เรื่องจริง ... ผลบุญของผู้ที่ยอมถูกไฟคลอกตาย เพื่อช่วยเด็ก

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย J.Sayamol, 15 ตุลาคม 2008.

  1. J.Sayamol

    J.Sayamol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    6,190
    ค่าพลัง:
    +21,530
    เรื่องจริง ... ผลบุญของผู้ที่ยอมถูกไฟคลอกตาย เพื่อช่วยเด็ก

    <HR SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->วีรสตรีผู้กล้าแห่งเทวภูมิ -- หลินจิ้งเจวียน


    [​IMG]

    เธอพยายามช่วยเหลือชีวิตเด็กให้รอดพ้นจากกองเพลิง จนตัวเองต้องมาจบชีวิตลงพร้อมกับเด็กนักเรียนที่เหลืออีก 22 ชีวิต การเสียสละครั้งนี้มิได้สูญเปล่า ด้วยแรงปณิธาน เธอได้รับความเมตตาจากเบื้องบนให้ไปจุติ ณ เทวภูมิและได้รับสมญานามว่า...

    "วีรสตรีผู้กล้าแห่งเทวภูมิ หลินจิ้งเจวียน"

    หลินจิ้งเจวียน เป็นอาจารย์โรงเรียนอนุบาลเจวี่ยนคังเมืองไทเป ไต้หวัน เธอเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถโรงเรียนที่นำเด็กนักเรียนชั้นอนุบาลไปทัศนศึกษานอกสถานที่ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2535 เวลา 11.45 น. เธอถูกไฟคลอกพร้อมเด็กนักเรียนอนุบาลจำนวน 22 ชีวิต

    ( 6 เดือนต่อมา...)

    เรื่องราวก็ถูกเปิดเผยขึ้นอีกครั้ง โดยที่วิญญาณของเธอได้ยืมร่างสามคุณที่พุทธสถานเต๋อจง ประเทศไต้หวัน ขณะที่ทางพุทธสถานมีการบรรยายธรรมอยู่ เธอได้เล่าว่า..

    " ท่านผู้ทรงคุณอย่าได้ตกใจ ฉันคือ อาจารย์โรงเรียนอนุบาลเจวี่ยนคังได้พานักเรียนพร้อมผู้ปกครองไปทัศนศึกษาแล้วเกิดอุบิตเหตุขึ้น ฉันคือ.... หลินจิ้งเจวี่ยน "

    " ท่านผู้ทรงคุณที่อยู่ในพุทธสถานแห่งนี้ ต้องเชื่อมหาธรรมชึ่งมีคุณค่ายิ่ง การที่ฉันได้มีบุญสัมพันธ์ลงมาปรากฏในวันนี้นั้น ก็เพราะเบื้องบนได้ทรงเมตตาประทานโอกาสมาให้ เพื่อเป็นการยืนยันถึงการโปรด 3 ภพ ในขณะนี้นั้นเป็นเรื่องจริง

    " ยังไม่ลิขิตการเกิด แต่ได้ลิขิตการตายไว้แล้ว.... "

    พวกเราได้ผ่านการหมุนเวียนเกิดตายมาแล้วไม่รู้กี่ครั้งได้สั่งสมบาปกรรมมาหลายชาติ กรรมที่ส่งให้มาเกิดในครอบครัวเดียวกันและกรรมร่วมกับผู้อื่นอีก ล้วนต้องรับการชำระหนี้กรรมในกัปสุดท้ายนี้แน่นอน โลกปัจจุบันทั่วทุกแห่งจึงวุ่นวายกันไปหมด ภายใต้การผูกรัดจากแรงกรรม เวไนยสัตว์จึงได้รับเคราะห์ภัยมากขึ้นที่เมืองนรกมีผู้วายชนม์เข้ารายงานตัวไม่ขาดสาย

    ( เล่าประวัติของตนเอง)

    ฉันเอง.. โชคดีในขณะที่มี่ชีวิต ก็ได้ปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความระมัดระวัง ภายหลังจากจบการศึกษาจากวิทยาลัยครูในวิชาเอกอนุบาลศึกษา ก็ตั้งใจเข้าทำงานในโรงเรียนอนุบาลเพราะฉันเองเป็นคนรักเด็กๆ มาก ฉันจึงทำตัวเป็นเหมือนแม่ของพวกเด็กๆ คอยให้ความรัก คอยดูแลอย่างใกล้ชิดเหมือนอนุบาลเพาะหน่อกล้าที่ยังอ่อนอยู่ เพื่อให้พวกเขาค่อยๆ เติบโตขึ้น

