วัตถุมงคล...เริ่มหน้า 676 เป็นต้นไป

Discussion in 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' started by ญาณวโร นามะ, Jan 4, 2017.

Tags: Add Tags
  1. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    Joined:
    Jun 9, 2009
    Messages:
    29,749
    Ratings:
    +4,635
    15008.บาตรรับทรัพย์ หลวงพ่อวัดบ้านแหลม รุ่น2 เนื้อกะไหล่ทอง ขนาดห้อยคอ วัดเพชรสมุทรวรวิหาร มีกล่องเดิม หายากครับ พบเจอน้อย หมุนเวียนน้อยมากครับ ****แบ่งให้บูชา 850 บาท****ลดเหลือ350 บาท
    DSC_0095 (1).JPG DSC_0119 (1).JPG DSC_0121 (1).JPG
     
  2. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    Joined:
    Jun 9, 2009
    Messages:
    29,749
    Ratings:
    +4,635
    15009. พระถ้ำเสือ พิมพ์เล็ก กรุเขาดีสลัก สุพรรณบุรี เป็นยุคอู่ทอง ที่เป็นหนึ่งในยุคทวาราวดี กล่องเดิมๆๆๆ ****แบ่งให้บูชา 450 บาท****ลดเหลือ200 บาท
    พระกรุถ้ำเสือ เป็นพระดีมีประสพการณ์มากมายเกี่ยวกับทางแคล้วคลาดอยู่ยงคงกระพัน เชื่อถือได้ทีเดียว พบครั้งแรกที่กรุเขาถ้ำเสือ ในเขตอำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี ต่อมายังมีพบตามสถานที่อื่นๆอีก อาทิเช่น ถ้ำเขานกจอด, เขากระจิว, เขาวงพาทย์, เขาพระ, เขาหลวง, เขากำแพง, เขาดีสลัก และที่ฝากกรุตามวัดต่างๆก็มี
    DSC_0127.JPG DSC_0129.JPG DSC_0131.JPG spd_20070202145225_b.jpg
     
  3. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    Joined:
    Jun 9, 2009
    Messages:
    29,749
    Ratings:
    +4,635
    15010.พระสิวลี หลวงปู่ศรี มหาวีโร วัดป่ากุง จ.ร้อยเอ็ด เนื้อทองแดง ปี2553 กล่องเดิมๆๆ ****แบ่งให้บูชา 300 บาท****ลดเหลือ100 บาท
    DSC_0029.JPG DSC_0031.JPG DSC_0033.JPG
     
