คำทำนายประเทศไทย 2551

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย โป๊ยเซียนสาว, 10 สิงหาคม 2008.

  1. สปาต้า

    สปาต้า Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +46
    หนังสือ พระเมตตา เล่มที่ 1


    บทที่ ๗


    ตอนนี้เป็นตอนที่ ๗ ของหนังสือ ก็จะว่าถึงหนังสือฉบับที่หลวงพ่อปานนำมาให้อ่าน มองดูแล้วก็ปรากฏว่าหนังสือฉบับนั้น จะมีอายุสัก ๓๐ ปีเศษ ๆ แล้วก็ตัวหนังสืออ่านง่าย เป็นภาษาปัจจุบัน ใจความของหนังสือฉบับนั้นมีอยู่ว่า เราขอพยากรณ์กรุงเทพมหานครที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า ท่านว่ายังงั้น แล้วหนังสือฉบับนั้นก็ลงท้ายไว้ว่า
     
  2. สปาต้า

    สปาต้า Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +46
    บทที่ ๘<O:p</O:p

    ท่านสาธุชนพุทธบริษัททั้งหลาย ตอนนี้เป็นตอนที่ ๘ ก็ขอต่อเรื่องราวของรัชกาลที่ ๗<O:p></O:p>
    รัชกาลที่ ๗ ท่านพยากรณ์ว่านั่งทนทุกข์ จะเห็นว่าเมื่อพระองค์ทรงเถลิงราชสมบัติประเทศชาติตกอยู่ในความยุคเข็ญ และไม่ใช่เฉพาะแต่ประเทศไทย ทั่วโลกด้วยกัน ต้องดุลข้าราชการออกจากราชการเพราะไม่มีเงินเดือนจ่ายพอ ทั้งนี้เพราะอะไร ก็เพื่อให้บรรดาประชาชนทั้งหลายจะได้มีเงินกินเงินใช้กัน แล้วอีกประการหนึ่งก็มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นแบบประชาธิปตาย ที่อาตมากล่าวว่าเป็นประชาธิปตายก็เพราะว่า จนกระทั่งป่านนี้ ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๗๕ นี่ก็มา พ.ศ.๒๕๑๘ ใช้เวลามากี่ปีแล้ว บรรดาท่านพุทธบริษัท ประชาธิปไตยยังไม่ครบถ้วนบริบูรณ์ แล้วการเปลี่ยนผลัดกันขึ้น “เถลิงราชย์” เอาคนมาประชุมกัน ก็ทำให้การเงินของเรานี่หมด หมดไป สิ้นเปลืองไปมากไม่ใช่น้อย ก็ต้องเพิ่มเบี้ยหวัดเงินเดือนขึ้นมาเยอะ เงินคงคลัง เงินมีในคลังที่จะใช้ก่อสร้างความเจริญให้ประเทศชาติมันก็ลดลงไป การเงินที่จะสะพัดในท้องตลาดมันก็ไม่ค่อยจะมี นี่การประชาธิปไตยแบบนี้มันก็แน่เหมือนกัน แต่ความจริง ถ้าเป็นประชาธิปไตยจริง ๆ อาตมาก็ชอบเหมือนกัน เพราะว่าระบบของศาสนาเป็นประชาธิปไตย พระพุทธเจ้าทรงวางกฎแบบฉบับเข้าไว้ว่าทุกอย่างให้เป็นเรื่องของคณะสงฆ์ตกลงกันเอง มีการประชุมกันมาตลอดกาล ทีนี้ เราจะหันไปดูการปกครองประเทศชาตินับแต่สมัยสุโขทัยลงมา แล้วในระบบกษัตริย์ เราก็จะเห็นว่าสมัยนั้นระบบประชาธิปไตยเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าอะไรทุกอย่างกษัตริย์จะคิดแต่ผู้เดียว เมื่อทรงตัดสินใจแล้ว จะใช้คำสั่งเด็ดขาแต่พระองค์เดียวก็หาไม่ พระองค์ก็มีการประชุมมุขอำมาตย์เสนาข้าราชบริพารทั้งชั้นผู้ใหญ่และชั้นผู้น้อย จัดเป็นสภาขุนนางช่วยกันคิด ช่วยกันอ่าน แล้วใช้ความเห็นที่ตกลงกันว่าสมควร แล้วก็ทำลงไป ความจริงในนามก็เรียกว่าสมบูรณาญาสิทธิราช กษัตริย์มีอำนาจสมบูรณ์ครบถ้วน แต่ความจริงไม่ใช่ ความจริงเป็นประชาธิปไตยมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยแล้ว แล้วก็สุโขทัยก็ปกครองแบบพ่อเมือง ไม่ใช่เจ้าเมือง พ่อเมืองนี่มีความเห็นแก่ลูก<O:p></O:p>
    มาเวลานี้ปรากฏว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ทรงเอาแบบฉบับของสุโขทัยมาใช้ ทรงมีพระราชจริยาวัตรแบบสุโขทัย ใช้ระบบเป็นกันเอง หรือถ้าเราจะเห็นว่าพระมหากษัตริย์ทรงคลุกคลีกับประชาชนอย่างชาวบ้าน ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร เวลานี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงมีพระราชจริยาวัตรแบบนั้น เอ นี่คุยกันไปก็จะหาว่ายกย่องพระเจ้าแผ่นดินเกินไป อ้าว ดีก็ต้องว่าดีซี ที่ไม่ดีก็ต้องว่าไม่ดี เมื่อพระองค์ทรงทำดีจะว่าชั่วยังไง ที่ชั่วเราก็ต้องว่าชั่ว แล้วมาดูกันไป บรรดาท่านพุทธบริษัท ระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ถ้าเราจะอ่านประวัติของชาติไทย เราไม่เคยเสียดุลย์การค้ากับต่างประเทศไลย มีอยู่ในสมัยรัชกาลที่ ๗ เพียงครั้งเดียวเท่านั้น แล้วต่อมาเราก็ไม่เคยเสียดุลการค้าอีก ต่อมาสมัยประชาธิปตายนี่เป็นยังไง ? ตายทุกปี เสียดุลการค้ากับต่างประเทศทุกปี นี่ไม่ตายมันจะไปตายกันเมื่อไหร่ เราช่วยกันเร่งรัดให้เป็นประชาธิปไตยกันไม่ดีกว่าหรือ ?<O:p></O:p>
