บันทึกโลกใหม่(New World Notes) / New normal

คำนำ
​

1.เพื่อบันทึกการเปลี่ยนแปลงที่ดีต่างๆ ที่เกิดขึ้นจริงในโลกยุคใหม่
2.รอการปรับปรุง
3.รอการปรับปรุง
4.......
5.......

ด้วยรักแท้จริง
ลุงวสุธรรม (58ปีครับ)

 

New Normal ปรากฏการณ์สิ่งใหม่ที่อาจเกิดขึ้นเพราะโควิด-19


ทุกวันนี้เราใช้ชีวิตกันปลอดภัยหรือยัง หลังได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ไม่มากก็น้อย แต่ที่แน่ๆ ก็คือ หากโรคนี้หยุดระบาดเมื่อไหร่ พฤติกรรมบางอย่างของพวกเราต้องเปลี่ยนไปแน่ๆ ยกตัวอย่างเช่น การสวมหน้ากากผ้าตลอดเวลาที่อยู่ในห้องปิด หรือพนักงานอาจจะขอ Work from Home ทันทีเมื่อรู้ว่าตัวเองป่วยด้วยอาการไอจามเพื่อแสดงความรับผิดชอบของสังคม

ก่อนหน้านี้ เราต่างใช้ชีวิตกันโดยที่ไม่รู้ว่าพฤติกรรมเดิมเอื้อต่อการระบาดของโรคใดโรคหนึ่งอยู่หรือเปล่า ตอนนี้โควิด-19 เริ่มถูกพูดถึงว่าเป็นสาเหตุให้เกิดความปกติในรูปแบบใหม่ (New Normal) ในเร็วๆ นี้หรือไม่

ความหมายของความปกติในรูปแบบใหม่ (New Normal)
ความปกติในรูปแบบใหม่ (New Normal) เป็นคำที่ Bill Gross ผู้จัดการกองทุนชื่อดังของสหรัฐอเมริกา ที่โด่งดังในชวงวิกฤติการเงินสำคัญๆ ของโลก ได้กล่าวไว้ในปี 2008 ซึ่งหมายถึงพฤติกรรมของคนในสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปหลังจากเกิดเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง เช่น การถือกำเนิดขึ้นของอินเทอร์เน็ต ส่งผลให้รูปแบบการใช้ชีวิตของคนในสังคมเปลี่ยนแปลงไป

เมื่อการกักตัว 14 วันผ่านพ้นไป คนทั้งโลกมองไปยังประเทศจีนเป็นประเทศแรกว่าจะปรับตัวกับโควิด-19 อย่างไร ในแต่ละประเทศจะเกิดสิ่งใหม่หลังโควิด-19 ที่ไม่เหมือนกัน เนื่องจากมีรูปแบบการใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงเหมือนกันทั่วโลกก็คือ การใส่ใจสุขอนามัยของตัวเองมากขึ้น อย่างการสวมหน้ากากอนามัยเมื่อออกจากบ้าน หรือการทักทายด้วยวิธีสัมผัสร่างกายจะต้องเป็นสิ่งใหม่ที่ถูกทบทวน ความปกติในรูปแบบใหม่ (New Normal) ที่เกิดขึ้นในประเทศจีน มีดังนี้


ปรากฏการณ์สิ่งใหม่ (New Normal) ในด้านธุรกิจ

ปัจจุบันนี้บริษัท และธุรกิจต่างๆ ก็เปิดให้บริการได้แล้ว โรงงานก็เปิดให้ลูกจ้างเข้าไปทำงานได้มากขึ้น การกลับมาใช้ชีวิตนอกบ้านไม่ได้แปลว่าไวรัสหยุดระบาดไปแล้ว แต่เป็นความร่วมมือร่วมใจกันดูแลตัวเองและปฏิบัติตามแผนของผู้นำท้องถิ่น และใครที่มีโอกาสเป็นกลุ่มเสี่ยงก็ต้องกักตัวเอง 14 วัน รวมถึงคนที่ไม่ป่วยก็ต้องวัดไข้และสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันในทุกๆ วัน

เหตุการณ์นี้พอเป็นไกด์ไลน์แก่ประเทศอื่นๆ ที่กำลังเผชิญโรคระบาดนี้ได้ว่าหากโควิด-19 ยังไม่จบ เราจะดำเนินธุรกิจต่อไปได้หรือเปล่า ดูตัวอย่างจากจีนกสรุปได้ว่าธุรกิจไปต่อได้ แต่ต้องควบคู่กับการดูแลสุขภาพของแรงงานและสิ่งที่จะทำให้การกักตัวปิดเมืองไม่ประสบความสำเร็จคือความล้มเหลวของรบบการดูแลสุขภาพของประชากร หากทุกคนไม่ให้ความร่วมมือ โรคระบาดก็อาจอยู่ทำลายเศรษฐกิจไปอีกนาน

ตัวอย่าง สิ่งใหม่ที่จะเกิดขึ้นในที่ทำงาน
- ทุกคนสวมหน้ากากอนามัยในห้องปิด
- การจัดโต๊ะนั่งของพนักงานจะถูกปรับเปลี่ยนให้ห่างกัน
- งานของแม่บ้านจะเพิ่มขึ้นด้วยหน้าที่ที่ต้องเปิดหน้าต่างห้องทำงานให้อากาศระบายบ่อยๆ
- การพ่นยาฆ่าเชื้อทั้งตึกจะถูกบรรจุอยู่ในเรื่องความปลอดภัยให้สำคัญพอกับการฉีดปลวก
- พนักงานจะได้รับอนุญาตให้ลาทำงาน Work from Home ได้หากมีอาการไอ จาม ตัวร้อน

สิ่งที่ตามมาก็คือ บริษัทจะต้องลงทุนจัดเก็บข้อมูลผ่าน Cloud มากขึ้น และจัดระบบสวัสดิการให้กับพนักงานใหม่โดยคำนึงถึงวันลาทำงานอยู่บ้าน หรือการเลือกใช้คอมพิวเตอร์แล็ปท็อปแทนคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะเพื่อให้มีความคล่องตัวมากขึ้น รวมถึงการจัดรถรับส่งพนักงานเพื่อลดโอกาสการรับเชื้อจากสิ่งแวดล้อม

ปรากฏการณ์สิ่งใหม่ (New Normal) ในด้านเทคโนโลยี

โควิด-19 กดดันให้ประชากรพัฒนาความสามารถทางเทคโนโลยีมากขึ้น เราติดต่อกันผ่านระบบออนไลน์มากขึ้นจนเกิดคำถามว่าหากต้องอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ไปนานๆ เราจะสามารถใช้ทรัพยากรอินเทอร์เน็ตได้อย่างเพียงพอต่อความต้องการหรือเปล่า

กรณีการใช้เทคโนโลยีสังคมไร้เงินสด เมื่อเราต้องโอนเงิน ชำระบิล ทำธุรกรรมออนไลน์พร้อมๆ กันหลายล้านคนต่อวินาที แอปพลิเคชันของธนาคารต่างๆ มีความพร้อมที่จะรองรับ Transection นี้หรือไม่ และมีความปลอดภัยเพียงพอหรือเปล่า รวมถึงอุปกรณ์ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ เป็นมือถือระบบ 3G, 4G แต่อนาคตที่กำลังจะเปิดใช้ 5G นั้น จะต้องเปลี่ยนอุปกรณ์เพื่อใช้เทคโนโลยี 5G นี้ได้ จึงเป็นแนวโน้มสำคัญว่าปี 2020 เป็นต้นไป ประชาชนจะหันมาใช้โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต และโน้ตบุ๊กทั้งหมดที่เชื่อมต่อสัญญาณไร้สายที่รับ 5G ได้ เพราะมีความเร็วเทียบเท่าการใช้เน็ตบ้านนั่นเอง

ตัวอย่างสิ่งใหม่ที่จะเกิดขึ้นในด้านเทคโนโลยี
- ผู้บริโภคจะหันไปใช้อุปกรณ์ที่รองรับอินเทอร์เน็ตได้ดีที่สุด
- แพ็กเกจอินเทอร์เน็ตและค่าโทรต่างๆ จะต้องปรับราคาเพื่อแข่งขันกันมากขึ้น


ปรากฏการณ์สิ่งใหม่ (New Normal) ในด้านการบริโภค

โควิด-19 ทำให้เกิดคำถามที่ว่าอาหารที่เรารับประทานนั้นสะอาดแค่ไหน ถ้าเราไม่ได้เป็นผู้ประกอบอาหารเองจะมั่นใจในความสะอาดได้หรือเปล่า รวมถึงกระบวนการจัดส่งอาหารสด อาหารแปรรูป ผัก ฯลฯ ทั้งหมดเห่านี้เป็นคำถามที่ทุกคนบนโลกกำลังให้ความสนใจพร้อมๆ กัน

