ทุกร่างมีองค์คุ้มครอง

อะ นะ ไม่ มี ไร จะ พูด แระ

ก็ ขอ บอก อีก นิด ละ กัน

คน ที่ ยังเป็น ทาส อารมณ์ ก็ เป็น ทาส ของ ตัวเอง อยู่ ดี

ใช้ สติ พิจารณา เอา เอง ละกัน ท่านผู้ชม

ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน

พึ่งตนเองได้ ย่อมได้ชื่อว่า ได้ที่พึ่งอันหาได้ยาก

 

"การเปิดพระโอษฐ์"

มนุษย์เราเกิดมาจะมีองค์บารมีคุ้มครองสังขารกันทุกคน จะเป็นองค์เทพ-พรหมหรือสัมภเวสี ก็แล้วแต่กุศลมูลเดิมหรือสัญญาที่ได้ให้กันไว้ตั้งแต่ในอดีตชาติ คนเราไม่สามารถที่จะเลือกองค์บารมีประจำสังขารได้ บุคคลใด ที่พูดว่าเทพองค์นั้นองค์นี้ เสด็จมาประทับร่างของตนนั้น เป็นการพูดเพื่อยกตนให้สูงขึ้น โดยไม่รู้จริง องค์เทพที่เจ้าตัวได้คุยเอาไว้นั้น แม้แต่ช่วยตัวร่างเองไม่ได้แล้ว ยังจะมีฤทธิ์ไปช่วยเหลือมนุษย์อื่นใดได้หรือ?

การเชิญองค์บารมีของตนเองมาประทับร่าง หรือเรียกว่า

 

ในขณะที่คุณสันโดษ พูดภาษาเทพนั้น เนื่องจากว่าไม่มีตาทิพย์ จึงมองไม่เห็นว่า องค์บารมีประจำสังขารของเราพูดกับใคร พูดกับเทพองค์ใด เพราะว่าองค์เทพฝ่ายตรงกันข้ามนั้น ท่านไม่มีสังขาร "หยาบ" เหมือนกับองค์ของเรา เพราะฉะนั้นอย่าไปเข้าใจผิดว่าเราพูดเอง เหมือนกับคนบ้า คนบ้าที่พูดภาษาเทพนั้น ลองเอาแบ๊งดอลล่ายื่นให้กับคุนสันโดษดูซิว่า จะรับเอาหรือเปล่า

 

โอ้โฮ้...เกิดปัญญาทางสว่างเลยกำลังมีเรื่องติดขัดอยู่
นำมาใช้เป็นแนวทางประยุกต์กับสิ่งต่างที่เกิดขึ้นกับชีวิตได้พอดี
เหนื่อยนะกับการที่เราต้องการให้คนรอบข้างเห็นและอยากให้คิดเหมือนที่ใจเราต้องการ
สุดท้ายเราคือคนรับรู้... จิตเราที่ฟุ้งไปเอง... ไม่นิ่ง...เปลี่ยนกันและกันไม่ได้
ขออนุโมทนา...สาธุ

 

คุณ k"Kwan ความรู้ก็มาก อ่านมาก็มาก ไม่น่าจะเขียนได้เพียงแค่คำสองคำเท่านั้ฯ

 

หากจะยังบูชาเทพ ก็ จงบูชาต่อไป

เงิน มันก็ เเค่เงิน มีหรือ ได้ มันก็ เเค่ เงิน

 