    นี่เป็นอันว่า คำพยากรณ์ของพระอรหันต์สมัยกรุงศรีอยุธยา พยากรณ์ไว้ว่า รัชกาลที่ ๗ นั่งทนทุกข์ เราก็รู้กันอยู่แล้วว่ารัชกาลที่ ๗ ทุกข์แค่ไหน ทุกข์จนกระทั่งสละราชสมบัติเพราะใจไม่สบาย ไม่ใช่ว่าพระองค์อยากจะดึงเอาพระราชอำนาจกลับมาตามเดิม ไม่ใช่ยังงั้น เพราะว่าสมัยคณะราษฏร์กับพระองค์มีความเห็นไม่ตรงกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สมุดปกเหลืองหรือสมุดปกขาวก็ไม่ทราบ อาตมาอ่านแล้วสมุดเล่มนั้น ปรากฏว่าเป็นระบบคอมมูนทั้งหมด เพราะอะไร เพราะเขามีความคิดว่านาทั้งหมดเป็นของรัฐ ประชาชนทั้งหมดเป็นลูกจ้างของรัฐ รัฐจะมีรายได้มาก เพียงไม่กี่ปีรัฐก็จะมีถนนหนทางเต็มที่ อย่างนี้ดีไหมบรรดาท่านพุทธบริษัท ประชาชนทั้งหมดเป็นลูกจ้าของรัฐก็ดูตัวอย่าง เขมรกับลาว ประชาชนทั้งหมดเป็นลูกจ้างของรัฐ รัฐให้กินข้าวสารวันละ ๑ กระป๋องนมต่อ ๑ ครอบครัว แล้วก็ทำงานอย่างชนิดว่า ต้องบังคับเวลากัน ไม่ใช่เหนื่อยแล้วก็นอน แล้วมันกินอิ่มไหมเล่า บรรดาท่านพุทธบริษัท ประเทศไทยเรามีความจำเป็นอย่างนั้นหรือ ข้าวเรายังเหลือเฟือ ไม่จำเป็นที่จะต้องแบ่งกันกิน แล้วการแจกจ่ายของให้บรรดาประชากรดูสมัยนี้ก็แล้วกัน จะแจกของอะไรกันทีมันก็ไม่ถึงบรรดาประชาชน อาตมาเคยฟังวิทยุปีหนึ่งในเขตชัยนาทเขตหนึ่ง ปรากฏว่าน้ำท่วมมาก ข้าวปลาเสียหมด ทางวิทยุเขาบอกว่า ทางราชการจ่ายข้าวเปลือกมาให้แก่ประชาชนกี่สิบกี่ร้อยเกวียนก็ไม่ทราบ ถามประชากรเข้าจริง ๆ ไม่มีใครได้เลย ไม่รู้มันไปทางไหนหมด นานแล้วนะ เรื่องมันนานเนกาเลมาแล้ว คนนั้นเขาก็ออกไปแล้ว นี่แหละ บรรดาท่านพุทธบริษัท ถ้าเรื่องนี้มันตกเข้ามาในสภาพของประเทศไทย ความเป็นไทยมันก็จะสลายตัว เหลือแต่ความเป็นทาส นี่พูดอย่างนี้ไม่ช้าก็ติดตะราง ใครจะเอาเข้าตะรางก็เอา ตามสบาย แก่แล้ว เข้าไปอยู่ในนั้นบ้านไม่ต้องเช่า ข้าวไม่ต้องซื้อ กินเป็นเวลาไม่ช้าก็ตาย สบาย เวลานี้ ความจริงเล่นการเมืองนี่ อาตมาก็เคยสัมผัสมามาก สมัยเมื่ออยู่วัดประยุรวงศาวาส มีขุนนางเก่า ๆ มีท่านเจ้าคุณพหลพลพยุหเสนา พระยาศราภัย พระยาเทพผลู ใครต่อใครอีกเยอะ ท่านชอบมาคุยกันที่กฏิท่านเจ้าคุณราช ชื่อมหาทอง รับฟังจากท่าน ท่านแสดงความเห็นกันคนละมาก ๆ อาตมาก็จำมา ความเห็นของแต่ละท่านที่ผ่านมาก็รู้สึกว่าดี แต่ทว่า เจ้าคุณพหลบอกว่าไอ้คำสั่งที่ออกไปนี่มันไม่ค่อยเป็นไปตามคำสั่ง นี่เป็นอันว่ารัฐบาลดี แต่ว่าคนที่ปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลไม่ค่อยจะเอาไหน ที่ดีก็มีมาก ที่ชั่วก็ถมไป หากว่าเราบังเอิญเป็นประชาธิปตาย หมายความสมบัติทั้งหมดเป็นของรัฐ รัฐมีเจตนาดีต่อประชากรในประเทศ และราษฎรทั้งหมด แต่ปรากฏว่าคนที่รับบัญชาจากรัฐไม่ปฏิบัติตามนั้น เราไม่อดข้าวตายรึ? นี่เราจะเป็นกันทำไมแบบนั้น เป็นกันแบบนี้ไม่ดีรึ พระเจ้าแผ่นดินท่านแจกดะ สมบัติของเราท่านก็ไม่กวน ท่านหามาให้ ใครเขาสละสตางค์ไปท่านก็แจก เวลานี้ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์มีเท่าไร เอาออกมาแจก นี่ถ้ามีอีกก็แจกอีก นี่คงไม่มีแล้ว ท่านทำแบบนี้ อาตมาเคยถวายพระพรกับพระองค์แล้วเมื่อคราวเสด็จมาวัดท่าซุง แต่เอาไว้คุยกันตอนหลัง ตอนนี้ว่ากันให้หมดไปก่อน<O:p></O:p>
    ตอนนี้มารัชกาลที่ ๘ ยุคทมิฬ เห็นไหมบรรดาท่านพุทธบริษัทที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสกับพระอานนท์ว่า อานันทะ ดูก่อนอานนท์ ก่อนกึ่งพุทธกาล ๑๕ ปี (คือ พ.ศ.๒๔๘๕) จะมีภัยพิบัติเกิดขึ้นแก่โลก ฝนเหล็กจะตกจากอากาศ ไฟจะลุกจากอากาศ คนจะมีแต่ความลำบาก สมณะชีพราหมณ์จะล้มตาย สงครามโลกเกิดขึ้นคราวนั้นบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย อาตมาก็อยู่ในสงครามเหมือนกัน แต่ไม่ได้ไปรบกันเขาหรอก มัววิ่งหนีลูกระเบิดอยู่ที่วัดประยุรวงศาวาส หลบลูกปืนกลอยู่ที่นั่น เวลานั้นเราต้องมีข้าวจัดสรรปันส่วนกัน ของทุกอย่างต้องปันส่วนกันกิน มันก็มีความลำบากอยู่ไม่น้อย แต่ในกรุงเทพฯ ก็รู้สึกว่ามีความสบายอยู่เพราะอยู่ใกล้หูใกล้ตารัฐบาล แต่ปรากฏว่าประชากรรอบนอกนั้นมีความลำบากเป็นกรณีพิเศษ มีคนเป็นจำนวนมากนุ่งผ้าขาด บางทีเพื่อนเข้ามาหามาเรียก ไอ้เพื่อนเราเวลาเรียกเพื่อนในบ้านก็หันหลังเรียก