พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. Chayaporn

    Chayaporn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    768
    ค่าพลัง:
    +4,641
    ร่วมทำบุญ "ไฉไบ๊" 300 บาทค่ะ
    โอนเงินแล้วจ้า ทาง กรุงศรีออนไลน์
     
  2. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ขอโมทนาบุญสร้าง"ไฉไบ๊"กับคุณkaticat พี่ตุ่น และทุกๆท่านด้วยครับ

    ก่อนหน้านี้มีผู้ร่วมบุญมาบางส่วนเป็นทุนเริ่มต้นก่อนแล้วดังนี้

    -คุณ:::เพชร::: 2,500 บาท(จากการให้บูชาพระสมเด็จปัญจสิริจำนวนหนึ่ง เพื่อตั้งองค์กฐิน วัดถ้ำเอราวัณ จ.ลพบุรี)

    -คุณจาตุรงค์ 2,000 บาท
    -คุณเล็ก 500 บาท
    -คุณจิ๋ม Asia Phone 500 บาท
    -คุณสุพิตรา 1,000 บาท

    1 ) คุณnongnooo 500 บาท
    2 ) คุณake7440 500 บาท
    3 ) คุณhongsanart 1,000 บาท(สร้างบุษบก 1,000 บาท)
    4 ) คุณchannarong_wo 500 บาท
    5 ) คุณgnip (รอแจ้งการโอนเงิน)
    6 ) คุณnewcomer 200 บาท
    7 ) คุณทองอ้วน 500 บาท
    8 ) คุณkaticat 500 บาท
    9 ) คุณkwok 500 บาท
    10) คุณdragonlord 1,000 บาท
    11) คุณพิมพาภรณ์ 300 บาท

    ยอดรวมในขณะนี้ 12,000 บาท ขออนุโมทนาด้วยครับ
     
  3. ksriuta

    ksriuta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,049
    ค่าพลัง:
    +2,966
    วันนี้ได้โอนเงินร่วมบุญ2รายการครับผม

    1. โอนเงินชัยผาผึ้งครั้งที่ 2 จำนวน 2000 บาท ทาง atm 11/10/08 12.39 น. locat. 3418 seq.668
    2. ร่วมบุญสร้างไฉไบ๊ 500 บาท ทาง atm 11/10/08 12.36 น. locat. 3418 seq.662

    อนุโมทนากับทุกท่านด้วยครับ (deejai)(deejai)
     
  4. นายคัง

    นายคัง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +2
    วันนี้ได้โอนเงินร่วมบุญสร้างไฉไบ๊ 500 บาท ทางatm 12.11 ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วย
     
  5. narin96

    narin96 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +28
    เรียนคุณเพชร
    วันนี้ได้โอนเงิน ๕๐๐ บาท เพื่อร่วมบุญครับ
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    5 เคล็ดลับ ทำใจให้เป็นกลาง

    http://hilight.kapook.com/view/29802

    [​IMG]

    เรื่องทำใจให้เป็นกลาง อาจดูเหมือนพูดง่ายแต่ทำยาก เพราะแต่ละคนย่อมมีพื้นฐานที่ต่างกัน มีประสบการณ์การรับรู้ที่ต่างกัน และที่สำคัญทุกคนก็ยังอยู่ในกลุ่มผลประโยชน์ ไม่ในสถานการณ์ใดก็สถานการณ์หนึ่ง

    แต่มิได้หมายความว่าฝึกไม่ได้ ทุกอย่างอยู่ที่ใจหากเราควบคุมจิตใจตนเองได้ก็นับได้ว่าชนะไปมากกว่าครึ่ง และนี่คือเคล็ดลับ 5 ประการ ที่จะฝึกทำใจให้เป็นกลาง

    [​IMG] 1. อย่ามองตัวเองเป็นศูนย์กลาง

    นี่คือเคล็ดลับสำคัญที่สุด เพราะถ้ามองปัญหาต่างๆ จากมุมมองฝ่ายเดียว ใจย่อมไม่เป็นกลาง เพราะเราจะไม่มอง ไม่พยายามเข้าใจเงื่อนไขหรือสภาพแวดล้อมที่เป็นข้อจำกัดของผู้อื่น ​

    [​IMG] 2. เอาใจเขามาใส่ใจเรา

    เพื่อให้เรามองเห็นภาพแบบองค์ครวม ต้องเอาใจเขามาใส่ใจเราด้วย ความหมายก็คือ ต้องลองคิดดูว่าถ้าเราเป็นเขา อยู่ในสภาพแวดล้อมแบบเขา มีข้อจำกัดแบบเขา เราจะคิดตัดสินใจเช่นไร ​

    [​IMG] 3. มองอย่างเจาะลึกหลายชั้น อย่าเอาอาการมาเป็นสาเหตุ

    บ่อยครั้งที่ปัญหาความขัดแย้งไม่อาจแก้ไขได้เพราะมองตื้นเขินเกินไป เอาอาการมาเป็นสาเหตุจึงควรมองอย่างเจาะลึกเพื่อค้นหาเหตุที่แท้จริงจะได้แก้ไขตรงจุด ถูกประเด็น ​

    [​IMG] 4. มองไปที่อนาคตเพื่อ "อยู่" ไม่ใช่ "แยก"

    เพราะการมองเช่นนี้เพื่อให้ทุกฝ่ายยังคงดำรงอยู่ได้ มิใช่แก้ไขเพื่อให้ต้องตายกันไปข้างใดข้างหนึ่ง เป็นการมองทางออกในทัศนคติที่เป็นยวกต่อทุกฝ่าย ​

    [​IMG] 5. หาทางออกว่าจะทำอย่างไรให้ "อยู่ร่วมกัน" ต่อไปได้

    การมีทัศนคติที่เป็นบวกยังไม่ใช่ขั้นตอนสุดท้าย แต่ต้องหาข้อสรุปในทางเทคนิคหรือวิธีการที่สอดรับกับ "ใจที่เป็นกลาง" ด้วย ความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาบ่อยครั้งก็มาพลาดท่าตรงนี้เองเพราะผู้รับช่วงต่อใจยังไม่เป็นกลางพอ ยังคิดแบ่งพรรคแบ่งพวก เจ้าโกรธเจ้าแค้น ​



    ขอขอบคุณข้อมูลจาก frist
    [​IMG]

    ฉบับที่ 20 กันยายน 2551
    ภาพประกอบจาก kapook.com

    ------------------------------------------------
    ++++++++++++++++++++++++++
    **********************************​

    ดูแลหัวใจ ให้เป็นอมตะ

    http://hilight.kapook.com/view/29790


    [​IMG]


    ภัยเงียบที่ไต่ขึ้นมาเป็นอันดับ 2 รองจากโรคมะเร็ง คงหนีไม่พ้น "โรคหัวใจ" อย่างแน่นอน

    ตอนนี้โรคหัวใจคร่าชีวิตผู้ป่วยไปมากถึง 5 คนต่อชั่วโมงเลยทีเดียว ด้วยเหตุนี้ศูนย์หัวใจโรงพยาบาลวิภาวดี จึงจัดงาน "สัปดาห์รักษ์หัวใจ" ร่วมสืบสานนโยบายองค์กรอนามัยโลกกับหัวข้อ Know Your Risk คุณรู้ความเสี่ยงโรคหัวใจของคุณเองหรือไม่? รณรงค์ให้ทุกคนตระหนักถึงภัยร้าย รวมถึงการป้องกัน และลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจก่อนที่ภัยเหล่านี้จะมาถึงตัว


    [​IMG]

    นายแพทย์กิตติ ตระกูลรัตนาวงศ์ แพทย์ประจำศูนย์หัวใจโรงพยาบาลวิภาวดี กล่าวว่า โรคหัวใจมีสาเหตุการเกิดทั้งจากปัจจัยทางพันธุกรรม และปัจจัยภายนอกร่างกาย เช่น การดำเนินชีวิต การบริโภคอาหาร การสูบบุหรี่ ซึ่งปัจจุบันพบผู้ป่วยชนิดโรคหลอดเลือดหัวใจมากเป็นอันดับ 1 สาเหตุมาจากหลอดเลือดแดงแข็งตัว เพราะมีไขมันหรือคอเลสเตอรอลมาเกาะติด เกิดเส้นเลือดเลี้ยงหัวใจตีบ กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดนำมาซึ่งสองอาการ คือ เจ็บและจุก แน่นบริเวณหน้าอก อึดอัดเหมือนถูกช้างเหยียบ ปวดร้าวไปที่หัวไหล่ บางรายเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นกะทันหันต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงให้เร็วที่สุด เนื่องจาก "เวลา" เป็นสิ่งสำคัญมากที่สุด

