ใครได้ดู รายการของ ทพ. สม สุจีราบ้าง ?

ทันตแพทย์ สม สุจิรา ตอน 2 [ 13 มิถุนายน 2551] ช่วงที่ 2

<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o> </o>
<o> </o>
สุริวิภา : คุณผู้ชมค่ะ ก่อนที่เราจะข้ามไปเรื่องของเทคนิค เคล็ดลับของความรวยและความสุข ขออนุญาติ คุยเรื่องนี้ค่ะ เพราะว่าเรื่องนี้เนี่ยะ เป็นเรื่องของความคลาสสิค ที่อยู่คู่กับคนไทยมาตลอด นรก สวรรค์ เทวดา นางฟ้า ผี มีคำอธิบายมั้ยค่ะ ว่ามีจริงมั้ย <o></o>
<o> </o>
ทพ. : เรื่องนรกสวรรค์เนี่ยะ ผมได้อธิบายไว้ในหนังสือ “ไอนสไตล์พบพระพุทธเจ้าเห็น” แล้วว่า มันเป็นการเหลี่ยมล้ำกันของ ภพภูมิเท่านั้นเอง คือแสงมันเดินทางไม่เท่ากัน แล้วมันทำให้เกิดภพภูมิซ้อนๆกัน แต่เรื่องที่ควรวิเคราะห์มากที่สุด คือเรื่องของผีมีจริงมั้ย อะไรพวกนี้ คนจะเชื่อเรื่องผีมาก นะครับ ถ้าผีในความหมายของวิญญาณคนตายกลับมานะ เช่นแม่นาคพระโขนงอย่างเนี่ยะ ฟันธงได้เลยว่าไม่มีจริง ไม่มีเพราะว่า คนเราเนี่ยะ เวลาเสียชีวิต พอเกิดจุติจิตปุ๊บมันจะเกิดปฏิสนธิจิตต่อทันทีเลย ข้อนึง อีกข้อนึง ความทรงจำในสมองทั้งหมดเนี่ยะ มันจะหายไปตั้งแต่เสียชีวิต เพราะฉะนั้น คนที่เสียชีวิตไปแล้วจะกลับมาจำได้อีกว่าสามีคนไหน บ้านอยู่ไหนเนี่ยะ มันเป็นไปไม่ได้ ไม่ต้องถึงขนาดเสียชีวิตแค่อัลไซด์เมอร์ ก็จำบ้านไม่ได้แล้ว จำลูกหลานตัวเองไม่ได้ เพราะฉะนั้นเรื่องของสมองตัดทิ้งไปได้เลย ถ้าเราจะเห็นผีกลับมาแสดงว่าสมองคิดไปเอง ความทรงจำนั้น <o></o>
<o> </o>
สุริวิภา : คนที่มีชีวิตอยู่นี่แหละเป็นคนคิดกลับมาเอง <o></o>
<o> </o>
ทพ. : เราเห็นเรามีเพื่อนเป็นมิสทิฟฟานี่ สวยมาก แต่เรารู้ว่าเค้าเสริมดั้ง เสริมอกเสริมคาง หมดซีลีโคนทั้งตัว<o></o>
<o> </o>
สุริวิภา : สวยด้วยแพทย์<o></o>
<o> </o>
ทพ. : ถามว่าถ้าเค้าเสียชีวิตไป เผาเรียบร้อยละ แล้วถ้าอยู่ๆเรามีความรู้สึกว่าเค้ากลับมาหาเราเนี่ยะ เราจะเห็นเค้าในรูปร่างไหน มาแบบก่อนเสริมมั้ย ดั้งยุบแบนมาเลยรึเปล่า ซึ่งจริงๆไม่ใช่ เราจะเห็น เค้ากลับมาในรูปของคนที่สวยงาม จริงมั้ย จริงๆแล้วเค้ากลับมาซิลิโคนมันไม่มีชีวิต วิญญาณอยู่แล้ว คือถ้าเผาไปเนี่ยะ ซิลิโคนหายก่อนครับ ถ้าจะมีวิญณาณอยู่ในเซลล์ต้องกลับมาในรูปของ ร่างเดิม ถ้าเราเห็นเค้ากลับมาในรูปร่างที่สวยงามแสดงว่า จิตเราคิดไปเองครับ <o></o>
<o> </o>
สุริวิภา : ถ้าเป็นผีจริงๆกลับมาในรูปร่างเดิมต้องมาแบบแมน<o></o>
<o></o>
ทพ. : ต้องมาแบบก่อนเสริม ใช่ เพราะซิลิโคนไม่มีวิญณาณ<o></o>
<o> </o>
สุริวิภา : ต้องมาแบบสมชาย อุ้ย..แต่เดี๋ยวค่ะคุณหมอ ซิลิโคนเค้ามีรุ่นเผาไม่ไหม้ ด้วยนะค่ะ <o></o>
<o> </o>
ทพ. : ใช่ แต่มันไม่มีชีวิตไง <o></o>
<o> </o>
สุริวิภา : อ้าว..แล้วประเภทที่เห็นเหมือนๆกันละค่ะ เห็นคล้ายๆกับแบบที่คนนี้เห็น คนนั้นเห็น เห็นกันทั้งหมู่บ้านอย่างงี้<o></o>