เจ้าเพื่อนที่ออกไปหาเพื่อนนอกบ้านก็หันหลังคุยกัน เพราะอะไร เพราะหันหน้าคุยกันไม่ได้ซีบรรดาท่านพุทธบริษัท ผ้ามันขาดอยู่ ไอ้หน้าล่างมันจะโผล่อายหน้าล่างกัน นี่มีหลายคนบอกให้อาตมาทราบ พระเจ้าก็มีความลำบาก ผ้าผ่อนท่อนสไบไม่ค่อยจะมีนุ่งกัน ดีไม่ดีประชาชนทั้งหลายซื้อผ้าใหม่จากร้านเจ๊กถวายพระเป็นผ้าสบง ผ้านุ่งผ้าใหม่เขาก็เห็นว่าใหม่ พระที่รับก็เห็นว่าใหม่ แต่ว่านั่งลงไปแรงหน่อยเดียวผ้าขาดแควกนี่ เสียท่าพ่อค้าซี แกเอาผ้าเก่าไปย้อมไปซักเสียดีแล้วลงแป้งรีดเสียแข็งตัวเข้าใจว่าเป็นผ้าใหม่ แล้วเวลานั้นลำบากกันไปหมดทั้งพระ ทั้งบรรดาประชาชนทั้งหลาย ข้าวปลาอาหารก็ไม่ค่อยจะมีกิน เราเป็นประเทศที่มีข้าว ผ้าผ่อนท่อนสไบหายากลำบากอย่างยิ่งข้างของทุกอย่างก็ลำบาก น้ำมัน เรือยนต์เราก็ต้องบใช้ถ่านกัน รถยนต์ก็ต้องใช้ถ่าน ที่เป็นเครื่องเผาหัวใช้น้ำมันก็ใช้น้ำมันปลาบ้าง น้ำมันยางบ้าง กลิ่นเหม็นคุ้ง นี่การแบ่งสันปันส่วน การจัดสรรกันมันเป็นอย่างนี้แหละบรรดาท่านพุทธบริษัท ประเทศไทยเรายังไม่มีความจำเป็นจะต้องแบ่งกันกิน สู้มาประสานสามัคคี สงเคราะห์ซึ่งกันและกัน เอื้อเฟื้อซึ่งกันและกันดีกว่า หาทางให้คนทุกคนเข้ากันได้ คนมีกับคนจนให้เข้ากันได้ เท่านี้เหลือแหล่พอกินพอใช้ แล้วก็ประเทศไทยยังไม่ถึงกับยากจนในตอนไหนหรอก บรรดาท่านพุทธบริษัท อาตมาขอเอาชีวิตเป็นประกัน ว่าทรัพยากรในประเทศไทยมีเหลือล้น<O:p></O:p>
    สิ่งสำคัญที่ท่านยังไม่เคยคิดนั่นก็คือ แร่สำคัญจุดหนึ่งที่มีกำลังคล้ายแร่ยูเรเนียม แต่ทว่าจะมีกำลังสูกว่า ใช้ในด้านสันติ จะมีความเย็น ไม่ใช่ความร้อน จะใช้เผาโรคด้วยอำนาจของความเย็น ถ้าใช้ในด้านกำลังงานก็จะมีกำลังงานมาก ถ้าจะใช้ประหัตประหารก็มีกำลังยิ่งกว่าแร่ที่เขาใช้ในปัจจุบัน มีอยู่ในประเทศไทย มีอยู่ตรงไหนไม่บอก ถ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งถาม บอก แต่จะถวายพระพรว่ายังไม่ถึงเวลาขุด เพราะเวลานี้ขุดมาก็เหนื่อยเปล่า ๆ ไม่มีประโยชน์ ถึงเวลามันปรากฏเอง แร่ประเภทนี้ ก่อนหน้าที่จะรู้มานี้ท่านก็พยากรณ์ไว้ บอกว่า ถ้าพบทีแรกมันจะเป็นเศษแร่ แต่ว่าบรรดาสตรีทั้งหลายจะนำไปใช้เป็นเครื่องประดับ หลังจากทราบมาแล้วประมาณ ๑ เดือน หนังสือพิมพ์ก็ลงว่าคนเอาไปใช้เป็นเครื่องประดับ เขาถือว่าเป็นเพชร แต่ว่าสิ่งที่กระจายออกมานี้ไม่มีกำลัง กำลังจะมีได้เฉพาะจุดใหญ่ คือต้นตอของมัน เวลานี้เรายังขุดกันไม่ถึง น่ากลัวจะเป็นใกล้รัชกาลที่ ๑๐ หรือสมัยรัชกาลที่ ๑๐ นั่นแหละจะปรากฏ หรืออาจจะเป็นรัชกาลที่ ๙ นี่ก็ได้ ไม่ได้เคยถามใคร ใครเขาไม่บอกมันก็ไม่รู้เหมือนกัน<O:p></O:p>
    แล้วอีกส่วนหนึ่งนั่นก็คือน้ำมัน คือน้ำมันของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถ้านำมาใช้ได้เวลานี้เราก็มั่งคั่งสมบูรณ์พอ แล้วน้ำมันธรรมชาติของเราก็มีมาก ทรัพยากรส่วนอื่นที่เป็นแร่ที่ควรจะขายแก่ต่างชาติได้ยังมีเยอะ โอ๊ ยังมีเยอะแยะบรรดาท่านพุทธบริษัทอย่าเพิ่งคุยไปเลย เดี๋ยวชาวบ้านเขาจะรู้เอา อ้าว ! ก็นี่พูดไปแล้วนี่พ่อคุณเป็นตัวหนังสือนี่ นี่ไม่ได้คุยนะ พูดให้ฟังเท่านั้น ว่ามันจะมีขึ้นมาในวันหน้า<O:p></O:p>
    นี่พูดถึงรัชกาลที่ ๘ ว่ายุคทมิฬรบกันแหลกลาญ พอหลังจากกึ่งพุทธกาลแล้วล่อกันอีก เวลานี้ รบกันหนัก ยักษ์หินที่ถูกสาปจะลุกขึ้นอาละวาด เอาแล้วซีพ่อเทวดาที่หมดวาสนาบารมี ไม่ค่อยจะมีศักดิ์ศรีอะไร เวลานี้ลุกขึ้นมาถือความเป็นใหญ่ในโลก ก่อกวนด้วยประการทั้งปวง ก่อกวนกันเข้าไป หลับตานึกเอาก็แล้วกัน มันจะไปหมดสิ้นได้ในเมื่อเขาตายกันไปฝ่ายละครึ่ง แต่ประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสว่า จะถูกภัยพิบัตินี้เหมือนกันแต่ว่ามีภัยไม่ร้ายแรงนัก ไม่ถึงกับสลายตัว อันนี้ถ้าบรรดาญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลายจะถามว่า ก็ประเทศญวน ประเทศเขมร ประเทศลาวเขาก็นับถือพระพุทธศาสนา ทำไมพังแหลกลาญ อันนี้ก็ต้องขอตอบสักนิดหนึ่งว่า พระพุทธศาสนามีอยู่ในประเทศ แต่คนในประเทศนับถือพุทธศาสนาหรือเปล่า นี่ต้องมองกันตอนนี้ ถ้านับถือพุทธศาสนาจริง ๆ แล้วต้องประกาศตัวเป็นพุทธสาวก เรากล่าวกันว่า พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ข้าพเจ้าขอถึงซึ่งพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ ขอถึงพระธรรมเป็นที่พึ่ง สังฆัง สรณัง คัจฉามิ ขอถึงพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง แล้วพระก็บอกว่า ปาณาติปาตาเวรมณี สิกขาปทัง สมาธิยามิ เป็นต้น เราปฏิบัติกันได้หรือเปล่าถ้าเราไม่ปฏิบัติกัน เราจะมาคุยว่าเราเป็นคนนับถือพระพุทธศาสนานี่ มันจะใช้ได้หรือเป็นอันว่าประเทศของเรามีพระพุทธศาสนา แต่ว่าเราไม่ได้นับถือพระพุทธศาสนาต่างหาก ที่พระพุทธเจ้าตรัส ตรัสว่าประเทศที่มีความเคารพในพระพุทธศาสนา คนไทยเรามีพระพุทธศาสนาประจำชาติ แต่ทว่าคนที่นับถือพระพุทธศาสนามีกี่คน ประเทศเขมร ประเทศพม่า ประเทญวน ประเทศลาว มีกี่คน ไปไล่เบี้ย ไปจับตัวคนที่นับถือพระพุทธศาสนามาให้ดู แต่ว่าบ้านเราก็มีขวัญดีอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือ นับตั้งแต่สมัยพระพุทธกาลมาจนกระทั่งสมัยปัจจุบัน ประเทศไทยยังไม่เคยขาดพระอริยเจ้า ตอนนี้มีหนังสือเขาด่ามานา ว่ารู้ได้ยังไงว่าเป็นพระสุปฏิปันโน คือพระอริยเจ้า เอางี้ก็แล้วกัน ตราบเท่าที่คุณยังเสพกามอยู่ตราบใด คุณยังรู้เรื่องพระอริยเจ้าไม่ได้ ถ้าคุณเว้นจากการเสพกามเมื่อใด ทำใจให้ชนะนิวรณ์ มีจิตเป็นณานแล้ว ทำใจของเราให้ชนะกิเลส คือตัดสังโยชน์ให้ได้ คุณทำได้อย่างนี้เมื่อไหร่ คุณพบพระอริยเจ้าเมื่อนั้น แล้วจะมาถามว่าคนพูดทำได้แล้วหรือยัง ? ไม่รู้เหมือนกัน ไม่รู้ พูดกะด๋งกะเด๋งแบบนี้มันจะไปรู้ได้ยังไงว่าทำได้หรือไม่ได้ ได้หรือไม่ได้ก็มีแบบฉบับสำหรับดู ครูบาอาจารย์มี พระพุทธเจ้าก็มีบอกไว้ ครูบาอาจารย์ก็บอกไว้ ก็รู้แล้วนี่ คนพูดเป็นใคร หรือจำไม่ได้ ? จำไม่ได้ก็จะบอกให้ว่าคนพูดเป็นลิง แล้วก็ลิงปากหมา ซนด้วย เห่าด้วย อ้าว ! หนังสือนี่ว่าจะเขียนดี ๆ แต่ชาวบ้านเขาบอกว่าไม่สนุกนี่ พูดไปทีแล้วเขาบอกไม่เอา เอา จะเอาสนุก ๆ นี่ ก็เอา สนุก ๆ ก็ดี เด็ก ๆ จะได้อ่าน เป็นไปตามเจตนาเดิม หนังสือของพระน่ะ อยากจะให้สนุก ๆ เด็กอ่านค่อย ๆ ซึมไปทีละน้อย ๆ<O:p></O:p>
    ทีนี้ เมื่อยุคทมิฬผ่านไปแล้ว เราก็เห็นว่าสมัยรัชกาลที่ ๘ เกิดยุคทมิฬ ไม่ทมิฬเปล่านะซี ท่านพุทธบริษัท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสิ้นพระชนม์ เพราะอะไรกันหนอ ? เพราะว่าถูกกระสุนปืน แต่มาจากไหนล่ะ บรรดาท่านพุทธบริษัท ก็รู้กันอยู่แล้วใช่ไหม ? รู้กันแล้ว ก็รู้กันอยู่แล้วนี่ ไม่ต้องบอก เขาก็ประกาศกันอยู่แล้วว่ามาจากไหน จริงเท็จประการใดอาตมาไม่ยืนยัน ประเดี๋ยวเข้าตะรางไม่เอา<O:p></O:p>
    ทีนี้ มารัชกาลที่ ๙ ท่านบอกถิ่นกาขาว เราก็ดูซี ฝรั่งเต็มบ้านเต็มเมือง อะไรก็เป็นเรื่องของฝรั่งไปหมด แถมคนไทยก็กลายเป็นฝรั่งขี้นกไปด้วย ความจริงเรื่องของฝรั่งนี่ ถ้าเราจะลอกแบบเขาก็เอามาทั้งดีทั้งชั่ว ที่ดีก็มีอยู่อย่างหนึ่งก็คือถึงเวลาวันอาทิตย์ทีเขาตีระฆังฝรั่งต้องไปโบสถ์ แต่ว่าเราไม่เอาซี วันพระของเราตีระฆัง ๆ แตกไปหลายแสนลูกแล้ว ไม่มีใครไปวัดกัน ไม่อยากไป แต่ไอ้ของเลว ๆ จากฝรั่งอยากเอาใช้กัน ถ้าจะเอาก็เอามาให้หมด ทั้งดี ทั้งเลว หรือว่าเราจะเลือกเอาแต่ดีมาใช้ก็ได้ แต่ดูความเหมาะสมของประเทศชาติว่ามันควรหรือไม่ควรเพียงใด เรื่องอะไรของฝรั่งที่มันเหมาะกับคนไทย เอามา ที่มันไม่เหมาะอย่าเอามา อย่างนี้ดีไหม อะไร ๆ ก็ฝรั่งจ๋าไปหมด บ้านเรามีข้าวกินแยะ ไม่ต้องไปกินขนมปัง แต่อยากจะกินก็ไม่ได้ว่าอะไร มีสตางค์ซื้อกินก็กินเข้าไป ประชาธิปไตยนี่ ถ้าหากว่าบรรดาพวกนั้นเขามาครองเรา เราจะกินขนมปังที่ไหน ข้าวเขาให้กินครอบครัวละ ๑ กระป๋องนม ข้าวสาร บางทีข้าวสารไม่มีก็ให้ข้าวเปลือก พวกเขมรเล่าให้ฟังว่า ข้าวเปลือกนี่ โอ้โฮไม่มีครกจะตำ เอาใส่ครกน้ำพริก เอาด้ามขวานตำให้เป็นข้าวสาร นี่มารัชกาลที่ ๙ ถิ่นกาขาวนะ ตรงแล้วหรือยัง ? ตรงแล้วนะ<O:p></O:p>
