มิจฉาทิฏฐิ ที่ให้ผลร้ายแรงที่สุด (น่าอ่านมากครับ)

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย Dairies, 18 เมษายน 2008.

  1. Dairies

    Dairies สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +23
    ความเห็นผิดที่เรียกว่านิยตมิจฉาทิฏฐินั้นก็เกิดขึ้นมาได้จากการอบรมนั่นเองเป็นการอบรมความเห็นที่ผิดๆนั้นมาตั้งแต่ชาติก่อนๆ แล้วก็รวมทั้งการกระทำในชาตินี้ลงไปด้วยเพราะไม่มีสัปบุรุษผู้รู้ทั้งหลายเข้ามาแนะนำชักจูงให้หันไปในทิศทางที่ถูกต้องหรือเพราะความรู้ ความฉลาด ความสามารถมากของตนเองด้วย ได้ศึกษาวิชาการในแขนงต่างๆในทางโลกมากมาย เป็นผู้มีความรู้มีเหตุผลในวิชาการต่างๆมากเหลือเกินจนคิดว่าตนนั้นแสนจะวิเศษ<O:p</O:p

    ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้มีความเห็นผิดไปว่า เรื่องของกรรม เรื่องบาป เรื่องบุญเรื่องตาย เรื่องเกิดนั้น เป็นเรื่องประโลมโลกของคนโบราณเป็นเรื่องเพ้อฝันของคนสมัยก่อน เป็นเรื่องลมๆ แล้งๆ สำหรับนักวิชาการเช่นเขาและเขาจะไม่ยอมศึกษาไม่ยอมแตะต้องธรรมะที่มีผู้เฝ้ายุให้เขาเข้ามาค้นคว้าหาความจริงด้วยเชื่อแต่ความรู้ของตนเองมาแต่ต้นเป็นหลัก


    ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่า เพราะผลแห่งการอบรมผิดๆ มาแต่ในชาติอดีตและเพราะความรู้ ความฉลาดความสามารถมากของตนในปัจจุบันนี่เองที่เป็นกำแพงเข้ามาสกัดกั้นแสงสว่างของชีวิตที่ควรจะได้รับเสียสิ้น...

    อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.thaimisc.com/freewebboard/php/vreply.php?user=dokgaew&topic=10637
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. Dairies

    Dairies สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +23
    ความเห็นที่ไม่ถูกต้อง ที่เรียกว่ามิจฉาทิฏฐิหรือแม้ความเห็นที่ถูกต้องอันเรียกว่าสัมมาทิฏฐิหรือปัญญานั้นเกิดขึ้นมาได้จากหลายเหตุด้วยกันแต่เหตุที่สำคัญที่สุดนั้นก็คือ การสั่งสมอบรมมาทั้งในอดีตคือชาติก่อนๆ และในชาติปัจจุบัน
    <O:p</O:p
    แต่อย่างไรก็ดีความเห็นผิดชนิดที่เหนียวแน่นที่เรียกว่านิยตมิจฉาทิฏฐินั้นจะเป็นเพราะการสั่งสมอบรมมาแต่ในชาตินี้และชาติก่อนเพียงชาติเดียวเท่านั้นก็หาไม่หากแต่ได้มีความเห็นผิดชนิดนี้มาหลายชาติแล้วจึงได้มีความคิดเห็นผิดชนิดที่เหนียวแน่น และน่ากลัวเช่นนี้ขึ้นมาได้
    <O:p</O:p
    แม้ในครั้งพุทธกาลพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ยังนิ่งเฉยเสียไม่ตอบคำถามของบุคคลบางคนจนผู้นั้นหลีกหนีไปเอง
    <O:p</O:p
    แล้วพระองค์ได้เล่าให้ฟังในภายหลังว่าบุคคลนี้ในสมัยอดีตชาติได้เคยมีความเห็นชนิดที่เหนียวแน่นนี้มาแล้วมากชาติทีเดียวแม้พระองค์จะสอนอย่างไรก็ยากที่จะเปลี่ยนใจได้เพราะเขาเพ่งเล็งแต่จะใช้สำนวนโวหารข่มขู่หักล้างเขามุ่งแต่ที่จะเอาความรู้ต่างๆ เข้ามาทับถมเพื่อที่เขาจะเอาความชนะหรือเพื่อให้คู่สนทนาอับจน
    <O:p</O:p
    ทั้งนี้ก็เพราะว่าเขามีความคิดเห็นผิดชนิดเหนียวแน่นอยู่ภายในจิตใจไม่สามารถที่จะคลายได้เขาได้เอาความเห็นผิดนี้เข้ามาเป็นเครื่องปิดบังขวางกั้นมิให้เกิดปัญญาขึ้นแก่ตนเองเสมือนเมฆหมอกอันหนาทึบมาบังดวงจันทร์เสีย<O:p</O:p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. Dairies

