เอาอะไรไปละ" ความไม่รู้ " ได้คับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมแท้ว่าง, 13 กันยายน 2019.

  1. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    การละอวิชชาต้องละด้วยปัญญาคือ
    เริ่มต้นด้วย
    การฟังเป็นดับแรก (สุตตมยปัญญา)และฟังไปจนกว่าจะรู้และเข้าใจว่าไม่มี "เรา"
    มีแต่ " ธรรมะ"
    ดังนั้น
    การรู้ธรรมะ เป็นการรู้โดยปัญญา
    ไม่ใช่รู้โดย "เรา"
    น่าจะตรงกับคำว่า รู้ซื่อๆ(รู้โดยธาตุรู้)

    ความเข้าใจแบบนี้ถูกต้องไหมคับ
     
  2. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,869
    โดยส่วนตัวผมจะไม่ละความไม่รู้
    แต่ผมจะทำความเข้าใจความไม่รู้ที่มีอยู่หนะครับ

    อันไหนที่รู้สึกว่าเข้าใจได้จริงๆมันจะไม่มีอาการวกผุดขึ้นมาอีก
    อันไหนที่ยังเข้าใจไม่จริง มันจะมีวกผุดขึ้นมาอีกได้ครับ
     
  3. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ผิดมั้ง ฟังไปตลอดชาติ รู้ยังไง ก็ ละอวิชาในใจไม่ได้สักตัวหรอก
    ภาวนามยปัญญา ลองหาดูตามครูบาอาจารยเ์ทศน์สอน
     
  4. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,258
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    ภาษิต ว่า โยคาเว ชายะเตภูริ ปัญญาเกิดจากการปฏิบัติ

    การปฏิบัติ คือการรู้เฉพาะหน้า ก็คือการรู้เท่าทันปัจจุบัน

    จะรู้เท่าทันปัจจุบันได้ ต้องฝึกสร้างสติ ด้วยการ รู้ซื่อๆ ไปเรื่อยๆ

    สติที่เกิดขึ้นเองเป็นเองได้เมื่อไร มันจึงระรู้เท่าทันปัจจุบัน รู้ลงเฉพาะหน้า ปัญญาก็จะเกิดขึ้น
     
  5. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,869
    พักชมโฆษณา

     
  6. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,962
    ค่าพลัง:
    +1,481
    ผมคิดแบบนี้นะ ผมไม่รู้หรอกว่าลุงอยู่และเติบโตบนโลกใบนี้ เน้นว่าโลกใบนี้นานเท่าไหร่แล้ว แต่สิ่งที่ลุงมองไม่เห็นคือ ทุกสิ่งที่เป็นจริงถ้าคิดเป็นแต้มไม่ว่าจะลบจะบวกล้วนนับหมด ข้อสำคัญและสำคัญที่สุดคือ ควรระลึกได้ แม้ว่าเราจะบอกว่าภาวนาให้เป็นปัจจุบัน ต้องสังเกตนะว่า ทุกปัจจุบันล้วนมีอดีต อย่าได้ข้ามเรื่องนี้
    แล้วการทำสิ่งที่ลุงเข้าใจว่าถูก ซึ่งมันก็ถูก และควรจะถูกก็จะเป็นตามนั้น แม้ว่าจะเป็นการไม่คิดแต่ยังไงก็ละมันไม่ได้ ต้องระลึกมันให้ได้ถึงผ่านมันไปได้
    การละอวิชชาต้องละด้วยปัญญาคือ
    เริ่มต้นด้วย
    การฟังเป็นดับแรก (สุตตมยปัญญา)และฟังไปจนกว่าจะรู้และเข้าใจว่าไม่มี "เรา"
    มีแต่ " ธรรมะ"
    ดังนั้น
    การรู้ธรรมะ เป็นการรู้โดยปัญญา
    ไม่ใช่รู้โดย "เรา"
    น่าจะตรงกับคำว่า รู้ซื่อๆ(รู้โดยธาตุรู้)