ส่วนหนึ่งของความรุนแรงโรคโควิด-19 ที่มาจาจากโรคแทรกซ้อนมาจากการบริโภคอาหารรสจัด หวาน มัน เค็ม อันเป็นสาเหตุส่งผลให้เกิดโรคที่เกิดจากพฤติกรรมการกิน ได้แก่ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคมะเร็ง ฯลฯ ผู้ที่เป็นโรคเหล่านี้มีโอกาสเกิดความรุนแรงเมื่อติดเชื้อโควิด-19 ดังนั้นเรื่องการกินจะต้องใส่ใจตั้งแต่วันนี้

ตัวอย่าง สิ่งใหม่ที่จะเกิดขึ้นในพฤติกรรมการบริโภค
- เมื่อเราใช้วิธีการสั่งซื้ออาหารออนไลน์กันมากขึ้น หน้าร้านต่างๆ มีระบบจัดการรอคิวเพื่อความปลอดภัยให้แก่พนักงานส่งอาหารหรือไม่ จากบางร้านที่เคยตั้งเก้าอี้ให้นั่งรอ อาจจัดระบบให้คอยเพื่อรักษาความสะอาดของอาหารด้วย
- ซึ่งเชื่อว่าหลังจากนี้การนั่งรับประทานอาหารที่ร้านหลังโควิด-19 จบ จะไม่เป็นที่นิยมเท่าแต่ก่อน
- ร้านอาหารต่างๆ อาจจะต้องจัดโปรโมชั่นเพื่อให้คนรู้จักร้านมากขึ้น
- จำนวนผู้ที่สั่งกลับบ้านมากขึ้นทำให้ทางร้านต้องลดการจ้างพนักงานเสิร์ฟ
- บรรจุภัณฑ์ต่างๆ ที่เป็นพลาสติกขยะจะต้องได้รับการควบคุมมากขึ้นด้วย

ปรากฏการณ์สิ่งใหม่ (New Normal) ในสถาบันการศึกษา


เด็กเล็กตกเป็นกลุ่มเสี่ยงโควิด-19 เพราะภูมิต้านทานยังน้อย และมักมีอาการรุนแรงหากได้รับโรคต่างๆ โรคระบาดในเด็กเล็กวัยอนุบาล และประถมศึกษามักติดต่อกันอย่างรวดเร็ว เพราะต้องใช้เวลาเรียนในห้องนานๆ และนั่งติดกับเพื่อนๆ เป็นไปได้ว่าช่วงโควิดนี้จะทำให้เด็กๆ ต้องเรียนออนไลน์อยู่ที่บ้าน หรือต้องลดเวลาเรียนลง

ตัวอย่างสิ่งใหม่ที่จะเกิดขึ้นในระบบการศึกษา
- วัคซีนเสริมบางตัวอาจถูกบรรจุเป็นวัคซีนหลักเพื่อให้เด็กไทยได้รับโอกาสฉีดวัคซีนมากขึ้น
- ปลูกฝังให้เด็กเล็กสวมหน้ากากอนามัยตั้งแต่ชั้นอนุบาล
- สวมใส่หน้ากากอนามัยก่อนเข้าเรียน-สอบ
- เพิ่มจำนวนก๊อกน้ำให้เด็กๆ ได้ล้างมือได้มากขึ้น
- ช่วงเวลาปล่อยพักของเด็กแต่ละชั้นไม่ควรพักพร้อมกัน ลดความแออัดของโรงอาหาร
- เปลี่ยนระบบการเรียนการสอนออนไลน์ รองรับสถานการณ์ Learn from home

ปรากฏการณ์สิ่งใหม่ (New Normal) ในด้านศาสนา

ในประเทศอิตาลี พบจำนวนบาทหลวงเสียชีวิตจากโควิด-19 อย่างน่าใจหาย เพราะเกิดจากพฤติกรรมระหว่างปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนาเพื่อบรรเทาทุกข์ให้แก่ผู้ป่วยที่ขาดกำลังใจ เมื่อมีการสัมผัสมือ (หรือแม้กระทั่งเช็ดน้ำตาให้กัน) ก็ทำให้ติดเชื้อโควิด-19 อย่างง่ายดาย

แม้กระทั่งประเทศไทยเองก็พบพระสงฆ์ สามเณรที่ต้องกักตัวเองเพื่อเฝ้าระวังการติดเชื้อโควิด-19 อยู่มาก เนื่องจากบุคคลลกลุ่มนี้มักต้องพบเจอกับคนหมู่มากอยู่เสมอ เริ่มจากช่วงเช้าที่ต้องเดินบิณฑบาต ระหว่างชาวบ้านมาวันถวายเพล นิมนต์เชิญไปงานพิธีสำคัญๆ ตอนเย็นมีสวดอภิธรรม ซึ่งตอนนี้โควิด-19 ทำให้นักบวชทั่วโลกต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น


นอกจาก Social Distancing ที่ทำให้เราต้องเว้นระยะห่างในการพูดคุยมีปฏิสัมพันธ์กัน หลังจบสถานการณ์โควิด-19 ระบาดไปแล้ว คาดว่าผู้คนส่วนหนึ่งจะปรับตัวเพื่อป้องกันการติดต่อโรคทางเดินหายใจกันมากขึ้น โดยเปลี่ยนจากพฤติกรรมเดิมๆ ทีละเล็กละน้อย หรือเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด เพื่อป้องกันตัวเอง และป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคมากขึ้น ซึ่งโควิด-19 ทำให้เราทุกคนต้องปรับตัวกันในระยะยาว

ในด้านเศรษฐศาสตร์ “New Normal” ถูกแปลว่า “ความปกติใหม่” ซึ่งวัดเป็นตัวเลขที่มีผลต่อระบบเศรษฐกิจภาพรวม ในอนาคตไทยรัฐออนไลน์จะนำมาเจาะประเด็นนี้อีกครั้ง โปรดรอติดตาม


ที่มา :
1. เว็บไซต์หอสมุดแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
2. www.vaticannews.va

 

ช่องโหว่ชั้นโอโซนฟื้นตัว ปิดแคบลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลเปลี่ยนทิศทางลมกระแสหลักของโลกกลับเป็นปกติ



ท่ามกลางข่าวร้ายเรื่องโรคระบาดที่กำลังถาโถมเข้ามา ยังมีข่าวดีด้านสิ่งแวดล้อมอยู่บ้าง โดยมีรายงานว่าช่องโหว่ในชั้นโอโซนของบรรยากาศโลกยังคงมีแนวโน้มจะปิดแคบลงเรื่อย ๆ และมีการฟื้นคืนสภาพมากพอ จนเริ่มส่งผลดีต่อระบบภูมิอากาศของโลกโดยรวม

ผลการศึกษาของทีมนักวิทยาศาสตร์นานาชาติจากแคนาดา สหรัฐฯ และออสเตรเลีย ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Nature พบว่าการหนาตัวขึ้นของชั้นโอโซนที่เคยได้รับความเสียหาย ทำให้กระแสลมกรดซีกโลกใต้ (Southern Jet Stream) พัดกลับคืนสู่ทิศทางที่ควรจะเป็น จนหลายภูมิภาคในซีกโลกใต้ไม่ต้องเผชิญกับสภาพอากาศรุนแรงบ่อยครั้งเหมือนเดิม

ก่อนหน้านี้มีงานวิจัยที่พบว่า ช่องโหว่ในชั้นโอโซนส่งผลรบกวนต่อสภาพอากาศโดยรวมของโลกได้ โดยการใช้สารเคมีจำพวกคลอโรฟลูโอโรคาร์บอน (ซีเอฟซี) ซึ่งมักใช้เป็นสารทำความเย็นและใช้ในการผลิตสเปรย์ต่าง ๆ เป็นตัวการทำลายชั้นโอโซนให้บางลง

อย่างไรก็ตาม พิธีสารมอนทรีออลที่นานาประเทศลงนามเมื่อปี 1987 ได้จำกัดการใช้สารซีเอฟซีอย่างได้ผล ทำให้ช่องโหว่ของชั้นโอโซนขนาดมหึมาเหนือขั้วโลกใต้เริ่มหดแคบลง โดยภาพถ่ายดาวเทียมเมื่อเดือนก.ย.ของปีที่แล้ว ชี้ให้เห็นว่าช่องโหว่ดังกล่าวมีขนาดลดลงมาอยู่ที่ 16.4 ล้านตารางกิโลเมตร ซึ่งเป็นขนาดเล็กที่สุดนับแต่ปี 1982