    ด้าน น.อ.นพ.วรงค์ ลาภานันต์ ให้เกียรติมาสาธิตขั้นตอนการช่วยชีวิตผู้ป่วยเบื้องต้น ป้องกันการสูญเสียผู้ป่วยไปอย่างฉับพลัน น.อ.นพ.วรงค์เล่าว่า อันดับแรกเวลาเห็นคนเจ็บหน้าอกแล้วล้มลงไปต้องตั้งสติตัวเองเป็นอันดับแรก ก่อนที่จะลงมือช่วยเหลือผู้ป่วย


    [​IMG]

    "ขั้นแรกให้เข้าไปเขย่าตัว หรือเรียกดังๆ ดูว่ามีการตอบสนองหรือไม่ ถ้าไม่มีค่อยเริ่มช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน โดยเปิดทางเดินหายใจ เงยหน้าผู้ป่วย มือด้านไกลกดหน้าผาก อีกมือหนึ่งใช้สองนิ้วเชยที่กระดูกคาง ตรวจการหายใจ ตาดู หูฟัง แก้มรับสัมผัส 5-10 วินาที ถ้าไม่หายใจ ช่วยการหายใจ (เม้าท์ทูเม้าท์) และปั๊มหน้าอก วางมือกึ่งกลางราวนม สันมืออยู่บนกระดูกหน้าอก แล้วกดด้วยสันมือ ตั้งฉาก แขนตรง ไม่งอศอก (จำไว้ว่าต้องกดไม่ใช่กระแทก) ตามสูตรคือ เป่าปาก 2 ครั้ง กดหน้า 30 ครั้ง ถ้ามีการเคลื่อนไหวหรือถ้าหายใจและมีชีพจรให้จัดผู้ป่วยนอนในท่าพักฟื้น พาผู้ป่วยถึงมือแพทย์ให้เร็วที่สุด" น.อ.นพ.วรงค์แนะนำ

    แต่ทั้งนี้วิธีการห่างไกลโรคหัวใจที่ดีที่สุด นายแพทย์กิตติกล่าวว่า ควรเริ่มจากการป้องกัน โดยเริ่มจากดูแลตนเอง ตรวจสุขภาพเพื่อคัดกรองความเสี่ยงทุกปี ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่างๆ ที่จะทำลายสุขภาพ เช่น การเลือกรับประทานอาหาร ไม่รับประทานอาหารที่มีไขมันสูงจนเกินไป ควบคุมน้ำหนักให้พอดี และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ...เท่านี้ก็จะได้ "สวยอมตะ" ทั้ง "ตัว" และ "หัวใจ" แล้ว


    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คมชัดลึก
    [​IMG]
    - glitter.kapook.com โดย Mena-BooNSonG
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    ผมเองก็ต้องร่วมด้วยเช่นกัน

    ผมมีมวลสารหลายๆอย่าง ที่จะมอบให้เพื่อหล่อองค์พระอานนท์เถระเจ้าครับ
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    คุณเพชร ไม่ต้องขออนุญาตกับผมนะครับ ผมเองต้องขอบคุณที่คุณเพชร ได้มาบอกบุญในกระทู้ เพื่อให้พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ และท่านผู้ที่เข้ามาอ่านกระทู้พระวังหน้าฯ ได้มีโอกาสร่วมกันทำบุญครับ

    โมทนาบุญกับทุกๆท่านครับ
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 9 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 6 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, Beer1469, Haruki </TD></TR></TBODY></TABLE>

    เอ้ พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ไปไหนกันหมดเนี่ย
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วันนี้ มีโอกาสได้พาท่านอาจารย์ประถม อีกทั้งผู้ติดตาม 3 ท่าน และคุณหมอ 2 ท่าน ไปที่วัดไอ...... เป็นอย่างไรบ้างครับคุณหมอ

    เห็นแล้วตะลึงตึงๆ ไม่ว่าจะเป็นจตุคามรามเทพ (สร้างที่ประเทศจีน และนำเข้ามาในเมืองไทย ในรัชสมัยรัชกาลที่ 3 และได้มาจากท่านผู้หญิงท่านนึง) ,พระนาคปรก สมัยทวาราวดี ที่องค์ใหญ่มาก ,พระพุทธรูปอีกมาก เช่น พระชัยหลังช้าง ที่พระพุทธรูปอยู่บนหลังช้าง หรือพระพุทธรูปเศรษฐีนวโกศ หรืออีกมากมาย

    เห็นกำปั่นสมัยรัชกาลที่ 4 แล้วเป็นยังไงบ้างครับ

    .
     
  11. gnip

    gnip สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +14
    เรียนคุณเพชร

    วันนี้ได้โอนเงินร่วมบุญ 2 รายการค่ะ

    1.ร่วมบุญไฉไบ๊จำนวน 500 บาท 11/10/08 17.43 น. ที่ไทยพาณิชย์ สาขา Big C นครปฐม
    2.ร่วมบุญสร้างบุษบกจำนวน 200 บาท 11/10/08 17.42 น.ที่ไทยพาณิชย์ สาขา Big C นครปฐม

    ขอสร้างบุญบารมีโดยการเกาะกระแสบุญในครั้งนี้ด้วยค่ะ

    อนุโมทนากับทุกท่านด้วยค่ะ
     
  12. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ขอโมทนาบุญสร้าง"ไฉไบ๊"กับคุณksriuta คุณnarin96 คุณคัง คุณgnip ด้วยครับ

    ก่อนหน้านี้มีผู้ร่วมบุญมาบางส่วนเป็นทุนเริ่มต้นก่อนแล้วดังนี้

    -คุณ:::เพชร::: 2,500 บาท(จากการให้บูชาพระสมเด็จปัญจสิริจำนวนหนึ่ง เพื่อตั้งองค์กฐิน วัดถ้ำเอราวัณ จ.ลพบุรี)

    -คุณจาตุรงค์ 2,000 บาท
    -คุณเล็ก 500 บาท
    -คุณจิ๋ม Asia Phone 500 บาท
    -คุณสุพิตรา 1,000 บาท

    1 ) คุณnongnooo 500 บาท
    2 ) คุณake7440 500 บาท
    3 ) คุณhongsanart 1,000 บาท(สร้างบุษบกฯ 1,000 บาท)
    4 ) คุณchannarong_wo 500 บาท
    5 ) คุณgnip 500 บาท(สร้างบุษบกฯ 200 บาท)
    6 ) คุณnewcomer 200 บาท
    7 ) คุณทองอ้วน 500 บาท
    8 ) คุณkaticat 500 บาท
    9 ) คุณkwok 500 บาท
    10) คุณdragonlord 1,000 บาท
    11) คุณพิมพาภรณ์ 300 บาท
    12) คุณksriuta 500 บาท
    13) คุณnarin96 500 บาท
    14) คุณคัง 500 บาท

    ยอดรวมในขณะนี้ 14,000 บาท ขออนุโมทนาด้วยครับ
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  13. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    คุณเพชร ไม่ต้องขออนุญาตกับผมนะครับ ผมเองต้องขอบคุณที่คุณเพชร ได้มาบอกบุญในกระทู้ เพื่อให้พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ และท่านผู้ที่เข้ามาอ่านกระทู้พระวังหน้าฯ ได้มีโอกาสร่วมกันทำบุญครับ

    โมทนาบุญกับทุกๆท่านครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ขอบคุณ และขอโมทนาด้วยครับคุณหนุ่ม งานบุญที่เกี่ยวเนื่องโดยตรงกับหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร และกรมพระราชวังบวรสถานมงคลทั้ง ๕ พระองค์ เท่าที่ผมพิจารณาแล้วมีไม่กี่แห่งจริงๆ มีสถานที่ที่ให้เราท่านสามารถร่วมบุญกันได้ยกเว้นที่บ้านของอาจารย์ปู่ประถมแล้ว ผมคิดว่าไม่มีสถานที่ใดแล้ว นอกจากที่ศาลเทพารักษ์แห่งนี้ การทำบุญที่ศาลแห่งนี้ จึงเปรียบเสมือนกับการได้ชำระหนี้สงฆ์ ชำระหนี้วังโดยตรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ได้รับ หรือครอบครองพระเครื่องของวังหน้าองค์ใดองค์หนึ่ง การถวายบุญให้เทพเทวาประจำองค์พระ ผู้สร้าง พระผู้เสก เจ้าของมวลสาร จึงสามารถทำพร้อมกันในคราวเดียว อยู่ที่จิตเจตนาในการตั้งจิตอธิษฐานบอกกล่าว

