เรื่องเด่น เปิดกรุพระดี.....สำหรับมีไว้บูชาอย่างแท้จริง

ขอให้ข้อคิดไว้ว่า...หากเรื่องที่คุณ ปปช.พูดนั้นไม่มีมูลความจริง ไม่เคยเกิดขึ้นจริง ไม่เป็นข้อเท็จจริงบ้างเลย ผู้ที่เสียหายโดยตรงอันหมายถึงเซียนพระที่มีชื่อตามระบุชัดเจนไว้แล้ว และผู้เสียหายทางอ้อม อันได้แก่ลูกหลานยุคนี้และบุคคลในครอบครัวของหลานหลวงพ่อกวย ย่อมใช้สิทธิถูกพาดพิงในการออกมาชี้แจง หรือโวยวายและดำเนินการทางกฎหมาย ในข้อหาหมิ่นประมาททำให้เสียชื่อเสียงและถูกเกลียดชังจากคนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการถูกรังเกียจสาปแช่งจากคนที่เคารพนับถือในหลวงพ่อกวย

ยิ่งเมื่อมีภาพถ่ายรวมศิษย์ยุคเก่าทั้ง 4ท่านที่ถูกสาดโคลนข้างเดียว ที่รวมตัวกันถ่ายภาพลงสื่อสาธารณะแบบมีนัยยะว่าพร้อมท้าสู้ความจริง เพราะมันมีมูลความจริงที่จะพิสูจน์ได้ ชนิดหนึ่งภาพแทนล้านคำพูด ภาษากายมีความหมายคือพร้อมสู้หัวชนฝา แววตาแข็งกร้าวบ่งบอกว่ามั่นใจในสิ่งที่จะพูด เรื่องต่างๆจึงพากันเงียบหายไปหมดทั้งเวป ทั้งขาดการพิสูจน์ให้หายสงสัย เมื่อมองย้อนกลับไปวันเก่าๆที่ทุกฝ่ายยังสมประโยชน์ด้วยกันทุกคน ก็ไม่มีเหตุให้ขัดเคืองขุ่นข้องหมองใจอะไรเลย ดังคำโบราณที่ว่า “ แม่หมูอ้วน ลูกหมูก็อ้วนไปด้วย”

แต่วันหนึ่งที่ฝ่ายใดถูกสาดสีให้เปื้อนความสกปรกเพียงฝ่ายเดียว สิ่งที่จะฟอกขาวให้ตนเองได้ดีที่สุดคือพูดเรื่องจริงที่เคยทำมาร่วมกัน ซึ่งตามหลักจิตวิทยาแล้วสิ่งที่จะสะกดให้ฝ่ายรุกไล่ชะงักการข่มขู่ก้าวร้าวก็คือการเตรียมพร้อมและตั้งป้อมสู้ด้วยความกล้าหาญ เหมือนจำเลยที่จำนนด้วยหลักฐานหลังถูกซัดทอด เมื่อต้องการลดหย่อนผ่อนโทษหลังรับสารภาพแล้ว ก็ต้องบอกเล่าเหตุการณ์ต่างๆเพื่อให้เห็นว่าจริง และต้องอ้างเอาพยานหลักฐาน /พยานบุคคลมาประกอบ แล้วจะให้คนรุ่นต่อไปเชื่อถือและคิดไปในทิศทางใด ในเมื่อจิ้งจกร้องทักแบบจงใจคนเรายังต้องหยุดฟัง แล้วนี่คนมีอายุที่คลุกคลีกับวงในเรื่องหลวงพ่อกวยกว่า20ปีออกมาพูดเน้นให้สติคนรุ่นหลัง แล้วพวกเราจะไม่เก็บไปพิจารณาบ้างเลย ก็อาจจะถือเป็นพวกขาดสติ

หากไม่เก๋า ไม่แน่ใจ ไม่แน่จริง ไม่มีหลักฐาน เขาคงไม่ออกมาพูดหรอก เพราะเขาไม่ใช่วัยโจ๋หัวร้อนแบบไก่อ่อนสอนขันที่ขาดประสบการณ์ชีวิต เขาก็รู้ดีว่าจะมีแต่ก้อนหินที่จะได้รับเมื่อพูดเรื่องจริงที่หลายคนยอมรับไม่ได้ออกไปแล้ว คนแบบนี้ผมขอชมเชย แม้ที่ผ่านมาจะทำอะไรผิดไปบ้างแล้วก็ตาม เพราะไม่มีใครไม่เคยเดินทางผิดมาบ้างเลย จึงต้องขอขอบคุณคนรุ่นเก่าๆ ที่ชี้ทางให้คนรุ่นใหม่บางคนได้เก็บไปคิด ได้ย้้งคิดยั้งทํา หยุดพินิจพิจารณาด้วยสติปัญญาบ้าง ในวันนี้..หากไม่มีเขาเหล่านั้น ทุกอย่างคงยังสนุกและขายกันระเบิดเถิดเทิง ออกลูกออกหลานไปยันเหลนโหลนอีกเดือนละนับไม่ถ้วน แต่ที่ปฏิเสธไม่ได้คือ..ของที่กดสร้างเสริมจากแม่พิมพ์แท้ๆก็ยังมีตกค้างอีกนับพันๆชิ้นและรอส่งต่อตกทอดไปยังคนรุ่นหลังๆสืบต่อกันไป

 

จะเสี่ยงมากไปไหม? หากดิ้นรนไขว่คว้าหาพระแหวกม่านราคาครึ่งล้านโดยไม่มีมุมมองของตนเอง ตลอดเวลาที่ผ่านมานั้นมีเพียงใครบางคนที่จะบอกว่า...ต้องอย่างนี้คือของแท้ที่หลวงพ่อกวยสร้างไว้ แล้วทำไมเราไม่รับฟังคำท้วงติงของคนรุ่นเก่า ที่ยอมเจ็บ ยอมกลืนเลือดเพื่อเปิดเผยข้อมูลว่าพระแหวกม่านมาตรฐานที่เล่นหากันแพงๆทุกวันนี้ ....หลายชิ้นคือของที่สร้างหลังจากหลวงพ่อมรณภาพแล้ว