    ฉันได้รับหน้าที่เป็นผู้ดูแลเด็กชั้นกลาง มีหน้าที่คอยพัฒนาทั้งร่างกาย จิตใจและปัญญาให้สมบูรณ์ ต้องอดทนดูแลเด็กๆ ด้วยความรัก พวกเด็กๆ ชอบเรียกฉันว่า "คุณแม่หลิน" ปกติฉันจะปฏิบัติต่อเด็กๆ เหมือนเป็นลูกของฉันเลยทีเดียว

    (เกิดอุบัติเหตุ )

    ขณะที่จะไปทัศนศึกษาที่สวนสัตว์ รถทัศนาจรก็ได้เกิดเพลิงลุกขึ้น ฉันไม่ห่วงชีวิตตนเองได้กระโจนเข้าไปท่ามกลางเปลวไฟเพื่อช่วยชีวิตเด็กๆ ตอนนั้นฉันได้ละทิ้งโอกาสที่จะหลบภัยเพื่อรักษาชีวิตเอาไว้ ในใจคิดแต่จะช่วยเด็ก ๆ เป็นเรื่องสำคัญในขณะนั้น....จิตจึงมีอานุภาพยิ่งใหญ่ จึงเกิดพละกำลังกล้าหาญ ถีบกระจกทน้าต่างรถจนแตก แล้วส่งเด็กๆ ซึ่งกำลังร้องเรียกหาพ่อหาแม่ร้องไห้ระงมไปหมด ให้ออกทางหน้าต่างออกมาทีละคน ๆ ขณะที่ไฟกำลังโหมลุกท่วมรถอยู่นั้น ฉันก็ ได้รีบใช้ตัวกันไฟให้เด็ก ๆ ฉันคิดว่าฉันมีภาระหน้าที่ปกป้องพวกเขา ด้วยเพราะหนีออกมาไม่ทันเสียแล้ว ฉันกับเด็ก ๆ ที่เหลือรวมทั้งผู้ปกครองบางคนที่ยังติดอยู่ในรถ จึงถูกไฟคอกตายทั้งหมด

    โอ้...ฟ้าไม่อาจคาดคะเนลมและเมฆได้ มนุษย์ก็มีโชค และเคราะห์ได้ไม่ว่ากลางวัน หรือกลางคืน ตอนเริ่มออกเดินทางทุกคนยังดีใจกันอยู่ จะคาดเดาได้อย่างไรว่าเคราะห์ภัยจะมาถึงตัว ฉันอายุเพียง 32 ปี ก็ต้องจากโลกไป จะไม่ให้คนผมหงอกที่เป็นพ่อแม่ต้องปวคร้าวใจอาลัยอาวรณ์คนผมดำได้อย่างไร แต่ว่าฉันได้อุทิศตนเพื่อช่วยชีวิตคน ก็รู้สึกคุ้มค่าที่เกิดมาแล้ว พวกเราตายกันทั้งหมด 23 ชีวิต

    ( ชีวิตหลังความตาย )

    ภายหลังการตาย วิญญาณที่ได้หลุดจากกายเนื้อที่ถูกไฟเผา พวกเด็ก ๆ ในตอนนั้น ยังไม่รู้ว่าตนเองนั้นได้ตายแล้วพวกเขาได้เห็นร่างกายของตนเองถูกไฟเผา จึงรู้สึกตกใจกลัวแล้วก็ร้องไห้ หมดโอกาสที่จะกลับเข้าร่างได้อีกแล้ว อีกทั้งยังร้องเรียกหาพ่อหา แม่ เด็ก ๆ ร้องไห้อย่างน่าเวทนายิ่ง ฉันกับผู้ปกครองเด็กอีก 2 คน ซึ่งตอนมีชีวิตอยู่ก็ไม่เคยศึกษาธรรมะเพราะฉะนั้นก็ยังอาลัยอาวรณ์อยู่กับกายเนื้ออยู่ จึงโศกเศร้าและหวาดกลัวต่อการตายในครั้งนี้

    ในขณะนั้นมีพนักงานดับเพลิง เจ้าหน้าที่ตำรวจ ข้าราชการท้องที่ และหน่วยบรรเทาสาธารณภัยต่างๆ ค่อยทยอยกันมาถึงที่เกิดเหตุ และยังมีประชาชนที่มามุงดูสภาพการตายที่น่าเวทนาจนรู้สึกเจ็บปวดใจ แต่พวกเขาไม่ได้ยินเสียงเรียกของพวกเราเลย

    ในสถานที่เกิดเหตุ จะเห็นวิญญาณเจ้ากรรมนายเวร และพวกยมทูต ซึ่งกำลังจะมาลากพวกเราไปเมืองนรก เมื่อตรวจผลบุญผลกรรมพวกเรา 23 ดวงวิญญาณ ต่างก็มีหนี้กรรม บ้างก็มีเทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มาช่วย ในเคราะห์ภัยครั้งหนึ่งต้องมีไครตายบ้าง ในชะตาชีวิตล้วนมีลิขิตไว้ แม้แต่เด็ก ๆ ก็เป็นเวไนยสัตว์ทีมีกรรม พวกเขาได้สั่งสมวิบากกรรมไว้ซึ่งรอคอยโอกาสที่จะมาตอบสนอง พูดขึ้นมาแล้วยังมีผู้ปกครองบางคนไม่ยอมรับในจุดนี้

