สอบถามเรื่องการนั่งสมาธิ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ยอแซฟ, 8 เมษายน 2009.

  1. ยอแซฟ

    ยอแซฟ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2009
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +3
    ผมเป็นคนหนึ่งที่นั่งสมาธิมานาน โดยหลักการนั่งสมาธิของผมคือจะกำหนด 3 ขั้นตอน คือ

    1 .ตั้งสติให้มั่น
    2 .ตัดอารมณ์ออกไปให้หมด
    3 .ผ่อนคายร่างกายกำหนดลมหายใจ(กำหนดจิตไปที่ลมหายใจ)



    และจากประสบการณ์ของผมก้คือเหมือนตัวถอดกายออกมาได้แต่รู้สึกหนักที่หัวเหมือนคนหน้ามืด ครั้งล่าสุดผมอยู่ที่กรุงเทพผมลองกำหนดจิตทำสมาธิเหมือนเคย จากนั้นจิตผมก็หลุดออกมา ผมนึกถึงบ้านที่ต่างจังหวัดเหมือนแค่คิดก็ถึงครับ ผมมาอยู่บ้านต่างจังหวัด แต่เดินได้ไม่กี่ก้าว จะรู้สึกหน้ามืด แต่ไม่ได้ฝันนะครับ(ผมนั่งทำสมาธิ)ตอนที่ผมหลุดออกมาสติผมยังครบถ้วนเหมือนตอนที่ผมพิมพ์อยู่นี่แหละ แต่ในความรู้สึกใจหนึ่งก็กลัวกลับไม่ได้พอคิดแบบนั้นมันวุบกลับมาทันทีเลยครับ

    ขอท้าวความนิดนะครับ ผมฝึกสมาธิโดยการเพ่งลมหายใจมาตั้งแต่เด็ก(ประมาร 10ขวบ)จนมองเห้นลมหายใจตัวเองเข้าออกเหมือนกลุ่มควันและต่อมาก้เหมือนมองทะลุเปลือกตาออกมาได้ทั้งที่ยังหลับตาอยู่ และผมสามารถนั่งได้นานมาก แรกฝึกนั่งได้ไม่นานครับ กำหนดอยู่ที่ลมหายใจแต่พอคันที่ขาจิตก้วิ่งไปที่ขา แต่เดี่ยวนี้ผมสามารถควบคุมมันได้แล้ว เหตุการประหลาดที่เรียกว่าจิตหลุดนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงสองสามปีหลังไม่นานนี้เองครับครั้งแรกที่เกิดคือห้องผมเองผมหลุดออกมาและมองเห็นห้องตัวเองและก็อย่างที่บอกครับหน้ามืดเหมือนคนจะเป้นลม การทำแบบนี้บ่อยๆจะเป็นอันตรายหรือไม่ และมีวิธีควบคุมมันอย่างไร

    สิ่งที่ผมเล่ามาบางท่านอาจจะมองว่าเพ้อเจ้อ แต่ผมไม่เคยเล่าให้ใครฟังแต่ผมรู้ว่าสิ่งหนึ่งที่ได้จากการทำสมาธิคือสติ เมื่อมีสติทำกิจการก็มักจะราบรื่น

    จึงอยากจะสอบถามว่าทำไมผมจึงหน้ามืดเมื่อผมหลุดออกไปและเดินเหินไม่สะดวกสบายทั้งที่สติผมยังครบถ้วนบริบูรณืทุกอย่าง และจะมีวิธีฝึกอย่างไรให้เราสามารถควบคุมให้อยู่ได้นานขึ้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 เมษายน 2009
  2. ศิลปินชนบท

    ศิลปินชนบท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    773
    ค่าพลัง:
    +1,678
    ว้าววว น่าตื่นเต้นจัง เคยนั่งแล้วเหมือนจิตจะออกไปจากร่างเหมือนกันค่ะ แต่เราไม่ให้มันออกเพราะต้องมาทำงานต่อ เดี่ยวออกไปแล้วกลับไม่ได้ กลัวอะค่ะ
     