  4. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    Joined:
    Jun 9, 2009
    Messages:
    29,749
    Ratings:
    +4,635
    15011. เหรียญพระพุทธรูปแม่เจ้าอยู่หัว วัดท่าคุระ อ.สทิงพระ จ.สงขลา ปี 2528 ชุบนิเกิ้ล สภาพสวย ***แบ่งให้บูชา 300 บาท****ลดเหลือ 100 บาท
    เจ้าแม่อยู่หัว หมายถึง พระพุทธรูปทองคำที่สร้างแทนตัวบุคคล ที่ชาวบ้านท่าคุระ บุคคลทั่วไปให้ความเคารพนับถือและเชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธ์ซึ่งบรรพบุรุษได้สร้างไว้เมื่อหลายร้อยปีมาแล้วจึงเป็นมรดกตกทอดมาให้คนรุ่นหลังได้เคารพสักการบูชาสืบต่อกันมา รวมทั้งเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ที่รวมใจเป็นหนึ่งทำให้ลูกหลานเกิดความรัก ความสามัคคีสืบมา
    เจ้าแม่อยู่หัว ประดิษฐานอยู่ที่วัดทุ่งคุระ หมู่ที่ 9 ตำบลคลองรี อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา ขนาดหน้าตักกว้าง 2 นิ้ว สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นสมัยสุโขทัยตอนปลายหรืออยุธยาตอนต้น ประมาณ พ.ศ. 1900 ด้วยความเชื่อถือและศรัทธาว่าเจ้าแม่อยู่หัวมีความศักดิ์สิทธ์ ประชาชนทั่วไปจึงแสดงความจงรักภักดีความกตัญญูกตเวที ความศรัทธาโดยการสมโภชและสรงน้ำเจ้าแม่อยู่หัวทุกปี ด้วยความสามัคคีที่มีเป้าหมายตรงกัน โดยยึดเอาเจ้าแม่อยู่หัวเป็นศูนย์รวมจิตใจ แม้ว่าลูกหลานได้อพยพกระจัดกระจายย้ายถิ่นไปทำมาหากินทั่วประเทศ บ้างก็ไปรับราชการ บ้างก็ไปทำมาค้าขาย แต่ใน 1 ปี เมื่อถึงวันพุธแรกข้างแรมเดือน 6 ก็จะกลับมาเพื่อร่วม “สมโภชสรงน้ำเจ้าแม่อยู่หัว”เป็นพันธะสัญญาของลูกหลานในท้องถิ่น ชาติกำเนิด เจ้าแม่อยู่หัว หรือพระหน่อเชื่อกันว่าเป็นโอรสเจ้าเมืองใดไม่ปรากฏหลักฐานที่แน่ชัด แต่ท่านผู้เฒ่าเล่าต่อกันมาว่า เมื่อหลายร้อยปีมาแล้วมีเมือง ๆ หนึ่ง สมัยสุโขทัยตอนปลายอยุธยาตอนต้นเจริญด้วยศิลปวัฒนธรรมอย่างยิ่งน่าจะเป็นเมืองนครศรีธรรมราชในปัจจุบัน เจ้าเมืองมีโอรสหนึ่งพระองค์ มีพระนามเรียกขานทั่วไปว่าพระหน่อ พระชนมายุประมาณ 9-10 พรรษา ซึ่งเป็นที่รักใคร่ของพระบิดามารดาและเหล่าอาณาราษฏร เพราะนอกจากพระหน่อเป็นคนฉลาดเฉลียว ยังพูดจาไพเราะอ่อนหวาน ส่วนพระนามที่แท้จริงนั้นไม่สามารถจำได้ เพราะกษัตริย์เป็นสมมุติเทพมีพระนามยาว ๆ หลายพยางค์ พระหน่อสาบสูญ ตามธรรมดาพระหน่อมักจะลงเล่นน้ำสรงน้ำที่ท่าน้ำเป็นประจำ อยู่มาวันหนึ่งแม้ว่าพี่เลี้ยงนางสนมต่างดูแล และระมัดระวังเป็นอย่างดี แต่พระหน่อก็หายไปราวกับเกิดปาฏิหาริย์ ถึงจะค้นหาอย่างไรก็ไม่พบร่องรอย บ้างก็ดำน้ำลงค้นหา บ้างก็วิ่งไปหาบนตลิ่งต่างร้องไห้คร่ำครวญเพราะเสียใจที่เจ้าฟ้าอันเป็นที่รักยิ่งหายไป และเกรงกลังพระอาญา ในที่สุดเมื่อหมดปัญญาจึงได้พากันมากราบทูลให้พระเจ้าอยู่หัว และพระราชินีทรงทราบ พระเจ้าอยู่หัวทรงกริ้วเป็นที่สุดและพระราชินีถึงกับเป็นลมหมดสติไป พอตั้งสติได้ พระเจ้าอยู่หัวจึงทรงรับสั่งให้ทหารมหาดเล็ก เสนาบดีน้อยใหญ่ค้นหาอีกครั้งอย่างละเอียด แม้ได้แต่ร่างไร้วิญญาณก็ทรงพอพระทัยแล้ว ถึงค้นหาอย่างไร ก็ไม่พบอีกนั่นแหละ ถึงพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีจะทรงเสียพระทัยจนสุดที่จะพรรณนา แต่เชื่อในกฎแห่งกรรมและด้วยทศพิธราชธรรม พระองค์ก็มิได้ลงอาญาแก่ผู้ใด คำทำนายโหร เมื่อกษัตริย์ทั้งสองพระองค์ได้พยายามถึงที่สุดแล้ว ก็ไม่เป็นผลเลยรับสั่งให้โหราธิบดีทำนายตรวจดูดวงชะตาราศีของพระราชโอรส หลังจากโหราธิบดีได้ตรวจดูวัน เดือน ปี ลงเลขบวกลบคูณหารตามราศีอย่างละเอียดรอบคอบแล้ว จึงกราบทูลว่า ดวงชะตาของพระหน่อยังไม่ถึงชีวิต เพียงแต่ตกอยู่ในพระเคราะห์เล็กน้อยด้วยผลบุญกรรมที่เคยทำไว้แต่ปางก่อนที่เสวยอายุ จึงทำให้ต้องพลัดพรากจากเมืองหลวงไป แต่ก็ไปในทางที่ดีจะพบผู้อุปการะอย่างดีและด้วยบุญญาบารมีต่อไปข้างหน้า จะมีเกียรติคุณ เกียรติศัพท์ เป็นที่เคารพนับถือของคนทั่วไป แล้วจะกลับสู่พระราชฐานในไม่ช้า ขอให้ติดตามไปทางทิศใต้ ซึ่งเป็นที่ทุรกันดารเมื่อพระเจ้าอยู่หัวได้พรับฟังคำทำนายของโหรแล้ว ก็ตรัสให้เหล่าทหารมหาดเล็กจัดกำลังพลแยกย้ายกันออกเดินทางไปติดตามหาพระหน่อทางทิศใต้ โดยกำชับว่าหากไม่พบพระหน่อก็ไม่ต้องกลับเมืองหลวงแม้จะใช้เวลาสักเพียงใดก็ตาม ชีวิตใหม่ของพระหน่อ แต่เดิมนั้นเมืองพัทลุงตั้งอยู่ที่อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา ปัจจุบัน โดยมีกษัตริย์ปกครองติดต่อกันหลายพระองค์ เช่น พระเจ้ากรุงทอง ปกครองตรงกับสมัยสุโขทัยตอนปลายพระเจ้าธรรมรังศัล ตรงกับสมัยกรุงศรีอยุธยา เมืองพัทลุงจึงมีประวัติสัมพันธ์กับกรุงศรีอยุธยาหลักฐานที่สำคัญปรากฏในการก่อสร้างวัดพะโคะ เมื่อ พ.ศ. 2057 ณ หมู่บ้านหนึ่งอยู่ทางทิศใต้ เมืองศิริธรรมนคร หรือ นครศรีธรรมราชในปัจจุบัน และทิศเหนือเมืองพัทลุงเรียกว่า บ้านพราหมณ์จัน ห่างจากวัดพะโคะ ประมาณ 2 กิโลเมตร มาทางทิศใต้และทิศเหนือของวัดท่าทอง หรือปัจจุบันเรียกว่าวัดท่าคุระประมาณ 1 กิโลเมตร บ้านพราหมณ์จัน ปัจจุบันเพี้ยนมาเป็นบ้านแพรจัน อยู่ในเขตปกครองหมู่ที่ 9 ตำบลคลองรี อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลาเป็นส่วนหนึ่งของแหลมที่ยื่นลงมา ทิศตะวันออกจรดอ่าวไทย ทิศตะวันตกจรดทะเลสาบสงขลาพื้นที่เป็นที่ราบดินเหนียว ปัจจุบันเป็นที่นาของนางไสว ยิ้มละมัย (กลิ่นสุวรรณ) ซึ่งเคยขุดพบถ้วยชาม เครื่องใช้โบราณมาแล้ว มีครอบครัวหนึ่งอยู่ช้านานแล้ว แต่ไม่มีบุตรด้วยกัน ชื่อตาพรหม กับยายจัน ทั้งสองสู่วัยชราอาชีพทำนา เก็บผัก หาฟืน หากุ้ง หาปลา เอาแต่พอกินพอใช้ไม่เดือดร้อนอะไรเพราะเมื่อก่อนมีความอุดมสมบูรณ์ อยากจะกินปลาน้ำจืดก็ไปหาปลาตามลำห้วยหนองคลองบึงหรือในทะเลสาบ อยากจะกินปลาน้ำเค็มก็ไปหาปลาทะเลอ่าวไทย อยู่มาคืนหนึ่ง ตาพรหมฝันว่า เห็นช้างเผือกเชือกหนึ่งกำลังเล่นน้ำอยู่ แกได้จับมาเลี้ยงไว้ที่บ้าน แต่อยู่ได้ไม่นานช้างเผือกนั้นก็สูญหายไป ตา ยาย ก็แก้ความฝันไปต่าง ๆ นานา พอรุ่งเช้าตาพรหมก็ออกจากบ้านเพื่อไปหาปลาน้ำเค็มกิน ยายก็ช่วยจัดข้าวห่อ หมากพลู ใบจาก ยาเส้น เตรียมให้ตา ตาออกจากบ้านมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกคือบ้านแล ปัจจุบันอยู่ใกล้วัดชะแม ตำบลดีหลวง ตาพรหมหากุ้งปลาได้พอสมควรแล้วหยุดพักกินข้าวห่อแล้วเหลือบไปเห็นสิ่งหนึ่งลอยติดตลิ่ง แกก็ไปดูใกล้ ๆ เลยพบว่า เป็นเด็กผู้ชายเนื้อตัวของเด็กเต็มไปด้วยตะไคร่น้ำเต็มไปหมด แต่เป็นสิ่งที่น่าแปลกใจว่า ชีพจรยังทำงานปกติจับดุหน้าอกหัวใจก็เต้น เนื้อตัวก็ยังอุ่น ตารีบทำความสะอาดเด็กแล้วเอาน้ำจืดในกระบอกที่เตรียมไว้ดื่มเทบนร่างของเด็ก เพื่อชำระคราบน้ำเค็มและตะไคร่น้ำ ตาพรหมปฐมพยาบาลจนเด็กรู้สึกตัวได้สติ แกดีใจและแปลกใจระคนกันไปหมด เลยลืมสัมภาระและกุ้งปลาที่หามาได้จนหมดสิ้น แล้วรีบยกร่างเด็กขึ้นบ่าเพื่อพากลับบ้าน ระหว่างเดินทางก่อนถึงบ้าน ตาก็ได้หยุดที่บ่อน้ำตักน้ำมาลูบตามเนื้อตัวเด็กอีกครั้งหนึ่ง และหยดน้ำให้ดื่มจนเด็กกระปรี้กระเปร่าขึ้น แกก็อุ้มต่อไปจนถึงบ้าน ด้วยความดีใจตาตะโกนเรียกยายจันให้ลงมาดู โดยที่ตนเองยังไม่ได้ขึ้นบันได ตาขึ้นบนบ้านวางเด็กให้นอนดื่มน้ำ ดื่มท่า แล้วยายต้มน้ำอุ่นอาบให้เด็ก พร้อมกับประแป้งแต่งกายให้เรียบร้อย