ไดอารี่ ชีวิต , ผี , วิญญาณ , พุทธศาสนา By Specialized

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย Specialized, 25 ธันวาคม 2006.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    สวดจักรพรรดิถวายพร้อมสัพเพฯ และปิดทองเหนือ รอยพระพุทธบาท พร้อมกับขอบารมีหลวงปู่ รวมกำลัง รอยพระพุทธบาท มาสู่คณะของเราให้มีความคล่องตัวในทุกเรื่อง อย่าได้มีอุปสรรคในการสร้างความดีเลย สาธุ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  2. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    จากนั้นผมได้ขอขมา และเดินอ้อมหินเพื่อไปปิดทองที่พระพุทธรูปที่อยู่อีกด้านครับ ร่วมอนุโมทนากับผมนะครับ [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
    <!-- / message --><!-- attachments -->
     
  3. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    จบทริป วันที่ 3 พ.ค. 2551 ครับผม [​IMG] เชิญอนุโมทนาครับ

    [​IMG]
     
  4. เมืองพุทธ

    เมืองพุทธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    234
    ค่าพลัง:
    +1,026
    อนุโมทนาสาธุ ครับ
    ผมอยู่เชียงรายก็ยังไม่เคยมีโอกาศได้ไปสักการะบูชาเลยชักครั้งครับ
    ถ้ามีโอกาศจะไปกราบรอยพระบาทชักครั้งครับ

    อนุโมทนา ทั้งหมดทั้งมวลครับ
     
  5. ชินะปัณชะระ

    ชินะปัณชะระ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +52
    ขอฮ่วมอนุโมทนบุญโตยเน้อ ขอฮือโจคดี มีจัย มีความสุขนักๆเน้อ สาตุ
     
  6. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    <TABLE class=tborder id=post91393 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 width=175>Specialized<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_91393", true); </SCRIPT>
    สมาชิกยอดฮิต (Boy)

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Jun 2007
    สถานที่: ชมรมพุทธ M.F.L.U
    ข้อความ: 2,009 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    จำนวนครั้งที่ได้โมทนาบุญ: 9,534
    ได้รับการอนุโมทนาบุญ 65,612 ครั้ง ใน 2,041 ข้อความ <!-- End Post Thank You Hack -->
    [​IMG]

    </TD><TD class=alt1 id=td_post_91393><!-- icon and title -->[​IMG] เชิญร่วมอนุโมทนาย้อนหลังวันที่ 5 ก.ค.51 นมัสการพระธาตุจอมกิตติ
    <HR style="COLOR: #cccccc" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->เมื่อวันที่ 5 ที่ผ่านมาได้เดินทางไป เชียงแสน กับเพื่อนที่มหาวิทยาลัย เนื่องจากว่าได้เรียนวิชา Tour Guide ซึ่งได้ case ต้องออกศึกษาว่าวัดต่างๆในจังหวัดเชียงราย มีวัดไหนที่มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวกันมาก และ จุดเด่น - จุดด้อย ของแต่ละที่เป็นอย่างไร ซึ่งอาจารย์ก็ให้นักศึกษาเลือกวัดกันเอาเอง ผมรีบบอกเพื่อนเลยว่า เอา วัดพระธาตุจอมกิตติ แล้วกันเพราะเก่าแก่ที่สุดใน จ.เชียงรายแล้ว และข้อมูลทำรายงานก็มาก เพื่อนๆเลยตกลงเลือกที่นี่โดยให้ผมเป็นคนนำเดินทาง (ความจริงผมอยากมานมัสการ พระธาตุจอมกิตติ เองตะหากเลยหาเรื่องลากเพื่อนมาทำรายงานซะ ฮ่าๆ)

    ซึ่งในโอกาศนี้ผมก็ได้ถือโอกาศพก ลูกแก้วจักรพรรดิ ที่หลวงตาอธิษฐานเป็นพิเศษไว้ปรับภพภูมิมาด้วยจำนวนหนึ่ง ซึ่งลูกแก้วนี้ได้รับมาจาก พี่ป๋า อีกต่อหนึ่งขอโมทนาสาธุ ครับผม จึงสวมรอยเป็น ทีมงามเครือข่ายแก้วจักรพรรดิ ซะเลยในการนี้ซึ่งเป็นการท่องเที่ยว ทำงาน และปรับภพภูมิด้วย จึงมาตั้งกระทู้ให้โมทนาสาธุ กันเด้อ [​IMG]

    ซึ่งในการนี้เราเดินทางกันโดยรถแมงกะไซค์เหมือนเดิมครับผม

    [​IMG]

    ถึง พระธาตุจอมกิตติ แล้ว ! ไวเหมือนโกหก

    [​IMG]

    [​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  7. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    ในบริเวณวัดยังมีพระธาตุอีกแห่งใกล้ๆกันที่เก่าแก่ไม่แพ้กันคือ พระธาตุจอมแจ้ง เป็นเจดีย์ขนาดไม่ใหญ่นักครับ

    [​IMG]

    ถ่ายเล่นๆ

    [​IMG]
    <!-- / message --><!-- attachments -->
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  8. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    ศาลพระเจ้าพรหมมหาราช

    [​IMG]

    [​IMG]

