วันฟ้าดับ 7วัน 7คืน

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย Fish999, 26 สิงหาคม 2020.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    56 วัน 7 ราตรี !!!


    56 วัน 7 ราตรี 8/8 : ถ่ายทอดคลื่นความคิดจากจิตจักรวาล โดย: อาจารย์ปริญญา ตันสกุล (24 เมษายน 2554)

    เตรียมตัวรับมือภัยธรรมชาติครั้งใหญ่
    (ข้อมูลจาก อ.ปริญญา ตันสกุล)

    1. ก่อนการเกิดภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ 15 วัน โลกจะเอียงก้มหัวให้ดวงอาทิตย์มากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้น้ำแข็งจากขั้วโลกเหนือละลาย จะนำไปสู่เป็นคลื่นยักษ์ถาโถมเข้าสู่แผ่นดิน (ปัจจุบันเกิดขึ้นแล้ว)

    2. เกิดภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ เป็นเวลา 49 วัน

    3. ฝนตกครั้งใหญ่ทั่วโลก (ระยะชำระล้าง) เป็นเวลา 7 วัน

    ** ระยะเวลาการเกิดภัยธรรมชาติที่รุนแรงของโลก จะรวมแล้วมีระยะเวลาทั้งสิ้น 56 วัน**


    ** ใน 3 วันแรก จะเกิดสงครามนิวเคลียร์ที่ทวีปเอเซีย ในประเทศที่เป็นอริต่อกัน **

    เตรียมตัวรับมือภัยธรรมชาติครั้งใหญ่


    1. ก่อนการเกิดภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ 15 วัน โลกจะเอียงก้มหัวให้ดวงอาทิตย์มากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้น้ำแข็งจากขั้วโลกเหนือละลาย จะนำไปสู่เป็นคลื่นยักษ์ถาโถมเข้าสู่แผ่นดิน (ปัจจุบันเกิดขึ้นแล้ว)

    2. เกิดภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ เป็นเวลา 49 วัน ในระหว่างเดือน ตุลาคม – พฤศจิกายน

    3. ฝนตกครั้งใหญ่ทั่วโลก (ระยะชำระล้าง) เป็นเวลา 7 วัน

    ** ระยะเวลาการเกิดภัยธรรมชาติที่รุนแรงของโลก จะรวมแล้วมีระยะเวลาทั้งสิ้น 56 วัน**

    ** ใน 3 วันแรก จะเกิดสงครามนิวเคลียร์ ที่ทวีปเอเซียในประเทศที่เป็นอริต่อกัน **

    ภัยธรรมชาติที่จะเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

    1. เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่
    2. พายุถล่ม
    3. แผ่นดินแยก และแผ่นดินไหว
    4. ภูเขาไฟระเบิด (โดยเฉพาะที่ Yellow Stone ในอเมริกา ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดลูกหนึ่ง)
    5. คลื่นยักษ์จากทะเล
    6. โรคระบาดที่สุดจะเยียวยา เช่น VIRUSTERIA , อหิวาตกโรคสายพันธุ์ใหม่ , ไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ ฯลฯ
    7. คลื่นเสียงที่รุนแรง ตั้งแต่เกิดมาในชีวิตจะไม่เคยได้ยินเสียงที่ดังขนาดนั้นมาก่อน (อันนี้ตรงกับแหล่งข้อมูลที่ผมค้นเจอในหลายๆแหล่งมาก น่าแปลกใจมาก)
    8. อดอยากขาดแคลนอาหาร

    การเตรียมตัว เตรียมปัจจัยเพื่อตนเองและสมาชิกในครอบครัว

    1. เตรียมอาหารและน้ำดื่มไว้ที่บ้าน อย่างน้อย 6 เดือน
    2. เครื่องนุ่งห่มเพื่อความอบอุ่นของร่างกาย ได้แก่เสื้อผ้า กระเป๋าน้ำร้อน ผ้าห่ม ฯลฯ เพราะในช่วงเวลานั้นอากาศจะหนาวเย็นยะเยือกจับขั้วหัวใจ
    3. เครื่องใช้ที่จำเป็น
    4. ที่อยู่อาศัย (ถ้าเป็นชั้นใต้ดิน หรือในถ้ำจะดีมาก)
    5. ยารักษาโรค
    6. ด่างทับทิมและคาราไมล์ (จำเป็นมาก) และพยายามอย่ากินอาหารที่ไม่ได้ล้างด้วยด่างทับทิม เพราะจะมีทั้งเชื้อโรคและสารกัมมันตรังสี ส่วนคาราไมล์ จะมีไว้รักษาโรคทางผิวหนังที่ดูเหมือนจะยากต่อการรักษา แต่เมื่อทาคาราไมล์แล้ว จะหายได้อย่างน่าอัศจรรย์
    7. ยานพาหนะ เช่น จักรยาน เรือ เสื้อชูชีพ
    8. เครื่องช่วยชีวิต
    9. แสงสว่าง เช่นเทียน ตะเกียงพายุ (บางรายงานแจ้งว่าเวลานั้น ท้องฟ้าจะมืดมิด 7 วัน เท่ากับ 1 ราตรี และจะมืดมิดรวม 7 ราตรี หรือ 49 วัน ไฟฟ้าจะดับทั่วโลก)
    10. เตรียมสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง

    การดูแลตัวเองในช่วงเวลาวิกฤติ

    1. ห้ามออกนอกบ้านโดยเด็ดขาด ใครมาเคาะประตูบ้านก็ห้ามเปิด
    2. ห้ามตากฝน เพราะในฝนจะมีพิษ ทั้งเชื้อโรค สารเคมีที่มนุษย์สร้าง (อันนี้ผมวิเคราะห์แล้ว จริงแท้ที่สุด ในเวลานั้นฝนจะอันตรายมาก มันจะเป็นฝนกรดชนิดรุนแรง)
    3. ห้ามลุยน้ำหรือแช่น้ำนานๆ แต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต้องใช้ด่างทับทิมล้างทุกครั้ง
    4. ห้ามเปิดประตูต้อนรับผู้อื่น และห้ามอยากรู้อยากเห็นโดยเด็ดขาด (อันนี้ผมมีความเห็นว่า ควรพิจารณาเป็นกรณีไป อย่างเช่นถ้ามีคนต้องการความช่วยเหลือจริง และเค้าบาดเจ็บมา ก็ต้องช่วยเค้าตามหลักมนุษยธรรมนะครับ)
    5. ห้ามกินผักที่ยังไม่ได้แช่ด่างทับทิม
    6. ฝึกการกินน้อย ถ่ายน้อย (ผมว่าข้อนี้สำคัญมากเหมือนกัน เพราะในระหว่างที่เกิดภัย ไม่มีใครหรอกครับที่จะกินอาหารที่ตัวเองมีอย่างจำกัดให้อิ่มตามความอยากของเรา ถ้ามันหมดขึ้นมากระทันหันล่ะเรื่องใหญ่ทีเดียว ฉะนั้นพวกเราจะหิวมาก ให้อดทนไว้ครับ)
    7. ระวังอากาศที่หนาวเย็นจัด
    8. ระวังสัตว์ร้าย สัตว์มีพิษ เช่น งูพิษ ตะขาบ
    9. ห้ามอยู่ตึกสูงเกิน 2 ชั้น เพราะตึกสูงเกิน 2 ชั้น จะพังทลายราบเป็นหน้ากลอง (อันนี้จริงครับ)

    การเตรียมทางจิตวิญญาณ

    1. ชำระกรรมให้เบาบาง ทำได้โดย

    1.1 หยุดโลภ โกรธ หลง
    1.2 ทำจิตให้สงบ เบิกบาน เพราะวันนั้นจะมีผู้ที่เส้นโลหิตในสมองแตก เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก เพราะคลื่นเสียงที่ดังกึกก้องจะไปกระตุ้นเส้นเลือดในสมองให้แตก ดังนั้นต้องปล่อยวาง ทำจิตให้เป็นบวก จะช่วยได้มาก (อันนี้ผมคิดว่า มีส่วนจริงมากทีเดียว เราควรจะหาที่อุดหูเตรียมไว้ด้วยนะครับ)

    2. มีสำนึกทางจิตวิญญาณ
    3. ฝึกการละวาง (ผมว่าลองคิดว่า พวกเราทุกคน ทุกสิ่งล้วนมาจากความว่างเปล่า ทำใจให้ผ่อนคลาย ทำนองนี้)
    4. มีสติรู้ตัวตลอดเวลา (ฝึกประสาทสัมผัสทั้ง 5ไว้ครับ อาจจะทำให้สัมผัสที่ 6 ที่หลับใหลอยู่ในตัวของพวกเราทุกคน ตื่นขึ้นมาก็ได้นะ)

    การดูแลแก่นแท้ยามมีภัย

    1. ได้ยินเสียงใด ให้ละวางเสียงนั้น / รู้เห็นสิ่งใด ให้ละวางสิ่งนั้น
    ต้องไม่รับรู้ ไม่รับเห็น ไม่รู้ ไม่ชี้ ไม่ว่าจะได้ยินเสียงคนข้างบ้านร้องเพราะกำลังจะตาย หรือได้ยินเสียงใดที่น่าหวาดกลัว ต้องได้ยินแล้วผ่านเลยไป (ผมว่าข้อนี้พวกเราไม่ควรจะเพิกเฉยต่อการที่ได้เห็น ได้ยินคนอื่นกำลังจะตายนะครับ ช่วยเขาเถอะครับ โปรดเอาใจเขามาใส่ใจเรา เขาก็คือเรา เราก็คือเขา พวกเราล้วนกำเนิดมาจากที่เดียวกัน นั่นคือพลังงานจากความว่างเปล่า ปล.นอกซะจากจะรู้้แน่ๆว่ายังไงเราก็ไม่มีทางช่วยเขาได้แน่ อันนั้นจงอย่าเผยตัวหรือออกไปช่วย เพราะอาจจะทำให้ไปตายหมู่ก็ได้ )

