อิสลามบิดเบือนเรื่องเวียนว่ายตายเกิดในศาสนาพุทธ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย กล่องไม้ขีดไฟ, 14 กันยายน 2018.

  1. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    ตอนแรกผมก็สงสัย
    ทำไม? ศาสนาของพระศาสดา
    มาอุบัติเอาช่วงคนอายุเฉลี่ย100ปี
    แล้วทิ้งอายุศาสนาไว้5000ปี
    ก็รู้กันโดยทั่วไป คนมักผิดศีลเป็นเรื่องปกติ


    สมัยที่ท่านเป็นโพธิสัตว์ท่านเลือกเอายุคแบบนี้
    (ดูได้จากชาติที่ท่านอธิฐานดอกบัวกับโพธิสัตว์เมตไตร )

    ทำให้เข้าใจ ท่านกำหนดไว้แล้ว ว่าศาสนาท่าน
    จะมีลักษณะเช่นใด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2018
  2. Sataniel

    Sataniel "วิชชาและวิมุติ"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    1,490
    ค่าพลัง:
    +2,364
    สัมปยุทธตาธัมมา(สภาวะที่เข้ากันได้) เมื่อโลกเข้าใกล้หลุมดำ เรื่อยๆ แรงกดดันจึงสูง เมื่อแรงกดดันสูงร่างกายจึงเตี้ย อายุเฉลี่ยน้อยลง และก็วนไปเรื่อยๆจนอายุเฉลี่ยเป็น 1000 เป็นหมื่นก็ว่ากันไป ตามนั้นเลยครับ ถ้ามันหมุนวนครบรอบ = 1 อายุกัป ดังนั้นนี่แหละคือวัฏฏะสงสาร = หมุนวนดั่งเกลียวน้ำวน นะครับ
     
  3. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,426
    ค่าพลัง:
    +3,207
    ที่จริงแล้วว่าจะหยุดลงแล้วนะ แต่พอมาเห็นโพสนี้ และเรื่องราวที่ท่านกล่าวเรื่องดอกบัว และเราเคยสนทนาในกระทู้ของท่านที่พอจะยกมาอ้างถึง....

    https://palungjit.org/threads/การทำงานของกิเลส-อุปกิเลส-อาสวะกิเลส.648242/

    ปรกอปกับ เรื่องนี้อาจมีดอกบัวบางเหล่าที่ได้เข้ามาอ่านแล้วทำให้ได้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ สิ่งที่เขาเหล่านั้นได้ไม่ต้องถามใครเลยค่ะ ให้ลองสอบถามจิตวิญญาณภายในตนเอง หากท่านทั้งหลายนั้นได้พบแสงสว่างมาบ้างแล้ว (อันหมายถึงโลกุตระธรรม) หรือแม้กระทั่งไม่เคยประสบพบมาหากนำมาด้วยการพิจาณาด้วยจิตอันเปิดแล้ว และจิตนิ่ง ๆใสใส ปราศจากอคติและข้องกังขาใด ๆน้อมพิจารณาเข้าไปถึงหัวจิตและหัวใจ ผู้ที่รู้สิ่งทั้งปวงถึงความเป็นจริงในสัจจะความจริงของเรานั้น ผู้ที่จะบอกเราได้ดีที่สุด สิ่งนั้นก็คือ... สิ่งที่อยู่ภายในตัวเราเองค่ะ เพราะความรู้ในสัจจะธรรมความเป็นจริงทั้งหลายนี้ไม่ได้หายไปจากตัวเราเลยเรามีกันทุกคน เพียงแต่ว่าเรายังเปิดเข้าไปไม่ถึงแค่นั้นเองค่ะ