<o> </o>
ทพ. : ข้อนึงเป็นเรื่องเล่า ข้อสองเป็นอุปทานหมู่ คือเรื่องเล่าก็คืออีกคนนึงเห็นอีกคนนึงก็เล่า ก็เล่ามาเป็นทอดๆ ยิ่งเล่าคนยิ่งตื่นเต้น เอาละ ฉันเล่ากันบ้างละ อะไรอย่างนี้ครับ ข้อสองอุปทานหมู่ก็คือ คนเห็นจานบินหนะครับ บางทีก็มี พอมองคนนึงเห็น อุ้ย..ฉันเห็น คือบางทีมันอาจจะเป็นเงาอะไรซักอย่าง ก็ได้ทีๆไม่ใช่ แต่ตีความกันว่าเป็นอย่างงั้น เพราะฉะนั้นมันเป็นเรื่องของจิตสร้างสรรค์ <o></o>
<o> </o>
สุริวิภา : คุณหมอพูดแบบนี้ หลายคนที่กลัวผีคงจะสบายใจขึ้น แล้วอย่างในห้องทนลองละค่ะอาจารย์ ที่เปิดห้องเปิดห้องไว้อันนึง แล้วมีการทดลองในความมืด หรือในแสงหรืออะไรก็ตามเนี่ยะ อันนั้นเค้าเรียกว่าเป็นอะไร พลังงานจิต <o></o>
<o> </o>
ทพ. : แต่ก่อนผมสนใจเรื่องนี้มากเลยนะ ตั้งแต่เรื่องระลึกชาติ วิญณานกลับมาสิงร่างอะไรอย่างนี้นะซึ่ง ผมก็ไปอ่านงานวิจัยของต่างประเทศ ที่มีนักวิทยาศาสตร์วิจัยหลายเรื่อง ไม่ใช่เรื่องนี้เรื่องเดียว เรื่องพลังจิตเรื่องอะไรทั้งหลายแหล่นะ ฌาณวิเศษ เรื่องระลึกชาติอะไรทั้งหลายเนี่ยะ ที่ทดลองเริ่มมาจากความไม่เชื่อเนี่ยะ เค้าสามารถพิสูจน์ออกมาได้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างเนี่ยะ มันไม่ใช่ปาฏิหารย์ ซึ่งอย่างที่ไทเกอร์วูดบอก อธิบายในหนังสือเดอะท็อปซีเคร็ด ไทเกอร์วูดบอกว่าก่อนตีลูกกอฟล์เนี่ยะ ผมเห็นลูกกอร์ฟลงหลุมไปตั้งแต่ก่อนตีแล้ว คือนักข่าวไปถามเค้าลูกบางลูกมันปาฏิหารย์มากเลย เค้าบอกว่า ผมสร้างความรู้สึกว่าลูกมันลงไปแล้ว แล้วผมค่อยตีออกไป แล้วแรงดึงดูดมันจะดึงไปถึงจุดนั้นเอง ซึ่งเค้าพยายามอธิบาย แต่ผมอธิบายในทางสมองว่าเค้าใช้สมองซีกขวา ซึ่งสมองซีกขวามันจะคำนวนทุกอย่างโดยอัตโนมัติ<o></o>
<o> </o>
สุริวิภา : มันเป็นความรู้สึก<o></o>
<o> </o>
ทพ. : มันจะคำนวนว่าจะต้องตีด้วย แรงเท่านี้ มุมนี้นะ ซึ่งถ้าคิดในเชิงตัดกาสาทมันทำไม่ได้เดี๋ยวนั้นนะ แต่ทีนี้คนที่จะสามารถใช้สมองซีกขวาได้เนี่ยะ เค้าจะทำได้โดยอัตโนมัติ แล้วเค้าจะอธิบายไม่ได้ด้วยว่าเพราะอะไร แต่มันคำนวนได้เปะขนาดเนี่ยะ ซึ่งมันไม่น่าเป็นไปได้ เค้าบอกเค้าบิ้วความรู้สึกก่อน ว่ามันวิ่งไปแล้วลงวู๊บ แล้วพอเค้าตีปุ๊บมันเหมือนกับในรูปของความรู้สึก<o></o>
<o> </o>
สุริวิภา : เพราะฉะนั้นในเรื่องของความสุข ความรวย เราสามารถกำหนดได้ เหมือนที่ความรู้สึกที่ไทเกอร์วูดกำหนดได้มั้ยค่ะ<o></o>
<o> </o>
ทพ. : ได้ คือถ้าความรู้สึกเราเชื่อว่าจะรวยนะ ถึงจุดนึง เออ..ในเดอะซีเคร็ดบอกว่า ขอ เชื่อ รับ ต้องเชื่อก่อน แต่ไม่ใช่อยากนะ คือถ้าเราอยากเนี่ยะ แสดงว่าเรายังไม่เห็นภาพของความสำเร็จ คือว่าถ้าคนที่เชื่อว่าจะทำได้เนี่ยะ เค้าจะไม่อยาก อย่างเช่นคุณหนูแหม่ม สมมุติมีคนบอกคุณหนูแหม่มว่า พรุ่งนี้ต้องไปขึ้นเวทีคอนเสริต์ที่ มีคนดูซักแสนคนนะ คุณหนูแหม่มจะเชื่อว่าทำได้จริงมะ ภาพออกมาชัดเลย ฉันขึ้นไปยืนบนเวทีนะ โอ้..โหพูดอย่างนี้นะอย่างนี้นะ คือเชื่อว่าทำได้ เพราะฉะนั้นใครที่ยังอยากอยู่เนี่ยะ แสดงว่าจิตลึกๆยังไม่เชื่อ <o></o>