    2. ยอมรับให้ได้ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต้องมีสติตลอดเวลา
    3. อย่าอยู่นิ่งเฉย เพราะจะทำให้เกิดความกลัวมากขึ้น ควรหากิจกรรมทำ (ผมว่าควรอยู่นิ่งๆจะดีกว่านะครับ เพราะการทำกิจกรรมต่างๆมันจะผลาญพลังงานเราไปเรื่อย ๆ จะทำให้เราหิวและอยากอาหารมากขึ้น)
    4. สังเกตธรรมชาติก่อนนาทีวิกฤติจะเกิดขึ้น


    เหตุการณ์ที่จะเกิดนั้นจะมีอยู่วันหนึ่งที่เกิดเหตุการณ์รุนแรงที่สุด คลื่นพลังมหาศาลจากจักรวาลจะกระแทกลงมายังโลก เป็นพลังงานที่เกิดจากลมพายุสุริยะ อันเนื่องมาจากจุดดับบนดวงอาทิตย์จุดที่ 11 (ตรงกับข้อมูลที่ผมได้รับทราบจากหลายๆแหล่ง)

    มนุษย์ทุกคนบนโลก จะได้พบ
    กับเหตุการณ์ที่น่าสะพรึงกลัว บรรยากาศช่วงแรกๆ จะรู้สึกหดหู่ เวิ้งว้าง ท้องฟ้าจะวังเวงพิกล หลังจากนั้นไม่นานนักลมจะแรงขึ้น แรงขึ้น เสียงฟ้า เสียงลม จะแผดเสียงกึกก้องดังที่สุด ตั้งแต่เกิดมาจะไม่เคยได้ยินเสียงที่ดังขนาดนี้มาก่อนในชีวิต มันเป็นเสียงของมัจจะราชที่จะพิพากษาโลก (ผมได้ทราบมาว่า จะมีคลื่นเสียงที่มีอำนาจมากๆโจมตีโลก ซึ่งตรงกับข้อความนี้มาก)

    จงเตรียมตัวให้พร้อม..!!

    (ข้อมูลจาก อ.ปริญญา ตันสกุล)


    ที่มา https://www.dek-d.com/board/view/1839646/
     
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ขออนุญาตแจ้งข้อมูล มนุษย์ต่างดาวมาเตือนภัยครับ
    goroskop-zhenshini-vodoleya-jpg-jpg.jpg

    sen-seko-iya สมาชิกใหม่

    13.04.2561 เราฝันว่ามี มนตด.(มนุษย์ต่างดาว) จากดาวยูเรนัส มาบอกเหตุการณ์เกี่ยวกับภัยภิบัติที่ใกล้จะเกิดขึ้น

    โดยจะเริ่มเกิดเหตุการณ์ใน เดือน ม.ค. 2563 (อาจจะเลื่อนมาเดือน ก.ย.- ธ.ค.63) เหตุการณ์จะเกิดขึ้นพร้อมกันทั่วโลก ม.น.ต.ด. จะมาช่วยมนุษย์ที่เป็นคนดี มีศีลธรรม ให้รอดปลอดภัย โดยจะพาขี้นยาน และบางส่วนจะนำไปไว้บนภูเขา พวกเขามากันจากหลายดาว จากต่างมิติก็มีมา

    ยานลำใหญ่ที่สุดจุมนุษย์ได้ประมาณ 5 แสนคน ลำอื่นๆ จุได้หลักหมื่น ขณะนี้พวกเขาตั้งฐานอยู่ที่เขากะลา และประเทศลาว

    ทั่วโลกจะมีผู้รอดชีวิตประมาณ 10% ในประเทศไทยมีผู้รอดชีวิตประมาณ 20% ประเทศที่จะหายไปส่วนมากเป็นเกาะ ได้แก่ ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย หมู่เกาะฟิลิปปินส์ ไต้หวัน สิงคโปร์ อเมริกา (จำได้แค่นี้)

    เดือน มิ.ย. 2564 จะเกิดเหตุการณ์ ฟ้าดับถึง 49 วัน เนื่องจากหลังภัยพิบัติ จะเกิดฝุ่นควันหนาจนบังแสงจากดวงอาทิตย์จนหมด ให้อยู่แต่ในบ้าน ห้ามออกมาข้างนอก

    หลังภัยพิบัติสิ้นสุด ม.น.ต.ด. จะสอนเทคโนโลยีใหม่ๆให้กับมนุษย์
    จะเกิดมีเมล็ดพันธุ์พืชชนิดใหม่ที่สามารถเติบโตได้ในเวลาอันรวดเร็ว เพื่อเป็นอาหารของมนุษย์

    ปี 2565 ม.น.ต.ด. จะสอนมนุษย์สร้างยานอวกาศ โดยใช้แร่ธาตุชนิดใหม่เป็นวัสดุที่มนุษย์ไม่เคยรู้จักมาก่อน

    มนุษย์จะมีภูมิปัญญาที่สูงขึ้น มีไอคิวถึง 200 เนื่องจากสนามแม่เหล็กโลกเปลี่ยนไป จึงสามารถรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีต่างๆได้

    14.04.2561 ในความฝัน
    เรา -- ท่านมาจากดาวอะไรคะ
    มนตด -- ดาวยูเรนัส
    เรา -- ที่ท่านบอกว่ายานลำใหญ่สุด จุมนุษย์ได้ 5 แสนคน จะเป็นไปได้ยังไง ยานของท่านใหญ่ขนาดไหนคะ
    มนตด -- ยานลำใหญ่สุด เป็นรูปทรงปิรามิด ภายในมี 3 ชั้น เส้นทแยงมุมที่ฐานยาว 400 เมตร
    เรา -- พวกท่านที่มา มาจากดาวอะไรมากที่สุดคะ
    มนตด -- ดาวยูเรนัส มากัน 500 ลำ
    เรา -- ท่านมีร่างกายสีอะไรคะ
    มนตด -- สีดำ
    เรา -- ปิรามิดที่อยู่บนโลกมนุษย์ ใครเป็นคนสร้างคะ
    มนตด -- มนุษย์ต่างดาว สร้างไว้เป็นที่ระลึก

    15.04.2561 ในความฝัน
    เรา -- ท่านมากจากดาวอะไรคะ
    มนตด -- ดาวพลูโต
    เรา -- ทำไมท่านไม่เปิดเผยตัวต่อมนุษย์ ว่ามาช่วยมนุษย์จากภัยพิบัติ
    มนตด -- มนุษย์ส่วนมากไม่เข้าใจ พวกเขาจะต่อสู้กับเรา
    เรา -- หนูเข้าใจแล้ว เพราะมนุษย์ส่วนมากไม่เข้าใจ และอาวุธอยู่ในมือคนไม่ดี พวกเขาอาจใช้อาวุธต่อสู้กับท่าน จึงไม่มีประโยชน์ที่ท่านจะเปิดเผยตัวใช่มั้ยคะ
    มนตด -- ใช่
    เรา -- แล้วเมื่อไหร่ท่านจะเปิดเผยให้มนุษย์เห็นคะ
    มนตด -- ตอนเกิดภัยพิบัติ มนุษย์ที่รอดชีวิตทุกคนจะเห็นเรา
    เรา -- ทำไมประเทศไทยจึงมีผู้รอดชีวิตมากกว่าที่อื่นคะ
    มนตด -- ประเทศไทยมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยช่วย
    เรา -- สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีใครบ้างคะ ท่านพอจะยกตัวอย่างได้มั้ย
    มนตด -- พระศรีอริยเมตตรัย พ่อขุนรามคำแหง พระภูมิพลอดุลยเดช พระธรรมราช และอีกมากมาย ที่ต่างประเทศไม่มีใครช่วย
    (สังเกตว่าชื่อที่เขาบอกว่า ล้วนเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต ในฝันเราน้ำตาไหลพรากๆ ด้วยความปิติซาบซึ้งใจ)