การบูชาเทพเป็นเรื่องของคนบางกลุ่มที่เลือกจะศรัทธา ศาสดาต่างๆ

เเต่ เเท้ที่จริงเเล้ว มันคือ จิต ที่อยู่ภายในของมนุษย์ทุกคน

เเต่มนุษย์ ผยอง คิดว่า เทพ คือ ผู้เหนือมนุษย์

เเละ ผู้สูงส่ง ตั้งตนเป็น ครูบาอาจารย์ เพียงเพราะ รู้เเละเห็นมากกว่าผู้อื่น

ทั้งๆที่ มันก็ แค่รู้ สิ่งที่มนุษย์ ทุกคน สามารถรู้ได้ ไม่ใช่เรื่อง เเปลก

เเละเทพ ก็ ไม่ใช่ สิ่งที่เหนือกว่าใคร เเละจะมาแฝงมนุษย์ได้

เพราะ มนุษย์ คือ เจ้าของร่าง เเละ ผู้ดูจิต หากปล่อยตัวเเละปล่อยจิต

คนที่เสียจิตเเละวิญญาณของตนเอง แท้จริงเเล้ว ก็ พวกร่างทรงดีๆนี้เอง

จงอย่าหลงตัวคิดว่า วิเศษวิโส เเล้ว เที่ยวสอนผู้อื่น

เรื่อง เปิด พระโอษฐ์ ตาทิพย์ อภิญญา หูทิพย์ คนในเว็บนี้ ทำได้ทั้งนั้น

ดูจิตเป็น หลัก ดูกายเป็น รอง เเม้เเต่เด็ก 14-15 เขาก็รู้เเล้วว่า

เทพ ไม่ได้มีจริง เป็น การหลอกของจิต ดวงนึง

อย่ามาเที่ยวสั่งสอนในสิ่งที่ไม่รู้จริงและยังไม่หลุดพ้น มันอาย จิตตนเอง เสียเปล่า

 

ใช่ เเน่เเท้ คนที่เจ้าคุยกับเขา

เขาเองก็ เป็น หนึ่งในผู้เลือกที่จะดูเพียง จิต

ไม่ได้ เป็น จิตใดตายตัว ที่เขาเขียนเพียงเเค่นั้น

เพราะ มัน จบ เเล้ว ในการ ฟุ้งซ่าน ณ ปัจจุบันธรรม

 

ในที่สุดอาจารย์ประหยัด ก็ได้มาเจอสุดยอดอาจารย์ที่มีนามแฝงว่า "สันโดษ" สาธุ สัญญา

ก็ไม่ทราบว่า ท่านสันโดษ นั้นอยู่ในกรุงเทพฯ หรือเปล่า หากอยู่ก็จะแวะไปกราบท่าน เพราะอาจารย์ประหยัด ได้รับคำเชิญจากลูกศิษย์ หนองจอก มีนบุรี ให้ลงมากรุงเทพฯ ในวันที่ 12-14 ธันวาคม 2551 จะไปถึงกรุงเทพ เที่ยวเช้า 9.31 น. ก็จะไปโปรดญาติที่บ้านคุณเล็ก โทร 081-6494066 วันแรกก็คงจะใช้เวลา 10.00-24.00 น. เพราะมีลูกศิษย์ที่จะมายกถาด ไม่เกิน 40 ท่าน ในวันที่ ๒ คือ วันที่ 13 ธ.ค.นั้น จะพยายามทำให้เสร็จก่อนเที่ยง เพื่อที่จะไปสนามกีฬาศุภชลาศัย ไปชุมนุมเสื้อแดง ซึ่งกว่าจะเสร็จก็คงเกือบเที่ยงคืน ซึ่งก็จะไปนอนโรงแรมแถวสะพานควาย ถ้าลูกศิษย์ยังไม่หมด ก็ให้ตามไปที่โรงแรมในวันที่ 14 ธ.ค. หลังจากนั้นหลังเที่ยงก็จะเดินทางไปสนามบิน

ซึ่งถ้าท่านสันโดษจะเมตตาให้อาจารย์ประหยัดเข้าพบได้ หรือจะให้พาลูกศิษย์เข้าพบละก้อ พวกเขาก็คงจะพากันตื่นเต้นที่ว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า พวกเขาคิดเอาเองว่า อาจารย์ประหยัด นั้นเก่ง และพวกเขาก็พยายามที่จะให้เก่งกว่า แต่ทว่า ระยะทางพิสูจน์ ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน นั้นยังใช้ได้เสมอ ก็จะต้องขอเรียนท่านสันโดษว่า ถ้าเป็นวิชาที่จะไป อรหันต์ นั้นก็คงจะไม่เอา เพราะสงสารพระอีก 4-5 แสนรูปที่อยู่ในวัด จะถูกชิงตัดหน้าไปเสียก่อน

บรรทัดแรก ที่ว่า "ใช่แน่แท้ คนที่เจ้าคุยกับเขา"

ก็หมายความว่า "เจ้า" นั้นคือ อาจารย์ประหยัด "เขา" นั้นก็คือ คุณ k.kwan

คุณ "สันโดษ" กล้าพูดกับ อาจารย์ประหยัดว่า "เจ้า" เป็นคำกล่าวที่แสดงว่าคุณสันโดษนั้น มีบารมีสูงส่งมาก เป็นคนที่มีจิตทิพย์ หูทิพย์ ตาทิพย์ จริงไม๊.....!!!