  3. nooy09

    nooy09 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +3
    มีสติเข้าไว้ครับ สติเท่านั้นครับ เจริญสติให้มากครับ พอดีรีบกลับบ้านครับ เลยสั้นไปหน่อย
     
  4. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ดีครับที่หลุดออกไปได้ แต่เราไม่ได้ปฏิบัติเพื่อให้มันหลุดออกไปแบบนั้นนะครับ

    แต่เราปฏิบัติเพื่อเห็นสภาวะธรรมเท่าที่เห็นได้ เช่น

    คุณระลึกออกไหม ตอนที่จิตเกิดกลัว กลัวมันยังไม่เท่าไหร่ มันยังไม่กลับ แต่พอ
    มีคำว่า กายเรา ปรากฏในความกลัว เท่านั้นแหละ ยังกะมียางเหนียวดึงวืดกลับมา
    ที่ร่างกายทันที อาการยางเหนียวนี้ให้รู้ไปเลยครับว่าคือ ตัณหา มันจะเกิดหลัง
    จากมี อัตวาทุปาทาน หรือ อุปทานความคิดว่าเรามีตัวตน (สักกายทิฏฐิ) บ้างก็
    เรียกว่า สิ่งร้อยรัด อันนี้คือเห็นอัตตาไม่ทัน แต่เห็นว่า มีการตรึกไปในเรื่องอะไร
    ที่เป็นนิวรณ์ขึ้นมา มันเลยวืดกลับ

    * * **

    การเห็นจิตวิ่งไปที่ขา อันนี้ก็ดี หากดูทันก็จะเห็นเหมือนกัน มันจะมี เราคันขา เกิด
    ขึ้นมาก่อน พอมีเราคันขา จิตมันก็วิ่งไปที่ขา เหมือนมันไหลไปที่ขา ไปแนบกับ
    เวทนากาย แล้วมีเวทนาใจเติม คราวนี้มีเราคันขาเกิดขึ้นสมบูรณ์ หากเราเกาขา
    เพื่อแก้ทุกข์ก็เรียบร้อย ต้องหาช่องเข้าสมาธิกันใหม่ แต่ถ้าคล่องแล้วก็อึดใจเดียว
    ก็มานิ่งได้

    * * *

    มาคำถามหน้ามืด อาการเห็นอะไรมืดๆ นี่เป็นรูปของโมหะมูลจิตที่มันแทรก โมหะ
    มูลจิตที่มันแทรกก็คือตัว เจตนา ซึ่งมันมี ตัณหา อยู่เบื้องหลัง คุณก็ต้องตรวจเอา
    เองแหละว่า ตอนนั้นเจตนาจะทำอะไรหรือเปล่า พอมีเจตนาก็จะมีแรงเค้น แรงบีบ
    ลงไปที่จิต ไปดันมันเพื่อให้ได้ผลอะไรสักอย่างที่เคยเห็นมาแล้ว แล้วอยากได้แบบนั้น

    นี่เราก็เอามาระลึกดูไปเลยว่า มีโมหะเกิดขึ้น หากดูโมหะเกิดขึ้นดูไม่ทันยอมจม ยอม
    มืดก็ต้องมาดูความยินดีพอใจที่จะได้เห็นอะไรบางอย่าง เหมือนๆมันจ่อๆอยู่ข้างหน้า
    จึงต้องออกแรงดัน(ตัณหา) บีบเค้นใจ(สภาพทุกข์ของจิตที่ถูกบีบเค้นโดยตัณหา) เรา
    ก็ระลึกรู้อาการที่มันเกิดตามไปด้วย เมื่อเห็นบ่อยๆ จนจิตจดจำได้ จะเกิด สติ