    ในวันที่ ๓ พ.ย. ๒๕๕๑ นี้ ตรงกับวันจันทร์ เป็นวันที่จะเปลี่ยนเครื่องบวงสรวงทุกต้นเดือน และกลางเดือน และยังเป็นวันทำงานของบางท่าน หากเพื่อนท่านใดสะดวกในการเดินทางไปร่วมถวายด้วยกันก็จะยินดีเป็นอย่างยิ่ง ศาลเทพารักษ์อยู่ที่ถนนเศรษฐศิริ ใกล้กับ ร.พวิชัยยุทธ และที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ หากมาทางด่วนก็สามารถลงที่ทางด่วนพระราม ๖ แล้วชิดขวาไว้ เลี้ยวมาตามถนนเลียบคลองประปา เปิดไฟเลี้ยวขวา ตรงไฟแดงไฟเขียว เข้ามาจนสุดทาง แล้วเลี้ยวซ้ายข้ามทางรถไฟ ในลักษณะ ๔ แยก ฝั่งตรงหน้าเราจะมีถนนเข้าซอยชื่อว่า เศรษฐศิริ ประมาณ ๗๐๐ เมตร ทางขวามือเป็นศาลเทพารักษ์ ที่จอดรถอยู่ก่อนศาลเทพารักษ์เล็กน้อย

    หากท่านใดไม่สะดวกไปร่วมงานในวันจันทร์ที่ ๓ พ.ย. นี้ ส่วนเวลากี่โมงนี้จะเป็นช่วงเช้าก่อน ๑๐ โมงเช้า โดยจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง ก็ให้เพื่อนๆที่ได้ร่วมบุญสร้าง"ไฉไบ๊"นี้ได้ตั้งจิตอธิษฐานขอถวายเป็นเครื่องสักการะประจำศาลเทพารักษ์แห่งนี้ ขอถวายเป็นการชำระหนี้สงฆ์ หนี้พระราชวังที่เคยได้ละเมิดศีลข้ออทินนาตราบเท่าที่จะมีวาระของการเปลี่ยนเครื่องสักการะอีกครั้งในกาลอนาคต ขออุทิศถวายส่วนบุญส่วนกุศลนี้เจาะจงแด่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรทุกๆพระองค์ กรมพระราชวังบวรสถานมงคลทั้ง ๕ พระองค์ เทพเทวาอารักษ์ประจำศาลเทพารักษ์แห่งนี้(ให้จดจำภาพ และรายละเอียดที่ผม post ไว้เพื่อการเข้าถึงการน้อมถวายในครั้งนี้)...
    [​IMG][​IMG][​IMG]

    [​IMG][​IMG][​IMG]

    [​IMG][​IMG][​IMG]

    [​IMG][​IMG][​IMG]

    [​IMG][​IMG][​IMG]

    [​IMG][​IMG][​IMG]

    [​IMG][​IMG][​IMG]

    ผ้าผืนนี้นี้ไงครับ
    [​IMG]
    <!-- / message --><!-- sig -->
    <!-- / message --><!-- sig -->__________________
     
  14. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    สมัยหลวงปู่โตแจกพระสมเด็จวัดระฆัง ก็มีมากมาย จนเด็กๆสมัยนั้นนำไปทอยเล่นกับพื้น หลวงปู่โตท่านก็ว่า ต่อไปพระสมเด็จจะหายาก...


    สมัยที่หลวงพ่อฤาษีแจกพระคำข้าวองค์ละ ๑๐ บาท จนเป็นทำสังฆทาน ๑๐๐ บาท แจก ๑ องค์เพื่อเป็นระลึกถึงบุญสังฆทาน จนบางคณะมาถวายสังฆทานทุกเดือนที่ซอยสายลม ครั้งละ ๑๐๐,๐๐๐ ต้องยกสังฆทานแบบกะละมัง ๕๐ เที่ยว รับพระคำข้าวครั้งละ ๒๐ องค์ซึ่งทางวัดแพ็คใส่ซองพลาสติกไว้ จนเวลานี้ พระคำข้าวกลายเป็นของหายาก ของมีราคา เป็นราคาองค์ละ ๑,๖๐๐ บาท....


    พระวังหน้าเมื่อก่อนเยอะแยะไปหมด บ้างไม่มั่นใจ!!ทำไมเยอะ?? บ้างก็ไปพบของเก๊ ทั้งๆที่ว่าของจริงก็ยังหาได้ แต่เวลานี้กลับหายากขึ้นมาบ้างแล้ว อีกไม่นานจะได้เข้าใจกัน จะได้รู้กันว่า อะไรเป็นอะไร สายไปหรือเปล่า ที่จะมาตามหาในเวลานั้น คุณดู๋สัญญาอาจจะได้นำไปออกรายการ"ตาสว่าง" ชาวบ้านชาวช่องก็จะได้เห็น ได้รู้ ได้เข้าใจกัน ...

    ทองแท้ ยังไงก็ยังเป็นทองแท้อยู่วันยังค่ำ...
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ปู่เย็น

    http://galyani.panyathai.or.th/wiki/index.php/%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%A2%E0%B9%87%E0%B8%99

    เรื่องราวชีวิตของชายชราอายุผู้หนึ่งที่มีอายุกว่า 106 ปี ซื่อ ปู่เย็น หรือ นายเย็น แก้วมะณี ที่อาศัยกินอยู่หลับนอนบนเรือแทนบ้าน และยึดอาชีพการหาปลาขายเลี้ยงตนเองตามลำพัง ได้ถูกเปิดเผยขึ้นและถ่ายทอดผ่านทางรายการทีวี ที่มีชื่อว่า รายการคนค้นคน เข้ามาสัมผัสและถ่ายทองเรื่องราวชีวิตของปู่เย็น เฒ่าทระนงแห่งลุ่มแม่นำเพชรบุรี ออกสู่สายตาคนทั้งประเทศถึงสามตอน ทำให้หลายคนและหลายครอบครัวทั้งในจังหวัดเพชรบุรี และต่างจังหวัด เดินทางมาที่จังหวัดเพชรบุรี เพื่อมาหา มาเยี่ยม และมาดูตัวเป็นๆของปู่เย็น ผู้ที่อายุยืนนับร้อยปี ทำให้ในช่วงนั้นจังหวัดเพชรบุรีคึกคัดเป็นพิเศษ และที่สำคัญไปกว่านั้น และสร้างความปราบปลื้มใจให้แก่ชาวจังหวัดเพชรบุรี และตัวปู่เย็นมากที่สุดก็คือ วันที่ 23 มีนาคม 2548 เป็นวันที่ปู่เย็น ได้เข้ารับเรือพระราชทานต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่จัดขึ้นบริเวณท่าน้ำหลังจวนผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งงานนี้ประชาชนทั้งจังหวัดเพชรบุรี และตัวปู่เย็นต่างยินดีและซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นอย่างยิ่ง ชีวิตของชายชราผู้หนึ่ง ซึ่งหากินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องของตนเองด้วยการหาปลาขาย ไม่โกงใคร และยึดหลักที่ว่า หอยไม่มีมือ ไม่มีตีน ยังหากินได้ นับประสาอะไรกับคน มีทั้งมือทั้งตีนต้องหากินได้ คำพูดของชายชราผู้นี้ถูกถ่ายทอดออกไปทำให้คนหลายๆคนมีกำลังใจในการต่อสู้ชีวิต และรู้จักคำว่าพอเพียง และใครจะรู้ว่าหากไม่มีรายการคนค้นคน หรือ สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิและทีมงานชีวิตของชายชราผู้นี้ อาจจะเหมือนคนแก่ทั่วไปที่ถูกปล่อยปะละเลย ไม่มีใครสนใจ หรืออาจจะไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่ายังมีคนแบบปู่เย็นอยู่ในโลก

