ ต้องอาศัยการสดับจากพระพุทธพจน์และไตร่ตรอง
ตามซ้ำแล้วซ้ำอีกจึงจะพอค่อยๆ
เข้าใจฮับ

 

เป็นธรรมชาติของนักภาวนา
เมื่อตีวงแคบเข้าหาจิตเจ้าของได้แล้ว
มันจะไม่แสดงอาการอะไรออกมา

มีแต่ความเด่นดวงของจิต
ที่เรียกว่าจิตผ่องใส
อาการต่างๆไม่ปรากฏเป็นจิตผ่องแผ้ว

ถ้าไม่มีใครบอก
เราจะพอใจกับสภาวะแบบนี้อย่างมาก
ทั้งพอใจทั้งภูมใจ

แต่ถ้าผู้มีปัญญาก็ต้องพิจารณาว่ามันคืออะไร?

มันเป็นตัวมหาภัย จะรักษามันไว้ทำไม?
เป็นตัวก่อภพก่อชาติ จะสงวนรักษาไว้ทำไม?

 

กล่าวเตือนได้ฮับ แต่มันจะสอดคล้อง
กับสภาวะธรรมช่วงใด หรือไม่
หรือของใครแค่ไหน
แล้วแต่เหตุปัจจัยในขณะนั้นๆ ฮับ

 

ลุงแมว ตอนเย็นๆเวลาทุ่มเศษๆช่วยตืบไอ้เฒ่าซักดอก2ดอกก็ได้นะฮับ เห็นแวะเข้ามาเชียร์บ่อย คริๆ

 

จิตเห็นจิต ธรรมเห็นธรรม แต่ ณ เวลา ทุ่มเศษๆ รายการกิเลสเห็นกิเลสครับ จัดจนกว่ารายการจะโดนแบนหรือยุบสถานีโน่นแหละ วิธีสู้มีเยอะ555

 

แล้วแต่เหตุปัจจัย
อะไรจะเกิดไม่เกิด ไม่มีใครจะรู้ได้
ในช่วงเวลาขณะนั้น
แม้ขณะปัจจุบันก็ยัง
ไม่ค่อยรู้ไม่ค่อยเห็นกันเล้ยฮับ

 

คนเข้ามาตอบกระทู้นี้ก็เยอะ แต่คู่กรณีชอบแบบสอนกันด้วยกิเลสๆอย่างผมฮับ ในเมื่อเขาไม่จบก็เลยต้องช่วยสั่งสอนให้ทุกๆวันจนกว่ามันหูตาสว่างโน่นแหละฮับ ถือว่าโปรดคนแก่ไร้น้ำยาคนหนึ่ง ตาสว่างได้ตอนแก่ก็ยังดีกว่าดำดินไปยันชาติหน้า ส่วนผมไม่ต้องห่วงเต็มใจเกิดอีกนาน ในเมื่อเป็นผู้ถูกเลือกแล้วก็เต็มใจอาสาตืบให้ฟรีๆเหมือนกัน ฮิฮิ

 

ถ้าเขาสนใจมุ่งมั่นในการปฏิบัติในการลดละกิเลสจริงๆเขาจะมาสนใจตอแยกับคนอย่างผมไปเพื่ออะไรฮับ แต่นี่เพราะเขาโง่แล้วอวดว่าตนฉลาดไง เขาถึงต้องมาติดกับดักตอแยกับผมไปเรื่อยๆ ทั้งๆที่ก็รู้ว่าไม่ได้มีอะไรดีขึ้นมา แต่ก็อย่างว่าในใจมันก็อาจชอบแบบนั้นเป็นทุนเดิมอยู่แล้วฮับ มันถึงตามบี้ผมได้ทุกวัน แบบนี้ก็เข้าทางผมเลยจิฮับ จัดหนักๆ ไม่ยอมตาสว่างก็เอาให้ตาลุกเป็นไฟนั่นแหละ คริๆ

 