<o> </o>
สุริวิภา : ข้ามไปที่ความเชื่อเลย ลบความอยาก<o></o>
<o> </o>
ทพ. : ตราบใดที่ยังอยากอยู่แสดงว่ายังไม่เชื่อ เพราะฉะนั้นถ้าเค้าไปทำอย่างนั้นเค้าจะล้มเหลว นักกีฬาที่แข่งด้วยความอยากชนะจะแพ้ แต่ถ้านักกีฬาที่แข่งด้วยความเชื่อว่าจะชนะ จะชนะ เพราะภาพแห่งความสำเร็จมันมาก่อนแล้วไง คือคนที่เชื่อเนี่ยะ ภาพมันชัดละ บางทีความเชื่อมันจะมาจากประสบการณ์ อย่างที่ผมบอกคุณหนูแหม่ม เวทีเค้าเชื่อว่าทำได้ เพราะว่าเรามีประสบการณ์เยอะ ในทางตรงกันข้าม คนที่ไม่เคยขึ้นเวทีก็จะ อุ้ย..อยู่ๆมาขึ้นเวทีมีคนดูแสนคน เค้าจะอยากทำได้ใช่มะ แต่เค้าจะไม่เชื่อว่าทำได้ คือวันนั้นเค้าจะ อู้หูตื่นเต้นมากเลย ฉันอยากทำได้ขนาดนี้ไม่รู้ว่าจะทำได้รึเปล่าอะไรอย่างนี้ <o></o>
<o> </o>
สุริวิภา : บางทีไอ้ภาพความเชื่อนั้นมันก็อาจจะเลือนๆไปนะ<o></o>
<o></o>
ทพ. : คือประสบการณ์ไม่มี เพราะฉะนั้นถ้าเราอยากจะประสบความสำเร็จในชีวิตเนี่ยะ วิธีการสร้างความรู้สึก ภาพแห่งความสำเร็จส่วนหนึ่งคือ หาประสบการณ์ และพยายามเก็บความรู้สึกนั้นให้เยอะที่สุด แล้วมันจะเข้ามาในตัวเราเองครับ แต่อย่าลืมเรื่องความเพียร วิริยะ สำคัญมาก บางทีกรรมเก่าเราเยอะ ภาพแห่งความสำเร็จมาแล้วมันทำแล้วมันล้มเหลว แล้วเราขาดความเพียรไง มันก็จะไม่สำเร็จนะ แม้แต่เจเคโลว์ลิ่ง ที่ดังมากเขียนแฮร์รี่พ็อตเตอร์ ตอนที่เค้าเขียนแฮร์รี่พ็อตเตอร์ใหม่ๆที่ยังไม่มีชื่อเสียงเค้าไปเสนอเรื่องนี้ให้กับสำนักพิมพ์ <o></o>
<o> </o>
สุริวิภา : ไม่มีใครเอา<o></o>
<o> </o>
ทพ. : ไม่ใช่สำนักพิมพ์เดียวนะ 6สำนักพิมพ์นะ เสนอไปแล้วเด้งกลับ6สำนักพิมพ์<o></o>
<o> </o>
สุริวิภา : ที่ทิ้งของเค้า<o></o>
<o> </o>
ทพ. : จนสำนักพิมพ์ที่7เห็นใจ พิมพ์ด้วยความสงสาร เพราะตอนนั้นไม่มีใครเชื่อว่าหนังสือแม่มดจะขายออก เพราะไฮเทคโนโลยีมันไม่มีใครเชื่อ เรื่องแม่มดอีกต่อไปแล้ว กลับกลายเป็นว่า ทุกวันนี้เจเคโลลิ่งเป็น สตรีที่รวยที่สุดในอังกฤษ<o></o>
<o> </o>
สุริวิภา : นักเขียนที่ขายดีที่สุด<o></o>
<o> </o>
ทพ. : รวยมากใช่ เพราะความพยายาม ส่วนนึงมาจากภาพแห่งความสำเร็จด้วย เค้าบอกว่ามันชัดมาก เด็กๆต้องคลั่งไคล้เรื่องนี้ เค้าเลยมีความพยายามไง คือถ้าภาพแห่งความสำเร็จไม่ชัดเนี่ยะ มันจะไม่เกิดแรงบันดาลใจ ความพยายามเราก็จะลดลง <o></o>
<o> </o>
สุริวิภา : ถ้าเป็นเรื่องของการอธิฐานละค่ะคุณหมอ <o></o>
<o> </o>
ทพ. : อธิฐานให้อธิฐานเป็นภาพครับ คนเราไม่รู้ความลับแห่งภาพของความสำเร็จ ก็คือว่าต้องไปอธิฐาน บางคนไปอธิฐานกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อเป็นกุศโลบาย ในการสร้างภาพ ยิ่งศักดิ์สิทธิ์มากเราจะเชื่อว่า สามารถทำให้เราสำเร็จได้ <o></o>