    ปู่เย็น เฒ่าทระนง
    [​IMG]
    ขณะเกิดฝนตกหนักประชาชนส่วนใหญ่ก็กำลังนอนหลับอยู่ภายในบ้านกันอย่างสบาย แต่ใครจะนึกว่าขณะเดียวกัน ปู่เย็น เฒ่าแห่งแม่น้ำเพชรบุรี ได้ทุรนทุรายเพื่อที่จะหนีความเปียกปอนอาศัยใต้ถุนสะพานเป็นหลังคาบ้าน จนเกิดอุบัติเหตุหกล้มได้รับบาดเจ็บ คะเราไปติดตามเรื่องนี้ ผู้คนจากอำเภอท่ายางอำเภอบ้านแหลมและอำเภอเมืองเพชรบุรี พร้อมทีมข่าวพีซีทีวีจำนวนหนึ่งเดินทางมาเยี่ยมและดูอาการของ ปู่เย็น เฒ่าทระนง แห่งแม่น้ำเพชรบุรี หลังทราบว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาปู่เย็นได้ลื่นหกล้มที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำใต้สะพานลำใย เนื่องจากขณะนั้นมีฝนตกหนัก
    ปู่เย็น ได้เล่าว่า ขณะนอนหลับอยู่ภายในเรือที่เทียบอยู่ริมฝั่งแม่น้ำใต้สะพาน เกิดมีฝนตกหนักและอากาศค่อนข้างเย็นเกรงว่าผ้าห่มจะเปียก จึงรีบตื่นเพื่อที่จะขึ้นไปนอนบนบกใต้เชิงสะพาน จึงเกิดลื่นหกล้มจนมีแผลถลอกที่บริเวณแขนข้างขวา และนิ้วเท้าข้างซ้ายเป็นรอยฟกช้ำ ครั้งแรกปู่เย็นได้ฉีกเอาเศษผ้ามาซับเลือดบริเวณบาดแผลพร้อมกับพันทับเอาไว้ หลังจากทีมข่าวได้พูดคุย กับปู่เย็นแล้วจึงช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้นโดยการนำเศษผ้าที่ปู่เย็นได้พันเอาไว้ออก แล้วนำผ้าพันแผลที่ถูกหลักอนามัยมาพันแทน จากนั้นได้ประสานไปยังจังหวัดเพชรบุรีเพื่อให้ช่วยประสานต่อไปยังแพทย์จากโรงพยาบาลพระจอมเกล้าจังหวัดเพชรบุรี และหลังจากแพทย์เดินทางมาถึง ปู่เย็น ได้พูดว่า ไปรบกวนคุณหมอทำไม….เกรงใจเขา ซึ่งคำพูดนี้จะได้ยินจากปาก ปู่เย็น เป็นประจำ เนื่องจากนิสัยส่วนตัวแล้วปู่เย็น จะเป็นคนเกรงใจคน จากนั้นแพทย์ได้ใส่ยาฆ่าเชื้อให้พร้อมกับพันแผลตามปกติ หลังทำแผลเรียบร้อยแล้วปู่เย็นก็ได้พูดคุยกับผู้ที่เดินทางไปเยี่ยมอย่างร่าเริง พร้อมกับบอกว่าช่วงนี้ไม่มีเวลาที่จะออกหาปลา เนื่องจากต้องรับแขกที่เดินทางมาเยี่ยม และพูดติดตลกอีกว่า สงสัยตัวเองจะดังใหญ่แล้ว ปล่อยเขาเดี๋ยวก็ซาไปเอง


    [​IMG]

    ปู่เย็น เฒ่าทระนง แห่งแม่น้ำเพชรบุรี เล่าถึงความรู้สึกที่มีต่อแม่น้ำเพชร ซึ่งได้สะท้อนให้รู้ว่า แม่น้ำเพชรบุรีแหล่งนี้ในอนาคตจะเป็นเช่นไร ถ้าวันนี้ไม่ได้รับการพัฒนาคะจากการที่ทีมข่าวได้เสนอเรื่องราวของ ปู่เย็น แก้วมะณีอายุ 105 ปี เฒ่าทระนง แห่งแม่น้ำเพชรบุรี ที่ใช้ชีวิตอยู่ในเรือกลางแม่น้ำเพชรบุรีมากว่า 10 ปี หลังจากภรรยาเสียชีวิตเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2536 โดยประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองด้วยการหาปลาขายแบบการขึงตาข่ายบริเวณแม่น้ำเพชรบุรี ซึ่งปัจจุบันขายปลาได้วันละ 30-70 บาท
    ปู่เย็น ได้เล่าให้ทีมข่าวฟังอย่างเหนื่อยล้าว่า อดีตแม่น้ำเพชรบุรีนั้นมีความอุดมสมบูรณ์ แต่เดี๋ยวนี้ลำคลองตั้งแต่บริเวณวัดท่ากระเทียม อ.ท่ายาง ตลอดเรื่อยมาถึง อ.เมือง นั้นมีความสกปรกมาก น้ำที่เคยอาศัยใช้ดื่ม เดี๋ยวนี้ไม่กล้าดื่มแล้วเพราะเกรงว่าจะทำให้ท้องเสีย ปู่เย็น ยังได้เล่าต่ออีกว่า ทุกวันนี้ได้อาศัยน้ำโพลาลิดดื่ม แต่ไม่รู้สึกหนักท้อง ผิดกับน้ำเพชรในสมัยก่อนเมื่อนำมาดื่มจะรู้สึกอิ่มและหนักท้อง และแม่น้ำเพชรขณะ บางจุดจะมีกอซอล้มขวางทำให้มีความลำบากในการล่องเรือเป็นอย่างมากปู่เย็น ยังได้เล่าถึงการพัฒนาแม่น้ำเพชรบุรีของหน่วยงานต่างๆ ที่ผ่านมา ว่า มีการพัฒนาไม่ทั่วถึง ทำแบบเอาหน้าเอาตาและเอาใจเจ้านายเท่านั้น เมื่อเจ้านายไม่เห็นจะทำเหมือนผักชีโรยหน้า ทุกวันนี้ขยะก็มากมายทำให้ลำบากในการวางตาข่ายดักปลาเท่าที่ทีมข่าวได้พูดคุยกับปู่เย็น จะเห็นว่าปู่เย็น นั้นมีความคิดที่มีความสร้างสรรค์เป็นอย่างยิ่ง ซึ่งน้อยคนนักที่จะมีความรู้สึกดีดีกับแม่น้ำเพชรบุรี อันเปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงชาวจังหวัดเพชรบุรี ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน การพูดคุยกับ ปู่เย็น ในครั้งนี้ ทำให้ทราบถึงกฎเกณฑ์ในการดำรงชีวิต เป็นการต่อสู้เพื่อการดิ้นรนให้อยู่รอดไม่ใช่เป็นเรื่องยากลำบาก ซึ่งก็เปรียบเหมือน ชีวิตของ ปู่เย็น ที่กำลังต่อสู้เพื่อการอยู่รอด โดยการอาศัยแม่น้ำเพชรบุรี หาปลาขายเพื่อเลี้ยงชีพ เหมือนกับแม่น้ำเพชรบุรี ขณะนี้ต้องทนเเบกรับกับสิ่งสกปรกที่มนุษย์ได้กระทำเอาไว้และไร้คนเหลียวแลที่จะพัฒนาจนนำไปสู่เกิดการเน่าเสีย เมื่อนั้น ปู่เย็น และคนทั้งจังหวัดคงจะอาศัยแหล่งน้ำอันเป็นประวัติศาสตร์แหล่งนี้ในการดำรงชีพให้อยู่รอดต่อไม่ได้ ไปเยี่ยมเยียนอยู่เรื่อยๆและอีกไม่กี่วันเรือพระราชทานของปู่เย็นก็จะสร้างเสร็จแล้วและปู่เย็น ยังยืนยัน รักษาสัจจะว่าจะกลับบ้านเมื่อถึงหน้าเดือนหก
    ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี นาย ประสงค์ พิทูรกิจจา เปิดเผยถึงเรือพระราชทานที่ นายเย็น แก้วมะณี อายุ 105 ปี ซึ่งอาศัยหลับนอนอยู่ในเรือ และประทังชีพด้วยการหาปลาขาย จะได้ รับพระทานจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ว่าเป็นฝีมือการออกแบบของวิทยาลัยการต่อเรือพระนครศรีอยุธยา เป็นเรือกว้าง 1 เมตร ยาว 6 เมตร มีประทุนหลังคากันแดดกันฝน ด้านครึ่งเรือตอนท้ายจะมีผ้ามุ้งสำหรับกันยุงและสิ่งอำนวยความสะดวกในเรืออย่างครบครัน เช่น ยารักษาโรค และพาชนะจำเป็นสำหรับการอุปโภคบริโภค ตลอดเครื่องใช้จำนวนหนึ่ง สำหรับตัวเรือจะเป็นเนื้อไฟเบอร์กลาสตลอดทั้งลำ มีน้ำหนักเบาสามารถลอยตัวอยู่ในน้ำตื้นได้ โดยจะสร้างเสร็จภายในไม่เกิน 20 วัน
    ซึ่งทุกวันนี้ ยังคงมีผู้มีน้ำใจทั้งภายในจังหวัดเพชรบุรีและจังหวัดใกล้เคียงเดินทางมาที่สะพานลำใย อ.เมืองเพชรบุรีอย่างไม่ขาดสาย เพื่อเยี่ยมปู่เย็นด้วยความเป็นห่วง โดยในช่วงเย็นปู่ได้ขึ้นมานั่งรับผู้ที่มาเยี่ยมเยียนบนบันไดสะพาน ปู่เย็น ได้เล่าถึงเหตุผลที่ขึ้นจากเรือมานั่งบนบันไดสะพานว่า หลายวันมานี้มีผู้มานั่งพูดคุยและเยี่ยมเยียนที่เรือทุกวัน ตนจึงไม่ได้ออกเรือและตนก็รู้สึกเกรงใจผู้ที่มาเยี่ยมซึ่งต้องเดินทางลงไปใต้สะพานซึ่งไม่สะดวก เมื่อวันก่อนฝนตกหนักทำให้ใกล้ๆ ที่จอดเรือมีสภาพชื้นแฉะแต่คนก็มาเยี่ยมอย่างไม่ขาดสาย เมื่อห้ามคนมาเยี่ยมไม่ได้ จึงขึ้นมารอที่บันไดดีกว่า คนที่มีเยี่ยมจะได้ไม่ต้องลำบากเดินลงไป ปู่เย็นได้กล่าวว่าตอนนี้ตนไม่ได้ออกเรือเพราะตาข่ายหายไปประกอบกับคนที่มาเยี่ยมนำของมาให้มากมายหากผู้ที่มาเยี่ยมน้อยลงตนก็จะออกหาปลาตามปกตินอกจากนี้ปู่เย็นยังบอกกันทีมข่าว พีชีทีวีว่า เจ้าของบ้านที่ตนพักอยู่ได้เดินทางมาตามและรับกลับไปพักผ่อนที่บ้านที่ อำเภอท่ายาง แต่ตนได้ปฏิเสธไป เพราะได้ลั่นวาจาเอาไว้แล้วว่าจะกลับขึ้นไปพักบนบกในราวเดือนหกตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาก็ต้องรักษาคำพูด จึงต้องอาศัยอยู่ในเรืออย่างที่เคยพูดไว้