    คำว่านิพพาน เราลองถามใจตนเองด้วยความบริสุทธิ์แห่งหัวใจกันจริง ๆ สักครั้งไหมค่ะ ที่เราปราถนานิพพาน อันเป็นบรมสุขอย่างยิ่งนั้น จริง ๆ แล้วมีใครสักกี่คนที่รู้ซึ้งและอยากจะไปกันจริง ๆ ถ้าบุคคลใดที่รู้ซึ่งเรื่องนิพพานจริง ๆ ที่มีความละเอียดอ่อนสุขุมคัมภีรภาพ เมื่อเปรียบเทียบกับอัตตาจิตที่เปรียบดั่งน้ำกรดแช่เย็น คงไม่มีใครอยากอยู่กับโลกที่เปรียบดั่งไฟที่แผดเผาช๊อตทุกอณูทุกขุมขุมขนในขณะเกิดทุกข์อย่างแน่นอนค่ะ ถึงแม้จะมีสุขบ้างหากสุขเพราะมีเหยื่อล่อก็จะพอช่วยบรรเทาได้บ้าง แต่ก็ไม่เที่ยง... แม้จะรับรู้ติดรสในสุขของแก่นแท้ แต่สุขที่แท้จริงเพียงแค่บางครั้งบางคราวนั้น ที่เป็นสุขจากคุณสมบัติเดิมแท้จริงอันเป็นคุณสมบัติจิตวิญญาณ คือ พรหมวิหารสี่ และความสุขสงบที่บางคนเข้าถึงได้ แต่สิ่งนี้ก็ไม่เที่ยงอีก เดี๋ยวสุขและเปลี่ยนแปรมาทุกข์อีกสลับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป

    ชาวพุทธส่วนใหญ่เรายังไม่เข้าใจนิพพาน นิพพานเป็นลักษณะแบบไหน ? ผู้ที่นับถือในศาสนาพุทธร้อยละ 90 ได้หรือเปล่าค่ะที่เข้าใจสภาวะนิพพานกันจริง ๆ ส่วนใหญ่แล้วแม้โลกจะสุขทุกข์อย่างไร? ก็ยังอยากจะอยู่กับโลกแม้เพียงจะมีความสุขเพียงน้อยนิดคอยหล่อเลี้ยงจิตใจให้ชุ่มฉ่ำได้บ้างเพียงชั่วขณะ เมื่อเปรียบเทียบกับความทุกข์ที่ได้รับ

    ในบทคิริมานันทสูตร ก็ยังทรงตรัสว่า พระนิพพานละเอียดสุขุมมาก คนไม่รู้ไม่เห็นนิพพานอยู่ที่ไหนอย่างไร? ทางที่จะไปก็ไม่เข้าใจ เมื่อเป็นเช่นนี้การได้การถึงของผู้นั้นก็ต้องลำบากเป็นของยากแค้นอยู่เป็นธรรมดา เหมือนคนตาดีและตาบอด เมื่อรู้แล้วอย่างนั้นก็ต้องพากเพียรพยายามอย่างเต็มที่ เหมือนคนตาดีว่ายน้ำก็ต้องพยายามอย่างสุดกำลังจึงจะข้ามพ้นได้....

    ดังนั้นแล้ว ความรู้ใหม่ของสัจธรรมที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้กล่าวเกี่ยวกับ สภาวะนิพพานที่เป็นรูปธรรมพลังงานที่เป็นแก่นแท้อนัตตา ดำรงอยู่ในสนามพลังงานอันละเอียดอ่อน...

    หากจะให้อธิบายความหมายอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว อาจกล่าวได้ว่า จิตวิญญาณซึ่งเป็นตัวตนแก่นแท้ในมนุษย์แต่ละคนนั้นเป็นรูปธรรมทางพลังที่มีความสมดุลอยู่ภายในตนเอง โดยจะมีการสั่นสะเทือนเป็นคลื่นความถี่ด้านบวกสูงสุดอยู่ภายในรูปธรรมของตนอย่างต่อเนื่องและมั่นคงอยู่เพียงมิติเดียว จะแปลความหมายของคลื่นความถี่ด้านบวกสูงสุดนี้ว่า "ความสุขสงบ" อันละเอียดประณีตที่เป็นบรมสุขอย่างยิ่ง

    ก็คือ กล่าวโดยสรุป คุณสมบัติเดิมแท้ของจิตวิญญาณทุกรูปธรรมก็คือ "ความสุขสงบ" ซึ่งหมายถึง "จิตที่อิ่มเอิบอยู่กับความว่าง"

    จิตที่อิ่มเอิบอยู่กับความว่าง หมายถึง จิตที่เปี่ยมล้นไปด้วยความสุขและความสงบอยู่ในตนเอง โดยไม่มี สิ่งใด เรื่องใด เป็นสิ่งเร้าได้เลย

    นอกจากนั้นยังหมายถึง....