<o> </o>
สุริวิภา : ยิ่งเชื่อและศรัทธา ภาพมันจะยิ่งชัด <o></o>
<o> </o>
ทพ. : ครับ จริงๆเป็นปฏิหารย์จากจิตใต้สำนึกของตัวเอง ชาวจีนรู้ความลับนี้จึงแยกเทพเจ้าออกเป็นส่วนๆ ฮก ลก ซิ่ว ใครอยากสุขภาพดีไปอธิฐานกับองค์นี้ ใครอยากร่ำรวยก็ไปอธิฐานกับองค์นี้ เพื่อให้ภาพมันชัดขึ้นไง คือถ้าเป็นเทพเจ้าองค์เดียวอธิฐานรวมกันอาจจะไม่ค่อยชัด แยกเป็นเทพเจ้าสเปเชี่ยลลิสไปเลย คือชำนาญเฉพาะทางไปเลย <o></o>
<o> </o>
สุริวิภา : เพราะฉะนั้นอันนี้เป็นเรื่องของความลับจริงๆนะค่ะ คุณผู้ชม ต้องบอกว่าท็อปซีเคร็ด <o></o>
<o></o>
ทพ. : คือคนเราส่วนใหญ่จะอธิฐานเป็นคำไง ไม่นึกภาพ ให้ศักดิ์สิทธิ์แค่ไหน ต่อให้ร้อยคนอธิฐานจะมีแค่สิบคนที่อธิฐานเห็นภาพ แต่เค้าก็ไม่รู้ความลับนี้นะ เผอิญเค้าอธิฐานเป็นภาพ แล้วเค้าประสบความสำเร็จแล้วเค้าก็ไปคุยต่อ อุ้ย..ที่นี่ศักดิ์สิทธิ์มาก คนก็มาอธิฐานต่ออะไรอย่างนี้ <o></o>
สุริวิภา : รวมทั้งเรื่องปราถนาในเรื่องของความสุขด้วยมั้ยค่ะ <o></o>
<o> </o>
ทพ. : เรื่องของความสุขด้วยเช่น ความสุขในครอบครัวอย่างเนี่ยะเราสามารถอธิฐานได้ แต่ขอให้เชื่อด้วยนะ ไม่ใช่ว่าอยากนะ ซึ่งมันยากมากระหว่างอยากกับเชื่อ มีคนถามผม แหม..ไม่ให้อยากรวยแล้วจะรวยได้อย่างไร อะไรอย่างเงี่ยะ จริงๆต้องตัดให้ได้ครับ <o></o>
<o> </o>
สุริวิภา : สุดท้ายในตัวคุณหมอเองในอนาคตยังอยากทำอะไรอีกบ้างค่ะ เพราะว่าเป็นหมอฟันก็ยังเป็นอยู่ เป็นนักเขียนก็กำลังทำอยู่ รวมทั้งออกไปบรรยายอีกนะค่ะคุณหมอ อนาคตยังอยากทำอะไรอีก<o></o>
<o> </o>
ทพ. : ส่วนนึงคือตอนที่ผมเรียนหนังสือนะครับ ที่รร.เตรียมอุดม ผมเรียนเป็นภาพ คือผมไม่ได้จำสูตรอะไรเลยนะ ฟิสิกนี่ผมจำเป็นภาพนะ แล้วเวลาทำข้อสอบสูตรมันออกมาจากภาพนะ คือมันจะเข้าใจครับ เวลาทำออกมามันจะทำได้ทุกข้อเลย เพราะฉะนั้นผมอยากจะสอนเทคนิคการเรียนให้กับนักเรียนครับ ความฝันของผมคืออยากจะถ่ายทอดวิธีการเรียน จะเริ่มจากฟิสิกเป็นวิชาแรกเพราะว่า ผมจะอธิบายเป็นภาพของความรู้สึก แล้วก็ให้นักเรียนเข้าใจฟิลิกด้วยความรู้สึก ไม่ใช่ด้วยความจำ คือไม่ต้องจำสูตรเลย คือถ้ายิ่งเก่งวิทยาศาสตร์ประเทศเราก็ยิ่งเจริญ แต่ทีนี่เนี่ยะ คะแนนสอบเข้าฟิสิกเนี่ยะ มันเฉลี่ยะประมาณ 30 เต็มร้อย น้อยมากแสดงว่านักเรียนไทยไม่เข้าใจเยอะ <o></o>
<o> </o>
สุริวิภา : แต่ทีนี้ค่ะคุณหมอ นะปัจจุบันเนี่ยะ คนก็กำลังที่อยากจะเรียนเก่ง เป็นที่หนึ่งเพราะฉะนั้นเนี่ยะ ในเรื่องของวิทยาศาสตร์ ในเรื่องของการแข่งขัน จริงๆแล้วเนี่ยะทุกครอบครัวควรจะสอดแทรกในเรื่องของพุทธะศาสนาเข้าไปใน คือสอดแทรกในสิ่งที่เค้าอยากจะให้ลูกเค้าเป็นมั้ยค่ะ เพราะว่าตอนนี้ในสังคมมันแข่งขันกันเยอะเหลือเกิน จนทำให้บางทีเราลืมในเรื่องของธรรมะไป <o></o>