    เมื่อ สติ เกิดคราวนี้พอใจถูกบีบเค้นจะรู้ทัน พอรู้ทันปุ๊ปการปฏิบัติจะผลิกไป
    เป็นโปร่งเบาใจจะเบา หากระลึกรู้ทันสภาวะตัณหาในแรงบีบใจขึ้นมาอีกคราว
    นี้จิตจะเป็นอิสระควรแก่การงาน พร้อมจะรู้สภาวะ ไม่ใช่เพ่งเข้าไปเพื่อคว้าอะไร
    บางอย่างแบบจมลงไป โงหัวไม่ขึ้น หน้ามืดๆ อีก หากระลึกรู้ทันดีกว่านี้อีก
    ตอนที่เห็นอะไรมันมาเหมือนจ่อๆข้างหน้า หากทัน สติ เกิดก็จะเห็น อุธัจจนิวรณ์
    ได้อีกตัว หากสติจจำสภาวะธรรมยินดีพอใจได้อีก คราวนี้จิตจะคล่องแคล่ว
    กว่าเดิม เริ่มสว่างมากขึ้น พอสว่างมากขึ้นคราวนี้จิตจะจดจำสภาวะที่มืดๆ กับที่
    สว่างๆ ได้ ก็จะรู้ทันโมหะ เมื่อสติรู้ทันโมหะมูลจิต คราวนี้สบาย

    จิตจะคล่องแคล่ว ควรแก่การงาน มีความเบา โปร่ง สว่าง สะอาด สงบ พร้อมรู้

    จะเห็นว่า สิ่งที่เรารู้เพื่อละ เพื่อคลายทีละตัวนั้น จะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายในกาย
    ภายในใจเรา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการไปรู้อะไรข้างนอก การไปรู้อะไรข้างนอก
    นั้นเป็นผลพลอยได้จากการทำสมถะ(เพ่ง) แต่การตามรู้ตามดูสภาวะธรรมที่เกิดขึ้น
    ในกายในใจแล้วรู้ทัน เกิดสติ จนเกิดความปลอดโปร่ง โล่งเบา จะเป็นผลจากการ
    ทำวิปัสสนา(ตามเห็น)

    ก็ทำไปแบบนี้แหละครับ สลับการทำดู หากมันจะออกไปรู้ข้างนอกก็ปล่อยมันไป
    พอมันจะกลับดูให้ทันว่า มันกลับมาเพราะ อัตตา มันเกิดใช่หรือไม่ หากดูทันก็จะดี

    หากดูไม่ทันก็ให้ดูความ ยินดี ยินร้าย ที่เกิดขึ้นจากการไปรู้ไปเห็น หรือ ได้ออกไปข้าง
    นอก หากดูยินดี ยินร้ายทันจิตจะรู้ว่าไม่ควรออกไปข้างนอก ไม่ควรส่งจิตออกนอก

    แต่มันจะไป ก็ดูไปเลยว่า บางทีมันห้ามไม่ได้ แต่จำเป็นไหมที่ต้องออกไปข้าง
    นอกอย่างนั้น ก็ขอชี้ก่อนว่า ไม่จำเป็น เพราะจิตเป็นธาตุรู้อยู่แล้ว หากอยากรู้
    อะไรก็รู้ได้ทันทีหากฝึก สติ ไว้มากๆ ก็รู้ได้แบบที่ออกไปรู้ แต่หากเคยเห็นการ
    รู้ที่เป็นไปด้วยสติ จะเห็นเลยว่า รู้แบบใช้สตินั้นไวกว่า และก็คล่องกว่า งานทาง
    ใจก็น้อยกว่าการต้องเค้นใจออกไปรู้

    แต่ถ้าใจเรามียินดีที่ได้ออกไปข้างนอก คอยดูครับว่า การปฏิบัตครั้งต่อๆไปมัน
    จะมีความมืดๆมาแทรกอีก นั่นเพราะเราหลงกลตัณหาเข้า การออกไปที่ดีต้อง
    ไม่เจือเจตนา ไม่เกิดด้วยตัณหาแทรก ซึ่งความแตกต่างก็คือ ความสว่าง กับ
    ความมืด ที่ห้อมล้อมในนิมิต

