ความจริงวันนี้(เรียนเชิญพระอริยมาตอบกระทู้นี้นะขอรับ)

คนที่ยังมีกรรม อยู่กับท่าน ต้องมาร่วมทุรนทุราย ร้อนเร่า ไม่จบไม่สิ้น

ท่านก็รู้ อยู่ ท่านไม่ปล่อยเขา เขาก็รับใช้ท่านไปเรื่อยแหละ เราไม่ยุ่งหรอก

ท่านจะสาวกเพิ่ม ก็ ดูที่ ดูทาง ให้มันเหมาะสม กับบารมีของท่าน ก็จะไม่มีที่ตำหนิ

ถ้าท่านทำเกินเลยหน้าที่ ตำหนินั้นก็เปื้อนท่านเอง คนที่เขาลอยออกไปแล้ว

ก็ได้แต่สงสาร เท่านั้นแหละ

 

เราไม่ได้หวังดี ต่อท่าน นินา

เราไม่รับพร ของท่านหรอกนะ เอาคืนไปเถอะ

 

สังเกตุไหม ที่ฟุ้งธรรมเพราะ โลกแห่งความเป็นจริง ท่านเป็นแค่เงาของฝูงชน

ณ ที่แห่งนี้มากมิตรต่างธรรม จึงหวังพึ่ง กลับกายเป็นโกรธบึ้งขุ่นมัวเพราะคำท่าน

เสียเบียร์หมดเหล้า นั้นหรือธรรม

มาฟุ้งธรรมหวังคน เขาเทิอทูล

เวลาผ่านเนิ่นช้า ฟ้ากระจ่าง

เคยโวหารคุยฟุ้ง จุงคนฟัง

กลับกาย มิตรหาย ให้อ้างว้าง

คงไม่นาน ถึงเวลาทบทวนตน

 

แล้วคนที่หวังดี ต่อท่าน นะ ร่วมฝันไปกะท่าน นะแหละ ที่รับกรรม

ย้ำคิด ย้ำทำ ย้ำทุกวัน จนไม่ปล่อยวาง

คนที่จากท่านไป ล้วนแต่ไปดี หมดแล้ว แหละ

 

เพื่อนแท้ เป็นเพื่อนที่ไม่หวังผลตอบแทนจากเพื่อน

เพื่อนแท้ รู้และเข้าใจสิ่งที่เพื่อนทำ

เพื่อนแท้ ไม่เหยียบย่ำซ้ำเติม แม้เพื่อนจะด้อยกว่า


คนเราทำอะไร โดยไม่หวังผลตอบแทน ก็เหมือนปิดทองหลังพระ คนที่ปิดทองหน้าพระ เปรียบเสมือนผู้ที่ทำแล้วหวังผลตอบแทน
แต่การปิดทองหลังพระ ทำอะไรไม่หวังผลตอบแทน และไม่ทุกข์ เพราะไม่หวังและมีแต่ให้ การให้ไม่ได้เกิดจากการอยากให้ แต่การให้ที่ไม่หวังผลตอบแทน เป็นการให้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

สัมมาทิฎฐิเท่านั้น ที่จะทำให้ เข้าใจทุกอย่างได้ ด้วยใจที่มีสัมมาทิฎฐิ จริง ๆ เท่านั้น เมื่อนั้น คำตอบที่สูงที่สุด ที่ทุกคนต้องการนั้น จะได้สัมผัสเอง เชื่อว่า สุดท้ายของทุกคน ก็แค่นั้นเอง รู้แล้วก็ปล่อยวาง เท่านั้นเอง

;aa14

 

การส่งความคิด ไปทำร้ายผู้อื่น ก็ย้อนกลับมาที่ ตนนั่นแล

อยากให้คนอื่นได้รับอะไร ก็ย้อนไปที่ตน นั่นแล

ให้ หลง กับผู้อื่น ก็วนกลับมาที่ตนเอง หลง หนักขึ้น ทุกวัน

 

แค่นึกอยากก็ผิดแล้ว ภพต่อภพ ชาติต่อชาติ ไม่จบหนอ

สิ่งกระจ่างนั้นมีอยู่ วิธีแจ้งนั้นก็มีอยู่

เร่งความเพียรรักษาใจ ดูรูปแยกนามให้เป็นอารมณ์เถิด

 

ท่านไม่สร้างบารมีในพุทธกาล กลับสร้างด้านตรงข้าม เพราะความเคยชิน

เวลานอกพุทธกาล ก็ว่าไปอย่าง

 

ท่านไม่สร้างปัญญา จะสร้างแต่กรรม ก็เป็นเรื่องของท่าน

เราก็เพียร ในส่วนของเรา

 

อีกนัยนึง
เพื่อนแท้ จะไม่สรรเสริญ ยกยอปอปั้นเพื่อน เพราะจะทำให้เพื่อนโมหะ

 

