เรื่องเด่น เรื่องเล่า "นักขุดกรุ"มือขลัง ขมังเวทย์ที่สุดในแผ่นดิน

■■ รวมมิตร ■■
พระดี~ศรีเมืองนนท์
~~~~~~~~~~~~
"พระแก้วมรกต-วัดเสาธงหิน"
"หลวงปู่โต๊ะ-พ่อสุด" เสกปี18
===============
☆ 'เสาธงหิน'..ถิ่นพักพล
มากมิ่งมนต์..วนเวียนขลัง
พลังนักรบ...สยบปัง
ชนหนหลัง..ยังตราตรึง
--'แก้วมรกต'....กลดกางกั้น
--สุขสารพัน....บันดาลพึ่ง
--หนึ่งมณี........สดสีซึ้ง
--เป็นประหนึ่ง..กึ่ง"สารพัดนึก"!
--------------------
"วัดสัก" เป็นนามเก่าแก่แต่ครั้งสมัยกรุงศรีฯตอนปลาย ราวปี 2310 ปัจจุบันคือ "วัดเสาธงหิน"...!

ตั้งอยู่ท่าน้ำบางใหญ่ นนทบุรีไม่ห่างไกลกรุงรัตนโกสินทร์ อดีตนั้นเป็นสถานที่พักทัพชุมนุมพลของ "พระเจ้าตาก" เมื่อคราวระดมพลกู้กรุงที่เสียให้กับพม่า ครั้นพระองค์ท่านเดินทัพผ่านมาวัดนี้เห็นทำเลเหมาะ มีต้นไม้ร่มรื่นสมชื่อ"วัดสัก" ก็พักทัพปรับเสบียงและปักธงทัพเอาไว้ โดยใช้ก้อนหินสุมๆเป็นฐานเพื่อให้ธงเป็นที่สังเกตเห็น

กาลต่อมาหลังจากกู้อิสรภาพสำเร็จ กองหินเครื่องหมายปักธงชุมนุมพลยังคงอยู่ ชาวบ้านจึงเปลี่ยนชื่อวัดเป็นศิริมงคล รำลึกเหตุการณ์ของเสี้ยวประวัติศาสตร์ครั้งนั้นว่า...วัดเสาธงหิน!

ประวัติศาสตร์วัด ประวัติศาสตร์เมืองของบ้านเรา จึงควบคู่กันไปเสมอ สมดังที่กล่าวกันว่า "วัดคู่บ้าน พระคู่เมือง"

เป็นมาแต่นมนานกาเล ไม่มีทางแยกจากกัน วัดเป็นที่พึ่งทางใจของชาวบ้าน พระสงฆ์ที่ดีก็อนุเคราะห์รับใช้ชาวบ้าน ตอบแทนข้าวน้ำ-อาหารที่พวกเขาแบ่งส่วนดีที่สุดให้ เพื่อทำนุบำรุงผู้สืบทอดพระพุทธศาสนา

วัดเสาธงหินมีเนื้อที่ 9 ไร่เศษ เป็นวัดที่สร้างโบสถ์ด้วยแลงหรือศิลาแลง วัดแรกแห่งเดียวของชานเมืองหลวง ในปี 2518 จำเป็นต้องบูรณะโบสถ์ศิลาแลงเก่าแก่แต่ครั้งกรุงศรีฯที่เริ่มทรุดโทรม

การบูรณะโบสถ์ประวัติศาสตร์ โบราณสถานของชาติต้องใช้ทุน ไม่มีอะไรดีที่สุดเท่ากับออกวัตถุมงคลให้ผู้บริจาคทรัพย์ ซึ่งทางวัดได้สร้างเหรียญไว้ 2 แบบคือ...

--"เหรียญพระแก้วมรกค" รูปไข่ใหญ่
--เหรียญไข่ใหญ่ทรงป้อมเป็นรูปอดีตเจ้าอาวาส "พระธรรมโกศล-โต" ซึ่งมีชื่อพ้องกับ "หลวงพ่อโต" พระประธานองค์สำคัญในโบสถ์

พระครูนนทปัญญาภรณ์ เจ้าอาวาสเวลานั้นเป็นผู้ดำเนินงาน กระทำพิธีพุทธาภิเษกยิ่งใหญ่ไม่น้อยหน้าแห่งใด 3 วัน 3 คืน แม้เป็นวัดชานกรุง แต่ได้นิมนต์พระสงฆ์สุดยอดมาเพียบกว่าสิบรูป

--หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี
...(ประธานพุทธาภิเษก)
--หลวงพ่อสุด วัดกาหลง
--หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง
--หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส
--ลพ.ทองอยู่ วัดใหม่หนองพะอง