    จิตที่มีแต่ความสุขสงบหรือจิตที่มีความอิ่มเอิบแต่เพียงอย่างเดียว โดยจะว่างไปจากอารมณ์รู้สึกนึกคิดอื่น ๆ หรือว่างไปจากการสั่นสะเทือนเป็นคลื่นความถี่ทางอารมณ์รู้สึกนึกคิดในมิติอื่น ๆ ซึ่งเป็นคลื่นความถี่ที่ต่ำกว่านี้อย่างสิ้นเชิง

    จากระทู้ที่เราเคยสนทนากันด้านบน....และ

    พระสูตร อัคคิวัจฉโคตตสูตร พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสไว้อย่างนี้ว่า......


    ดูก่อนวัจฉะ! ข้อนี้ก็เหมือนกันผู้ที่พูดถึงตถาคตจะพึงพูดโดยอาศัยรูปใดเป็นที่บัญญัติ รูปนั้นตถาคตละเสียแล้วตัดรากเหง้าขาดแล้วกระทำให้เป็นเหมือนตาลยอดด้วน ถึงซึ่งความไม่มี มีอันไม่เกิดอีกต่อไปเป็นธรรมดา

    ดูก่อนวัจฉะ! ตถาคตหลุดพ้นแล้วจากสิ่งที่นับว่าเป็นรูป ตถาคตเป็นสภาพลึกซึ้งประมาณมิได้หยั่งถึงได้ยาก..เปรียบเหมือนมหาสมุทรที่พูดไม่ได้ว่ากำลังเกิดขึ้นหรือยังไม่เกิด เกิดขึ้นแล้วและไม่เกิดขึ้น ด้วยจะว่าเกิดขึ้นก็ไม่ใช่ไม่เกิดขึ้นก็ไม่ใช่

    พระพุทธองค์ทรงกล่าวไว้ว่า พระพุทธองค์ทรงละเรื่องรูปบัญญัตินั้นแล้ว รูปใดที่เป็นบัญญัติพระพุทธองค์ทรงตรัสขาดนั้นแล้ว เห็นไหมค่ะ!! ทรงตรัสไว้ว่าละขาดรูปบัญญัติ และตถาคตเป็นสภาพลึกซึ้งประมาณมิได้หยั่งถึงได้ยาก

    ก็แสดงว่าพระพุทธองค์มิได้ทรงดับสูญ แต่ยังคงมีอยู่เป็นสภาพที่ละเอียดลึกซึ้งอันประมาณมิได้ และสภาพนั้นเป็นเช่นไร!!! จึงเป็นบรมสุขอย่างยิ่ง ที่ตัดขาดแล้วจากรูปบัญญัติ ลองพิจารณาดูนะคะ

    ส่วนกรณีที่เคยกล่าวเอาไว้.. สนามพลังงานอันละเอียดอ่อน มีสิ่งใดที่สามารถจะเข้าไปอยู่ในสภาวะนั้นได้ และสิ่งที่อยู่ได้ต้องเป็นสภาวะเดียวกันหรือไม่คะ!!!