ตาตั้งสติได้เลยเล่าถึงความเป็นมาเป็นไปที่ได้นำเด็กมาจนยายเข้าใจ เวลาล่วงเลยไปหลายวัน ตา ยาย เลี้ยงดูเด็กเป็นอย่างดี จนปลอดภัยแข็งแรงขึ้น มีอาการปกติทุกประการ ตา ยาย สังเกตดูบุคลิก ลักษณะ ผิวพรรณ รูปร่าง หน้าตาและคำพูดจาของเด็กแล้วทั้งสองรู้สึกแปลกใจยิ่งนัก โดยเฉพาะคำพูดสำเนียงอ่อนหวาน ตาและยายไม่เคยได้ยินมาก่อน เพียงแต่รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง ตาและยายสอบถามความเป็นมาของเด็กว่าเป็นมาอย่างไร เป็นบุตรของใคร เด็กเล่าให้ตากับยายฟังพอจับใจความได้ว่าเขาคือพระหน่อราชโอรสกษัตริย์เมืองเหนือ เมื่อตากับยายได้รับทราบดังนั้นก็รู้สึกปลาบปลื้มใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสได้เลี้ยงดูราชโอรส คิดว่าเป็นบุญวาสนาของตน ทั้งสองตา ยาย ได้ปรึกษาและลงความเห็นว่า หากเปิดเผยความจริงให้ใครรู้ว่าเด็กที่ตา และยายเลี้ยงคือพระหน่อ เป็นโอรสของกษัตริย์ อาจเป็นอันตรายของพระหน่อและตายายได้ จึงอธิบายให้พระหน่อเข้าใจและพร้อมใจกันปกปิดความจริงเอาไว้ ข่าวของตาพรหม ยายจัน พบเด็กแล้วนำมาเลี้ยงไว้ที่บ้านเผยแพร่ไปจนเพื่อนบ้านใกล้ไกลในระแวกนั้นมาเยี่ยมเยือนมากมาย ยิ่งเห็นบุคลิกลักษณะพูดจาไพเราะ อ่อนหวาน จึงทำให้เกิดความเคารพนับถือ ยำเกรง ต่างก็เจ้าใจว่าเด็กคนนี้มีบุญญาบารมี บางคนเจ็บไข้ได้ป่วย มีความทุกข์เดือดเนื้อร้อนใจ ได้มีโอกาสพูดคุยกับพระหน่อตามอัธยาศัยก็สามารถหายไข้ คลายทุกข์ได้ บางคนปรารถนาสิ่งหนึ่งสิ่งใด ได้อธิษฐานบนบานก็ได้รับผลสำเร็จ เมื่อเกิดเหตุอัศจรรย์และมีปาฏิหาริย์เช่นนี้ประชาชนทั่วไปต่างให้ความเคารพนับถือพระหน่อเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ต่างก็มากราบไหว้และนำสิ่งของฝาก ทำให้ตายายเป็นที่เคารพนับถือของคนทั่วไปเช่นกัน และฐานะตา ยาย ก็ดีขึ้นตามลำดับ ทหารและมหาดเล็กพบพระหน่อ อยู่มาวันหนึ่ง ตาและยายออกไปธุระนอกบ้านปล่อยให้พระหน่อเฝ้าบ้านคนเดียว พวกมหาดเล็กที่พระเจ้าอยู่หัวให้มาติดตามพระหน่อเดินทางมาถึงบ้านตายาย และช่วยกันไล่จับไก่ พระหน่อได้ยินจึงพูดทักทายห้ามปรามว่า “ไล่จับไก่ทำไม” พวกทหารได้ยินเสียงนั้นถึงกับชะงัก เพราะเป็นสำเนียงที่คุ้นหู และไม่ใช่เป็นเสียงคนในละแวกนี้แน่ จึงพากันขึ้นไปบนเรือนและขอน้ำดื่มพวกทหารต่างสังเกตพฤติกรรมของพระหน่อแล้วต่างก็มั่นใจว่าเด็กคนนี้คือพระหน่ออย่างแน่นอน เพียงแต่ผิวพรรณหมองคล้ำ แต่งกายแบบชาวบ้านทั่วไปเพราะอยู่บ้านไร่ปลายนาเสียนาน เมื่อมั่นใจแน่นอนแล้ว พวกทหารมหาดเล็กต่างก็หมอบลงกราบบังคลทูลให้พระหน่อทราบว่า พวกตนได้รับมอบหมายจากพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีให้ออกติดตามพระหน่อเพื่อกลับพระราชวังพระหน่อสังเกตเหล่าทหารและมหาดเล็กที่กราบทูล ทรงมั่นพระทัยว่าเป็นข้าราชการสำนักของราชบิดา และไม่เป็นอันตรายกับพระองค์แน่ จึงยอมรับและเล่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ได้มาอยู่ตา ยาย ให้พวกทหารมหาดเล็กฟัง และก่อนจะตัดสินใจอย่างไรให้รอจนกว่าตา ยาย กลับมาบ้านก่อน แล้วจึงปรึกษา หารือกัน ตกเย็น ตา ยาย กลับมาถึงบ้าน เห็นผู้คนแปลกหน้าอยู่บนบ้านหลายคน เป็นชายหนุ่มและแต่งกายไม่เหมือนกับชาวบ้านธรรมดา เลยคิดไปว่าคงเกิดเหตุร้ายกับพระหน่อแน่ แต่ก็โล่งอกเมื่อเห็นพระหน่อออกมาต้อนรับด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใส และรับสัมภาระจากตา ยาย เก็บเข้าที่ เอาน้ำมาให้ตา ยาย ดื่ม ถึงอย่างไรก็ตาม ตา ยาย ยังไม่หายกังวลอยู่ดี ตา ยาย ดื่มน้ำเสร็จนั่งพักพอหายเหนื่อยพระหน่อก็แนะนำให้เหล่าทหารรู้จักทำความเคารพ ตา ยาย แล้วเล่าเหตุการณ์พร้อมกับบอกจุดประสงค์ของพวกทหารมหาดเล็กที่มาที่นี่ ตา ยาย เมื่อทราบว่าพวกทหารติดตามมาเพื่อจะนำกลับเมืองหลวงต่างก็เสียงใจอย่างยิ่ง มีความตื้นตันใจ สับสนไปหมด เพราะต่างรักพระหน่อเหมือนลูกในอุทร พระหน่อเป็นแก้วตา ดวงใจ ของตา ยาย และคนในท้องถิ่นนี้ ที่สุดตา ยาย ก็ทำใจได้และร่วมปรึกษากับทหารมหาดเล็กว่า หากจะพาพระหน่อไปเมืองหลวงเลย เกรงว่าจะเป็นอันตราย และเพื่อความปลอดภัยให้แบ่งทหารออกเป็นสองพวก คือ พวกหนึ่งให้อยู่ ที่บ้านตา ยาย เพื่อดูแลอารักขาพระหน่ออยู่ก่อน อีกพวกหนึ่งให้เดินทางไปกราบทูลให้พระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีทรงทราบ ข่าวพวกทหารมหาดเล็กเดินทางมาบ้านตาพรหม ยายจัน เพื่อนำพระหน่อกลับเมืองหลวงทราบถึงชาวบ้านทั่วไปอย่างรวดเร็ว ด้วยความศรัทธาต่อพระหน่อที่มีอยู่เดิมแล้วยิ่งทวีคูณขึ้นเป็นลำดับ ในวันหนึ่ง ๆ ประชาชนมาเยี่ยมชมบารมีไม่ขาดระยะบ้างมาเพื่อเยี่ยมชนบารมี แสดงความจงรักภักดีบ้างขอพรเพื่อเป็นสิริมงคล จนทำให้บ้านของตายาย คับแคบไปถนัด พวกทหารมหาดเล็กที่คอยรับใช้พระหน่อ ได้ร่วมมือกับชาวบ้านหมู่บ้านพราหมณ์จัน ช่วยตัดได้สร้างบ้านตายายให้กว้างกว่าเดิม แล้วขุดคูรอบบ้าน ขุดสระสองลูกคือสระสังข์แก กับสระแพรจัน สร้างทางจากหมู่บ้านไปทางทิศใต้จรดทะเลสาบเขตหมู่บ้านท่าทอง (ท่าทอง หมายถึง ท่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ ที่มีพืชพันธุ์ธัญญาหารสัตว์น้ำนานาชนิด ปัจจุบันเรียกว่า บ้านท่าคุระ หมายถึง ท่าที่มีต้นคุระ) ทางสายดังกล่าวต่อมาใช้เป็นเส้นทางนำซากศพไปเผาหรือฝังในป่าช้า ชาวบ้านเลยเรียกว่าทางผี ติดปากจนถึงปัจจุบัน ซึ่งปรากฏหลักฐานให้คนรุ่นหลังเห็นตราบทุกวันนี้ พระราชบิดา – มารดา เสด็จมารับพระหน่อ ฝ่ายทหารมหาดเล็กที่เดินทางกลับเมืองหลวง เมื่อเดินทางเข้าถึงได้เข้าเฝ้ากราบบังคมทูลให้พระเจ้าอยู่หัวทรงทราบ ซึ่งเป็นที่ปลาบปลื้มปิติยินดีทั้งสองพระองค์ และข้าราชบริภารทั้งหลายพระเจ้าอยู่หัวได้รับสั่งให้โหราธิบดีตรวจดูฤกษ์ยามตามประเพณีนิยม และขบวนทหารเครื่องอุปโภคบริโภค ตลอดจนโขนหนังการละเล่นต่าง ๆ อย่างครบครัน ออกเดินทางสู่ทิศใต้ จุดมุ่งหมายคือหมู่บ้านพราหมณ์จันบ้านของตาพรหมยายจัน ขบวนเดินทางมาถึงบ้านแล้วมุ่งตรงไปทางทิศตะวันตก ถึงบ้านโหมโรง หรือสำโรง หรือวัดเก่า ปัจจุบันเรียกว่าบ้านบ่อใหม่ มีพื้นที่กว้างขวาง ดินทรายขาวสะอาด ต้นไม้เป็นทิวแถวร่มรื่นและอยู่ไม่ไกลจากบ้านพราหมณ์จันมากนัก พระเจ้าอยู่หัวจึงตรัสให้พวกทหารปลูกสร้างพลับพลาประทับ กษัตริย์ทั้งสองประทับที่พลับพลา หนึ่งคืนแล้วนำเหล่าทหารจำนวนหนึ่งเสด็จไปบ้านตา ยาย เมื่อพระราชบิดา มารดาได้พบพระราชโดรสต่างก็ปิติยินดีเป็นล้นพ้น จนน้ำพระเนตรไหล กษัตริย์ทั้งสองขอพระหน่อจากตายาย เสด็จไปที่พลับพลา พระหน่อขออนุญาตให้ตา ยาย ติดตามไปกับขบวนด้วย พิธีสมโภชรับขวัญพระหน่อ เมื่อถึงพลับพลาพระเจ้าอยู่หัวได้รับสั่งให้โหราธิบดีดูฤกษ์ยาม เพื่อจัดพิธีสมโภชรับขวัญพระหน่อ โหราธิบดีตรวจดูแล้ววันที่เป็นมงคลที่สุดคือวันพุธ แรมหนึ่งค่ำเดือนหก ประชาชนทั่วไปเมื่อทราบว่ากษัตริย์เมืองเหนือได้ติดตามพระโอรสมา และจัดทำพิธีสมโภชรับขวัญ ต่างก็จัดทำอาหารคาว หวาน มาร่วมพิธีกันคับคั่ง พิธีเริ่มวันพุธ แรมหนึ่งค่ำ พระสงฆ์ทำพิธีอันเสร็จพิธีรับขวัญพระหน่อ เมื่อทำพิธีรับขวัญพระหน่อเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พระมหากษัตริย์ทั้งสองจำเป็นที่จะนำพระหน่อกลับเมืองหลวง ซึ่งนำความโศกเศร้าเสียใจแก่ ตา ยาย