เราคือพระศรีอาริย์ งานของพระศรีอาริย์ และ คณะของพระศรีอาริย์

ร่วมกันสร้าง คณะของพระศรีอาริย์
ใครคือคนที่ใช่ให้มารายงานตัวที่นี
และช่วยทำงานเพื่อพระพุทธศาสนา

 

เมื่อจะทำงานเพื่อพระพุทธศาสนา ให้อัญเชิญ
สมเด็จองค์ปฐม พระสมณะโคดม และ พระศรีอาริยะเมตไตรย์
และ พระอริยะเจ้าทุกพระองค์
มาร่วมในขณะที่ทำพิธีด้วย จึงจะถือว่า
ได้ทำงานเพื่อ หมู่คณะอย่างแท้จริง

 

งานต่อไป คือ เผยแพร่พระพุทธศาสนาสู่ แดนบุโรพุทโธ ประเทศอินโดนิเซีย

อย่าได้ลืมว่า ศาสนาอื่นๆ ก็คือ ด้านมิจฉาทิฏฐิของศาสนาพุทธ นั่นเอง
ทุกศาสนา สุดท้ายแล้ว รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
ศาสนาพุทธ คือ การเผยแผ่ของพระพุทธเจ้า
แต่ ศาสนาอื่นๆ ก็คือ การเผยแผ่ของพระโพธิสัตว์
สุดท้ายแล้ว ทุกคนจบที่แดนนิพพาน เหมือนกันหมด

ร่วมกันทำงานเป็น คณะทำงานเพื่อเก็บแต้ม
เพื่อจะเป็น ผู้ที่สอบผ่านเข้าสู่ยุคศิวิไลย์ ต่อไปในเบื้องหน้า

 

ท่าน บอกว่า วิธีการนั้น แต่ละคน จะต้องไปคิดวิธีการของตนเอง
ตาม ความสามารถของตน ที่ทำหน้าที่ไม่เหมือนกัน
จะทำ คนเดียว หรือ ร่วมกันทำหลายคน ก็ได้

แต่ ถ้าจะให้ง่ายที่สุด ก็คือ การให้ความรู้เรื่องพระพุทธศาสนา
จะเป็น งานที่ง่ายที่สุด

 

ภาษาบาลี ไม่ใช่ ภาษาที่พระจะนำมาสอนโลก ได้
ภาษาอังกฤษ ต่างหาก ที่ พระไทย จะต้องนำมาสอนชาวโลก
พระภิกษุณี คือ สิ่งที่หายไปจากโลก จะทำให้
พระพุทธศาสนาเสื่อมลงไป อีก 500 ปี
เพราะจะไม่มีใคร ช่วยสอน ด้านจิตใจหรือจริตของผู้หญิง

 

ส่วนใครอยู่ในประเทศไทย ให้ไปทำงานนี้ไปพลางๆ ก่อน ก็คือ
บรมพุทโธของเมืองไทย หรือ เมืองศรีเทพ นั่นเอง

 

ฝึกปฏิบัติมา 30 ปี ที่เข้าใจผิดคิดว่า สมาธิ คือ ความสงบ

 

ที่ว่า เสื่อมเพราะภิกษุณีสงฆ์ฺ 500 ปี นั้น
ความเป็นจริงก็คือ หากไม่มีภิกษุณีสงฆ์
ศาสนาของ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ จะหดหายไป 500 ปี
เพราะว่า ไม่มีใครคอยสอนด้านที่เป็นการปฏิบัติของ
ภิกษุณี หรือใน ด้านผู้หญิง นั่นเอง

ไม่ได้แปลว่า หากมีภิกษุณีสงฆ์ จะทำให้ พระพุทธศาสนาหายไป 500 ปี
แต่แปลว่า หากมี พระภิกษุณีสงฆ์ ขึ้น ในพระพุทธศาสนา จะหายไป 500 ปี
นี่คือ สิ่งที่ จอมมาร ซ่อนเอาไว้ ในรูปการแปลที่ผิดหลัก หรือ สับสน
เหมือนการ แปล คำภีร์วิสุทธิมรรค ที่ซ่อนสิ่งที่แปลกๆ เอาไว้มากมาย
เช่น สลับ อรูปญานที่เจ็ด ไปอยู่ก่อนหน้า อรูปญานที่แปด
จึงทำให้ผู้ที่ฝึกรุ่นหลัง ไม่สามารถที่จะสำเร็จ อรูปญานที่แปด ได้เลย

ครุธรรมแปดประการ คือ คำสอนของ พวกพราห์ม ที่มาซ่อนเอาไว้
ทำให้ ผู้หญิงอยู่ต่ำกว่าผู้ชาย ซึ่งเป็น คำสอนของพราห์ม
ของ พระพุทธศาสนา ของเราจะต้อง เน้นไปที่
ทุกคนมีสิทธิที่จะบรรลุเท่าเทียมกันหมด
ไม่ว่าจะเป็น ชาย หรือ หญิง หรือ เพศที่สาม

 

ผู้ที่สั่งสอนธรรมะต่างหาก ที่มองธรรมะเพียงแค่ด้านเดียวของตนเอง
ด้านของ คนอื่น เลยผิดหมด

 

หากเรารู้ตัวว่า โลกนี้ มีแต่สิ่งที่ปรุงแต่งขึ้น ทั้งนั้น
เราก็จะไม่เผลอไปคิดว่า ใครดี ใครเลว
คนทุกคน ไม่มี ใครชั่วร้อยเปอร์เซนต์
หรือ ใครที่ดีร้อยเปอร์เซนต์
ทุกคนมีดีมีชั่วปะปนกันไป
จงเลือกมองแต่ ด้านที่ดีของผู้อื่น
นั่นคือ จิตของพระอริยะเจ้า ทุกระดับชั้น

 

เรามัวแต่ไป ฝึกปฏิบัติธรรมภายนอก คือ หลงปฏิบัติแต่ภายนอก
เราก็เลย หลงอารมณ์อยู่ ไม่รู้สึกตัวเลยเสียที
แต่เมื่อ เราหยุดปฏิบัติธรรมเมื่อไหร่ เราก็จะบรรลุธรรมทันที

 

แมททริกซ์ คือ อนัตตาธรรม คือ ความไม่มีอยู่จริง
เป็นแค่เพียง สิ่งสมมุติ แค่นั้น
โลก หรือ วัฏฏสงสาร นี้ก็ไม่มีจริง
เป็นแค่เพียง สิ่งสมมุติ เหมือนกัน
เมื่อไม่มีอยู่จริง แล้วเราจะแบก โลกธรรมแปด ให้หนักทำไม
ไม่แบก ก็คือ การปล่อยวาง นั่นเอง
ไม่แบก ก็คือ จิตพระอรหันต์ นั่นเอง

 

แค่ไม่วิ่งตามกิเลส ก็หมดงาน เห็น แดนนิพพาน บรรลุธรรม
ไม่แบกทั้ง ฝ่ายดี หรือ ฝ่ายชั่ว ครองตัวอยู่เฉยๆ ก็ถึงธรรม
นิพพาน เกิดจากการ เข้าใจโลกตามความเป็นจริง
แล้วเราไม่วิ่งตามมันให้มันวุ่นวาย กิจก็จบ ไม่ต้องทำต่อ
หมดงาน หมดหน้าที่ หมดฤทธิ์หมดเดช หมดกรรม