ดร. อันทารา บาเนอร์จี ผู้นำทีมวิจัยจากองค์การบริหารงานด้านมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐฯ หรือโนอา (NOAA) บอกว่าก่อนช่วงปี ค.ศ. 2000 กระแสลมกรดซีกโลกใต้ ซึ่งเป็นลมพัดเร็วกระแสหลักสายหนึ่งของระบบไหลเวียนในบรรยากาศโลก ได้เริ่มเบี่ยงทิศทางลงมายังด้านทิศใต้มากขึ้น โดยมีความเปลี่ยนแปลงเฉลี่ยที่ราว 1 องศาละติจูดในทุก 10 ปี ทำให้หลายพื้นที่ในซีกโลกใต้ต้องพบกับสภาพภูมิอากาศแปรปรวน


แต่หลังจากเริ่มต้นสหัสวรรษใหม่เป็นต้นมา ทีมผู้วิจัยพบว่ากระแสลมกรดซีกโลกใต้หยุดการเปลี่ยนแปลงในลักษณะดังกล่าว และเริ่มพัดกลับไปในทิศทางเดิม ทำให้คาดการณ์ได้ว่าออสเตรเลียจะไม่ต้องเผชิญกับภัยแล้งที่รุนแรงมากเท่ากับที่ผ่านมา เนื่องจากกระแสลมกรดซีกโลกใต้จะไม่ผลักเอาพายุฝนออกไปห่างชายฝั่งอีกต่อไป

ส่วนประเทศแถบอเมริกาใต้ตอนกลาง เช่นปารากวัย อุรุกวัย บราซิลตอนใต้ และอาร์เจนตินาตอนเหนือ อาจมีปริมาณฝนลดลง แต่ภูมิภาคแถบพาตาโกเนียอย่างชิลีและอาร์เจนตินาตอนใต้จะมีฝนตกมากขึ้น และจะมีระดับความเข้มของรังสีอัลตราไวโอเลตที่เป็นอันตรายลดลงด้วย

"แต่ข่าวดีนี้อาจยังไม่ดีพอ หากเรายังไม่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งจะไปบั่นทอนผลดีที่เกิดจากการฟื้นฟูชั้นโอโซนให้ลดลง นอกจากนี้ เรายังคงไม่ทราบว่าชั้นโอโซนที่หนาตัวขึ้น จะช่วยชะลอการละลายของธารน้ำแข็งในทวีปแอนตาร์กติกาได้ด้วยหรือไม่" ดร. บาเนอร์จีกล่าว

 

ชาวอินเดียตกตะลึง เมื่อสามารถมองเห็น “เทือกเขาหิมาลัย” ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี!!


งานนี้ชาวอินเดียจำนวนไม่น้อยถึงกับช็อกไปเลยเหมือนกัน เมื่อล่าสุดพวกเขาสามารถมองเห็นสิ่งที่ไม่ได้เห็นมานานกว่า 30 ปีได้ด้วยตาเปล่าจากบ้านของตัวเอง และสิ่งที่ว่านั้นก็คือ ‘เทือกเขาหิมาลัย’


ภาพเทือกเขาหิมาลัย ที่สามารถมองเห็นได้จากประเทศอินเดีย (3 เมษายน 2020)


.




ชาวอินเดียจำนวนมากร่วมกันแชร์ภาพสุดประทับใจนี้ลงในโลกโซเชียล หลังจากที่พวกเขาสามารถมองเห็นเทือกเขาหิมาลัยจากบ้านของตัวเองได้เป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี

โดยภาพส่วนใหญ่นั้นถูกถ่ายเอาไว้โดยประชาชนที่อา
ศัยอยู่ในเมืองชลันธระ รัฐปัญจาบ ซึ่งอยู่ห่างจากเทือกเขาหิมาลัยมาประมาณ 200 กิโลเมตร



TjSingh@covsinghtj
Himalaya mountains can be seen from Jalandhar since pollution has reduced in Punjab. Beautiful sight #punjab #COVID19 #pollution



11K
10:42 PM - Apr 3, 2020
Twitter Ads info and privacy

4,168 people are talking about this

Balbir Singh Seechewal ผู้นำกลุ่มรณรงค์ต่อต้านมลพิษในรัฐปัญจาบ กล่าวว่า…
“เราสามารถมองเห็นเทือกเขาที่ถูกหิมะปกคลุมได้อย่างชัดเจน ไม่ใช่แค่นั้น เรายังสามารถมองเห็นดวงดาวได้ในตอนกลางคืน ซึ่งผมไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเลย”


Harbhajan Turbanator

✔@harbhajan_singh

Never seen Dhauladar range from my home rooftop in Jalandhar..never could imagine that’s possible..clear indication of the impact the pollution has done by us to Mother Earth .. this is the view



15.6K
3:33 PM - Apr 3, 2020
Twitter Ads info and privacy
2,035 people are talking about this
โดยหลายคนต่างบอกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ทำให้รัฐบาลต้องออกมาตรการการกักตัว ประชาชนต้องอยู่แต่ในบ้าน ทำให้มลพิษทางอากาศลดน้อยลง ท้องฟ้าปลอดโปร่งยิ่งกว่าเดิม

และมันก็น่าจะเป็นอย่างที่พวกเขาคิด เพราะจากข้อมูลของ หน่วยข่าวกรองข้อมูลในอินเดีย (DIU) กล่าวว่าตั้งแต่วันที่ 16-27 มีนาคม 2020 ที่ผ่านมา คุณภาพอากาศโดยรวมทั่วประเทศดีขึ้นกว่าเดิมถึง 33 เปอร์เซ็นต์

“จากที่ค่าเฉลี่ยดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) ในช่วงวันที่ 16-24 มีนาคมนั้นสูงถึง 115 ทว่าหลังจากการใช้มาตรการการกักตัวเพียงแค่ 3 วัน สภาพอากาศก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ค่าเฉลี่ยลดลงไปจนเหลือเพียง 75 เท่านั้น”



Khawar S Khawaja@khawajaks

A picture captured today from sialkot LOC . Kashmir mountains. This kind of clear we are seeing after around more than 30 years



5,004
10:20 PM - Apr 4, 2020
Twitter Ads info and privacy
1,456 people are talking about this

.


Soul of a Warrior@Deewalia
What nature really is and how we screwed it up.

This is Dhauladhar mountain range of Himachal, visible after 30 yrs, from Jalandhar (Punjab) after pollution drops to its lowest level. This is approx. 200 km away straight. #Lockdown21 #MotherNature #Global healing.



1,015
9:21 PM - Apr 3, 2020 · New Delhi, India
Twitter Ads info and privacy
534 people are talking about this

เมื่อมลพิษทางอากาศที่ลดลง อากาศปลอดโปร่งขึ้น จึงนำไปสู่สาเหตุที่ทำให้คนอินเดียเหล่านี้ได้ตื่นมาเห็นภาพสวยๆ ของเทือกเขาหิมาลัยแบบนี้ล่ะนะ

 

5
รอการปรับปรุง

 

ทั่วประเทศ! มหาดไทยเผย สั่งห้ามขายเหล้าครบทุกจังหวัดแล้ว



วันนี้ (12 เม.ย.) ศูนย์อำนวยการบริหารสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) โดย กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.) เปิดเผยว่า หลังจากที่กรุงเทพมหานคร ประกาศงดจำหน่ายสุราในช่วงระหว่างวันที่ 10 - 20 เม.ย. 2563 ล่าสุด ผู้ว่าราชการจังหวัด ทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศ ในฐานะผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัด ได้พิจารณาออกคำสั่งปิดร้านค้าและสถานประกอบการจำหน่ายสุราเป็นการชั่วคราว เพื่อลดความเสี่ยงของประชาชนในการสัมผัสเชื้อโรคในช่วงการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ซึ่งมีรายละเอียดวันและจังหวัด ดังนี้

1.ปิดถึงวันที่ 15 เม.ย. จำนวน 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดระยอง ระนอง บึงกาฬ กระบี่

2.ปิดถึงวันที่ 16 เม.ย. จำนวน 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสกลนคร ยะลา พิจิตร ลพบุรี พระนครศรีอยุธยา เชียงราย และแม่ฮ่องสอน

3.ปิดถึงวันที่ 17 เม.ย.จำนวน 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดอำนาจเจริญ อุตรดิตถ์ กาฬสินธุ์ ยโสธร สุราษฎร์ธานี ขอนแก่น

4.ปิดถึงวันที่ 18 เม.ย. จำนวน 2 จังหวัดได้แก่ จังหวัดเพชรบูรณ์ และนครราชสีมา

5.ปิดถึงวันที่ 19 เม.ย.จำนวน 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดน่าน ฉะเชิงเทรา นครนายก ปทุมธานี ตราด ราชบุรี สงขลา สตูล

6.ปิดถึงวันที่ 20 เม.ย. จำนวน 19 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสมุทรสาคร กำแพงเพชร เชียงใหม่ หนองบัวลำภู แพร่ ชัยภูมิ สมุทรปราการ อ่างทอง ลำปาง สุโขทัย อุทัยธานี นนทบุรี ตาก พะเยา นราธิวาส หนองคาย นครสวรรค์ สิงห์บุรี และมหาสารคาม

7.ปิดถึงวันที่ 22 เม.ย จำนวน 1 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดปัตตานี (ตั้งแต่วันที่ 13 เม.ย.)