เมื่อบุคคลที่มีตัวตน มีความเคารพครูบาอาจารย์ได้ออกมาทักท้วง ก็ควรเก็บมาคิดวิเคราะห์ด้วยตนเองบ้าง จริงหรือไม่จริงทุกคนมีปัญญาติดตัวด้วยกันทั้งสิ้น ย่อมคิดเองได้บ้างว่าแบบไหนคือความเสี่ยงและแบบไหนคือสิ่งที่น่าจะนำมาพิจารณาเพิ่มเติม ซึ่งกว่า 20ปีที่ผ่านมาก็รอดูมาตลอดว่าจะมีใครชี้ชัดว่าพระแหวกม่านที่ลงกรุเป็นของแท้ผ่านการปลุกเสกหรือไม่ แต่ทุกอย่างเงียบหายไปกับกาลเวลา เมื่อมีการเปิดประเด็นของคุณ ปปช. (ขออนุญาตใช้ชื่อย่อ) จึงเป็นจุดหักเหให้สืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมจากคนเก่าที่เคยรู้จัก ซึ่งก็ได้ข้อมูลมาในแนวทางเดียวกันว่า นอกจากพระแหวกม่านแล้ว ทุกพิมพ์ที่มีราคาล้วนมีการโคลนนิ่งขึ้นภายหลังหลวงพ่อมรณภาพ

พระพิมพ์ดังๆราคาแพงล้วนถูกสร้างขึ้นมาอีกทั้งสิ้น โดยมีปลายทางคือสิงห์บุรี ชัยนาทและกรุงเทพ พระปรกโพธิ์ สมเด็จหลังรูป สมเด็จลาว สมเด็จหลังยันต์หลายแบบ พระสิวลีกางร่ม พระกันผี ล้วนได้รับความนิยมสั่งผลิตและตากแห้งแทบไม่ทัน ถ้าหากผลประโยชน์ยังลงตัวจนไม่มีโจรกลับใจมาแฉวงการนี้ จนเป็นคุณูปการใหญ่หลวงต่อบุคคลรุ่นใหม่ ความลี้ลับดำมืดและวังวนปริศนาเหล่านี้คงถูกหมกเม็ดไปจนตัวตาย

 

ดังเป็นที่ทราบกันดีสำหรับผู้สนใจพระเครื่องว่า พระพิมพ์แหวกม่านของหลวงพ่อกวย เป็นพระพิมพ์ยอดนิยมที่ได้รับการกล่าวขานกันตลอดมา เพราะประสบการณ์มากล้นทั้งในด้านรูปธรรมและนามธรรมที่เกิดขึ้นกับผู้ได้บูชาทุกคน ขนาดกำลังพอดีอีกทั้งยังมีรูปแบบที่ไม่เหมือนใคร แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นปัญหามาตลอดคือ พระแบบไหนที่ว่าแท้เป็นต้นแบบมาตรฐานดั้งเดิมของหลวงพ่อกวย และแบบไหนเป็นการสร้างขึ้นในยุคหลังจากหลวงพ่อละสังขารไปแล้ว ซึ่งปัญหาเหล่านี้ยังไม่เคยได้มีการบันทึกไว้อย่างเป็นระบบ

หากถอดถ้อยคำของเซียนพระที่ออกมาเปิดเรื่องราวเบื้องหลัง จะเห็นได้ว่าพระพิมพ์แหวกม่านก็มีการกดสร้างหลายยุคสมัยตั้งแต่ก่อนปี พศ.2500 จนแม้สิ้นหลวงพ่อไปแล้วก็ยังมีคนนำแม่พิมพ์แท้ๆมากดสร้างอีก จากข้อมูลต่างๆที่มีมาในวงลึกและการเปิดโปงข้อมูลของเซียนพระด้วยกันเอง ดังที่บอกว่ามีบุคคลกลุ่มหนึ่งกดสร้างพระแหวกม่านของหลวงพ่อหลังจากสิ้นท่านไปแล้ว โดยกดขึ้นในปี 2525 และส่งให้ร้านพระนำมาขายกันเป็นที่ครึกครื้นและสร้างความร่ำรวยให้กับคนจำนวนหนึ่งมานานปี ซึ่งก็เป็นแม่พิมพ์แท้ๆเพียงแต่เนื้อหาอาจไม่เก่าเท่าเทียมกับพระที่หลวงพ่อสร้างเองก่อนหน้านั้น

 

และด้วยเหตุที่ผู้เขียนเองเคยได้รับพระแหวกม่านลงกรุจำนวนมา 4 องค์ จากบุคคลในพื้นที่ใกล้เคียงกับวัด ซ้ำยังเป็นเครือญาติของลูกศิษย์ใกล้ชิดหลวงพ่อเอง ได้เก็บรักษามาตั้งแต่ปี 2541 ซึ่งปัจจุบันยังเก็บไว้ครบทุกองค์ ต่อมาก็ได้รับพระแหวกม่านจากคนที่เคยไปทำบุญกับวัดซับลำใยมาอีก1องค์ ซึ่งก็เป็นพระที่มีคราบกรุเหมือนกัน หลายปีที่ผ่านมาก็ได้รับข้อมูลเสมอมาว่าพระลงกรุเป็นของปลอม ที่ทำขึ้นโดยคนใกล้ชิดท่านแล้วนำมาฝังไว้ ตัวผู้เขียนบทความนี้ก็เคยคล้อยตามเชื่อไปตามคำบอกเล่านั้นเช่นกัน

แต่เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ได้พบคนที่เคยรับใช้หลวงพ่อในยุคก่อน ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลต่างๆและท่านผู้นั้นได้บอกว่า “ มีพระเนื้อผงน้ำมันหลายพิมพ์ที่อาจดูตื้นๆแต่ก็เป็นของหลวงพ่อ ที่ท่านถอดพิมพ์มากดทำเองจากพระต้นแบบเดิมของท่านเพื่อหาเงินสร้างโบส์วัดบ้านแค ” ครั้งเมื่อเกิดประเด็นร้อนในวงการพระเครื่องสายหลวงพ่อกวย เมื่อกลุ่มเซียนพระสายตรงของหลวงพ่อเกิดมีประเด็นขัดแย้งกัน จนมีการออกมาแฉข้อเท็จจริงตามบทความคัดลอกที่ลงไว้ข้างต้น ทำให้ฉุกใจคิดถึงเรื่องราวที่เคยเป็นข้ออ้างต่างๆตลอดหลายปีที่ผ่านมา