    20.04.2561 ในความฝัน
    เรา -- ท่านมาจากดาวอะไรคะ (ที่ต้องถามเพราะเรามองไม่เห็นรูปร่างหน้าตาพวกเขา ได้ยินแต่เสียง)
    มนตด -- ดาวเนปจูน
    เรา -- ในประเทศไทยจะเกิดภัยพิบัติอะไรบ้างคะ
    มนตด -- ภาคเหนือจะมีพายุเฮอริเคน (ใช่ เขาบอกเฮอริเคน เรายังแปลกใจ)
    เขื่อนที่จีนจะแตก จังหวัดที่อยู่ใต้เขื่อนจะถูกน้ำท่วม มีคนตายมาก
    เรา -- เขื่อนแตกตอนกลางวันหรือกลางคืนคะ
    มนตด -- ตอนกลางวัน
    เรา -- แล้วกรุงเทพละคะ จะเกิดอะไรขึ้น
    มนตด -- จะเกิดภูเขาไฟใต้ทะเลอ่าวไทยระเบิด ทำให้น้ำทะเลกระฉอกเข้ามาบนฝั่ง และทะลักเข้ามาทางแม่น้ำเจ้าพระยา มีคนตายเป็นล้าน กรุงเทพจะจมน้ำลึกประมาณ 4 เมตร
    เรา -- เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตอนกลางวันหรือกลางคืนคะ
    มนตด -- ตอนกลางคืน วันที่ 11 เมษายน 2563 (อาจจะถูกเลื่อนมาเดือน ก.ย.-ธ.ค. 63)
    เรา -- ถ้าน้ำท่วมขนาดนี้ การคมนาคมก็ใช้ไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบิน รถยนต์ รถไฟ ถ้าอย่างนั้นคนที่รอดชีวิตก็ออกไปจากกรุงเทพไม่ได้สิคะ
    มนตด -- ต้องใช้เรือ
    เรา -- แล้วหนูต้องอยู่ที่ไหนคะ ถึงจะปลอดภัย (ตอนนี้เราอยู่กรุงเทพ)
    มนตด -- อยู่ที่ไหนก็ได้ ถึงเวลาจะมาช่วย
    เรา -- ขอบคุณค่ะที่เมตตาหนู แต่หนูไม่กลัวความตายหรอก ทุกคนเกิดมาก็ต้องตายอยู่แล้ว
    มนตด -- ที่มหาสมุทรแปซิฟิก จะเกิดมหาสินามึ เป็นคลื่นยักษ์สูงเท่าตึก 5 ชั้น ทำให้ประเทศที่เป็นเกาะหายไป
    เรา -- ประเทศอะไรคะ
    มนตด -- ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ (จำได้แค่นี้)
    เรา -- แล้วประเทศไทยล่ะคะ
    มนตด -- ทางใต้ของประเทศไทยจะจมน้ำ
    เรา -- แผนที่ประเทศไทยจะไม่เหมือนเดิมใช่มั้ยคะ
    มนตด -- แผนที่ประเทศไทยจะเหลือตั้งแต่ภาคกลางตอนบนขึ้นไป
    เรา -- ถ้าหนูเอาข้อมูลที่ท่านบอก โพสต์ลง facebook เพื่อให้คนอื่นได้รู้ด้วยดีมั้ยคะ
    มนตด -- ไม่ต้องหรอก บอกไปก็ไม่มีใครเชื่อ
    (เราลองโพสต์ลง facebook 1 ครั้ง ไม่ค่อยมีใครเชื่อจริงๆแหละ ขนาดคนรู้จักกันยังไม่เชื่อ เราเลยมาโพสต์ที่นี่แทน)
    เรา -- ภัยพิบัติจะเริ่มเกิดขึ้นเมื่อไหร่ในปี 2563 คะ
    มนตด -- วันที่ 1 มกราคม 2563 จะเกิดภูเขาไฟระเบิดที่อเมริกา มีคนตายมาก

    21.04.2561 ในความฝัน
    เรา -- ท่านมาจากดาวอะไรคะ
    มนตด -- ดาวยูเรนัส
    เรา -- ที่ท่านบอกว่าต่อไปมนุษย์จะมีไอคิว 200 แล้วขณะนี้ท่านมีไอคิวเท่าไหร่คะ
    มนตด -- 300
    เรา -- ควรเตรียมยาอะไรที่จำเป็นในระหว่างเกิดภัยพิบัติคะ
    มนตด -- เตรียมน้ำเกลือ ปูนขาว แมกนีเซียม ไว้ใกล้ๆจะมาบอกอีกที
    เรา -- ต้องกินแมกนีเซียมวันละกี่มิลลิกรัมคะ
    มนตด -- 500 มิลลิกรัม
    เรา -- มนุษย์ต่างดาวแต่ละดาวมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกันมั้ยคะ
    มนตด -- ไม่เหมือนกัน
    เรา -- ท่านต้องการบุญมั้ยคะ
    มนตด -- ไม่ต้องการ เรามีบุญอยู่แล้ว
    เรา -- หนูเข้าใจแล้ว ที่พวกท่านมากันเยอะ เพราะต้องการสร้างบารมีด้วยใช่มั้ยคะ
    มนตด -- ถูกต้อง
    เรา -- หนูต้องขอบคุณท่านแทนทุกคนด้วยนะคะ ที่เมตตามาช่วยมนุษย์

    ที่มา https://palungjit.org/threads/มนุษย์ต่างดาวมาเตือนภัย-5.644012/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 สิงหาคม 2020
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    แสงออร่าแห่งจิตมนุษย์
    (เทวดา-มนุษย์ต่างดาว ดูก็รู้ทันทีว่าเป็นคนดีหรือไม่ดี)

    11011722_853771208046602_4010578307409388282_n.jpg

    กายเนื้อคนเราเกิดจากธาตุสี่ ดิน น้ำ ลมไฟ รวมตัวตั้งอยู่โดยมีปราณเป็นพลังชีวิตประสานเชื่อมโยงไว้ ธาตุสี่ประกอบไปด้วยเซลล์เป็นหน่วยย่อย ย่อยลงไปอีกเป็นโมเลกุล-อะตอม ในอะตอมยังมีปรมาณูที่ให้พลังงานไฟฟ้า กายเนื้อมนุษย์จึงเต็มไปด้วยพลังงานไฟฟ้า (บางคนจึงเป็นหนุ่ม-สาวไฟแรงสูง เกี่ยวกันไหมหว่า)

    ช่องว่างระหว่างโมเลกุลมีพลังงานไฟฟ้าสถิตไหลเวียน สร้างพลังงานโปร่งใสที่เรียกว่า-รังสี ซ้อนทับกายเนื้อนั้น

    ดวงจิตแผ่พลังออกไปได้รอบทิศ ความคิดมนุษย์เป็นกระแสคลื่นไฟฟ้าในลักษณะคล้ายความถี่คลื่นเสียง กระจายไปในอากาศ เป็นรังสีครอบคลุมล่องลอยอยู่รอบตัว ความคิดดีจะเกื้อกูลตัวเราเอง ความคิดชั่วจะทำร้ายตัวเราเองเหมียนกัน
    อารมณ์ความคิดย่อมเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ตลอดเวลาที่ถูกระทบ (มันเปลี่ยนเรื่อยๆอ่ะจ้ะ)

    ทุกๆ คราวที่คลื่นอารมณ์เข้ากระทบ จะเป็นผลต่อการคิดดีคิดชั่ว เมื่อถูกสั่งสมลงไปในดวงจิตมาเป็นเวลายาวนาน จนเป็นจริตนิสัยหรือกมลสันดานกับสิ่งที่ทำอยู่ตลอดเวลา จะทำให้เกิดกายรังสีภายในที่แสดงอุปนิสัยดั้งเดิม หรือตัวตนแท้อยู่ภายใน อาจเรียกกายทิพย์ที่ห่อหุ้มจิตเดิมอยู่ จะเปล่งแสงแสดงออกมาเป็นสีสัน เป็นสัญลักษณ์แทนค่ากิเลสหรือภูมิธรรมต่างๆของแต่ละคน และเปลี่ยนแปลงได้ยาก

    ส่วนอารมณ์ความคิดใหม่ๆ ที่ถูกกระทบจะเพิ่งเกิดขึ้นชั่วขณะตามความคิดนั้น ส่วนเป็นหมอกล้อมรอบศีรษะถึงช่วงไหล่ เป็นรังสีที่แผ่ออกมาและจางหาย ตามช่วงเวลาที่ถูกกระทบ ก่อนเก็บลงสะสมรวมกับของเก่า เปลี่ยนแปลงได้ง่ายตามอารมณ์

    รังสีจิตจากภายในจะผ่องแผ้วขึ้นหรือมัวหมองมีผลมาจากความคิดในปัจจุบันด้วย ถ้าเป็นผู้ตัดกิเลสลง จะทำให้รังสีภายในยิ่งสว่างไสวตามกำลังมากน้อยของการตัดกิเลสที่ดับลง

    ส่วนการเห็นแสงของจิตนั้น เป็นการเห็นที่ก้าวข้ามกายหยาบ รังสีจะแสดงภาวะความคิดจิตใจภายในที่ดีชั่วออกมาเป็นคลื่นแสง ซึ่ง 1.จะแสดงตัวตนแท้ (กายใน) และ 2.อารมณ์ขณะนั้น (รังสีจากกายใน) ทั้งยังแสดงสภาพความสมบูรณแข็งแรงหรือเจ็บป่วยชำรุดของกายหยาบนั้นด้วย เราจึงสามารถตรวจสอบความเจ็บป่วยของร่างกาย ด้วยแสงออร่า และหยั่งรู้อารมณ์ความคิด อีกทั้งนิสัยใจคอ รวมถึงไปถึงภูมิธรรมได้ด้วยคลื่นแสงนี้

    การเห็นออร่าของจิตจึงไม่เหมือนการมองด้วยตาเปล่า ไม่ถูกฉาบบังด้วยบุคลิกที่น่าเชื่อถือ หรือคำพูดที่หวานหู ‪#‎ใครจะเป็นใหญ่เป็นโต‬ ‪#‎เป็นดาราดัง‬ ‪#‎หรือคนต้อยต่ำ‬ ‪#‎ไม่อาจปิดบังสภาวะของจิตใจภายในได้‬ ‪#‎สามารถรู้ว่าใครเป็นเทวดาหรือซาตาน‬ ‪#‎เปรียบเหมือนคนมีดวงตาที่สาม‬

    ความจริงการเห็นออร่า หากเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญแล้วจะสามารถเห็นอดีตและอนาคตได้ด้วย เพราะออร่านั้นก็คือกายแสงที่ซ้อนทับๆ กันมาในชาติต่างๆ หรือกายละเอียด (กายทิพย์) ที่ห่อหุ้มจิตไปตามกระแสความคิด (กระแสกรรม) เดินทางข้ามมิติและซ่อนตัวอยู่กายใหม่ที่ได้รับในปัจจุบัน อาจถือว่าเป็นรูปขันธ์หนึ่ง แต่ละเอียดกว่ารูปขันธ์ของร่างกายมนุษย์ มีสภาวะเป็นคลื่นแสงหรือที่เราเรียกรังสี

    แม้คนส่วนใหญ่มักจะทึกทักไปเอาตามที่ตัวคิดว่า คนอื่นเป็นเช่นนั้นเช่นนี้ ‪#‎นั่นก็เพราะจิตยังปรุงแต่งไปตามความคิดความเชื่อของตน‬ ‪#‎ใครทำให้พอใจพูดให้พอใจก็ว่าเขาดี‬ ‪#‎ใครทำให้ไม่พอใจพูดให้ไม่พอใจก็ตัดสินว่าเขาไม่ดี‬ ‪#‎ไปตามอารมณ์ที่อคติชอบชัง‬ ‪#‎และไม่วางใจเป็นกลาง‬

    แต่หลายคนแม้นไม่สามารถเห็นออร่าด้วยตาเปล่า ก็มีสัมผัสที่หกพอจะสัมผัสได้ตามกำลังของจิตอยู่บ้าง เช่น... รู้สึกสดชื่นหรือห่อเหี่ยวเมื่อเข้าใกล้ใครบางคน รู้สึกว่ามีคนจ้องมองเมื่อเหลียวไปดูก็มีคนจ้องอยู่จริง ชอบหรือเกลียดคนบางคน ทั้งๆ ที่เพิ่งพบกันเป็นครั้งแรก หรือรู้สึกว่าคนที่คุยด้วยไม่จริงใจกับคุณ และภายหลังพบว่าเป็นจริง

    การเปล่งรัศมีเหล่านี้มีความเข้มข้นแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะปรากฏเข้มข้นเฉิดฉายมากในบุคคลที่มีพัฒนาการทางจิตอย่างสูง และรองลงมาจะมีรังสีแจ่มกระจ่างในบุคคลที่มีจิตใจอยู่ในสภาวะปิติเบิกบานอยู่เสมอๆจ้ะ …….