    พระราชประวัติพระเจ้าพรหมมหาราช


    แผ่นดินไทยในอดีต ทิศเหนือจดแม่น้ำฮวงโห ทิศไต้จดประเทศมาลายูและทะเลอินเดีย ชนชาติไทย ถูกรบกวนและรุกราน จากประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดมาโดยตลอด จนไม่สามารถ ที่จะทนอยู่ได้ จึงได้ส่งผู้คนให้อพยพหลบภัย เพื่อหาที่อยู่ใหม่ในทางไต้ ตามสายของแม่น้ำ ลงมาโดยลำดับ โดยการนำของรี้พลขุนศึกแห่งนักรบไทย ได้ทำการรบพุ่งกับเจ้าของถิ่น
    เดิม มีพวกระว้า(ลั๊วะ) และพวกขอมเป็นต้น มีแพ้บ้าง ชนะบ้างตามลำดับ

    ลุถึงสมัย 200 ปีก่อนพุทธศักราช ชนชาติไทย ได้ตั้งถิ่นฐานอยู่ในผืนแผ่นดินใหญ่คู่กับจีน ในท้องถิ่นที่อุดมสมบูรณ์ ระหว่างลุ่มแม่น้ำฮวงโห เป็นเวลานับพันปีก่อนพุทธศักราช ซึ่งเป็นอาณาจักรอันใหญ่หลวง มีระเบียบการปกครองอันมั่นคง เป็นปึกแผ่น ส่วนชนชาติจีนนั้น ตั้งถิ่นฐานอยู่ในแถบเหนือขึ้นไปอีกมาก ภายหลังชนชาติจีนได้อพยพเข้ามา อยู่ใกล้ชิดกับไทย
    ได้เกิดประจันหน้ากัน แย่งชิงถิ่นฐานกันนับเป็นเวลา 2000 ปี ก่อนพุทธศักราช ในสมัยพระเจ้าฮ่วงตี้ 2158-2055 ก่อนพุทธศักราช ชนชาติจีนเรียกชนชาติไทยว่า มุง, ต้ามุง, ปา, ลุง และอ้ายลาวบ้าง และชื่ออื่นๆ อีกหลายชื่อ แต่ว่าชนชาติไทยเรียกตัวเองว่า ไต หรือ ไทยมาโดยตลอด
    สมัย 150 ปีก่อนพุทธศักราช ชนชาติไทย ไม่สามารถที่จะทนต่อการรบกวนของชนชาติจีน จึงได้พากันอพยพเป็นการใหญ่ ใหลเลื่อนลงมาทางทิศใต้ของแม่น้ำแยงซึเกียง จึงได้ละทิ้งผืนแผ่นใหญ่อันอุดมสมบูรณ์ ให้แก่ชนชาติจีน (ในสมัยพระเจ้าตวงหว่าง กษัตริย์จีน 139-153)

    พ.ศ.300 ในสมัยพระเจ้าจีนซีหว่องตี้ (พ.ศ.296-334) ชนชาติไทยได้ทำศึกกับชนชาติจีน ซึ่งเป็นข้าศึกที่ใหญ่มาก และในที่สุดชนชาติไทย ก็ได้อพยพลงมาทางทิศใต้อีกครั้งหนึ่ง ชนชาติไทย ได้แยกย้ายกันไปหลายก๊ก หลายเหล่า ที่อยู่ต่อสู้ไม่ยอมหนี ก็มีจำนวนมาก แล้วรวบรวมกัน ตั้งนครขึ้น ในมณฑลเสฉวน ยังมีชนชาติเผ่าอื่นที่ได้อพยพลงมากับชนชาติไทย เช่น ฮกเกี้ยน กับกองทัพของ "ขงเบ้ง" ทำให้ต้องหนีลงทางใต้ อีกเป็นจำนวนมาก ในพวกที่ทนสู้กับกองทัพจีน มีผู้นำไทยที่สามารถผู้หนึ่งคือ "สินุโล" สามารถรวบรวมอาณาจักรไทยขึ้น แล้วตั้งเป็นรัฐอิสระเรียกว่า "อาณาจักรน่านเจ้า" เป็นอาณาจักร ที่เป็นปึกแผ่นมั่นคงอยู่จนมีอายุ 500 ปี (พ.ศ.1281-1769)
    ในสมัยเดียวกับสมัยน่านเจ้า ชนชาติไทยจำนวนมาก ซึ่งได้อพยพลงสู่แหลมสุวรรณภูมิ ได้ช่วยกันสร้างเมืองขึ้น มีจำนวนหลายเมือง บางเมืองได้แซกอยู่ในเขตของอาณาจักรของพวกขอม ซึ่งเป็นเจ้าของถิ่นเดิม ในสมัยนั้นได้แบ่งเป็น 2 ภาค คือ ภาคเหนือมี "เมืองสยาม" เป็นเมืองสำคัญ ภาคใต้มี "เมืองละโว้" ชนชาติไทยที่อยู่เหนือขึ้นไปจากอาณาจักรของขอม พยายามตั้งตัวเป็นอิสระคือ อาณาจักรไทย "โยนก" มีเมืองเชียงแสน เป็นเมืองสำคัญ หรือเป็นเมืองหลวงของไทย

