เป็นกฎแห่งกรรม หรือ เป็นความประมาทของโรงพยาบาลกันแน่

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย callmebeau, 18 มิถุนายน 2009.

  1. callmebeau

    callmebeau สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2007
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +0
    เรื่องก็มีอยู่ว่า
    แม่ของฉันอายุประมาญ 55 ปี เดิมทีแข็งแรงและมีสุขภาพที่ดี ถึงแม่จะอ้วนแต่ก็ไม่เคยป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาลลย แม่เป็นหมอแผนไทยด้วยคะ แม่เขาจะรู้และกินพวกสมุนไพรบำรุงร่างกายและออกกำลังกายเสมอๆ อ่านหนังสือธรรมมะแล้วนำมาสอนลูก ทำบุญบ่อยๆ
    วันที่3 พค. อยู่มาวันหนึ่งขณะที่ฉันกลับจากต่างประเทศได้ไม่ถึง1วัน คุณแม่ก็เริ่มมีอาการปวดท้องอย่างหนักตอนประมาญตี1 คุณพ่อและพี่ๆจึงพาเข้ารพ.เอกชนแห่งหนึ่งก็คือ รพ.เปาโลสยามพอเข้าไปตรวจแล้ว หมอวินิฉัยว่าเป็นโรคกระเพาะ (โรคกระเพาะไม่น่าจะปวดจนถึงขนาดหน้าเขียว) แต่ก็รับยามาทางแล้วก็กลับบ้านนอน จนกระทั่งตอนประมาญ ตี5แม่บอกว่าปวดจะขาดใจตายอยู่แล้ว จึงกลับมาที่รพ.เปาโลอีกครั้ง คราวนี้หมอให้แม่นอนรพ.เลย และเฝ้าสังเกตอาการ ดิฉันก็ตามไปนอนกับแม่ คุยกับแม่ ไม่ให้แม่เหงา ส่วนใหญ่ช่วงนี้แม่จะมีอาการขอกินยาแก้ปวดอยู่บ่อยๆ เพราะเขาต้องการระงับความปวด ผ่านไปประมาณ3วัน รพ.พึ่งจะมารู้ว่าแม่เป็นโรคตับอ่อนอักเสบ และต้องรักษาตามวิธีของแพทย์คือต้องต่อท่อเข้าไปดูดน้ำออกจากท้องเพราะท้องอืดมากและมีปัสสาวะน้อย เข้าวันที่4 แม่เริ่มมีอาการท้องเสียเฉียบพลัน สาเหตุอาจจะเป็นเพราะญาติคนหนึ่งมาฝังเข็มให้หรืออาจจะเป็นเพราะโรคของแกเองก็ไม่รู้ ถ่ายทุกๆ1ช่วงโมง คือดิฉันกับแม่ต้องวิ่งกันทั้งคืน เพราะพาแม่เข้าห้องน้ำ วันที่5 เราก็เลยย้าย รพ.ไปรพ.ที่มีประกันสังคม เพราะนอนรพ.เอกชนแค่3-4วันก็เสียไป3หมื่นกว่าๆบาทแล้ว อีกทั้งรพ.นี้ยังแถมโรคให้แม่อีกก็ขึ้นอาการไตวาย ฉี่น้อย เพราะหมอและนางพยายาบาลไม่สังเกตวันหนึงมาดูอากาศแค่2ครั้งวินิฉัยโรคได้ล่าช้า แต่มีนางบาลคนเดียวอยู่เวรดึก 1คนคุม1ชั้น ซื้งเป็นไปไม่ได้ที่จะดูแลคนไข้จำนวนมากได้