--ลพ.ทองสุข วัดสะพานสูง(นนท์)
--หลวงพ่อกี๋ วัดหูช้าง (นนท์)
--ลป.เหรียญ วัดบางระโหง(นนท์)
--พระครูนนทปัญญาภรณ์
=======ฯลฯ=======

เห็นชัดเลยว่า นี่เป็นวัตถุมงคลระดับ "เพชรในตม" มิน้อย หน้า เหรียญดีเกจิดังหนแห่งไหน แต่เป็นเหรียญตกอยู่ในพื้นที่มาก พุทธคุณสูงลิ่วเทียบเท่าหลักล้าน อุดมความสวยงาม บริสุทธิ์ผุดผ่องของการพระศาสนา

ประติศาสตร์วัดก็เกรียงไกรไม่ต้องอ้างอิงนิยายปรัมปรามาเสริมเรื่องปาฏิหาริย์เพื่อขายพระ เป็นเหรียญเด็ด-เพชรแท้ที่สมควรมอบให้ร่วมบุญบูชาในชุดพระดี ศรีเมืองนนท์...

=======700=======

พระแก้วมรกตรุ่น "แก้วสารพัดนึก" แน่นอนว่า "หลวงปู่โต๊ะ" บรรจุพระพุทธคุณด้วย "แก้วสารพัดนึก" ซึ่งใช้ประจำตัวเชี่ยวชาญ

เหรียญเนื้อทองแดงผิวไฟบางๆ ใช้วิธี 'รมร้อน' ในยุคนั้น เมื่อกาลเวลาผันผ่าน 50 ปี ผิวท่านก็กลับกลายเป็น "ผิวหิ้ง" สุดวินเทจพิเศษดังที่เห็น

พระแก้วมรกตเครื่องทรงฤดูร้อน ตอกโค้ตด้านขวามือเรา ใต้เข่าองค์พระ เด่นชัด

มหายันต์อันอุดมโชคลาภ โชคดี สารพัดนึกตามอธิษฐาน แถวบน...อะสังวิสุโลฯ...เดินยันต์ไปเรื่อยเป็นวงกลม พระคาถารอบในเป็นพรมหาลาภด้วย..."มหาลาโภ ชัยยะลาโภ สัพพะลาโภ ภะวันตุเม"!

แน่ใจได้เต็มร้อย สร้าง-เสกให้เป็น "แก้วสารพัดนึก" อุดมโภคทรัพย์โภคผลโดยแท้ อย่าสงสัย

รูปไข่ใหญ่แต่ไม่เทอะทะ
ปากกาวงโค้ตคมลึกชัด

องค์พระปฏิมากรณ์คู่บ้านคู่แผ่นดิน และเหล่าอริยสงฆ์ทรงคุณครบถ้วนร่วมกันรังสรรค์เหรียญนี้ ทั้งเป็นวาระมหาฤกษ์บูรณะโบสถ์ประวัติศาสตร์ วัดประวัติศาสตร์...

พลังแห่งเหล่านักรบกู้ชาติ และ "องค์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช" ทรงรับทราบ รับรู้ และร่วมประสาทพร!!!

 

วันที่ ๒๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๘ ตรงกับวันจันทร์ แรม ๑๔ ค่ำ เดือนยี่(๒) ปีมะโรง
ใส่บาตรพระเช้าวันนี้
อนุโมทนาบุญร่วมกันครับ
สุทินนัง วะตะเม ทานัง อาสะวักขะยาวะหัง
นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ ปัจจุบันเนกาเล

 

สวัสดีครับอาจารย์วันวิ พี่น้องทุกท่านครับ
อนุโมทนาบุญกับอาจารย์วันวิ พี่น้องทุกท่าน
ขอให้อาจารย์วันวิ พี่น้องพร้อมครอบครัว
เจริญยศเจริญลาภ มั่งมีศรีสุข รุ่งเรืองในกิจการ หน้าที่การงานก้าวหน้า สมปรารถนา เฮงๆๆ รวยๆๆๆ ทุกท่าน สาธุ

 

วันจันทร์ พรุ่งนี้วันไหว้ก่อนเข้าเทศกาลตรุษจีนที่ยืนนานมากว่า 3,000-4,000 ปี แต่ไอ้เด็กขี้โท้ กระโถนเน่าบอกว่า ไหว้กันไปทำไม? ไหว้แล้วได้อะไร?...

แค่ความวิปริตในความคิดของไอ้ถ่อยสถุนกระโถนตัวนี้ ก็พอเดาได้ว่า ไอ้หมอนี่จิตใจวิปริตความคิดไม่ปกติ เรียกง่ายๆว่า ไม่ควรหลุดออกมาอยู่ข้างนอก...