    แล้วก็มารัชกาลที่ ๑๐ ชาววิไล ตอนนี้เปรื่องปราชญ์มาก เพราะว่ารัชกาลที่ ๙ วางพื้นฐานไว้ให้ ทุกอย่างวางพื้นฐานไว้หมด แต่ความจริงการเป็นพระมหากษัตริย์ อาตมาสงสารรัชกาลที่ ๙ มาก เพราะพระองค์ไม่มีแบบปฏิบัติ กษัตริย์ทุก ๆ พระองค์ที่ผ่านมา เว้นไว้รัชกาลที่ ๘ ทรงเห็นความเป็นกษัตริย์จากพระราชบิดาบ้าง จากพระเจ้าพี่บ้าง แต่ทว่ารัชกาลที่ ๙ กับรัชกาลที่ ๘ นี่ลำบากมาก เพราะมองไม่เห็นระบบของกษัตริย์มากก่อนเลย ไม่รู้จะเอาแบบฉบับมาจากไหน ต้องทรงสร้างพระองค์เองทั้งนั้น พระองค์ต้องทรงสร้างแบบฉบับขึ้นมาเอง แต่ทว่ารัชกาลที่ ๙ ทรงสร้างแบบฉบับได้ดีมาก เป็นที่น่าสรรเสริญ นี่ไม่ใช่ว่าพระเจ้าแผ่นดินเสร็จมาทรงสนทนาปราศรัยด้วยเลยยกยอพระเจ้าแผ่นดิน ไม่ใช่ยังงั้น นี่เราพูดกันตามความเป็นจริง ก็ดูตัวอย่างก็แล้วกันนี่ พระองค์ทรงเหน็ดเหนื่อย ทรงเสียสละทุกอย่าง เห็นชอบไหมถ้าพระองค์ให้ แล้วคนที่เขามาโฆษณาปาว ๆ ให้เราไปเป็นทาสเป็นขี้ข้าเขา ให้กินข้าววันละ ๑ กระป๋องนม ต่อ ๑ ครอบครัวน่ะ เราชอบใจไหมล่ะ ถ้าชอบใจแบบนั้นก็จงอย่างชอบใจพระเจ้าแผ่นดิน จะได้กินข้าวน้อย ๆ เชพมันจะได้ดี ๆ แต่ว่าการงานมันหนัก นี่ ถึงรัชกาลที่ ๑๐ ชาววิไล<O:p></O:p>
    ทีนี้ ถึงประการสุดท้ายก็บอกไว้แล้วนี่ ที่พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์ นี่ ที่อาตมาถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าประเทศไทย ไม่มีอันตรายถึงกับวินาศไปก็อาศัยหลักใหญ่จากหนังสือฉบับนี้ ถ้าหากว่าบรรดาญาติโยมพุทธบริษัทจะถามว่า ถ้าหากหนังสือพยากรณ์ผิด แล้วความผิดไม่ถึงอาตมารึ ? อาตมาก็บอกแล้วนี่ ว่ายอมถวายหัว ว่าถ้าหากประเทศไทยต้องตกไปเป็นทาสเขาละ อาตมาเอาชีวิตเป็นประกัน ยอมตาย โธ่เอ๊ย ไอ้เรื่องตายมันเรื่องเล็กนี่ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ เรื่องตายเป็นเรื่องเล็ก ฆ่าก็ตายไม่ฆ่าก็ตาย ไอ้คนมันจะตายอยู่แล้วนี่ เอ้าลองลงทุนบอกเอ้า ถ้าหากไม่เป็นไปแบบนั้นอาตมาขอถวายชีวิต เอาชีวิตเป็นประกน มันจะไปยากอะไร ไม่ช้าก็ม่องตี่<O:p></O:p>
    ถ้าเราจะมาพิจารณากันดูอีกทีว่า คำพยากรณ์ของพระอรหันต์สมัยกรุงศรีอยุธยาที่มีนามว่า พระพุทธโฆษาจาย์ หลวงพ่อใย บอกชื่อไว้ด้วยนะ นักประวัติศาสตร์ค้นกันให้ดี ว่ามีหลวงพ่อใยในสมัยอยุธยาที่เป็นพระราชาคณะมีพระนามว่าพระพุทธโฆษาจาย์มีไหม โอ๋ พระพุทธโฆษาจาย์นี่มีความสำคัญจริง ๆ นะ สมเด็จพระพุฒาจารย์โตก็เป็นพระพุทธโฆษาจารย์เหมือนกัน โอ้ะ ตำแหน่งนี้ตำแหน่งสำคัญมาก เป็นตำแหน่งที่ควรจะคิด แล้วการจะแต่งตั้งใครเป็นตำแหน่งพระพุทธโฆษาจารย์ น่ากลัวจะต้องคิดเสียแล้ว ว่าต้องเป็นพระที่มีญาณเป็นพิเศษ มีสติปัญญา ความสามารถ เฉลียวฉลาดเป็นพิเศษจึงควรจะตั้งเป็นตำแหน่งพระพุทธโฆษาจาย์ นี่นึกเอาเองนา เวลาเขาตั้งกันเขาไม่ได้เลือกตามนี้หรอก จะไปโทษพระเจ้าแผ่นดินท่านไม่ได้ เขาเขียนเข้าไปให้พระองค์เซ็น พระองค์ก็จำจะต้องเซ็น มันเป็นยังงั้น<O:p></O:p>
    เป็นอันว่านี่แหละ บรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน ถ้าพูดกันไปแล้ว อาตมาใช้คำว่าพยากรณ์นี้เป็นหลักในการถวายพระพระสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถ้าท่านสงสัยว่าจะผิดหรือจะถูก ก็ลองพิจารณาดูตั้งแต่รัชกาลที่ ๑ ถึงรัชกาลที่ ๙ เป็นอันว่าคำพยากรณ์ของท่านถูกทุกอย่าง จะเกิดมาผิดตอนรัชกาลที่ ๑๐ อาตมาก็ซวยหนักแล้ว ก็ช่างประไร ไอ้คนซวยแบบนี้มันตายเสียได้ก็ดี อาตมาก็ถือว่า คำพยากรณ์นี้มีความสำคัญ จึงรับกับพระเจ้าอยู่หัวในวันนั้น ว่าถ้าประเทศไทยต้องเป็นทาสเขา อาตมาขอเอาชีวิตเป็นประกัน<O:p></O:p>
    เอาละบรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน งวดที่ ๘ และตอนที่ ๘ ก็ขอยุติไว้แต่เพียงแค่นี้ ตอนหลังว่ากันต่อไป นี่ว่าจะให้เล่มมันเล็กนา ปาเข้าไปกี่ยกแล้วก็ไม่รู้ คุณเสริมเขียนอานเลย เจ้ากรมสื่อสาร ทอ. แกนอนเขียนนั่งเขียนน่ะ แกเหนื่อยแย่ อาตมาเป็นคนพูดน่ะ แล้วจะพูดจนกว่าจะตาย ถ้าอยากให้เลิกพูด มาทำให้ตายเสียเร็ว ๆ มันก็เลิกพูดเหมือนกัน นี่ความจริงเขาจองไว้หลายรายการแล้วนา รู้ หลายฝ่ายหลายตอนหลายหมู่หลายกลุ่มเขาจองไว้แล้ว เขาหมายหัวเอาไว้แล้วว่าไม่ช้าละไอ้นี่ม่องตี่ตาย ความจริงเขาอาจจะส่งสปายมาหลายหนแล้วก็เป็นได้ ตายก็ตายไป ตายก็เลิกพูด รีบ ๆ พูด ตายไปแล้วของจะพูดยังไม่ได้เขียน เขาก็เขียนต่อไป เป็นอันว่าตายแล้วผีพูดได้<O:p></O:p>
    เอาละสำหรับตอนนี้ก็ขอยุติไว้แต่เพียงแค่นี้ ขอความสุขสวัสดีจงมีแด่ผู้รับฟังและผู้อ่านทุกท่าน สวัสดี<O:p></O:p>

