มีฝรั่งถามว่า ทําไมประเทศที่นับถือพุทธ ไม่เจริญ ล้าหลัง ยากจน

COPY มาจาก http://www.prajan.com/webboard/webboard.php?rid=1 นะครับ


.............

ได้มีโอกาสไปฟัง พระอาจารย์ พรหม วังโส พระชาวอังกฤษ ท่านเป็นศิษย์รูปหนึ่ง หลวงพ่อชา สุภัทโท เทศน์ที่พุทธสมาคมแห่งโลก วันที่ 28 มกราคม และ ที่ ชาญอิสสระ วันที่ 30 มกราคม 2551



มีผู้สนใจฟังธรรมเป็นจำนวนมาก ทั้งชาวพุทธไทย และ ชาวต่างประเทศ ตอนหนึ่งของการบรรยายที่น่าสนใจ จากผู้ถามเป็นชาวต่างประเทศ ว่า ทำไมถึงประเทศที่นับถือศาสนาพุทธ ล้าหลัง ไม่เจริญ ยากจน ????

ท่านได้กล่าวตอบว่า

 

อนุโมทนาสาธุคะ

เกสรช์ขอฟอร์เวอดต่อเพื่อเป็นธรรมทานนะคะ

ขอบคุณคะ

 

สาาาาา...ธุ



<O</O

 

อนุโมทนาสาธุบุญ<O</O
<O</O
บุญกุศลที่สร้าง<O</O
<O</O
เมื่อสมบูรณ์เต็มเปี่ยม<O</O
<O</O
ก็เปรียบเสมือนผลไม้ที่แก่จัดเต็มที่<O</O
<O</O
พร้อมที่จะทำการเก็บเกี่ยวได้<O</O
<O</O
ซึ่งก็คือมรรคผลที่รอเราอยู่เบื้องบน<O</O​

 

อยากทราบประวัติพ่อที่เป็นชาวต่างประเทศครับ

ว่ามาบวชได้อย่างไร

อนุโมทนา สาธุครับ

 

ควรลดละหลงใหลในวัตถุนิยม และ พวกเครื่องรางของขลัง ซึ่งเป็นอวิชชา ไม่ใช่แนวทางที่หลุดพ้น ซึ่งวัฎสงสาร ดังที่พระพุทธองค์ได้ตรัสสอน อย่าหลงงมงายกับ การปลุกเสก พ่นน้ำหมาก น้ำมนต์ พระเครื่อง เสียเวลาเปล่า ๆ
อนุโมทนาสาธุครับ เห็นจริงตามหลวงพ่อครับ

 

โอวาทสาม

ละชั่วทั้งปวง
สร้างกุศลให้ถึงพร้อม
ทำจิตใจให้ผ่องใส

 

จริง ๆ ถ้าจะให้ดี หลอกชาวบ้านเขาเสียว่า ถ้าได้รับของปลุกเสกไปแล้ว ต้องรักษาศีล ๕ ให้เคร่งครัดห้ามผิดศีลอีก ต่อมาของจะขลังขึ้นไปกว่านี้อีก ถ้าเจริญสมาธิ (ท่องบ่นคาถากำกับวัตถุมงคล)

สุดท้ายของจะศักดิ์สิทธิสุด ๆ ถ้าพิจารณาว่า ร่างกายไม่เที่ยง ร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา

ถ้าพระท่านบอกแบบนี้ ชาวบ้านก็เชื่ออยู่แล้วครับ และ มันเป็นวิธีการสอนที่ฉลาดสุด ๆ เพราะ กว่าชาวบ้านจะรู้ตัวว่า โดน พระท่านสอน วิปัสนาญาณเข้าไปเต็ม ๆ และ สอนอารมย์พิจารณาของพระอรหันต์เข้าให้ เผลอ ๆ ชาวบ้านกลายเป็นพระอรหันต์โดยไม่รู้ตัวเสียแล้ว...:d:d:d

โดยส่วนตัวคิดว่า ขึ้นอยู่กับ กลอุบายในการสอนข้อธรรมมากกว่าครับ สังเกตุดูในพระไตรปิฏก ก็มีเรื่องของ อิทธิปาฏิหารย์อยู่หลายครั้ง เช่น กรณีของ ท่านชฏิล ๓ พี่น้องที่ต่อมาได้บรรลุอรหันต์ ฯลฯ