8.ปิดถึงวันที่ 30 เม.ย. จำนวน 27 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดลำพูน บุรีรัมย์ สุรินทร์ นครปฐม สมุทรสงคราม ร้อยเอ็ด ชัยนาท สุพรรณบุรี มุกดาหาร ประจวบคีรีขันธ์ อุบลราชธานี กาญจนบุรี ปราจีนบุรี ตรัง จันทบุรี ชลบุรี ศรีสะเกษ อุดรธานี ชุมพร สระบุรี สระแก้ว เพชรบุรี นครพนม พังงา พัทลุง เลย และนครศรีธรรมราช (นครศรีธรรมราช ตั้งแต่ 13 เม.ย.)


9.ปิดจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง จำนวน 2 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก และภูเก็ต




ที่มา
https://www.sanook.com/news/8078774/

 

น้ำในแม่น้ำคงคาเหมาะสำหรับดื่มที่ Haridwar, Rishikesh ในช่วงเวลาที่อินเดียถูกล็อค
-แปลด้วยกูเกิ้ล-

เครดิต: iStock

เมื่อแม่น้ำยามูนาโบราณในนิวเดลีถึงระดับความบริสุทธิ์อันน่าทึ่งเนื่องจากไม่มีสารมลพิษทางอุตสาหกรรมในช่วงไม่กี่วันสุดท้ายของการปิดล้อมทั่วประเทศอินเดียแม่น้ำคงคาจะแสดงน้ำใสเปล่งประกายสู่ประเทศได้อย่างไร

มีข่าวว่าน้ำ Ganga ที่RishikeshและHaridwarสะอาดมากตามการสำรวจของ BD Joshi นักวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมและอดีตศาสตราจารย์ที่ Gurukul Kangri University ตามที่ Joshi กล่าวว่าเป็นเวลานานแล้วที่น้ำคงคาได้กลายเป็นสิ่งที่ดีสำหรับ achaman (พิธีกรรมการจิบ) ใน Haridwar Joshi ยังเสริมด้วยว่าสาเหตุที่อยู่เบื้องหลังน้ำ Ganga ที่ทำความสะอาดนั้นลดลง 500% จากปริมาณของแข็งที่ละลายทั้งหมด (TDS), ของเสียจากอุตสาหกรรม, dharmashalasน้ำเสียจากโรงแรมและบ้านพัก

เครดิต: iStock




ในอีกทางหนึ่ง Tanmay Vashishth, Ganga Sabha เลขาธิการทั่วไปบอกกับ TOI ว่า Ganga ไม่เคยปรากฏตัวที่สะอาดมาก่อน RK Kathait เจ้าหน้าที่ประจำภูมิภาคคณะกรรมการควบคุมมลพิษ (PCB) กล่าวว่ามีความแตกต่างในคุณภาพของน้ำคงคา เห็นได้ชัดว่าการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นเนื่องจากการขาดกิจกรรมของมนุษย์เนื่องจากไม่มีผู้แสวงบุญเข้าเยี่ยมชมเมืองศักดิ์สิทธิ์คู่แฝดแห่ง Haridwar และ Rishikesh

ในขณะเดียวกันPCB ของUttarakhandยังคงรักษาคุณภาพของน้ำ Ganga ไว้ SS Pal หัวหน้าเจ้าหน้าที่วิทยาศาสตร์ของ PCB บอกกับ TOI ว่าน้ำ Ganga ใน Haridwar คุ้มค่าที่จะอาบน้ำและดีสำหรับการดื่มหลังการรักษาที่จำเป็น ใน Rishikesh น้ำนั้นดีสำหรับการดื่มหลังจากการฆ่าเชื้อโรค
Pal ยังกล่าวอีกว่าสถานะของโรงบำบัดน้ำเสีย (STPs) ในอุตตราขั ณ ฑ์ได้ปรับปรุงคุณภาพน้ำ Ganga

จะออกไปเที่ยวพักผ่อนใช่ไหม? ใช้ผู้เชี่ยวชาญการเดินทางของคุณกับคุณ - ดาวน์โหลดโลกที่ท่องเที่ยว สำรวจอื่น ๆคู่มือการเดินทางของปพลิเคชัน

 

เดิม


ปัจจุบัน

 

มีหลากหลายอาชีพบนโลกนี้ ที่แม้จะเลิกทำ หรือเกษียณอายุตัวไปแล้ว แต่ทักษะการทำงานต่างๆ จะยังติดตัวไปตลอด อย่างเช่นอาชีพแพทย์-พยาบาล ยิ่งในยามวิกฤตโควิด-19 แบบนี้ บุคลากรที่กล่าวมาถือเป็นส่วนสำคัญที่สามารถช่วยเหลือ และเป็นที่พึ่งของประชาชนได้ในยามนี้

ล่าสุดมีรายงานจากกองทัพอากาศระบุว่า พลอากาศเอก มานัต วงษ์วาทย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ได้เรียกกำลังพลสำรองเหล่าแพทย์ เข้ามาปฏิบัติราชการ เพื่อปฏิบัติหน้าที่ในภารกิจสนับสนุนมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ซึ่งวันนี้ก็ได้มีพิธีเปิดการเรียกกำลังพลสำรองเหล่าแพทย์จำนวน 50 นาย ที่อาคารรณนภากาศ โรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช ดอนเมือง
.
ผู้บัญชาการทหารอากาศ ได้กล่าวตอนรับกำลังพลสำรองทั้ง 50 คน โดยได้กล่าวว่า กองทัพอากาศมีความจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมของบุคลากรทางการแพทย์ให้เพียงพอเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน จึงต้องเรียกกำลังพลสำรอง เพื่อปฏิบัติราชการในภารกิจที่จะต้องใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญเป็นการเฉพาะในการสนับสนุนภารกิจของรัฐบาล ขอขอบคุณที่ได้ให้ความร่วมมือ และเสียสละเพื่อประเทศชาติ ตนเชื่อมั่นในศักยภาพของทักคนว่าจะสามารถตอบสนองภารกิจต่างๆ ที่ได้รับมอบหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเราทุกคนจะผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน
.
โดยคำสั่งเรียกกำลังพลสำรองเหล่าทหารแพทย์ ประเภทนายทหารสัญญาบัตร และนายทหารประทาน จำนวน 50 คน จะปฏิบัติราชการ ระหว่างวันที่ 15-30 เมษายน 2563 โดยมีกรมการแพทย์ทหารอากาศ เป็นหน่วยงานรับผิดชอบการอาบรมความรู้เพิ่มเติม เพื่อให้พลสำรองได้ปฏิบัติงานร่วมกับกำลังพลประจำการ ในการปฏิบัติหน้าที่รับมือการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

-------------------------------
แหล่งที่มา

https://www.lapluangprangchannel.com/?p=45283

https://www.mcot.net/viewtna/5e96bbace3f8e40af142e522
-------------------------------

 

บางกอกแอร์เวย์สสนับสนุนเที่ยวบินพิเศษ(หาดใหญ่-ภูเก็ต)
แก่ทีมแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ ม.สงขลานครินทร์ #สู้โควิด-19 โรงพยาบาลสนามภูเก็ตแห่งที่2

15 เมษายน 2563 – บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนจัดเที่ยวบินพิเศษเส้นทางหาดใหญ่-ภูเก็ต (PG8401) แก่ทีมแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการเเพทย์ จากคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลาจำนวน 57 คน พร้อมวัสดุครุภัณฑ์ที่จำเป็น ในการเดินทางไปปฏิบัติงาน ณ โรงพยาบาลสนามแห่งที่ 2 มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต ซึ่งใช้เป็นพื้นที่ในการรักษาและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในจังหวัดภูเก็ต

สายการบินบางกอกแอร์เวย์สขอร่วมส่งกำลังใจให้กับแพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ๆ ปฏิบัติงานทุกท่าน ในความเสียสละเเละทุ่มเทเพื่อพวกเราทุกคน

Bangkok Airways operates a special flight (Hat Yai – Phuket) to support doctors, nurses and medical team from Faculty of Medicine, Prince of Songkla University in fight of COVID-19

15 April 2020 – (Today) Bangkok Airways Public Company Limited takes part in supporting medical team of 57 people including doctors, nurses and healthcare professionals from Faculty of Medicine, Prince of Songkla University, Hat Yai, Songkhla province to fly on a special flight (PG8401 Hat Yai – Phuket) to the second field hospital of Prince of Songkla University, Phuket Campus which is set up to treat COVID-19 infected patients. This includes transport of medical supplies and essential goods which are much needed in fight against COVID-19.
Bangkok Airways would like to express a heartfelt gratitude to doctors, nurses, and all healthcare professionals for their sacrifice and dedication for the country during this critical time.

