ไม่มีเนื้อหา

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย กลิ่นราตรี, 5 มิถุนายน 2017.

  1. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,411
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,046
    SitAndWait.jpg รออยู่ค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. sathu-sathu

    sathu-sathu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +443
    เอ่อ... ถ้าเห็นแบบนี้บ้าง คงจะไม่ได้ตอบ
    คงตาเหลือก ช๊อก สลบไปเลย :rolleyes::rolleyes:
     
  3. sathu-sathu

    sathu-sathu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +443
    เสียงนั้น คือท้านเก้า .. ว้าวๆ รอรอ มาค่ะ มานั่งรอตรงนี้ 5555
     
  4. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,411
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,046
    คิดว่าท่านที่๓ที่อาวุโสน้อยที่สุดค่ะ:D:cool::);)
     
  5. sathu-sathu

    sathu-sathu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +443
    คือดี คือชอบ .. ว่าแต่พี่กึกก้อง หายไปไหนนะ แฟนคลับพี่กลิ่นราตรีอีกคน 5555
     
  6. sathu-sathu

    sathu-sathu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +443
    คือดี คือชอบ .. ว่าแต่พี่กึกก้อง หายไปไหนนะ แฟนคลับพี่กลิ่นราตรีอีกคน 5555
     
  7. กึกก้อง

    กึกก้อง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2009
    โพสต์:
    609
    ค่าพลัง:
    +3,478
    ยังอยู่ แต่ไม่ค่อยได้เข้าระบบ ฮ่า ฮ่า
     
  8. tumdidi

    tumdidi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +419
    ตามอ่านอยู่ค่ะ แต่ไม่ค่อยได้ล็อคอิน
     
  9. กึกก้อง

    กึกก้อง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2009
    โพสต์:
    609
    ค่าพลัง:
    +3,478
    เรื่องพญานาคตีกันน่าจะเป็นเรื่องปกติ สมัยหลายปีก่อน มีคนมาเล่าว่า ชะแว๊บไปที่เทวสภา ฟังท่านประชุมกัน ทีนี้มีอยู่คราวหนึ่ง ท่านพูดถึงเรื่อง มีเมืองพญานาคสีดำ ๒ เมือง ยกพวกตีกัน (สงสัยเป็นเด็กช่างกลมาก่อน ฮ่า ฮ่า) คนที่แวบไปฟังการประชุมก็กลับมาเล่าให้ฟัง ช่วงนั้นเป็นช่วงกำลังตื่นเต้นเรื่องน้ำท่วมโลก เลยถามเขาว่า แล้วจะเป็นสึนามิมาถล่มแถวชายทะเลอะไรบ้างไหม เขาบอกไม่มีผล เพราะเมืองพญานาคอยู่ลึกมาก พอได้ยินก็เลยสบายใจ บอกไปว่า เชิญตีกันตามสบาย ไม่เกี่ยวกับข้าเฟ้ย ฮ่า ฮ่า
     
  10. sathu-sathu

    sathu-sathu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +443
    ท่านเก้า เปลี๊ยนไป!! ท่านเก้า ใช่ไหมคะ ปูเสื่อรอ:):)
     
  11. sathu-sathu

    sathu-sathu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +443
    พี่กึกก้อง ไปเทวสภา ยังไงคะ
    ซ่้อนท้ายไปด้วยได้ไหมคะ 555
     
  12. กึกก้อง

    กึกก้อง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2009
    โพสต์:
    609
    ค่าพลัง:
    +3,478
    ถ้าซ้อนท้ายไปได้จะดีมาก อยากไปอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าได้ไปดูท่าว่าคงจะโดนเทวดาถีบกลับมา ด้วยข้อหา "ไม่มีวาสนา" ฮ่า ฮ่า

    มีอยู่ครั้งหนึ่ง เขาเคยมาเล่าว่า ไปเที่ยว แล้วจะเข้าไปที่พระจุฬามณีหรือไงนี่แหละ ทีนี้ตรงทางเข้าก็มีท่านเทวดา 2 องค์เฝ้าอยู่ ท่านก็ห้ามไว้บอกเข้าไม่ได้ (สถานที่ราชการห้ามเข้า ฮ่า ฮ่า) เลยถามเขาว่า แล้วทำยังไง เขาบอก ก็นึกถึงหลวงปู่ ท่านก็มา เจรจาแพร๊บเดียว ผ่านฉลุยทีนี้ก็เข้าออกได้ตามสบาย

    ยังสงสัยอยู่ว่า จริง ๆ อาจจะโดนบาทาเทวดาถีบออกมาตั้งแต่เซ่อซ่าเข้าไปตอนแรก ๆ แล้ว แต่พี่ท่านเทวดาคงจะรู้จักสุภาษิตจีนที่ว่า "จะตีหมาต้องดูเจ้าของ" ท่านเลยยั้งบาทาไว้ ฮ่า ฮ่า
     
  13. ล้อเล่น

    ล้อเล่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    4,924
    ค่าพลัง:
    +18,649
    อุ๊ต๊ะ......เฮียก้องงงงงงงง
     
  14. กึกก้อง

    กึกก้อง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2009
    โพสต์:
    609
    ค่าพลัง:
    +3,478
    นึกถึงคำสอนที่หลวงพ่อท่านได้กล่าวไว้

    "ชีวิตเหมือนความฝัน รูปโฉมโนมพรรณเหมือนดอกไม้"

    ชีวิตของเราที่ทรงตัวอยู่นี้มันก็เหมือนความฝัน มันมีอยู่ แล้วไม่ช้ามันก็พังสลายไป รูปโฉมโนมพรรณเหมือนดอกไม้ ดอกไม้ทีแรกมันยังตูม ต่อมาก็แย้มทีละน้อย ๆ บานเต็มที่มันก็สวย แต่ก็ร่วงก็โรยไปทีละน้อย ๆ และในที่สุดก็พังไปทีนี้สภาวะของรูปมันก็เป็นเช่นเดียวกัน เสียง กลิ่น รส และสัมผัส มันก็เหมือนกัน
     
  15. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,411
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,046
    รอหลายวัน นํ้าหนักขึ้นเลยค่ะ:D
    Satay.jpg
     
  16. sathu-sathu

    sathu-sathu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +443
    รอข้ามปี ^^"
    images (1).jpg
     
  17. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,411
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,046
    มาแล้วว ถอนหายใจรอไปหลายเฮือกจนเกือบจะหมดแล้ว ยินดีและขอต้อนรับในการกลับมาค่ะ:)
     
  18. sutahp

    sutahp สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2021
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +3
    ยินดีที่กลับมาอีกครั้งนะคะ...รอติดตามค่ะ;):)
     
  19. tumdidi

    tumdidi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +419
    ยินดีที่กลับมาค่ะ ยังติดตามอ่านต่อไปค่ะ
     
  20. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,411
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,046
    บุพเพอาละวาด!!!...พา "หลวงปู่แหวนพบเนื้อคู่" กว่าจะหักห้ามใจ มิให้คิดถึง ต้องทรมานอย่างหนัก เพื่อปราบจิตให้หายพยศได้!!
    ในสมัยที่ หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ เรียนมูลกัจจายน์อยู่ที่จังหวัดอุบลๆ นั้น เคยมีหมอดูทำนาย เกี่ยวกับเนื้อคู่ของท่าน ว่าจะอยู่ทางทิศนั้นๆรูปร่างสันทัด ผิวเนื้อขาวเหลือง ใบหน้ารูปใบโพธิ์


    ก็ไม่ทราบว่า หลวงปู่ จะใส่ใจกับคำทำนายนั้นหรือไม่ เพียงใด หรือว่าเพียงแต่ดูหมอไป แบบสนุกๆก็ตาม แต่คำทำนายนั้นก็ปรากฏขึ้นจริง

    วันหนึ่ง ตอนใกล้ค่ำ หลวงปู่ ไปสรงน้ำที่ฝั่งแม่น้ำงึม ก็พบหญิงสองคนแม่ลูกกำลังถ่อเรือ มาตามลำน้ำ มาถึงบริเวณที่พระกำลังอาบน้ำอยู่ หญิงสาวชำเลืองตามองทางพระหนุ่ม สายตาเกิด ประสานกันเข้าพอดี