ที่อยู่แท้จริงของมันควรเป็นโรง'บาลบ้าที่เรียก "ศรีธัญญา" เพราะอาการมันหนักสาหัสจริง!!!

คนที่ยังฟังไอ้กระโถนพ่นน้ำลายเรื่องธรรเมา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนดีมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์นี่สิ น่าสงสารยิ่งกว่า...

เป็นคนดีแท้ๆ แต่ถูก "คนบ้า" มันเห่าหอน กลอกหูหลอกได้จั๋งหนับ เมาน้ำลายของมันจนบางคนคิดว่ามันเป็นโสดาบันไปโน่น มีคนห่มเหลืองหรืออดีตห่มเหลืองบางคน เผลอยกย่องมันอีกด้วยซ้ำ...

ช่างโง่เขลา ไม่รู้จักโลก รู้จักเล่ห์คน และรู้จักชีวิตเอาเสียเลย?!?

ใครที่ใกล้ชิดกับคนเหล่านี้ ช่วยสะกิดเตือนให้มีสติขึ้นมาบ้างก็ดี แล้วก็ช่วยกันจัดการไอ้กระโถนให้พ้นไปจากวังวนชาวพุทธได้เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี!!!

เอาละ..ถึงอย่างไรก็ยังมีภาษิต...อย่าถือคนบ้า อย่าว่าคนเมา...!

เราก็มาร่วมอนุโมทนาบุญใส่บาตรเช้า ช่วยส่งบุญไปสงเคราะห์คนที่หลงฟังหลงเชื่อไอ้กระโถน ให้ตื่นดวงตาเห็นธรรม ว่า "ไอ้ตื้นธรรม" มันคือภัยของพุทธศาสนา ไม่มีประโยชน์กับพระศาสนาและสังคมไทยเลย แม้แต่นิดเดียว มีแต่เป็น "ภัยร้ายแรง" เป็นเชื้อโรค เป็นปรสิตตัวจริงในบั้นปลาย!!!

 

พรดีที่มีคุณค่าจากสุพรรณฯ พรเหล่านี้ถ้าเป็นไอ้กระโถนมันคงถ่มถุยด้อยค่าว่า ไร้ประโยชน์อีก เพราะให้พร ขอพรกันไปทำไม มันไม่มีจริง ไม่เกิดขึ้นได้จริง

นี่คือความคิดของไอ้พวก "ลัทธิคลั่งพระเจ้า" มันจะสอนให้มีแต่ "พระเจ้าองค์เดียว" เท่านั้น...
--สิ่งเคารพ รูปเคารพอย่างอื่นไม่ใช่
--วัฒนธรรม-ประเพณีดีงามไม่มี
--หรือมีก็ไม่มีประโยชน์สำหรับมัน เพราะทุกอย่างพระเจ้าจัดสรรไว้หมดแล้ว อะไรที่พระเจ้าไม่จัดไว้ ไม่สั่งไว้...คือไม่มีไม่ใช่!!!

ไอ้กระโถนพ่นธรรมะศาสนาพุทธ แต่มันค่อยๆชักจูงเบี่ยงเบนเข้าหาลัทธิพระเจ้าทีละเล็ก ละน้อย อย่างมีนัยยะ คนมีสติปัญญาย่อมเห็นชัดในสิ่งที่มันซ่อนเร้นแอบแฝงแบบ "น้ำผึ้งเคลือบยาพิษ"

ตัวตนจริงอันชั่วร้ายแต่มาแอบแฝงหากินกับศาสนาพุทธค่อยๆเผยม่านให้เห็นทีละนิด วุฒิภาวะมันน้อยจึงไม่อดทนรอคอย ประกอบกับความโด่งดังที่ถาโถมใส่ตั้งรับไม่ทันทำให้มันหลงลืมตัว ยิ่งกว่าวัวลืมตรีน...

ขอบคุณพรดีน้องน้อต ช่วยๆกันเผยแพร่แผนชั่วร้ายไอ้กระโถนเน่าออกไป เพื่อจรรโลงรักษาประเพณีดีงามชาวพุทธ ชาวไทยทั้งผองเอาไว้ ช่วยกันขจัดมารศาสนา มารสังคมไปด้วยในตัว!

 

เลขจัดส่งวันนี้

--ED 0554 3066 2 TH สุราษฏร์ฯ
--ED 0554 3067 6 TH สังขะ

==ส่งเชือกถัก==

--ED 0554 3068 0 TH ภาษีเจริญ
--ED 0554 3069 3 TH บางขุนเทียน
--ED 0554 3070 2 TH แกดำ

 

■ ถอดสร้อย ■
☆แบ่งกันชม ☆
~~~~~~~~~~