ประเด็นหลักที่เกิดความสนใจขึ้นมาคือ ในเมื่อมีการเปิดโปงแล้วว่าพระแหวกม่านแบบสากลนิยมหลายองค์ ที่ซื้อขายกันในตลาดพระเครื่องของท่านในราคาเกือบองค์ละครึ่งล้านบาทนั้น เป็นของที่บุคคล/กลุ่มบุคคลใกล้ชิดหลวงพ่อได้กดสร้างขึ้นมาจากแม่พิมพ์แท้ หลังจากหลวงพ่อกวยมรณภาพไปแล้ว และทำส่งขายให้เซียนพระอาชีพมากหน้าหลายตา ที่ล้วนเคยยืนยันว่านี่คือของแท้ที่หาได้ยากแทบพลิกแผ่นดิน และเมื่อยิ่งสืบค้นข้อมูลจากหลายๆด้านด้วยตนเองเกี่ยวกับพระแหวกม่านลงกรุ ก็ยิ่งมีมุมมองและแนวคิดเปลี่ยนไปจากเดิม จึงหวังให้ศิษย์หลวงพ่อท่านอื่นๆได้ลองนำไปวิเคราะห์ดูบ้างตามสติปัญญาของแต่ละคน

 

จากข้อมูลที่สืบค้นเรื่องราวมาจากหลายทาง สามารถยืนยันได้ว่าเมื่อปี2541นั้น วัดบ้านแค (โฆสิตาราม)เคยนำพระชุดลงกรุนี้มาวางจำหน่ายในวิหารหลังเก่า โดยผู้ที่ดูแลคือผู้พันละออง สุขนิล กำหนดค่าบูชาพระแหวกม่านเปื้อนคราบกรุที่วางคละกันไว้ในตู้ องค์ละ 4,000.บาท โดยไม่ให้คัดเลือกองค์สวยให้วุ่นวาย ไม่สามารถหยิบมาส่องเลือกได้ หากใครต้องการบูชาก็ให้มองผ่านตู้กระจก เมื่อพอใจองค์ใดกรรมการวัดก็จะหยิบมาให้ตามนั้น ใครเคยพบผู้พันละอองสมัยนั้น คงพอนึกภาพออกว่าท่านดุและไม่สนใจจะไปข้องเกี่ยวเรื่องความวุ่นวายของกรรมการวัดคนอื่นๆ ท่านทำเพื่อวัดของพ่อบุญธรรมของท่านคือหลวงพ่อกวยเท่านั้น

ซึ่งในช่วงนั้นมีผลประโยชน์ทับซ้อนแอบแฝงมากมายเป็นที่รู้กันบ้างแล้วและจะไม่ขอกล่าวถึง ผู้ที่เดินทางไปบูชาพระชุดนี้ถึงวัดบ้านแคยังมีชีวิตอยู่ ปัจจุบันท่านผู้นี้ดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าหน่วยงานหนึ่งในการท่าอากาศยานดอนเมือง ในเหตุการณ์ครั้งก่อนนั้นได้เช่าบูชาพระแหวกม่านมาฝากเพื่อนที่ทำงานกันหลายองค์ รวมทั้งองค์ที่แตกหักตามภาพนี้ จากกรณีนี้ย่อมเป็นเรื่องยืนยันถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต คนพื้นที่ต้นตอย่อมรู้ลึกและรู้จริงกว่าคนที่คอยจะหาประโยชน์อย่างเดียว ผู้ที่ไปเช่าบูชาถึงวัดก็ยังสามารถยืนยันตัวตนได้ทุกเวลา

 

ในข้อเขียนของหนังสือพระและสื่อต่างๆลงไว้ว่า พระชุดแหวกม่านและพระเนื้อดินพิมพ์ต่างๆชุดนี้ ตามประวัติที่ได้สืบค้นมาคือ หลวงพ่อกวยท่านได้สร้างพระพิมพ์แหวกม่านชุดนี้ไว้เมื่อปี พศ. 2500. แต่ได้นำมาบรรจุกรุเมื่อปี พศ. 2507 บริเวณข้างสระน้ำในวัดโฆสิตาราม ตามที่มีการขุดพบเจอพระใส่โอ่ง(ไห)ขนาดเล็กไว้จำนวน 2 โอ่ง โดยหลักๆจะเป็นพระพิมพ์แหวกม่านข้างเม็ด ซึ่งพบมากกว่าพิมพ์อกใหญ่ และมีพิมพ์อื่นปนมาบ้างเล็กน้อย โดยนำพระเก็บในไหแล้วฝังลงกรุไว้ที่ข้างสระด้านหลังโกดังปู่ยอด เดชมา โดยหลวงตากิ่ง(พระในวัด)เป็นผู้จัดการขุดขึ้นมา โดยมีที่มาจากการฝันซ้ำซ้อนที่หลวงพ่อกวยมาบอกให้ทำการขุดขึ้นมาเสีย จึงร่วมกับกรรมการวัดขณะนั้นอีก 2ท่านทำการขุด (หลวงพ่อกวยท่านเมตตาหลวงตากิ่งมากเป็นพิเศษ ด้วยพ่อแม่นำมาฝากหลวงพ่อไว้ตั้งแต่เด็ก หลวงพ่อให้เป็นเด็กวัดบ้านแค ทั้งเล่าเรียนวิชาต่างๆอยู่กับหลวงพ่อจนเติบโตบวชเป็นพระจวบจนสิ้นชีวิต )

อีกสิ่งหนึ่งที่ยืนยันได้คือ..ผู้ที่เป็นหลานหลวงพ่อซึ่งมีบ้านอยู่ข้างวัด ก็ไม่ได้เป็นผู้ขุดพบพระชุดนี้แต่อย่างใดทั้งสิ้น ทั้งยังไม่ได้พระชุดนี้เก็บไว้ขายตามคำเล่าอ้างของเซียนพระที่จะพูดตีกันไว้ก่อน เพราะผู้คนที่สนใจศึกษาเรื่องราวต่างๆมักอ่านพบเสมอว่า มีหลานหลวงพ่อกวยคนหนึ่งเป็นผู้กดสร้างพระจากแม่พิมพ์แท้ๆ โดยใช้เนื้อหามวลสารตามสูตรเดียวกันกับของเดิมสร้างพระส่งขายให้เซียนในหัวเมืองต่างๆรวมทั้งในกรุงเทพนานแล้ว เมื่อมีข่าวว่าพระแหวกม่านและพระเนื้อดินชุดนี้ ขุดพบด้านหลังโกดังบ้านลูกศิษย์ที่เป็นหลานของท่านเช่นนี้ ผู้คนก็จะเหมารวมไปว่าคงเป็นของทำเสริมเพิ่มขึ้นภายหลังแล้วนำมาฝังไว้เป็นแน่แท้ ซึ่งพระชุดที่เนื้อยังสดและมีคราบเทียมแบบนั้นน่าจะเรียกว่าพระข้างกรุเสียมากกว่าซึ่งจะสมกับแหล่งที่มาและลักษณะของพระเอง