<o> </o>
ทพ. : ใช่ คือจริงๆการค้นพบของพระพุทธเจ้าเนี่ยะ สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในทางโลกได้เยอะนะ อย่างในเรื่องของอิทธิบาท4ที่ผมบอก ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา<o></o>
สำคัญนะคือ บางคนไม่รู้เทคนิคของการเลี้ยงลูกไง ไปบอกให้ลูกคิดลบตลอด อย่าสอบตกนะ ถ้าสอบตกจะโดนทำโทษนะ ให้เปลี่ยนเป็นว่าถ้าลูกสอบได้ลูกจะมีรางวัลนะ คือภาพแห่งความสำเร็จจะมา ถ้าเราบอกว่าถ้าลูกสอบได้นะลูกจะได้รางวัล ภาพของความสำเร็จจะมา แต่ถ้าบอกว่าถ้าลูกสอบตกลูกจะโดนทำโทษนะ จิตเค้าจะไปเน้นแต่คำว่าสอบตกไง <o></o>
<o> </o>
สุริวิภา : เลยตกเลย<o></o>
<o> </o>
ทพ. : ใช่ คือการให้รางวัลดีกว่าการทำโทษ หรือว่าลูกกลับบ้านดึกเนี่ยะ บอกว่าลูกอย่ากลับดึกนะให้เปลี่ยนเป็นว่ากลับเร็วๆนะ <o></o>
<o> </o>
สุริวิภา : กลับเร็วกว่าที่เคยกลับหน่อยมั้ย<o></o>
<o> </o>
ทพ. : เออ...นั้นแหละ ดีกว่าครับ คือการเลี้ยงลูกก็ขึ้นอยู่กับวจีกรรมด้วย คือรู้จักพูดนะครับ ต้องเน้นที่วิริยะนะ คือบางทีเค้าล้มเหลวในชีวิตเนี่ยะนะ แล้วเค้าพยายามแล้วเนี่ยะ ให้ชื่นชมในความพยายามของเค้าครับ เพราะชีวิตคนเรามันล้มได้เป็นพันครั้งครับ ไม่เป็นไรบอกลูกไม่เป็นไร แต่ลูกพยายามดีมากเลยเยี่ยมเลย ความพยายามนั้นพอฝังในจิตเค้าเนี่ยะ จะเป็นอาวุธที่สำคัญมากในการที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต <o></o>
<o> </o>
สุริวิภา : มันเป็นความเชื่อที่เราอยู่ในความรู้สึก<o></o>
<o> </o>
ทพ. : พอเราเชื่อเนี่ยะ ความเชื่อมันจะไปเหนี่ยวนำให้ลูกเชื่อเช่นนั้นเหมือนกัน <o></o>
<o> </o>
<o></o>
สุริวิภา : เพราะฉะนั้นมันเชื่อโยงกัน<o></o>
<o> </o>
ทพ. : มันเชื่อมโยง<o></o>
<o> </o>
สุริวิภา : เหมือนกับสิ่งที่เราคุยกับคุณหมอทั้งสองศุกร์นะค่ะ ไม่ว่าจะเป็นวิทยาศาสตร์ จิตวิทยา หรือแม้แต่ ธรรมะ เป็นสิ่งที่เชื่อมโยงกัน เราสามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้จริงๆ ขอบคุณกับแง่คิด ที่ดีแล้วก็เป็นประโยชน์ต้องบอกว่าเป็นประโยชน์ทั้ง ผู้ดำเนินรายการ รวมทั้งคุณผู้ชมเองนะค่ะ ต้องบอกก่อนเลยว่าบางเรื่อง คุณผู้ชมยังไม่จำเป็นต้องเชื่อเลยก็ได้ เพราะว่าเรื่องราวทั้งหมดจากหนังสือนี้ เกิดจากความไม่เชื่อของคุณหมอค่ะ แล้วได้มีการค้นคว้า พิสูจน์แล้วนำข้อมุลนั้นเนี่ยะ มาเขียนลงในหนังสือ ไม่ว่าคุณผู้ชมจะหาข้อมูลหรือพิสูจน์ยังไงก็ตาม ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องอยุ่บนความสุขด้วย วันนี้ต้องขอขอบคุณ ทพ.<?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-comffice:smarttags" /><st1ersonName w:st="on" ProductID="สม สุจิราค่ะ">สม สุจิราค่ะ</st1ersonName><o></o>
<o></o>