ฤกษ์ดีก่อนเข้าเทศกาลตรุษจีน ถอดสร้อยเชือกจากคอแบ่งกันชม เอาเป็นสักอาทิตย์ละหนึ่งเส้น พอหายอยาก

ชมหนึ่งองค์กับ 5 องค์มาแล้ว คราวนี้มาแล 3 องค์ สร้อยถักที่น้องเดฯ ขยันถักด้วยฝีมือล้วนๆ มีทั้ง 1-3-5-7-9 ห่วง และได้ใช้เต็มที่ทุกเส้น ไม่ปล่อยให้เชือกยอดฝีมือ นอนเปลี่ยวเหงาทรวง

แลกันด้วย "ภาพเล่าเรื่อง" เช่นเคย...

สมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่องค์ประธาน เป็นเนื้อแก่ผงกึ่งๆกระยาสารทกับเนื้อตุ้บตั้บ เคยนำให้ชมเมื่อหลายปี

พระองค์นี้ เป็น 1 ใน 164 พิมพ์ที่สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี รังสรรค์ไว้

หากเป็นพวกบ้าเล่นแค่ 4-5 พิมพ์ เพื่อทำให้ราคาพระแพง ประสาพาณิชย์ขึ้นหม้อขึ้นสมอง..ก็จะบอก "ผิดพิมพ์" !

(((แต่มันไม่มีภูมิปัญญาหรือกล้าๆบอกว่า อีก 160 พิมพ์ที่พวกเอ็งไม่เล่นกันนั้น มีพิมพ์อะไรบ้าง???)))

สำหรับเนื้อหาก็ดังที่เคยเล่าว่า เป็นพระที่ "ลงรัก" ปิดเต็มทั้งหน้า-หลัง โดยเฉพาะกว่า 40 ปีก่อนนั้น ไม่มีวิธีล้างอย่างทันสมัยและเครื่องมือมากเหมือนปัจจุบัน ต้องใช้ภูมิปัญญาคนรุ่นเก่าที่เขาคิดค้นกันเอง ลองผิดลองถูกจนได้ผลประมาณหนึ่ง

การล้างใช้ "ข้าวสุก"พอกไว้ข้ามวัน จากนั้นค่อยเอาออก เมื่อเนื้อข้าวสุกดึงเนื้อรักหลุดออกทีละนิด ก็พอกใหม่ ต้องใจเย็นใช้เวลาอีกหลายครั้ง แล้วค่อยแช่พระในน้ำหอมอีกยี่ห้อหนึ่ง ( ยุ่งยากชะมัด) กัดเศษรักที่เหลือหลุดล่อนลอกออกเกือบหมดก็ล้างองค์พระ ผึ่งแดดสลับผึ่งลม ใช้เวลาอีกเป็นเดือน หรือต้องอดทนวางไว้หลายเดือนเป็นปีกว่าท่านจะหมดกลิ่นน้ำหอม

เศษเนื้อรักที่คลุกอยู่ในซอกพระหรือตามรอยแตก ก็พอเป็นสักขีพยานความเก่าเกินร้อยปี!!!

