เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๘

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 19 มิถุนายน 2025 at 22:06.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    22,227
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,777
    ค่าพลัง:
    +26,643
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๘


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_5559.jpeg
      IMG_5559.jpeg
      ขนาดไฟล์:
      280.6 KB
      เปิดดู:
      9
  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    22,227
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,777
    ค่าพลัง:
    +26,643
    วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๑๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ กระผม/อาตมภาพในฐานะกรรมการและอนุกรรมการ โครงการ "สืบสานงานพ่อ ต่อยอดทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย" ต้องเดินทางไปยังวัดประยุรวงศาวาสแต่เช้า เนื่องเพราะว่าวันนี้มีการประชุมทั้งภาคเช้าและภาคบ่าย

    ภาคเช้านั้นเป็นการประชุมในส่วนของกรรมการที่ส่วนใหญ่แล้วเป็นพระภิกษุ ซึ่งรับผิดชอบงานที่จะต้องจัดแสดงทั้ง ๘ ฝ่ายที่พุทธมณฑล ในวันที่ ๒ - ๓ - ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๘ นี้ โดยมีพระเดชพระคุณพระพรหมบัณฑิต, ศ., ดร. (ประยูร ธมฺมจิตฺโต ป.ธ.๙, Ph.D.) ราชบัณฑิต กรรมการมหาเถรสมาคม ท่านเจ้าคุณอาจารย์เป็นประธาน ในฐานะที่ท่านเป็นประธานกรรมการและประธานอนุกรรมการโครงการนี้ และอยู่ในฐานะประธานคณะกรรมการศูนย์การเผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติด้วย

    ท่านเจ้าคุณอาจารย์ต้องการที่จะซักถามรายละเอียด และปรับแก้ตารางงานของทุกฝ่ายให้กระชับ เพื่อที่ตอนช่วงบ่ายซึ่งประชุมร่วมกับสำนักงานองคมนตรี โดยมีท่านจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา องคมนตรี เป็นประธาน จะได้บอกว่าแต่ละฝ่ายนั้นทำงานไปถึงระดับไหนแล้ว ไม่ต้องเสียเวลามาคอยซักถาม คอยตอบคำถามกันมาก

    เมื่อกระผม/อาตมภาพไปถึง ท่านเจ้าคุณอาทิตย์ - พระโสภณวชิรวาที, ดร. (อาทิตย์ อตฺถเวที ป.ธ. ๓) ดร. ก็มาต้อนรับ กระผม/อาตมภาพสงสารท่านเจ้าคุณอาทิตย์เหลือเกิน ในฐานะเลขานุการของท่านเจ้าคุณอาจารย์พระพรหมบัณฑิต, ศ., ดร. ไม่ทราบเหมือนกันว่าอดนอนมากี่วันแล้ว เนื่องเพราะว่าต้องประสานงานทุกฝ่าย ต้องถวายรายงานกรรมการและอนุกรรมการที่เป็นมหาเถระทั้ง ๘ ฝ่าย และต้องประสานงานกับทางสำนักงานองคมนตรี ตลอดจนกระทั่งประสานงานตรงกับท่านองคมนตรีผู้รับผิดชอบในแต่ละฝ่ายด้วย จึงทำให้กระผม/อาตมภาพค่อนข้างจะเห็นใจท่านเป็นอย่างมาก

    ท่านเจ้าคุณอาทิตย์นำเอาบัญชีรายชื่อผู้เข้าร่วมประชุมมาให้เซ็น และถวายเบี้ยประชุมมา ๑,๐๐๐ บาท พร้อมกับบอกว่า "อายหลวงพ่อมากครับ หลวงพ่อมอบให้กับทางศูนย์การเผยแผ่พระพุทธศาสนาทีละเป็นแสน แต่ว่าผมถวายคืนหลวงพ่อได้ทีละ ๑,๐๐๐ บาทเท่านั้น" กระผม/อาตมภาพยังหัวเราะ เรียนท่านว่า "เจ้าคุณ..อย่าคิดมาก ต่อให้ไม่มีเลย หลวงพ่อก็ยังมาร่วมประชุมอยู่ดี"
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    22,227
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,777
    ค่าพลัง:
    +26,643
    ท่านบอกว่า "ปีนี้หลวงพ่อรับสมณศักดิ์เทียบเจ้าคณะอำเภอชั้นพิเศษฝ่ายวิปัสสนาธุระ ปีหน้าอาจจะมีข่าวดีก็ได้" กระผม/อาตมภาพยิ่งหัวเราะหนักเข้าไปใหญ่