    ลักษณะของออน่ามีอยู่ 4 แบบ

    1. แบบ นิมบัส (Nimbus) คือแบบที่มีออร่าแผ่ออกมาในลักษณะคล้ายการ “ทรงกลด” เป็นรัศมีทรงกลมรอบศีรษะ
    2.แบบ ฮาโล (Halo) เป็นแบบการแผ่รังสีที่มีลักษณะคล้ายวงแหลวแผ่ออกมารอบศีรษะเหมือนกัน
    3.. แบบ ออรีโอลา (Aureola) เป็นแบบลักษณะแผ่รังสี คล้ายเปลวเพลิงทรงกลด
    4.. แบบ กลอรี (Glory) เป็นลักษณะแสงเรืองเปล่งปลั่งเรืองรองแผ่ออกมารอบร่างกาย ส่วนมากบุคคลที่มีออร่าแบบกลอรีนี้มักเป็นคนที่มีบุญวาสนาสูงส่งมาก ๆ หรือไม่ก็จะเป็นพระศาสดาผู้บรรลุธรรมชั้นสูงสุด
    ส่วนมีสีอะไรบ้างนั้น แล้วแต่ละสีมีคุณสมบัติอย่างไร ไว้วันหลังมีเวลาแล้วจะมาอธิบายให้ฟังน๊า มันยาวมากๆ

    เมย์ ธิดาพรหม 31/5/2015

    ที่มา https://sites.google.com/site/jantimema/mey-thida-phrhm/saeng-xx-ra-haeng-cit
     
  4. ฐานธมฺโม

    ฐานธมฺโม ทำลายเพื่อสร้างใหม่ ให้ดี ให้งาม..

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2019
    โพสต์:
    12,898
    ค่าพลัง:
    +4,609
    โคนดี-โคนไม่ดี-ออร่า-ทัย-สินค้าคนอีสานเพื่อคนอีสาน555555
     
  5. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,869
    30aa640ae95332c38565fb8309dd6c75.jpg

    สายผสมยังไงก็เป็นสายผสม
    มีพระบิดาถ่ายทอดสัญญาณจากใจกลางอนันตจักรวาล
    เป็นสัจธรรมแก่นแท้สูงสุด
    ทั้งโลกมีผู้รับสัญญาณนี้ได้อยู่คนเดียว
    คือ อาจารย์ปริญญา ตันสกุล เก่งฝุดๆไปเลย

    ต้นกำเนิดศาสนาพุทธมีพระพุทธเจ้าเป็นที่สุด
    ตรัสรู้ก็ตรัสรู้ที่ชมพูทวีป
    ไม่มีพระพุทธเจ้าองค์ไหนไปตรัสรู้อยู่ใจกลางอนันตจักรวาล
    แล้วถ่ายทอดสัญญาณ บลาๆๆ มาให้รับได้แค่เฉพาะบุคคล
     
  6. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,869
    สีลัพพตปรามาส (บาลี: สีลพฺพตปรามาส) เป็นศัพท์ในพระไตรปิฎกเถรวาท มาจากคำสมาสแบบสนธิว่า สีล (แปลว่า ศีล หรือ วิรัติ อันเป็นข้องดเว้น) + วต (แปลว่า พรต หรือ วัตร อันเป็นข้อปฏิบัติ) + ปรามาส (อ่านว่า ปะ-รา-มาด, แปลว่า การจับต้อง, การลูบคลำ[1])

    สีลัพพตปรามาส หมายความถึงความยึดมั่นถือมั่นอยู่ในสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือศีลพรตภายนอกพระพุทธศาสนา หรือความยึดมั่นถือมั่นในการบำเพ็ญเพียงกายและวาจาตามหลักธรรมพระพุทธศาสนา (ศีล) ของตนว่าเป็นสิ่งที่ประเสริฐ ซึ่งเป็นเหตุให้ละเลยการปฏิบัติทางด้านจิตใจหรือการใช้ปัญญาเพื่อหลุดพ้น[2]

    สีลัพพตปรามาสจัดเป็นความเห็นผิดหรือมิจฉาทิฏฐิอย่างหนึ่ง[3] จัดเข้าในกลุ่มสังโยชน์ขั้นต้นที่พระอริยบุคคลระดับโสดาบันจะละความยึดมั่นเช่นนี้ได้[4]

    สีลัพพตปรามาสในพระไตรปิฎก ปรากฏทั้งในคัมภีร์สุตตันตปิฎกและอภิธรรมปิฎก โดยความหมายหลักของคำว่าศีลและพรตในศัพท์นี้ หมายถึงการปฏิบัติตามความเชื่อนอกพระพุทธศาสนา เช่น ความเชื่อในอำนาจบันดาลของสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือพระผู้เป็นเจ้า, ความเชื่อของศาสนาพราหมณ์ที่เชื่อว่าการบำเพ็ญทุกกรกิริยาจะสามารถทำให้ผู้บำเพ็ญหลุดพ้นจากความทุกข์หรือหลุดพ้นจากอำนาจของกิเลสได้ หรือความเชื่อของลัทธิตันตระที่เชื่อว่าการมั่วสุมอยู่ในกามารมณ์จะสามารถทำให้หลุดพ้นจากทุกข์ได้[5] เป็นต้น

    นอกจากนี้ ความเชื่อในทางพระพุทธศาสนาก็อาจถือว่าเป็นศีลพรตในสีลัพพตปรามาสได้ กล่าวคือความยึดมั่นถือมั่นว่าการบำเพ็ญศีลในทางพระพุทธศาสนาอย่างสมบูรณ์ของตนว่าเป็นสิ่งประเสริฐจนละเลยการปฏิบัติทางด้านจิตใจ และความเชื่ออย่างยึดมั่นถือมั่นว่าการบำเพ็ญเพียงแต่ศีลในพระพุทธศาสนาตามที่ตนยึดถือเพียงอย่างเดียวจะช่วยให้เป็นผู้บริสุทธิ์ได้ เช่น ความเชื่อว่าการถือศีลจะช่วยให้คนบริสุทธิ์ ซึ่งรวมไปถึงความเชื่อในการทานเจ หรือการปิดวาจา หรือความเชื่อในอำนาจอิทธิฤทธิ์บันดาลของพระพุทธรูปหรือพระสงฆ์เป็นต้น

    โดยสรุป สีลัพพตปรามาส คือความเชื่ออย่างเห็นผิดในอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายนอกตัว, ความยึดมั่นในความดีเพียงขั้นศีลของตน และความเชื่อว่าการบำเพ็ญทางกายวาจาเท่านั้นที่จะสามารถทำให้คนบริสุทธิ์จากกิเลสหรือหลุดพ้นได้ ความเห็นเหล่านี้ถูกจัดเป็นความเห็นที่ผิดพลาดในทางพระพุทธศาสนาเพราะเนื่องด้วยพระพุทธศาสนาเน้นเรื่องภายในจิตใจคือการหลุดพ้นด้วยปัญญาภายในเป็นสำคัญ[6] นอกจากนี้พระพุทธเจ้าตรัสหลักสีลัพพตปรามาสไว้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ปฏิบัติหลงผิดจากแนวทางหลักในพระพุทธศาสนา กล่าวคือไม่ให้มัวแต่หลงยึดมั่นแค่เพียงความบริสุทธิ์ของศีลที่มีเฉพาะด้านกายและวาจา โดยละเลยความบริสุทธิ์ด้านจิตใจไป ซึ่งความยึดมั่นถือมั่นเช่นนี้จัดเป็นอัสมิมานะซึ่งจัดเป็นกิเลสชนิดหนึ่ง


    ที่มา https://th.wikipedia.org/wiki/สีลัพพตปรามาส
     
  7. ฐานธมฺโม

    ฐานธมฺโม ทำลายเพื่อสร้างใหม่ ให้ดี ให้งาม..