    ตอนมีชีวิตอยู่ ฉันไม่ค่อยเข้าใจเรื่องเหล่านี้นัก เมื่อตายแล้ววิญญาณไม่อยู่กับกาย หลุดออกจากกายเนื้อที่ขัดขวางจึงได้เห็นสภาพของโลกวิญญาณ

    ไฟที่ลุกท่วมอย่างรุนแรง และรวดเร็วครั้งนี้ ก็เกิดจากวิญญาณเจ้ากรรมนายเวรเหล่านี้ ช่วยกระพือให้ไฟลุกไหม้เร็วขึ้น จึงทำให้พวกเราหนีไม่ พ้น ควันที่หนาทึบก็ทำให้คนที่อยู่นอกรถหมดโอกาสที่จะเข้าช่วยเหลือคนที่ติดอยู่ในรถได้ จึงทำให้พวกเราเสียชีวิตท่ามกลางทะเลเพลิง เอาชีวิตชดใช้หนี้กรรมไป

    ( พวกเขาได้เห็นอะไรกันบ้าง )

    ในขณะนั้น ก็มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ลงมาช่วยเหลือ มีอยู่องค์หนึ่ง คือ พระพุทธจี้กง ขณะนั้นพวกเราที่ตายไป มีอาการประหวั่นพรั่นพรึงหมดที่พึ่ง กำลังหวาดกลัวบรรดายมฑูตและเจ้ากรรมนายเวร สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านทรงเมตตาต่อพวกเรามาก ท่านได้พูดกับเหล่าเจ้ากรรมนายเวรนั้น ยมฑูตก็ได้นำพวกเราไปจากที่นั่น วิญญาณไม่ค่อยดีนักก็จะถูกสิ่งศักดิ์สิทธิ์นำจากไป

    แต่มีอยู่องค์หนึ่ง.... ที่เคยเห็นในจอทีวี คือ พระพุทธจี้กง ก็มาพูดกับฉันว่า ท่านรู้ว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่ ตอนนั้นฉันไม่รู้ว่าตนเองเป็นอย่างไร และก็ฟังไม่สู้เข้าใจในคำพูดของท่าน เหมือนกับว่าท่านพูดว่า ท่านไร้รูปลักษณ์แต่ชาวโลกคิดว่าท่านมีลักษณะอย่างนี้ ท่านจึงปรากฏให้เห็นในรูปลักษณะอย่างนั้น เพื่อให้พวกเราจะได้รู้ว่าท่านเป็นพระพุทธจี้กงอย่างที่ชาวโลก รู้จัก

    ท่านบอกว่า " ฉันได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของรูปลักษณ์ " ท่านเห็นว่าในใจฉันห่วงใยถึงบ้านและเรื่องอื่นๆ ใจฉันกำลังว้าวุ่นกระวนกระวาย ฉันฟังไม่ค่อยเข้าใจในคำพูดของท่านท่านเลยไม่พูดต่อ... ท่านเห็นว่าฉันมีความกตัญญูต่อพ่อแม่ ได้ชื่อว่าเป็นลูกที่ดี เป็นเพราะฐานะครอบครัวมีเศรษฐกิจไม่ดีนัก จึงอดทนทำงานมาจุนเจือครอบครัวอย่างจริงใจ จึงไม่ได้แต่งงาน

    ในการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ ฉันเป็นผู้กล้าหาญช่วยชีวิตคนท่านบอกว่า การที่ฉันได้มาสอนหนังสือเด็กอนุบาลนั้น เพราะมีกรรมสัมพันธ์กัน แล้วกาลเวลาแห่งกรรมร่วมมันได้ที่แล้วจึงได้รับเคราะพ์ภัยร่วมกัน โดยไม่แบ่งแยกอายุขัย

    แต่ละคน ชะตาชีวิตจะมีผ่านเคราะห์กรรม ถึงแม้ว่าตอนนี้ฉันจะผ่านพ้นเคราะห์ครั้งนี้ไปได้ แต่ฉันก็ยังมีอายุยืนยาวต่อไปได้อีกนิดหน่อย ด้วยเพราะฉันมีกุศลจิตช่วยเหลือเด็กๆจนเอาชีวิตไม่รอด ถึงแม้จะไม่พ้นเคราะห์กรรม แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านว่า...การอุทิศชีวิตเพื่อช่วยเหลือคน มีบุญกุศลมาก

    ( วิญญาณออกจากร่าง )