    เรียนท่านว่า "เจ้าคุณ..เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องของบุญวาสนา ถ้าหากว่าบุญวาสนาถึง ไม่ต้องดิ้นรนก็มาเอง ถ้าบุญวาสนาไม่ถึง ดิ้นรนให้ตายก็ไม่ได้ ของทุกอย่างต้องเป็นไปตามวาระบุญวาระกรรมของแต่ละคน ผมเองไม่เคยดิ้นรนเรื่องทั้งหลายเหล่านี้เลย อะไรที่ได้มาก็คือผู้บังคับบัญชาหรือว่าผู้ใหญ่ท่านเห็นสมควรให้ ถ้าอย่างนั้นผมก็จะรับไว้ แต่ถ้าให้ไปดิ้นรนไขว่คว้า หรือว่าต้องไปแย่งชิงกับใคร อย่างนั้นผมจะไม่รับเอาไว้เป็นอันขาด" ท่านก็กราบแล้วกราบอีก บอกว่า "หลวงพ่อพระพรหมบัณฑิตก็แบบเดียวกันครับ ให้ก็รับไว้ ถึงไม่ให้เราก็ทำงานกันแทบตายอยู่ดี..!" แล้วก็หัวเราะให้กัน

    เมื่อถึงเวลาท่านเจ้าคุณอาจารย์พระพรหมบัณฑิต, ศ.,ดร. ก็มาเป็นประธานในการประชุม โดยที่ค่อย ๆ ซักถามผู้รับผิดชอบแต่ละฝ่าย โดยที่กระผม/อาตมภาพนั้นร่วมประชุมจนถึง ๑๐ โมงเช้าเท่านั้น ก็กราบขออนุญาตกลับสู่ที่พัก เพื่อเตรียมตัวที่จะเดินทางไปยังประเทศจีน โดยครั้งนี้ เจ้าภาพก็คือน้องจูน (คุณอมรรัตน์ ลาภพิทักษ์พงษ์) มอบค่าทัวร์ให้สำหรับอาตมาและผู้ติดตามด้วย โดยที่ครั้งนี้ กระผม/อาตมภาพให้พี่มุกดา (นางสาวมุกดา เพชรชื่นสกุล) พี่สาวคนติดกัน ซึ่งมาอยู่วัดท่าขนุนเกิน ๑๐ ปีแล้ว ให้ไปในฐานะผู้ติดตาม เมื่อฉันเพลเสร็จสรรพเรียบร้อย ก็จัดของลงกระเป๋า

    สำหรับพรรคพวกเพื่อนฝูง ตลอดจนกระทั่งญาติโยม เห็นกระผม/อาตมภาพจัดของลงกระเป๋าทีไรก็ทำท่าจะร้องไห้ เนื่องเพราะว่าข้าวของที่เอาไปนั้นมีน้อยมาก มีเฉพาะของที่จำเป็นเท่านั้น ดังนั้น..จึงมักจะมีกระเป๋าขึ้นเครื่องเพียงใบเดียว น้ำหนักอยู่ที่ประมาณ ๔ - ๕ กิโลกรัม ถ้าหากว่างานไหนนำเอาโน้ตบุ๊กไปทำงานด้วย น้ำหนักก็จะอยู่ที่ประมาณไม่เกิน ๘ กิโลกรัม ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จึงมักจะต้องเฉลี่ยน้ำหนักของตนทั้งหมด ให้กับทางคณะทัวร์ ที่จะต้องขนข้าวของโดยเฉพาะอาหารไทยติดไป เพื่อที่จะได้บริการลูกทัวร์