ขณะเดียวกัน "แป้งโรยพิมพ์" ตามสำนวนคนเล่นเนื้อผง ก็จะผุดขึ้นมาจากในเนื้อแผ่คลุมเป็นสีขาวหม่นเรื่อเรืองทั่วทั้งองค์

ต่อเมื่อจับท่านสรงน้ำอุ่นในแต่ละปีเช่นปีใหม่หรือสงกรานต์ แป้งโรยพิมพ์จะหายไป ครั้นนำท่านขึ้นจากน้ำวางผึ่งลมให้แห้ง แป้งโรยพิมพ์ก็ผุดขึ้นมาคลุมเช่นเดิมดังเล่นกลด้วยเวทย์มนต์คาถา และแป้งนี้ก็จะเลือนไปทีละน้อยเมื่อนำท่านขึ้นคอบูชา ได้รับไอเหงื่อไอตัวเข้าไปสัมผัส

คุณคิดว่า ผงปูนเก๊ ผงพระสร้างใหม่ไม่เกิน 40-50 ปีของพระเนื้อผงพื้นๆทั่วไป สามารถเกิดปฏิกิริยาเหล่านี้ได้หรือเปล่า???

พลิกด้านหลัง ดูกันคร่าวๆ แต่ความสำคัญในการ "ปลดจากคอ~แบ่งกันชม" วันนี้ อยู่ที่ พระคะแนน 2 องค์ด้านบน

เป็นผงวิเศษแห่ง "หน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์" เช่นกัน...!

--องค์ซ้าย พิมพ์คะแนนวัดระฆัง
--องค์ขวา ยังไม่บอก...แต่ให้ใช้ ฝีมือ+ฝีสายตา "ทาย" เล่นๆ จะทายดังๆหรือทายในใจก็ตามสะดวก ว่า...ที่ไหน?

ผมจะถอดท่านจากตลับ(เฉพาะองค์ขวามือก่อน) เพื่อเขียนให้ละเอียดยิบ ภาพประกอบครบทุกมุม ทุกมิติ เป็นความรู้ของหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์ที่ไม่จำเป็นต้องเชื่อใคร จงเชื่อตา เชื่อความจริงที่อยู่ตรงหน้า ใช้สติปัญญาวินิจฉัย ประกอบข้อมูลองค์ความรู้ ประกอบการค้นคว้าจากหลักฐานที่แน่ชัดและถูกต้อง

แล้วท่านจะรู้ซึ้งกับตนเองว่า พระสมเด็จหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์ ยังมีให้ท่านสามารถพบเจอบูชาอีก แม้ว่าจะพบยาก แต่ก็ไม่เกินฝีมือและ...วาสนา!!!

ตามอ่านช่วงเย็น วันนี้เพิ่งเปิดทำงาน ยังมีธุระปะปังอีกพอประมาณ

 