เป็นอย่างมาก พระราชินีนึกตระหนักถึงความรักที่ ตา ยาย มีต่อพระหน่อ และความจงรักภักดีที่ชาวบ้านมีต่อพระหน่อ พระองค์ท่านซาบซึ้งเป็นที่สุด ก่อนจากไปพระองค์ได้รับสั่งให้นายช่างทำทองตีทองให้แผ่กว้าง แล้วสลักรูปพระหน่อลงในแผ่นทองนั้น มอบให้ตาพรหม และยายจันด้วยความซาบซึ้งน้ำพระทัย พระราชินี ตา ยาย และเรียกแผ่นทองคำสลักพระหน่อว่าเจ้าแม่อยู่หัว เหตุผลเพราะพระราชินีหรือเจ้าแม่อยู่หัวเป็นผู้มอบให้ ส่วนสถานที่สร้างพลับพลาพระราชินีก็ได้ทรงขออนุญาตต่อพระเจ้าอยู่หัวสร้างวัดขึ้นเพื่อเป็นบุญกุศลและมอบให้ชาวบ้านละแวกนั้นที่จงรักภักดีต่อพระหน่อ ชื่อว่าวัดเจ้าแม่ ต่อมาเพื้ยนเป็นวัดชะแม ตำบลดีหลวง มีต้นโพธ์เป็นหลักฐาน บางคนมีความเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ ได้ไปบนบานศาลกล่าวที่ต้นโพธ์ดังกล่าวตามหลักฐานในพงศวดารเมืองพัทลุงว่า ในสมัยออกขุนเทพตำรวจเป็นเจ้าเมืองพัทลุง (อำเภอสทิงพระ) มีผู้ศรัทธาสร้างเจดีย์วิหารหลายวัด เช่น พระมหาเทพ สร้างพระวิหารและเจดีย์วัดแจระ(หัวแจระ) พระครูธรรมรังสี ลำราม สร้างพระวิหารวัดเบิก พระครูพิชัย สร้างพระวิหารวัดชะแม พระมหาเถรพรหม สร้างพระวิหารวัดมีไชย (สนามไชย) สร้างวัดท่าทอง หรือวัดทุ่งคุระ เมื่อพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีได้จัดการภารกิจต่าง ๆ ตามประสงค์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงเสด็จกลับพระราชวังพร้อมด้วยพระหน่อ ตาพรหมกับยายจันยังอยู่ที่หมู่บ้านพราหมณ์จันเหมือนเดิม เก็บรักษารูปสลักของพระหน่อในแผ่นทองคำไว้อย่างดีแม้ไม่มีพระหน่อตัวจริงแล้ว ก็ตามแต่ ประชาชนทั่วไปยังให้ความเคารพนับถือบนบานตามที่เคยกระทำมาเหมือนตอนที่พระหน่อยังอยู่และได้รับผลสำเร็จทุกประการ ตา ยาย และชาวบ้านจึงพร้อมใจกันยึดเอาวันพุธแรกข้างแรมเดือนหก ตามที่พระพุทธเจ้าอยู่หัวจัดพิธีสมโภชรับขวัญพระหน่อ กลางคืนมีมโนราห์แสดงให้ชมรุ่งเช้าวันพฤหัสบดี ใครบนบานศาลกล่าวไว้ว่าอย่างไรก็แก้บนเสีย เช่นบางคนบนไว้ รำมโนราห์ บนบวชชีก็แล้วแต่ พระหน่อเจริญวัยคิดถึงตา ยาย ด้วยความกตัญญูกตเวทีและมีพระเมตตาจึงกราบบังคมทูลบิดามารดา เสด็จมาเยี่ยมตา ยาย และจะรับไปอยู่ด้วยในฐานะพระประยูรญาติผู้ใหญ่ในพระบรมราชวังด้วยกษัตริย์ทั้งสองเห็นด้วยกับพระราชโอรสและได้ร่วมเสด็จเยี่ยมตา ยาย ด้วย ตากับยายเมื่อกษัตริย์มาเยี่ยมถึงบ้านรู้สึกดีใจจนบอกไม่ถูก ราษฏรทั่วไปก็เผ้ารับเสด็จอย่างพร้อมเพรียง ด้วยความจงรักภักดี พระหน่อได้แจ้งถึงจุดประสงค์ที่มาเยี่ยมครั้งนี้เพราะเห็นว่า ตายายชราภาพมากแล้ว สมควรไปอยู่ที่สบาย ๆ มีคนคอยดูแลอย่างใกล้ชิด หากปล่อยให้ตา ยาย ยังคงอยู่ในหมู่บ้านพราหมณ์จัน พระองค์จะมาเยี่ยมบ่อย ๆ ก็ไม่สะดวก ตา ยาย รักและหวงแหนแผ่นดินเกิด และญาติพี่น้องสักปานใดก็ตาม แต่เข้าใจในความปรารถนาดีและซึ่งในน้ำใจของพระหน่อที่กตัญญู เลยจำใจต้องรับคำ และก่อนไปตา ยาย จึงทูลขอให้พระเจ้าอยู่หัว พระราชินีและพระหน่อได้ร่วมกันสร้างวัดขึ้นวัดหนี่งซึ่งอยู่ทางทิศใต้ของหมู่บ้านพราหมณ์จัน สลักรูปพระหน่อมาไว้ในวัดโดยให้เจ้าอาวาสและประชาชนในหมู่บ้านช่วยกันรักษา เหตุผลที่ตา ยาย เลือกเอาท่าคุระตั้งวัดเพราะวัดท่าคุระสมัยนั้นสะดวกในการเดินทางลูกหลานฝั่งตะวันตกและตะวันออก ทางใต้ที่รู้กิตติศัพท์ความศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าแม่อยู่หัวได้มาร่วมพิธีได้สะดวก เมื่อสร้างวัดและทำพิธีฉลองเสด็จ ตา ยายต้องเดินทางไปอยู่ในเมืองหลวงกับพระหน่อ วัดท่าคุระบางคนเรียกว่า วัดท่าทองบ้าง วัดตา ยาย บ้าง เหตุผลที่เรียกวัดตายาย คงเป็นเพราะตา ยายเป็นผู้ริเริ่มกระมัง นำแผ่นทองคำหล่อพระพุทธรูป ต่อมาด้วยความโลภเป็นแก่ส่วนตัว ผู้ที่เคารพศรัทธาบางคนที่ใกล้ชิดขอตัดแผ่นทองคำคนละนิดละหน่อย เพื่อนำไปบูชาที่บ้านตนเอง หรือบางคนขโมยไปขาย ทำสร้อยคอ ทำกำไล ใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตน ทำให้แผ่นทองคำนั้นสึกกร่อนลงไปทุกที คนที่นำไปทำเป็น สร้อย ทำกำไล ทำต่างหู ทำให้เกิดแผลพุพอง เน่าเปื่อยตามคอ หู หรือข้อมือ หรือมีเหตุเป็นไปต่าง ๆ นานา เลยทำให้บุคคลเหล่านั้นเกิดความกลัง เลยนำกลับมาไว้ที่เดิม ความทราบถึงพระเจ้าอยู่หัวพระราชินี และพระหน่อ เลยตรัสให้เอาทองคำที่เหลือเหล่านั้น หล่อเป็นพระพุทธรูปเก็บไว้ในผอบอย่างดี ในปีหนึ่งลูกหลานสามารถเห็นพระพุทธรูปแม่เจ้าอยู่หัวได้ครั้งเดียวตอนสรงน้ำ ในวันพุธแรกข้างแรมเดือนหกเท่านั้น ซึ่งทำติดต่อกันมานับร้อยปีมาแล้ว และลูกหลานเจ้าแม่อยู่หัวเราต้องรักษาประเพณีสืบไป ประเพณีงานตายายย่าน งานตายายย่าน คือ งานแสดงความเคารพนบนอบหรือการแสดงความกตัญญูกตเวที ต่อองค์เจ้าแม่อยู่หัว ของวัดท่าคุระ อำเภอสทิงพระ จังวัดสงขลา เมื่อเอ่ยนาม “เจ้าแม่อยู่หัว” วัดท่าคุระ ก็จะรู้จักกันทั่วไปในหมู่บ้านชาวอำเภอระโนด กระแสสินธุ์ สทิงพระ และอำเภออื่น ๆ โดยเฉพาะแถบลุ่มทะเลสาบซึ่งเป็นลูกหลานของชาวบ้านท่าคุระ และได้กระจัดกระจายอยู่กันทั่วไป เจ้าแม่อยู่หัว เป็นพระพุทธรูปทองคำ ปางสมาธิหน้าตักกว้างประมาณ 2 เซนติเมตร ส่วนสูงประมาณ 25 เซนติเมตร เป็นสมบัติล้ำค่า บรรพบุรุษเก็บรักษาไว้ที่วัดท่าคุระ เป็นเวลานานหลายชั่วอายุคน ในรอบปีหนึ่ง ๆ เมื่อเวียนมาถึงเดือน 6 ข้างแรมวันนี้จะมีงานเทศกาลประจำปี ชาวบ้านเรียกกันว่า “งานตายายย่าน” เริ่มงานวันพุธตอนบ่าย ด้วยการนำพระพุทธรูปเจ้าแม่อยู่หัวออกสรงน้ำ จากนั้นก็นิมนต์พระสงฆ์สวดสมโภชและแก้บนด้วยวิธีต่าง ๆ และปัจจัยไทยทานทางอื่น ๆ อีกมาก การแก้บนที่สำคัญยิ่ง ซึ่งเจ้าแม่อยู่หัวโปรดมากที่สุดก็คือการรำมโนราห์ถวาย เรียกกันว่ารำโรงครู การรำโรงครูก็คือการรำมโนราห์ ตามแบบฉบับดั้งเดิม เริ่มต้นด้วย ตั้งเครื่องโหมโรงประกาศราชครูรำเบิกโรง – รำแม่บท ออกพราน รำคล้องหงส์ แทงจระเข้ เฆี่ยนพรายและแสดงเรื่องเหล่านี้ คณะมโนราห์ที่แสดงต้องมีความชัดเจนเป็นพิเศษ ในระหว่างการแสดงนั้น ก็มีชาวบ้านซึ่งนับถือกันว่าเป็นลูกหลานของเจ้าแม่อยู่หัว ต่างก็ผลัดเปลี่ยนกันรำแก้บนในโรงด้วย เหล่านี้เป็นกิจกรรมของงาน “ตายายย่าน” ซึ่งชาวบ้านท่าคุระและชาวบ้านอื่น ๆ ต่างยึดถือปฏิบัติต่อเนื่องกันมาทุก ๆ ปี จนกลายเป็นประเพณีสืบเนื่องกันมาช้านาน งานตายายย่าน หรือนัยหนึ่งพิธีการแสดงความเคารพนบนอบต่อเจ้าแม่อยู่หัว เริ่มงานตอนบ่ายวันพุธแรกของเดือน 6 ข้างแรมจะเสร็จพิธีตอนบ่ายวันรุ่งขึ้น โดยเฉพาะวันพฤหัสนั้น จะมีประชาชนจากต่างอำเภอ ต่างจังหวัด ไปร่วมงานเป็นเรือนหมื่น ทุก ๆ ปี เขาเหล่านั้นต่างมีความสำนึกติดแน่นในสายเลือดว่าเป็นลูกหลานของเจ้าแม่อยู่หัวต้องมากันให้ได้เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวที ได้พบปะแสดงความรักสามัคคีระหว่างเครือญาติมิตร และที่สำคัญยิ่งก็คือ การรักษาเทิดทูนศิลปะ นาฏกรรมการรำมโนราห์ มรดกทางวัฒนธรรม อันล้ำค่าของชาติไทยเรา มีธรรมเนียมปฏิบัติว่า ลูกชานคนหัวปีของครอบครัวและมีอายุเกิน 14-15 ปี ต้องทำขนมโคมาถวายวัด และเลี้ยงดูญาติมิตร แต่ถ้าเป็นลูกสาวคนหัวปีต้องทำขนมพอง (หรือขนมลา) หากไม่ปฏิบัติตามเจ้าแม่อยู่หัวจะให้โทษถึงเป็นบ้า ง่อยเปลี้ย พิกลพิการ หรือประสบทุกขเวทนาได้
    DSC_0357.JPG DSC_0359.JPG
     