    ความเข้าใจแบบนี้ถูกต้องไหมคับ
     
  7. Pngtree

    Pngtree เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2018
    โพสต์:
    1,609
    ค่าพลัง:
    +1,335
    มันน่าจะปัญญาขั้นภาวนามยฯ มั้งคะลุง .... และต้องเข้าพร้อมกันขณะจิตเดียวด้วย ถึงจะฆ่าอวิชชาได้
     
  8. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ไม่ใช่
    +++ คำว่า "สุตตมยปัญญา" ของลุงแมว
    +++ เป็นอาการ "ฟังแล้วคิด" จนกว่าจะ "พอใจ"
    +++ ว่า ไม่มี "เรา" มีแต่ "ธรรมะ"
    +++ พอถึงคำว่า "ธรรมะ"
    +++ ก็กลับเป็นสภาพ "ตื้อ ๆ ไม่มี/ไม่รู้/ไม่เห็น" ไปซะอีก
    +++ สำหรับคนที่ "ทำได้" เท่านั้นถึงจะ "ถูก" นะลุง
    +++ แต่สำหรับลุง ก็ให้ "ลองหยั่ง" ลงไปที่ "รู้ซื่อ ๆ" ของลุง
    +++ เฉพาะของลุงเท่านั้นนะ ดูซิว่า "มันใช่ธาตุรู้" ของลุงหรือป่าว...
     
    • โกรธ โกรธ x 5
    • ถูกใจ ถูกใจ x 4
    • รักเลย รักเลย x 1
    • ไม่เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย x 1
    • ดูรายการ
  9. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ สำหรับ "ผู้ที่ทำได้ เท่านั้น"
    +++ จะ "รู้" ได้เองว่า
    +++ ณ ขณะนั้น "ตนเป็น รู้/ไม่รู้"

    +++ สำหรับ "ผู้ที่ทำได้ เท่านั้น"
    +++ ณ ขณะที่เป็น "ไม่รู้"
    +++ จะไม่มีการ "แทรกแซง อาการไม่รู้"
    +++ เพียงแค่ "รู้" ว่า ณ ขณะนั้น "ตนเป็น ไม่รู้"
    +++ แล้วสภาวะ "ไม่รู้" จะ "จางคลายสลายสภาวะ ไปเอง"
    +++ แบบเดียวกันกับ "กลุ่มเมฆหมอก" ที่สลายตัวไป
    +++ กลายเป็น "สภาวะ ฟ้าแจ่มใส" ตามปกติ นั่นเอง
    +++ ตรงนี้ "เป็นอาการ ของ ผู้ที่ทำได้ แล้วเท่านั้น"

    +++ ตรงนี้ ลุงแมว "อ่านแล้ว คล้ายเข้าใจ"
    +++ แต่เอาจริง ๆ แล้ว มันก็ยัง "คัน ๆ อยู่ในใจ" นั่นแล...
    +++ เหตุเพราะ "อาการ" มันยังไม่เกิดกับ ลุงแมว นั่นเอง
    +++ ตรงนี้แหละ "สุตตมยปัญญา" ของลุงแมว
    +++ มันเป็น "ตะหงิด ๆ ตื้อ ๆ" อยู่ในใจของลุง หรือป่าว...

    +++ ให้ "อยู่" กับอาการ "ตื้อ ๆ เฉย ๆ" ตรงนั้นแหละ
    +++ ตรงนี้ "พวกนิยม อภิญญา/ฌานหัวตอ" ใฝ่ฝันกันมาก
    +++ หาหลักปฏิบัติกันให้ "มั่ว" ไปหมด กว่าจะผ่านตรงนี้ได้
    +++ ถ้าอธิบายตรงนี้จะ "เสียเวลามาก" จะข้ามไปเลย ก็แล้วกัน
    =====================================
    +++ ให้ลุงแมว "อยู่" กับอาการ "ตื้อ ๆ เฉย ๆ" ตรงนั้นแหละ
    +++ ไม่ต้องไป "หลุกหลิกทางจิต" อะไรให้มันเป็น "ลิง/ค่าง" อะไรเลย
    +++ แล้วอาการ "รู้อยู่แล้ว/รู้อยู่ดี/รู้ซื่อ ๆ" จะค่อย ๆ เข้ามา "จางคลายไม่รู้" ไปเอง
    +++ ตรงนี้แหละ ที่ครูบาอาจารย์ "สายพระป่าหลวงปู่มั่น" มักจะกล่าวถึง
    +++ ในแบบที่ว่า "เปลี่ยนเป็นรู้ ในขณะที่ไม่รู้" ทำนองนั้นแหละ