    ในบันทึกเล่าไว้ว่า

    " เมื่อสายตาของทั้งสองฝ่ายประสานกันเข้า ก็มีอานุภาพลึกลับและรุนแรง พอที่จะตรึงคน ทั้งสองฝ่ายให้ตะลึงไปได้ ระหว่างเดินกลับมาที่พัก ในใจยังคิดถึงหญิงงามนั้นอยู่"
    เมื่อหลวงปู่กลับถึงที่พัก ก็หวนระลึกถึงคำทำนายของหมอดู พิจารณาดูแล้วก็น่าจะเป็นจริง

    " หญิงที่เราพบเห็นเมื่อตอนเย็น ก็มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับคำทำนายของหมอ เห็นจะเป็น แม่หญิงคนนี้แน่"

    คืนนั้น หลวงปู่ ยังครุ่นคิดถึงแม่สาวงามที่สายตาประสานกันเมื่อตอนเย็น

    " เห็นจะเป็นแม่หญิงคนนี้แน่ เพราะเมื่อเราเห็นเป็นครั้งแรก ก็ทำให้เรา มีจิตปรวนแปรแล้ว"

    ในคืนนั้น หลวงปู่คิดสับสบว้าวุ่นพอสมควร คิดถึงคำทำนายของหมอดู คิดถึงแม่สาวงาม นัยน์ตาคมผู้นั้น คิดถึงความตั้งใจในการออกป่าบำเพ็ญภาวนา ที่สำคัญคือคำสัญญาที่ให้ไว้กับ โยมแม่และโยมยาย ที่บอกว่า " บวชแล้ว จะต้องตายในผ้าเหลือง"
    268_1257465979_jpg_274.jpg
    จิตหวนคิดถึง หลวงปู่มั่น ที่เคยอบรมสั่งสอนเมื่อตอนฝึกหัดภาวนาที่ฝั่งไทย คิดถึงคำเตือน และอุบายธรรมที่ท่านเคยสอน
    พลัน .... " เราต้องรีบกลับเมืองไทย"

    วันรุ่งขึ้น สองแม่ลูกได้นำข้าว หมากพลู บุหรี่ มาถวายแต่เช้าตรู่ ก่อนใครอื่นทั้งหมด ทั้งสอง คนช่วยกันมวนบุหรี่ จีบพลู สายตาของหญิงสาวคอยชำเลืองมองไปทางพระ

    ถึงเวลาบิณฑบาต หลวงปู่ก็ออกบิณฑบาต ตามปกติ ไม่ได้แสดงอาการอะไรให้ผิดสังเกต

    พอฉันเสร็จ พวกญาติโยมที่นำอาหารมาถวายต่างลากลับ หลวงปู่ ก็เก็บบริขาร บอกลาเพื่อน พระ และเจ้าสำนัก แล้วข้ามโขงกลับฝั่งไทย

    ท่านผู้อ่านจะสังเกตเห็นว่า พระธุดงค์ท่านไปไหนมาไหนได้รวดเร็ว " ประดุจดังนกบิน" เพราะท่านไม่มีสมบัติที่จะต้องหอบหิ้วและห่วงใย มีแต่บริขารที่จำเป็นและใส่ลงในบาตร มีกลด ธุดงค์ กาน้ำและเครื่องกรองน้ำ เท่านั้น ท่านจึงอยู่ง่าย มาง่าย ไปง่าย แม้ชีวิตท่านก็สละแล้ว

    หลวงปู่ ได้อาศัยเรือข้ามจากท่าเดื่อ มาขึ้นที่หนองคายฝั่งไทย เดินขึ้นเหนือไปตามลำน้ำโขง ไปถึงอำเภอศรีเชียงใหม่(จังหวัดหนองคาย) ไปพีกอบรมตนอยู่ที่ พระบาทเนินกุ่ม หินหมากเป้ง

    ที่พระบาทเนินกุ่ม หินหมากเป้ง นั้นเอง หลวงปู่แหวน ก็ได้พบกับ หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต พระอาจารย์ใหญ่ อย่างไม่คิดไม่ฝัน ทำให้ท่านดีใจมาก ความมั่นใจว่าจะสามารถครองผ้าเหลือง ไปจนตาย ดูมีความเป็นจริงขึ้นมา

