ปิดรับบริจาค รวมบันทึกการเดินทางตามรอยพระอาจารย์ ณ บึงลับแล ๒๕๕๒/ร่วมบุญใหญ่หน้า ๑๐๘

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย ญ.ผู้หญิง, 18 ธันวาคม 2008.

  1. Teetab

    Teetab เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +4,659
    ผมขอเริ่มประเดิมสมัครคนแรก ครับ
     
  2. cabin

    cabin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    207
    ค่าพลัง:
    +828
    ผมขอตามเป็นคนที่สองคับ จอง 1 ที่นั่งครับพี่หญิง
     
  3. อวยชัย จิรชัยธร

    อวยชัย จิรชัยธร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +662
    ตามมาด้วยเสือเม้งอย่างติด ๆ อีก 1 ที่คับ
     
  4. Schmeichel

    Schmeichel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +350
    แค่สงสัยว่า กราบเรียนสอบถามทางวัดเขาวงหรือยังคะ ว่าจะไปขอกราบหลวงตาตอน ๗ โมงเช้า เพราะว่าเป็นเวลาฉันเช้าค่ะ

    หลวงตายินดีให้เข้าพบและเทศน์ให้พวกเราฟังเสมอค่ะ เพราะเคยเกริ่นถามหลวงตาอยู่บ้างแล้ว ขอแค่ให้โทรศัพท์ไปนัดหมายอย่างเป็นทางการสักหน่อยเท่านั้นค่ะ
    วัดเขาวงมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ให้เข้าไปกราบสักการะบูชามากมายเลยค่ะ ใช้เวลาที่วัดเขาวงราวๆ ๑ ชม.ก็คงจะครบค่ะ

    อย่าลืมนะคะ ไปทำบุญแล้ว เอาธรรมกลับไปปฏิบัติที่บ้านด้วย:z2
     
  5. i-Anne

    i-Anne เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    284
    ค่าพลัง:
    +694
    จอง 1 ที่ค่ะ
     
  6. สิงหนวัติ

    สิงหนวัติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2009
    โพสต์:
    788
    ค่าพลัง:
    +2,107
    เอาไว้ใกล้ๆ ดีกว่า เดี๋ยวมาจอง พอดีวันที่ ๗-๙ มีงานของคณะ ไม่รู้จะได้ไปหรือเปล่า ถ้าเครีย์ได้ก็ได้ไปแน่นอนครับ
     
  7. Teetab

    Teetab เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +4,659
    รอยพระพุทธบาทที่สระบุรีเป็นของจริงหรือไม่ ?<!-- google_ad_section_end -->

    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start -->ถาม : แล้วที่รอยพระพุทธบาทสระบุรีน้นเป็นรอยที่จริงใช่มั้ยเจ้าคะ ?

    ตอบ : ปัจจุบันรอยที่เห็นอยู่เป็นรอยที่ทำครอบไว้ ของจริงจะอยู่ข้างใต้ ถ้าอยากจะดูจริงๆ เลยให้เลยไปอีกนิดหนึ่ง เลยไปตรงที่เขาเรียกว่า พระฉาย บนยอดเขาพระฉายจะมีอีกรอยหนึ่งซึ่งจะเป็นรอยซ้าย รอยขวาของรอยพระพุทธบาทที่ปัจจุบันสร้างมณฑปอยู่ ถ้ารอยนั้นล่ะเป็นรอยแท้ๆ แต่เขาก็ทำกระจกปิดไว้ ถึงเวลาก็ยกขึ้นมาดูได้ สองรอยนั้นเหยียบในคราวเดียวกัน พอเหยียบข้างซ้ายแล้วก็เหยียบข้างขวาแล้วก็ไปแน่บ (หัวเราะ)

    ถาม : อย่างนี้ก็มีเรื่อยๆ เกิดไปเรื่อยๆ ?

    ตอบ : ถ้าหากว่าไม่ตั้งใจให้ปรากฏก็จะไม่เป็น ไม่อย่างนั้นก็เต็มไปหมด

    ถาม : แล้วประเทศอื่นมีมั้ยคะ ?

    ตอบ : มีจ้ะ มีอยู่อย่างสมัยอะไร สมัยพระเจ้าทรงธรรม ที่อยุธยาภิกษุไทยเดินทางไปเพื่อไหว้รอยพระพุทธบาทที่ลังกา แล้วคราวนี้ พระเจ้าเทวานัมปิยะติสสะ พอได้ข่าวว่ามีพระสงฆ์จากไทยมา ท่านเลื่อมใสนี่ ก็นิมนต์ไปฉัน พอทราบจุดประสงค์ก็บอกว่า พระคุณเจ้า ต้องลำบากมาถึงลังกาทวีปทำไมล่ะ ที่ภูเขาสัจจะพันธะคีรีของเมืองไทยก็มี พอกลับมาพระภิกษุก็มากราบทูลให้พระเจ้าทรงธรรมทราบ พระเจ้าทรงธรรมรู้ว่าเมืองไทยก็มีก็เลยประกาศค้นหาพระพุทธบาทกันจนกระทั่งพรานบุญแกไปเจอเข้า

    ถาม : อันนั้นเรื่องจริงใช่มั้ย ?

    ตอบ : เรื่องจริงเลยจ้ะ พรานบุญตอนหลังพระเจ้าแผ่นดินตั้งเป็นท่านขุน ขุนสัจจพันธ์คีรินทคูหาพนมโขลน ตำแหน่งผู้ดูแลรักษาภูเขาพุทธบาท

    ถาม : แล้วที่เขาว่าต้องขึ้นไปตั้งกี่ขั้นอันนั้น ก็ข้างในเป็นรอยพระพุทธบาท ?