    รพ.ต่อมาคือรพ.เดชา อยู่ได้แค่1วัน เนื่องจาก ซึ่งเป็นรพ.ที่มีประกันสังคม แต่หมอน้อยและการดูแลไม่ทั่วถึง แต่พอเข้ามาที่นี่ เขาให้แม่นอนไอซียูเลย (ผิดกับเปาโลที่นอนแค่ห้องพิเศษ) หมอบอกว่าให้แม่ต่อสายเข้าท้องเพื่อดูดน้ำย่อย แต่แม่ไม่ยอมต่อ วันนั้นแม่มีอาการหอบและเหนื่อยมากๆ เลยคิดว่าอยู่รพ.นี้ต่อไปคงไม่ดีแน่ๆ จึงย้ายมาอีกที่ซึ่งญาติเป็นหมออยู่ที่รพ.นี้ จะได้ดูแลท่านอย่างใกล้ชิดได้ เขาให้เซนยินยอมว่าจะต้องไม่ทวงค่าประกันสังคมเนื่องจากญาติต้องการย้ายเอง และรพ.มีประสิทธิภาพพอจะรักษาได้ ซึ่งฉันไม่เห็นว่าเป็นเช่นนั้นเลย อุปกรณ์ในรพ.ไม่พร้อมสักอย่าง อีกทั้งหมอและนางพยาบาลน้อยอีกด้วย
    รพ.ที่3ที่ย้ายมาคือรพ.พระมงกุฎเกล้า และคุณแม่ก็ยังอยู่จนถึงปัจจุบันนี้ซึ่งในตอนแรกดิฉันคิดว่าเป็นโรงเรียนแพทย์คงจะดีกว่าที่อื่น และย้ายมาที่นี่คงจะรักษาได้แน่ๆ แต่ว่าก็หาเป็นเช่นนั้นไม่ แม่ถูกให้อากาศทางปากและต่อท่ออากาศทางปากสลับไปมา ท้องก็ยังบวมเหมือนเดิมอยู่รพ.ได้1อาทิตย์ เรื่องได้เกิดขึ้นอีกจนได้ ก็คือแม่ดิฉันเป็นคนขี้ลำคาญจึงถอดสายในปากออกเอง(นางพยาบาลบอกจึงแท้หรือเปล่าก็ไม่รู้) ในตอนนั้นหัวใจได้หยุดเต้นไปไม่ต่ำว่า4นาที หมอได้ปั้มหัวใจแม่ขึ้นมาได้และหลังจากนั้น1ชั่วโมงแม่ก็ฟื้น ซึ้งนับว่าเป็นปฎิหารอย่างมาก แม่พูดคุยได้เป็นปกติ ตอนนั้นเกิดจากความไม่รอบคอบของนางพยาบาล ซึ่งไม่ดูแลให้ทั่วถึง เป็นเหตุให้แม่เกือบเสียชีวิตได้ดิฉันพยายามให้อภัยและ อโหสิกรรมให้ เพราะคิดว่าคงจะไม่เกิดขึ้นอีก และแล้วพออีก3วันถัดมา พวกหมอและนางพยาบาลได้นำแม่เข้าฉีดสี (ซีทีสแกน) เพื่อจะตรวจดูภายในช่องท้อง และแล้วก็เกิดเหตุการที่ไม่คาดฝันขึ้นมาอีกจนได้ เมื่อท่อหายใจหลุดอีกครั้ง คราวนี้หลุดในเรื่องฉีดสี จึงทำให้ไม่มีคนรู้กว่าจะรู้ ก็อาจจะปาไปถึงเกือบ10นาทีและปั้มหัวใจขึ้นมาได้นานกว่า10นาที เมื่อสมองไม่ได้รับอาการเกิน4นาที (ทุกคนคงจะรู้แล้วใช่ไหมว่าจะต้องนอนตลอดไป เป็นเจ้าหญิงนิทรา) แต่เหล่าหมอก็ยังปิดบังความจริงโดยที่ไม่ได้บอกเวลาให้แน่ชัดว่า แม่ขาดอากาศหายใจกี่นาทีกันแน่และ มีโอกาศจะฝื้นไหม และให้รอต่อไปเรื่อยๆ ถึงขณะนี้ก็ยังรอ รอ รอ หมอได้ทำลายความหวังของฉันลงทุกวันโดยที่เอาแต่พูดว่าถ้าเลย3วันโอกาสตื่นคงน้อยแล้ว และก็ได้แต่พูดว่าตื่นยาก (คุณมาเป็นลูก จะรู้สึกยังไง)เกือบจะเดือนหนึ่งแล้วที่แม่ยังไม่ฝื้นไม่รู้สมองเสียหายไปเท่าไหร่แล้ว อีกทั้งเรื่องก็ยังไม่จบคะ โรคของแม่ซึ่งก็คือตับอ่อน ยังไม่ดีขึ้นแถมแย่ลงอีก ตับอ่อนหายอักเสบแล้ว แต่น้ำย่อยมันก็ไปทำลายอวัยวะส่วนอื่น ซึ่งต้องเจาะ สารัพัตร พรุนทั้งตัวเลย ทั้งเจาะคอซึ่งเค้าบอกว่าจะต้องอยู่นานจึงต้องเจาะ เจาะปอดเพราะมีน้ำในปอด และด้านข้างลำตัวเพื่อละบายน้ำออกจากท้อง และแล้วอาจารย์หมอก็ให้พวกเราตัดสินใจว่าจะต้องเปิดท้องเข้าไปผ่าตัวตับอ่อนที่มีปัญหาอยู่ ต้องผ่าทั้งๆที่ยังไม่ฟื้นนี้ละคะ เพื่อลดการติดเชื้อเนื่องมาจากพักนี้แม่มีอาการความดันต่ำซึ้งไม่ดีเลย และเค้าก็ไม่รับรองผลเค้าบอกว่า80/20 เพราะว่าตัวโรครุนแรงมากหายยากละอัตราการตายสูง (80นี่คืออัตราการเสียชีวิตนะคะ) พยายามจะย้ำว่า 80/20นะอยู่นั่นเหมือนกับจะไม่แสดงความรับผิดชอบอะไรเลย ช่วงเวลาการตระเวรทำบุญและดูดวงเกือบได้จบลงแล้ว และโชคดีอย่างมากที่การผ่าตัดครั้งนี้สำเร็จไม่ติดเชื้อ ตัดเนื้อตับได้บางส่วน และล้างท้องได้ จึงทำให้ยังรอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ แต่ก็ยังไม่ฟื้น จนบัดนี้ก็ยังไม่ฟื้น จะ1เดือนแล้วคะ คิดว่าจะทำยังไงดีคะ นี่มันเป็นความผิดของใครกัน
    รพ.บอกแค่ว่า ทางเราเสียใจที่มีเรื่องนี้เกิดขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากให้เกิด และก็ขออภัย ทางเราจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เหลือให้(จบ) และก็ไม่พูดด้วยว่าหากแม่ต้องนอนอยู่อย่างนี้ต่อไปจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่อ
    การประมาทที่ทำให้คนไข้ถึงแก่ความตายหรือสภาพที่เหมือนตาย นี่หรือคะ สิ่งที่จะรับผิดชอบได้ด้วยแค่ค่าใช้จ่ายที่ยังคงต้องนอนอยู่ในไอซียู(ซึ่งเป็นห้องที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อเป็นอย่างมาก)
    สำหรับฉันเงินมากมายเท่าไหร่ ก็ไม่เพียงพอกับการพรากคนที่เรารักที่สุดไปหรอกคะ จะรักษาเท่าไหร่จะต้องใช้เงินเท่าไหร่ก็ได้ขอให้หายก็พอ ต่อให้ต้องขายทุกอย่างมาให้แม่หรือทำงานหนักไปตลอดชีวิตก็ได้ แต่อย่ามาทำให้แม่ต้องเป็นแบบนี้
    การกระทำของรพ.ในครั้งนี้ ถือว่าได้ฆ่าแม่ของดิฉัน ฆ่าทั้งฉันและครอบครัวฉันด้วยซึ่งท่านเป็นทุกอย่างในชีวิตทุกคน เพราะคนคนหนึ่งซึ่งคุมทุกอย่างทำงานเก่ง และเป็นแม่บ้านที่ดีได้อย่างไม่บกพร่อง แม่เป็นเสาหลักของครอบครัวโดยผิดกับพ่อ พ่อเริ่มดื่มหนักขึ้น ฉันซื้อเพิ่งเรียนจบและตอนนี้ยังไม่มีงานทำ เพราะไม่มีใจจะทำอะไรเลย ไม่มีแรง อ่อนแอทางจิตใจมากๆ ร้องไห้อย่างหนักทุกวัน นอนไม่หลับ ทรุดโทรมกินข้าวไม่ลง ฉันไม่เคยทำอะไรเองเลย แม่เป็นคนทำให้ตลอด เป็นลูกผู้หญิงคนเล็กของบ้าน แม่จึงตามใจทุกอย่าง สนิทกับแม่มากๆ แม่ชอบบอกว่าเลี้ยงฉันมาดีเกินไป