    * * * *

    สมถะ และ วิปัสสนา คือสองสิ่งที่ ควรเจริญด้วยปัญญาอันยิ่ง

    สองสิ่งที่ภิกษุไม่ควรเสพคือ การหลงไปตามกิเลส(ลืมปฏิบัติ) และ การบังคับกายบังคับใจ
    (การปฏิบัติที่มีโมหะ เจตนา ตัณหาแทรก)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 เมษายน 2009
  5. ยอแซฟ

    ยอแซฟ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2009
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +3
    ขอบคุณมากครับแล้วจะลองปฏิบัติดู พอดีเพื่อนแนะนำเว็บนี้มาชอบเรื่องการทำสมาธิเหมือนกันส่วนหนึ่งก็เพื่อให้มีสติและสุขภาพ เข้ามาได้รับคำแนะนำที่ดีไม่ผิดหวังครับ เพราะอย่างที่บอกเรื่องแบบนี้ไปพูดให้ใครฟังอาจโดนหาว่าเพ้อเจ้อได้

    เพื่อนผมเคยเล่าให้ฟังว่ามีพระรูปหนึ่งท่านนั่งสมาธิในกุฏิลงไปดูไร่นาของญาติโยมโดยการถอดจิต ท่านบอกท่านต้องรีบดึงจิตกลับเพราะสิ่งแทรกซ้อนระแวกนั้นเยอะ กรณีนี้มันจะคล้ายกับที่ผมประสบหรือเปล่าครับ

    ขอบพระคุณสำหรับข้อมูล
     
  6. visa2505

    visa2505 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2007
    โพสต์:
    560
    ค่าพลัง:
    +1,093
    visa2505

    อาจจะเป็นสาเหตุมาจากร่างกายไม่พร้อม เคยได้ยินมาว่า ถ้าจะนั่งสมาธิ ให้สูดลมหายใจเข้า-ออกลึกๆสามครั้งก่อน เพื่อปรับร่างกายให้พร้อม แล้วจะเข้าสมาธิได้นาน จะไม่มีอาการข้างเคียง
     
  7. Likely

    Likely เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    4,151
    ค่าพลัง:
    +3,821
    <<<<<<(อีไล้นั่งไม่เคยเกิน 5 นาที)..*-+....55555555555:)
    สาธุเจ้าของกระทู้ค่ะ^-^
     
  8. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ยังครับ เพราะคุณกำลังเริ่ม หากออกไปแบบ มืดๆ แบบนั้นบ่อยๆ ก็ไม่แน่

    ก็อย่างที่บอก หากออกไปได้โดยไม่เจือเจตนาที่แฝงเล้นด้วยตัณหา ก็จะไม่
    มืด อันนี้ต้องไปดูน้ำหนักเอาเองนะครับ การออกไปนั้นจริงๆมันต้องเจือ
    เจตนา แต่มันมีความละเอียดต่างกันระหว่าง มนสิการ น้อมไป กับการเจือ
    เจตนาแบบตัณหา ซึ่งก็ต้องดูเอาเองว่า มันมืด หรือ สว่าง หากออกไป
    ด้วย นมสิการ มันก็สว่างไปหมด ไม่มีกลางวัน ไม่มีกลางคืน

    * * * *

    ทีนี้ ต้องกลัวสิ่งแทรกซ้อนไหม โดยหลักการแล้ว ไม่มีทางเป็นไปได้
    การที่เราเห็นใครมีสิ่งที่เปลี่ยนไป นั่นก็เพราะไปเปิดรับเข้ามาเป็นตัวเอง
    พอระลึกอัตตาตัวเองได้เมื่อไหร่ ก็กลับมาอยู่กับปัจจุบันได้เมื่อนั้น
     