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2019
    โพสต์:
    12,898
    ค่าพลัง:
    +4,609
    ฟังเพลง
     
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เศษวิบากกรรมของพระพุทธเจ้าสมณโคดม
    7-e0-b8-97-e0-b8-b8-e0-b8-81-e0-b8-a3-e0-b8-81-e0-b8-b4-e0-b8-a3-e0-b8-b4-e0-b8-a2-e0-b8-b22-jpg.jpg

    เรื่องกรรมเก่าของพระพุทธเจ้า ที่พระองค์ทรงกระทำมาแล้วในอดีต ๑๔ ข้อ

    ๑. กรรมดีในการเคยถวายผ้าไว้ในอดีต จึงได้รับผลบุญ
    กรรมเก่าข้อแรกนี้เป็นกุศลกรรม ซึ่งเป็นปัจจัยให้พระองค์ได้มาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าไว้ด้วยนั่นคือ ถวายผ้าเก่าแก่พระ

    พระองค์ตรัสเล่าว่าในชาติหนึ่งในอดีตนั้น ทรงเกิดเป็นคนยากจนเห็นพระสาวกของพระพุทธเจ้ารูปหนึ่ง ซึ่งถืออยู่ป่าเป็นวัตรแล้วเลื่อมใสจึงถวายผ้าห่มเก่าผืนเดียวที่ตัวเองมีอยู่แก่ท่านพร้อมกันนั้นก็ได้ฟังเรื่องราวของพระพุทธเจ้าจากพระสาวกรูปนั้นแล้วเกิดเลื่อมใสยิ่งขึ้นจึงตั้งจิตปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าเป็นครั้งแรก

    การเริ่มต้นปรารถนาแต่ครั้งนั้นของพระองค์ส่งผลให้ทำความดีมาอย่างต่อเนื่องจนมาได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในชาตินี้

    ผลคือในชาติสุดท้าย เมื่อพระโพธิสัตว์ทรงตัดพระโมลีแล้ว ตั้งสัจจะอธิษฐานโยนไปในอากาศว่า จักเป็นพระพุทธเจ้า ณ ริมฝั่งแม่น้ำอโนมานทีแล้ว ก็ดำริอีกว่า ผ้าของชาวกาสีอย่างดีเหล่านี้ ไม่สมควรแก่ความเป็นสมณะของเรา ในทันใดนั้นเอง สหายเก่า ซึ่งไปเกิดเป็นพรหมชื่อว่า ฆฏิการมหาพรหม จึงถือสมณบริขาร ๘ อย่าง มาถวายด้วยตนเอง

    ๒. กรรมในการเคยแกล้งโคไม่ให้ดื่มน้ำ

    ชาติหนึ่งในอดีต พระองค์เกิดเป็นคนเลี้ยงโค ต้อนโคไปเลี้ยง เห็นแม่โคแวะดื่มน้ำข้างทาง เกรงจะชักช้าจึงไล่แม่โคไม่ให้ดื่มน้ำ ด้วยการแกล้งเอาไม้กวนน้ำให้ขุ่น

    บาปกรรมในชาตินั้นส่งผลมาถึงชาตินี้ คือ ทรงกระหายน้ำแล้วทรงตรัสให้พระอานนท์ไปตักน้ำให้แต่เนื่องจากมีขบวนเกวียนผ่าน ทำให้น้ำขุ่น จึงทรงไม่ได้เสวยสมปรารถนาในทันทีต้องทรงตรัสถึง 3 ครั้ง จึงจะได้เสวยน้ำ เมื่อคราวใกล้จะเสด็จ ดับขันธปรินิพพาน

    ๓. กรรมจากการเคยกล่าวตู่ผู้มีศีลด้วยเรื่องไม่จริง

    พระองค์ตรัสเล่าว่า เป็นกรรมเก่าทำไว้ในหลายชาติในอดีตดังนี้ ในชาติหนึ่ง ทรงเกิดเป็นนักเลง ชื่อ "ปุนาลิ" ได้กล่าวตู่ (ใส่ร้าย) พระปัจเจกพระพุทธเจ้าพระนามว่า "สุรภี" ว่าทำผู้หญิงท้อง โดยที่พระปัจเจกพระพุทธเจ้าก็ไม่ได้ทรงโต้ตอบใด ๆ

    ตายจากชาตินั้น บาปกรรมส่งผลให้ ไปเกิดอยู่ในนรกนานแสนนาน เสวยทุกขเวทนาอย่างแสนสาหัส เกิดมาในชาติสุดท้ายนี้ แม้จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว เศษกรรมที่ยังหลงเหลืออยู่ ก็ส่งผลให้พระองค์มาถูกนางสุนทริกา กล่าวตู่ว่า นางตั้งครรภ์กับพระองค์

    ๔. กรรมจากการเคยกล่าวตู่ผู้มีศีลด้วยเรื่องไม่จริง

    ต่อมาในชาติหนึ่ง มีพระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นในโลก พระองค์ได้ทรงกล่าวตู่พระเถระชื่อ "นันทะ" พระสาวกองค์หนึ่ง ของพระพุทธเจ้าด้วยเรื่องทำนองเดียวกันคือ ด้านชู้สาว

    ตายจากชาตินั้น บาปกรรมส่งผลให้ไปเกิดอยู่ในนรกนานนับหมื่นปี เกิดมา ในชาตินี้แม้จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว เศษกรรมที่ยังหลงเหลืออยู่ก็ส่งผลให้พระองค์ถูก นางจิญจมาณวิกา กล่าวตู่ด้วยคำเท็จ ว่า นางตั้งครรภ์กับพระองค์อีกเช่นกัน

    ๕. กรรมจากการเคยกล่าวตู่ผู้มีศีลด้วยเรื่องไม่จริง

    เมื่อครั้นทรงเป็นพราหมณ์ชื่อสุตวา อันชนทั้งหลายสักการะบูชา สอนมนต์ให้กับมาณพ 500 คน อยู่ในป่าใหญ่ ได้เห็นฤาษีผู้น่ากลัว ได้อภิญญา ๕ มีฤทธิ์มาก มาในสำนัก จึงกล่าวตู่ฤาษีกับพวกศิษย์ของตนว่า ฤาษีพวกนี้มักบริโภคกาม

    ครั้งนั้นมาณพทั้งปวงเที่ยวไปภิกขาในสกุล ก็พากันบอกแก่มหาชนว่าฤาษีพวกนี้มักบริโภคกาม และด้วยด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น ในภพชาติสุดท้ายของพระองค์ พระภิกษุทั้ง 500 เหล่านี้ก็ได้รับคำกล่าวตู่ทั้งหมด โดยนางสุนทริกาเช่นกัน

    ๖. กรรมเก่าจากการเคยฆ่าน้องชายต่างมารดา

    พระองค์ตรัสเล่าว่า ในชาติหนึ่งในอดีต พระองค์เกิดเป็นลูกเศรษฐี บิดาของพระองค์มีภรรยาหลายคน ภรรยาคนหนึ่ง มีลูกชายพระองค์เกรงว่าทรัพยสมบัติส่วนหนึ่งจะถูกแบ่งไปให้แก่น้องชายต่างมารดานั้นจึงลวงน้องชายไปฆ่าที่ซอกเขาแล้วเอาหินทับไว้ ตายจากชาตินั้นบาปกรรมส่งผลให้ไปเกิดอยู่ในนรกนานปี

    แม้เกิดมาในชาตินี้แม้จะได้ตรัสรู้เป็น พระพุทธเจ้าแล้ว เศษกรรมที่ยังหลงเหลืออยู่ก็ส่งผลให้พระองค์ถูกพระเทวทัตกลิ้งหินกระทบนิ้ พระบาทจนห้อพระโลหิต

    ๗. กรรมเก่าจากการเคยจุดไฟดักทางพระปัจเจกพุทธเจ้า

    พระองค์ตรัสเล่าว่า ในชาติหนึ่งในอดีต พระองค์เกิดเป็นเด็กแสนซน วันหนึ่งขณะเล่นอยู่กับเพื่อนเด็ก เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้ารูปหนึ่งกำลังเดินมา จึงชวนกันจุดไฟดักทางเพื่อมิให้พระพุทธเจ้าผ่านไปได้

    ตายจากชาตินั้น บาปกรรมส่งผลให้ไปเกิดอยู่ในนรกนานแสนนาน เกิดมาในชาตินี้แม้จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว เศษกรรมยังหลงเหลืออยู่ พระเทวทัตจึงชักชวนนายขมังธนูผู้ฆ่าคนตายมาก เพื่อให้ฆ่าพระองค์ ส่งผลให้พระองค์ถูกไฟไหม้ที่พระบาท

    ๘. กรรมเก่าจากการเคยไสช้างจับพระปัจเจกพระพุทธเจ้า

    พระองค์ตรัสเล่าว่า ในชาติหนึ่งในอดีต คราวที่โลกว่างจากพระพุทธเจ้า มีพระปัจเจกพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นในโลก พระองค์เกิดเป็นควาญช้าง วันหนึ่งเห็นพระปัจเจกพุทธเจ้ารูปหนึ่งบิณฑบาตแล้วเกลียดจึงไสช้างให้จับพระปัจเจกพุทธเจ้ารูปนั้น

    ตายจากชาตินั้น บาปกรรมส่งผลให้ไปเกิดอยู่ในนรกนานแสนนาน เกิดมาในชาตินี้ แม้จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า เศษกรรมที่ยังหลงเหลือ อยู่ส่งผลให้พระองค์ถูกพระเทวทัตยุยงพระเจ้าอชาตศัตรู ให้ปล่อยช้างนาฬาคีรีมาแทงพระองค์

    ๙. กรรมเก่าจากการเคยนำทหารออกศึก

    พระองค์ตรัสเล่าว่า ในชาติหนึ่งในอดีต พระองค์เกิดเป็นแม่ทัพนำทหารออกรบ ฆ่าข้าศึกตายเป็นจำนวนมากด้วยหอก

    ตายจากชาตินั้น บาปกรรมส่งผลให้ไปเกิดอยู่ในนรกนานแสนนาน เสวยทุกขเวทนาอย่างแสนสาหัส

    แม้เกิดมาในชาติสุดท้าย หลังจากที่พระเทวทัตทำให้พระองค์ทรงห้อพระโลหิตแล้ว เสด็จไปให้หมอชีวกรักษา หมอชีวกได้รักษาโดยปรุงยาอย่างแรงกล้าเพื่อสมานแผลแล้ว ปิดแผล แล้วเข้าไปทำธุระในเมือง แต่กลับมาไม่ทันเอายาออก ประตูเมืองปิดก่อน ทำให้พระองค์เกิดความเร่าร้อนในสรีระตลอด ซึ่งต่อมาได้รับสั่งให้พระอานนท์นำยาที่ปิดแผลนั้นออกในตอนค่ำนั่นเอง