    ในช่วงนั้น หลวงปู่มั่น ท่านได้ปลีกตัว ออกจากหมู่คณะ มาภาวนา อยู่บริเวณนั้นอยู่ตามลำพัง องค์เดียว

    092(7).jpg

    จากบันทึกในส่วนของหลวงปู่แหวน บอกไว้ว่า

    " เมื่อได้พบกับอาจารย์อีก จึงดีใจมาก การพักอบรมตนอยู่กับหลวงปู่มั่น ก่อนเข้าพรรษา ทำให้จิตใจค่อยสงบตัวลง ไม่ฟุ้งซ่าน เหมือนก่อน แต่ภาพผู้หญิงงานนั้น ยังปรากฏขึ้นเป็นครั้ง คราว แต่เมื่อเร่งภาวนเข้า ภาพนั้นก็สงบลง "
    หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ ได้ใช้ความพยายามตัดความคิดนึกเรื่องผู้หญิง ออกจากใจ ดังต่อไปนี้

    หลังจากเข้าพรรษาแล้ว ตั้งใจปรารภความเพียรอย่างเต็มที่ การเร่งความเพียร ในระยะแรก จิตก็ยังไม่มีอะไรวุ่นวาย คงสงบตัวได้ง่ายมีอุบายทางปัญญา พอสมควร

    เมื่อเราเร่งความเพียรหนักเข้า เอาจริงเอาจังเข้า กิเลสมันก็เอาจริง เอาจังกับเราเหมือนกัน คือแทนที่จิตจะดำเนินไปตามที่เราต้องการ กลับพลิกกลับไปหานางงามที่บ้านนาสอง ฝั่งแม่น้ำงึม นั้นอีก

    ทีแรกเราได้พยายามปราบด้วยอุบายต่างๆ แต่ไม่สำเร็จ ยิ่งเร่งความเพียร ดูเหมือนเอาเชื้อไผ ไปใส่ ยิ่งกำเริบหนักเข้าไปอีก เผลอไม่ได้ เป็นต้องไปหาหญิงนั้นทันที

    บางครั้งมันก็หนีออกไปซึ่งๆหน้า คือขณะคิดอุบายการพิจารณา อยู่นั่นเอง มันก็วิ่งออกไปหา ผู้หญิงนั้นเอาซึ่งๆหน้ากันทีเดียว

    หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ ต้องเปลี่ยนมาใช้อุบายการทรมานตนดังนี้ :-

    อุบายการปฏิบัติวิธีต่างๆ ที่นำมาใช้ในการทรมานจิตใจครั้งนั้นเช่น เว้นการนอนเสีย มีเฉพาะอิริยาบถนั่ง ยืน เดิน

    ทำอยู่เช่นนั้น อยู่หลายวันหลายคืน คอยจับดูจิตว่ามันคลายความรักในหญิงนั้นแล้วหรือยัง
    ปรากฏว่า ไม่ได้ผล จิตยังคงวิ่งออกไปหาหญิงงามอยู่เช่นเคย เผลอสติไม่ได้

    ต่อมาเพิ่ม ไม่นั่งไม่นอน มีแต่ยืนกับเดิน ทำความเพียรอยู่อย่างนี้จิตมันก็ไม่ยอม มันคงไป ตามเรื่องตามราวของมันเช่นเคย

    สรุปว่า หลวงปู่ทรมานตัวด้วย งดเว้นการนั่ง กับนอน ไม่ยอมให้ส่วนกัน และส่วนหลังแตะ พื้น ยังคงเหลือแค่อิริยาบถสอง คือ ยืนดับเดิน แต่ก็ยังไม่สามารถทรมานจิตให้เชื่องลงได้