    อาณาจักรไทยโยนก มีกษัตริย์ไทยครอบครองติดต่อกันมาหลายสิบพระองค์ กษัตริย์องค์ที่ 25 มีพระนามว่า "พระเจ้าพังคราช" มีพระราชโอรสพระองค์หนึ่ง ซึ่งมีบุญญาธิการมาก ทรงพระนามว่า "พระเจ้าพรหมมหาราช" พระเจ้าพรหมมหาราชองค์นี่แหละ ที่ทรงสร้างวัดพระธาตุสบฝาง ซึ่งจะได้กล่าวโดยละเอียด ในโอกาสต่อไป ณ ที่นี้จะได้กล่าวถึงการอพยพของชนชาติไทย ให้จบเสียก่อน
    ในปี พ.ศ.1796 ปี กุบไลข่านตีจีนได้ทั้งหมด แล้วได้ตั้งตัวเป็นกษัตริย์จีน หลังจากนั้น ได้ส่งกองทัพมาตีอาณาจักรน่านเจ้า ของไทยในปี พ.ศ.1796 ชนชาติไทยส่วนใหญ่ จึงได้พากันอพยพหนีภัย ลงมาทางใต้เป็นครั้งที่ 3 ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายของการอพยพ ตั้งแต่บัดนั้นชนชาติไทย ไม่มีแผ่นดินเหลืออยู่เป็นอิสระ ตกเป็นเมืองส่วยของชาติอื่นมาตลอด
    ในผืนแผ่นดินจีน

    ในสมัยพระเจ้าพังคราชนี้ พวกขอมที่เมืองอุโมงค์เสลา เกิดแข็งเมืองต่อไทย พระเจ้าพังคราช ไม่สามารถที่จะปราบปรามขอม ให้อ่อนน้อมได้ เมื่อพวกขอมเห็นว่า พวกไทยอ่อนกำลังกำลังลงเช่นนี้ ขอมจึงได้ยอกองทัพ มาตีเมืองเชียงแสน พวกขอมได้รับชัยชนะ แล้วได้เนรเทศ พระเจ้าพังคราช ไปอยู่ที่เมือง "สี่ตวง" ในปัจจุบัน คือเวียงแก้ว ตำบลป่าสักน้อย อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ของเมืองเชียงแสนเก่า ซึ่งยังมีซากเมืองปรากฏอยู่จนทุกวันนี้
    พระเจ้าพังคราช จำต้องได้ส่งส่วยเป็นทองคำ ปั้นเป็นลูกกลม มีขนาดเท่าผลมะตูม ส่งไปถวายพวกขอม ปีละ 4 ลูกเป็นประจำทุกปี (ตำนานบางแห่งก็ว่า 3 ปีต่อครั้ง) ในฐานะที่เป็นเมืองขึ้นหรือเมืองส่วย ส่วนพวกขอม เมื่อได้ขับไล่กษัตริย์ไทย ออกไปจากเมืองเชียงแสนแล้ว ก็เข้ามาอาศัย ปกครองคนไทย ในเมืองเชียงแสนต่อไป


    ในสมัยที่คนไทย ตกอยู่ใต้อำนาจของพญาขอมเมืองเชียงแสนนี้ ได้รับความกดขี่ข่มเหง จากเจ้านายขอมต่างๆ นา นา ทั้งดูถูก ดูหมิ่นเหยียดหยามคนไทย เป็นการบีบคั้น ทางจิตใจ คนไทยอย่างรุนแรง ตามตำนานสิงหนวัติได้กล่าวไว้ว่า ได้มีสามเณรเมืองสี่ตวงองค์หนึ่ง ซึ่งมีอายุได้ 19 ปี พักอาศัยอยู่วัดแห่งหนึ่ง ในเวียงโยนก เช้าวันหนึ่งสามเณรองค์นี้ได้ออกบิณฑบาต ได้เข้าไปในคุ้มของพญาขอม สามเณรได้ไปยืนหยุดอยู่ เมื่อพญาขอม ได้เห็นสามเณร เข้าถึงในคุ้มของตน ก็ได้สอบถามพวกไพร่ฟ้าที่เฝ้าประตู พวกไพร่ของพญาขอมก็ตอบว่า สามเณรองค์นี้เป็นพวกไทย จากเวียงสี่ตวงพญาขอมได้ฟังดังนั้นก็โกรธเป็นอันมาก และได้กล่าวปริภาษ ด้วยคำหยาบช้า ว่า "เณรเป็นคนเมืองไพร่เท่านั้น หาควรที่จะเข้ามารับบิณฑบาต ในบ้านของท้าวพญาขอม อันยิ่งใหญ่ไม่" แล้วจึงร้องบอกให้ไพร่ทั้งหลายว่า "สามเณรเป็นลูกคนเมืองส่วย พวกสูทั้งหลาย อย่าเอาข้าวของกูไปใส่บาตรให้มันเลย"
    สามเณรได้ฟังพญาขอม ว่าดังนั้นแล้ว ก็เกิดความน้อยอกน้อยใจเป็นอันมาก และพร้อมกันนั้น ก็เกิดทิฏฐิมานะ คิดหาหนทางที่จะตอบแทน ความหยาบช้าของพญาขอมให้จงได้

    คิดแล้วก็เดินออกจากคุ้มพญาขอม เมื่อเดินถึงกู่แก้ว จึงยกเอาอาหารบิณฑบาต ที่ตนได้มาจากบ้านอื่น ถวายเป็นพุทธบูชาแด่พระธาตุ แล้วก็ได้ตั้งจิตสัจจะอธิษฐานว่า "ด้วยเดชบุญกุศล ที่ข้าได้ประพฤติปฏิบัติ ในธรรม ของพระพุทธเจ้า จะเป็นด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา ภาวนากุศล จงดลบันดาลให้ข้าจงจุติ (ตาย) จากโลกนี้ ภายใน 7 วันเถิด แล้วขอให้ข้า จงได้ไปเกิดในครรภ์ ของนางเทวี มเหสีเจ้าเมืองเวียงสี่ตวง (พระเจ้าพังคราช) และเมื่อหากว่าข้าได้เกิดมาแล้ว ขอให้ผู้ข้ามีรูปอันงาม มีกำลังอันกล้าแข็งมีอายุยั่งยืนนาน เป็นที่รักของเจ้าเมืองเวียงสี่ตวง ผู้เป็นพระบิดา เมื่ออายุข้าได้ 16 ปี ขอให้ข้าได้รับชัยชนะ ในการปราบพญาขอมดำผู้โอหัง ด้วยเหตุว่า พญาขอมผู้นี้ ไม่รู้คุณของพระรัตนตรัยแก้วสามประการ"