    ก่อนที่คนจะตาย ชั่วขณะจิตที่มีกุศลและอกุศลจับจิตอยู่นั้นสำคัญมาก พลังจิตจะสูงมาก วิญญาณจะสามารถผ่านทะลุขึ้นไปสู่สวรรค์ได้ ถ้าพลังจิตอ่อนแอ ก็จะถูกแรงกรรมดึงลงสู่นรก สู่การรับโทษ

    ท่านว่าสังคมที่เห็นแก่ประโยชน์เช่นปัจจุบันนี้ คนที่ยอมสละตนเพื่อผู้อื่นอย่างฉันนี้ ได้สร้างแรงสะท้อนอย่างใหญ่หลวงจนกระทั่งผู้มีแรงศรัทธาในวงสังคม ล้วนนำเอาเหตุการณ์ครั้งนี้มาเป็นหัวข้อ ในการรณรงค์กล่อมเกลามวลชน เพื่อเผยแพร่ความรักอันยิ่งใหญ่ของมวลมนุษย์ชาติ

    ท่านพระพุทธจี้กงกล่าวว่า... การณ์ครั้งนี้ฉันทำได้อย่างดีเยี่ยม แต่เป็นเพราะยังไม่เคยรับวิถีธรรม วิญญาณจึงไม่ได้ออกทางญาณทวาร จึงยังต้องไปเวียนว่ายตายเกิดอีก

    โชคดีที่ขณะนี้ ทางโลกกำลังมีการโปรดเวไนยสัตว์ทั้ง 3 ภพอยู่ ท่านบอกฉันว่า วันหลังถ้าเบื้องบนอนุญาตให้โอกาสแก่ฉันได้ขอยืมกายมนุษย์เพื่อไปเกื้อหนุนกล่อมเกลา ช่วยเหลืองานธรรม มีบุญกุศลจากการช่วยเหลืองานธรรมแล้ว ก็จะมีโอกาสมาขอรับวิถีธรรมได้ ตอนนั้นฉันก็ยังไม่เข้าใจเรื่องการถ่ายทอดวิถีธรรม ฉันไม่เข้าใจคำพูดของท่านที่ว่า ให้ยืมกายเนื้อมาปรากฏได้ว่าคืออะไร

    ท่านยังบอกต่อไปว่า ฉันเป็นเพียงปุถุชนธรรมดาที่ผ่านชีวิตไปชาติหนึ่ง เมื่อตายไปแล้วก็เป็นวิญญาณที่ดีไนยมโลกเท่านั้น เป็นเพราะการอุทิศชีวิตเพื่อคนอื่นในครั้งนี้มีผลกระทบไม่น้อยเลย ได้สร้างสรรค์ให้ผู้มีคุณธรรมเกิดความกล้าที่จะจรรโลงความดีงาม และให้ผู้รับผิดชอบหาทางป้องกันไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมในอนาคตอีกด้วย

    ผลกระทบโดยตรงในครั้งนี้ มีผู้คนจำนวนมากได้สรรเสริญการกระทำครั้งนี้ของฉัน ทั้งยังต้องการเจริญรอยตามเพราะความดีงามเช่นนี้ จึงสามารถนำมาสั่งสอนกล่อมเกลาชาวโลกให้รู้จักการอุทิศเพื่อสังคม เพราะฉะนั้น สิ่งศักดิ์สิทธิ์จึงลงมานำวิญญาณขึ้นสู่เทวภูมิ

    โดยเฉพาะมีอยู่ท่านหนึ่ง มีลักษณะเหมือนท่านกวนอูสิ่งศักดิ์สิทธิ์บอกว่าท่านคือ องค์เง็กเซียนฮ่อเต้ ท่านมีลักษณะสง่างามน่าเกรงขาม ท่านได้จดผลบุญผลกรรมของฉัน ท่านบอกว่า การตายครั้งนี้ของฉัน ตายอย่างมีคุณค่า สามารถเป็นวีรสตรีแห่งเทวภูมิได้ ท่านอนุญาติให้ฉันอยู่ในเทวภูมินี้ได้ 500 ปี แล้วรอหาโอกาสขอรับวิถีธรรมภายหลัง

    เมื่อฉันตายแล้วฉันจึงรู้ว่าโลกวิญญาณนี้อัศจรรย์นัก ขณะที่คนยังมีชีวิตอยู่ พื้นฐานจิตจะดี หรือชั่ว ตนเองเท่านั้นที่รู้ แต่นี่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ทั้งผี ทั้งเจ้า ต่างรู้หมด พุทธานุภาพไร้ขอบเขตเสียจริง ๆ ท่านได้บันทึกควาดี-ความชั่วที่เราได้ก่อขึ้นอย่างชัดเจน เพื่อตอบแทนความดี-ความชั่ว และเป็นเชื่อในการเวียนว่ายตายเกิดของครั้งต่อไป