☆ถอดสร้อย~แบ่งกันชม☆
~~~~~~~~~~~~~~~
พระสมเด็จคะแนน
ในบาตร"วัดอินทร์"
=============

คนรุ่นเก่าให้คำนิยาม แด่เส้นทางแห่งความยิ่งใหญ่ของสมเด็จพระพุทธจารย์โต พรหมรังสี ไว้เห็นภาพชัด...

"เกิดวัดเกษไชโย-โตวัดอินทร์-สิ้นวัดระฆัง"!!!

ทุกวัดท่านสมเด็จสร้างพระใหญ่ สร้างพระเครื่องชิ้นฟักรวมทุกขนาน 164 พิมพ์ กระจายแบ่งบรรจุตามยุคสมัยที่ท่านไปสร้างพระใหญ่และสร้างความเจริญให้

"ตรียัมปวาย" ปรมาจารย์นักเขียนเรื่อง "พระสมเด็จ" เป็นที่นับถือมากสุดของคนเล่นพระทั่วประเทศ ได้กล่าวถึงพระสมเด็จ"กรุวัดอินทร์" ไว้ตามบันทึก...

☆☆☆ เมื่อปี 2469 หม่อมเจ้าประสิทธิศักดิ์ จรูญโรจน์ คลังภาค ๑ กรมบัญชีกลางกรุงเทพ ไปหาพระครูสังฆบวร ที่วัดอินทรวิหาร ขอเช่าพระสมเด็จที่พบในบาตรยักษ์หลวงพ่อโต

ท่านพระครูได้เล่ารายละเอียดให้ฟังว่า ท่านได้กระทำสำรวจหลวงพ่อโต วัดอินทร์เพื่อทำการบูรณะ ปรากฏว่าช่างจีนที่ขึ้นไปเทปูนบอกว่ามีกระดูกผีอยู่ในองค์พระ

เมื่อท่านสั่งให้นำลงมาดู ปรากฏเป็น "พระสมเด็จ" ทั้งสิ้น ท่านจึงให้ช่างช่วยกันโกยลงมา ได้พระจำนวนมาก ที่แตกหักชำรุดก็ไม่น้อย เป็นพิมพ์ 3 ชั้น 5 ชั้น 6 ชั้น 7 ชั้น 9 ชั้น ที่หลวงวิจารณ์เจียรนัย เคยติว่าไม่งาม

พระส่วนหนึ่งท่านเจ้าประคุณสมเด็จโต จึงเอาบรรจุที่วัดเกศไชโย อ่างทอง และอีกส่วนมาบรรจุในองค์หลวงพ่อโต วัดอินทรวิหาร กับในบาตรอย่างที่ปรากฏพบ

พระที่แตกหักเสียหาย พระครูสังฆ์ได้บดผสมพิมพ์ใหม่แจกจ่ายคนมาทำบุญที่วัดอินทรวิหาร เรียกกันติดปากว่า"สมเด็จพระครูสังฆ์"

สำหรับพระสมเด็จวัดอินทรวิหาร เก่าแก่ เป็นที่สนใจสะสมของคนสมัยก่อนมาก เพราะเนื้อเดียวกับสมเด็จวัดระฆัง ผู้สร้างพระพุทธพิมพ์และทำพิธีปลุกเสกใส่พลังพุทธคุณก็คือ ท่านสมเด็จพระพุฒาจารย์โต ☆☆☆

รายละเอียดข้อมูลเป็นประวัติศาสตร์กับพยานที่เชื่อถือได้ก็เพียงพอต่อการทำความเข้าใจและรู้จักกับ พระสมเด็จโต กรุวัดอินทร์ฯ หรือเรียกกันติดปากสำหรับคนรุ่นเก่าว่า..."กรุในบาตร-หลวงพ่อโต"!

ไม่ให้สิ้นเปลืองการเขียน เชิญรับชม "ภาพเล่าเรื่อง" พระสมเด็จคะแนนกรุในบาตรวัดอินทร์ องค์งาม ดูแล้วไม่เสียเกสรสายตา หรือเสียเวลาเปล่าแน่นอน...

เนื้อกระดูกขาวนวลดั่งงาช้าง วรรณะเดียวกับสมเด็จวัดระฆังดีๆนี่เอง คราบร่องรอยดำๆเป็นหย่อมๆตามขอบข้างเส้นซุ้มและฐานก็คือคราบไคลของกรุที่องค์ท่านถูกบรรจุอยู่นานครัน

ยังดีที่องค์นี้น่าจะอยู่ในมุมที่ไม่โดนองค์อื่นกดทับมากนัก ความเล็กจึงทำให้รอดมาในสภาพที่สมบูรณ์มาก หากไม่ใช่นักสะสมพระคนเก่าโบราณอย่างคุณตาเก็บรักษามาประสาผู้ที่ชอบ รักและหลงใหลด้านนี้ ก่อนสละทุกอย่างไปบวชแล้วมรณภาพคาผ้าเหลือง ก็คงยากที่คนรุ่นหลังจะได้มีโอกาสเห็นพระในสภาพนี้