 

#เมื่อมนุษย์ล็อคดาวน์ถนนจึงกลายเป็นของเรา !! สิงโตในอุทยานแห่งชาติ Kruger ของแอฟริกาใต้ ออกมานอนอาบแดดอย่างสบายใจไร้การถูกรบกวน หลังทางการสั่งล็อคดาวน์ทั่วประเทศเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของ Covid-19 เนื่องจากมีผู้ป่วยโรค coronavirus มากกว่า 2,500 ราย จึงจำเป็นต้องขยายระยะเวลาล็อคดาวน์ไปจนถึงสิ้นเดือนเมษายน !!

 

การแลกเปลี่ยนข้าวกับปลาเค็ม


ทัพฟ้ามาแล้ว! #กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบิน C130 สนับสนุนลำเลียงข้าวหอมมะลิของชาวนา จ.ยโสธรกว่า 9,000 กิโลฯ ไปแลกปลากับชาวเลราไวย์ จ.ภูเก็ต ที่กำลังเดือดร้อนจากพิษโควิด-19 ไม่มีคนซื้อปลาที่หามาได้ ไม่มีเงินซื้อข้าวกิน เป็นการแลกเปลี่ยนระหว่างชุมชนไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ในอัตราข้าว 4 กิโลฯ ต่อปลาตากแห้ง, ปลาเค็ม, ปลาหวาน 1 กิโลฯ ซึ่งชาวนาอีสานได้แถมพริกแห้งให้อีกด้วย

 

รักคืออะไร

 

National Geographic Thailand
8 ชม. ·
ในธรรมชาติแล้ว
.
(เนื้อหาบทความเผยแพร่ครั้งแรกในเดือนมีนาคม 2562)
พะยูน เคยเป็นสัตว์ที่คาดการณ์กันว่าจะสูญพันธุ์จากประเทศไทยไปในไม่ช้า ในวันนี้ได้กลายเป็นสัตว์ที่พร้อมที่จะกลับมาอยู่คู่ท้องทะเลไทยอีกครั้ง จากความพยายามอย่างต่อเนื่องของนักอนุรักษ์และชาวบ้านในชุมชน
เมื่อวันที่ 22 เมษายน ที่หมู่เกาะลิบง จ. ตรัง (บ้านเกิดมาเรียม) แหล่งอนุรักษ์พะยูนที่สำคัญของประเทศไทย มีฝูงพะยูนกว่า 20 ตัวมารวมตัวกันหากินบริเวณแหล่งน้ำตื้น ซึ่งสร้างความตื่นเต้นต่อชาวบ้านและบรรดานักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยิ่ง





ที่มา https://web.facebook.com/prhotnews02/photos/a.742976939181128/2156111247867683/?type=3&_rdc=1&_rdr

เมื่อย้อนกลับไปราว 5 – 6 ปีที่แล้ว ในยามที่การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในท้องทะเลยังมีทิศทางไม่ชัดเจน ผู้ประกอบการประมงเชิงพาณิชย์ยังไม่ได้ตระหนักถึงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม รวมไปถึงสภาพแวดล้อมทางทะเลที่เปลี่ยนไปอย่างมาก ทำให้สัตว์น้ำเจ้าถิ่นซึ่งเป็นตัววัดความอุดมสมบูรณ์ทางทะเลอย่าง “พะยูน” ต้องอยู่ในภาวะที่ใกล้สูญพันธุ์ นักอนุรักษ์และหน่วยงานทางธรรมชาติจึงพยายามหาวิธีการเพื่อให้สัตว์สายพันธุ์นี้กลับมาอยู่คู่ท้องทะเลไทยอีกครั้ง

ความเข้าใจเรื่องพะยูนในเบื้องต้น

พะยูนเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ที่อาศัยอยู่ในน้ำ มีอายุขัยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 70 ปี มีความยาวประมาณ 2.5 – 3 เมตร และมีน้ำหนักราว 230 – 500 กิโลกรัม กินพืชในน้ำเป็นอาหาร โดยเฉพาะหญ้าทะเลบริเวณชายฝั่ง เราสามารถพบเจอพะยูนได้ในทะเลชายฝั่งเขตอบอุ่น ตั้งแต่ชายฝั่งทวีปแอฟริกาตะวันออกไปจนถึงทวีปออสเตรเลีย ซึ่งนั่นรวมถึงทะเลแดง มหาสมุทรอินเดีย และมหาสมุทรแปซิฟิก

พะยูนมีบรรพบุรุษร่วมกับแมนนาที พวกมันมีความคล้ายคลึงกันทั้งในด้านลักษณะกายภาพภายนอกและพฤติกรรม และสัตว์ทั้งสองสายพันธุ์นี้ก็มีบรรพบุรุษร่วมกับสัตว์บกที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างช้าง ถึงแม้ว่าพวกมันจะไม่ได้มีลักษณะภายนอกและพฤติกรรมที่เหมือนกันก็ตาม

ด้วยความที่เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อาศัยอยู่ในน้ำ พวกมันจึงต้องขึ้นมาบนผิวน้ำเพื่อหายใจทุก ๆ 6 นาที ในบางครั้ง พวกมันหายใจด้วยการ “ยืน” ด้วยหางและเอาหัวโผล่ขึ้นพ้นน้ำ


พะยูนตัวหนึ่งกำลังเล็มหญ้าทะเลในทะเลของประเทศวานูอาตู โดยสัตว์สายพันธุ์นี้กลับมามีจำนวนเพิ่มมากขึ้นในทวีปออสเตรเลีย

การสืบพันธุ์ของพะยูน

พะยูนตัวเมียใช้ระยะเวลาตั้งท้องนานนับปี แม่พะยูนจะช่วยพาลูก ๆ ขึ้นไปบนผิวน้ำเพื่อหายใจเองเป็นครั้งแรก ลูกพะยูนเกิดใหม่จะต้องอยู่ในความดูแลของแม่ประมาณ 18 เดือน บางครั้งลูกพะยูนต้องอาศัยเกาะบนหลังของแม่เพื่อว่ายน้ำในท้องทะเล

ในด้านความเชื่อ มีตำนานเล่าขานว่าพะยูนเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดเรื่องเล่าของคนโบราณอย่างนางเงือกด้วยเช่นกัน

สำหรับในประเทศไทยแต่เดิมนั้น พะยูนมีถิ่นอาศัยอยู่ทะเลทั้งฝั่งอันดามันและฝั่งอ่าวไทย แต่ปัจจุบันเหลืออยู่เพียงที่เดียว คือบริเวณแนวเขตพื้นที่หญ้าทะเลขนาดใหญ่ ในเกาะมุกและเกาะลิบง ซึ่งเป็นแหล่งอาศัยของพะยูนฝูงใหญ่ที่สุดของประเทศไทย และอาจเป็นไปได้ว่ายังพอมีเหลืออยู่แถบทะเลจังหวัดระยอง ประมาณ 10 ตัว (ข้อมูลเมื่อปี 2560)

เสียงที่หาฟังยากที่สุดในท้องทะเล

แม้ว่าพะยูนจะเป็นสัตว์ที่มีสายตาที่ไม่ดีนัก แต่ก็มีหูที่ไว เหล่าพะยูนจึงต้องใช้เสียงเพื่อการสื่อสาร แต่ทว่าเสียงของเรือที่แล่นอยู่ในทะเลย่อมรบกวนความสามารถในการค้นหาซึ่งกันและกัน เราจึงไม่อาจได้ยินพวกมันสื่อสารกันบ่อยนัก การได้ยินเสียงของพะยูนจึงเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับเหล่านักสำรวจมากทีเดียว

(รับชมวิดีโอพะยูนที่กำลังส่งเสียงในทะเล)