    [​IMG]


    สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระราชเสาวนีให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี เยี่ยมเยียนและสอบถามถึงชีวิตความเป็นอยู่ของปู่เย็น เฒ่าทระนง แห่งลุ่มน้ำเพชรบุรี หลังจากทรงทอดพระเนตรรายการคนค้นคน ภายหลังจากที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถทรงทอดพระเนตร รายการคนค้นคนที่ได้นำเสนอเรื่องราวการดำเนินชีวิตของ ปู่เย็น แก้วมะณี เฒ่าทระนง แห่งแม่น้ำเพชรบุรี ซึ่งออกอากาศทาง ช่อง 9 อสมท.เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา และทำให้พระองค์ทรงห่วงใย จึงมีพระราชเสาวนีให้ นายประสงค์ พิทูรกิจจา ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี เดินทางไปเยี่ยมเยียนโดยให้สอบถามถึงชีวิตความเป็นอยู่และความต้องการต่างๆของ ปู่เย็น พร้อมกับนำสิ่งของพระราชทานให้แก่ปู่เย็น
    จากนั้นเมื่อช่วงเย็นวันที่ 2 มีนาคม 2548 ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี นายประสงค์ พิทูรกิจจา และคุณหญิงสงวนศรี พิทูรกิจจา นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเพชรบุรี พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ สื่อมวลชนจำนวนหนึ่ง เดินทางไปเยี่ยม ปู่เย็น แก้วมะณี ณ บริเวณท่าน้ำศาลากลางบ้านคามวาสี อ.เมืองเพชรบุรี โดยนายประสงค์ พิทูรกิจา ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี ได้กล่าวว่า จะจัดหาเรือลำใหม่ที่มีหลังคาป้องกันแดดและฝนได้ เบื้องต้นผู้ว่าราชการจังหวัดได้มอบหมายให้ นายเกียรติศักดิ์ หรือกบ กล่อมสกุล คนสนิทของปู่เย็น ไปจัดหาเรือที่มีความเหมาะสมดังกล่าวเพื่อมอบให้กับปู่เย็น
    สำหรับประวัติ ปู่เย็น เป็นชาวจังหวัดเพชรบุรีมาโดยกำเนิด มีอาชีพรับจ้างเลี้ยงวัว อาศัยอยู่บ้านเลขที่ตามทะเบียนราษฎร์ 274/4 ถ.มาตยาวงศ์ ต. ท่าราบ อ. เมืองเพชรบุรี อายุ ๘๖ ปี แต่เจ้าตัวเล่าให้ฟังว่า เกิดปีฉลู ขณะนี้อายุ 106 ปีแล้ว มีบิดาชื่อนายสุข แก้วมะณี มารดาชื่อนางชม แก้วมะณี ภรรยาชื่อนางเอิบ ซึ่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2536 ปี หลังจากภรรยาเสียชีวิตปู่เย็นจึงใช้ชีวิตอยู่ในเรือมาโดยตลอดนับว่ากว่า ๑๐ ปีแล้ว โดยประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองด้วยการหาปลาแบบการขึงตาข่ายบริเวณแม่น้ำเพชรบุรี ปัจจุบันขายปลาได้วันละ 30-70บาท
    สำหรับการใช้ชีวิตประจำวันของปู่เย็น จะอยู่แบบเรียบง่าย ใช้เรือเป็นที่อาศัยหลับนอน ปู่เย็นจะขึ้นฝั่งไปพักอยู่กับหลานที่อำเภอท่ายางก็ต่อเมื่อช่วงฤดูน้ำหลากเท่านั้น จากการสังเกตระหว่างการพูดคุยของปู่เย็นพบว่าปู่เย็น มีแนวทางการดำเนินชีวิตวางไว้อย่างมีกฎเกณฑ์ โดยพึ่งพาธรรมชาติ ใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย นิสัยส่วนตัวเป็นคนขี้เกรงใจ ยึดถือคำพูดเป็นหลัก
    ชีวิตปู่เย็น เฒ่าทระนง กับแม่น้ำเพชรบุรี กำลังจะได้รับการพัฒนา เนื่องจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเริ่มที่จะให้ความสนใจและให้ความสำคัญต่อแม่น้ำเพชรแล้ว ปู่เย็น เฒ่าทระนงแห่งแม่น้ำเพชรบุรี ก็ยังคงใช้ชีวิตอยู่ภายในเรือใต้ถุนสะพานลำไยตามปกติ ซึ่งภายหลังจากรายการคนค้นคน ได้เผยแพร่เรื่องราวของปู่เย็นตามที่ทีมข่าวพีซีทีวีได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น ขณะนี้ชีวิตความเป็นอยู่ของปู่เย็นเริ่มจะดีขึ้น ทุกวันนี้ปู่เย็นไม่ต้องหุงข้าวกิน ไม่ต้องลงเรือหาปลา เนื่องจากมีประชาชนทั้งในและต่างจังหวัดเดินทางมาเยี่ยมเยียนอย่างไม่ขาดสาย บ้างก็ซื้ออาหาร ขนม ผลไม้ และผ้าห่ม มาให้ปู่เย็น บางวันปู่เย็นไม่มีเวลาแม้แต่พักผ่อนเพราะต้องรับแขก ทำให้เสียงแหบร่างกายมีอาการอ่อนล้า ส่วนขนมหรือผลไม้นั้น ปู่เย็นก็จะแบ่งปันให้กับเด็กๆ ที่มาลงเล่นน้ำและเที่ยวเล่นอยู่บริเวณใกล้เคียง กินกัน


    [​IMG]


    ซึ่งปู่เย็น ได้เล่าให้ว่า ทุกๆวันจะมีผู้คนเดินทางมาเยี่ยมตนไม่ขาดสาย ทำให้ตนต้องพูดมากจนทำให้มีอาการเจ็บคอและเสียงแหบ และเมื่อวันที่๑๔ มีนาคม ที่ผ่านมา ได้มีผู้คนเดินทางมาเยี่ยมกันเป็นจำนวนมาก พร้อมบอกกับปู่ว่าจะเอาปู่ไปอยู่ด้วย และพร้อมจะปลูกบ้านให้อยู่ แต่ปู่เย็นได้ปฏิเสธและพูดติดตลกว่า ตนอยู่บ้านไม่ได้มันร้อนใจอยากจะออกไปไหนต่อไหน ถ้าจะปลูกบ้านให้เดี่ยวตนก็ขาย แล้วจะว่าไม่ดี ไม่เอาดีกว่ามันลำบากใจขออยู่ในเรือแบบเดิมจะดีกว่า ไม่ต้องไปรบกวนใครและไม่ให้ใครต้องมาเดือดร้อนด้วย
    อย่างไรก็ตามแม้ว่าปู่เย็นจะมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง แต่สังขารของร่างกายปู่เย็นก็ยังคงเป็นผู้สูงอายุทั่วไปที่ต้องการพักผ่อนมากกว่าปกติ สำหรับเรื่องราวของ ปู่เย็น เฒ่าทระนงแห่งแม่น้ำเพชรบุรีนั้นขณะนี้ก็ได้รับความสนใจจากประชาชนจากทั่วสารทิศเป็นจำนวนมาก เนื่องจากส่วนใหญ่แล้วจะเห็นว่าการดำเนินชีวิตของปู่เย็นนั้นจะเป็นคนที่สมถะโดยอาศัยกินและหรับนอนอยู่ในเรือเหล็กบริเวณใต้สะพานลำไย อีกทั้งปู่เย็นแกเป็นคนที่รู้ถึงการดำรงชีพจึงถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูดที่ทำให้ทุกคนที่ได้ฟัง สามารถนำกลับไปคิดและปฏิบัติตามในการอยู่ร่วมกับสังคมส่วนรวมได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังสามารถเป็นบุคคลตัวอย่างให้กับเยาวชนรุ่นหลังได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
    หลังจากที่รายการคนค้นคน ได้นำเสนอเรื่องราวการต่อสู้ชีวิตของปู่เย็นออกอากาศทางโมเดิร์นไนน์ทีวี และภายหลังที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงทอดพระเนตร ทำให้พระองค์ทรงห่วงใย จึงมีพระราชเสาวนี ให้นายประสงค์ พิทูรกิจจา ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี เดินทางไปเยี่ยมเยียนโดยให้สอบถามถึงชีวิตความเป็นอยู่และความต้องการต่างๆ ของปู่เย็น และทรงมีกระแสรับสั่งให้วิทยาลัยเทคโนโลยี่และอุตสาหกรรมการต่อเรือพระนครศรีอยุธยา จัดสร้างเรือลำใหม่ที่มีหลังคาเพื่อกันแดดกันฝนและติดตั้งมุ้งลวดกันยุงมอบให้กับปู่เย็น และเมื่อวันที่ 23 มี.ค. 2548 ที่ผ่านมา ปู่เย็นได้เข้ารับพระราชทานเรือต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ท่ามกลางประชาชนที่มาร่วมในพิธีหลายร้อยคน ซึ่งปู่เย็นกล่าวเพียงสั้นๆว่า ดีใจ ตื้นตันใจและเกรงใจ จากนั้นปู่เย็นได้ลงเรือพระราชทานพายทวนน้ำไปเทียบที่ใต้สะพานลำใยตามปกติ
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ปู่เย็น