 

หมอบอกผีแม่นาคไม่มี..ตายแล้วจำไม่ได้..แล้วคนที่ระลึกชาติได้หมายความว่าไงอ่ะครับ

 

รู้น้อยว่ามากรู้ เริงใจ
กลกบเกิดอยู่ใน สระจ้อย
ไป่เห็นชเลไกล กลางสมุทร
ชมว่าน้ำบ่อน้อย มากล้ำลึกเหลือ

 

คุณทันตแพทย์สม สุจีรา ครับ ขอให้ท่านหันไปหา หนังสือ กฏแห่งกรรม ของ ท่าน ท.เลียงพิบูลย์ อ่านบ้างนะครับ อาจทำให้หูตาสว่างขึ้น

รู้น้อยว่ามากรู้ เริงใจ
กลกบเกิดอยู่ใน สระจ้อย
ไป่เห็นชเลไกล กลางสมุทร
ชมว่าน้ำบ่อน้อย มากล้ำลึกเหลือ

 

ชอบครับ

 

ทพ. : แต่ก่อนผมสนใจเรื่องนี้มากเลยนะ ตั้งแต่เรื่องระลึกชาติ วิญณานกลับมาสิงร่างอะไรอย่างนี้นะซึ่ง ผมก็ไปอ่านงานวิจัยของต่างประเทศ ที่มีนักวิทยาศาสตร์วิจัยหลายเรื่อง ไม่ใช่เรื่องนี้เรื่องเดียว เรื่องพลังจิตเรื่องอะไรทั้งหลายแหล่นะ ฌาณวิเศษ เรื่องระลึกชาติอะไรทั้งหลายเนี่ยะ ที่ทดลองเริ่มมาจากความไม่เชื่อเนี่ยะ เค้าสามารถพิสูจน์ออกมาได้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างเนี่ยะ มันไม่ใช่ปาฏิหารย์ ซึ่งอย่างที่ไทเกอร์วูดบอก อธิบายในหนังสือเดอะท็อปซีเคร็ด ไทเกอร์วูดบอกว่าก่อนตีลูกกอฟล์เนี่ยะ ผมเห็นลูกกอร์ฟลงหลุมไปตั้งแต่ก่อนตีแล้ว คือนักข่าวไปถามเค้าลูกบางลูกมันปาฏิหารย์มากเลย เค้าบอกว่า ผมสร้างความรู้สึกว่าลูกมันลงไปแล้ว แล้วผมค่อยตีออกไป แล้วแรงดึงดูดมันจะดึงไปถึงจุดนั้นเอง ซึ่งเค้าพยายามอธิบาย แต่ผมอธิบายในทางสมองว่าเค้าใช้สมองซีกขวา ซึ่งสมองซีกขวามันจะคำนวนทุกอย่างโดยอัตโนมัติ<O></O>

จากข้อความนี้นะครับ ผมขอย้อนถามว่า ถ้าไอ้ไทเกอร์ วูด ลูกครึ่งไทยนี่(แต่ไม่เคยสำนึกว่าตัวเองมีเชื้อชาติไทยเลยเนี่ย)สมมุตินะครับว่าไทเกอร์ วูด ไม่เคยเล่นกอล์ฟมาก่อน แล้วอยู่ดีๆวันหนึ่งต้องมาแข่งขันแกรนแสลมป์ระดับโลก(สมมุตินะครับ)แล้วเขาใช้ความคิดแบบที่ ทพ. บอกนี่ เขา จะได้ไปถึงแชมป์โลกได้ไหมครับ ถ้าเป็น อย่างที่ ทพ. บอกจริงเขาก็น่าจะได้ แล้วคู่แข่งขันทุกคนทำเหมือน ทพ.บอก ก็คงได้แชมป์ ทุกคน ขอบอกคุณหมอครับทุกอย่างเกิดจากการซ้อมครับบวกพรสวรรค์ด้วย ไทเกอร์วูด อยู่กับไม้กอล์ฟและลูกกอล์ฟวันละกี่ชั่วโมงคนหมอรู้ไหม ไม่ใช่อยู่ดีๆจะมาตีได้ดีโดยไม่เคยจับมาก่อนไม่ใช่เด็กทารกดูดนมแม่เกิดมาแล้วดูดเป็นเลย ที่มันพูดในหนังสือซีเครทอะไรนั่นน่ะเพราะมันน่ะตีเก่งอยู่แล้วคนมันทำได้ พูดอะไรก็ถูกหมดแหละครับ ส่วนเรื่องระลึกชาติได้หรือไม่ได้นั้นคงต้องกลับไปหาหนังสือ กฏแห่งกรรม ของ ท่าน ท.เลียงพิบูลย์ อ่านนะครับ

 

อย่างที่ไทเกอร์วูดบอก อธิบายในหนังสือเดอะท็อปซีเคร็ด ไทเกอร์วูดบอกว่าก่อนตีลูกกอฟล์เนี่ยะ ผมเห็นลูกกอร์ฟลงหลุมไปตั้งแต่ก่อนตีแล้ว คือนักข่าวไปถามเค้าลูกบางลูกมันปาฏิหารย์มากเลย เค้าบอกว่า ผมสร้างความรู้สึกว่าลูกมันลงไปแล้ว แล้วผมค่อยตีออกไป แล้วแรงดึงดูดมันจะดึงไปถึงจุดนั้นเอง ซึ่งเค้าพยายามอธิบาย แต่ผมอธิบายในทางสมองว่าเค้าใช้สมองซีกขวา ซึ่งสมองซีกขวามันจะคำนวนทุกอย่างโดยอัตโนมัติ<O></O>

จากข้อความนี้
แล้วให้มันตีอีกทีมันจะลงหลุมไหม ให้มันใช้สมองซีกขวาคิดแบบเดียวกับ ที่คุณหมอฟันบอกอ่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า กรูขำว่ะ

 

คน นี้ สิ เจ๋ง จริง

เก่ง กว่า ทุก คน ใน เว็บ นี้ เลย ครับ

เก่งๆ

 

อนุโมทนาสาธุ กับกระทู้ดีดี

นานาจิตตัง

จงเชื่อในสิ่งที่เห็น

เรามาร่วมปฎิบัติธรรม รักษาศีล ภาวนา กันดีกว่า

 

เห็นออกรายการทางช่อง3ครับมาตอนเช้ามืด

 