    เมื่อสามเณร ได้ตั้งสัจจะอธิษฐาน ต่อพระบรมธาตุดอยกู่แก้วแล้ว ก็นั่งสมาธิอยู่ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง ไม่ยอมฉันข้าวและน้ำครั้นล่วง 7 วัน สามเณรองค์นี้ก็ได้ถึงแก่มรณภาพ ด้วยสัจจวาจา ดวงวิญญาณ ของสามเณร ก็ได้ไปถือปฏิสนธิ ในครรภ์ของพระนางเทวี มเหสีของพระเจ้าพังคราช
    ส่วนพระนางเทวี ในราตรีนั้นกาลคืนนั้น ขณะที่พระนางทรงบรรทมอยู่ พอใกล้สว่าง ก็ทรงสุบินนิมิตรว่าได้เห็นช้างเผือกตัวหนึ่ง มายืนอยู่ใกล้พระองค์ แล้วเดินผ่านเข้าไปในเวียงทางทิศใต้ เมื่อพ้นเวียงออกไปแล้ว ได้วิ่งไล่คนทั้งหลาย ฝูงชนได้แตกตื่นหนีกันเป็นวุ่นวาย เมื่อพระนางสดุ้งตื่นขึ้น จึงได้ทรงเล่านิมิตรนี้ ให้พระราชสวามีฟัง พระเจ้าพังคราชทรงทำนายว่า จะมีผู้มีบุญ มาเกิดในครรภ์ของพระนาง ตั้งแต่นี้ต่อไปขอให้พระนางจงรักษาพระครรภ์ไว้ให้ดีเถิด เมื่อพระนางทรงครรภ์ได้เป็นเวลา 3 เดือน พระนางทรงต้องการอาวุธต่างๆ พระเจ้าพังคราช ก็ทรงหาให้ตามความประสงค์


    ครั้นพระครรภ์ครบถ้วนทศมาส พระนางก็ประสูติพระกุมาร มีวรรณผุดผ่อง ศิริโฉมงดงาม ดังพรหม พระบิดาจึงทรงขนานพระนามว่า "เจ้าพรหมราชกุมาร" เมื่อทรงเจริญวัย พระบิดา ได้ทรงให้เข้ารับการศึกษา จากครูอาจารย์ที่มีวิชาความรู้ ทางศิลปศาสตร์ และวิชาพิชัยสงคราม พระเจ้าพรหมกุมาร เป็นผู้มีจิตใจกล้าหาญสามารถเรียนศิลปศาสตร์ จากครูบาอาจารย์ได้อย่างว่องไว สามารถใช้อาวุธ และตำหรับตำราพิชัยสงคราม ได้เป็นอย่างดี พระเจ้าพังคราชพระราชบิดา ได้ทรงค้นหาครูบาอาจารย์ ผู้ทรงความรู้ทางพิชัยสงคราม และพระฤาษีผู้ทรงวิชาด้วยอิทธิฤทธิ์ ให้พระกุมารได้ศึกษาอบรม จนพระราชกุมารได้ศึกษาจนจบ ทรงมีฝีพระหัตถ์ อันเข้มแข็ง ยากที่จะหาผู้ที่เสมอเหมือน ในยุคนั้น ตามตำนานสิงหนวัติกล่าวว่า พระเจ้าพรหมกุมาร จับช้างเผือกได้เชือกหนึ่ง จากกลางแม่น้ำโขง ชื่อว่า "ช้างเผือกพวงคำ" เมื่อได้ช้าเผือกคู่บารมีแล้ว พระเจ้าพรหมกุมาร ได้ทรงสร้างเมืองใหม่ขึ้นเมืองหนึ่ง ริมฝั่งแม่น้ำสาย ให้ประชาราษฎร์ ชาวบ้านชาวเมือง ช่วยกันขุดคูทดน้ำ จากแม่น้ำสายเข้ามาเป็นคูเมือง ทรงตั้งเมืองนี้ว่า "เมืองพวงคำ" เหมือนกับชื่อช้างเผือกคู่บารมี ปัจจุบันเมืองนี้เป็นที่ตั้งตัวอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย

    พระเจ้าพรหมกุมาร ทรงใช้เมือง "พวงคำ" นี้เป็นค่ายฝึกไพร่พล ให้เกิดความชำนิชำนาญ วิชาการใช้อาวุธ ทั้งหัดไพร่พลให้รู้จักการยิงปืนไฟ ให้ได้คล่องแคล่ว เมื่อไพร่พลทั้งหลาย มีความชำนาญจนจบวิชาการรบแล้ว ก็ประกาศแข็งเมือง เลิกการส่งส่วยให้แก่ขอมต่อไป ในเวลาเดียวกันนั้น พระเจ้าพรหมกุมาร ก็ทรงแต่งตั้งไพร่พล ปลอมตัวเข้าไปสืบหาความลับ ข่าวสารในเมืองเชียงแสน อยู่เป็นประจำเพื่อต้องการทราบความเคลื่อนไหว ของพวกขอม ที่จะมีการเตรียมรี้พล ออกมาปราบปรามคนไทยอย่างไรต่อไป