    http://www.praruttanatri.com/v1/special/books/prametta/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กันยายน 2008
  3. แม่น้องพลอย

    แม่น้องพลอย สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +13
    ตามที่คุณ shesun ให้ข้อมูลไว้ว่า หลวงพ่อเจริญ วัดป่ามะม่วงในธรรมนิยายชุด สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม เขียนโดย สุทัสสา อ่อนค้อม นั้น อันที่จริงแล้ว คือหลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม แห่งวัดอัมพวัน สิงห์บุรี นั้น "ถูกต้อง" แล้วค่ะ ส่วนวัน เดือน ปี และเวลา ที่หลวงพ่อท่านได้เคยแจ้งญาติโยมไว้ว่า ท่านจะมรณภาพ นั้น เป็นจริงทุกประการ คือ ในวันเวลาดังกล่าว ท่านประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ คอหัก เป็นการชดใช้กรรมให้แก่เจ้ากรรมนายเวร (นกกระสาและเต่า) ที่ท่านได้เคยทำไว้เมื่อวัยเด็ก
    หากแต่ บุญบารมีของท่านจากการปฏิบัติธรรมและแผ่ส่วนกุศลไปให้แก่เจ้ากรรมนายเวรได้ช่วยชีวิตท่านไว้ หลังจากท่านถูกนำส่งโรงพยาบาล และคณะแพทย์รักษาอยู่นาน พักอยู่ที่โรงพยาบาลนานนับเดือน ต้องทนทรมานจากบาดแผล ทำกายภาพบำบัด เวลาผ่านไป จนบัดนี้ ท่าน "ยังมีชีวิตอยู่" ค่ะ