    ท่านได้มาชี้แนะฉันให้เข้าใจ แต่หลักธรรมอื่น ๆ อีกมากฉันยังไม่เข้าใจนัก เพราะขณะที่ฉันมีชีวิตอยู่นั้น ฉันเป็นปุถุชนคนธรรมดา ไม่เหมือนท่านทรงคุณทั้งหลายในที่นี้ที่มีธรรมสัมพันธ์ดีอย่างนั้น ได้มีโอกาสมาศึกษาสัจธรรม ทั้งยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ลงมาประทับทรงช่วยสั่งสอนชี้แนะอีกด้วย

    ฉันขณะมีชีวิตก็สัมผัสแต่ธรรมเนียมโลก ผ่านชีวิตไปชาติหนึ่งเท่านั้น เพราะฉะนั้น หลักธรรมมากมายฉันจึงยังไมค่อยเข้าใจ สิ่งสักดิ์สิทธิ์ต้องการถ่ายทอดวิถีธรรม และให้โอกาสแก่วิญญาณฉันได้รับวิถีธรรมเร็วขึ้น จึงได้ช่วยร้องขอเบื้องบนให้โอกาสฉัน เบื้องบนก็เมตตามาก จึงอาศัยโอกาสประชุมธรรมในวันนี้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทานได้พาฉันมาปรากฏที่นี่ ทั้งยังแนะให้ฉันเล่าถึงจิตตนเอง และประสบการณ์ภายหลังการตาย เพื่อเน้นการยืนยันว่า คนตายแล้ววิญญาณไม่ได้ดับสูญ เพื่อบอกคนให้รู้ว่า อยากรู้เพียงชาตินี้ชาติเดียวเท่านั้น คนที่มีชีวิตอยู่ถ้าไม่ได้รับการฉุดช่วย ไม่ได้บาเพ็ญธรรม เมื่อตายไปแล้ววิญญาณก็จะถูกวิบากกรรมที่ทำไว้พาไปเวียนว่ายตายเกิดอีก

    ( ความจริงปรากฏ หลังความตาย )

    เมื่อฉันตายแล้ว วิญญาณฉันได้กลับไปเยี่ยมคนในบ้านพวกเราที่ตายไป ทั้งที่เป็นเด็ก และผู้ใหญ่ ได้มีผู้มาประกอบพิธีศพให้ ตามพิธีศาลนาที่มีการ เผากระดาษเงินกระดาษทองมีการสวดมนต์ครบ 7 วัน แล้วทำพิธีคำนับศพ จากนั้นก็นำป้ายวิญญาณไปไว้ที่วัดเพื่อกราบไหว้บูชา

    รู้ไหมว่าฉันอยู่ในเทวภูมิ ไม่ได้ใช้กระดาษเงินกระดาษทองหรอก พวกวิญญาณผีที่อยู่ในยมโลกก็ไม่อาจใช้กระดาษเงินกระดาษทองของทางโลกได้ เพียงแต่วิญญาณผีได้อาศัยไอของการเผากระดาษเงิน กระดาษทองมากล่อมเกลาไอของยมโลกเท่านั้น ตลอดจนการสวดมนต์ครบ 7 วัน พวกเราทางโลกก็สามารถได้รับบุญกุศลมากบ้าง น้อยบ้าง แต่บุญกุศลเหล่านี้พวกเราทางยมโลกได้รับบ้างเล็กน้อย แต่ไม่มีประโยชน์กว้างไกลถึงเวไนยสัตว์อื่น ๆ

    ท่านได้บอกว่าคนที่อยู่ทางโลก ถ้านำเงินมาสร้างบุญกุศลในนามของผู้วายชนม์ แล้วอุทิศไปให้ โดยเฉพาะเงินที่ใช้ไปโปรดวิญญาณเหล่าเวไนยสัตว์ทั้ง 3 ภพ ให้หลุดพ้นจากการเกิดการดับแล้ว บุญกุศลที่ได้นั้นจะช่วยผู้วายชนม์ได้มาก

    ท่านยังได้อธิบายถึงการโปรดเวไนยสัตว์ 3 ภพ ว่าคืออย่างไร ? ท่านบอกฉันว่า ก่อนรับวิถีธรรมถ้ามีโอกาสมาช่วยงานธรรมแล้ว ก็สามารถที่จะมาฟังการบรรยายธรรมยังสถานธรรมได้ จะได้เข้าใจถึงการโปรดเวไนยสัตว์ 3 ภพ เป็นอย่างไรฉันรู้สึกซาบซึ่งในพระคุณของเบื้องบนมาก

    คนในโลกต้องการโปรดผู้วายชนม์นั้น เพราะรู้ว่า ดวงวิญญาณยังมีอยู่ และหวังให้วิญญาณผู้ตายไม่ต้องไปรับทุกข์ ท่านบอกว่าโลกมนุษย์คือ ทะเลทุกข์ ต้องหยุดการเกิด การตายเท่านั้นจึงจะสามารถหลุดพ้นจากวัฏฏสงสาร