    ถ้าใครเคยอ่านโพสของจิตยิ้ม จะเคยทราบว่าเคยกล่าวไว้เคยพบกับสภาวะความว่างที่ซ่อนอยู่ในธรรมชาติ ธรรมชาติที่เรามองเห็นอยู่นี้ไม่ใช่ตัวตนไร้แก่นสาร เป็นสภาวะที่ยึดถืออะไรไม่ได้เลย

    และที่เคยนำคำของสิ่งศักดิ์กล่าวไว้ว่า สังขตะธรรมอันหมายถึงโลกของเรานี้ เป็นสนามพลังงานที่ทับซ้อนอยู่บนสนามพลังงานอันละเอียดอ่อน หรือเป็นสนามพลังงานแห่งความว่างที่เป็นฉากเบื้องหลัง ซึ่งตรงกับที่ได้พบมาที่มีความว่างซ่อนอยู่ในธรรมชาติที่เราเห็นกันอยู่นั้น ยืนยันค่ะว่ามีอยู่จริง และพระพุทธองค์ก็ยังทรงได้ตรัสไว้ในพระไตรปิฎก...

    จิตเป็นเหมือนกับความว่างซึ่งภายในนั้นย่อมไม่มีความสับสน และความไม่ดีต่างๆ ดังจะเห็นได้ในเมื่อดวงอาทิตย์ผ่านไปในที่ว่างนั้น ย่อมส่องแสงไปได้ทั้งสี่มุมโลก เพราะว่าเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นย่อมให้ความสว่างทั่วพื้นโลก ความว่างที่แท้จริงนั้น มันก็ไม่ได้สว่างขึ้น และเมื่อดวงอาทิตย์ตกความว่างก็ไม่ได้มืดลง ปรากฏการณ์ของความสว่าง และความมืดย่อมสับเปลี่ยนซึ่งกันและกันแต่ธรรมชาติของความว่างนั้นยังคงไม่เปลี่ยนแปลงอยู่นั่นเอง จิตของพุทธะและของสัตว์โลกทั้งหลายก็เป็นเช่นนั้น

    จากคำกล่าวที่ทรงตรัสไว้
    จะมีธรรมชาติหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลง เป็นธรรมชาติของความว่าง ซึ่งเปรียบกับโลกของเราเมื่อพระอาทิตย์ส่องย่อมมีความสว่างและความมืดสับเปลี่ยนกันไป แต่ความว่างที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงนั้นก็ไม่ได้มืดลงหรือสว่างไปตามแสงแห่งอาทิตย์ ยังคงเป็นธรรมชาติแห่งความว่างที่ไม่เปลี่ยนแปลงอยู่นั่นเอง

    ทำไมจิตยิ้มไม่ลอกคำกล่าวในพระไตรปิฎกมาทั้งดุ้นเพื่อมากกล่าวกัน ก็เพราะสัจธรรมเป็นของสากล หรืออาจเรียกว่า กฎเกณฑ์สากลจักรวาลที่ทุกชนชาติทุกศาสนาใคร ๆ ก็สามารถเข้าถึงได้ไงคะ ตามกระทู้ที่ท่านตั้งมานะค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2018
  4. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    ท่านจิตยิ้มท่านก็โพสสภาวะนิพพานมา
    ผมเคยอ่าน เป็นคำหลวงปู่ดุลย์นี้ครับ

    อีกอย่างท่านจิตยิ้มมีอุบายอย่างไรในการทำลาย
    อาสวะกิเลส

    ไม่เคยเห็นคุณเขียนถึงมันเลยครับ
     
  5. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,426
    ค่าพลัง:
    +3,207
    เรื่องอุบายในการทำลายอาสวะกิเลสหรือค่ะ หากจะลงลึกรายละเอียดตรงนี้ได้ ฐานสติต้องปักหลักมั่นคงและแข็งแกร่งจริง ๆ ที่ถึงพร้อมด้วยอุเบกขา คุณสมบัติตรงนี้ยังไม่ได้ยังไม่ถึง สัมผัสกับสภาวะมาชั่วครั้งคราวค่ะ

    แต่ขณะนี้เฝ้าติดตามอารมณ์กรรมและตัวความคิดเห็น ก็คือตัวทิฐิที่เป็นความเห็นตัวหัวเรือใหญ่ที่ทำให้เราทำกรรมอยู่ค่ะ เรียนรู้ในสิ่งนี้อยู่