    พญาขอม รอส่วยจากเจ้าพญาของไทย คือพระเจ้าพังคราชมาได้ สอง สามปี ไม่เห็นทางไทย นำส่วยที่เป็นทองคำไปถวาย พญาขอมก็บันดาลโทสะ คิดจะสั่งสอนคนไทยให้หัวอ่อนลงเสียบ้าง จึงเตรียมยกทัพ ที่จะมาเหยียบย่ำคนไทยให้แหลกอีกครั้งหนึ่ง ฝ่ายคนไทยที่ปลอมตัว อยู่กับฝ่ายขอมในเมืองเชียงแสน เมื่อสืบข่าว ได้เรื่องแน่ชัดแล้ว ก็รีบกลับนำข้อความ และเรื่องราวที่ได้รู้เห็นมากราบทูล พระเจ้าพรหมกุมารทรงทราบ พระเจ้าพรหมกุมาร จึงทรงให้แม่ทัพนายกอง ได้เตรียมกองทัพผู้กล้าหาญ ที่ได้ฝึกฝนมาดีแล้ว ออกไปตั้งรับ และสู้รบกับทหารของพวกขอม กองทัพไทยและกองทัพขอม ได้ทำการสู้รบกันที่ทุ่งสันทราย ฝ่ายซึ่งได้ฝึกมาดีกว่า ก็กำความมีชัยชนะ ได้อย่างง่ายดาย ทัพของขอมได้แตกพ่ายไม่เป็นส่ำ หนีเข้าเมืองเชียงแสน แล้วปิดประตูเมืองไว้ทุกด้าน ไม่ยอมออกมาสู้กับไทยอีก เพราะเกรงกลัวฝีมือรี้พลของพระเจ้าพรหมกุมาร กองทัพของเจ้าพรหมกุมาร ก็เข้าล้อมเมืองเชียงแสนไว้ ส่งทหารเข้าประชิดกำแพงเมือง

    พระเจ้าพรหมกุมารทรงช้างคู่บารมีชื่อ "พวงคำ" นำพลเข้าบุกประตูเมือง ช้างคู่บารมี เข้าแทงประตูเมืองพังทะลายลง ทหารไทยทั้งหลายก็ได้ตรูกันเข้าเมืองได้ คนไทยอดใจที่คับแค้นมานานแสนนาน ถึงทีแล้ว จึงห้ำหั่นทหารขอม ล้มตายลงอย่างมากมาย ให้สมกับที่พญาขอมได้ข่มเหงไทย มาเป็นเวลานาน 17 ปี พวกขอมที่รอดตาย ก็พากันหนีลงทางใต้เพื่อเอาชีวิตรอด ทหารพระเจ้าพรหมกุมาร ได้ขับไล่พวกขอมไป อย่างกระชั้นชิด ริบทรัพย์ และที่จับเป็นเชลยได้ ก็ให้เอาไปทำการงาน ที่ขัดขืนก็ได้ฆ่าเสียให้ตาย เพื่อกวาดล้างพวกขอม ให้สิ้นซากจากเมืองเชียงแสน ทหารพระเจ้าพรหมกุมาร ได้ยกทัพขับไล่พวกขอม ลงไปทางทิศใต้เป็นเวลา 1 เดือน จึงทรงยับยั้ง เมื่อเห็นว่าพวกขอม ได้หนีลงไปอยู่เรื่อยๆ จึงทรงให้กองทัพไทย เดินทางกลับเมืองเชียงแสน ปรับปรุงซ่อมแซมเมือง ให้เป็นที่เรียบร้อยแล้วจึงได้อัญเชิญ พระเจ้าพังคราช พระราชบิดา มาครองเมืองเชียงแสนต่อไป พระเจ้าพังคราช ทรงรักใคร่พระเจ้าพรหมกุมารเป็นอย่างมาก แล้วทรงยกเมืองเชียงแสน ให้พระเจ้าพรหมกุมาร ทรงครอบครองต่อไป แต่พระเจ้าพรหมกุมารไม่ทรงรับ พระเจ้าพังคราช จะทรงตั้งให้เป็นมหาอุปราช พระเจ้าพรหมกุมารก็ไม่ทรงรับอีก กราบบังคมพระราชบิดาว่า ขอให้ยกพระเชษฐาธิราช คือ เจ้าฟ้า "ทุกขิตกุมาร" ขึ้นเป็นมหาอุปราชเถิด พระเจ้าพังคราชในเมื่อเห็นว่า ความตั้งพระทัยของพระราชโอรสน้อย เป็นอย่างนั้น จึงทรงได้ปฏิบัติตามความประสงค์ ของพระเจ้าพรหมกุมาร คือ ทรงตั้ง เจ้าฟ้าทุกขิตกุมาร เป็นมหาอุปราช