สังเกตุดูจะพบว่า พระพุทธองค์ ทรงไปโปรดท่านชฏิลเหล่านั้นแบบใด ก็ควรทำตามแบบอย่างที่ดี ที่งามแล้ว ของพระพุทธองค์แบบนั้นครับ เพราะพระพุทธองค์มิได้ทรงสงวนลิขสิทธิ์แต่อย่างใดครับ

จริตของแต่ละบุคคลไม่เหมือนกัน การสอนกรรมฐานก็ควรให้เหมาะกับจริตของแต่ละคน เพราะจะตรงที่สุด ถ้าไม่ถูกจริต ก็สอนลำบาก บรรลุลำบากครับ

 

ประเทศตะวันตกถึงแม้ว่ามีความเจริญ ซึ่งไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาทางสังคม หนำซ้ำยังนำมาซึ่งปัญหาความเสื่อมโทรมทางจิตใจ และ สังคม
อ นุ โ ม ท น า ส า ธุ

 

ถึงความเจริญจะล้าหลัง แต่ใจไม่ล้าหลังตาม ถ้าในใจยังมีศาสนาอยู่

 

อนุโมทนา สาธุ ครับ สดับรับฟังแล้วฝึกจิตเข้าสู่สมาธิกันเถอะครับ

 

อนุโมทนาสาธุค่ะ หมั่นทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์กันนะคะ

 

อนุโมทนาสาธุ พระอาจารย์ พรหม วังโส ท่านกล่าวถูกต้องแล้ว
ผู้นับถือพุทธ และดำรงตนตามคำสั่งสอนของพุทธองค์ มีแต่ความเจริญแน่นอน

 

เห็นต่างกัน
เรื่องของจิตวิญญาณ ปรัชญา
มันเป็นเรื่องของจิตใจ
วัดกันไม่ได้

ดั่ง เศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง อย่างนั้น

พวกตะวันตกคงไม่ทราบว่า
พวกเขาที่มานับถือพุทธ ที่มานั่งสมาธิ ก็มีเยอะแยะแล้ว

 

จิตใจสำคัญกว่าวัตถุ เป็นนายวัตถุ คนเราจะสุข หรือทุกข์ก็อยู่ที่จิตใจ
วัตถุไม่ทำให้คน พบความสุขที่แท้จริง สิ่งที่พุทธศาสนากล่าวมาคิดว่าเป็นความจริง
คนมีปัญญาจึงจะเข้าใจ

 

ชาวตะวันตกมีแต่ความเจริญทางด้านวัตถุเท่านั้น ซึ่งเทียบกันไม่ได้กับจิตใจที่เจริญไปด้วยธรรม และเต็มเปี่ยมไปด้วยศีลอย่างชาวพุทธหรอกนะ...

 

ประเทศตะวันตกที่ร่ำรวยเลยทำให้ลุมหลงเมามั่วอยู่ในกิเลส กับสิงที่ที่เป็นวัตถุภายนอก ส่วนประเทศที่ยากจนอย่างเราดีแล้วยิ่งตามชนบทไม่มีสิ่งที่ยั่วยุมากชาวบ้านกับวัดผูกพันกันมากชาวบ้านอยู่ในศลีในธรรม ทุกอย่างไม่ใช่ของเรามีแต่บุญกะกรรมเท่านั้นเป็นขอเรา อนุโมทนาบุญ

 

อนุโมทนากับธรรมทานของพระอาจารย์ พรหม วังโส ด้วยค่ะ

ส่วนเรื่องความศรัทธาในพระเครื่อง หรือวัตถุนิยมนั้น..
ถือว่าเป็นจริตของแต่ละบุคคล เมื่อมีแล้วหมั่นรักษาศีลและหมั่นระลึก
ถึงพุทธานุสสติ ธัมมานุสสติ สังฆานุสสติ ก็ย่อมกระทำได้

แต่ถ้าลุ่มหลงกันเป็นบ้า เป็นหลัง จนมีการปล่อยจำหน่ายเชิงธุรกิจ
แย่งชิงลูกค้า แสดงความขลังกันแล้วตีเป็นมูลค่าเพิ่มมากมาย เหล่านี้
..ย่อมมิใช่เส้นทางสู่มรรค-ผล โดยแท้
ก็จะเข้าสู่วังวนของปัญหาสังคมตามที่พระอาจาย์กล่าวในที่สุด.

ขอธรรมะคุ้มครองผู้เจริญในธรรม ..สาธุ

 

งูขาว

ทางโลก สิ่งที่มี หา สิ่งที่มี
ทางธรรม สิ่งที่มี หา สิ่งที่ไม่มี......มีก็คือไม่มี......ไม่มีก็คือมี