    http://galyani.panyathai.or.th/wiki/...B9%87%E0%B8%99

    ประวัติเรือหาปลาของปู่เย็น
    [​IMG]
    โดยเรือลำเก่านั้นทีมข่าวได้ทราบข้อมูลจาก อาจารย์ นิคม คุปตะวินทุ ว่าเมื่อปลายปี พ.ศ. 2535 หรือประมาณ 14 ปีก่อนเคยบันทึกภาพขณะปู่เย็นใช้เรือไม้หรือที่เรียกกันว่าเรือมาด ออกดักปลาที่บริเวณหลังโรงเรียนสุวรรณรังสฤษ ซึ่งสังเกตเห็นคุณปู่แก่ๆ กับเรือเก่าๆกำลังตั้งหน้าตั้งตาดักตาข่ายเพื่อหาปลาไปขาย โดยปู่จะอาศัยแหล่งน้ำแห่งนี้เป็นที่หาปลา โดยสภาพแม่น้ำในสมัยนั้นมีความใสสะอาดซึ่งผิดกับปัจจุบันมาก ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.2540 ปู่เย็นได้เปลี่ยนเรือลำใหม่ และได้ซื้อเครื่องมาติด เนื่องจากสภาพร่างกายเริ่มโรยราแต่ต่อมาได้มีคนขโมยเครื่องของปู่ไป และเวลาผ่านไปอีกระยะหนึ่งปู่เย็นได้ให้เรือกับข้าราชการนายหนึ่งไปเนื่องจากมีสภาพผุพัง และปัจจุบันก็ยังไม่ทราบเหมือนกันว่าเรือไม้ลำนั้นไปอยู่ที่ใด หรือไม่ก็อาจจะพุพังไปแล้วก็ได้
    ส่วนเรือเหล็กที่ปู่ใช้อยู่ในปัจจุบันนี้ นายเกียรติศักดิ์ กล่อมสกุล ผู้ที่เรียกได้ว่ามีความใกล้ชิดกับปู่เย็นมากที่สุดในเวลานี้ ได้ให้ข้อมูลว่า เรือเหล็กที่ปู่เย็นใช้หาปลาอยู่ในปัจจุบันนี้ ปู่เย็นได้ซื้อมาจากเพื่อนที่อยู่ในอำเภอแก่งกระจาน ในราคา 8,000 โดยนายผิน เข็มเมือง หลานชายได้ช่วยออกเงินให้จำนวนสี่พันบาทพร้อมค่าขนส่ง โดยอดีตนั้นเรือลำนี้ก็ได้มีการติดเครื่องด้วย ต่อมาเครื่องยนต์พังจึงต้องใช้ไม้ถ่อ และเมื่อปีที่แล้วเรือลำดังกล่าวก็เกิดรอยรั่ว จึงได้นำขึ้นมาเพื่อทำการซ่อมแซม และถึงแม้ว่าเดือน๖ ที่จะถึงนี้ปู่เย็นจะกลับขึ้ฝั่งเเละกลับที่อำเภอท่ายางปู่ก็จะต้องนำเรือขึ้นไปด้วยและจะใช้เรือลำนี้หาปลาตลอดไป
    และเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2548 ที่ผ่านมา จังหวัดเพชรบุรีก็ได้จัดพิธีการมอบเรือให้กับปู่เย็น ที่บริเวณริมแม่น้ำข้างจวนผู้ว่าราชการจังหวัด เพชรบุรี สำหรับเรือพระราชทานดังกล่าวนี้ อาจารย์ วรเทพ บุญยัง อาจารย์ประจำแผนกช่างต่อเรือโลหะวิทยาลัยเทคโนโลยี่และอุตสาหกรรมพระนครศรีอยุธยา ก็ได้ให้ข้อมูลว่าเรือพระราชทานลำนี้ทำด้วยไฟเบอร์กลาสทั้งลำ ไม่มีเครื่องยนต์ ลักษณะยาวเรียว หัวท้ายแหลม น้ำหนักเบามาก กว้าง ๑ เมตร ยาว 6 เมตร ใต้ท้องเรือและใต้หัวเรือจะมีกล่องเอนกประสงค์สำหรับใส่สิ่งของ ท้องเรือลาดชันเพื่อให้น้ำไหลสะดวก พร้อมมีบ่อดักน้ำสำหรับวิดน้ำออกจากเรือ หรือสำหรับใช้ขังปลา ส่วนหลังคาทำด้วยผ้าใบอย่างดีตลอดทั้งลำ โครงหลังคาเป็นอลูมิเนี่ยม สามารถถอดพับได้ นอกจากนี้ยังมีหน้าต่างพร้อมติดมุ้งลวดพลาสติกอย่างดีสำหรับกันยุงและตัวแมลงได้อีกด้วย จากอดีตถึงปัจจุบันแม้ว่ากาลเวลาจะหมุนเปลี่ยนไหลเวียนดังสายน้ำแห่งแม่น้ำเพชรบุรีแต่วันนี้ ปู่เย็น ก็ยังคงยึดถือแม่น้ำสายนี้เปรียบเหมือนบ้านและยังคงใช้แม่น้ำแห่งนี้หาปลาเพื่อเลี้ยงชีพ และจะยังใช้แม่น้ำสายนี้หาปลาตลอดไป


    [​IMG]