ไม่เคยลำบากเลย หัดลองทำอะไรเองบ้าง ฉันไม่เคยเชื่อแม่ เถียงแม่ ทำอะไรไม่ดีกับแม่ไว้หลายอย่าง แม่เคยบอกว่าถ้าเทอไม่มีชั้น เทอต้องเป็นบ้าแแน่ๆ มันก็จริงเลยกับสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้ ฉันไม่ได้คิดอะไร แต่ฉันก็ไม่เคยคิดว่าทุกอย่างมันจะเร็วแบบนี้ มันตั้งตัวไม่ทันจริงๆ ฉันยังไม่ทันได้ทดแทนบุณคุณแม่เลย เงินเดือนเดือนแรกก็ยังไม่ได้ให้แม่ ไม่เคยบอกว่ารักท่านด้วย เพราะเขินเกินไป พี่ชายคนโตเพิ่งอายุ28 คนกลาง24 ฉัน 23 เรายังเด็กและไม่มีครอบครัวเลยสักคน
    ทุกวันๆก็ไปแต่รพ. ไปทำบุญปล่อยปลา ไปดูดวงทุกวัน ไปดูแม่ที่ตาลอยๆ หมดสติ ไม่รู้ตัว อาการก็ไม่ได้ดีขึ้น แม่ก็ยังติดเชื้อทางสายน้ำเกลือ ตัวร้อน ตอนนี้พรุนทั้งตัวมีน้ำออกจากตัวเยอะมากๆ สายพันระโยงระยาง ถึงจะรอดจากการผ่าในครั้งนี้ แต่อาการก็ยังทรงๆ และยังต้องอยู่ไอซียู รอดูอาการอย่างเดียว ดูก็รู้ว่าแม่มีสีหน้าเจ็บปวดตลอดเวลา เพราะโดนเจาะทั้งตัว แต่เราก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย ทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากออกมาร้องไห้ข้างนอก และนวด ดูแลผิวให้ ยิ่งคิดยิ่งเศร้า มาดูภาพเก่าๆที่ถ่ายด้วยกันก็ร้องไห้ แทบจะอยู่ไม่ได้แล้ว จากที่ได้คุยด้วยกันเล่นด้วยกัน ตอนนี้แทบจะทำไม่ได้แล้ว เคยคิดที่จะกินยานอนหลับด้วย แต่ไม่กล้ากลัวบาป งานก็ยังไม่ได้ทำเลย ชีวิตตอนนี้เศร้าและท้อแท้มากๆ ไม่อยากอยู่ต่อไปแล้ว ทนความคิดถึงไม่ได้ จนตอนนี้ใกล้จะเป็นบ้าไปแล้ว หลอนฝันเห็นแม่ ปกตินอนกับแม่ด้วยแต่ตอนนี้ไม่กล้าเข้าไปในห้องแม่ อยู่ๆก็กลัวความมืด และกลัวเสียงเงียบๆ ไม่รู้เป็นอะไร กลัวทุกอย่างเลยกลัวแม่เป็นอะไรไป T T

    จบแล้วคะ ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ มีข้อคิดเห็นอย่างไรบ้างคะ
     
  2. kakanang

    kakanang สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +5
    ข้าพเจ้าขออาราธนาพระรัตนตรัยช่วยปกป้องคุ้มครองคุณแม่ของน้อง callmebeau ขอให้เข้มแข็งไว้นะคะพี่ขอเอาใจช่วย
     
  3. ผู้หญิงธรรมดา

    ผู้หญิงธรรมดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2008
    โพสต์:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +535
    ขอให้เข้มแข็งนะค่ะ ขอให้สู้นะค่ะ เป็นกำลังใจให้นะค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...