  5. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    Joined:
    Jun 9, 2009
    Messages:
    29,749
    Ratings:
    +4,635
    15012.พระซุ้มกอ หลวงปู่เทพโลกอุดร กองทุนพระเทพโลกอุดร มหาสมบัติ ปี2542 หลวงปู่หมุนวัดบ้านจานปลุกเสก หายาก เนื้อดินเผาผสมแร่เหล็กน้ำพี้ มีกล่อง ****แบ่งให้บูชา 450 บาท*** ลดเหลือ 150 บาท
    20250521_061311.jpg 20250521_061318.jpg 20250521_061324.jpg
     
  6. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    Joined:
    Jun 9, 2009
    Messages:
    29,749
    Ratings:
    +4,635
    15013.พระผงสมเด็จ สมโภช100ปีวัดอัมพวัน อ.ท่าบ่อ หนองคาย หลังตรายางปั้มสวยๆ หลวงพ่อชาญณรงค์ อภิชิโต พระผงที่มีส่วผสมพระสมเด็จปี2529 หลวงพ่อชาญณรงค์ อภิชิโต อีกทางเลือกสำหรับท่านที่ศรัทธา หลวงพ่อชาญณรงค์ปี 29 ที่ราคาไปไกลแล้ว ซึ่งหลวงพ่อมหาเหลื่อมลูกศิษย์ใกล้ชิดหลวงพ่อชาญณรงค์ ท่านเป็นผู้ดำเนินงานการจัดสร้างในครั้งนั้น ในองค์พระจะประกอบด้วยมวลสารหลากหลายและเห็นมวลสารของปี29ได้อย่างชัดเจน บูชาได้อย่างสนิทใจ พิธีเข้มขลัง พุทธคุณเด่นคงกระพันชาตรีแคล้วคลาด เสน่ห์เมตตามหานิยม การงานเสริมดวงลาภยศสรรญเสริญ โชคลาภ การค้าการขายดีร่ำรวย ซื้อง่าย ขายคล่อง มีดีครบทุกด้านเป็นที่ประจักยิ่งนัก ****แบ่งให้บูชา 1700 บาท***ลดเหลือ 1250 บาท
    20250521_061238.jpg 20250521_061242.jpg
     