    ปู่เย็น อายุ 106 ปี วัย 106 ปี ของชายชราคนหนึ่งน่าจะพูดได้ว่า เลยภาวะไม้ใกล้ฝั่งไปแล้วหลายขุม ปู่อยู่ตัวคนเดียว เคยมีเมียแต่ไม่มีลูก เพราะปู่เป็นหมัน ถ้าปู่มีลูกไม่แน่ว่าป่านนี้ลูกๆ ของปู่จะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ แต่ สำหรับปู่ ยังไงปู่ก็ยังไม่ตายแน่ๆ นอกจากยังไม่ตาย ปู่ยังแข็งแรงใช้ได้ ไม่ว่าร่างกายหรือหัวใจ
    ปู่เป็นมุสลิมเมืองเพชร แต่เมียปู่เป็นไทยพุทธแถวประจวบ ทั้งสองครองรักกันยืนยาวโดยไม่มีฝ่ายใดได้ เปลี่ยนรีตเปลี่ยนรอยศาสนา รวมทั้งในชีวิตไม่เคยมีพิธีกรรมออกหน้าออกตาอันใด ใช้หัวใจหรือหัว อะไรบ้างก็ไม่รู้ล่ะ รู้แต่ว่าอยู่กันมายืนยาวกว่าไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร ย่าขี้เกียจอยู่ดูโลก จากปู่ไปก่อน ตอนอายุ 92 ปี ปู่ถึงตอนนี้ยังไม่มีทีท่าว่าจะจากโลกนี้ไปไหน แต่ตอนย่าจากไปปู่ร้องไห้ อยู่ 3 เดือน ชายชราคนหนึ่ง ร้องไห้กับการจากไปของหญิงชราคนหนึ่งนาน 3 เดือน คงไม่ใช่เพราะความขี้แย นับแต่วันที่ย่าจากไป ปู่ก็ออกจากบ้านเช่าราคาเดือนละแปดร้อยบาท ขนทรัพย์สมบัติที่มีอยู่ไม่กี่ชิ้นในชีวิต มาอยู่บ้านหลังใหม่ ไม่มีเสา ไม่มีหลังคา ยาวราวๆ 2 วา กว้างแค่ 2 ศอก บ้านของปู่เป็นเพียง เรือลำเล็กๆ ลอยอยู่ในลำน้ำเพชร นับถึงปัจจุบัน ปู่กิน อยู่ หลับนอน อยู่ในเรือมานานนับสิบปี โดยมี การงานแห่งชีวิตเพียงอย่างเดียว คือ การดักอวนหาปลา
    ทุกวันปู่จะจอดเรือนั่งๆ นอนๆ อยู่ใต้สะพานลำใย ซึ่งทอดเชื่อมระหว่างบ้านหม้อ กับตลาดวัดท่อ พอเย็นๆ ก็จะเริ่มพายเรือออกไปหาที่วางอวน ปู่จะกู้อวนคืนละ 2 ครั้ง ดึกๆ ครั้งหนึ่ง รุ่งเช้าอีกครั้ง หนึ่ง ได้ปลา ปู่ก็จะเอาใส่กะละมังหิ้วขึ้นมาขายที่ตลาดวัดท่อในตอนเช้า ก่อนเดินกลับลงไปพักผ่อน ชม เวลาเลือนผ่านชีวิตไปโดยไม่วิตกทุกข์ร้อน หรือไม่ก็ซ่อมอวนอยู่ในเรือนเรือ ปู่ไม่ชอบให้ใครสงสารปู่ แต่ปู่ชอบสงสารคนอื่น ปู่มักจะขายปลาที่นับวันยิ่งหายากในราคาถูกๆ คนที่มาซื้อเห็นปู่ขายถูก ยิ่งขอซื้อให้ถูกเข้าไปอีก แต่ปู่ก็ไม่ว่าอะไร นานปีทีหนจึงจะมีคนใจดี ซื้อปลาไม่กี่ตัว ให้ เงินเกินมา ไม่เอาเงินที่ปู่ทอนกลับไป แบบนี้ปู่ไม่ว่าอะไร แต่ถ้าใครให้ปู่ฟรีๆ มีปัญหาทันที
    มีคนเคยถามว่า ทำไมปู่ไม่ไปขอความเมตตาจากใครๆ เขา คนแก่ๆ ยังไงๆ ใครๆ ก็สงสาร ปู่บอกว่า ไม่เอา ไม่ชอบที่สุด ดูแต่หอยซิ ไม่มีมือมีตีน มันยังหากินได้เอง (รู้จักมั้ยหอยน่ะ
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>แข็งแรงสุขภาพดีแค่ไหน วินิจฉัยได้จาก ‘มือ’
    http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9510000119691

    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>11 ตุลาคม 2551 20:32 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=220 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=220>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>มือเป็นเบาะแสอย่างดีว่ามีโรคร้ายแฝงเร้นรอสำแดงฤทธิ์ในร่างกายหรือไม่</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> เดลิเมล์ - ผิวแห้ง เล็บเปราะ ไม่ใช่สัญญาณเตือนให้คุณต้องหันมาใส่ใจกับมือเท่านั้น แต่ผลวิจัยใหม่ระบุมือและเล็บเป็นแหล่งรายละเอียดสำคัญของสุขภาพของคนเรา รวมถึงเบาะแสของโรคร้ายที่ซ่อนเร้น เช่น มะเร็ง

    หญิงชราวัย 74 ปีที่ดูภายนอกสุขภาพดีสมวัย ต้องไปพบแพทย์หลังมีตุ่มแข็งขึ้นบนฝ่ามือ ตุ่มเหล่านั้นโตขึ้นและลามมาบรรจบกัน ทำให้มือแข็งเหมือนไม้กระดาน ขยับเขยื้อนลำบากและปวด

    แพทย์ไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ แต่ภายหลังตัดสินใจตรวจหามะเร็งรังไข่กับหญิงชรา หลังอ่านตำราแพทย์ และพบว่าตุ่มแข็งดังกล่าว (palmar fasciitis) เป็นสัญญาณบ่งชี้โรคมะเร็งรังไข่

    แม้ยังไม่สามารถอธิบายได้ว่า เหตุใดเนื้อร้ายจึงมาสำแดงอาการถึงบนฝ่ามือ แต่ทฤษฎีหนึ่งที่ฟังดูมีเหตุผลก็คือ เซลล์มะเร็งผลิตสารเคมีที่เป็นตัวการของพังผืด

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=220 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=220>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ดร.เกรแฮม อีสตัน แพทย์ประจำบ้านในลอนดอนและผู้จัดทำรายงาน ยืนยันว่า มือสามารถให้เบาะแสสำคัญเกี่ยวกับสุขภาพ

    “ผมพยายามจับมือกับคนไข้เมื่อพบกันครั้งแรก ไม่ใช่เพื่อมารยาท แต่มืออัดแน่นด้วยข้อมูลสุขภาพทั่วไป ตั้งแต่ไทรอยด์ไปจนถึงโรคข้อกระดูกอักเสบ

    “จริงๆ แล้วหมอวิเคราะห์โรคคนไข้ได้จากมือมากกว่าจากใบหน้าเสียอีก”

    ต่อไปนี้คือสัญญาณบนมือที่สื่อถึงปัญหาสุขภาพบางส่วน

    ฝ่ามือแดง
    ส่อเค้า: ตับแข็ง


    มือบ่งบอกข้อมูลมากมายของสภาพตับ หนึ่งในสัญญาณสุดคลาสสิกของโรคตับแข็งคือ ฝ่ามือแดง

    ตับแข็งหมายถึงอาการที่เนื้อเยื่อตับเต็มไปด้วยริ้วรอยแผล และแม้ส่วนใหญ่เกี่ยวพันกับการดื่มหนัก แต่เป็นไปได้ที่โรคนี้เกิดจากอาการอื่นๆ ที่จู่โจมอย่างเงียบเชียบ เช่น โรคตับอักเสบซี

    อาการฝ่ามือแดง (palmar erythema) มักเกิดขึ้นบริเวณขอบนอกของฝ่ามือใกล้นิ้วก้อย สาเหตุน่าจะเกิดจากการที่หลอดเลือดในผิวหนังโป่งพองเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสมดุลของฮอร์โมนที่เกิดจากโรคตับ

    ข้อนิ้วอ้วน
    ส่อเค้า: คลอเรสเตอรอลสูง


    ก้อนไขมันที่เอ็น (tendon xanthoma) เป็นหนึ่งในสัญญาณของอาการอ้วนที่เป็นอันตรายถึงชีวิตที่เรียกว่า ภาวะที่เลือดมีคลอเรสเตอรอลมาก หรือ hypercholesterolaemia

    เมื่อกำมือแน่นๆ จะเห็นเป็นก้อนบวมแข็งสีออกเหลืองๆ ที่ข้อนิ้ว เอลเลน เมสัน พยาบาลแผนกโรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจของมูลนิธิหัวใจอังกฤษ อธิบายว่าไขมันที่สะสมอยู่ในเอ็นมาเป็นปีจะกลายเป็นพังผืดและแข็ง

    คนที่เป็นโรคนี้จะมีระดับคลอเรสเตอรอลสูงมากตั้งแต่เกิดแต่ไม่แสดงอาการชัดเจน และหากไม่ใช้ยาบำบัด อาจเสียชีวิตจากอาการหัวใจวายตั้งแต่เด็ก

    เล็บรูปช้อน
    ส่อเค้า: โลหิตจาง


    คนส่วนใหญ่เล็บจะมีลักษณะนูนขึ้นเหมือนพื้นผิวลูกบอล แต่ถ้าเล็บใครตรงกลางบุ๋ม นั่นอาจเป็นสัญญาณของการขาดธาตุเหล็ก

    เล็บรูปช้อน หรือ koilonychia เป็นหนึ่งในสิ่งแรกที่แพทย์ค้นหาระหว่างวินิจฉัยว่าผู้ป่วยที่อ่อนเพลียและเซื่องซึมมีสาเหตุมาจากภาวะโลหิตจางหรือไม่

    เชื่อกันว่าการขาดธาตุเหล็กทำให้เล็บอ่อนและแบนกระทั่งยุบลงในที่สุด

    ปลายนิ้วบวม
    ส่อเค้า: มะเร็งปอด


    หากปลายนิ้วของคุณบวม อาจเป็นสัญญาณเตือนภัยของโรคร้ายแรงอย่างเช่นมะเร็งปอด วัณโรค หรือ mesothelioma ซึ่งเป็นโรคปอดร้ายแรงที่เกี่ยวข้องกับแร่ใยหิน

    แม้ลักษณะแบบนี้เคยได้รับการระบุครั้งแรกโดยฮิปโปกราเตส บิดาแห่งแพทย์ศาสตร์ชาวกรีกเมื่อกว่า 2,000 ปีมาแล้ว แต่เพิ่งจะเมื่อเร็วๆ นี้เองที่นักวิจัยของมหาวิทยาลัยลีดส์ของอังกฤษ ค้นพบสาเหตุ