  9. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ถ้าจะคุยมันส์ ก็ต้องเข้าห้องให้ถูกนะครับ เข้า ห้องอภิญญา นั่นเลย

    แต่อย่าเอามันส์อย่างเดียวนะ อย่าลืมเจริญปัญญา ทำวิปัสสนา

    การทำวิปัสสนานั้นมีเฉพาะช่วงเวลาที่มีพระพุทธศาสนาปรากฏ หากได้
    ทำไว้บ้างก็เป็นกุศล หากทำเป็นหลักก็เรียกว่าได้เดินสู่ทางหลุดพ้น

    แต่ถ้าไม่เดินไว้เลย การทำสมถะนี่เผลอจะพลาดไปเป็นพรหม หากเป็นพรหม
    บางชนิดนี่กว่าจะกลับมาเกิดในภพที่ทำวิปัสสนาธุระได้ บางทีข้ามไป 3 พุทธันดร
    คือ เลยศาสนาสมัยของพระศรีอารย์ออกไปอีก หรือ พรหมบางชนิดได้เจอพระ
    ศรีอารย์นะแต่จะไปเถียงกับท่านเรื่องมรรคผล

    ก็ให้ดี เราควรวิปัสสนาไว้บ้าง จะได้สะสมทิฏฐิที่ตรงสู่นิพพานไว้บ้าง
     
  10. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    เออนะ.....นานที่จะเจอคนฝึกสมาธิ...ได้ค่อนข้างดีขนาดนี้....ที่แน่ๆคือคุณตั้งกระทู้ผิดห้องนะ.....คราวหน้าถามเรื่องแบบนี้ควร ไปตั้งที่ห้อง อภิญญา-สมาธิ.....

    สังเกตุจากที่อ่านมานะ....กำลังของสมาธิค่อนข้างที่จะดี...พื้นฐานดีฝึกมานาน......แต่ควบคุมยังไม่อยู่......พยายามอย่ากลัวตายให้มาก.....

    สติตามได้ดีนะ.....ถือว่าสิ่งที่คุณได้มีประโยชน์กว่าท่านอื่นที่...ฝึกแบบสุขวิปัสโกนะ.....เพราะสามารถพิสูจน์คำสอนได้มากขึ้น........

    ไม่แนะนำให้เปลื่ยนวิธีนะ....ทำต่อไป.....พื้นฐานดี....อย่าไปเริ่มใหม่...เสียเวลา.......

    ที่นี้เมื่อถอดออกไปนะ.....อย่าเพิ่งออกไปที่อื่น.....ย้ำ...ฝึกได้ขนาดนี้อย่าไปกลัวตาย......พยายามเมื่อหลุดแล้ว....จงใช้กายใน...ออกมาพิจารณากายเนื้อที่มันนั่งอยู่นะ.....ว่าเรากับมันมันคนละส่วน.....มันคือไอ่ธาตุขันธ์...ที่มีธาตุ 4 ประกอบขึ้นเท่านั้น.....เกิดขึ้น...ตั่งอยู่...ดับไป....จากเด็กก็แก่ขึ้นเรื่อยๆ....อีกหน่อยมันก็ตาย.....เมื่อตายไอ่กายนี้เลิกคบกัน.....เมื่อยังมีก็ดูแลมันไป....ทำหน้าที่..นะ......เอาอย่างนี้เป็นวิปัสสนา.....พิจารณาให้ได้ว่ามันเป็นธาตุ 4...นะ....มันไม่ใช่เรา...ไม่ใช่ของเรา.....เราไม่ใช่มัน....มันไม่ใช่เรา...อย่างนี้เป็นต้น......ศึกษาได้...ตามพระธรรมเทศนา หลวงพ่อฤาษี ท่านทำอย่างนี้ได้แต่เด็กแล้ว.......ถือว่าไม่แปลกนะ.......

    พิจารณาอย่างนี้ให้คล่องก่อนนะ....ให้ซึ้ง.....ให้รู้จริง.....