โดยบางคนลืมนึกถึงความจริงไปว่า ที่ดินซึ่งฝังพระไว้ก็เป็นที่ดินของวัด ไม่ใช่ที่ดินของเอกชน คนขุดก็ไม่ใช่หลานของหลวงพ่อ คนที่ได้พระไปเกือบทั้งหมดก็ไม่ใช่หลานหลวงพ่อกวย หากใครคนใดคนหนึ่งทำขึ้นมาเพื่อหวังประโยชน์ในวันหน้า คงต้องเป็นผู้ขุดขึ้นมาเองและเป็นผู้ครอบครองหรืออ้างสิทธิไปแล้ว และตามที่สืบค้นมาจากคนเก่าๆมา ที่จริงแล้วหลวงพ่อกวยท่านนำพระเก่าของท่านไปเก็บไว้ตามที่ต่างๆมากหลายแห่ง มีทั้งฝังดินและไม่ฝัง มีทั้งเก็บบนเพดานโบสถ์และตามใต้ฐานพระในที่ต่างๆ รวมทั้งบนเพดานของเรือนพระพุทธเจ้าในวิหารหลังเก่าที่ทำการรื้อเพื่อสร้างใหม่ ที่พบเจอพระพิมพ์ต่างๆด้วยเช่นกันเพียงจะมีไม่มากนักและคนใกล้ชิดวัดต่างขอทำบุญกันไปแทบทั้งหมด ซึ่งพระดีๆเหล่านี้เนื้อจะเก่าแห้งเป็นธรรมชาติ ดูด้วยตาเปล่าก็รู้ว่าเก่าจริงๆ ดังตัวอย่างที่แสดงให้ดูแล้วบางส่วน

 

เมื่อได้พระพิมพ์ต่างๆขึ้นมาจากกรุหลังโกดังปู่ยอด เดชมาแล้ว ปัญหาก็เกิดขึ้นไม่น้อยในเรื่องกรรมสิทธิของพระชุดนี้ ผู้ขุดก็อ้างสิทธิที่หลวงพ่อกวยเป็นผู้มาบอกยกให้ วัดก็ถือสิทธิในการเป็นเจ้าของที่ดินและเป็นเจ้าของทรัพย์สินที่ได้ครั้งนี้ พระส่วนหนึ่งทั้งพิมพ์แหวกม่านและพระเนื้อดินพิมพ์ต่างๆจึงถูกแบ่งให้กับทางวัดบ้านแค เพื่อนำออกจำหน่ายหาเงินเข้าวัดตามที่กล่าวถึงแต่ต้น อีกส่วนหนึ่งได้แบ่งให้อาจารย์ตั้วมีจำนวนครึ่งบาตรพระ เพื่อนำไปหาเงินสร้างวัดที่ลพบุรี และหลังจากเหตุการณ์นี้แล้ว พระกิ่งได้ขอย้ายไปจำพรรษาที่วัดอื่นในจังหวัดชัยนาท พระพิมพ์ต่างๆที่เหลือส่วนใหญ่ถูกนำติดตัวพระกิ่งไปด้วยทั้งหมด โดยมีผู้ทราบเรื่องติดตามไปขอแบ่งบูชาจากพระกิ่งจนหมดสิ้นในเวลาต่อมาไม่นานนัก

สำหรับพระเครื่องส่วนที่อาจารย์ตั้วไปไปนั้น ก็นำไปมอบให้กับผู้ร่วมสร้างวัดของท่านจนหมดสิ้น เพียงเวลาไม่นานจากสำนักสงฆ์เล็กๆก็กลายเป็นวัดสมดังเจตนารมย์ โดยผู้ที่เป็นกำลังหลักในการบริจาคเงินและเป็นผู้ออกแบบ ควบคุมการก่อสร้างวัดครั้งนั้น ได้ร่วมถวายเงินเกือบล้านบาทซึ่งสมัยนั้นถือว่าเป็นเงินจำนวนมากทีเดียว และได้รับพระแหวกม่านไว้จำนวนหนึ่งเกือบ20องค์จากอาจารย์ตั้ว อีกทั้งยังเป็นผู้เทียวรับ-เทียวส่งหลวงปู่หมุนจากศรีสะเกษมาที่ลพบุรีถึง 4ครั้งในพิธีปลุกเสกต่างๆที่อาจารย์ตั้วจัดขึ้น

ปัจจุบันท่านผู้นี้ยังมีชีวิตอยู่แต่ได้เข้าไปอยู่ใต้ร่มกาสาวพัสตร์และตั้งใจจะอยู่ในสมณเพศตลอดชีวิต เรื่องราวที่ผ่านมาตามที่บันทึกไว้นี้คงเป็นที่รับรู้ของผู้ที่เคยร่วมสร้างวัดกับอาจารย์ตั้วมาบ้าง โดยท่านผู้นี้เล่าเองในขณะเป็นภิกษุแล้วว่า อาจารย์ตั้วเคยยืนยันว่า “พระแหวกม่านชุดนี้เป็นของหลวงพ่อกวย อาจารย์ของท่านเอง เป็นของแท้จริงๆ ให้เก็บไว้บูชากันเถิด” อาจารย์ตั้วเล่าให้ท่านฟังว่า ปากไหที่ใส่พระชุดนี้ตอนที่ขุดพบนั้น ถูกปิดชั้นบนสุดไว้ด้วยพระแม่ธรณีที่แกะจากงาช้างและพระสมเด็จอีก1องค์ ซึ่งทั้งสองชิ้นนี้ไม่มีใครได้ไปเพราะพระกิ่งผู้ขุดได้ขอเก็บไว้เองด้วยความหวงแหน

 