    ตัวกระผม/อาตมภาพเองนั้น ไปที่ไหนก็ฉันอาหารในพื้นที่ โดยเฉพาะครั้งนี้เป้าหมายก็คือมณฑลกานซู่ และมณฑลซินเจียงของประเทศจีน ซึ่งแถวนั้นอาหารหลักก็มักจะเป็นเนื้อแพะเนื้อแกะที่กระผม/อาตมภาพเองไม่ได้รังเกียจอะไร มาอย่างไรก็ฉันไปอย่างนั้น แต่สำหรับคนที่ไปติว่าเนื้อแพะเนื้อแกะมีกลิ่นสาบ กระผม/อาตมภาพเองก็ยังขำ ๆ เนื่องเพราะว่าเนื้อสัตว์ทุกชนิดก็มีกลิ่น เพียงแต่ว่าเราเคยชินกับกลิ่นนั้น ๆ ก็เลยกินได้โดยไม่รู้สึกรู้สาอะไร แต่ถ้าหากว่าไปเจอเนื้อสัตว์ที่ไม่เคยชิน ก็มักจะตำหนิว่ามีกลิ่นสาบ
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    22,227
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,777
    ค่าพลัง:
    +26,643
    ท่านบอกว่า "ปีนี้หลวงพ่อรับสมณศักดิ์เทียบเจ้าคณะอำเภอชั้นพิเศษฝ่ายวิปัสสนาธุระ ปีหน้าอาจจะมีข่าวดีก็ได้" กระผม/อาตมภาพยิ่งหัวเราะหนักเข้าไปใหญ่

    เรียนท่านว่า "เจ้าคุณ..เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องของบุญวาสนา ถ้าหากว่าบุญวาสนาถึง ไม่ต้องดิ้นรนก็มาเอง ถ้าบุญวาสนาไม่ถึง ดิ้นรนให้ตายก็ไม่ได้ ของทุกอย่างต้องเป็นไปตามวาระบุญวาระกรรมของแต่ละคน ผมเองไม่เคยดิ้นรนเรื่องทั้งหลายเหล่านี้เลย อะไรที่ได้มาก็คือผู้บังคับบัญชาหรือว่าผู้ใหญ่ท่านเห็นสมควรให้ ถ้าอย่างนั้นผมก็จะรับไว้ แต่ถ้าให้ไปดิ้นรนไขว่คว้า หรือว่าต้องไปแย่งชิงกับใคร อย่างนั้นผมจะไม่รับเอาไว้เป็นอันขาด" ท่านก็กราบแล้วกราบอีก บอกว่า "หลวงพ่อพระพรหมบัณฑิตก็แบบเดียวกันครับ ให้ก็รับไว้ ถึงไม่ให้เราก็ทำงานกันแทบตายอยู่ดี..!" แล้วก็หัวเราะให้กัน

    เมื่อถึงเวลาท่านเจ้าคุณอาจารย์พระพรหมบัณฑิต, ศ.,ดร. ก็มาเป็นประธานในการประชุม โดยที่ค่อย ๆ ซักถามผู้รับผิดชอบแต่ละฝ่าย โดยที่กระผม/อาตมภาพนั้นร่วมประชุมจนถึง ๑๐ โมงเช้าเท่านั้น ก็กราบขออนุญาตกลับสู่ที่พัก เพื่อเตรียมตัวที่จะเดินทางไปยังประเทศจีน โดยครั้งนี้ เจ้าภาพก็คือน้องจูน (คุณอมรรัตน์ ลาภพิทักษ์พงษ์) มอบค่าทัวร์ให้สำหรับอาตมาและผู้ติดตามด้วย โดยที่ครั้งนี้ กระผม/อาตมภาพให้พี่มุกดา (นางสาวมุกดา เพชรชื่นสกุล) พี่สาวคนติดกัน ซึ่งมาอยู่วัดท่าขนุนเกิน ๑๐ ปีแล้ว ให้ไปในฐานะผู้ติดตาม เมื่อฉันเพลเสร็จสรรพเรียบร้อย ก็จัดของลงกระเป๋า

    สำหรับพรรคพวกเพื่อนฝูง ตลอดจนกระทั่งญาติโยม เห็นกระผม/อาตมภาพจัดของลงกระเป๋าทีไรก็ทำท่าจะร้องไห้ เนื่องเพราะว่าข้าวของที่เอาไปนั้นมีน้อยมาก มีเฉพาะของที่จำเป็นเท่านั้น ดังนั้น..จึงมักจะมีกระเป๋าขึ้นเครื่องเพียงใบเดียว น้ำหนักอยู่ที่ประมาณ ๔ - ๕ กิโลกรัม ถ้าหากว่างานไหนนำเอาโน้ตบุ๊กไปทำงานด้วย น้ำหนักก็จะอยู่ที่ประมาณไม่เกิน ๘ กิโลกรัม ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จึงมักจะต้องเฉลี่ยน้ำหนักของตนทั้งหมด ให้กับทางคณะทัวร์ ที่จะต้องขนข้าวของโดยเฉพาะอาหารไทยติดไป เพื่อที่จะได้บริการลูกทัวร์