  7. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    Joined:
    Jun 9, 2009
    Messages:
    29,749
    Ratings:
    +4,635
    15014.พระปิดตาวัดลาดปลาเค้า เนื้อผงเกสร ปี2521 สภาพพระสวยเดิมๆ พระดีราคาไม่แพง (หลวงปู่โต๊ะปลุกเสกฯ) องค์นี้สภาพสวยแชมป์ หายาก นิ้วมือคมชัด ****แบ่งให้บูชา 2750 บาท**** (ใช้แทนพระปิดตาหลวงปู่โต๊ะราคาหลักแสนได้อย่างสนิทใจครับ)
    วัดลาดปลาเค้า หรือวัดเก่าลุ่มคลองบางบัว แขวงจรเข้บัว เขตลาดพร้าว กทม. วัดเก่าแก่ย่านลาดปลาเค้าที่มีอายุกว่า ๑๔๐ ปี ก่อตั้งขึ้นใน พ.ศ.๒๔๐๙ สร้างขึ้นจากที่ดินที่ถวายโดยอำแดงด้วงและอำแดงไหม แต่เดิมเป็นคณะสงฆ์เล็กๆ จนกระทั่ง พ.ศ.๒๔๓๕ ทางราชการได้ประกาศแต่งตั้งสำนักสงฆ์ให้กลายเป็นวัดลาดปลาเค้า โดยสิ่งที่ขึ้นชื่อของวัดลาดปลาเค้าก็คือ รูปปั้นหลวงพ่อน้อย พุทธสร ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความอยู่ยงคงกระพัน ความร่มเย็นเป็นสุข เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของผู้คนในย่านลาดปลาเค้าอย่างมาก
    หลวงพ่อน้อย พุทธสร เป็นพระผู้ที่มีวิชาอาคมแก่กล้า พร้อมด้วยปฏิปทา และวาจาอันศักดิ์สิทธิ์ที่เล่าขานมาถึงปัจจุบัน ทั้งนี้เมื่อ พ.ศ.๒๕๐๙ ได้มีการจัดสร้างเหรียญรุ่นแรก ในครั้งนั้นได้มีการนิมนต์หลวงปู่โต๊ะ แห่งวัดประดู่ฉิมพลี พร้อมด้วยพระเกจิอาจารย์ในยุคนั้นมาร่วมปลุกเสกอีกหลายรูป