    ส่วนเรื่องที่ลงนี้ คงมีอะไรบางอย่างที่ต้องทำมั้งค่ะ แต่ไม่ใช่จะทำมาโดยลอย ๆ หรือ ไร้เหตุผล หรือ โดยที่ไม่รู้อะไรเลย อย่างนั้นก็ไม่ใช่ค่ะ
     
  6. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    จิตพุทธะจะเปิดเผยตัวมันออกมาได้
    ต้องทำลายจิตอวิชชา

    จิตอวิชชามันเหมือนเปลือกไข่
    ที่ห่อหุ้มจิตพุทธะ(จิตบริสุทธิ์)ไว้มิดชิด

    จึงไม่มีทางหลอกที่ว่าได้สัมผัสจิตพุทธะ
    โดยไม่ทำลายจิตอวิชชาให้แตกกระจาย

    เหมือนลูกไก่ที่ทำลายเปลือกไข่ออกมา

    อีกอย่างความว่างที่จิตอวิชชาไว้ปิดบังตัวมันเอง
    ต้องระวัง การภาวนาแล้วเจอความว่างไม่มีประมาณ
    นี้เป็นกับดักอย่างหนึ่ง
     
  7. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,426
    ค่าพลัง:
    +3,207
    ค่ะ เชื่อว่าถ้าในยุคกึ่งพุทธกาลนี้ ผู้ที่พบสภาวะนี้มิได้มีเพียงแค่คนเดียวแน่นอนค่ะ
     
  8. Sataniel

    Sataniel "วิชชาและวิมุติ"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    1,490
    ค่าพลัง:
    +2,364
    ความจริงวิธีทำต่างๆมันอยู่ในบทสวดอยู่แล้วนะครับถ้าแปลบาลีเป็นจริงๆไม่ได้แปลเป็นศัพท์สลวยๆเป็นบทสวดน่ะครับ

    สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม
    = ธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว
    สันทิฏฐิโก = ตั้งทิษฐิให้ตรง(เล็งจุดที่เพ่งให้ดี)
    อะกาลิโก = ทำได้ไม่จำกัดกาล
    เอหิปัสสิโก = น้อมไปดูที่ๆตั้งมั่น/เพ่งไปที่จุดที่ตั้งทิษฐิมั่น
    โอปะนะยิโก = น้อมตนเข้าไป
    ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูฮีติ = ผู้ทำย่อมรู้ได้ด้วยตนเอง(สภาวะธรรมที่น้อมตนเข้าไป)

    สุปะฏิปันโน = ผู้ปฏิบัติดีแล้ว
    อุชุปะฏิปันโน = ปฏิบัติตรงแล้ว
    ญายะปฏิปัณโณ = ผู้ปฏิบัติเพื่อบรรลุญายะ(ญาน)[สภาวะรู้]ธรรม


    ญาณไม่มีเครื่องกั้น และ พระพุทธองค์ส่องญาณไปทั่วสารทิศ


    ดังนั้นแล้วพระอรหันต์คือสภาวะใดคงจะแจ้งกันแล้วนะครับ


    ปล.ใช้คำว่าว่างไม่ได้ อรูปฌานก็ว่างเหมือนกันแต่มันมีตนนะครับ ตนคือว่างอยู่ แต่รู้ไม่มีตน ถึงแม้จะทำสิ่งใดจะเพ่งจะทำอะไร รู้ก็ยังอยู่ในทุกๆสภาวะแต่มันโดนปิดบังโดนสภาวะดู/เพ่ง ทั้งหมด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2018
  9. you da one

    you da one Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +72
    พระเจ้าผู้สร้างสัตว์ให้มีชาติที่แรกมีจริง แต่ไม่ใช่พระเจ้าของอิสลาม นั่นมันซาตาน ซาตานชอบอวดอ้างว่าตัวเองเป็นพระเจ้า และก็หลอกคนอื่นให้คิดอย่างนั้น
     
  10. ศิริมันตรา

    ศิริมันตรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2018
    โพสต์:
    162
    ค่าพลัง:
    +602
    ซาตาน