    พวกเราไม่รู้ว่าเกิดมาแล้วกี่ชาติ ได้สั่งสมเวรกรรมมาแล้วไม่รู้สักเท่าไหร่ เราอาจได้รับเคราะห์ภัยได้ทุกขณะ ในชีวิตจะได้รับเคราะห์ภัยเมื่อไหร่ เราไม่มีโอกาสรู้ การตายจึงเป็นเคราะห์ใหญ่ของมนุษย์ แล้วเคราะห์อื่น ๆ มากบ้างน้อยบ้างไม่รู้สักเท่าไหร่

    ตัวอย่างที่ฉันกับเด็ก ๆ และผู้ปกครองที่ประสบเคราะห์กรรมในคราวนี้ ถูกไฟไล่ต้อนไปที่ท้ายรถจนหมดทางหนีถูกไฟเผาทั้งเป็น คิดแล้วก็เหมือนชาวโลกที่กำลังฆ่าสัตว์ ไล่ต้อนสัตว์ไปจนมุมแล้วจับมัน ต้มน้ำเดือดๆ นำไปลวก บ้างก็ใช้ไฟเผา ทำให้พวกมันตายอย่างเจ็บปวดทรมาน ท่านบอกว่า ชาวโลกได้สร้างกรรมที่ไม่ดีไว้ จึงได้รับกรรมตอบสนองอย่างเช่น เกิดอุบัติเหตุจนบาดเจ็บล้มตาย ภัยจากสงคราม ล้วนมีความสัมพันธ์จากกรรมที่ก่อไว้ในโลกทั้งลิ้น ยกเว้นแต่สามารถประกอบการกุศล ดำรงคุณธรรมเพี่อต้านกับแรงกรรม มิฉะนั้นแล้ว ก็กลับมาเป็นคนอีก ซึ่งส่วนใหญ่จะได้รับทุกข์มากกว่าสุข ถ้าหากไม่ยากแสดงละครหมุนเวียนอีก ก็ต้องบำเพ็ญธรรม บำเพ็ญจริงเพื่อชำระเวรกรรมให้หมดวิญญาณต้องสะอาดหมดจดจึงสามารถหลุดพ้นได้

    เบื้องบนต้องการฉุดช่วยมนุษย์ให้พ้นจากเคราะห์ภัยจึงประทานมหาธรรมปกโปรด ฉันได้เห็นเหล่าวิญญาณในโลกวิญญาณมากมาย ทั้งผี ทั้งเจ้า ล้วนไม่ว่าง ฉันจึงถามท่านว่าทำไมพวกวิญญานจึงวุ่นกันนัก ท่านบอกว่ายังมีอีกหลายอย่างที่ฉันไม่รู้

    ( ปฏิบัติงานฟ้า มรรคผลยิ่งใหญ่ ช่วยเวไนย์กลับคีน )

    ตอนนี้กาลเวลากำลังเปลี่ยนแปลง เคราะห์ภัยมีมากมาย เหล่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทพเจ้า ผีทั้งหลาย กำลังช่วยงานธรรม สิ่งศักดิ์สิทธิ์กำลังฉุดช่วยผู้มีบุญสัมพันธ์ พวกผีพวกเจ้าจำนวนมากที่กำลังช่วยงานธรรม ต้องการที่จะหลบเคราะห์ภัยเพื่อพ้นจากสภาพวิญญาณพเนจรที่น่าสมเพช !

    ฉันตายไปแล้วจึงได้เห็นเหล่าเวไนย์กำลังได้รับทุกข์ชาวโลกล้วนรู้ว่าชีวิตเป็นสิ่งที่มีค่ายิ่งนัก ทั้งรู้ด้วยว่าการช่วยชีวิตคนนั้นร้อนรนมาก ท่านรู้ไหมว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คอยช่วยวิญญาณเหล่าเวไนยสัตว์ยิ่งร้อนรนกว่าเสียอีก กลัวว่าจะช่วยไม่ทัน เวไนยสัตว์จำนวนมากเมื่อพบกับเคราะห์ภัยแล้วจะกลายเป็นวิญญาณพเนจรไป

    ฉันได้ยินคำว่า "วิญญาณพเนจร" แล้วรู้สึกน่ากลัวมากฉันไม่อาจเข้าใจได้ถึงคำพูดของท่านว่าสภาพของมหาเคราะห์วินาศภัย แต่สิ่งที่ฉันได้เห็นหลังจากตายแล้ว ฉันเชื่อว่าสิ่งที่ท่านพูดจะเป็นความจริงยิ่ง ๆ ขึ้น ชาวโลกต่างก็รู้ดีว่าเคราะหภัยต่างๆ เช่น อุบัติเหตุทางเรือ ทางอากาศ ทางรถ นอกจากนี้ยังมีอุทกภัย วาตภัย อัคคีภัย และแผ่นดินไหว ปีหนึ่งเพิ่มขึ้นมากมายไม่รู้จักหมดลิ้น ขณะนี้ช่างเป็นวาระแห่งภัยพิบัตเสียจริง ๆ