    ๑๐. กรรมเก่าจากการเคยชอบใจเมื่อเห็นคนฆ่าปลา

    (ข้อนี้แสดงให้เห็นว่า เพียงแค่ดีใจ ที่เห็นคนทำบาป แค่นั้นกรรมก็ตกกับเราแล้ว)

    พระองค์ตรัสเล่าว่า ในชาติหนึ่งในอดีต พระองค์เกิดเป็นลูกชาวประมง อาศัยอยู่ในหมู่บ้านชาวประมง เห็นชาวประมงฆ่าปลาแล้วเกิดความสนุกยินดีสนุกสนาน

    มาเกิดในชาตินี้ แม้จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว บาปกรรมก็ยังส่งผลให้พระองค์รู้สึกปวดพระเศียรเมื่อคราวที่พวกเจ้าศากยะพระประยูรญาติของพระองค์ ถูกพระเจ้าวิฑูฑภะกษัตริย์แห่งแคว้นโกศลยกทัพบุกสังหาร

    ๑๑. กรรมจากการเคยด่าพระสาวกของพระพุทธเจ้า

    พระองค์ตรัสเล่าว่า ในชาติหนึ่งในอดีต พระองค์เกิดเป็นคนปากกล้าด่าว่าพระสาวกของพระพุทธเจ้าผุสสะว่า “ท่านทั้งหลายจงเคี้ยว จงกินแต่ข้าวแดง อย่ากินข้าวสาลีเลย”

    ตายจากชาตินั้นบาปกรรมส่งผลให้ไปเกิดอยู่ในนรกนานแสนนาน มาเกิดในชาตินี้แม้จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้วบาปกรรมก็ยังส่งผลให้พระองค์ได้รับนิมนต์จากพราหมณ์เวรัญชาให้ไปจำพรรษาในเมืองเวรัญชา ซึ่งเกิดข้าวยากหมากแพง ทำให้พระองค์ต้องเสวยข้าวชนิดเลว(ข้าวแดง) อยู่นานถึง 3 เดือน

    ๑๒. กรรมจากการเคยจงใจดัดหลังนักมวยปล้ำให้เจ็บ

    พระองค์ตรัสเล่าว่า คราวหนึ่งทรงเกิดในตระกูลคหบดี มีกำลังมากมหาศาล แต่ตัวเตี้ย ต่อมามีนักมวยปล้ำต่างถิ่นมาท้าต่อสู้ พระโพธิสัตว์แม้ถึงจะตัวเตี้ย แต่ก็ได้จับนักปล้ำผู้นั้นขึ้นแล้วหมุนไปในอากาศ แล้วทุ่มลงภาคพื้น แล้วจับดัดหลัง จนนักปล้ำผู้นั้น กระดูกหักเจ็บปวดอย่างมาก และยอมแพ้ในที่สุด

    ด้วยกรรมนั้น แม้ในชาตินี้ ถึงจะทรงพลังอย่างนับไม่ได้ แต่ก็ยังเป็นโรคปวดพระปฤษฏางค์ (ปวดหลัง)

    ๑๓. กรรมจากการเคยเป็นหมอยารักษาคนไข้ตาย

    ชาติหนึ่งในอดีต พระองค์เกิดเป็นหมอยารับรักษาลูกชายเศรษฐี โดยวิธีให้ถ่ายยา จนลูกชายเศรษฐีตายด้วยความจงใจ

    ตายจากชาตินั้น บาปกรรมส่งผลให้ไปเกิดอยู่ในนรก มาเกิดในชาตินี้แม้จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้วเศษกรรมที่ยังหลงเหลืออยู่ก็ส่งผลให้พระองค์เกิดพระโรคปักขันทิกาพาธ(โรคท้องร่วง) หลีงจากเสวยสุกรมัททวะก่อนเสด็จดับขันธปรินิพพาน

    ๑๔. กรรมจากการเคยเยาะเย้ยพระพุทธเจ้า

    ในชาติหนึ่งในอดีต พระองค์เกิดเป็นชายหนุ่มชื่อ "โชติปาละ" วันหนึ่งเข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้ากัสสปะ แล้วกราบทูลทำนองเย้ยหยันว่า ทำไมจึงได้ตรัสรู้ช้าต้องบำเพ็ญพียรอยู่นานกว่าจะตรัสรู้ได้

    มาเกิดในชาตินี้ซึ่งแน่นอนว่าพระองค์จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแน่ แต่ด้วยผลกรรมนั้นจึงส่งผลให้พระองค์หลงทาง ในการแสวงหาโมกธรรมจนต้องบำเพ็ญทุกรกิริยา อันทำให้พระองค์ต้องประสบกับทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสกว่า 6 ปี จะตรัสรู้ได้

    ****************************************************

    ทั้งหมดนี้คือกรรมเก่าของพระพุทธเจ้าที่พระองค์ทรงกระทำไว้ในอดีต ตั้งแต่ยังมิได้เป็นพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นกุศลเพียงข้อ ๑ ข้อเดียวเท่านั้น ที่เหลืออีก ๑๓ ข้อเป็นอกุศลทั้งสิ้น

    สิ่งที่ควรทำ ยามหลีกหนีไม่พ้นกรรม ไม่มีใครหนีพ้นผลของกรรม แม้พระมหาโมคคัลลานะ สำเร็จเป็นพระอรหันต์ที่มีฤทธิ์เดช ก็ยังถูกทุบจนร่างกายแหลกเหลว เพราะชาติก่อนเคยทุบตีพ่อแม่ไว้

    ฉะนั้น ทุก ๆ ครั้งที่จะเริ่มทำกรรม ทางกาย วาจา และใจ ขอให้สร้างเป็นบุญ สร้างเป็นกุศลอย่างเดียว เพราะบุญเท่านั้น เป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลาย

    และหากเจ็บปวดมากแค่ไหนกับผลกรรมที่ได้รับในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นความล้มเหลวทางการงาน การหาเงิน ความรัก เรื่องเพื่อน หรือเรื่องอะไรก็ตาม ให้ใช้ขันติ เพื่อสะกดความเดือดเนื้อร้อนใจให้หยุดเป็นความแข็งแกร่ง และให้ใช้โอกาสนี้เรียกปัญญามาเพื่อมองเห็นความจริง ที่รู้ว่าโลกมีสภาพอย่างนี้ ทำให้แม้ว่าจะอยู่ในสภาวะเลวร้ายแค่ไหน จิตใจก็กลับสงบ

    เมื่อวางจิตเป็นกลางได้แล้ว ก็ให้รู้ว่ากรรมเก่านั้นสักแต่ว่ารับ ไม่ยินดี ยินร้าย และจะไม่ทำกรรมใด ๆ ใหม่อีก ด้วยการรักษาศีลห้า และปิดกั้นอกุศลทุกทางที่จะเกิด ไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อตัวเราเอง ใครจะสำคัญยิ่งไปกว่าตน


    ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่าน ในการใช้ชีวิต ที่ต้องดำเนินผ่านความทุกข์ยากลำบากต่าง ๆ และหลายท่าน ก็ต้องเผชิญกับวิบากกรรมที่ทำไว้ในอดีต

    ที่มา https://www.trueplookpanya.com/knowledge/content/54745/-dhart-
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2020
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    บาปกรรมทางอินเทอร์เน็ต(ดังตฤน)

    a7-25e0-25b8-25b2-25e0-25b8-25a1-25e0-25b9-2580-25e0-25b8-25a3-25e0-25b9-2587-25e0-25b8-25a7-jpg.jpg

    ถาม – การเขียนข้อความ หรือนำเสนอเนื้อหาอะไรผ่านอินเตอร์เน็ต โดยใช้นามแฝง ถือเป็นกรรมหรือไม่? เพราะไม่มีใครรู้จักชื่อเรา ไม่มีใครเห็นหน้าเรา ไม่มีใครได้ยินเสียงเรา เหมือนเราไม่มีตัวตน

    ตอบ - ผมเห็นว่าคำถามนี้จะนำไปสู่ความเข้าใจเรื่องกรรมได้ลึกซึ้งขึ้น เพราะคนส่วนใหญ่ยังนึกว่าการก่อกรรมเป็นเรื่องที่ต้องโชว์ตัว โชว์เสียง หรืออย่างน้อยก็ต้องมีชื่อแซ่ของเจ้าตัวปรากฏเป็นที่รับรู้เสียก่อน ความเข้าใจดังกล่าวนั้นคลาดเคลื่อนนะครับ กรรมนั้นคือเจตนา ต่อให้คุณนอนคิดร้ายอยู่บนยอดเขา ไม่มีใครเห็น คุณก็ทราบชัดอยู่แก่ใจ และสามารถสำเหนียกรู้สึกได้ว่าใจคุณดำมืดเพราะโดนเมฆหมอกอกุศลทาบทับแล้ว

    สำหรับกรรมที่ทำอยู่ในใจจริงๆ มีผลกระทบกระเทือนต่อจิตใจคุณเองคนเดียวนั้น เรียกว่า ‘มโนกรรม’ สำหรับมโนกรรมนั้นจะสำเร็จสมบูรณ์เต็มขั้นในทันทีที่ตั้งใจคิดและมีความยินดีกับความคิดนั้น หากจะพูดว่ามโนกรรมคือกรรมที่ก่อแล้วยังไม่ทันส่งผลกระทบดีร้ายกับผู้อื่นก็คงได้ ตัวอย่างเช่นคุณคิดจะด่าเขา แต่ระงับใจไม่ด่า อย่างนั้นก็เป็นเพียงมโนกรรมอันเป็นอกุศล มีผลให้จิตคุณทุกข์ร้อนอยู่คนเดียว ยังไม่เป็นวจีกรรม ยังไม่มีเสียงกระทบหูใครให้ใจเป็นทุกข์ขึ้นมา