เมื่อพระชุดลงกรุที่มีจำหน่ายบูชาไม่มากนักในวิหารของวัดบ้านแคหมดลง และผู้คนนอกพื้นที่เริ่มรู้ข่าวเป็นวงกว้างมากขึ้น ก็มีการสอบถามและเสาะหากันแบบปากต่อปาก เนื่องจากประสบการณ์ที่มีกับคนแขวนพระชุดนี้เด่นชัด ก็มีคนหัวใสคิดทำกรรมครั้งใหญ่ด้วยการนำพระพิมพ์ต่างๆที่เคยกดสร้างไว้แต่จำหน่ายไม่ออกเพราะเนื้อหายังไม่แห้งไม่เก่า มาผสมโรงเป็นพระแตกกรุกับเขาบ้าง มีการสร้างคราบกรุปลอมด้วยสีฝุ่นผสมน้ำยาทาเคลือบไว้ มีการใช้น้ำยางจากพืชบางอย่างมาชุบให้ดูเหมือนเก่า ซึ่งจากการที่ได้หยิบจับพระเหล่านี้มาบ้างสามารถบอกได้เลยว่า มีความแตกต่างของคราบกรุมาก ดูจากภาพอาจยากจะบอกได้ แต่เมื่อเห็นองค์จริงก็รู้ว่าไม่ถูกต้อง เพราะเป็นเพียงคราบกุ แต่ไม่ใช่คราบกรุ

เท่าที่ทดลองล้างคราบกรุพระแท้ๆชุดนี้ดูแล้ว แม้จะใช้น้ำยาไฮเตอร์ผสมน้ำอุ่นให้เจือจางลง นำพระลงแช่ทิ้งไว้ครั้งละ 3นาที คราบบนผิวของพระลงกรุก็ยังไม่เปลี่ยนไปมากนัก ต้องล้างถึง 3วันๆละครั้ง ผิวจึงจะดูสะอาดตาขึ้น แต่คราบส่วนที่ฝังลึกในเนื้อพระก็จะยังคงมีอยู่จนเห็นได้ชัดไม่หายไปได้หมด เพราะคราบกรุแท้ๆจะเกิดบนผิวพระเป็นชั้นๆตามระยะของวันเวลาการอยู่ในกรุ ทำให้ฝุ่นละอองและความร้อนชื้นเกิดทับซ้อนกันอย่างยาวนาน เมื่อได้ลองนำพระกุ ที่เป็นคราบปลอมมาล้างบ้าง เพียงใช้พู่กันชุบน้ำอุ่นที่ผสมไฮเตอร์ป้ายเบาๆด้านหลังพระ คราบก็ลอกออกเป็นทาง สีที่ดูเหมือนคราบกรุลอกทันทีจนตกใจ ใครมีอยู่ลองทำดูบ้างก็ได้ จะรู้ว่าพระลงกรุของท่านเป็นพระกรุ หรือพระกุ

เรื่องพระกดจากแม่พิมพ์แท้ๆของหลวงพ่อเป็นปัญหาใหญ่นัก บางวัดใหญ่ๆมีการนำมาวางขายในตู้ของวัด เช่นวัดใหญ่แห่งหนึ่งในเมืองลพบุรีเป็นต้น ศูนย์พระใหญ่ๆบางแห่งก็รับพระจากคนใกล้ชิดหลวงพ่อไปจำหน่ายตั้งแต่ครั้งหลวงพ่อละสังขารไปใหม่ๆ แต่เป็นพระถูกยุคสมัยหรือเปล่าก็ต้องพิจารณากันให้ดี เพราะมีทั้งของท่านที่ตกค้าง ของที่กดสร้างจากแม่พิมพ์แท้ๆหลังท่านมรณะภาพใหม่ๆเช่นพระสร้างเป็นที่ระลึกครบ100วันมรณภาพ หรือ พระที่สร้างเพื่อหาเงินเข้าวัดในปีต่อๆมา ครั้งนี้ขอเขียนไว้เพียงเฉพาะเรื่องพระแหวกม่านลงกรุเท่านั้น ยังไม่ลงลึกในการเทียบเคียงพระพิมพ์อื่นๆ ที่บางพิมพ์มีการส่งคืนกันคราวละเป็นถาดๆ ทั้งที่มีการเช่าบูชามาจากแหล่งที่หลายคนให้การยอมรับว่าเชื่อถือได้

 

พระแหวกม่านที่กลุ่มบุคคลใกล้ชิดหลวงพ่อ (บุคคลที่เป็นหลานหลวงพ่อมี 2ท่านที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องสร้างพระ) กดขึ้นจากแม่พิมพ์แท้และนำมาขายในวงการพระเหล่านี้จะไม่มีคราบกรุ แต่มีเนื้อสะอาด มีมวลสารใกล้เคียงของเก่า มีพิมพ์ทรงเป็นมาตรฐานแบบที่นิยมกันทั่วไป บางองค์อาจจะมองดูว่าไม่เก่าตามความจริงที่ควรจะเป็น แต่เมื่อเซียนบอกว่าแท้ หลายคนก็ยอมจ่ายหลายแสนบาท แต่ไม่ได้เป็นมูลค่าพระกลับกลายเป็นการจ่ายเพื่อซื้อคำพูดรับรองของเซียนพระ

เพื่อเป็นหลักฐานพยานเอกสารในการสนับสนุนข้อความนี้ หากใครลองไล่ดูภาพพระผงแหวกม่านพิมพ์ต่างๆที่มีในสื่อสาธารณะ ทั้งในร้านพระต่างๆ ในเวปประมูลที่ลงมาตั้งแต่สิบปีก่อน ในสื่อที่ลงโชว์ต่างๆ ให้ลองเซฟภาพไว้สัก 200 ภาพในพิมพ์เดียวกัน แล้วนำมาวางเรียงกันก็จะสามารถบอกด้วยตัวเองได้ว่าแม้ในพิมพ์เดียวกันแต่เนื้อหาองค์ไหนไม่น่าเก่าถึงอายุ เพราะจะมีองค์ที่เนื้อหาแห้ง ผิวเก่ามากกว่ากันอย่างเห็นได้ชัด จะเห็นว่ามีเนื้อหาธรรมชาติความแห้งเก่าแตกต่างกันมากมายจนเห็นได้ชัดว่าสร้างคนละยุคสมัย ซ้ำยังมีรายละเอียดในพิมพ์ทรงแตกต่างกันออกไปมากกว่า 5รูปแบบ เพียงดูคล้ายๆกันแต่ในรายละเอียดของพิมพ์ไม่เหมือนกันร้อยเปอร์เซ็นต์