    ขณะฉันมีชีวิตอยู่ ฉันได้ใช้ร่างกายของฉันช่วยปกป้องเด็ก ๆ บนรถ แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านกำลังช่วยเวไนยสัตว์ที่มีคุณธรรม พวกท่านได้ช่วยวิญญาณเวไนยสัตว์ให้พ้นทุกข์พ้นภัยเมื่ยฉันเทียบกับท่านแล้วยังห่างไกลกันมากนัก ท่านเมตตาสละตนเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น จึงยิ่งใหญ่กว่าฉันมากมาย ฉันเพียงช่วยคนไม่กี่คน พวกท่านต่างช่วยเหล่าเวไนยสัตว์อย่างขะมักเขม้น

    การที่ชาตินี้ฉันได้สำแดงความรักช่วยผู้คน ฉันได้รับการยกย่องสรรเสริญ การกระทำของฉันได้รับการกล่าวขวัญแล้วเหล่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ฉุดช่วยเวไนยสัตว์มาไม่รู้กี่ชาติ ไม่รู้ว่าได้ช่วยวิญญาณเหล่าเวไนยสัตว์มากสักเท่าไหร่แล้ว พวกท่านยิ่งใหญ่ต่อการฉุดช่วยโลกมาก ถึงแม้ว่ากาลสมัยของพวกท่านจะห่างไกลจากพวกเรามาก แต่ก็ยังคงได้รับการสดุดีและกราบไหว้บูชาจากชาวโลกมาโดยตลอด

    คุณความดีของท่านจารึกไว้ในโลกตลอดกาล เหนือกว่าฉันที่ได้รับการยกย่องในชาตินี้เพียงประเดี๋ยวเดียว ความรักอันยิ่งใหญ่ของท่านมากกว่าความรักของมนุษย์มากมายนัก

    ( ขอรับวิถีธรรมเป็นเรื่องยาก )

    ตอนนี้ฉันไม่มีกายเนื้อแล้ว สิ่งศักดิ์สิทธิ์บอกว่าคนทีไม่มีกายเนื้อพอจะขอรับวิถีธรรมนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ความสำคัญของมหาธรรมก็อยู่ที่ว่า วิญญาณไม่มีกายเนื้อซึ่งจะต้องไปเวียนว่ายตายเกิด แล้วยังสามารถได้รับโอกาสให้รับวิถีธรรมได้ พระคุณฟ้ายิ่งใหญ่นัก เสียดายที่ขณะมีชีวิตไม่เคยบำเพ็ญ เมื่อตายไปแล้ว จะอาศัยคนอื่นสวดมนต์ไปให้ ยังไม่พอที่จะหลุดพ้น

    สิ่งศักดิ์สิทธิ์บอกว่า เชิญคนมาสวดมนต์ให้กับผู้วายชนม์นั้น รู้ไหมว่าผู้ได้รับประโยชน์มากที่สุดก็คือ คนสวด ผู้ตายขณะที่มีชีวิตยังหลงอยู่ บำเพ็ญไม่พอ คนอื่นสวดมนต์ช่วยเขาก็มีจำกัด แต่ละคนที่สั่งสมเวรกรรมมาถ้าไม่ได้อาศัยตนเองบำเพ็ญแล้วก็ยังต้องจมปลักอยู่ในความหลงงมงายอยู่นั่นเอง

    เพราะฉะนั้น เป็นคนขณะมีกายเนื้อ ถ้าได้รับวิถีธรรมแล้วบำเพ็ญจริงตามหลักธรรม ดีที่สุด ครั้งนี้ได้รับพระมหากรุณาจากเบื้องบน ก่อนตายเวไนยสัตว์ที่ยังไม่ได้รับวิถีธรรมหากเป็นคนดีก็ยังมีโอกาสให้วิญญาณได้รับวิถีธรรมเพื่อพ้นทุกข์วันนี้ฉันได้โอกาสมาปรากฏท่ามกลางประชุมธรรมนี้เพื่อพูดให้กระจ่างทั้งหมด ก็เพื่อที่วิญญาณฉันได้รับวิถีธรรมจะได้หลุดพ้นฟ้าเบื้องบนยังอนุญาตให้ฉันได้ทำงานช่วยงานธรรมอีกระยะหนึ่ง คนทั่วไปมักปลงไม่ตกในสายสัมพันธ์กับสิ่งธรรมดาโลกทั้งหลาย หวังว่าพวกท่านจะสามารถมองเห็นโลกมนุษย์ว่าเป็นภาพมายา อย่าได้อาลัยอาวรณ์ รีบๆ มาบำเพ็ญให้หลุดพ้นความทุกข์จากโลก คุณค่าของชีวิตอยู่ที่ประโยชน์ของสังคม ให้เหมือนดั่งเทียนไขที่เผาตัวเองเพื่อให้ความสว่างแก่ผู้อื่น