    แต่หากคลื่นความคิดแรงจนทะลักรั้วกั้น หลุดจากสมองไปกระทบผู้อื่น ไม่ว่าจะทางภาษาพูดหรือภาษาเขียน ทำให้เขาเกิดความเข้าใจว่าคุณคิดอย่างไร ตรงนั้นจัดว่าเป็นวจีกรรมได้หมด พูดง่ายๆว่า ‘ภาษา’ นั่นเองคือเครื่องมือก่อวจีกรรมของมนุษย์

    ฉะนั้นคุณจะแอบเขียนอะไรทางอินเตอร์เน็ตโดยใช้นามแฝงเฉพาะกิจ ไม่มีใครอื่นรู้เห็น ไม่มีใครรู้จักเลย แม้เพียงครั้งเดียวก็นับว่าสร้างวจีกรรมไปแล้วหนึ่งครั้ง และกรรมก็จะติดตามคุณเป็นเงาตามตัว ไม่ผิดต่างไปจากกรรมอื่นๆที่กระทำโดยเปิดเผยหน้าตาตัวตน เจตนาเกิดขึ้นที่จิตของคุณ กรรมก็เกิดที่จิตของคุณเช่นกัน เพราะกรรมคือเจตนา เจตนาคือกรรม ดังที่พระพุทธองค์ทรงตรัสว่าบุคคลคิดแล้วจึงก่อกรรมทางกาย วาจา ใจ

    อินเตอร์เน็ตเปิดโอกาสให้เราเห็นอะไรหลากหลายจริงๆ แม้แต่การทำงานของกรรม อย่างเช่นที่ผมรู้จักหลายๆคน เห็นกรรมทางวาจาของเขาในเบื้องต้น แล้วได้เห็นพัฒนาการหรือความเสื่อมทรามทางจิตใจในเวลาต่อมา เป็นไปตามวิธีคิดเขียนให้ดีให้ร้ายแก่ผู้อื่น

    ผู้ก่อความวุ่นวาย นานไปย่อมมีจิตใจที่วุ่นวาย ปั่นป่วนเหมือนพายุ และแสดงแนวโน้มที่จะฟุ้งซ่านแส่ส่ายไปในเรื่องเหลวไหล พูดจาจับต้นชนปลายไม่ติดมากขึ้นเรื่อยๆ

    ผู้ก่อกระแสความเยือกเย็น นานไปย่อมมีจิตใจเยือกเย็น สงบราบคาบผาสุก และแสดงแนวโน้มที่จะแน่วนิ่งหนักแน่นในเรื่องเป็นเหตุเป็นผล พูดจามีต้นมีปลายมากขึ้นเรื่อยๆ

    บอกได้เลยครับว่าวจีกรรมที่เกิดขึ้นในโลกอินเตอร์เน็ตนั้น อาจจะให้ผลเร็วและแรงเสียยิ่งกว่าวจีกรรมที่เกิดขึ้นในโลกความเป็นจริงเสียอีก ที่เป็นเช่นนี้เพราะอะไร? เพราะบนอินเตอร์เน็ตอาจมีผู้รับคำพูดของคุณจำนวนมาก ขอให้ลองนึกดู หากคุณพูดเบาๆว่า ‘ไอ้โง่’ ก็อาจมีคุณคนเดียวในโลกที่ได้ยินเสียงอกุศลของตัวเอง แต่ถ้าคุณพิมพ์คำว่า ‘ไอ้โง่’ ลงในกระทู้ของเว็บบอร์ดที่มีผู้เข้าเยี่ยมชมคับคั่ง คุณไม่มีทางปรับให้ดังหรือเบาได้ตามใจชอบได้เลย คุณทำอกุศลกรรมกับคนแบบไม่เลือกหน้าเข้าแล้ว คำด่านั้นอาจทำให้คนนับพันนับหมื่นเกิดความแสลงใจ ความแสลงใจของคนนับไม่ถ้วนนั่นแหละ จะย้อนกลับมาก่อเหตุให้คุณแสลงใจยิ่งกว่าพวกเขาได้

    ผมเห็นแล้วนึกเสียดายครับ หลายคนยังเป็นเด็ก และมีความสนุกที่จะขีดเขียนข้อความฝากไว้ในอินเตอร์เน็ตด้วยความคึกคะนอง บางทีไม่รู้ตัวเลยว่าเอาอนาคตมาทิ้งเสียด้วยการสนทนาแบบไร้หน้าไร้เสียงนี่เอง

    โอกาสก่อกรรมในยุคไอทีของพวกเรานี้ มีได้เป็นร้อยเป็นพันเท่ามากกว่ายุคอื่นครับ กระดิกนิ้วง่ายๆไม่กี่ที ผลอาจใหญ่หลวงยิ่งกว่าพยายามพูดในห้องประชุมใหญ่หลายๆอาทิตย์เสียอีก หากจิตตั้งไว้ดีแล้วก็สบายตัวไป แต่หากจิตยังตั้งไว้ในมุมมืด อย่างนั้นก็คงน่าเป็นห่วงหน่อยล่ะ


    ที่มา www.dungtrin.com
     
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    คำทำนายมหาภัยพิบัติ ที่จะเกิดขึ้นในวันฟ้าดับ ตอนที่ 1

     
  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    คำทำนายมหาภัยพิบัติ ที่จะเกิดขึ้นในวันฟ้าดับ ตอนที่ 2
     
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เตือนภัยเหตุการณ์หลังวันฟ้าดับ ที่สยามต้องเตรียมรับมือ ผลกระทบใหญ่ ตอนจบ!!

     
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เมกะสึนามิ ฟ้ามืดมองไม่เห็นแสง น้ำมันต้องเต็มถัง คำทำนายหลวงปู่สังวาลย์


    3 ก.ค. 2020

    สิ่งที่น่าสังเกตุของคำทำนาย คือในนิทานหลวงพ่อบอกว่าสึนามิจะเกิดตอนกลางคืน ถ้าคุณแม่และหลานน้อยหลับ หลวงพ่อจะมาเข้าฝัน ซึ่งตรงกันกับคำทำนายของหลวงปูสังวาลย์ ที่ท่านบอกว่าน้ำจะมาตอนกลางคืนที่คนนอนหลับก้นแล้ว เรียกว่าหมดโอกาสรอดแน่นอน ถ้าไม่มีการเตรียมตัวไว้ล่วงหน้า สิ่งที่ควรสังเกตุอีกเรื่องหนึ่งคือ ถ้าสึนามิเกิดขึ้นในวันพฤหัส จริงตามในนิทาน การสังเกตุการณ์ในเรื่องของสภาพอากาศเรื่องของฟ้าครึ้มและฝนตก จะต้องสังเกตุทุกๆวันศุกร์ ถ้านับ ๗ วัน ก็จะมาบรรจบที่วันพฤหัสพอดี
     
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    คน 4 กลุ่ม เปรียบเหมือนถั่ว 4 กอง
    th18wfvd7szoagvyckxiarzfpyuydpfinrqzrkswsvegjuxsboem3b-lgqraw0qsftwmhntby4ohsvd_bj50_pldqxeg-jpg.jpg

    คำทำนายหลวงปู่สรวง

    ต่อจากนั้นท่านก็พูดอีกว่า "น้ำจะท่วมเมืองทั่วโลก เพราะเขาเริ่มคัดคน มันเป็นทีของพวกนาคแล้ว ทีใครทีมัน เมื่อก่อนหากมีเรื่องใครตาย ใครเป็น ใครเจ็บ จะมีลมพัดมาเรียกว่า ลมส่า (ภาษาอีสานเรียกว่าส่า ภาษาไทยหมายถึง ลมกระพือข่าว) คือเทวดาเขาส่งข่าว และถ้าดีเทวดาก็จะดูแลรักษา แต่ไม่ดีก็ไม่รักษา

    แต่คนปัจจุบันนี้หาดียากมากและไม่ค่อยสนเทวดา มันว่ามันเก่งกว่าเทวดา เทวดาเลยไม่สนคนเหมือนกัน เรื่องของมึงเรื่องของกู ทีนี้คนก็เป็นเหมือน "คน" จริงๆ คนกันอยู่นั่นแหละ คนเท่าไหร่ก็ไม่ทั่ว มีแต่เรื่องราวให้ตีแตกแยกแยะกัน พวกมึงเร่งทำบุญภาวนาเข้า พวกมึงจึงจะรอด"

    "ต้องทำยังไงบ้างหลวงปู่"

    "มันจะยากอะไรก็ให้รักษาศีล ข้อไหนที่มันขาดก็เอาใหม่ เริ่มต้นเสียแต่เดี๋ยวนี้ ข้อไหนพร่องหย่อนยานไปก็ให้ดึงให้มันตึงเข้าไว้ ในที่สุดมันก็จะเข้าใจและรักษาได้สบายๆ แล้วก็ทำบุญไป อย่าไปขัดบุญใคร บุญเราก็เร่งทำของเราไป ภาวนาไปด้วย"

    "ภาวนาอย่างไรบ้างปู่ อยากได้แบบลัดๆ"

    "คนสมัยนี้ความดีมันไม่ค่อยอยากทำ แต่พออยากได้ มันก็อยากได้ลัดๆ เลย"

    "ก็มันไม่มีเวลาแล้ว ขอได้ไหมปู่"

    "มึงพอไหว เริ่มเข้าเดี๋ยวนี้ ชำระสิ่งชั่วจากใจเดี๋ยวนี้เลยนะ รู้ไหมว่าจะมีน้ำท่วมใหญ่ เขาคัดคน เขาบอกว่าโลกจะแตกนั้น มันไม่ใช่แตกดังโป๊ะเหมือนลูกโป่งนะ มันค่อยๆ แตกทีละน้อยๆ คือเลือกคนนั่นแหละ"
    "คนที่ทำบุญจะรอดไหมปู่"

