"ความเชื่อ" - "ความจริง"

ลองคิดตามดูนะครับ สมัยก่อนที่ศาสนาต่างๆ จะเกิดขึ้น ตอนนั้นมีมนุษย์อยู่แล้ว ใช่มั้ยครับ

ตอนนั้น ยังไม่มีศาสนาใดๆ แต่กฎที่ว่า มนุษย์ตายแล้วไปไหน เกิดใหม่หรือไม่ ฯลฯ กฎทางจิตวิญญาณพวกนี้... มันก็มีอยู่แล้วใช่มั้ยครับ ซึ่งกฎเหล่านั้นคือ "ความจริง" ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร

แต่พอศาสนาต่างๆ ก่อตั้งขึ้นมา สอน "ความเชื่อ" ที่ต่างกันออกไป

ทุกคนคิดว่า "ความจริง" เดิมนั้น จะเปลี่ยนไปตาม "ความเชื่อ" เหล่านั้นหรือ?

ในสมัยที่คนทั้งโลก "เชื่อ" ว่าโลกแบน แต่ "ความจริง" คือ มันก็กลมของมันอยู่อย่างนั้น แม้คนทั้งโลกจะเชื่อว่ามันแบนก็ตาม

ฉะนั้น เราจึงจำเป็น ต้องแยก "ความเชื่อ" กับ "ความจริง" ให้ออก

ฉะนั้น ในประเด็นเดียวกัน เช่น มนุษย์ตายแล้วเกิดใหม่หรือไม่ ประเด็นนี้ประเด็นเดียว ย่อมมีความจริงอยู่อย่างหนึ่งใช่มั้ยครับ แม้ว่าศาสนาต่างๆ จะสอนให้เชื่อต่างกันอย่างไร ความจริงนั้นย่อมไม่เปลี่ยนแปลง แต่อย่างที่เรารู้กันว่าความเชื่อนั้นต่างกัน...

ผมว่าถ้าเราเปิดใจเป็นกลาง มันย่อมไม่ผิดที่จะบอกว่า หากมีความเชื่อหนึ่งที่เป็นความจริง ความเชื่ออื่นๆ ทั้งหมดย่อมไม่เป็นความจริง...

แต่อย่างไรก็ตาม ผมก็ไม่ได้ระบุชี้ชัด หรือตอบได้ว่า ความเชื่อไหนจริง หรือไม่จริงนะครับ...

ทุกคนคิดว่าไงครับ... เราจะรู้ได้อย่างไร ว่าความจริงนั้นคืออะไร???

 

ฉะนั้น เราจึงจำเป็น ต้องแยก "ความเชื่อ" กับ "ความจริง" ให้ออก

เห็นด้วยค่ะ

เราจะรู้ได้อย่างไร ว่าความจริงนั้นคืออะไร???

ความจริง คือสิ่งที่จับต้องได้ ได้รับการพิสูจน์แล้ว โดยผู้ที่มีความรู้จริง

ความเชื่อที่เราเห็นว่าเป็นความงมงาย ไม่เป็นไปเพื่อ ปัญญา ก็ อย่าไปใส่ใจให้น้ำหนักมากนัก

สนใจแล้วเรียนรู้ ในส่วนที่เป็นความจริง จะช่วยให้ตัวเราไม่ หลงทาง กับเรื่องปรุงแต่งทางจิตได้ <!-- / message -->

 

ความเชื่อ กับ ความเป็นจริง นั้น คนละเรื่องคนละอย่างกันเลยนะครับ
เป็น ปัจจัยตัง เวทิตัพโพ วิญญูฮีติครับ
ต้องแยกแยะนะครับ
ความเชื่อ เป็นเรื่องส่วนบุคคล แล้วแต่จริตวิสัย
ส่วนความจริงนั้น คือสิ่งที่เป็นอยู่แล้ว และจะเป็นเช่นนั้นต่อไป เหมือนสัจธรรม แล.

 

เชื่อว่าทำได้ แล้วทำได้ เกิดความจริง
เชื่อว่าทำไม่ได้ ไม่ทำ ก็ไม่มีอะไรเป็นจริงขึ้นมา

 

ขอบคุณมากครับ

 

เชื่ออย่างไหนล่ะครับ ?
หรือไม่เชื่ออะไรเลย ?
และที่ไม่เชื่อเพราะอะไร ทำให้ไม่เชื่อ ?
ถามตัวเองและค้นหามันสิ มันมีเหตุมีผลของมันในตัวอยู่แล้ว ?

ถ้าเกี่ยวกับ ตายแล้วเกิดใหม่นั้น เราไม่ให้เชื่อว่าตายแล้วไปเกิดเป็นอะไรๆต่อไปอีก จะยังไม่พูดตอนนี้...เพราะมันเป็นความเชื่อของแต่ละคน ถึงแม้จะมีกฏตายตัวอยู่แล้วก็ตาม

แต่จะลองให้คิดตามอย่างนี้ก็แล้ว ส่วนเรื่องจิตนั้นขอให้ไปหาอ่านเอาเองนะครับ

สมมติว่าคุณกินกาแฟกาแฟอะไรก็ได้ที่ชอบนั่นแหละครับ
กาแฟมันเป็นแต่น้ำ แต่เราปรุงใส่นั่นใส่นี่ขึ้นมาแล้วเรียกมันว่ากาแฟรสชาตินี้ๆๆๆ..เป็นต้นฯ
มันอยู่ในแก้ว แก้วก็เปรียบเทียบว่าเป็นร่างกายมนุษย์ก็แล้วกันนะครับ
พอแก้วมันร่วงแตกกระจาย น้ำกาแฟที่เราปรุงนั้นมันก็จะกายไปหมด กระจายออกมาจากแก้วที่แตก
คราวนี้เอาผ้าไปเช็ด น้ำกาแฟก็ยังอยู่ในผ้าที่เช็ด เอาผ้าไปบิดให้แห้ง น้ำกาแฟที่เคยอยู่แก้วนั้นก็ยังเป็นน้ำกาแฟอยู่ เป็นต้นฯ
ลองหาคำตอบเอาเองนะครับ
จะให้เห็นแจ้งเข้าใจจริงก็ลองๆทำใจพิสูจท์ดูนะครับ
ไม่ได้ให้เชื่อนะครับ แต่ถ้าสงสัยก็ลองๆก็ได้ ตำราก็มี พระศาสดาของพุทธศาสนาไม่ได้ให้เชื่อซะด้วยสิ

อนุโมทนาครับ

 

เรียกได้ว่า ไม่รู้ความจริงของธรรมชาติ จะได้ไหมครับ ^-^

 

ความเชื่อ เปรียบได้ โลกียะ ส่วนความจริง เปรียบได้ โลกุตตระ ไม่รู้ผมกล่าวถูกไหม พิจารณากันเองแล้วกัน ^-^

 

ความจริงคือ เกิด แก่ เจ็บ ตาย และทุกอย่างอยู่ในกฏ อนิจจัง ทุกขัง แล้วก็อนัตตา ครับ.....