ขอโทษนะครับ คนชรามาช้า จะมาตอบ มาโผล่อีกทีหน้า 15 แล้ว -*-

อยากตอบคนที่ถาม หรือ จขกท. ว่า แม้นพระอริยะจะมาตอบ หรือ พระพุทธเจ้าจะมาโปรด ท่านก็จะได้คำตอบเพียงลมปาก หรือเป็นคำตอบที่ท่านได้คาดหวังไว้อยู่แล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องหาคำตอบ ไม่ใช่รอคำตอบ เพราะคำตอบที่แท้จริงไม่ได้อยู่ในอินเตอร์เน็ตหรอก เอาเวลารอคำตอบไปหาคำตอบดีกว่าไหม เริ่มปฏิบัติธรรม ทำสมาธิ ภาวนา และตัดกิเลสความสงสัยไปเสีย แล้วท่านจะเจอคำตอบเอง

ข้าพเจ้าไม่สามารถอธิบายได้ว่านิพพานเป็นอย่างไร แต่ข้าพเจ้าเชื่อว่า หากท่านปฏิบัติธรรมแล้ว ท่านต้องได้สัมผัสกับตนเองแน่นอน และแน่นอนสัมผัสด้วยตนเอง ไม่ใช่จากลมปากผู้อื่น

ธรรมสวัสดีครับ

 

นี่มันความคิด ของคุณ แล้วไปโทษว่าเขาผิด

มิจฉาทิฏฐิ ก็อยู่ที่คุณ ไม่ได้อยู่ที่เขา

 

เพื่อนไม่แท้ คือ เห็นเพื่อนมีมิจฉาทิฏฐิ ก็ไม่บอกความจริง

 

อยากเป็นพุทธมามะกะ หัดกราบพระด้วยใจนอบ

ระลึกธรรม ตามพระโอษถ์ พินอบไว้เปรียบอยู่หน้า องค์สัมมา

เจริญศีล วิรัสงดสำรวจตน

ข้อไหนวด หรือละ ให้รู้รอบเหตุแห่งวาง

ธำรงไว้ รักษาใจให้ปกติ

อีกสมาธิ ให้แน่วเสมอศรัทรา

วิริยะ เพียรรอบเช่นครูบา

มิใช่หนา รู้รบเพราะคาดเดา

 

เราเห็นท่าน หลงอยู่ในความฝัน และคิดว่าฝันนั้นเป็นจริง

 

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ siarayamarata
********
เราหมายถึง ขันธ์<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1676254", true); </SCRIPT> ที่ชอบคิดว่าคนอื่นโง่กว่าตนเองเสมอ หลงตัวเองคิดว่าตนเองรู้มากที่สุด ขันธ์จริงๆคุณยังมิรู้จักเลยแล้วมาตั้งชื่อตนเองว่า ขันธ์<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1676254", true); </SCRIPT> คุณมีความเข้าใจในขันธ์เพียงไหน
ขันธ์ สมาชิก

ขันธ์ 5 จริงๆมิมีใครดับได้ มิมีใครที่ดับขันธ์ที่เป็นกฎแห่งกรรมได้ แต่เราจะดับขันธ์ที่ดูถูกเหยียดหยามผู้อื่นอยู่เสมอ

เราจะแสดงธรรมที่เกี่ยวกับขันธ์ที่แท้จริง เมื่อคุณแสดงธรรมที่คุณคิดว่าตนเองเก่งตนเองรู้มากกว่าคนอื่น

เราจะรอคุณมาแสดงธรรมที่เกี่ยวกับขันธ์ทั้งที่รู้ตามผู้อื่นและที่รู้เอง

ที่รู้ตามผู้อื่นใครๆก็ติดตามอ่านได้ในโลกของไซเบอร์

เราต้องการขันธ์จริงๆที่เป็นกฎแห่งกรรมที่มิมีใครฝ่าฝืนได้ มิใช่ขันธ์ปลอม เป็นไก่ขัน เป็นขำขัน เป็นอารมณ์ขัน เป็นขันอาบน้ำ อาบน้ำสามขัน
</TD></TR></TBODY></TABLE>
อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ขันธ์
แสดงว่า สีอาน พูดถึง ขันธ์ ที่เป็นบุคคล ก็แสดงว่า สีอานยังไม่เข้าใจในคำว่า ขันธ์ ดีพอ
ริอาจจะเป็นพระศรีอารย์ แต่ไฉน ยังแยกกองขันธ์ไม่ออก เหมารวมเป็นตัวบุคคล อันเป็นสักกายทิฎฐิเล่า
</TD></TR></TBODY></TABLE>
*********
แสดงว่าคุณมิรู้จักขันธ์ที่เป็นกฎแห่งกรรมจริงๆ

ขันธ์ที่เป็นกฎแห่งกรรมแบ่งเป็นเหตุ 3 ขันธ์ และเป็นผล 2 ขันธ์

นั่นคือ
[สย] อ่านว่า สะยะ แปลว่า เป็นสัตว์ที่ชั่วร้าย
[วทน] อ่านว่า วะทะนะ แปลว่า เป็นสัตว์ที่มีคุณธรรมนำความดี
[วนย] อ่านว่า วะนะยะ แปลว่า เป็นสัตว์ที่มีทั้งความดีและความชั่ว