เพราะพะยูนเป็นสัตว์ที่เรารับประทานได้จึงถูกล่า

แม้จะเป็นสัตว์ที่เราพบเจอไม่บ่อยนักในท้องทะเล อีกทั้งพะยูนยังมีลักษณะภายนอกที่ดูน่าเกรงขามเมื่อพิจารณาจากขนาดตัวที่หนาและหนัก (ที่บางท่านอาจมองว่ามันน่ารัก) แต่มนุษย์ก็นิยมล่ามันเพื่อนำเนื้อมาบริโภค โดยเนื้อพะยูนนำไปปรุงเป็นอาหารได้หลายชนิด เช่น แกง ผัด ทอด เนื้อแดดเดียว และเนื้อเค็ม โดยมีรสชาติคล้ายเนื้อหมู หนังพะยูนใช้ทำเครื่องหนัง กระดูกพะยูนนำไปใช้เครื่องราง และส่วนอื่น ๆ ที่เหลือ เชื่อกันว่าสามารถทำเป็นยารักษาโรคได้ อาจกล่าวได้ว่ามนุษย์รู้จักวิธีใช้ประโยชน์จากพะยูนได้ทุกส่วน และเป็นสัตว์ทะเลที่ให้กำไรงามกับชาวประมงเป็นอย่างยิ่ง จึงไม่น่าแปลกใจที่มนุษย์จะพากันล่าพะยูนในท้องทะเลจนมันร่อยหรอลงไป นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆ เช่น ระบบนิเวศของทะเลที่เปลี่ยนไปจนส่งผลให้หญ้าทะเล ซึ่งเป็นอาหารของมันลดน้อยลง หรือแม้กระทั่งการที่พะยูนไปเข้าไปติดในอวนลากของชาวประมงโดยบังเอิญ

อนึ่ง พะยูนเป็นสัตว์ที่ไม่เหมาะกับการเลี้ยงในพื้นที่ปิด เพราะเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างอ่อนแอและเลี้ยงได้ยาก ดังนั้นการเพาะเลี้ยงในปัจจุบันจึงทำโดยหน่วยงานอนุรักษ์ที่มีความความชำนาญเท่านั้น การเพาะพันธุ์พะยูนโดยชาวบ้านเป็นเรื่องที่ทำได้ยากยิ่ง

กฎหมายที่ใช้ปกป้องพะยูน

ในความเป็นจริง ประเทศไทยได้ออกกฎหมายเพื่อปกป้องพะยูนมานานแล้ว พะยูนได้รับการประกาศให้เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ในปี พ.ศ. 2535 และตามอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ หรือไซเตส (CITES) พะยูนซึ่งเป็นสัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนม ได้อยู่ในบัญชีหมายเลข 1 ลำดับ 86 ของบัญชีไซเตส จึงเป็นสัตว์ที่ห้ามค้าโดยเด็ดขาด ยกเว้นเพื่อการศึกษา วิจัย และเพาะพันธุ์เท่านั้น

สำหรับในระดับโลก สหภาพระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) ได้จัดอันดับให้พะยูนอยู่ในภาวะเสี่ยงอันตราย (Vulnerable – VU) อันมีความหมายว่ามีความเสี่ยงที่จะสูญพันธ์ไปแบบไม่เป็นไปตามธรรมชาติ ถ้าไร้ซึ่งการช่วยเหลือเพิ่มเติมจากมนุษย์

ในปี 2556 ประเทศไทยมีผลสำรวจพบว่าพะยูนที่ทะเลตรังเหลืออยู่เพียงแค่ 110 – 125 ตัว โดยสาเหตุหลักที่ทำให้มันลดลงเนื่องจากผลกระทบจากเครื่องมือประมงที่ผิดกฎหมาย และพื้นที่หญ้าทะเลซึ่งเป็นแหล่งหากินของพะยูนในจังหวัดตรังลดลงเหลือประมาณ 7,000 กว่าไร่ จาก 12,000 ไร่ จากการสำรวจในปี 2555 ในขณะนั้นจึงมีคาดการณ์กันว่าถ้าปล่อยให้พะยูนตายด้วยอุบัติเหตุเครื่องมือประมงราวปีละ 12 ตัว จะทำให้พะยูนสูญพันธุ์ไปจากทะเลตรังภายใน 16 ปี


เราสามารถพบเจอพะยูนชนิดนี้ได้ในประเทศไทย

ความหวังใหม่ของพะยูนแห่งท้องทะเลไทย

แน่นอนว่าเหล่าบรรดานักอนุรักษ์ธรรมชาติย่อมไม่ปล่อยให้สัตว์น่ารักที่อยู่คู่ท้องทะเลไทยต้องสูญพันธุ์ไป นับตั้งแต่นั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง หน่วยงานทางปกครองในพื้นที่ ได้ร่วมมือกันเพื่อหาทางเพาะพันธุ์และฟื้นฟูปริมาณพะยูนในธรรมชาติให้มีมากขึ้น รวมถึงรณรงค์ให้ชาวบ้านเห็นความสำคัญในการอนุรักษ์พะยูน

ความพยายามอย่างต่อเนื่องของพวกเขาเริ่มผลิดอกออกผล โดยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2561 มีการสำรวจประชากรพะยูนในทะเลตรังอีกครั้ง ค้นพบว่า มีพะยูนคู่แม่ลูก 42 คู่ ซึ่งเป็นข้อมูลยืนยันว่ามีพะยูนมากกว่า 210 ตัว และถ้ามนุษย์ไม่ล่ามันเพิ่มเติม ก็เชื่อว่าในปี 2562 พะยูนจะเพิ่มขึ้นอีกราว 250 ตัว นอกจากนี้ เมื่อนำข้อมูลปี 2560 ซึ่งพบว่ามีพะยูนประมาณ 169 ตัวมาเปรียบเทียบ ก็พบว่ามีอัตราการเพิ่มขึ้นของประชากรพะยูนอย่างน่าดีใจ

สาเหตุที่ประชากรพะยูนที่เพิ่มสูงขึ้น นอกจากความพยายามจากนักอนุรักษ์แล้ว ปัจจัยที่สำคัญคือความร่วมมือของชุมชนประมงที่ไม่ใช้เครื่องมือประมงที่เป็นอันตรายกับสัตว์ทะเลหายาก รวมไปถึงการฟื้นฟูหญ้าทะเลให้เป็นแหล่งอาหารของพะยูนอย่างต่อเนื่อง จึงส่งผลให้จำนวนพะยูนเพิ่มขึ้นอย่างมาก จนเกิดเป็นความหวังว่าพะยูนจะยังเป็นสัตว์สัญลักษณ์คู่จังหวัดตรังและประเทศไทยต่อไป

แหล่งอ้างอิง

Dugong

สำรวจ “พะยูน” ทะเลตรัง พบจำนวนประชากรเพิ่มขึ้น

พบฝูงพะยูนทะเลตรังเพิ่มกว่า 42 คู่ ชี้หากเลิกล่าปีหน้ามากขึ้นอีก!

พะยูนตายเพิ่มอีก คาดเหตุเครื่องมือประมงผิดกฎหมาย

วิกฤต “พะยูน” ทะเลตรัง อาจใกล้สูญพันธุ์ใน 16 ปี

สถานภาพของพะยูนในประเทศไทย

สุดตื่นเต้น! เสียงร้องพะยูน ใช้สื่อสารกับฝูง

องค์ความรู้เกี่ยวกับพะยูน

 

รูปถ่ายแม่น้ำในกรุงโตเกียวเมื่อเช้านี้
โควิด-19 หยุดกิจกรรมของมนุษย์
สิ่งแวดล้อมที่เคยได้รับผลกระทบ ฟื้นฟูโดยอัตโนมัติ
จะเห็นว่า น้ำในแม่น้ำใสมาก เห็นถึงก้นของแม่น้ำเลย
ผมเคยอยู่ญี่ปุ่นมานาน
ยังไม่เคยเห็นน้ำใส นิ่งสงบ สวยแบบนี้เลยครับ
23เม.ย.2563
Mister JAPAN

 

ภูเก็ต นทท.เงียบ เต่ามะเฟือง กลับบ้านมาวางไข่ บนชายหาดไม้ขาว
เมษายน 25, 2020ข่าว, สังคม


ธรรมได้ชาติได้พักผ่อน สนามบินภูเก็ตปิด ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 นักท่องเที่ยวเงียบ พบ เต่ามะเฟือง ขึ้นมาวางไข่บนหาดไม้ขาว

ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล – ศรชล. โพสต์ภาพและข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุว่า ศรชล.ภาค 3โดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง บูรณาการร่วมทุกภาคส่วนในพื้นที่ปกป้องไข่เต่ามะเฟือง ทำให้มีลูกเต่ามะเฟืองลงทะเลอันดามันได้ 351 ตัว

ศรชล.ภาค 3 โดย กรม ทช. บูรณาการร่วมกับ ฐานทัพเรือพังงา ทรภ.3 อุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน บ.TOT และพี่น้องประชาชน ร่วมปฏิบัติงานภายใต้ศูนย์เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์เต่ามะเฟือง จว.พังงา และ จว.ภูเก็ต รวม 7 แห่ง ตลอดระยะเวลา 5 เดือน (พ.ย.62 – เม.ย.63)