    ตัวกระผม/อาตมภาพเองนั้น ไปที่ไหนก็ฉันอาหารในพื้นที่ โดยเฉพาะครั้งนี้เป้าหมายก็คือมณฑลกานซู่ และมณฑลซินเจียงของประเทศจีน ซึ่งแถวนั้นอาหารหลักก็มักจะเป็นเนื้อแพะเนื้อแกะที่กระผม/อาตมภาพเองไม่ได้รังเกียจอะไร มาอย่างไรก็ฉันไปอย่างนั้น แต่สำหรับคนที่ไปติว่าเนื้อแพะเนื้อแกะมีกลิ่นสาบ กระผม/อาตมภาพเองก็ยังขำ ๆ เนื่องเพราะว่าเนื้อสัตว์ทุกชนิดก็มีกลิ่น เพียงแต่ว่าเราเคยชินกับกลิ่นนั้น ๆ ก็เลยกินได้โดยไม่รู้สึกรู้สาอะไร แต่ถ้าหากว่าไปเจอเนื้อสัตว์ที่ไม่เคยชิน ก็มักจะตำหนิว่ามีกลิ่นสาบ
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    22,227
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,777
    ค่าพลัง:
    +26,643
    แต่กลายเป็นว่าเดินทางไปต่างประเทศเมื่อไร ก็ต้องเฉลี่ยน้ำหนักให้กับทางคณะทัวร์ ที่แบกอาหารไทยไปให้กับคณะของตนเอง โดยที่กระผม/อาตมภาพเอง บางทีก็ต้องนำเอาเอกสารไปขอรับกระเป๋า ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่ของตนเอง เพราะว่าฝากกระเป๋าไปในนามของพระครูวิลาศกาญจนธรรม จึงทำให้บางคนอาจจะเข้าใจว่า กระผม/อาตมภาพไปไหนก็ขนข้าวของไปเยอะแยะ แต่ความจริงเป็นการรับฝากจากคนอื่นแทบทั้งนั้น

    ตอนนี้กระผม/อาตมภาพอยู่ที่สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ กำลังรอความพร้อมของคณะที่จะเดินทางไปด้วยกัน เมื่อมาพร้อมแล้วก็จะได้ทำการเช็คอิน เพื่อไปรอขึ้นเครื่องทางด้านใน จึงได้ทำการบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนเอาไว้ก่อน เผื่อว่าถ้าหากว่าไม่สามารถบันทึกได้ ก็จะได้มีให้ทุกท่านได้ฟัง

    ในการเดินทางครั้งนี้ยังไม่แน่ใจว่าตนเองจะสามารถบันทึกเสียงได้ตลอดทางหรือเปล่า ? เนื่องเพราะว่ามณฑลซินเจียงนั้นใหญ่กว่าประเทศไทย ๗ - ๘ เท่า มณฑลกานซู่ก็เล็กกว่าไม่เท่าไร ต้องเดินทางข้ามถึง ๒ มณฑล อาจจะเท่ากับเดินทางข้ามประเทศกันเลยทีเดียว จึงต้องระมัดระวังเอาไว้ว่า ตนเองร่างกายจะไหวหรือไม่ ? จะมีโอกาสบันทึกเสียงหรือไม่ ?

    ถ้าหากว่ามีก็จะพยายามบันทึกเอาไว้ทุกวัน เพื่อเป็นหลักฐานให้คนรุ่นหลังได้รู้ว่าหลวงพ่อไปผจญภัยแล้วเจออะไรมาบ้าง โดยเฉพาะงานนี้เป็นสถานที่ใหม่ ยังไม่เคยไปมาก่อนเลย ไม่รู้ว่าเจ้าที่เจ้าทางผู้รับผิดชอบคือใคร ก็คงจะไปรู้กันตอนหน้างานนั่นเอง

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพฤหัสบดีที่ ๑๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...