    ฝ่ายพระเจ้าพรหมกุมาร เมื่อทรงปราบพวกขอมสงบราบคาบแล้ว ทรงคิดในอนาคต ไปข้างหน้าว่า เมื่อพวกขอมได้ปราชัยพวกไทย ในภายหลังพวกขอมอาจจะคิดการแก้แค้นอีกก็เป็นได้ พระเจ้าพรหม จึงได้กราบถวายเรื่องราว ให้พระราชบิดาทรงทราบ แล้วกราบลา พาเอาไพร่พล พร้อมทั้งช่างทั้งหลาย มีช่างตีเหล็ก ช่างทอง ช่างไม้ บัณฑิตผู้มีปัญญา พร้อมทั้ง พระสังฆมหาเถร อพยพไปทรงตั้งเมืองใหม่ขึ้น ทางทิศตะวันตก ของเมืองเชียงแสน เมืองนี้ตั้งอยู่บนฝั่งของแม่น้ำฝางตอนบน ทรงสถาปนาเมืองนี้ว่า "เมืองชัยปราการ " ซึ่งได้มีซากเมือง ปรากฏอยู่ในปัจจุบันนี้ การที่พระองค์ทรงสร้างเมืองชัยปราการนี้ขึ้นก็เพื่อจะให้เป็นเมืองหน้าด่าน เพื่อป้องกันข้าศึก ที่จะมาทางทิศตะวันตกของเมืองเชียงแสน

    พญาขอมได้ครองเมืองเชียงแสน นานได้ 17 ปีก็หมดอำนาจแล้วก็หนีลงทางใต้ ไม่กลับมารุกรานไทยอีก ตลอดสมัยพระเจ้าพรหมมหาราช ครั้นทรงสร้างเมืองชัยปราการ เสร็จเรียบร้อยแล้วประมาณ 3 ปี พระพุทธศักราชล่วงได้ 949 ปี (ตามบันทึกของกรมศิลปากร ว่า พ.ศ.1483) มีพระมหาเถระองค์หนึ่ง ชื่อว่า พระพุทธโฆษาจารย์ เป็นชาติมอญ มีบ้านเดิมอยู่เมืองสะเทิม (พม่าเรียกว่า ตะโถ่ง) อยู่ใกล้กับเมืองเมาะลำเลิง ประเทศพม่า พระพุทธโฆษาจารย์นี้ ท่านได้ออกจากเมืองมอญ ลงสำเภาไปศึกษาพระพุทธศาสนาในประเทศลังกา มีความรู้พระพุทธศาสนา จบพระไตรปิฏกอย่างแตกฉาน ก็ได้กลับมาสู่ประเทศของตน ท่านได้เผยแผ่พระพุทธศาสนา ในประเทศมอญ และประเทศพม่าตามลำดับ แล้วได้เดินทางเข้ามาในเมืองสุโขทัย ลำดับมา จนถึงเมืองโยนก ถึงเมืองเชียงแสน ในสมัยพระเจ้าพังคราช นอกจากพระพุทธโฆษาจารย์ จะนำพุทธศาสนา มาเผยแผ่ในนครโยนกแล้ว ท่านยังได้อัญเชิญพระบรมธาตุของพระพุทธเจ้ามาด้วย 16 องค์ เป็นอัฏฐิหน้าผาก มีขนาดใหญ่ กลาง เล็ก ได้แบ่งพระบรมธาตุขนาดใหญ่ 1 องค์ ขนาดกลาง 2 องค์ และขนาดเล็ก อีก 2 องค์ ถวายแก่พระญาเรือนแก้ว ส่วนที่เหลือได้ถวายแก่พระเจ้าพังคราช พระเจ้าพังคราชได้นำพระโกฏเงิน พระโกฏทอง และพระโกฏแก้ว มารองรับพระบรมธาตุทั้ง 11 องค์นั้น ทรงมอบให้พระเจ้าพรหมมหาราช นำไปประดิษฐาน ก่อพระเจดีย์ไว้ที่บนดอยน้อยหรือจอมกิตติ ซึ่งเป็นดอยที่ พระพุทธเจ้า ทรงประทานเกษาธาตุ บรรจุไว้ก่อนแล้ว ในสมัยโน้น

    พระเจ้าพรหมราชให้ช่างก่อพระเจดีย์ชึ้น กว้าง 3 วา สูง 6 วา 2 ศอก บนดอยจอมกิตติ พระเจดีย์แล้วเสร็จ ในวันจันทร์ เดือน 6 เพ็ญ พ.ศ.1483 โดยบริบูรณ์ ได้ให้มีการทำบุญฉลองอย่างมโหฬาร ทรงบำเพ็ญพระราชกุศล ถวายมหาทานแก่ประชาราษฎร์ เป็นการมหาปางอันยิ่งใหญ่ พระพุทธศาสนาก็ได้เจริญรุ่งเรืองในเมืองเชียงแสน โดยเฉพาะในสมัยพระเจ้าพรหมมหาราชนี้ ได้เกิดศิลปกิจกรรม ในสร้างพระพุทธรูปด้วยทองสำริด ซึ่งเรียกว่า ศิลปกรรมสมัยเชียงแสน เมื่อพระเจ้าพรหมมหาราช ได้สร้างเจดีย์จอมกิตติสำเร็จเรียบร้อยแล้ว พระองค์เสด็จกลับ นครชัยปราการ พระองค์ได้ให้ช่างก่อพระเจดีย์ขึ้น ณ บนดอยพระธาตุสบฝาง หลังจากได้สร้าง เมืองชัยปราการเสร็จแล้ว 4 ปี พระองค์ได้นำเอาพระบรมธาตุที่ทรงแบ่งไว้ จากการสร้างพระธาตุดอยกิตติ ได้นำมาบรรจุไว้ที่เจดีย์วัดพระธาตุสบฝางนี้ นอกจากนี้ พระองค์ยังได้ให้ช่าง หล่อพระพุทธรูปขึ้นด้วยทองสำริด เป็นจำนวนมาก ได้นำไปถวายไว้ตามวัดที่พระองค์ทรงสร้าง มีวัดส้มสุก วัดเก้าตื้อ วัดป่าแดง วัดดอกบุญนาคเป็นต้น ประชาชนที่นับถือพุทธศาสนา ก็พากันสร้างพระพุทธรูป ตามเจตนาของแต่ละคนเป็นจำนวนหลายองค์ ถวายไว้ที่บนพระธาตุสบฝางนั้น