    ทุกคนควรแสดงสปิริตของการอุทิศ คนที่ยังมีชีวิตควรมีไจเมตตาธรรม รับภาระในการฉุดช่วยคน ให้ความสำคัญกับงานศักดิ์สิทธิ์กว่างานอื่นๆ เอาพลังสังคมมาช่วยงานธรรม เชื่อแน่ว่าจะสามารถช่วยให้มหาธรรมแผ่ขยายได้รวดเร็ว

    ฉันเมื่อมีชีวิตอยู่เป็นอาจารย์คนหนึ่ง แต่มีความกล้าหาญอุทิศตนเพื่อช่วยชีวิตคน เมื่อตายแล้วได้เป็นอาจารยตัวอย่าง ที่จริงแล้วฉันไม่กล้ารับเกียรติอันนี้หรอก เพราะฉันคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่ฉันควรทำ สปิริตในการอุทิศตนของเทพพุทธะอริยเจ้าทั้งหลายที่สังสอนกล่อมเกลาผู้คนนั้นสิ จึงเป็นสิ่งที่ชาวโลกพึงเจริญรอยตาม

    คิดถึงตอนที่เกิดอุบัติเหตุใหม่ ๆ เพราะทนต่อการร้องโหยหวนของเด็ก ๆ ไม่ไหว จึงฝ่าเปลวเพลิงกลับเข้าไปช่วยอีกเหมือนกับแม่ที่จะช่วยเหลือลูกที่กำลังตกอยู่ในอันตราย จึงทำให้ลืมนึกถึงตนเองว่าจะมีชีวิตรอดออกมาหรือไม่

    ปัจจุบันคนจำนวนมากได้รับภัยพิบัติไม่ได้ตายดี ไม่มีปัญญาก็หลบไม่พ้นเคราะห์ภัย ชีวิตคนบอบบางนัก เกรงว่าเมื่อเคราะห์ภัยใหญ่มาถึง คนที่ไม่ได้บำเพ็ญ คงยากจะช่วยเหลือ

    เพราะฉะนั้น จึงหวังให้ชาวโลกรีบ ๆ มาบำเพ็ญธรรมโปรดคน ยังจะได้หลบพ้นเคราะห์ภัยด้วย คนที่เป็นอาจารย์....ควรที่จะสั่งสอนเด็ก ๆ ซึ่งเป็นอนาคตของชาติให้ฝึกหัดอย่างอริยเจ้า และดำรงคุณธรรม มีอุดมการณ์เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม อย่าเพียงแต่ให้ลูกศิษย์สนใจแต่การแสวงหาความเจริญแต่ทางโลกเท่านั้น ฉันมีสปิริตอุทิศตนชั่วประเดี๋ยวเดียวก็ยังได้ชื่อจารึกไว้ในแผ่นดิน

    วีรสตรีผู้กล้าแห่งเทวภูมิ....หลินจิ้งเจวียน​

    ขอบคุณที่มาค่ะ http://thai.mindcyber.com/modules.ph...id=277&page=18
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  2. oomsin2515

    oomsin2515 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    2,934
    ค่าพลัง:
    +3,393
    อนุโมทนากับเจ้าของกระทู้ที่นำสาระ ดี ๆ มาให้อ่านครับ
    สาธุ สาธุ สาธุ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p



    _____________________________<O:p</O:p
    เชิญร่วมบริจาคหนังสือ เข้าห้องสมุดชุมชนวัดย่านยาว<O:p</O:p
    http://palungjit.org/showthread.php?t=130823<O:p</O:p
     
  3. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,459
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,011
    ยาวมากมาย เเต่ก็คุ้มค่าในการอ่านจริงๆครับ วิญญาณมีจริง ผมเชื่ออย่างนั้น
     
  4. narapat

    narapat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +718
    สาธุ เป็นเรื่องราวที่ให้ข้อคิดที่ดีมากๆ ขออนุโมทนาบุญ
     
  5. goony

    goony เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +164
    กระทำดี........ได้ดีตอบคนไม่เห็นเทพเห็น
    กุล
     
  6. พรตเรือนญาณเมตไตรย

    พรตเรือนญาณเมตไตรย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    97
    ค่าพลัง:
    +111
    อ่านไปก็ซาบซึ้ง ขนลุกไปด้วย กระแสแห่งเมตตาธรรมช่างเหลือประมาณจริงๆ อนุโมทนาด้วยกับเจ้าของกระทู้ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...