ทพ.สม คือบุคคลที่ทำให้ผมหันมาสนใจเรื่องธรรมะ จากการอ่านหนังสือเล่มแรกที่คุณหมอเขียน
"ไอน์สไตน์พบ พระพุธเจ้าเห็น"
ทำให้ผมพบทางบางสายที่พระพุทธเจ้าเคยตรัสไว้เมื่อ 2500 ปีก่อน และคุณหมอเปนคนทำให้ผมตาสว่างในหลายๆเรื่อง
ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยสนใจเรื่องธรรมะเลย(แม้แต่นิดเดียว) ตั้งแต่ได้อ่านหนังสือของคุณหมอ ผมคิดได้ในหลายๆเรื่อง

ขอขอบคุณคุณหมอมากๆครับ

ปล.ถ้ามีโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิตนี้ อยากพูดคุยกับคุณหมอมากๆครับ

 

เชื่อเหมือนกัน ถ้าใครได้ปฏิบัติจริง ๆ จะรู้คำตอบเอง

 

เรียนคุณ พสพัธ
ผมได้ดูรายการในวันนั้น มีคนถามว่าผีมีจริงหรือ คุณหมอก็ตอบโดยมีคำว่าในทำนองว่า คิดไปเอง แสดงให้เห็นว่าคุณหมอยังไม่เคยเห็นผี ต่างจาก ดร.สนอง วรอุไร ที่ท่านยืนยันว่าผีมีจริง เพราะท่านเห็น (และสอนให้ฝึกกสิณแสงสว่าง)
ส่วนที่อ้างหลวงพ่อฤๅษีลิงดำนั้นไม่ได้กล่าวอ้างลอยๆ เพิ่งใด้ฟังจากในซีดี ไม่แน่ใจว่าวิชชาสามหรือเรื่องการแก้อารมณ์ฟุ้ง และต้องขออภัย เนื่องจากผมไม่มีเจตนากล่าวอ้างคำครูบาอาจารย์ลอยๆกับโจมตีคุณหมอ

 

เจตนาคุณหมอดีนะครับ ผมว่า

 

เห็นด้วยในหลายๆเรื่องที่คุณหมอพูด ที่ไม่เห็นด้วยก็มี จึงเสนอแนะให้เรียนจากผู้รู้จากการปฏิบัติเพราะท่านรู้จริง แต่ละเรื่องที่พูดสอดคล้องไปในทางเดียวกันหมด
เรียน คุณ smutux
การอธิษฐานจิตคืออะไร
ไทเกอร์วูด คงจะใช้วิธีการที่ว่านี้ เพียงแต่ฌานของเขายังไม่มั่นคง จึงอาจไม่สามารถทำได้เหมือนกันทุกๆครั้งหนะครับ

 

ผมเองก็อ่านหนังสือของ ทพ.สมสุจิรา มาหลายเล่ม เเละเจริญวิปัสสนาตามเเนวทางของท่านภัททันตะ,อ.เเนบ,ดร.สิริ กรินชัย


บางเรื่องก็เห็นด้วย บางเรื่องก็ไม่เห็นด้วย

อย่างเรื่องวิญญาณ ผีเเม่นาค ที่ อ.กล่าว มีบางส่วนผิด คือเรื่องของ โอปปาติกะ นั้นมัน

ละเอียดเเละค่อนข้างซับซ้อน จะพูดว่าผีเเม่นาคไม่มี มันก็ไม่ถูก คือคนเราเวลาตายมันก็มี

กรรมนำไป มีนิมิตอะไรตั้งหลายเเบบ บางคนก็จุติเเล้วเกิดในทันทียังสวรรค์ นรก หรือ ยังคง

อยู่ที่ๆตัวเองตาย หรือที่ๆตวเองยังยึดติดผูกพันอยู่


ลองอ่านเรื่องชีวิตหลังความตาย ของท่าน อ. บุญมี เมธางกูร ท่านอธิบายได้ละเอียดมาก

ครับ ว่า กรรมอะไรนำไปเกิดเป็นอะไร ตายเเล้วไปไหนเพราะอะไร

ในเว็บอภิธรรมมูลนิธิ หมวดหนังสือธรรม

http://www.abhidhamonline.org/


เเต่ก็เข้าใจในจุดประสงค์ที่ต้องการเผยเเพร่พุทธศาสนา เเละต้องการให้คนหันเข้ามาปฏิบัติ

ธรรมกัน อันนี่ผมก็ยกย่องเเละอนุโมทนา..........สาธุครับ

 

เป็น คนเก่ง ที่ เขียน หนังสือ
ยากๆ ให้ อ่าน ง่าย ครับ

 

ผมเองก็เป็นหนึ่งในคนที่รับไม่ได้ถ้าวิทยาศาสตร์ที่ถูกบิดเบือน โดยผู้ไม่รู้จริงถึงแม้ว่าผมจะยังไม่จบระดับบัณษิตศึกษาที่แดมป์แต่ก็พอรู้ว่าอะไรเป็นอะไร

"ไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น"ได้รับการตีพิมพ์หลายครั้งและถูกซื้อไปอ่านโดยผู้ไม่รู้ทั้งที่มันมั่วแบบสุดๆ


