ผู้ว่าเมืองกาญจน์ยันวัดหลวงตามหาบัวไม่ได้ทารุณเสือ

ผู้ว่าเมืองกาญจน์ยันวัด'หลวงตามหาบัว'ไม่ได้ทารุณ'เสือ

ผู้ว่าเมืองกาญจน์ยันวัด 'หลวงตามหาบัว' ไม่ได้ทารุณ 'เสือ'เชื่อถูกโจมตีชี้วัดดูแลดีกว่าภาครัฐ

​

ผู้ว่าฯ เมืองกาญจน์ยันวัดหลวงตามหาบัวไม่ได้ทารุณเสือ แต่เอาใจใส่อย่างดี เผยไม่เคยมีประวัติสัตว์ทำร้ายนักท่องเที่ยว เชื่อผู้ไม่หวังดีปล่อยข่าวโจมตี จนท.คุยเลี้ยงดีกว่าภาครัฐ


นายอำนาจ ผการัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยถึงกรณีที่องค์กรอนุรักษ์ธรรมชาติจากประเทศสหราชอาณาจักร (CWI) ออกมาระบุถึงการเลี้ยงเสือของวัดป่าหลวงตามหาบัวญาณสัมปีนโน ระบุมีความโหดร้ายทารุณและทำให้ผู้มาเที่ยวเสี่ยงต่ออันตราย ทั้งกล่าวหาว่ามีการลักลอบค้าเสือที่ผิดกฎหมาย ว่า หลังจากได้เข้าไปดูในวัด เห็นว่าไม่ได้ทารุณเสือตามที่เป็นข่าว แต่ในทางกลับกันได้มีการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี รวมทั้งอาหาร ส่วนกรณีที่ระบุว่า เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายต่อนักท่องเที่ยวนั้น เราจะบอกว่าไม่มีความเสี่ยงเลยก็เป็นไปไม่ได้

เพราะสัตว์ก็มีสัญชาตญาณของมันเหมือนกัน แต่ขอชี้แจงว่า ตั้งแต่เปิดบริการให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชม ก็ไม่เคยมีประวัติว่าเสือทำร้ายนักท่องเที่ยวแต่อย่างใด สำหรับเรื่องของการเพาะเพื่อการค้านั้น ตนขอยืนยันว่าไม่มีการค้าเสือเกิดขึ้นอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามมองว่ากรณีที่เกิดขึ้นเป็นการให้ข้อมูลโจมตี เพื่อประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งก็เป็นได้

​

ด้านนายถิน พิสูจน์ หัวหน้าสายตรวจด้านสัตว์ป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่3 (บ้านโป่ง) ดูแลพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี และจังหวัดนครปฐม เปิดเผยว่า ปัจจุบันวัดป่าหลวงตามหาบัวมีเสือที่เลี้ยงไว้มากกว่า 15 ตัว ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคอกหนึ่งจะได้ลูกเสือประมาณ 4-5 ตัว แต่เนื่องจากสัญชาตญาณของเสือที่อาศัยอยู่ในป่าจะกินลูกของมันเอง ดังนั้นส่วนใหญ่ก็จะเหลือลูกเสือรอดชีวิตเพียงตัวเดียวเท่านั้น แต่เสือที่ทางวัดเลี้ยงได้มีสัตวแพทย์เข้ามาดูแลอย่างใกล้ชิด จึงทำให้ลูกเสือเหล่านั้นรอดชีวิตจากแม่ของมัน
หัวหน้าสายตรวจด้านสัตว์ป่า กล่าวเพิ่มเติมว่า

การเลี้ยงดูเสือของวัด ไม่ได้มีการทารุณแม้แต่น้อย แต่ในทางตรงข้ามได้มีการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี เช่น มีการลงทุนกว่า 10 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างสระน้ำเพื่อคลายร้อนให้กับเสือเหล่านั้น ซึ่งต้องยอมรับว่าภาครัฐยังดูแลสู้วัดไม่ได้เลย นอกจากนี้ทางวัดยังจัดทำห้องเย็นไว้สำหรับเก็บอาหาร ซึ่งอาหารก็เป็นอาหารอย่างดี และหากได้เข้าไปดูการดูแลเสือของทางวัดแล้ว จะมั่นใจได้ว่าไม่มีการเพาะเลี้ยงเพื่อลักลอบขายอย่างแน่นอน ส่วนความเสี่ยงอันตรายของนักท่องเที่ยว ทางวัดก็มีการควบคุมพื้นที่เป็นอย่างดี ที่สำคัญใช้ความคลุกคลีใกล้ชิดในการเลี้ยงดูเสือเหล่านั้นตั้งแต่เกิด จึงทำให้เสือมีความคุ้นเคยกับคนมาก

​

นายถิน กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนกรณีทางวัดจะเก็บค่าเที่ยวชมในราคา 300 บาทนั้น นักท่องเที่ยวก็ไม่ได้โวยวาย เพราะคิดว่าคุ้มค่ากับการเที่ยวชม เนื่องจากไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวใดที่จะหาชมความใกล้ชิดระหว่างเสือกับคนได้มากเท่าที่นี่ อย่างไรก็ตาม ข่าวที่เกิดขึ้นอาจเกิดจากกลุ่มบุคคลบางกลุ่มที่จะขอเข้าชมฟรี แต่ทางวัดไม่อนุญาต จึงไม่พอใจและหาทางโจมตีวัด ซึ่งอาจเกิดจากการเสียผลประโยชน์ก็เป็นได้

​

**************
ที่มา:มติชน
http://www.matichon.co.th/news_title.php?id=2316

รูปประกอบจากอินเตอร์เนต

 