    Dairies สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +23
    ทั้งนี้ก็เพราะว่าความยึดมั่นผิดๆ ชนิดเหนียวแน่นนี้จะเกิดขึ้นมาตามอารมณ์ต่างๆอยู่เสมอเข้ามาสนับสนุนคือเป็นอำนาจหนุนหลังทั้งโดยตรงและโดยปริยายให้อารมณ์ทั้งหลายเกิดขึ้นมาแล้วมิจฉาทิฏฐินี้ก็จะค่อยๆ เจริญยิ่งๆ ขึ้นอารมณ์ต่างๆจะได้รับการต้อนรับจากมิจฉาสังกัปปะคือการยกขึ้นสู่อารมณ์ที่ผิดๆ บ่อยๆมิจฉาวายามะความเพียรต่างๆ ก็ผิดๆ อยู่ตลอดไปอยู่เสมอมิจฉาสมาธิแม้สมาธิที่เกิดขึ้นตามอารมณ์นั้นๆเป็นขณะๆ ติดต่อกันไป เช่นความตั้งใจก็ไม่ถูกต้องทั้งความไม่ถูกต้องนี้เกิดขึ้นติดต่อกันไปในกาลอันยืดยาว
    <O:p</O:p
    แม้จะทำกุศลหรืออกุศลจิตจะเกิดขึ้นมาบ้างก็จะมีกำลังอ่อนได้ผลน้อยเพราะความเหนียวแน่นในความเห็นผิดนั้นเข้ามาขวางกั้นทำให้กำลังแรงของเจตนาที่จะเป็นบุญกุศลนั้นลดน้อยลงไปแม้กุศลที่จะเกิดขึ้นมาก็มักจะเกิดเพราะเหตุใดเหตุหนึ่งมาหนุนหลัง เช่น การทำบุญการให้ทาน หรือการรักษาศีลจะเกิดขึ้นก็เพราะด้วยหวังประโยชน์ต่างๆเพื่อสนับสนุนอาชีพของตน
    <O:p</O:p
    เช่น เป็นนายอำเภอ ก็กระทำกุศลลงไปให้ใครๆ เขามีความเข้าใจว่าเป็นคนใจบุญเพื่อจะได้มีเพื่อนฝูงมาก และเพื่อจะได้รื่นเริงเบิกบานใจเช่นการทำบุญร่วมกับมีมหรสพ หรือดื่มสุรายาเมากันใหญ่ เหล่านี้เป็นต้น<O:p</O:p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. Dairies

    Dairies สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +23
    ความเห็นผิดชนิดนิยตมิจฉาทิฏฐินี้ยังจะมาสกัดกั้นทางที่จะไปสู่ความพ้นทุกข์หนทางอันเอกในโลกที่มีอยู่หนทางเดียวเท่านั้นคือพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไปเสียด้วยความเห็นผิดชนิดนี้ไม่มีหวังที่จะปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานจนเกิดญาณปัญญาขึ้นมาได้
    <O:p</O:p
    ปัญญาของผู้นั้นจะไม่มีหนทางที่จะเข้าไปสู่กระแสธารแห่งความเป็นอริยบุคคลได้เลยแม้แต่น้อยจะต้องเวียนว่ายตายเกิด ได้รับทุกข์โทษภัยต่อไปอีกจนนับชาติไม่ได้จนกว่าสิ่งแวดล้อมและการอบรมใหม่ๆที่ถูกต้องจะเข้าถึงจิตใจแล้วหันหลังให้กับมิจฉาทิฏฐินั้นๆ ได้อาจจะเป็นสิบเป็นร้อยหรือเป็นพันชาติก็ได้
    <O:p</O:p
    ดังนั้น จึงเห็นได้ว่านิยตมิจฉาทิฏฐินี้เป็นโทษที่ร้ายแรงที่สุดสมดังพระผู้มีพระภาคได้ทรงแสดงไว้ในอังคุตรพระบาลีว่า" ปรมานิ ภิกฺขเว วชฺชานิ "ซึ่งแปลความว่าดูกรภิกษุทั้งหลาย ความเห็นผิดชนิดนิยตมิจฉาทิฏฐินี้ มีโทษอันยิ่งใหญ่ที่สุด

    ท่านสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.thaimisc.com/freewebboard/php/vreply.php?user=dokgaew&topic=10637
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. หนูแว่น

    หนูแว่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    1,188
    ค่าพลัง:
    +3,207
    อนุโมทนา สาธุ ยามเป็นทุกข์จิตเป็นอกุศล ข้าพเจ้าก็เกือบจะมีความคิดเห็นผิดนี้เข้ามา
    โชดยังดีที่ยังพอศึกษาธรรมะมาพอควร ก็ยังอยู่ในกระแสแห่งธรรมได้
    ต้องมีสติไม่ให้หลงผิดไปไกลมิฉะนั้นทุกข์ที่กองโตอยู่แล้วคงจะยิ่งแย่ลงไปอีกด้วความเห็นผิด
     