    งานของเขา คือเหมือนจะใช่ แต่ไม่ใช่
    ขี้อิจฉาเป็นที่สุด สังเกตดู จะทนไม่ได้ถ้าจะมีใครได้ดีกว่า เพราะรากของซาตาน คือ “ต้องดีต้องเด่นต้องอีโก้” อวดได้อวด พองได้พอง ไม่มีอะไรจะอวดจะอวด
    และ...ชอบเด่นดังกะละมังแตกเจ้าค่ะ :

    ชอบทำตัวเลียนแบบเป็นที่สุด แต่มักเสียท่า พุทธะ
    ....
    เป็นเอกในกามกิเลสทั้งปวง ... และชอบป่วนคนที่รู้แจ้งเห็นจริง หลอกเก่ง กล่อมเก่ง และเยาะเย้ยซ้ำเติมก็เก่ง

    เน้นปริมาณมากกว่าคุณภาพ นั้นเอง .......
     
  11. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    ทึ่คุณเขียนมาพอเข้าใจอยู่
    เรื่องจิตมันชับซ้อนอยู่มากนะ
    มันจึงต้องมีครูอาจารย์ที่รู้จริง คอยแนะนำ

    ผมค่อนข้างโชคดีอยู่มาก ได้เจอครูอาจารย์ที่ดี
    ได้เจอหลวงปู่สุวัจน์ วัดป่าเขาน้อยบุรีรัมย์
    ได้เจอหลวงตามหาบัววัดป่าบ้านตาด

    การเจอครูบาอาจารย์ ตัวเป็นๆ
    กับการอ่านหนังสือ ต่างกันมากทีเดียว
    เพราะเราชอบตีความเข้าข้างตัวเอง
    แล้วมันบอกว่าเข้าใจแล้ว

    เรื่องสภาวะต่างๆที่เกิดขึ้นมาตอนภาวนา
    ถ้ามีคนคอยบอกคอยเตือนจะดีมาก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2018
  12. Sataniel

    Sataniel "วิชชาและวิมุติ"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    1,490
    ค่าพลัง:
    +2,364
    พิสูจน์เช่นไรครับ ว่าพระเจ้าจริงๆ นั้นมีอยู่จริง? ใช้การถอดจิตไป? หรือยังไงครับ?
     
  13. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    เมื่อก่อนผมสงสัย
    ในสมัยพุทธกาลมีพระพุทธเจ้าอยู่

    ทำไม? ไม่ไปสอนเจ้าลัทธิหรือศาสนาอื่น
    ที่มีอยูในช่วงนั้น ให้เขาเข้าใจหลักคำสอน
    ที่ท่านตรัสรู้มา
     
  14. MonYP

    MonYP เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    32
    ค่าพลัง:
    +756
    เป็นคำถามที่ให้เชื่อในพระเจ้าผู้สร้าง ซึ่งเขารู้จุดดีจุดด้อยของชาวพุทธดีว่าไม่ค่อยรู้ซึ้งเรื่องศาสนาของตนเองเท่าไร ซึ่งเป็นจุดดีที่เราไม่ได้บังคับให้เรียนแต่ศาสนา แต่จะเป็นจุดด้อยเมื่อเขาถามในเรื่องที่ลึกซึ้งมาก ๆ แต่เชื่อไหมชาวพุทธที่ถูกถามแบบนี้กลับหันมาสนใจในศาสนาของตัวเองมากขึ้น เช่น ดร.อาจอง ดร.วรภัทร์ เป็นต้น
     
  15. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,087
    ค่าพลัง:
    +3,394
    สรุปซาตานหนีจากพระเจ้ากลายร่างเป็นพระอัลเลาะห์ทำตัวเป็นพระเจ้าแทน ระวังการล่อลวงมาหลายรูปแบบมาก พลาดทีก็เดี้ยงเลย เด็ดขาดคนละแนวกับพระเยซูนะครับ ผมศึกษามาเยอะแล้ว วิชาเขาแรงมาก ปั้มลูกก็เก่ง ผมตอนนี้เป็นจูนิเบียวหนีไปมาแหละ
     