ดูไปเรื่อยๆมาเรียงๆให้เพลินตาครับ จะรู้ว่า ความสมบูรณ์และความเป็นธรรมชาติดั้งเดิม ท่านอยู่ครบอย่างน่าทึ่ง!!!

สำหรับมวลสาร ถ่ายภาพไม่เห็น แต่ของจริงมีมวลสารที่เป็นองค์ประกอบเนื้อหาพระสมเด็จวัดระฆังอยู่เพียบ ทั้งเม็ดแดง, ดำก้านธูป โพรงเนื้อยุบเล็กๆในส่วนที่เป็นเนื้อว่านเกสรสลายตัว แต่ก็ยังมีเศษชิ้นส่วนน้อยนิดเท่าเข็มหมุดให้เห็นประปราย

เล็กก็จริง แต่อย่าได้ลงกล้องเชียว ดูเพลิน เจริญนัยนาแทบวางไม่ลง!

ความงามและคราบไคลดั้งเดิมด้านหลัง ไม่เคยผ่านการล้างหรือทำความสะอาดใดๆ ออกจากกรุมาอย่างไรก็รักษากันมาอย่างนั้น คราบทั้งหมดส่วนใหญ่ฝังลงในผิวเนื้อ

รอยบิ่นเท่าหัวเข็มหมุดด้านบนสุดขวามือเรา ตรงนั้นไม่น่าเชื่อว่าทำให้เห็นเนื้อในที่มีผงพุทธคุณชั้นเลิศ ไม่มีตรงไหนที่เป็นเนื้อปูนไร้สาระแม้แต่มิลเดียว

พูดได้คำเดียว...อินเครดิเบิ้ล(เหลือเชื่อ)!!!

ด้านข้างทั้ง 2ฝั่ง
คราบไคลกรุเก่า
ก็สวยงามฝังลึก
ขยายภาพชมได้

ด้านส่วนบนขององค์พระกับ
ส่วนล่างใต้ฐาน คราบกรุครบ
ทุกด้าน ลงให้เห็นทั้ง 4 ด้าน
"ซ้าย-ขวา-บน-ล่าง" เพื่อให้
มั่นใจว่า ไม่ใช่พระที่แกะขึ้น
มาด้วยเนื้อสมเด็จหัก แต่เป็น
ของสมบูรณ์เต็มองค์ดั้งเดิม!

เทียบเหรียญ 2 บาท ชมเต็มตาเต็มองค์ภาพใหญ่ ดูแล้วชื่นใจ


พรุ่งนี้วันสำคัญของชาวจีน-ไทย เป็นทั้ง "วันไหว้"ตามประเพณีตรุษจีน และเป็น "วันพระ" วันธรรมสวนะ

คยไทยเชื้อสายจีน หรือคนจีนเชื้อสายไทย จะอย่างไรก็กลมกลืนกันมายาวนานเป็นพันๆปี ไม่มีความแปลกแยกในวัฒนธรรม-ประเพณี และการดำรงชีวิต ก็เท่ากับได้ทำบุญใหญ่รวดเดียว

เช้าตรู่ทำบุญตักบาตรอุทิศกุศลให้บรรพบุรุษ ช่วงสายก็ทำพิธีไหว้เจ้าไหว้บรรพบุรุษตามประเพณี ไหว้เสร็จก็นำกลับมารับประทานในครอบครัว เป็นวาระที่ลูกหลานและญาติสนิทได้พร้อมหน้าพร้อมตา เป็นเสมือน "วันครอบครัว" ไปในตัว

ความสำคัญของประเพณีที่แม้นแต่องค์พระประมุขของแผ่นดินพระมหากษัตริย์ก็ปฏิบัติมาตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว "พระปิยมหาราช" พระองค์ท่านก็ทรงไหว้บรรพบุรุษเช่นเดียวกัน สืบทอดมาถึงรัชกาลที่๙ และรัชกาลปัจจุบัน

ในวาระสำคัญนี้ ก็ขอกล่าวแต่สิ่งที่ดีงาม นำพรที่ดีแห่งองค์สมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี แผ่บารมียิ่งใหญ่ของท่าน เมตตาดูแลคุ้มครองสมาชิกทุกท่านมีความสุข ความเจริญ ชีวิตงอกงาม ยั่งยืนไพบูลย์ ดังเช่นพระสมเด็จที่มีอายุเป็นร้อยปีแต่ก็ยังเป็นที่ถวิลหาของนักสะสมตลอดกาล

"ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้" ทุกท่านครับผม!!!