    ครั้นล่วงมา พ.ศ.๒๕๒๑ ทางวัดทำการปฏิสังขรณ์วัดซึ่งมีสภาพทรุดโทรมเสื่อมลงตามกาลเวลา จึงได้มีการจัดสร้างวัตถุมงคลขึ้น พระครูวิมลหารกิจ หรือหลวงพ่อหลอม เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน ในขณะนั้นยังเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส ซึ่งเป็นลูกศิษย์หลวงปู่โต๊ะได้นิมนต์ท่านมาปลุกเสกวัตถุมงคลด้วย ในครั้งนั้นหลวงปู่โต๊ะได้ทราบถึงเจตนาของหลวงพ่อหลอม รวมทั้งมองเห็นคุณประโยชน์ต่อพุทธศาสนาในภายภาคหน้า ท่านจึงนำพระปิดตามหาเสน่ห์หลังยันต์พุทโธนำมาให้วัดลาดปลาเค้าถึง ๔ ลัง เพื่อร่วมทำบุญในการปฏิสังขรณ์วัดในครั้นนั้นด้วย

    ในคราวนั้นทางวัดได้จัดพิธีพุทธาภิเษกและนำพระปิดตามหาเสน่ห์หลังยันต์พุทโธเข้าพิธีด้วย
    โดยมีหลวงปู่โต๊ะ เป็นประธานในพิธีปลุกเสก ร่วมกับพระคณาจารย์ผู้ทรงวิทยาคมอีก ๘ รูป ร่วมพิธีดังนี้
    ๑.หลวงพ่อสุด วัดกาหลง จ.สมุทรสาคร
    ๒.หลวงพ่อพรหม วัดขนอนเหนือ จ.พระนครศรีอยุธยา ๓.หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม จ.นครปฐม
    ๔.หลวงปู่เริ่ม วัดจุกกระเฌอ จ.ชลบุรี
    ๕.หลวงปู่คำมี วัดถ้ำคูหาสวรรค์ จ.ลพบุรี
    ๖.หลวงปู่เหรียญ วัดบางระโหง จ.นนทบุรี
    ๗.หลวงพ่อสาย วัดบางรักใหญ่ จ.นนทบุรี และ
    ๘.หลวงพ่อเส็ง วัดบางนา จ.ปทุมธานี หลังพิธีได้มีการนำพระแจกทำบุญแก่ผู้เข้าร่วมพิธี

    อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๕๕ ทางวัดได้ปรับปรุงเพดานตึกจันทร์ประสิทธิ์ ได้พบพระปิดตามหาเสน่ห์หลังยันต์พุทโธ จำนวน ๔ ลังใหญ่ โดยมีกำนันทวน กลิ่นรอด ร่วมเป็นพยานในครั้งนี้ด้วย ทางคณะกรรมการวัดและคณะสงฆ์วัดลาดปลาเค้า มีมติตรงกันว่าให้นำพระที่พบออกมาให้เช่าบูชา เพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายในการบูรณะวัดลาดปลาเค้าตามวัตถุประสงค์ของหลวงปู่โต๊ะเมื่อ ๓๔ ปี ก่อน

    ที่มา จากหนังสือพิมพ์ คมชัดลึก

    20250521_061219.jpg 20250521_061225.jpg
     
  8. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    Joined:
    Jun 9, 2009
    Messages:
    29,749
    Ratings:
    +4,635
    15015.พระผงสุพรรณ หลวงพ่อดี วัดพระรูป สุพรรณบุรี กล่องเดิม ผสมพระผงสุพรรณรุ่นเก่า ****แบ่งให้บูชา 300 บาท**** ลดเหลือ 100 บาท (มี4องค์)
    DSC_0006 (1).JPG DSC_0007 (1).JPG DSC_0008 (2).JPG
     