    +++ ตรงนี้ "พ้นอาการ" เดินจิต/แทรกแซงสภาวะ/กำหนด ทุกชนิด
    +++ ตรงนี้ "เป็นอาการ" ที่สภาวะ "ไม่รู้ สลายตัวไปเอง ตามธรรมชาติของมัน"
    +++ ตรงนี้ "เป็นอาการ" ที่กล่าวไว้ใน พระตรปิฏก ว่า "พ้นเมฆหมอกบดบัง"
    +++ ตรงนี้ "เป็นอาการ" สำหรับผู้ที่ "ทำได้แล้ว" เท่านั้น

    +++ ตรงนี้ "อาการ สุตตมยปัญญา" มาไม่ได้ มาไม่ถึง
    +++ ตรงนี้ "อาการ สุตตมยปัญญา" จะเป็นตัว "ขัดขวาง" ภาวนามย ฯ
    +++ ตรงนี้ "พ้นโดยสิ้นเชิง" จากอาการของ สุตตมยปัญญา ไปเลย

    +++ หากลุงแมว "ต้องการ รู้/ประสพการณ์ จริง ๆ" ก็ให้เริ่ม ตรง "วรรค" จาก
    +++ ให้ลุงแมว "อยู่" กับอาการ "ตื้อ ๆ เฉย ๆ" ตรงนั้นแหละ
    +++ แล้ว "ทำให้ได้" ก็จะ ทราบได้เอง นะครับ
     
    • โกรธ โกรธ x 5
    • ถูกใจ ถูกใจ x 4
    • รักเลย รักเลย x 1
    • ไม่เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย x 1
    • ดูรายการ
  10. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ตรงนี้ "เป็นเฉพาะ" ภาวนามยฯ เท่านั้น สุตตมยฯ "ไม่เกี่ยว"
    +++ ตรงนี้ "ไม่มี อาการของ ขณะจิต"
    +++ ตรงนี้เป็นอาการของ "สติสัมโพชฌงค์"
    +++ ที่ "ตั้งอยู่" (ในไตรลักษณ์ "พ้น เกิด/ดับ")
    +++ จนผ่าน "อุเบกขาสัมโพชฌงค์" ได้
    +++ อาการ "ไม่รู้" จึงจางคลาย "สลายตัว" ของมันไปเอง
    +++ เป็นอาการ "เมฆหมอก คลายตัวออกไป"
    +++ แล้วอาการ "สติกระจ่างแจ่มใส จะเป็นมาเอง"

    +++ ทำ "สติสัมโพชฌงค์ ให้ ตั้งอยู่"
    +++ จนพ้นอาการ "เกิด/ดับ" ทั้งปวง
    +++ จนกว่าจะ "รู้" อาการ "ก่อน เกิด/ดับ"
    +++ ว่าทั้งหมดมันเป็นเพียงแค่ "หมอก ฝ้า/ละออง"
    +++ ก่อนที่จะ "ปริวัติ กลายตัวมาเป็น แสง/สี/เสียง แห่ง วิญญาณขันธ์"

    +++ ทำ "สติสัมโพชฌงค์ ให้ ตั้งอยู่"
    +++ จนรู้จักอาการ "หมอก ฝ้า/ละออง" เกิดขึ้น/ตั้งอยู่/ดับไป
    +++ แต่ "สติสัมโพชฌงค์ ก็ยัง ตั้งอยู่ อย่างนั้น" ไม่มี/ไม่เป็น อะไรเลย
    +++ ตรงนี้เท่านั้นที่ "สติสัมโพชฌงค์ เดินผ่าน อุเบกขาสัมโภชฌงค์" จนจบสิ้น