 

เป็นความจริงหรือ ที่ท่านสันโดษ บอกว่า เรื่องเปิดพระโอษฐ์ นั้น คนในเว็บนี้ทำได้ทั้งนั้น ก็อยากจะเจอคนในเว็บนี้จริง ๆ ที่ทำได้ ไม่เคยนึกเลยว่าเด็กในเว็บนี้แค่อายุ 14-15 ก็รู้แล้วว่า เทพไม่ได้มีจริง ถ้าเด็กระดับนี้รู้ได้ละก้อ บ้านเมืองเราก็คงจะไม่วุ่นวายเหมือนอย่างทุกวันนี้ เพราะผู้ใหญ่ที่เป็นพ่อแม่ของเด็กอายุ 14 ขวบนั้น น่าจะฉลาดมีภูมิปัญญารอบรู้อย่างมากมาย

 

ของกล้วย ๆ แบบนี้ ใครไม่รู้ก็แย่แล้ว

ขนาดที่ว่าพระพุทธเจ้าท่านยังอยู่เหนือกฎแห่งกรรมไม่ได้

แล้วคนธรรมดา ก็ไม่จำเป็นต้องบอกแล้ว

 

ตัวจริงสวยเหมือนในรูป อะป่าวจ๊ะ

 

สาธุ สาธุ พูดเหมือน อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตเลย

เคยไปเรียนกับท่าน ๒ ปี แต่ไม่สำเร็จ

ที่ไม่สำเร็จก็เพราะอาจารย์ก็ไม่สำเร็จเหมือนกัน

สงสัยจะต้องมาเรียนกับท่านอาจารย์สันโดษ นี่แหละ จึงจะสำเร็จ

เป็นพระอรหันต์

 

ขี้โม้ ขี้โม้ ไม่มีหรอก ขี้โม้ ลวงโลก

เทวดาประจำตัว....ทุกคนก็คือ สติ สัมปะชัญญะ...นั่นไง

ถ้ามีสติแล้ว ใครก็ทำไร เราไม่ได้ จะกลัวไปใย

ฝึกจิตให้ดี....ฝึกจิต...ซ่ะ ดีกว่ามางมงาย

สัมปะติฉามิ...

 

ไม่ต้องการให้มีใครมาคุ้มครอง แต่อยากเข้มแข็งให้มากกว่านี้เพื่อปกป้องคนที่ตัวเองรักอ่ะครับ

 

อยากเปิดมั่งแฮะจะได้ไม่เหงา...
แต่ว่ากลัวผี(ไม่เคยเห็นแต่ซึมซับไปแล้วว่ามันน่ากลัว)

 

ตกลงคุณเป็นอาจารย์ประหยัดเอง หรือลูกศิษย์

อ้อ วันที่ 13 ธ.ค. จะรีบให้เสร็จก่อนเที่ยง
รีบไปประชุมเสื้อแดง ที่สนามกีฬาศุภชลาศัย ด้วยเหรอ

องค์อะไรไม่ทราบ ........ มารอแม้วโฟนอิน รึไง
พุทโธ่ สาโธ สาเก



ไล่ผีอาจได้บุญ
แต่ช่วยแม้ว คงทำลายชาติละกะมัง

 