บางองค์เป็นพระที่สร้างโดยการถอดพิมพ์ออกมาจากพิมพ์เดิม ซึ่งจะมีรายละเอียดและเส้นคมชัดกว่าพระถอดพิมพ์มาก (มีการยืนยันว่าพระแท้ๆก็ถูกถอดพิมพ์สร้างมาตั้งแต่ยุคสมัยหลวงพ่อกวย) ถ้ามีต้นแบบแท้ๆที่เก่าชัดเจนเป็นตัวตั้งไว้สัก1องค์ แล้วลองไล่มองหาพระที่มีอายุถัดจากกันมาเทียบเคียง เลือกที่เป็นของแท้ตามที่ใครๆก็บอกว่าสร้างในช่วงที่หลวงพ่อยังอยู่แน่นอนนั่นแหละมาเปรียบความแห้งเก่า เพราะหากนับเวลาการสร้างครั้งแรกจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตท่านที่มีระยะเวลาห่างกันไม่มากกว่า25ปี ความเก่าความแห้งของธรรมชาติบนผิวพระไม่ควรจะหนีห่างกันมากนัก แต่บางองค์ที่เห็นแม้กระทั่งพระติดรางวัลนั้น เนื้อหาสดกว่าพระองค์ที่ได้รับการยอมรับในอดีตมากนัก

 

หากพิมพ์ถูกต้องเพียงแค่นั้นเป็นของแท้ไปทุกองค์ แล้วเราจะทำอย่างไรถึงจะรู้ได้ว่าแบบไหนท่านปลุกเสกมาจริง นักสะสมรุ่นเก่าต่างให้คำแนะนำว่าต้องดูเนื้อให้เก่า แต่ปัจจุบันในเมื่อเงินสามารถใช้ได้หลายอย่างในชีวิต หลายคนยังตะแบงว่าในเมื่อพิมพ์ถูกเนื้อแห้ง ก็ต้องเป็นของแท้แน่นอน จะเก่าขนาดไหนไม่มีใครวัดได้ว่าอายุกี่ปี จึงต้องเชื่อตามที่ใครชี้ว่าแท้ ใครที่ว่าเก่า ใครที่ว่าปลอม ซึ่งข้อสงสัยที่ควรนำมาหาข้อพิสูจน์เป็นลำดับขั้นคือ

1 พระแท้ ต้องสร้างมาจากแม่พิมพ์แท้
2 พระแท้ ต้องมีเนื้อหาเก่าตามอายุการสร้าง
3 พระแท้ ต้องมีธรรมชาติความเปลี่ยนแปลงถูกต้องตามอายุ
4 พระแท้ ควรมีแหล่งที่มาให้ตรวจสอบได้บ้าง

ซึ่งหากแยกกลุ่มพระแหวกม่านในตลาดพระเวลานี้แล้ว พอจะแยกกลุ่มได้คร่าวๆดังนี้
กลุ่มที่ 1 พิมพ์และเนื้อหา ไม่ถูกต้อง 60% (พบเห็นได้เกลื่อนปฐพี)
กลุ่มที่ 2 พิมพ์ถูกต้อง เนื้อหายังสด 20% (ยังมีรอให้บูชาอีกไม่น้อย)
กลุ่มที่ 3 พิมพ์ถูกต้อง เนื้อหายังคาบลูก-คาบดอก 15% (ยังมีให้พบเจอได้ไม่ยาก)
กลุ่มที่ 4 พิมพ์ถูกต้อง เนื้อหาเก่าจริงตามอายุการสร้าง 5% (ทุกวันนี้แทบพลิกแผ่นดินหา)

 

ทางเลือกสำหรับคนที่อยากได้พระแหวกม่านหลวงพ่อกวย

1. หากมีกำลังทรัพย์มากพอ ก็เลือกแบบสากลนิยมมาตรฐาน ให้มีเนื้อแห้งเก่าสมอายุ แต่แบบไหนที่ท่านจะยอมรับหรือรู้ได้ว่าเก่าสมอายุจริง
2. ลองมองพระแหวกม่านที่ลงกรุ เลือกพิมพ์ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกับพระแบบสากลนิยม แต่ให้ดูแบบที่เนื้อเก่าชัดเจน มีคราบกรุสมดังอายุขัยจริงๆ

พระแหวกม่านที่ลงกรุไว้หากดูจากคราบบนผิวดูจากการเกิด คราบสกปรก น่าจะอนุมานอายุของพระที่ถูกฝังในไหหรืออยู่ใต้ดินได้ว่า มีการฝังไว้อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 20-25 ปี (เทียบจากพระกรุวัดเงินคลองเตย อายุการสร้าง150 ปี) ซึ่งคราบสกปรกต่างๆล้างออกได้ยากมาก แม้จะใช้น้ำยาล้างสุขภัณฑ์ก็ยังไม่สามารถล้างออกได้ให้สะอาด ลองเปรียบเทียบโดยดูจากคราบกรุของพระที่เคยลงกรุอื่นๆ และมีอายุเวลาการลงกรุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป ซึ่งมีหลายแห่งในเมืองไทยที่สามารถนำมาเทียบเคียงธรรมชาติของคราบกรุด้านหลังพระเนื้อดินหรือเนื้อผง จะทำให้เข้าใจได้ว่าธรรมชาติของคราบบนผิวแบบไหนควรมีอายุประมาณกี่ปี

ประเด็นสำคัญอยู่ตรงนี้ ...หากพระแหวกม่านเหล่านี้มีคราบที่บ่งบอกว่าอายุการสร้างหรือการฝังกรุถึง 20 ปีขึ้นไปจริง พระเหล่านี้ก็ควรจะสร้างในยุคที่หลวงพ่อกวยยังทรงสังขารอยู่ เพราะพระชุดนี้เปิดกรุขึ้นมาปี 2541 หากย้อนไป 20 ปีก็คือปี 2521 ซึ่งหากใครพอคำนวณอายุเวลาจากเนื้อหาของคราบไคลที่ปกคลุมเนื้อพระ ความเหี่ยวแห้งของผิวพระที่เปิดกรุปี 2541 ที่อย่างน้อยพระเหล่านี้ต้องถูกฝังมาไม่น้อยกว่า 20 ปีขึ้นไป หากเป็นช่วงเวลาที่ท่านยังอยู่ ใครหน้าไหนจะกล้าทำของเสริม ของปลอมขึ้นมาขาย เพราะศิษย์ของท่านล้วนกลัววาจาสิทธิ์ของหลวงพ่อด้วยกันทั้งสิ้น ยิ่งเมื่อดูเนื้อหาของพระแหวกม่านบางองค์แล้ว พบว่าเก่าแห้งจัด เนื้อนุ่มตามากกว่าพระแบบสากลที่มีอายุ50ปีหลายๆองค์มากทีเดียว เรื่องแบบนี้ทุกคนเห็นได้ด้วยตนเองหากมีความตั้งใจสังเกตุ