    (หมายเหตุ นักเขียนนามปากกา สุทัสสา อ่อนค้อม คือ รศ.ดร. สุจิตรา อ่อนค้อม ท่านเป็นประธานหลักสูตรศิลปศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาไทยศึกษา ระดับ 9 มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรีค่ะ ท่านใดสนใจ อยากทราบประวัติของท่าน สามารถดูได้ที่เว็บลิงค์ด้านล่างนะคะ
    http://www.sudassa.com/sujitra.html

    ขอให้ทุกท่าน ร่วมใจกันปฎิบัติธรรม แผ่เมตตา ส่งความปรารถนาดี มีเมตตาให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย โดยไม่เลือกข้าง พรรค หรือฝักฝ่ายใดใด กุศลจิตอันบริสุทธิ์ จะสามารถช่วยให้ประเทศชาติของเรารอดพ้นวิกฤตได้แน่นอนค่ะ อย่ามัวแต่รอให้ใครมาช่วยเลย เริ่มที่จิตของเราก่อนนี่ล่ะค่ะ

    ขอให้เจริญในธรรมทุกท่านเทอญ
     
  4. คมศักดิ์

    คมศักดิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    790
    ค่าพลัง:
    +886
    ขอให้พระสยามเทวาธิราช ช่วยปกป้องคุ้มครองประเทศไทยให้รอดพ้นวิกฤตต่าง ๆ ให้ดีขึ้นเป็นลำดับ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  5. CharnK

    CharnK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    444
    ค่าพลัง:
    +1,453
    ในนิยายเรื่อง "สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม" มีการล้อคำไว้ เช่น หลวงพ่อเจริญ ก็คือ หลวงพ่อจรัญ
    วัดป่ามะม่วง ก็คือ วัดอัมพวัน ("อัมพะ" แปลว่า "มะม่วง" ส่วน "วัน" หรือ "วนะ" หรือ "วนา" ก็คือ "ป่า") มีการแทรกคำสอนของหลวงพ่อจรัญไว้มากน่าอ่านเป็นอย่างยิ่งครับ
     
  6. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,378
    ค่าพลัง:
    +12,917
    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    ตราบใด ที่ หลวงปู่สุภา กันตสีโล อายุครบ 114 ปี วันที่ 17 กันยา 2551 ยังคงสังขาร โปรดลูกหลานศิษยานุศิษย์ ที่ภูเก็ต

    ภูเก็ต ยังคงปลอดภัย / กายทิพย์ ต่างๆ กำลัง ช่วยเหลือ ภาวะต่างๆ พร้อมทั้งเหล่าพระอริยะฯ ทวยเทพ ฯ

    16 กันยา เวลา 18.00 ร่วมฟัง สวดภาณยักษ์ โดยคณะพระสงฆ์ ระดับเจ้า...
    17 กันยา ร่วมมุทิตาจิต หลวงปู่สุภา ( เท่าที่ทราบ คร่าวๆ พระอาจารย์เดช แห่งถ้ำสุมมโน พัทลุง , พระอาจารย์ จำเนียร แห่งวัดถ้ำเสื่อ กระบี่ , พระอาจารย์หรีด แห่งวัด ปากถัก พังงา ฯฯฯฯ หลายท่าน จะมาอวยพรชัย หลวงปู่ )
    พระอาจารย์เดช แห่งถ้ำสุมมโน พัทลุง ---หลวงปู่โลกอุดร ท่านเมตตาพระอาจารย์มาก--

    ช่วงนี้ หลวงปู่ ท่านเมตตา สอน สมาธิ ให้ศิษยานุศิษย์ ที่ วัดสีลสุภาราม ภูเก็ต ทุกคืนวันพระ ท่านต้องการ ให้ ลูก หลาน ใด้ อย่างน้อย โสดา มรรคติผล และพัฒนา ต่อไป เพื่อ การหลุดพ้น ท่านกล่าว ถึงระดับขั้น โสดา ,สกิทาคา ,อนาคา และอรหันต์ผล ใด้อย่างดี