ทำให้สามารถเฝ้าระวัง ดูแล และอนุบาลลูกเต่ามะเฟือง ตั้งแต่แม่เต่าเริ่มวางไข่รังแรกเมื่อ 17 พ.ย.62 จนถึงวันที่จัดการไข่รังที่ 11 ที่หาดไม้ขาว ในวันที่ 16 เม.ย.63 เสร็จเรียบร้อย โดยมีลูกเต่ามะเฟืองฟักเป็นตัวและปล่อยคืนลงสู่ทะเลอันดามันได้รวม 351 ตัว นับเป็นผลสำเร็จอย่างมากที่สุดในรอบ 20 ปี โดยสถิติเดิมที่เต่ามะเฟืองเคยขึ้นมาวางไข่มากสุดในปี 2542 อยู่ที่ 9 รังเท่านั้น

ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล - ศรชล.
เมื่อวันพุธ
ศรชล.ภาค 3โดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง บูรณาการร่วมทุกภาคส่วนในพื้นที่ปกป้องไข่เต่ามะเฟือง ทำให้มีลูกเต่ามะเฟืองลงทะเลอันดามันได้ 351 ตัว

ศรชล.ภาค 3 โดย กรม ทช. บูรณาการร่วมกับ ฐานทัพเรือพังงา ทรภ.3 อุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน บ.TOT และพี่น้องประชาชน ร่วมปฏิบัติงานภายใต้ศูนย์เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์เต่ามะเฟือง จว.พังงา และ จว.ภูเก็ต รวม 7 แห่ง ตลอดระยะเวลา 5 เดือน (พ.ย.62 - เม.ย.63) ทำให้สามารถเฝ้าระวัง ดูแล และอนุบาลลูกเต่ามะเฟือง ตั้งแต่แม่เต่าเริ่มวางไข่รังแรกเมื่อ 17 พ.ย.62 จนถึงวันที่จัดการไข่รังที่ 11 ที่หาดไม้ขาว ในวันที่ 16 เม.ย.63 เสร็จเรียบร้อย โดยมีลูกเต่ามะเฟืองฟักเป็นตัวและปล่อยคืนลงสู่ทะเลอันดามันได้รวม 351 ตัว นับเป็นผลสำเร็จอย่างมากที่สุดในรอบ 20 ปี โดยสถิติเดิมที่เต่ามะเฟืองเคยขึ้นมาวางไข่มากสุดในปี 2542 อยู่ที่ 9 รังเท่านั้น

 

น้ำใจไทยยิ่งใหญ่ทั่วสากล
โดย สิริอัญญา
วันเสาร์ที่ 25 เมษายน 2563

ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคขวิดในขอบเขตทั่วโลกนั้น นอกจากจะเป็นเหตุทำให้ผู้คนเสียชีวิตเป็นจำนวนมากและเจ็บป่วยกว่า 2 ล้านคนแล้ว แต่ผลกระทบที่แท้จริงนั้นมากกว่านั้นอีกหลายเท่า

เพราะการสร้างกระแสให้เกิดการตื่นตระหนกตกใจจนเกินการอย่างหนึ่ง และข่าวคราวการป่วย การตาย ที่อึกทึกครึกโครมสนั่นลั่นโลกอีกอย่างหนึ่ง ทำให้เกิดการตื่นตกใจกลัว และหาทางเอาตัวรอดจากความตาย ความป่วย กันทั่วไป ซึ่งเป็นไปตามวิสัยโลก

มาตรการปิดกั้นหรือที่เรียกว่าล็อคดาวน์ทั้งในระดับประเทศ ระดับพื้นที่ ทั้งใหญ่และเล็ก รวมทั้งผลกระทบทั้งหลาย ทำให้กิจการต่าง ๆ ทั้งเล็กใหญ่ต้องปิดหรือหยุดกิจการทั่วทั้งโลก ทำให้ผู้คนตกงานหลายร้อยล้านคน ทำให้กิจการขาดทุน ขาดสภาพคล่อง และต้องเลิกจ้างผู้คนนับร้อยล้านคน เกิดภาวะอดอยากขาดแคลนเดือดร้อนแสนสาหัส จนถึงกับฆ่าตัวตาย และสร้างสถานการณ์ให้ตัวเองติดคุกติดตะรางเพื่อไปหาข้าวกินฟรีในคุกก็มีให้เห็นโดยทั่วไป

เหตุการณ์ปล้นชิงวิ่งราวก็เกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด ในบางประเทศถึงขนาดลากเอาอาวุธสงครามมาข่มขู่คุกคามกัน แม้ในประเทศไทยก็มีเหตุการณ์ปล้นชิงวิ่งราวมากขึ้นทุกวัน และส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ปล้นเพราะเถยจิตคิดเป็นโจร แต่กระทำอกุศลกรรมนั้นก็เพียงเพื่อให้รอดจากความหิวโหยและความคับแค้นทั้งหลาย ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลประเทศต่าง ๆ จะต้องเร่งรีบแก้ไขโดยไวที่สุด

ในท่ามกลางสถานการณ์เช่นว่านั้นก็มีปรากฏการณ์ที่ฉ่ำเย็นเบิกบานใจให้กับมวลมนุษย์อยู่ในหลายพื้นที่ โดยมีศูนย์กลางอยู่ในประเทศไทย นั่นคือน้ำใจไทยที่ตั้งอยู่บนเมตตาธรรมที่เผื่อแผ่ไปถึงคนทั้งหลายโดยไม่เลือกหน้า และเกิดขึ้นในทุกที่ทุกถิ่นที่มีคนไทยอยู่

ในประเทศไทย วัดวาอารามต่าง ๆ และชาวบ้านรอบพื้นที่วัดวาอารามนั้นได้ช่วยกันตั้งโรงทานหุงหาอาหารเลี้ยงดูผู้ยากทั้งหลายให้มีกิน ไม่ต้องอดตาย ซึ่งต้องนับว่าเป็นพระกรุณายิ่งของสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์

ผู้คนวงการต่าง ๆ ของประเทศไทยทั้งที่มีชื่อเสียงปรากฏโด่งดัง หรือที่ไร้ชื่อเสียงเรียงนาม ยกเว้นบรรดาท่านผู้แทนทั้งที่เป็น ส.ส. หรือ ส.ว. หรือรัฐมนตรี พากันบริจาคทรัพย์สินเงินทองหรือไม่ก็นำข้าวของต่าง ๆ ที่จำเป็นมาแจกจ่ายให้แก่เพื่อนร่วมชาติ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ หน้ากากอนามัย การบริจาคทรัพย์สินเงินทอง แม้กระทั่งจัดทำข้าวกล่องแจกจ่ายให้ผู้ยากไร้ทั้งหลายได้พึ่งพาอาศัยรองท้องไม่ต้องอดตาย

เป็นภาพที่ปรากฏให้เห็นทั่วไปทุกวันในขอบเขตทั่วประเทศ และยังเผื่อแผ่ไปถึงคนต่างชาติโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่เดินทางกลับประเทศไม่ได้เพราะมาตรการห้ามบิน ในขณะที่เงินทองก็ร่อยหรอหมดไป ดังเช่นชาวรัสเซีย 3 คนที่ตกยาก ต้องไปอาศัยศาลาฝากศพของวัดแห่งหนึ่งที่ภูเก็ต เมื่อความทราบถึงพระและชาวบ้านก็พากันนำอาหารไปเลี้ยงดูและอุปถัมภ์ดูแลมิให้ตกทุกข์ได้ยาก จนเป็นข่าวคราวสดุดีน้ำใจคนไทยกึกก้องกระหึ่มไปทั่วโลก โดยเฉพาะเป็นข่าวใหญ่ในรัสเซีย ที่ทำให้ชาวรัสเซียมีความรู้สึกซาบซึ้งตรึงใจต่อน้ำใจอันงามของคนไทยในครั้งนี้

เป็นแรงบันดาลใจให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีฐานะอันจะกินและมาตกยากกลับบ้านเมืองไม่ได้อยู่ที่ภาคใต้เกิดความคิดเอาอย่างว่าจ้างคนไทยจัดทำอาหารกล่องแล้วมาแจกจ่ายให้ทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวได้กินกันก็เป็นข่าวฮือฮาลั่นสนั่นโลก และคนเหล่านั้นเมื่อได้กระทำโดยน้ำใจและเมตตาเช่นนั้นแล้ว ความอิ่มเอิบเบิกบานใจ ความปีติก็บังเกิดขึ้นแก่จิตใจของตน ได้สัมผัสกับสภาพจิตใจที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในชีวิต เป็นอานิสงส์กระจุ๋มกระจิ๋มของเมตตาธรรมที่ได้สัมผัสและเรียนรู้ในประเทศไทย

หรืออีกตัวอย่างหนึ่ง ในสหรัฐอเมริกา ร้านอาหารไทยซึ่งปกติเป็นร้านอาหารเกรดดี มีราคาสูงพอสมควร เป็นที่ติดอกติดใจและเป็นที่นิยมของชาวอเมริกัน แต่ครั้นเกิดเหตุการณ์แพร่ระบาด ชาวอเมริกันตกทุกข์ได้ยากอดอยากไม่ต่างกับคนไทยและคนในชาติอื่น ๆ