    "รอด คนมีศีลมีธรรมเท่านั้นจึงจะรอด พยายามกันเข้า มันจะแย่ไปเรื่อยๆ เริ่มตั้งแต่คนนั้นขึ้นครองเมือง การสู้รบตบมือมากมาย และมันจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ให้ดูไว้นะ ข้าวจะยากหมากจะแพง...จนถึงปี 2555 วิกฤติสุด"

    ตอนนั้นผู้เขียนไม่อยากจะเชื่อ จนกระทั่งมีช่วงหนึ่งอาหารการกินขึ้นราคาแพงหมด ท่านพยากรณ์เอาไว้ก่อนท่านมรณภาพ 2 ปี หลังจากนั้นก็เป็นตามที่ท่านพูดทุกอย่าง และตอนนั้นท่านพูดถึงการบาดเจ็บของหลวงพ่อคูณด้วย และก็เป็นจริงว่าหลวงปู่จะถูกรถชน (รถชนกัน หลวงพ่อคูณอยู่ในรถตู้) ก็รถชนกันจริงๆ ซึ่งถือว่าท่านมีญาณอนาคตบอกลูกหลาน

    อีกครั้งหนึ่ง เคยไปกราบหลวงปู่สังวาลย์ เขมโก วัดทุ่งสามัคคีธรรม ท่านบอกกับผู้เขียนว่า น้ำจะท่วมใหญ่ให้รีบทำบุญ

    "เมื่อน้ำท่วมจะมีกองถั่วอยู่ 4 กอง กองที่ 1 จะไหลไปกับน้ำอย่างรวดเร็ว หายไปเลย กองที่ 2 จะไหลไปกับน้ำ บางเมล็ดก็จะสามารถเกาะเกี่ยวอยู่ได้รอดจากน้ำ แต่ก็ร่อแร่เต็มที กองที่ 3 จะกระทบเพียงเล็กน้อย เพราะสงสารกองที่ 2 เลยต้องอาสา กองที่ 4 ไม่กระทบกระเทือนใดๆ เลย"

    "หลวงปู่กำลังหมายถึงว่ากองถั่วนั้นคือคนใช่ไหม"
    "ใช่ "
    "กองที่ 1 ไปทั้งคนทั้งบ้าน ทั้งรถ ทุกอย่างจมหายไปเลย"
    "กองที่ 2 ไปบ้าง ก็รอดบ้างหรือคะ"
    "ใช่ กองที่ 3 คือคนที่ปฏิบัติธรรม มีศีลธรรม กระทบเพียงเพื่อส่งสาร ขอความช่วยเหลือเขา ส่งข้าวส่งน้ำเท่านั้น"
    "ถ้าอย่างนั้นกองที่ 4 ก็คือพระอริยเจ้าหรือเจ้าคะ"
    "ถูกต้อง ไม่กระทบเลย แม้แต่ใจก็ไม่กระทบ"

    ท่านว่าอย่างนั้น และเมื่อก่อนจะเกิดสึนามิ ท่านก็ยังบอกด้วยว่าเมื่อมารวมตัวเลย ในการเคยสร้างความชั่วเอาไว้ ก็จะเกิดขึ้นด้วยการรับกรรมร่วมกันอีกต่อไป

    ท่านบอกต่อไปว่า ให้ท่องคาถา "วิรูปักเข" เอาไว้มากๆ มันเป็นทีของพวกสัตว์มีเขี้ยวทั้งหลาย งู ตะขาบ แมงป่อง ฯลฯ ท่านว่าอย่างนั้น มีพระอีกหลายรูปที่ท่านพูดเอาไว้ ส่วนใหญ่เป็นพระอริยะทั้งสิ้น จึงเชื่อ เพราะเห็นมากับตาแล้วมากมาย


    ที่มา คำทำนายหลวงปู่สรวง - Nopp Rattachat - Google Sites
     
  15. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,869
    คุณสมบัติเหมือนๆกันย่อมเข้าไปก่อกลุ่มกันเอง
    ตามธรรมชาติ ธรรมจัดสรรตามเหตุปัจจัย


    67f2d066cfc38ef66462c4219ad1ae9f.jpg
     
  16. ฐานธมฺโม

    ฐานธมฺโม ทำลายเพื่อสร้างใหม่ ให้ดี ให้งาม..

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2019
    โพสต์:
    12,898
    ค่าพลัง:
    +4,609
    สามฮ่มโพสี
     
  17. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,869
    หากสามฮ่มโพสีของหลวงพี่
    มีพระจักรพรรดิ อัญญาสิทธิ์ อัญญาธรรม
    ผมลองค้นหาดูมีคนเล่นเรื่องแนวๆนี้ไปแล้วนะ
    คนอาจจะหมดศรัทธากับเรื่องแนวๆนี้ไปแล้วก็ได้ :confused:


    https://palungjit.org/threads/ใครคิดว่าตนเป็นอัญญาสิทธิ์-อัญญาธรรมบ้าง.258327/page-2#post-4481426

    อัญญาสิทธิ์ จะเป็นผู้ทำหน้าที่ทางโลกให้กับพระจักรพรรดิ์ ส่วนมากจะเป็นพระโพธิสัตว์ หรือ อริยบุุคคล

    อัญญาธรรม จะเป็นผู้ที่ทำหน้าที่ทางธรรมให้กับพระจักรพรรดิ์ ส่วนมากจะเป็นพระโพธิสัตว์และ พระอริยสงฆ์

    เช้ามืด วันที่ 18 มี.ค. 54 พระจักรพรรดิ์ท่านจะลงมาประกาศโองการบนโลกมนุษย์ หลังจากนั้น เหล่าอัญญาสิทธิ์และอัญญาธรรม ของพระจักรพรรดิ์ ก็จะร่วมกันทำงานกันอย่างจริงจัง

    ยุคนี้จะเป็นยุคของพระบรมจักรพรรดิ์ และผู้ที่จะใช้อำนาจแทนพระจักรพรรดิ์นั้น เป็นลูกชายของพระเจ้าจักรพรรดิ์

    อีกไม่นานวิบัติและมหาวิบัติ ทางดิน น้ำ ลม ไฟ ภัยสงครามและโรคภัยต่างๆจะทวีรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะนี้จักรของพระเจ้าจักรพรรดิ์กำลังเคลื่อนจากท้องมหาสมุทรขึ้นสู่พื้นปฐพี สามโลกจะสั่นสะทือน พญานาคใหญ่หรือมเหศักดิ์รักษาจักรก็จะเคลื่อนตาม เขาจะเคลื่อนที่ผ่านญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน ต่อไป 3 ประเทศนี้จะจมน้ำหายไปจากโลกซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นแห่งมหาวิบัติของโลก ซึ่งสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนั้นก็คือ ความจริงเหนือความจริงซึ่งอยู่เร้นลับ แต่สิ่งที่คนเรามองเห็นด้วยตาก็คือภัยพิบัติต่างๆของโลกนั่นเอง และตามมาด้วยความล่มสลายของ ประเทศต่างๆทั่วโลก อเมริกา จะกลายเป็นเกาะแก่ง ทางด้านยุโรปก็จะกลายเป็นเกาะแก่งเช่นเดียวกัน

    การเคลื่อนของจักรนี้จะเป็นสัญญาณของการกวาดล้างคนไม่มีศีลธรรมและรักษาไว้ซึ่งคนดีผู้มีศีลมีธรรม ผู้ใดสามารถอยู่รอดได้ถึง ปี 2560 ถือว่าสร้างบารมีมาดี ครับ ภายในปี 60 นี้จะปรากฏบุคคลผู้ที่มีบุญญฤทธิ์หลากหลาย ซึ่งเป็นการทำงานจากภายในออกสู่ภายนอก

    หมายเหตุ : คุณสมบัติพื้นฐานของเหล่าอัญญาสิทธิ์ พวกเขาจะสามารถสื่อสารกับภพภูมิจิตวิญญาณได้เป็นเรื่องปกติ และเป็นสื่อญาณของเทพเทวดาพญานาคตระกูลต่างๆ จะคอยติดตามร่วมทำงานและสร้างบารมี
     
  18. ฐานธมฺโม

    ฐานธมฺโม ทำลายเพื่อสร้างใหม่ ให้ดี ให้งาม..

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2019
    โพสต์:
    12,898
    ค่าพลัง:
    +4,609
    ศรัทธา+ปัญญา+สติ
     
  19. ฐานธมฺโม

    ฐานธมฺโม ทำลายเพื่อสร้างใหม่ ให้ดี ให้งาม..

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2019
    โพสต์:
    12,898
    ค่าพลัง:
    +4,609
    อาตมาไม่ได้เล่นตามใคร/แต่เล่นตามธรรม/ตามเหตุปัจจัย
     
  20. ฐานธมฺโม

    ฐานธมฺโม ทำลายเพื่อสร้างใหม่ ให้ดี ให้งาม..

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2019
    โพสต์:
    12,898
    ค่าพลัง:
    +4,609
    ฟ้าดับ7วัน7คืนหรือไม่อาตมาไม่รู้/รู้แต่ว่าภัยธรรมชาตินับวันยิ่งรุนแรงขึ้น/เกิดถี่ขึ้น/คงเหลือแต่ประเทศไทยที่ยังไม่รุนแรง/โลกมันก็เป็นอย่างนี้/ผู้มีปัญญาย่อมเห็นภัยเห็นความเสื่อมไปของโลก/เกิดสลดสังเวชใจเกิดความเบื่อหน่ายคลายกำหนัดแล้วรีบเร่งปฏิบัติเพื่อให้พ้นไปจากโลก
     

แชร์หน้านี้

Loading...