    +++ และตรงนี้เท่านั้น ที่จะ "รู้จักอาการของ ขณะจิต เกิด/ดับ ได้"
    +++ ขณะจิต เกิด/ดับ เป็นเรื่อง "ข้างใน กลุ่มเมฆหมอก ที่เกิดมาก่อนแล้ว"
    +++ มันจะ "เกิด/ดับ" กี่พันล้านครั้ง ก็ช่าง
    +++ ตราบใดที่มันยังอยู่ใน "กลุ่มเมฆหมอก" ที่เป็น "ผู้สร้าง จิตเกิด/ดับ"
    +++ ตราบนั้น มันก็ยัง "เกิด/ดับ" เรื่อยไป ตลอดกาลนาน

    +++ จนกว่า "สติสัมโพชฌงค์ จะเดินผ่าน อุเบกขาสัมโภชฌงค์" จนจบสิ้น
    +++ สติสัมโพชฌงค์ ก็จะเป็นอาการ "ตั้งอยู่"
    +++ โดยพ้นภาค "เกิด/ดับ" ที่อยู่ข้างใน "เมฆหมอกแห่ง ไม่รู้" ได้เอง

    +++ โพชฌงค์ 7 เป็น "หลักปฏิบัติ" ที่พระพุทธเจ้า ทรงวางไว้ให้
    +++ ที่สำคัญ คือ "ต้องรู้จัก และ ทำ" สติสัมโพชฌงค์ ให้ได้เสียก่อน
    +++ ถ้า "ไม่รู้จัก สติสัมโพชฌงค์" ก็ให้ทำ "สติปัฏฐาน 4" ไปก่อน
    +++ แต่ถ้า "ไม่รู้จัก สติปัฏฐาน 4" ก็ให้ทำ "อานาปานสติ" ไปก่อน
    +++ แต่ถ้า "ไม่รู้จัก อานาปานสติ" ก็ให้ไปเลือกทำ "ในกรรม-ฐาน 40" ไปก่อน

    +++ หาก "ทำ" อะไรไม่เกิดผลเลย
    +++ ก็ให้ "พยายาม" ทำให้ได้นิสัย "ติดตัว" ไปใน ชาติ/ภพ อื่น ต่อไป
    +++ หาก "ไม่พยายาม" ก็ไม่เป็นไร
    +++ ก็ "ให้ระลึก" ว่าเคย "พบ" พระพุทธศาสนา มาก่อน

    +++ หาก "ทำ" อะไรไม่ได้เลย จริง
    +++ ก็ให้ "พยายาม จดจำ" ไว้
    +++ จัดเป็น "สุตตมยปัญญา" อันเป็นประโยชน์

    +++ ก็ค่อย ๆ ลดหลั่น ตามลำดับชั้นลงไปเรื่อย ๆ
    +++ ผู้ใดจะเริ่มจาก "สุตตมยปัญญา"
    +++ เลื่อนลำดับชั้น ขึ้นไปเรื่อย ๆ ก็ตามสะดวก
    +++ อย่าไป ตำหนิ เขาเลย วาสนาเขามีมาแค่นั้น

    +++ ยกเว้นพวก เอา "สุตตมยปัญญา"
    +++ มาอวดอ้างว่าเหนือกว่า "ภาวนามยปัญญา"
    +++ แล้วลงท้ายด้วยการ "เพ่งโทษ" อันเป็นการ "จมลง"
    +++ พวกนี้จึงเป็น "บัวที่ พ้นตมไม่ได้"
    +++ หาก "เขี่ยแล้ว ไม่ขึ้นก็ อย่าไปเสียเวลากับมัน"
    +++ เอาเวลาไปทำประโยชน์อื่นดีกว่า ก็แค่นี้แล....
     