ยกตัวอย่างถ้าคุณหาฉบับแรกๆเจอจะพบว่า


1) ตัวอย่างความผิดพลาดที่ตรงไปตรงมา (ซึ่งแก้ไขได้ไม่ยากนัก)
ในกรณีที่เป็นข้อเท็จจริงในเชิงประวัติศาสตร์ (เช่น ใครค้นพบอะไร) หรือแนวคิดพื้นฐานที่มีนิยามชัดเจน ก็มักจะสามารถพบเห็นความคลาดเคลื่อนได้ง่าย ทำให้ชี้แจงและแก้ไขได้ไม่ลำบากนัก เช่น
1-A)

 

ได้ข่าวมาว่าพี่แกจะไปเปิดสอนพิเศษ


มีเปิดสอนกวดวิชาฟิสิกส์นิวตัน เเละหลายๆเรื่อง (แต่ไม่ยักกะมีฟิสิกส์แผนใหม่ของ ม 6 แฮะ)
ขอร้องคุณหมอ อย่าเปิดเลยครับ ดูจากวิธีคิดทางฟิสิกส์ของคุณหมอเเล้ว เป็นบาปแก่ตัวคุณหมออย่างเเรง ที่จะถ่านทอดวิธีคิด concept ผิดๆ ทางฟิสิกส์แก่เยาวชน ผมรู้ว่าการคิดด้วยภาพทางฟิสิกส์มันดีต่อการเรียนรู้แน่นอน เเต่จากหนังสือของคุณหมอ หลายๆภาพรวมไปถึงหลักการ เเละภาษา มันผิดมหันต์
คุณหมอควรจะเปิดอบรมเรื่อง
- การนั่งกรรมฐานขั้นต้น
- เทคนิคการทำสมาธิให้เรียนเก่ง
- การใช้ชีวิตอยู่ในสังคมอย่างมีความสุขตามหลักพุทธเเละหลักจิตวิทยา...
ส่วนคอร์สฟิสิกส์ ให้ผมไปสอนให้ฟรีเลยก็ได้ครับ แต่คุณหมอต้องสอนกรรมฐานผมคืนด้วยนะ ผมจะไปเรียนคนเเรกเลย (พูดจริงนะครับเนี่ย)

ส่วนไอ้หนังสือฟิสิกส์นิวตันนี่ผมก้อมีแต่ขอบอกว่ามั่วๆสุดหากเราไม่แก้ไขละก็วงการฟิสิกส์เละเป็นโจ๊ก เพราะเด็กอ่านเยอะครับส่วนไอ้ที่แกมั่วๆเข้าไป

นอกเสียจากเพิ่มอรรถรสความสนุกในจินตนาการเเละความบันเทิงโดยการผูกเรื่องทางฟิสิกส์ซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจ เข้ากับ ศาสนา (ซึ่งก็คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจเช่นกัน-รวมทั้งผมด้วย) เลยไปกันใหญ่


สิ่งที่กล่าวมาทำให้คนทั่วไปชอบอ่านซีรี่ของคุณหมอแกนี้น่าดู ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น ญาติผู้ใหญ่ผมหลายท่าน ซึ่งมีความรู้สูง เป็นครูอาจารย์ที่เกษียณเเล้วบ้าง ผู้ที่ออกจากงานประจำมาพักผ่อนในช่วงสูงวัยบ้าง มาเเนะนำให้ผมอ่าน เพราะเห็นลูกหลานเรียนฟิสิกส์มา พอผมอ่านปั๊บนี่ โอวว คุณหมอชอบมั่วนิ่มหลายเรื่อง เเต่เราก็ยัง เอาวะ มองจุดดีของแกหน่อย (ตามประสาผม เวลาอ่านหนังสือครับ) ก็เลยสรุปจุดดีมาเป็นเจตนาของแกในการนั่งกรรมฐาน เพื่อฝึกตนน่ะครับ เเต่ไม่อยากให้ไป "พบ" หรือ "เห็น" แบบที่เเกเห็นหรอกนะ เเค่มองว่าจิตใจดี มีสมาธิ ก็น่าจะมีประโยชน์แก่ตัวเราเเละสังคมก็ยังพอรับได้
แต่หากปรากฏการณ์เดียวกันนี้ไปเกิดที่บ้านอื่น ที่มีเด็กๆ หรือผู้ที่ไม่มีวิจาณญาณในการอ่านดีพอ ซึ่งอันตรายนะครับ เพราะผู้ที่ถูกเเนะนำนั้นจะเชื่ออย่างเเรง ด้วยสไตล์การเขียนอย่างฟันธง บวกกับ สิ่งที่เราไม่ค่อยรู้เเละไม่ค่อยกล้าเถียงสองศาสตร์มารวมกัน
แต่อย่างว่าครับ สำนักพิมพ์ หรือ ตัวเเก เองไม่รู้ใครกันเเน่มีอำนาจที่จะหยุดการขายไว้ซักครู่ (แต่ค่าตอบแทนคงสูงน่าดูนะครับ ยอดขายขนาดนี้) เพื่อที่จะเเก้ให้ถูกต้องอย่างก่อน น่าจะเป็นทางออกที่ดีสำหรับตัวเเกเองด้วย ผมว่าคนจะยกย่องแกเยอะเลย
หากปล่อยไปเรื่อยๆ มันก็เหมือนกับว่าเเกไม่ได้ทำตามหนังสือที่แกเขียนสอนคนอื่นน่ะครับ
สร้างกรรมเพิ่ม อิอิ

 

ทพ.สม เคยคุยถึงเรื่องวิวาทะ ท่านพุทธทาสกับ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ มั๊ยครับ