    เมื่อคืน วันอาทิตย์ 7 / 9/ 51 , วันพฤหัส 11 /9 /51 ผม นาคา ใด้ นั่ง ร่วมในการอธิฐานจิต ต่างๆ และวัตถุมงคล ที่จะแจก ฟรี ใน วันที่ 16 - 17 กันยา นี้ ประมาณ 1 หมื่นองค์ ( หลวงปู่ ท่านเมตตา อธิฐานจิต 5 คืน โดยการแปร รวมธาตุ , หนุน ธาตุ 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ทุกส่วน ต้อง มี ระดับ ค่าเท่ากัน )

    โปรดเชื่อมั่น ใน พลังบารมี
    พลังการร่วมมือสมมัคคี ของ นักวิทยุสมัครเล่น ในพื้นที่ ภูเก็ต
    ( หลังสึนามิ มีการอบรม นักวิทยุสมัครเล่น 2 รุ่นที่ภูเก็ต ประมาณ 3000 กว่าคน , อบรม ในจ.สุราษฯ ประมาณ เกือบ 2000 คน ล่าสุด เปิด อบรม ที่ภูเก็ต อีก ประมาณ 1500 คน เพื่อ ช่วยเป็นหู เป็น ตา และ ช่วยเหลือสังคม เมื่อมีเหตุ สามารถ สื่อสาร ติดต่อ กันใด้ทั้งภูเก็ต , พังงา , กระบี่ , ตรัง ,สุราษฯ ,ระนอง , ชุมพร ,นครศรีฯ ส่วน กระบี่ กำลัง จะจัดอบรมวิทยุฯ )
    http://palungjit.org/showthread.php?t=106901&page=46

    28 ตุลา หลวงปู่สุภา ท่านเมตตา โปรด หลานๆ ที่ วัดคอนสวรค์ สกลนคร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กันยายน 2008
  7. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    กราบในมหาเมตตาของหลวงปู่สุภาค่ะ
    ขออนุโมทนาบุญทั้งในอดีตและปัจจุบันของคุณนาคาและคณะญาติธรรมค่ะ ช่วยกันเฝ้าแผ่นดิน...
    จะได้ไปวัดอาฮงด้วยกันไหมคะปีนี้
     
  8. ทรัพย์พระฤาษี

    ทรัพย์พระฤาษี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +175
    หวังว่าเคราะห์กรรมของบ้านเมืองจะเบาบางลงน่ะครับ


    คนในชาติจะได้อยู่เย็นเป็นสุข ;aa13
     
  9. atomdekst

    atomdekst Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    406
    ค่าพลัง:
    +79
    ใครน้า หนึ่งนารีขี่ม้าขาว
    คิด คิด คิด คิดไม่ออกแหะ
     
  10. llxE

    llxE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2008
    โพสต์:
    523
    ค่าพลัง:
    +2,896
    เรามีตะวันดวงเดียวไม่มีพระจันทร์ดวงใดสว่างสดใสเท่าเรามองจากมุมนี้
     
  11. Likely

    Likely เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    4,151
    ค่าพลัง:
    +3,821
    โอ้ชีวิตมีอะไร
    ตั้ง.....เยอะ+แยะ
    มีเกิด+แก่+เจ็บ+ตาย
    คล้ายๆกัน
     
  12. chanthawat_k

    chanthawat_k เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    955
    ค่าพลัง:
    +413
    พึงใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท..เจริญในธรรมคับ
     
  13. ชานนคนไทย

    ชานนคนไทย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +3,128
    ขอเราให้ตั้งใจทำความดีและตั้งอยู่ในศีลพร้อมปฏิบัติธรรม......จะทำให้เรา

    เกิดสติและเกิดปัญญาในการแก้ไขชีวิต......ทุกอย่างอยู่ที....(จิต)..สวัสดีครับ;aa30
     
  14. โป๊ยเซียนสาว

    โป๊ยเซียนสาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,543
    ค่าพลัง:
    +2,279
    คัดย่อมา ... สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าท่านพยากรณ์ไว้ว่า อานันทะ ดูก่อนอานนท์ โลกต่อไปจะเต็มไปด้วยความเร่าร้อนก่อนกึ่งพุทธกาล ๑๕ ปี (คือ พ.ศ. ๒๔๘๕) ที่ว่ามีความเร่าร้อนมาก ความทุกข์ยากมาก ยังก่อนหรอกอานนท์ หลังกึ่งพุทธกาลจะมีความร้ายแรงยิ่งไปกว่านั้น ยักษ์หินที่ถูกสาปจะลุกขึ้นอาละวาด สมณะชีพราหมณ์จะล้มตาย ยักษ์นอกพระพุทธศาสนาทั้งหลายจะฆ่าฟันซึ่งกันและกัน จะตายไปคนละครึ่งจึงจะหยุดยั้งเลิกรบกัน แต่ทว่าประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาจะมีภัยอย่างนี้บ้างเหมือนกัน แต่ไม่มากนัก ...

    ขอเหล่าพุทธบริษัทเปรียบเสมือน สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า มาร่วมกันอธิฐานจิตให้บ้านของเรา(ประเทศไทย) ผ่านพ้นภัยพิบัติดัวยเทอญ

    [​IMG]
     
  15. chingchamp

    chingchamp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2008
    โพสต์:
    788
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +503
    น่ากลัวจริงๆเลยครับ
    ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
    (อนุโมทนาครับ)
     
  16. noobowza

    noobowza Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +27
    ขอพระสยามเทวาธิราช

    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองพระพุทธศาสนาอยู่ทุกวันนี้

    ได้โปรดช่วยแผ่บารมีคุ้มครองประเทศไทย

    ให้รอดพ้นจากภัยพิบัตินานาประการด้วยเถอะเจ้าค่ะ

    สาธุอนุโมทามิ
     

แชร์หน้านี้

Loading...