    • โกรธ โกรธ x 5
    • ถูกใจ ถูกใจ x 4
    • รักเลย รักเลย x 1
    • ไม่เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย x 1
    • ดูรายการ
  11. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    โอว์คับ....ไม่มีไรจะพูดคับ มีแต่จะปล่อย
    คำถามเพื่อหาความเข้าใจที่ถูกต้อง
    ตามอริยสัจจ์จาก
    ผู้ที่ได้ศึกษามาดีแล้ว
    คับ
     
  12. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ลึกซึ้งครับ อวิชชามองไม่เห็น ก็ฟังเอา
     
  13. ไม่ใช่ตัวตน

    ไม่ใช่ตัวตน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2018
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +175
    อวิชชาดับลง

    วิชชาเกิดขึ้น


    ก็อยู่ที่พฤติกรรม ของการตอบ ก็อาจประมาทได้
    เหมือนเราเคยทำแบบนี้บ่อย คริๆ พอใจ

    อยู่ที่คนจริตเดียวกันที่จะพึ่งพากันได้ หากมีวิชชา
     
  14. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    ปัญญาเป็นแสงส่วาง ส่องในที่มืด
     
  15. ไม่ใช่ตัวตน

    ไม่ใช่ตัวตน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2018
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +175
    อวิชชา คล้ายๆ อาการ พฤติกรรม ของความงมงาย

    ลักษณะ จิตใจอ่อนแอ ไม่มีตนเป็นที่พึ่ง

    ความมีเรา คล้ายๆ ปกปิด พฤติกรรมของความเป็นเรา จึงแสดงไปตามความเป็นตาเป็นตา คล้ายลักษณะจองจำทางสังคม

    คนจะชั่ว ก็ไม่รู้ทุกข์
    คนจะดี ก็ไม่รู้ทุกข์

    จำแนกกรรมไปต่างๆตามวาระ

    หากวิชชา ความรู้เกิดขึ้น อาศัยร่วมกัน คำจริงย่อมมี

    มรรคมีองศ์ 8โลกไม่ว่างเว้น พระอรหันต์
     
  16. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    แน่นอนถ้ามีผู้ประพฤติมรรคมีองค์ 8
    ขององค์พระสัมมาฯ
    ย่อมยังพระอริยบุคคลให้บังเกิดบนโลก
    ตลอดไป
     
  17. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    อวิชชา ตัณหา อุปปาทาน
    จะเข้าใจได้เมื่อดูวงจรปฏิจจสมุปบาทะ
     
  18. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    ส่วนตัวละด้วยบุญกุศลและการหมั่นทำความดีคะ
    เรียกว่าบารมี
    ศิล สมาธิ ปัญญา
    เพราะเราต่างสะสมมาไม่เหมือนกัน
    ทั้งหมดทั้งสิ้นต้อง สั่งสมมาพอสมควรแก่เวลา
    เหมือนปิดทองหลังพระถึงเวลา ก็ไหลออกมาข้างหน้าเอง
    หากจะว่าไปแล้ว
    ศิลก็เป็นที่มั่น ที่มั่นคง พอสมควร
    และ ศรัทธาที่มั่นคง จะทำให้เราไม่ไปทำสิ่งที่ชั่ว
    เมื่อเราศรัทธา อย่างแท้จริง จริงๆ
    ทุกอย่างจะไม่สั่นคลอน มันจะทำเห็นเส้นทางที่จะเเนไปได้
    ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องหมั่นตรวจสอบ ตัวเอง และ เข้าใกล้ครูบารอาจารย์ เพื่อให้ท่านชี้แนะแนวทาง

    หากถ้าตั้งไว้ดีแล้วก็จะไม่มีการสะกิด
    ถ้ามีการสกิด ก็ต้องปรับปรุงตัวเอง
    หากว่าตามแนวทางตัวเองนะคะ
     
  19. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    ส่วนตัวคือ
    คำชี้แนะของครูบารอาจารย์
    สำคัญมากคะ
     
  20. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    555 จะแก้ให้มันเป็นยังงัยฮับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...