คือ สัญญาขันธ์ เวทนาขันธ์ วิญญานขันธ์ แต่คุณมิอาจเข้าถึงกฎแห่งกรรมจึงมิเข้าใจความหมายของขันธ์ที่แท้จริง ทั้งสามประการล้วนเป็นเหตุ ที่นำสู่ผลคือ

[สขร] อ่านว่า สะขะระ แปลว่า สังขาร
[รป] อ่านว่า ระปะ แปลว่า รูปของสังขาร

คือ สังขารขันธ์ รูปขันธ์ เป็นผลของการกระทำที่เป็นเหตุทั้ง 3 ประการ คือ สัญญาขันธ์ เวทนาขันธ์ และวิญญานขันธ์

สรรพสัตว์ทั้งปวงที่ยังมิอาจบรรลุอรหันต์ล้วนยังคงต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎแห่งกรรมทั้ง 5 ขันธ์ เหตุ 3 ขันธ์ ผล 2 ขันธ์

เหตุที่เกิดจาก [สย] จะส่งผลให้ตกนรก ผลคือสังขารและรูป นรกภูมิยังคงมีสังขารและรูป เป็นเครื่องมือสร้างความทุกข์ให้กับสรรพสัตว์ที่ทำความชั่ว ที่ชัวร้าย เพื่อชดใช้กรรมบนนรกภูมิ นั่นคือ มีกายสังขารทิพย์ของสัตว์นรก เมื่อมีกายสังขารจึงมีรูปของกายสังขาร

เหตุที่เกิดจาก [วทน] จะส่งผลให้ขึ้นสวรรค์ชั้นใดชั้นหนึ่ง ภูมิเทวา นั่นคือสวรรค์ชั้นดุสิตสำหรับบุรุษเพศ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์สำหรับสตรีเพศ ยังคงมีกายสังขารและรูปเฉกเช่นสัตว์นรกบนนรกภุมิ เพียงแต่เป็นกายสังขารทิพย์ที่ได้รับความสุขมีรูปเพราะมีกายสังขารทิพย์ ปรุงแต่ขึ้นเพื่อปิติสุข ไร้รูปไร้กายทิพย์คืออรหันต์ อนาคามี เทพเซียน พระโพธิสัตว์ พระพุทธเจ้า แต่มิใช่การดับจิต เพียงดับสังขารและรูปเพียงเท่านั้น เป็นเพียงชั่วคราวมิใช่ชั่วนิรันดร

เหตุที่เกิดจาก [วนย] จะสงผลให้กลับมาเวียนว่ายตายเกิดบนโลกมนุษย์ ด้วยสังขารและรูปต่างๆกันไป ตามผลของการกระทำ

สรรพสัตว์ทั้งปวงที่เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในสังสารวัฏคือเวไนยสัตว์ นั่นคือ [วนยส] อ่านว่า วะนะยะสะ แปลว่า สรรพสัตว์ที่มีทั้งความดีความชั่ว จักยังต้องเวียนว่ายตายเกิดต่อไปตราบชั่วนิรันดร มิสิ้นสุด มิอาจหลุดพ้นไปจากการเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในสังสารวัฎได้ เป็นข้อเท็จจริง

การพิจารณาหลักธรรมต้องพิจารณาหลักข้อเท็จจริงเป็นลำดับแรก จากนั้นจึงค้นหาความถูกต้อง ความเที่ยงธรรม ความยุติธรรม ความเป็นธรรม ความชอบธรรม ที่ผลออกมาเฉกเช่นนั้น มิใช่เชื่อตามกันจนขาดสติยั้งคิดพิจารณา เชื่อแบบงมงาย สิ่งที่เห็นคือความเชื่อแบบงมงายทั้งสิ้น มิพิจารณาข้อเท็จจริง

 

เราเห็นท่าน ละทิ้งความจริง อันได้แก่ ตัวตนแห่งท่าน

เราบอกตามที่เห็น แค่นั้น เพราะท่านถามมา.. เราก็ตอบไป

 

ประโยคนี้ มันร้อนใช่ไหม มีเหตุให้สะดุ้งใช่ไหม หุหุ

สิ่งที่น้าจรเรียกว่าวมุตติ จักกลายเป็นละมุดก็วันนี้

ใจตัวเองรักษาไม่ได้ ความไม่ปกติเกิดขึ้นกับจิตอีกแล้วหนอ
;aa12

 

เรารู้ว่า ท่านคือ งูพิษ

เราจึง ปล่อยวาง ท่าน

แต่สนทนาตามกาล บอกความรู้สึกตามจริง ของตัวเอง

ไม่ได้ต้องการ อะไร

 

กราบพระให้เป็นก่อน นี้จริงใจนะ น้าจร