จี จี มาจะกล่าวบทไปถึง "เท่า!ทำมาปูด"
ผู้ที่ถือกลุ่ม ดูจิตอุบาสกนิรนาม เป็นเป้าหมาย
หากจะนับไปเว็บทั้งหลาย ไม่เหลือคลาย
มีแต่เกล้ากระผมโนเนเดียวดาย ทำวาที

ทำมาปูดนั้นสุดแปลกเหลือหลาย
เวลาจะย่ำกลายไม่สนใจใครจรรวจี
อาศัยเหมือนใครโต้ก็ยืมตะมูกโพสทันที
พูดกึ่งเถียงนี่แต่ที่จริงเน้นสึกพระกลุ่มจิตดู

แปลความว่า ธีรชน คนฉลาด
ย่อมสามารถให้เจริญ ดำเนินอยู่
ให้ฟุ้งเฟื่อง เรื่องวิชา น่าเชิดชู
การกีฬา ก็ดำรู สถาพร

ฉะนั้นเรา ทั่วหน้า ควรปราโมทย์
เพื่อประโยชน์ ภิญโญ สโมสร
จงพร้อมพร้อง พจนารถ ประสาทพร
สวนสันติ สถาวร ชโย เอย


ปล.เป้าหมาย ทำมาปูด จี จี ในนี้ มีแต่ KU-Band
ดังนั้น ......... <--- Click

 

คนมาคุยก็สนทนากันตามตำราบ้าง ตามครูบาอาจารย์บ้าง ทั้งหมดก็ยังเป็นเรื่องเล่าจากสิ่งที่พิสูจน์มาแล้วบ้าง หรือจากพระคัมภีร์บ้าง รวมๆ แล้วก็เป็นปริยัติ
ทั้งหมดฮับ
เพราะเหตุว่าธรรมะจะต้องเป็นเรื่อง
ที่ปรากฎซึ่งหน้าเห็นซึ่งหน้า รู้ซึ่งหน้า
เข้าใจซึ่งหน้าและปล่อยวางซึ่งหน้าฮับ

 

ความหมายที่อดีตลุงแมวจะสื่อสารผมก็ไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไรนะฮับ ผมไม่ใช่สายปล่อยวางละเลิกกิเลส ณ เพลานี้ เอางี้จิฮับ ตอนเย็นๆทุ่มเศษๆเฒ่าหลงตัวเองคู่กรณีผมก็จะเสด็จมาขากถุยแล้ว อดีตลุงแมวก็อย่าลืมมาแค๊ปคำพูดของเฒ่าลืมตน สอนมันมั่งนะฮับ มันจะได้เห็นธรรมอะไรดีๆมั่ง ไม่ใช่แก่แล้วแก่เลยตามเลย อย่าลืมนะฮับอดีตลูงแมว ทุ่มเศษผมจะมารอดู ถ้าลุงไม่จัดผมก็จัดเองฮับ อิอิ

 

ปล. นิสัยผมก็ใช่จะพูดไม่รู้เรื่องกับคนทุกคนนะฮับ คนไหนคุยกันดีๆมีธรรมประจำใจผมก็มีวิจารณะญาณในการพิจารณาเหมือนกัน ผมพูดไม่รู้เรื่องกับคนที่มันคุยภาษาคนไม่รู้เรื่องเท่านั้นฮับ ซัดนัวเนีย ถ้าย้อนไปดูหน้าแรกจะเห็นว่าผมพูดดีๆกับเขาแล้วเรื่องที่เขากล่าวหาว่าผมแอบอ้างครูบาอาจารย์อะไรนั่น ซึ่งมันควรจะจบแต่ตรงนั้นแล้ว และต่อๆมามันก็เขียนยอมรับเองว่ามันอยากเสือกมายุ่งกับผม เฒ่าแล้วไม่เจียมกะลาหัว ชอบอยู่ไม่เป็นสุข อันนี้ก็ต้องยอมรับกันไป จัดให้ อิอิอีกรอบ