    แล้วหลวงปู่ ก็ทดลองหาอุบายใหม่

    หลวงปู่ได้เปลี่ยนวิธีใหม่ดังนี้

    คราวนี้เปลี่ยนวิธีใหม่ เปลี่ยนเป็นอดอาหาร ไม่ฉันอาหารเลย เว้นไว้แต่น้ำ

    อุบายการพิจารณา ก็เปลี่ยนใหม่

    คราวนี้เพ่งเอากายของหญิงนั้นเป็นเป้าหมาย ในการพิจารณา กายคตาสติ โดยแยกยกขึ้น พิจารณาทีละอย่างๆ ในอาการ

    พิจารณา เทียบเข้ามาหากายของตน พิจารณาให้เห็นถึงความเป็นจริงว่า อวัยวะอย่างนั้นๆ ของตนก็มี ทำไมจะต้องไปรัก ไปหลง ไปคิดถึง

    เพ่งพิจารณาทีละส่วนๆ พิจารณาอยู่อย่างนั้นทั้งกลางวันกลางคืน ทุกอิริยาบถ ( ทั้งยืน เดิน นั่ง นอน)

    การพิจารณาจนละเอียด อย่างไร ขึ้นอยู่กับอุบายความแยบคายของปัญญา ที่เกิดขึ้นแต่ละ ช่วงขณะตอนหนึ่ง การพิจารณามาถึง หนัง

    ได้ความว่า คนเราหลงกันอยู่ที่ หนัง หนังเป็นเครื่องปกปิดสิ่งที่ไม่น่าดูเอาไว้ ถ้าถลกหนังออก อวัยวะทุกส่วนก็หาวส่วนที่น่าดุไม่ได้เลย

    เพ่งพินิจอยู่ จนเห็นถึงความเน่าเปื่อย ผุพัง สลายไปไม่มีส่วนไหนที่จะถือได้ว่า เป็นของมั่นคง

    เมื่อพิจารณามาถึง มูตร ( ปัสสาวะ) และกรีสะ(อุจจาระ หรือคูถ) ของหญิงนั้น ตั้งคำถามขึ้น ว่า หญิงนั้นงามน่ารัก มูตรและกรีสะ ของหญิงนี้กินได้ไหม

    จิตตอบว่า ไม่ได้

    จึงถามอีกว่า เมื่อกินไม่ได้ อันไหนที่ว่างาม อันไหนที่ว่าดี

    เมื่อพิจารณามาถึงอาการทั้งสอง ยกเป็นอุบายขึ้นถามจิตเช่นนั้น จิตเมื่อถูกปัญญาฟอกหนัก เข้าเช่นนั้น ก็จนด้วยเหตุผบของปัญญา ยอมอ่อนตัวลง จนด้วยความจริงและอุบายของปัญญา

    ในขณะนั้น จิตซึ่งเคยโลดโผน โลดแล่นไปอย่างไม่มีจุดหมายมาก่อน พลันก็กลับยอมรับ ตามความเป็นจริง ยอมตัวอย่างนักโทษผุ้สำนึกผิด ยอมสารภาพ ถึงการกระทำ ของตนแต่โดยดี

    หลวงปู่เล่าถึงผลการแก้ไขจิตใจตอนนั้น ต่อไปว่า

    นับแต่วินาทีที่การพิจารณาได้ยุติลง จิตยอมตามเหตุผลของปัญญาแล้ว เพื่อเป็นการทอดสอบว่าจิตยอมแล้ว ได้ส่งจิตออกไปหาหญิงนั้นอีกหลายครั้ง จิตยังคงสงบตัวไม่ยอมออกไป

    ความกำเริบ ความทรนงตัว ความโลดโผนของจิต จึงมีความสงบลง ตั้งแต่บัดนั้นมา ไม่กำเริบอีกต่อไป

    จิตยังคงทรงอยู่ เห็นตามสภาพความเป็นจริงของธรรมอยู่ทุกเมื่อ

    การอดอาหารและอุบายทำความเพียรของหลวงปู่ ในครั้งนั้นจึงได้ผลตามความมุ่งหมาย สามารถปราบปรามทรมานจิต ให้หายพยศได้

    ความมั่นคงไม่โยกเยกคลอนแคลนอีกต่อไป

    ที่มา : หนังสือหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ โครงการหนังสือบูรพาจารย์ เล่ม ๓





     

แชร์หน้านี้

Loading...