    พระเจ้าพรหมมหาราช ทรงเสวยราชสมบัติ ณ เมืองชัยปราการจนพระชนมายุได้ 77 พรรษา ประวัติศาสตร์ ของเมืองชัยปราการ ก็เป็นอันยุติลง ต่อจากพระเจ้าพรหมมหาราช ก็ได้มีพระมหากษัตริย์ อีกหลายพระองค์ ที่ได้ทำการขับเคี่ยวกับพวกขอมมาโดยตลอด จนถึงสมัยราชวงศ์ของพระเจ้ารามคำแหงเป็นที่สุด
     
  9. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    พระพุทธรูปปางนาคปรก ที่อยู่ใกล้ๆกับ ศาลพระเจ้าพรหมหาราช

    [​IMG]
     
  10. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    อุโบสถ วัดพระธาตุจอมกิตติ

    [​IMG]

    สิงห์ VS นาค

    [​IMG][​IMG]
     
  11. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    พระประธานในอุโบสถเป็นพระพุทธรูปหน้าตัก 4 ศอก ศิลปะเชียงแสน ประทับอยู่ใต้ต้นโพธิ์

    [​IMG]
     
  12. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    ได้ฝากกระแสด้วย ลูกแก้วจักรพรรดิ ไว้บนมือพระพุทธรูปองค์เล็กหน้าพระประธาน

    [​IMG]
     
  13. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    ศาลพระสยามเทวาธิราช

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  14. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    มาต่อกันนะครับผม พึ่งเทพระเสร็จไป 200 องค์ เชิญอนุโมทนานะครับ

    [​IMG]

    บันไดนาคก่อนขึ้นไปนมัสการ พระธาตุจอมกิตติ
    <!-- / message --><!-- attachments -->
     
  15. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    พระธาตุจอมกิตติ

    [​IMG]

    พระธาตุจอมกิตติ ปูชนียสถานที่สำคัญคู่บ้านคู่เมืองเชียงแสน สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าพังคราช พื่อใช้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และได้รับการบูรณะในสมัยของหมื่นเชียงสงโดยการสร้างเจดีย์ครอบทับองค์เดิมเมื่อปี พ.ศ.2030
    จากตำนานและพงศาวดารเมืองเงินยางเชียงแสนได้กล่าวถึงเรื่องการสร้างพระธาตุจอมกิตติเอาไว้ว่า พระมหาเถระชาวโกศลนคร เมืองสุธรรมวดี ชื่อพระพุทธโฆษาจารย์ นำพระบรมสารีริกธาตุจากเมืองลังกามาถวายพระเจ้าพังคราช ต่อมาพระองค์พร้อมพระราชโอรสคือพระเจ้าพรหมกุมารจึงได้สร้างพระธาตุขึ้นบนดอยน้อย เมื่อ พ.ศ.1483 แล้วอัญเชิญพระธาตุที่ได้มาบรรจุไว้ โดยให้พระนามพระธาตุองค์นี้ว่า "พระธาตุจอมกิตติ"

    ในปี พ.ศ.2030 หมื่นเชียงสงเจ้าผู้ครองเมืองเชียงแสนได้ทำการบูรณะซ่อมแซมองค์พระธาตุขึ้นครั้งหนึ่ง จนกระทั่งในเวลาต่อมาพระธาตุชำรุดทรุดโทรมลง เจ้าฟ้าเฉลิมเมืองพร้อมกับคณะพระญาติและประชาชนได้ร่วมกันบูรณะปฏิสังขรณ์พระธาตุขึ้นใหม่อีกครั้งในราวปี พ.ศ.2237 ซึ่งคงปรากฏรูปแบบทางสถาปัตยกรรมอย่างที่เห็นในปัจจุบันคือ เป็นศิลปกรรมร่วมสมัยระหว่างล้านนากับศิลปะอยุธยาตอนปลาย

    พระธาตุจอมกิตติเป็นปูชนียสถานสำคัญคู่เมืองเชียงแสนมาช้านาน พระธาตุนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาเตี้ย ๆ นอกกำแพงเมืองเชียงแสนทางด้านทิศเหนือประมาณ 2 กิโลเมตร ในปัจจุบันเราสามารถขับรถขึ้นไปได้เกือบถึงองค์พระธาตุ ต่างจากเดิมซึ่งจะต้องใช้เส้นทางเดินผ่านบันไดนาคไปจนถึงลานทักษิณใกล้พระธาตุ ซึ่งเส้นทางนี้เป็นเส้นทางโบราณที่คนสมัยก่อนใช้เป็นเส้นทางเพื่อขึ้นไปนมัสการองค์พระธาตุ

    เมื่อขึ้นไปยืนอยู่บริเวณวัดพระธาตุจอมกิตติ จะสามารถเห็นทิวทัศน์ของตัวเมืองเชียงแสนที่เห็นแนวกำแพงเมืองทอดยาวเป็นเส้นตั้งแต่เหนือจรดใต้ นอกจากนั้นไกลออกไปจากตัวเมืองยังสามารถมองเห็นแม่น้ำของ หรือ แม่น้ำโขงที่เป็นปราการทางธรรมชาติของเมืองได้เป็นอย่างดีและที่ตรงนี้เองถือได้ว่าเป็นจุดชมวิวที่สวยงามที่สุด