  6. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    ขออนุโมทนากับบทความดีๆของเจ้าของกระทู้ด้วยครับ

    แล้วอย่าลืมไปอ่าน สัมมาทิฏฐิ คือ การกระทำความเห็นให้ถูกตรง
    http://palungjit.org/showthread.php?t=122361 ด้วยนะครับ
     
  7. Khunkik

    Khunkik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2006
    โพสต์:
    2,150
    ค่าพลัง:
    +18,072
    อบรมคืออะไร ?
    งั้นผู้ให้การอบรมก็มิจฉาทิฐิซิ?
    ผู้รับการอบรม จะไม่มีลูกไม้ตกไกลต้นบ้างหรือ?
     
  8. od2499

    od2499 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    298
    ค่าพลัง:
    +532
     
  9. Dairies

    Dairies สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +23
    ตอบคุณ Khunkik...

    คุณ od2499 กล่าวถูกต้องแล้วครับ...

    ในบทความไม่ได้กล่าวว่า คนที่อบรมสั่งสอนวิชาทางโลกเป็นมิจฉาทิฏฐิ...เพราะวิชาทางโลกนั้นมีไว้เพื่อเลี้ยงชีพชอบ...

    เพราะฉะนั้นผู้ที่มีความรู้สูงแล้วเป็นสัมมาทิฏฐิเชื่อเรื่อง บุญ บาป ก็มีอยู่...ไม่ได้หมายรวมว่าคนที่ได้รับการอบรมสูงๆเป็นมิจฉาทิฏฐิไปทั้งหมด...

    แต่คนที่มีความรู้ทางโลกสูงๆ ที่เชื่อว่าสิ่งไหนที่วิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้ เพราะวิทยาศาสตร์ปัจจุบันเข้าไม่ถึง ก็ไม่ยอมเชื่อ เช่นเรื่อง ผลของบาป-บุญ ไม่มีจริง เป็นต้น แบบนี้จึงเรียกว่า มิจฉาทิฏฐิ

    และที่สำคัญพอตนเองไม่เชื่อก็เที่ยวไปอบรมผู้อื่นให้มีความคิดเหมือนตนเอง... นี่แหละที่เรียกว่าผู้อบรมให้เป็นมิจฉาทิฏฐิ....
     
  10. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    ขุนกิ๊กแย้งเพื่อให้ขยายความครับ เช่น

    อบรมคืออะไร ?

    หมายถึง ยกตัวอย่างเรื่องอะไรมาบ้าง เช่น ไปฟังธรรมจากพระที่ตีความธรรมจากระไตรปิฎกผิด ก็ถือว่า (ข้อที่ 2 ที่เค้าถาม)

    งั้นผู้ให้การอบรมก็มิจฉาทิฐิซิ?

    หมายถึง คนที่สอนผิดๆเป็นมิจฉาทิฎฐิหรือไม่ ซึ่งก็ตอบว่า ใช่ เพราะแม้สิ่งที่เอามาสอนดี แต่สอนแบบผิดๆมันก็มิจฉาทิฎฐิ เช่น สอนว่าบาปล้างได้ แต่ความจริง บาปมันล้างไม่ได้ แม้เจตนาดี แต่คนฟังอาจเข้าใจผิดว่าล้างได้จริงๆ ทั้งๆที่คนพูดความถึงให้ทำบุญจนบาปตามไม่ทัน บาปจะได้ส่งผลไม่ทัน หรือเรียกว่า ทำบุญหนีบาป เป็นต้น

    ผู้รับการอบรม จะไม่มีลูกไม้ตกไกลต้นบ้างหรือ?

    หมายถึง แม้คนฟังจะฟังจากคนที่เป็นมิจฉาทิฎฐิ แต่เค้าอาจจะแยกแยะได้ ดังนั้นเค้าจึงคิดแบบสัมมาทิฎฐิได้นั่นเอง เช่น เดียวกัน บางครั้งเราฟังจากคนที่เป็นสัมมาทิฏฐิ แต่เราก็อาจคิดแบบมิจฉาทิฏฐิได้ เป็นต้น

    คำถาม 3 ข้อเป็นการถามเพื่อขยายความครับ

    ปล.ผมตอบตามความเข้าใจของตนเอง กรุณาอย่าเชื่อและนำไปปฏิบัติตามจนกว่าจะได้ตรวจสบด้วยวิจารณญาณของท่านครับ
     
  11. Khunkik

    Khunkik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2006
    โพสต์:
    2,150
    ค่าพลัง:
    +18,072
    Komodo ตอบได้ตรงใจคนถาม