ร้านอาหารไทยนั้นก็ได้ทำอาหารกล่องออกมาตั้งแจกจ่ายให้กับชาวอเมริกันไม่เลือกหน้า จนพวกฝรั่งมังค่าจำนวนมากซึ่งไม่เคยพบไม่เคยเห็นไม่เคยสัมผัสสิ่งที่เรียกว่าน้ำใจ และไม่เคยรู้จักสิ่งที่เรียกว่าเมตตาพากันตื่นเต้นแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น บ้างก็สงสัยไปไต่ถามว่าทำทำไม แจกทำไม เพื่ออะไร

ครั้นได้รับอาหารกล่องไปลองกินก็เกิดความรู้สึกที่ปีติยินดี ได้สัมผัสถึงกระแสธารแห่งน้ำใจซึ่งเป็นกระแสแห่งเมตตาจิตของคนไทยที่แผ่ไปเป็นสากลหาประมาณมิได้ ก็เกิดความซาบซึ้งตรึงใจประทับใจคนไทยและอยากมาดูประเทศไทยอันจะเป็นอานิสงส์อีกอย่างหนึ่งให้แก่การท่องเที่ยวไทยในอนาคต

ปรากฏการณ์เหล่านั้นได้กระตุ้นจิตสะกิดใจให้กับแรงงานพม่าในประเทศไทยซึ่งปกติหาเงินได้เท่าใด เก็บหอมรอมริบได้เท่าใดก็จับจ่ายใช้สอยหรือส่งกลับไปบ้านเมืองของตนเท่านั้น ไม่เคยนำมาเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้กับคนไทย แม้จะตั้งวงกินเหล้ากันก็กินกันเฉพาะแรงงานพม่าด้วยกัน ไม่เคยเลยที่จะเชื้อเชิญคนไทยเข้าร่วมวงด้วย แต่ครั้นกระแสธารแห่งเมตตาของคนไทยแผ่ไปเป็นกระแสใหญ่ แรงงานพม่าเหล่านั้นก็เกิดแรงบันดาลใจ เรี่ยไรระดมเงินกันจัดหาอาหารกล่องมาแจกจ่ายให้กับคนไทย

จนเป็นที่แปลกใจของผู้สื่อข่าว ครั้นสอบถามก็ได้ความว่าเพราะเห็นคนไทยมีน้ำใจแก่กันเช่นนั้น ก็เกิดความสำนึกได้ว่าได้ทำมาหากินบนแผ่นดินไทยมาช้านาน ทำให้ตัวเองและทางบ้านครอบครัวมีกินมีอยู่แล้ว บัดนี้จะกลับบ้านก็ไม่ได้ อยู่เมืองไทยก็เห็นคนไทยอดอยากเดือดร้อน ก็มีจิตคิดร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วย จึงได้เรี่ยไรกันทำข้าวกล่องแจก

ปรากฏการณ์น้ำใจไทยที่เปี่ยมด้วยเมตตาธรรมย่อมค้ำจุนโลก ย่อมยังปีติ ความเป็นมิตรไมตรี และความสุขใจให้แก่ทุกคนที่ได้สัมผัสรู้เห็น และนี่ก็คือเกียรติภูมิอันยิ่งใหญ่ของน้ำใจไทยที่แผ่ไปในสากลแล้ว.

 

เมตตาธรรมค้ำจุนโลก! 'พระสงฆ์'ออกแจกทาน ช่วยชาวบ้านทุกหลังคาเรือน
วันพุธ ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2563, 14.00 น.


15 เมษายน 2563 เป็นเรื่องราวแห่งความตื้นตันใจ เมื่อพบว่ามีพระสงฆ์ออกแจกทานบรรเทาทุกข์ชาวบ้าน โดย พระอาจารย์คม อภิวโร นำคณะศิษย์วัดป่าธรรมคีรี (จันดีอนุสรณ์) ออกแจกเครื่องอุปโภคบริโภค ช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนพี่น้องชาวบ้านที่อยู่รอบวัดป่าธรรมคีรี เข้าไปในหมู่บ้านซับน้ำเย็น ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เพื่อเป็นขวัญกำลังใจสู้วิกฤติโรคระบาด Covid 19

ซึ่งพระสงฆ์ ได้นำสิ่งของใส่รถกระบะ ตระเวนแจกให้ชาวบ้านทุกหลังคาเรือน ทุกตรอกซอกซอยที่ท่านรู้จัก แจกกระทั่งผู้ที่ขับรถผ่านไปมารวมถึงชาวบ้านที่เป็นผู้ป่วยติดเตียงไม่สามารถออกมารับสิ่งของได้ด้วยตนเอง

ซึ่งใน 1 ชุดกำลังใจสู้ภัย Covid 19 จะประกอบไปด้วย

- เงินสด 500 บาท

ถุงยังชีพทำจากผ้าฝ้ายเนื้อหนาอย่างดีผูกโบว์สวยงาม ภายในถุงบรรจุสิ่งของอุปโภคบริโภค

- ข้าวสารตราพันดี 5 กิโลกรัม

- น้ำดื่มสิงห์ 600 ml. จำนวน 1 โหล

-บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรามาม่า

- อาหารกระป๋อง , อาหารสำเร็จรูป , สาหร่ายมาชิตะ

- ซอส TODD , ขนมปังฟาร์มเฮ้าส์

- หน้ากากผ้าอนามัยแบบพิเศษหนา 3 ชั้น ,เครื่องสมุนไพร ฯลฯ

สำหรับท่านผู้ใจบุญที่อยากจะร่วมสมทุบทุนบุญในครั้งนี้ได้ที่ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาโลตัสปากช่อง 4057634993 ชื่อบัญชี พระมหาวุฒิมา เถาว์หมอ หรือ ติดต่อหลวงพี่วุฒิ ได้ที่ 087-858-2805

ขอบคุณเพจเฟซบุ๊ก : กินไหนดี โคราช
















































ที่มา
https://www.naewna.com/likesara/486...licmAIIRs2TOVfk8oWtAepNzzNbu7ZgzTwiShRQI1GWSY

 

ในขณะที่มนุษย์ถูกบังคับให้อยู่ในตึก เดินทางน้อยลง ไม่ได้ใช้รถ ไม่ได้ขึ้นเครื่องบินหรือรถไฟ สร้างมลภาวะทางอากาศน้อยลงไปเยอะ ธรรมชาติได้มีโอกาสที่จะกลับมาฟื้นฟูตัวเองอีกครั้ง หลังจากที่โดนมนุษย์ทำร้าย ทำลายนับร้อยๆ ปีตั้งแต่ยุคอุตสาหกรรมเฟื่องฟู

คลิปสั้นๆ คลิปนี้ความยาวเพียงนาทีนิดๆ (ผลงานของทีม @JKN CNBC และ @JKN News) จะเริ่มต้นด้วยภาพดาวเทียมเหนือประเทศจีนตั้งแต่ต้นปีนี้ สีแดงๆ ส้มๆ สะท้อนถึงความร้อนและมลภาวะในชั้นบรรยากาศ ในช่วงเวลาสามสี่เดือนที่ผ่านมา มลพิษเหล่านั้นหายไปจนแทบมองไม่ไม่เห็น

ตามด้วยภาพของสัตว์โลกที่กลับมาใช้ชีวิตตามธรรมชาติอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็น...แมงกะพรุนในคลองที่ใสสะอาดของเมืองเวนิส ฟ้าที่สว่างสดใสของกรุงปารีส หรือนกหลากหลายสายพันธุ์ที่กลับมาโบยบินเหนือประเทศอังกฤษ

แสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าจะมาในรูปแบบของไวรัสโควิด-19 หรืออะไรก็แล้วแต่ ธรรมชาติมักมีทางออกให้ตัวเองเสมอ สอนให้มนุษย์เราตระหนักว่า เราไม่มีวันเอาชนะธรรมชาติได้

วิกฤติครั้งนี้ควรเป็นบทเรียนที่ทำให้เราเรียนรู้ที่จะให้ความสำคัญกับ ”เจ้าของที่แท้จริง” ของโลกใบนี้ และเรียนรู้ที่จะอยู่ในฐานะ “ผู้อยู่อาศัย” ที่ดี ผู้พักอาศัยที่ให้เกียรติ “เจ้าของบ้าน”

ลองกดดูกันนะคะ นาทีนิดๆ ถ้าเห็นด้วยว่าถึงเวลาแล้วที่พวกเรา “ชาวโลก” ควรปรับตัว กดไลค์ กดแชร์ค่ะ รอไร ❤️❤️♥️