คงจะเป็นพวกมือไม่พายเอาเท้าราน้ำล่ะมั๊งครับ

 

ควรมีความเมตตาปราณีต่อสัตว์

 

แล้วคนที่จะเข้าไปทำบุญกับทางวัด เช่นจะนำของไปถวายสังฆทานซึ่งไม่เกี่ยวกับการเข้าไปชมเสือเลย อย่างนี้ต้องเสียค่าเข้าวัด 300 บาท ด้วยหรือเปล่าครับ เพราะเคยไปหลายครั้งก็ไม่เคยต้องเสียเงินเลย ( ไปถวายสังฆทาน)แต่เป็นก่อนหน้าที่จะได้ยินข่าวว่ามีการเก็บเงินค่าเข้าชมนะครับ เพราะมีความตั้งใจว่าจะไปถวายสังฆทานอีก แต่ก็กลัวจะต้องเสียค่าผ่านประตู 300 บาท มีใครพอจะทราบรายละเอียดของระเบียบตรงนี้บ้างมั้ยครับ แนะนำด้วย

 

เมตตา ค้ำจุนโลก

 

ส่วนตัวเชื่อว่าพระท่านไม่ทารุณสัตว์แน่

 

เสือน่ารักจัง

 

อนุโมทนา สาธุกับน้ำใจที่มีต่อสัตว์โลกของพระคุณเจ้า

 

อนุโมทนาสาธุ....กับความมีเมตตาของหลวงตามหาบัวค่ะ

 

ว่าร้ายพระ บาปนะโยม

 

พระท่านมีเมตตาเลี้ยงหมา แมว เสือ ฯลฯ ไปว่าท่านทําไมกัน บาปเด้อ

 

อันความกรุณาปราณี หรือ ความโหดร้าย อยู่ที่ใจ และ การกระทำของแต่ละบุคคล

หากใครทำ หรือไม่ทำ โกหก หรือ พูดความจริง กับคนอื่น ได้ แต่ ใจเรารู้เองครับ

ในใจ พระ คงไม่ทารุณกับสัตว์ หรอกครับ

แต่พูด จริง ๆ นะ ผมว่า เสือ ควรอยู่ในป่ามากกว่าอยู่ วัดนะครับ

 

เท่าที่พอทราบมาคือเสือที่พระท่านเลี้ยงไว้ เป็นเสือที่ถูกทารุณมาก่อนหรือบางตัวก็เป็นเสือกำพร้า ท่านเลี้ยงดูตั้งแต่เป็นลูกเสือ เรื่องการนำไปปล่อยป่าให้คืนสู่ธรรมชาติจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากครับ

 

น่าจะคนละส่วนกันนะครับ

 

เคยดูสารคดีที่ชาวต่างชาติเขามาถ่ายทำทางช่อง TPBS (เรียกถูกไม่เนี้ยเรา) เป็นการถ่ายทำเพื่อดูการดูแลเสือทุกตัวที่อยู่ในวัด และไม่ใช่เฉพาะเสือนะที่อยู่มีสัตว์ป่า วัว ควาย ฯลฯ ที่ชาวบ้านนำมาถวาย ถือว่าเป็นภาระอันหนักหน่วงเลยที่เดียว แต่ท่านก็พยายามทุกวิถีทางเพื่อให้สัตว์เหล่านั้นอยู่ มีอาหารกิน เห็นว่าตอนนี้มีโครงการที่จะทำป่าให้เสือด้วย พระลูกวัดแต่ละคนก็ดูแล และรักเสือทุกตัว ไม่มีการทารุณแน่นอน

 

เมื่อมีธรรมมะ(เมตตา) ก็จะมีอะธรรม(อิจฉา) เป็นของคู่กัน คุณดูภาพแล้ว ก็คิดดูว่า ถ้าเลี้ยงแบบทารุณ คุณคิดว่าเสือมันจะมาหยอกเล่นกับพระอยู่อีกหรือ แค่ภาพที่เห็นก็พอแล้ว ไม่ต้องอธิบายมากไปกว่านี้...ส่วนเรื่องค่าเข้าชมก็ให้คิดว่า เป็นค่าอาหารเลี้ยงเสือ(เป็นทานบารมี)ไป ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องดูซิครับ...ไม่เห็นจะยากอะไร...

 

เหมือนแมวตัวโตเลยเนอะ

 

300 บาท ที่ต้องจ่ายค่าอาหารเสือที่ตัวโต กินจุขนาดนั้นก็ไม่แพงนะ...ไม่เพียงแต่เสือเท่านั้นนะ ที่หลวงตาท่านให้ความดูแลอยู่ วันก่อนได้ไปทำบุญที่มูลนิธิสงเคราะห์สัตว์พิการที่ปากเกร็ด ก็อยู่ในความอุปถัมภ์ของหลวงตาท่านด้วย มีทั้งหมา แมว หมู ที่พิการและถูกทิ้ง...ขออนุโมทนา

 

เห็นมั้ยค่ะ แม้แต่สัตว์ยังมีสังฆานุสสติเลย
(สงสัยเห็นจีวรตั้งแต่เล็กๆ จนอยู่ในจิตใต้สำนึกว่า "นี่คือผู้มีพระคุณต่อมัน)
เมตตาธรรม ค้ำจุนโลกา จริงๆ ค่ะ ..สาธุ

 

เสืออยู่ในป่าก็ดีกว่านะครับเพราะได้อยู่ตามธรรมชาติ แต่ถ้าอยู่ในป่า แล้วถูกคนใจบาปล่าเอาหนัง เอาเนื้อ ไปขาย เป็นการพรากชีวิต อยู่ในวัดก็ดีกว่านะครับ หรือเจ้าเสือว่ายังไง ^^