    ไอ่เรื่องปวดหัว...ที่นี้ตอนปฏิบัติ...อย่าลงกำลังหนักนะ....สบายๆ...อีกหน่อยคล่องตัว...อาการจะหายไปเอง.....

    หลังจากนั้น ค่อย ท่องไตรภพ.....ค่อยบอกกัน...เป็นขั้นต่อไป.....คนอย่างนี้ฝึก มโนมยิทธิ...จะทำได้ดีมากๆ

    ท่านทั้งหลายที่ไม่ได้ฝึกทางนี้หรือไม่รู้วิธีอย่าเดาส่ง....จะเสียประโยชน์เขา....
     
  11. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,063
    ค่าพลัง:
    +2,676
    พุทธันดร นี่นานมากเลยนะเนี่ย..น่ากลัวจัง
    ความสงบเพียงเพื่อข่มทุกข์ไว้นั้น เป็นแค่สุขของฌานสมาธิอันแก่กล้าแล้ว

    ถ้าทำวิปัสสนากรรมฐานไปด้วย ควบคู่กันไปพิจารณาเห็นธรรม (การเกิดดับ)
    ประจักษ์แจ้งแก่ใจตนแล้ว บวกด้วยพื้่นฐานที่เป็นสมาธิฌานอันแนบแน่น
    ใช้ตรงฌานเพื่อทรงอารมณ์ อารมณ์ที่ปัญญาพิจารณาเห็นความเกิดดับ เห็นความไม่เที่ยงอยู่เสมอๆ..อยู่เนืองๆ ก็จะเห็นธรรมชาติอันแท้จริง..
    ซึ่งเป็นปัจจัยแห่งสุขแท้ที่จิตปราศจาก กิเลส ตัณหา อุปาทาน

    ปฏิบัติต่อไปเถิดครับ สาธุ
     
  12. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    <TABLE class=tborder id=threadslist cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY id=threadbits_forum_2><TR><TD class=alt1 align=middle>11</TD><TD class=alt2 align=middle>111</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  13. ajmin

    ajmin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +628
    อยากตอบตรงๆง่ายๆว่า เค้าเรียกว่า ถอดจิตครับ ไม่ใช่จิตหลุด การหลุดออกไปแล้วมีอาการอย่างนั้นคือ ตอนออกไปแล้วจิตวอกแวก จึงกลับร่างมาในบัดดลครับ

    ก็เป็นอันตรายนะครับ เพราะถ้าเป็นบ่อยๆร่างก็อาจจะเป็นเจ้าชายนิทราไปได้เลยครับ

    ทางที่ดีผมแนะนำให้ไปเรียนพลังจักรวาลนะครับ เพราะจะช่วยให้จิตนิ่งได้มากขึ้นครับ
    แถมยังจะได้ความสามารถในการรักษาคนแถมมาด้วยครับ

    ขออย่าไปหาเองนะครับ ถ้าจะเอาที่รับรองจากศูนย์ใหญ่แล้วก็ต้องที่ มูลนิธิวิทยาศาสตร์ทางจิตเพื่อการพัฒนา นะครับ ติดต่อเพิ่มเติมที่ 02-399-3059 ต่อ 0 ติดต่อ มูลนิธิฯครับ
     
  14. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ถ้ามีสติอยู่กับ คำบริกรรม มันก็ไม่ออก และอย่าไปให้มันออก ถ้ายังไม่รู้จักจิตดีพอ
    เอานิ่ง พอ
     
  15. pim_jai

    pim_jai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    305
    ค่าพลัง:
    +568
    อนุโมทนาค่ะ
     
  16. ดาราจักร

    ดาราจักร ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,707
    ค่าพลัง:
    +10,092
    โมทนาด้วยครับ ทำต่อไปเรื่อยๆนะครับ

    ถ้ากลัวก็นึกถีง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ครับ

    ถ้าชำนาญเมื่อไหร่ ก็แวะมาสอนกันบ้างนะครับ

    สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...