    เพราะคนเขียนปัญญายังน้อยนัก ก็ถามกันแบบปัญญาน้อย เท่าที่เข้าใจคือ

    1. การอบรม มีส่วนประกอบคือ ผู้ให้การอบรม เนื้อหา และผู้รับการอบรม พระพุทธองค์สอนให้ พิจารณาก่อนจึงเชื่อ ต้นตรง ปลายคด หรือ ต้นคด ปลายตรง

    2. ผู้ให้การอบรม อันนี้ก็สำคัญ ยกตัวอย่างพระเทวทัต ผู้รับการอบรมจากท่านก็พากันไปอยู่ที่นรกวิลล่ากัน

    3. ลูกไม้หล่นไกลต้น อันนี้ ให้เป็นกำลังใจทุกท่านที่สถานะภาพ สภาพแวดล้อม ไม่ได้เกิดในพุทธศาสนา ไม่ได้เกิดในชาติตระกูลสูง ไม่ได้มีการศึกษาสูง ถึงแม้จะได้รับคำสั่งสอนมาในแบบไม่ตรงตามจริง เช่น พระองคุลีมาล แต่สุดท้ายท่านก็หล่นไกลต้นได้ด้วย ปัญญา พิจารณาแล้วจริงเชื่อ
     
  12. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    แหมท่าน ชอบมา "ทดสอบ" กันเรื่อยเลย 555
    ว่าแต่ "นรกวิลลา" นี่ผมขายทิ้งไปนานแล้วนะครับ ไม่อยากลงไปอีกเลย อิอิ
     
  13. จรัล

    จรัล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    295
    ค่าพลัง:
    +405
    เรื่องมิจฉาทิฐินี่ไม่ได้เป็นทุกคนนะครับ สำหรับพวกที่มีความรู้ระดับนักวิชาการหรือผู้ที่จบในทางที่เป็นวิทยาศาสตร์ระดับด๊อกเตอร์ นายแพทย์ ฯลฯ เลื่อมใสเชื่อมั่นในกฎแห่งกรรม การเวียนว่ายตายเกิด ที่มาปฏิบัติธรรมก็มีเยอะนะครับ เพราะศาสนาพุทธพิสูจน์ได้ ถือได้ว่าเป็นวิทยาศาสตร์แขนงหนึ่ง ฝรั่งต่างชาติบางคนก็ทำเป็นเข้ามาศึกษาเพื่อหาทางที่จะทำลาย แต่พอศึกษาไปศึกษามาดันไปปฏิบัติธรรมได้ผลเลยบวชไม่สึกซะเลยก็เยอะ โดยเฉพาะหลวงพ่อเสริมชัย ที่วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม ดำเนินสะดวกนั่น ท่านจบปริญญาโทจากธรรมศาสตร์ ทำงานเป็นนักวิจัยและประเมิณผลเกี่ยวกับข้อมูลเพื่อเป็นแนวทางในการวางนโยบายของอเมริกาประจำประเทศไทย ตำแหน่งถึงหัวหน้า ท่านเขื่อเรื่องกรรมเรื่องบาปบุญคุณโทษก็เพราะท่านปฏิบัติด้วยตนเองนี่แหละครับ พวกนักวิจัยเก็บข้อมูลโดยเฉพาะของต่างประเทศมั่วไม่ได้หรอกครับ ข้อมูลต้องเป๊ะไม่งั้นเขาจะไม่เขื่อและจะไปนำเสนอเขาไม่ได้ หากข้อมูลไม่ถูกต้องแล้วไปนำเสนอเขา( รัฐบาลอเมริกา )ใครเขาจะจ้างจะไว้ใจ จะไปมั่วส่งเหมือนคนไทยไม่ได้หรอกครับ หลวงพ่อท่านก็เหมือนกับศึกษาและวิจัยการปฏิบัติธรรมนั่นแหละครับ พอท่านประสบได้ผลด้วยตนเองท่านถึงได้เชื่อ
     
  14. nuttadet

    nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
    สำนึกตัวเองไว้ว่าตัวเรายังไม่ดีพอจะเรียกว่าสัมมาทิฎฐิได้เมื่อใด
    เมื่อนั้นความเป็นมิจฉาในตัวเรา ก็จะเบาบางลงครับ

    ขอบคุณเจ้าของกระทู้ครับที่หวังดีเอามาให้อ่าน
     
  15. thanatos hipnos

    thanatos hipnos Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    81
    ค่าพลัง:
    +26
  16. slamb

    slamb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,021
    ค่าพลัง:
    +538
    คุณ nuttadet ครับ ผมขออนุโมทนาสาธุครับ
    ผมขออนุญาตเรียกคุณว่า คุณเป็น"สัมมาทิฏฐิ"ครับ
    ขอบคุณครับและขอบคุณท่านเจ้าของกระทู้ครับ..สาธุ

     

แชร์หน้านี้

Loading...