    ในบริเวณวัดพระธาตุจอมกิตติยังปรากฏมีเจดีย์โบราณเก่าแก่อยู่อีกองค์หนึ่งตั้งอยู่ด้านล่างไปไกลจะที่ตั้งของพระธาตุจอมกิตติมากนักคือพระธาตุจอมแจ้ง ด้านหน้าของพระธาตุจอมแจ้งเป็นพระวิหารที่สร้างด้วยศิลปกรรมสมัยใหม่ที่ว่ากันว่าขัดแย้งกับความเก่าแก่ขององค์พระธาตุเจดีย์ ปัจจุบันนี้ปัญหาการบูรณะปฏิสังขรณ์โบราณสถานดูจะเป็นปัญหาเรื้อรัง ที่มักจะถูกหยิบยกขึ้นมากล่าวอ้างอยู่เสมอว่า มิได้เป็นวิธีการอนุรักษ์โบราณสถานอย่างถูกวิธีหากแต่เป็นการปรับปรุงโบราณให้เป็นปัจจุบันสถาน ซึ่งท้ายที่สุดก็คือเป็นการทำลายโบราณสถานอย่างถูกกฏหมายนั่นเอง นอกจากนี้ที่บริเวณแนวกำแพงเมืองเชียงแสนโบราณยังมีการบูรณะโดยการขุดกำแพงเมืองเพื่อเอาอิฐเก่าออกมาแล้วนำมาเรียงซ้อนกันใหม่ให้เป็นแบบสมัยใหม่ จึงเป็นเรื่องที่น่าห่วงอยู่ว่าการบูรณะแบบนี้จะเป็นการทำให้หลักฐานชิ้นสำคัญของประวัติศาสตร์อาจบิดเบือนหรือคาดเคลื่อนไปได้ ซึ่งถ้าหากเราจะทำการศึกษาศิลปะสถาปัตยกรรมแบบล้านนา เราก็คงจะต้องศึกษาจากภาพถ่าย เพราะของจริงจะไม่หลงเหลือให้เราเห็นแล้ว

    ทุกวันนี้เราต้องยอมรับความจริงว่า มีโบราณสถานหลายพันแห่งทั่วประเทศได้รับการบูรณะทั้งที่ถูกต้องและไม่ถูกต้องตามตำนานประวัติศาสตร์ที่ได้กล่าวอ้างถึง ซึ่งเป็นภาระหน้าที่ของกรมศิลปากรที่จะต้องเข้ามาดูแลรักษา การที่กรมศิลปากรได้ประกาศนโยบายให้บริษัทรับเหมาก่อสร้างได้เข้ามาบูรณะปฏิสังขรณ์โบราณสถานนั้น ปรากฏว่ายังไม่มีโบราณสถานแห่งใดที่ได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์อย่างถูกวิธีสักแห่งเดียว ทั้งนี้เพราะเนื่องจากบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่เข้ามารับเหมานั้นไม่ได้เข้าใจและไม่ได้ทำการศึกษาค้นคว้าแหล่งประวัติศาสตร์นั้น ๆ ให้ลึกซึ้งเพียงพอ ยกตัวอย่างเช่นการบูรณะปฏิสังขรณ์ของวัดพระธาตุจอมกิตติซึ่งทางวัดเข้ามาดำเนินการเองและไม่ปรากฏว่ามีนักโบราณคดีเข้ามาควบคุมดูแล โดยเฉพาะการก่อสร้างวิหาร ซุ้มประตูใหม่ที่ขัดแย้งกับความงามขององค์พระธาตุที่มีอายุเก่าแก่หลายร้อยปี

    วัดพระธาตุจอมกิตติ โบราณสถานที่ผู้คนจะต้องขึ้นไปกราบไหว้เมื่อเวลาเดินทางมายังเมืองเชียงแสน นอกจากนี้ในบริเวณวัดยังเป็นจุดชมวิวของตัวเมืองได้สวยงาม ด้วยระยะทางที่ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก ทั้งองค์พระธาตุจอมกิตติยังมีประวัติศาสตร์การก่อสร้างที่น่าสนใจ ด้วยรูปแบบทางศิลปกรรมที่สวยงามวัดพระธาตุนี้จึงยังคงตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ในท่ามกลางจิตใจของศรัทธาชาวเชียงแสนอย่างมิรู้ลืม.

    <!-- / message --><!-- attachments -->
     
  16. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    ยอดเจดีย์ที่หักพังลงมาเมื่อปีที่แล้วจากเหตุแผ่นดินไหว

    [​IMG]

    บริเวณส่วนหน้าของเจดีย์


    [​IMG]
     
  17. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    ปิดทององค์พระธาตุถวายเป็น พุทธบูชา

    [​IMG]
    <!-- / message --><!-- attachments -->
     
  18. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    เตรียมฝัง ลูกแก้วจักรพรรดิ เพื่อถวายเป็น พุทธบูชา และเป็นแหล่งพลังงานแก่ภพภูมิโดยรอบ

    [​IMG]

    ฝังๆๆ


    [​IMG]
     
  19. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    ฝังไว้ 3 ลูก พุทธะ ธัมมะ สังฆะ ฝังไว้หน้ากระถางธูปหน้าองค์พระธาตุครับ

    [​IMG]
     
  20. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    พระธาตุจอมกิตติ...

    [​IMG]

    [​IMG]
    <!-- / message --><!-- attachments -->
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...