เรียนคุณ anbang

ผมเองนั้นไม่ได้ทำตัวเหมือน "กบในกะลาครอบ" ถ้าผมจะบอกคุณ angang ว่า ผมเคยไปยืนอยู่หน้าหอเอนแห่งเมืองปิซ่า ไปยืนถ่ายรูปอยู่หน้าแกรนแคนย่อน หรือไปลาสเวกัส มาแล้ว คุณก็คงจะไม่เชื่อ เพราะว่าทั้งสามแห่งนี้ถ้าคุณไปมาแล้วแห่งใดแห่งหนึ่งคุณก็จะคุยกันได้ แต่ถ้าคุณไม่ได้เคยไปมา คุณก็จะไม่เชื่อผม แต่สิ่งที่ผมพูดนี้มันเอาหลักฐานมายืนยันได้ โดยรูปถ่าย ซึ่งถ้าจะขอให้ผมเอารูปมาลงในเว็บนี้ รูปที่สแกรนพอขอให้เขาทำให้ได้ แต่เวลาโพสรูปมาลงนั้นผมทำไม่เป็น ซึ่งคนที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นนั้นไปถามเขาแล้ว ขอเขาช่วยสอนให้ เขาก็ทำไม่เป็นเหมือนกัน

คุณ anbang อาจจะบอกว่าเป็นเรื่องง่ายที่จะโพสรูปลง แต่เมื่อผมไม่ได้เรียนรู้ผมก็ทำไม่เป็น ในสิ่งที่ผมคุยว่าผมไปมานั้นแม้จะมีรูปถ่ายให้ดู แต่ถ้าคนเรามีอคติมันก็จะเหมือนนายโกเต๊กนั่นแหละ ให้นายกสมัคร ลาออกหรือยุบสภา พอนายกสมัครลาออก ก็บอกใหม่ว่าให้นายกสมชายลาออก หรือไม่ก็ยุบสภา

ถ้าผมจะราคาคุยว่าผมมีเว็บไซด์เป็นของคนเอง ในเว็บนั้นผมใช้ชื่อ administrator โดยมีลูกศิษย์ที่อยู่ในกรุงเทพ เป็นคนทำเว็บให้ เว็บนี้ชื่อ www.satusanya.com คุณก็บอกว่าผมไม่เชื่อ แต่คุณกล้าเข้าไปในเว็บผมหรือเปล่าเท่านั้นแหละ ในเว็บพลังจิตนั้นมีลูกศิษย์หลายท่านที่เอาเรื่องของผมมาเขียน เมื่อผมอธิบายพวกคุณก็ไม่เข้าใจ ซึ่งถ้าผมบอกคุณว่าถ้าจะกินสเต๊กให้อร่อย ต้องไปนั่งกินที่ใกล้น้ำตกในแองราคา พวกคุณก็คงจะไม่เข้าใจว่ามันอร่อยเพียงใด จนกว่าพวกคุณจะได้ไปนั่งร้านที่ผมเคยไป

ขนาดที่ว่าเป็นเรื่องเล่าแต่มีหลักฐาน จะพิสูจน์กันได้ก็ต้องมานั่งดูรูปที่ผมไปถ่ายมา ถ้าคนที่มีอัคติมันก็ย่อมจะพูดกันไม่รู้เรื่อง ยิ่งมาพูดกันในเรื่องที่ไม่สามารถมองเห็นได้แล้ว ก็น่าสงสารคนที่ยังไม่เคยไปลาสเวกัส ก็บอกว่า ไปที่บ่อนปอยเปตก็เหมือนกัน แต่ทั้งลาสเวกัสและบ่อนปอยเปตผมก็ไปมาแล้ว ถ้าอยากอ่านก็ตามไปอ่านในเว็บของผม ดูซิว่าผมจะราคาคุย หรือโม้หรือเปล่า

 

งมงาย แปลว่า เห็นอะไร ก็เชื่อเป็นจริง เป็นจัง ยึดไว้เป็นที่พึ่ง แบบ ขาดสติ

ไม่งมงาย แปลว่า เห็นโดยมี สติ แยบคาย ไม่หลงมัวเมา ไปยึดมั่น ถือมั่นในสิ่งที่เห็น

เห็น แล้ว มีสติ พิจารณารู้ได้ด้วยตัวเอง ว่า

ทางนี้มีเป็นไปเพื่อความหลุดพ้น

ทางนี้เป็นไปเพื่อ รู้ทุกข์ รู้สุข เพื่อปล่อยวาง ทุกข์ และ สุข

ทางนี้เป็นไปเพื่อความหลง มัวเมา เพิ่มความ โง่เง่า งมงาย และ เต่าตุ่น

ถอยมาดู รู้เพื่อละ ไม่ใช่รู้เพื่อสร้างอัตตาแห่งความมักใหญ่ใฝ่สูง