  9. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    Joined:
    Jun 9, 2009
    Messages:
    29,749
    Ratings:
    +4,635
    15016.เหรียญพระพุทธชินราชหลังสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ยืนหลั่งน้ำศิโนทก เนื้ออัลปาก้า ปี 35 วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.พิษณุโลก รุ่นปฏิสังขรณ์ นิยม พิธีใหญ่พอๆกับ อินโดจีน รูปแบบสวย พระแท้ ผิวเดิม ดูง่าย *****แบ่งให้บูชา 200บาท*****ลดเหลือ100บาท
    DSC_0012 (2) (1).JPG DSC_0014 (2).JPG DSC_0016 (2).JPG
     
  10. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    Joined:
    Jun 9, 2009
    Messages:
    29,749
    Ratings:
    +4,635
    15017.พระผงว่าน หลวงพ่อรัศมี วัดปรางแก้ว จ.สงขลา รุ่น๓ สร้างปี พ.ศ.๒๕๒๙ สร้างโดย พ่อท่านทับ เจ้าอาวาสวัดปรางค์ แก้ว ผู้ที่สร้าง รุ่น 1 และ รุ่น 2 ปลุกเสก ด้วยพิธีกรรมแบบโบราณ มีประสบการณ์ให้เล่าขานกันไม่จบสิ้น เป็นที่แสวงหาของผู้นิยมพระเครื่องสายใต้ครับ ***แบ่งให้บูชา 300 บาท***ลดหลือ100บาท
    DSC_0978.JPG DSC_0980.JPG DSC_0982.JPG
     
  11. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    Joined:
    Jun 9, 2009
    Messages:
    29,749
    Ratings:
    +4,635
    15018.ปิดตารุ่นแรก หลวงพ่ออุดม วัดพิชัยสงคราม ((รุ่นนี้แหละ!!! ประสบการณ์เหลือรับทานเลย))) ***แบ่งให้บูชา 1250 บาท****ลดเหลือ 800บาท
    หลวงพ่ออุดมนี้ท่านเป็นพระเถระเมืองกรุงเก่าสืบสายวิชาสำนักวัดประดู่ทรงธรรม เรียนกรรมฐานมาโดยตรงกับก๋งจาบซึ่งมีศักดิ์เป็นตาแท้ๆของท่าน ซึ่งก๋งจาบนี้ท่านเป็นอาจารย์ฆราวาสมีความสนิทสนมกับหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค และเป็นอาจารย์ของหลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช หลวงพ่อแทน วัดธรรมเสน หลวงพ่อกี๋ วัดหูช้าง ฯลฯ ปิดตารุ่นแรกของท่านจัดสร้างขึ้นโดยมีผงเก่าหลายอย่างเป็นมวลสารรวมถึงผงเก่าของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ที่หลวงพ่ออุดมท่านเก็บรักษาไว้ จำนวนสร้างว่ากันว่ามีทั้งหมด 6000กว่าองค์และมีที่ฝังตะกรุด 100กว่าองค์ โดยครั้งแรกที่มีโอกาสไปที่วัดพิชัยได้นำวัตถุมงคลหลายอย่างที่บูชาจากในโบสถ์ไปให้ท่านเมตตาประสิทธิให้อีกรอบ ท่านได้หยิบพระปิดตาขึ้นมา 2 องค์และเอ่ยย้ำถึง 2 รอบว่า“ปิดตานี่ดีนะ เก็บไว้ให้ดี”

    หลายปีมาแล้ว...มีลูกศิษย์ของหลวงพ่อวัดพิชัยสงคราม(ขอสงวนนาม) โดนดักยิงที่สะพานปรีดีธำรงค์ ข้ามแม่น้ำป่าสัก อยุธยา ปรากฏว ่า
    ไม่ออกซักนัด!!! เชื่อหรือไม่เชื่อ ไม่ว่ากัน แต่ไปสอบถามคน ในพื้นที่ดูได้ เพราะเรื่องนี้ ดังจะตาย ในคอคนถูกยิง ก็มีเพีย ง"พระปิดตา"องค์เล็กๆ ที่หลวงพ่อวัดพิชัยสงครามให้ไว้บูชา เพียงองค์เดียว!!!.................................พระปิดตารุ่นแรก ของหลวงพ่อวัดพิชัยสงคราม สร้างในปี ๒๕๒๒ นอกจากท่านจะลบผงเองตามตำรับตำราที่ท่านร่ำเรียนมาแล้ว ท่านยังได้นำมวลสารมงคลต่างๆ มาเป็นส่วนผสมในการกดพิมพ์พระปิดตาดังนี้............................. ๑. เศษผงพระเก่าที่หัก ๒. ผงผ้ายันต์ แหวนพิรอดแขนที่ชำรุดเผา ๓. ผงคัมภีร์เทศน์ใบลานจารอักขระขอมเผา ๔. ผงธูปบูชาพระ ๕. ผงพุทธคุณทำเองในพรรษา ๖. ผงเกษรดอกไม้บูชาพระ ๗. ผงไคลเสมา ไคลเจดีย์ ๘. ผงของเก่า(ปี ๒๕๐๙ และปี ๒๕๑๑)เมื่อได้กดพิมพ์พระตามขั้นตอนแบบโบราณเสร็จสรรพแล้ว ท่านจึงนำพระทั้งหมดมาปลุกเสก"จนเต็ม"แล้วจึงนำมาแจกให้ลูกศิษย์ลูกหาไว้บูชากัน เท่าที่พบจะมี ๒ แบบคือ แบบจุ่มรัก และแบบไม่จุ่มรัก ที่เห็นเป็นแบบจุ่มรัก สภาพ สวยแชมป์

    ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.thaprachan.com/amulet_detail/UE18014385
    DSC_0780.JPG DSC_0782.JPG
     
  12. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    Joined:
    Jun 9, 2009
    Messages:
    29,749
    Ratings:
    +4,635
    15019.พระสมเด็จวัดโนนม่วง รุ่นมงคลเศรษฐี อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ปี2540 กล่องเดิมๆๆๆๆ ****แบ่งให้บูชา 350 บาท****ลดเหลือ100บาท (สร้างแบบเดียวกับวัดโนนผึ้ง)
    DSC_0408.JPG DSC_0409.JPG DSC_0410.JPG
     
  13. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    Joined:
    Jun 9, 2009
    Messages:
    29,749
    Ratings:
    +4,635
    15020.พระสมเด็จยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก มวลสารศักดิ์สิทธิ์จากสังเวชนียสถาน4แห่ง หลวงพ่อถาวร วัดปทุมวนาราม ปลุกเสก อนุภาพของยันต์ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก พุทธคุณครบทุกด้าน ครอบจักวาล เป็นมงคลยิ่งครับ ***แบ่งให้บูชา 350 บาท*** ลดเหลือ100บาท
    20250520_121456.jpg 20250520_121501.jpg
     

Share This Page

Loading...