 

บางท่านเคยให้ความเห็นที่มีเหตุผลไว้ว่า ช่วงปี 2520 ถึง 2521 วัดบ้านแคเตรียมงานผูกพัทธสีมา มีความต้องการสร้างวัตถุมงคลให้เช่าบูชาเพื่อตอบแทนคนที่มาร่วมทำบุญ จึงเป็นไปได้ว่ามีการสร้างพระเนื้อดิน พระผงต่างๆรวมทั้งพระแหวกม่านจำนวนมาก แล้วให้หลวงพ่อปลุกเสกเพื่อจัดจำหน่ายในงานผูกพัทธสีมา อีกทั้งยังสั่งทำจากโรงงาน เช่นเหรียญรุ่น3 หลังยันต์ หลังหนุมาน แต่..คนต่างจังหวัดสมัยก่อนล้วนนิยมเหรียญซึ่งสามารถใช้ห้อยคอได้เลยทันที ไม่เหมือนพระเนื้อผง เนื้อดิน ซึ่งต้องหาพลาสติกเลี่ยมโดยในยุคสมัยดังกล่าว ยังไม่มีร้านตามอำเภอรอบนอกที่จะเลี่ยมพลาสติก เมื่อคนมางานดังกล่าวแล้วแทบทุกรายจึงนิยมเช่าเหรียญเป็นของสมนาคุณการร่วมทำบุญกับวัด อาจทำให้พระที่สร้างเหลืออยู่ก็เป็นได้ แต่ยังสงสัยว่า..ทำไมถึงไม่มีพระเครื่องของท่านที่สร้างในยุคท้ายๆอีกมากมายหลายพิมพ์ฝังปะปนในกรุนี้ด้วย

 

หากนับจากคำพูดที่มีการเปิดประเด็นดังกล่าว เราลองมองไปที่พระแหวกม่านลงกรุซึ่งอย่างน้อยจะต้องลงกรุก่อนปี 2522 จึงทำให้มีคราบติดแน่นฝังในเนื้อยากจะทำความสะอาดให้เหมือนพระแหวกม่านที่ไม่ได้ลงกรุ หากมองอย่างนี้จะเป็นข้อคิดได้อีกหนึ่งประเด็นว่า หากเป็นพระสร้างในยุคท้ายของหลวงพ่อกวย หรือสร้างแบบเร่งด่วนเพื่อจะให้คนทำบุญเช่าบูชาช่วงงานฝังลูกนิมิตปี21 ....ทำไมจึงไม่มีพระแหวกม่านพิมพ์ต้อฝังลงกรุบ้างสักองค์ ทำไมไม่มีพระสมเด็จหลังยันต์แบบต่างๆให้เจอเช่นพระแหวกม่านบ้าง เพราะมีสร้างมากหลายรูปแบบในยุคปลายของท่าน... สำหรับพระแหวกม่านที่มีคราบกรุ น่าจะสร้างในยุคที่หลวงพ่อยังทรงสังขารอยู่แน่นอน ส่วนจะสร้างในช่วงไหน ท่านจะกดสร้างเองหรือมีลูกศิษย์กดสร้างให้แต่เชื่อได้ว่าท่านปลุกเสกให้อย่างแน่นอน แต่พระแหวกม่านที่เนื้อยังสดเพียงแต่พิมพ์ถูกต้อง คงไม่ได้รับการปลุกเสก ซึ่งการพิจารณาในความน่าจะเป็นกรณีเหล่านี้ ก็ต้องขึ้นกับมุมมองของท่านเอง

 

มีพระแหวกม่านแบบสากลนิยม พิมพ์เดียวกับที่เจอในชุดลงกรุ มีตำหนิเหมือนกันกับพระแบบที่ลงกรุ เพียงแต่เป็นพระผิวสะอาดแบบไม่ผ่านการลงกรุ เป็นเนื้อผงน้ำมัน เนื้อผงพุทธคุณหรือเนื้อผงใบลาน และเป็นองค์ที่ได้รับการยอมรับทั่วไปว่าเป็นของแท้ทันปลุกเสก ลงไว้ทั้งในเวปวัดและเวปสีต่างๆ มีคำอธิบายการพิจารณาไว้ด้วย หากดูให้ละเอียดจะพบว่าเป็นพระในช่วงปลายของการถอดพิมพ์มาสร้างขึ้น เพราะมีตำหนิในแม่พิมพ์มากกว่าเดิม แต่ตำหนิหลักยังคงมีครบถ้วน ซึ่งบางองค์มีประวัติการตกทอดมาดีจากลูกหลานคนในพื้นที่ บางองค์ที่ลงขายไว้ เจ้าของให้ข้อมูลประกอบไว้ว่า เขาได้รับมาก่อนปี40 ซึ่งเป็นยุคก่อนจะเปิดกรุ ซึ่งขยายความได้ว่า พระแหวกม่านลักษณะและตำหนิแบบนี้ไม่ได้มีเฉพาะที่ลงกรุ


เปิดดูไฟล์ 4871648

 

ส่วนข้อสังเกตอื่นๆ เท่าที่ได้นั่งพิจารณาดูมาหลายปี
พอมีแง่คิดแบบง่ายๆกับพระแหวกม่านที่ลงกรุได้ดังนี้

1. เป็นการกดสร้างแบบธรรมชาติด้วยมือคน ตัดขอบด้วยมือทุกองค์ และทำแบบไม่เน้นความสวยงาม มีบิดเบี้ยวโย้เอียงเป็นส่วนใหญ่ พิมพ์ยังมีตำหนิ คล้ายยังผสมเนื้อพระไม่ลงตัว หรือเร่งสร้างให้ได้จำนวน และจะเป็นไปได้ไหมว่า เมื่อหลวงพ่อกวยเห็นพระที่ไม่เรียบร้อยเหล่านี้ที่ลูกศิษย์ของท่านกดสร้างมาให้ท่านปลุกเสก ท่านก็เลยไม่ให้นำออกจำหน่ายหรือแจก และให้เก็บไว้หลังท่านเสกให้แล้ว เพราะท่านเป็นผู้ที่เน้นความสวยงามเรียบร้อยเป็นอย่างยิ่ง หากจะเป็นการสร้างเพื่อหวังให้มีราคาในวันหน้า จะต้องทำให้สวยงามคมชัด ตัดขอบให้เรียบร้อยและให้มีเนื้อหาใกล้เคียงกับของที่นิยมมาก่อนหน้า ไม่ให้เกิดพิรุธสำหรับคนจะเสียเงินบูชา เช่นพระปลอมจากแม่พิมพ์แท้ของวัดหลายๆพิมพ์ ที่หลายคนคงเห็นมาบ้างแล้วในหน้าสื่อต่างๆ ที่พิมพ์คมชัดแบบเน้นๆการสร้าง การตัดขอบสวยงาม เน้นตำหนิครบถ้วนแบบกินอร่อย ซื้อง่ายขายคล่อง