  16. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,087
    ค่าพลัง:
    +3,394
    นั่งสมาธิเป็นก็รู้เอง พระเจ้าซาตานเล็งแต่คอ แต่ท่านหวังดีต้องการรวมโลกให้เป็นหนึ่ง จึงต้องเด็ดขาดแหละ มาเข้าฝันผมแล้วพาไปหาเมียอะ แต่ตื่นก่อน
     
  17. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,087
    ค่าพลัง:
    +3,394
    อัลลอ = ซาตานรับบทพระเจ้า เผลอสร้างอีบริลเป็นตัวล่อลวงและคอยสาปแช่งมนุส แถมเลี้ยงยินไว้ใช้งาน โลกหลังความตายนี่สิมีนรกรออยู่เป็นทางผ่านขึ้นสู่สวรรค์ จบ
    จะมีผู้กล้ามั้ยไปทดสอบกับอัลลอ มีบททดสอบเรื่อยๆ แหละ เมื่อถึงเวลา ท่านสร้างเกือบทุกอย่าง มีตาเป็นสัปปะรด รู้หมดทุกอย่าง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กันยายน 2018
  18. Sataniel

    Sataniel "วิชชาและวิมุติ"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    1,490
    ค่าพลัง:
    +2,364
    นั่งสมาธิเป็นมีใครเจอพระเจ้าบ้าง ? ผู้นั่งแล้วเจอ = นิมิต ซึ่งนิมิตมีทั้งนิมิตจริงและนิมิตมโน(คิดเอาเองชอบแบบไหนภาพก็เล่นให้ดู) แล้วจะรู้ได้ยังไงถ้าถอดจิตไม่ได้ ? และผู้ที่ฝึกสติมาย่อมไม่พบกับนิมิตแต่อย่างใด เพราะสติมีพอจะประคองไม่ให้ สมาธิไหนลงภวังค์นะครับ

    แล้วที่บอก นั่งสมาธิรู้เอง กับ ตื่นก่อน? สรุปแล้ว นั่งสมาธิหรือ นอนกันละ ? บอกให้เลิกมโนได้แล้วนะครับ เพราะสิ่งที่ท่านโพสท์มา ท่านถอดจิตก็ไม่ได้ คำตอบคือเดา เพราะไม่รู้มโนไปเองใช่ไหม ? จากฝันจากนิมิตบลาๆ แล้วก็ไปคาดเดาเอาเอง ว่าอย่างงั้นอย่างงี้ ก็นี่แหละเหตุของการที่ท่านย้ำคิดย้ำทำ ฝันอย่างงั้นอย่างงี้ จิตส่งออกไปไม่หยุดหย่อน จะโทษใครได้
     
  19. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,087
    ค่าพลัง:
    +3,394
    ที่พระพุทธศาสนาอยู่ได้ 5000 ปี เพราะตันแล้ว แต่ของพระเจ้าพึ่งเริ่มต้นเองครับ ผมซึ่งหนี้เยอะจึงต้องรับใช้พระเจ้าแหละ แต่ชอบพระเยซูมากกว่าเพราะท่านเน้นรักษา แต่ยุคหลังๆ ต้องส่งไปเกิดใหม่อย่างเดียวอะ ก็ไม่เข้าใจพระอัลลอเหมือนกัน ทดสอบไรนักหนา
     
  20. Sataniel

    Sataniel "วิชชาและวิมุติ"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    1,490
    ค่าพลัง:
    +2,364
    ถูกต้องครับเพราะ พระเยซู ยังเป็นพระโพธิสัตว์ซึ่งยังเก็บเลเวล อยู่เลยต้องพูดว่ายังไม่ได้เริ่มด้วยซ้ำนะครับ ส่วนของใครที่กำลังจะเริ่มจริงๆคือ ของพระศรีนะครับ อย่าเดาเรื่อยเปื่อยเลยครับ ฮาๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...