    สาเหตุที่ว่าคือการสะสมของสาร PGE2 ที่ช่วยทำให้อาการอักเสบในปอดบรรเทาลง โดยเชื่อว่าเนื้องอกในปอดอาจกระตุ้นให้ร่างกายผลิตสารชนิดนี้ออกมามากเกินความต้องการถึงสิบเท่า จึงไปสะสมที่ปลายนิ้วและทำให้บวม

    เล็บเขียว
    ส่อเค้า: หัวใจล้มเหลว


    หนึ่งในวิธีที่ง่ายที่สุดที่แพทย์จะตรวจสอบว่ามีออกซิเจนไหลเวียนในเลือดมากน้อยแค่ไหนคือ ดูจากเล็บ ริมฝีปาก หรือนิ้วเท้า

    ถ้าบริเวณเหล่านั้นเป็นสีชมพูหมายความว่ามีการไหลเวียนของออกซิเจนดี แต่ถ้าเขียวแปลว่าในร่างกายมีออกซิเจนต่ำ เนื่องจากเลือดไม่สามารถสูบฉีดไปทั่วร่างกายอย่างเหมาะสม

    อาการที่ผิวหนังมีสีเขียว (cyanosis) อาจเป็นสัญญาณเตือนของภาวะหัวใจล้มเหลว เลือดที่มีออกซิเจนต่ำไม่ได้เป็นสีเขียวจริงๆ เพียงแต่ดูสดน้อยกว่าเลือดที่มีออกซิเจนหล่อเลี้ยงสมบูรณ์เมื่อมองผ่านเล็บ

    ผู้หญิงที่เตรียมตัวเข้ารับการผ่าตัดมักถูกขอให้ล้างเล็บ เพื่อที่ว่าศัลยแพทย์จะสามารถตรวจสอบสถานะออกซิเจนได้เร็วขึ้นระหว่างการผ่าตัด

    เล็บลูกปัด
    ส่อเค้า: โรคไขข้ออักเสบ


    หากเล็บของคุณมีจุดเล็กๆ เหมือนลูกปัด หรือเหมือนถูกน้ำตาเทียนหยดใส่ อาจเป็นสัญญาณของโรคไขข้ออักเสบ แม้ข้อต่อยังไม่บวมหรือปวดก็ตาม

    ยิ่งเล็บมือหรือเล็บเท้า ‘ประดับลูกปัด’ มากแค่ไหน ยิ่งหมายความถึงระดับความรุนแรงของโรค

    เชื่อว่าสาเหตุมาจากการอักเสบของหลอดเลือดใต้แผ่นเล็บเพราะโรคไขข้ออักเสบ

    ตุ่มที่ข้อนิ้ว
    ส่อเค้า: โรคข้อกระดูกอักเสบบริเวณสะโพก


    ตุ่มขนาดเท่าเมล็ดถั่วที่กระดูกที่ทำให้เจ็บเมื่อจับแถวข้อนิ้ว อาจเป็นสัญญาณของโรคข้อกระดูกอักเสบในบริเวณอื่นๆ ของร่างกาย เช่น สะโพก หรือหัวเข่า

    มีการบันทึกเกี่ยวกับตุ่มเหล่านี้ (Heberden's nodes) โดยวิลเลียม เฮเบอร์ดีน แพทย์อังกฤษผู้โด่งดังในช่วงศตวรรษที่ 18

    หนึ่งในงานศึกษาในทศวรรษ 1970 แสดงให้เห็นว่าผู้ป่วย 29 คนที่ก่อนหน้านั้นตรวจไม่พบอาการข้อต่ออักเสบบริเวณสะโพก มี 18 คนที่มีตุ่ม Heberden's nodes ที่ข้อต่อนิ้ว

    เล็บสองสี
    ส่อเค้า: โรคไต


    เล็บที่ขาวซีดบริเวณครึ่งล่างด้านที่อยู่ใกล้ผิวหนัง แต่ครึ่งบนออกสีน้ำตาล อาจบ่งชี้แนวโน้มไตวาย

    บ่อยครั้งอาการที่เล็บสองสีเกิดขึ้นก่อนที่อวัยวะของผู้ป่วยจะเริ่มหยุดทำงาน ทำให้แพทย์ได้เบาะแสว่าจะเกิดสิ่งใดตามมา

    สาเหตุนั้นเชื่อว่ามาจากการสะสมของยูเรีย หรือของเสียที่ออกมาจากไตที่ตกผลึกอยู่ใต้ผิวหนังและเล็บ

    ฝ่ามือชื้นเหงื่อ
    ส่อเค้า: ต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกินไป


    โรคต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกินไปเป็นอาการที่เกิดกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย

    ไทรอยด์เป็นต่อมที่อยู่ใต้ลูกกระเดือก มีหน้าที่ผลิตฮอร์โมนควบคุมกระบวนการเผาผลาญอาหารของร่างกาย

    ดร.ซูซาน คลาร์ก แพทย์ที่ปรึกษาของโรงพยาบาลคิงส์ คอลเลจในลอนดอน อธิบายว่าภาวะที่ต่อมไทรอยด์ทำงานหนักเกินไป ทำให้ร่างกายนำแคลอรี่ไปใช้มากขึ้น และทำให้เกิดความร้อนสูงขึ้น ความรู้สึกร้อนและอาการเหงื่อออกมากจึงเป็นอาการบ่งชี้โรคนี้

    มือโต
    ส่อเค้า: เนื้องอกที่ต่อมใต้สมอง


    ถ้ามือของคุณบวมและใหญ่ขึ้น หมายความว่าคุณอาจมีอาการที่เรียกว่า มือเท้าโตผิดปกติ (acromegaly)

    เท้า ริมฝีปาก หู ยังอาจได้รับผลกระทบจากต่อมใต้สมองที่ผลิตฮอร์โมนสร้างการเติบโต เนื่องจากมีการสร้างเนื้องอกที่ไม่ทำให้เกิดมะเร็งที่ไปก่อกวนการผลิตฮอร์โมน

    อาการนี้มักเกิดกับคนวัยกลางคน นอกจากจะรักษาด้วยการผ่าตัดหรือยาเพื่อให้เนื้องอกฝ่อลง แต่บางครั้งอาการนี้อาจเป็นอันตรายร้ายแรง

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE height=34 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-LEFT: 10px">ทะเลปีศาจ [12 ต.ค. 51 - 20:52]
    http://www.thairath.co.th/news.php?section=specialsunday08&content=107348

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=10 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]

    มีผู้อ่านถามมาว่า นอกจากสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาอันลือชื่อแล้วยังมีที่ไหนในโลกอีกบ้างไหม ที่มีปรากฏการณ์ ลึกลับสุดพิศวงเช่นเดียว กันนี้

    ไทยรัฐซันเดย์ สเปเชียลจึงขอนำเสนอ​
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE height=34 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-LEFT: 10px">แฉบ่อนเขมร จับเสี่ยรีดหนี้ [12 ต.ค. 51 - 04:18]
    http://www.thairath.co.th/offline.php?section=hotnews&content=107378

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=10 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]


    เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 11 ต.ค. นางกัญญารัตน์ งามนิจ อายุ 34 ปี อยู่ย่านวังทองหลาง กทม. ได้เข้าพบ พ.ต.ศลิษฎพงศ์ แก้วพิลา ผบ.ร้อย ทพ.1201 ฉก.กรม.ทพ.12 กกล.บูรพา ที่ บก.ร้อย ทพ.1201 หน้าด่านพรมแดนอรัญประเทศ บ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ตรงข้ามบ่อนกาสิโน ฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา เพื่อขอความช่วยเหลือ เรื่องสามีถูกแก๊งนายทุนเงินกู้ในบ่อนกาสิโนปริ้นเซส คราวน์ จับตัวไปกักขังไว้ในบ่อน และให้หาเงินไปไถ่ตัว 3.5 แสนบาท หากไม่ทำตามจะฆ่าทิ้ง

    <O:p</O:p
    นางกัญญารัตน์ให้รายละเอียดว่า สามีชื่อนายสมนึก แสงทอง อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 472/8 หมู่ 6 แขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กทม. ประกอบธุรกิจทำรถทัวร์รับส่งนักพนันจาก จ.นนทบุรี ไปส่งที่บ่อนกาสิโนสตาร์เวกัส ฝั่งปอยเปต ทำมานานกว่า 5 ปีแล้ว ต่อมาเมื่อเดือน ก.ย. 50 เสียพนันในบ่อน เลยกู้ยืมเงินจากร้านกู๊ดลักส์ ในบ่อนปริ้นเซส หรือที่รู้จักกันในวงพนันว่า
     

แชร์หน้านี้

Loading...