 

2. มีการผสมเนื้อหาหลายครั้ง มีหลากหลายเนื้อ มวลสารแตกต่างกันและมีหลายสี คือสร้างด้วยเนื้อหลายครก อันหมายถึงมีการสร้างหลายวาระ ต่างวันต่างเวลา ซึ่งผิดวิสัยของการจะสร้างเพื่อปลอมพระขึ้นมาสักชุดหนึ่ง เพราะการทำหลายเนื้อ มีหลายสี มีมวลสารแตกต่างชัดเจนแบบนี้ จะเป็นข้อพิรุธใหญ่ที่เกิดคำถามตามมาในวันหน้า เพราะมีพระแหวกม่านที่ซื้อขายกันเป็นมาตรฐานเดิมให้เห็นอยู่ก่อนหน้าแล้ว ถ้าคิดจะทำปลอมฝังกรุไว้เพื่อวันหน้า ต้องทำให้เหมือนของแท้ ซึ่งทำไม่ยากเลยเพราะทั้งแม่พิมพ์และสูตรเนื้อหาล้วนกระจ่างแก่ใจดีอยู่แล้ว

 

3. มีธรรมชาติบนองค์พระต่างกันที่เป็นไปตามปกติของการฝังกรุ โดยพระแต่ละองค์มีคราบกรุมากบ้าง น้อยบ้างเป็นไปตามลักษณะการบรรจุวางทับซ้อนลงในภาชนะก่อนฝังลงดิน หากเปิดออกมาแล้วมีธรรมชาติเหมือนกันทุกองค์ แบบนั้นจะถือว่าไม่เป็นปกติของสิ่งที่ไม่มีใครควบคุมจากการแปรเปลี่ยนของธรรมชาติได้ ไอความชื้น ความร้อน ความเย็น ฝุ่นละอองและความผันแปรของธรรมชาติล้วนทำให้เกิดคราบที่ต้องไม่เหมือนกันสำหรับพระทุกองค์หรือของทุกชิ้นที่วางทับถมซ้อนกันตามเหลี่ยมมุมที่แตกต่างกัน เพราะพระแต่ละองค์วางไว้ในตำแหน่งต่างๆกัน มีช่องอากาศสาดส่องไม่เหมือนกัน ความชื้นที่ได้รับต่างกัน แค่การวางอยู่ข้างบนและข้างล่างสุดของภาชนะก็จะเกิดความแตกต่างของคราบไคลได้มากแล้ว

 

4. อ.เฒ่า สุพรรณ ได้เขียนลงในหนังสือนะโมไว้ก่อนหน้าแล้ว เรื่องการสร้างพระแหวกม่านอกใหญ่ที่มีลักษณะเด่น 2ประการที่เห็นชัดเจน คือแบบฐานตรงและฐานเว้า ซี่งเป็นการเขียนไว้ก่อนจะเปิดกรุพระชุดนี้ ซึ่งข้อเขียนอื่นๆของท่านนั้น เซียนพระทั้งหลายในปัจจุบันล้วนเอามาเป็นแนวทางการสะสมซื้อขายกันทั้งสิ้น แต่ตรงจุดนี้กลับแกล้งมองข้ามไปเสียเฉยๆ ซึ่งพระแหวกม่านทั้งสององค์ในภาพนี้ ถือเป็นของแท้ที่เป็นต้นทางของแม่พิมพ์ได้เลย

 

5. ชาวบ้านที่อยู่ใกล้ๆวัดหลายคนก็ยังแขวนบูชาด้วยพระแหวกม่านที่ลงกรุ ซึ่งเขาก็หวงแหนและยืนยันว่าเป็นของหลวงพ่อแน่นอน เมื่อไปเอ่ยปากขอแบ่งจากเขาก็ยังตีราคาแพงเท่าพิมพ์สากลนิยม เท่าที่พบเจอมาแม้ในปัจจุบันนี้ก็ยังมีหลายคนในพื้นที่ รวมทั้งลูกศิษย์ลูกหาและคนในครอบครัวของหลายๆท่าน ยังใช้พระผงแหวกม่านชุดลงกรุแขวนติดตัว และไม่ใช่แขวนล่อเหยื่อแบบที่เซียนพระชอบทำกันเสียด้วย แต่เป็นการแขวนเพื่อใช้บูชาจริงๆ บางองค์ที่เห็นนี้น่าจะมีการเลี่ยมพลาสติกมาแล้วไม่น้อยกว่า20ปี ซึ่งก็หมายถึงมีการเลี่ยมใช้เลยตั้งแต่ตอนได้มาครั้งเปิดกรุใหม่ๆ

 

6. พระที่เก่าจนมีเนื้อหาแห้งจัดแบบนี้ จะมีใครบอกว่าเป็นเนื้อหาพระใหม่อายุไม่ถึง 20 ปีได้หรือไม่ ซึ่งหากดูโดยละเอียดแล้ว จะพบว่าเนื้อพระแหวกม่านข้างเม็ดองค์นี้เก่าและแห้งมีธรรมชาติสมอายุมากกว่าพระที่ติดรางวัลบางองค์ด้วยซ้ำไป ความแห้งเก่าของเนื้อดินหรือเนื้อผงที่เป็นไปตามธรรมชาติ สามารถบอกได้ว่าพระองค์นี้มีอายุนานเท่าไร เพราะพระเหล่านี้ไม่ได้ผสมกาวในเนื้อพระจึงหดแห้งเก่า ขึ้นคราบตามอายุเวลาที่แท้จริง และพระองค์นี้ก็มาจากคนละแวกวัดบ้านแคเช่นกัน อาจเป็นพระจากการเก็บบนฝ้าเพดานหรือสถานที่ใดสักแห่งหนึ่ง และคงไม่ได้ฝังดินไว้ ล้วนเป็นเรื่องที่น่านำไปพิจารณาทั้งสิ้น