    ตอบ : สมัยก่อนมันเป็นป่านี่จ้ะ พอมาตอนนี้เขาเล่นสร้างบันไดขึ้นไปแล้ว (หัวเราะ)

    ถาม : เขาวงกต ?

    ตอบ : สมัยก่อนมันเป็นป่าเป็นดง สมัยนี้สบายมากกลายเป็นบ้านเป็นเมืองไปแล้ว มันก็เป็นเมืองเป็นป่าสลับกันไปเรื่อยล่ะ อาจจะประเภทรบกันจนตายเกลี้ยง ป่าคืนกลับมาอีกทีหนึ่ง แล้วเสร็จแล้วก็ประเภทรื้อป่ากลายเป็นเมืองไปอีก



    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนพฤษภาคม ๒๕๔๕
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ

    ********************************************

    พี่หญิง ครับ อยากไปกราบรอยพระพุทธบาทที่เห็นด้วยตาเปล่าได้ บนยอดเขาพระฉาย อย่าลืมพาผมไปกราบนมัสการด้วยนะครับ

    ตอบ : ปัจจุบันรอยที่เห็นอยู่เป็นรอยที่ทำครอบไว้ ของจริงจะอยู่ข้างใต้ ถ้าอยากจะดูจริงๆ เลยให้เลยไปอีกนิดหนึ่ง เลยไปตรงที่เขาเรียกว่า พระฉาย บนยอดเขาพระฉายจะมีอีกรอยหนึ่งซึ่งจะเป็นรอยซ้าย รอยขวาของรอยพระพุทธบาทที่ปัจจุบันสร้างมณฑปอยู่ ถ้ารอยนั้นล่ะเป็นรอยแท้ๆ แต่เขาก็ทำกระจกปิดไว้ ถึงเวลาก็ยกขึ้นมาดูได้ สองรอยนั้นเหยียบในคราวเดียวกัน พอเหยียบข้างซ้ายแล้วก็เหยียบข้างขวาแล้วก็ไปแน่บ (หัวเราะ)
     
  8. สิงหนวัติ

    สิงหนวัติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2009
    โพสต์:
    788
    ค่าพลัง:
    +2,107
    พระฉายจะอยู่ทางขวาก่อนเข้าเมืองสระบุรีครับ ถ้าไปจาก กทม.
     
  9. cinderella2517

    cinderella2517 Mindset Coach และ นักพยากรณ์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    735
    ค่าพลัง:
    +1,404
    นางซินฯ อาจจะไปด้วยนะคะทริปนี้ พอดีช่วงสิงหาเริ่มเคลียงานได้แระ
     
  10. ธ.เธียรไท

    ธ.เธียรไท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    612
    ค่าพลัง:
    +1,735
    ทริปธรรมทัศนาจร (๕) ย้อนรอยเมืองปากน้ำโพ ร่วมสักการะรอยพระพุทธบาทสระบุรี<WBR> ,กราบนมัสการหลวงตาวัชรชัยวัดเขาวง , อุทยานแห่งชาติถ้ำเพชร-ถ้ำทอง - กราบสรีระพระอริยสงฆ์แห่งลุ่มน้ำโพ วันที่ ๘-๙ สิงหาคม ๒๕๕๒ (๒ วัน ๑ คืน)

    พี่หญิงครับผมจอง ๒ ที่
     
  11. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    อ้างอิง:
    <table width="100%" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border: 1px inset ;"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Teetab [​IMG]
    พี่หญิง ครับ อยากไปกราบรอยพระพุทธบาทที่เห็นด้วยตาเปล่าได้ บนยอดเขาพระฉาย อย่าลืมพาผมไปกราบนมัสการด้วยนะครับ

    ตอบ : ปัจจุบันรอยที่เห็นอยู่เป็นรอยที่ทำครอบไว้ ของจริงจะอยู่ข้างใต้ ถ้าอยากจะดูจริงๆ เลยให้เลยไปอีกนิดหนึ่ง เลยไปตรงที่เขาเรียกว่า พระฉาย บนยอดเขาพระฉายจะมีอีกรอยหนึ่งซึ่งจะเป็นรอยซ้าย รอยขวาของรอยพระพุทธบาทที่ปัจจุบันสร้างมณฑปอยู่ ถ้ารอยนั้นล่ะเป็นรอยแท้ๆ แต่เขาก็ทำกระจกปิดไว้ ถึงเวลาก็ยกขึ้นมาดูได้ สองรอยนั้นเหยียบในคราวเดียวกัน พอเหยียบข้างซ้ายแล้วก็เหยียบข้างขวาแล้วก็ไปแน่บ (หัวเราะ)
    </td> </tr> </tbody></table>
    ด้วย ความยินดีค่ะน้องธีร์ ตอนแรกพี่ก็คิดว่าจะบรรจุไว้ในเส้นทางทริปธรรมฯ นี้ด้วยเช่นกัน แต่เห็นว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเส้นทางไปก็มองเผื่อ ๆ ไว้แล้วว่าวันเดินทางกลับถ้ามีเวลาพอจะแวะเข้าไปกราบสักการะ แต่เมื่อน้องขอมาอย่างนี้ มีหรือพี่จะไม่จัดให้ เพราะฉะนั้น น้องธีร์ได้รับสิทธิ์นั้นเดี่ยวนี้ แต่บอกก่อนนะว่าทริปนี้ถ้าใครไม่รักษาเวลา มีเฮแน่ๆ พี่จะพกไม้เรียวไว้ตีเลย ขอบอก ฮิ ฮิ ฮิ

    <center>[​IMG]</center>
     
  12. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932

    รับทราบค่ะน้องเทียน




    รับทราบค่ะคุณกุ้ง ถ้าไปได้รีบแจ้งมานะคะ หญิงจะได้ซักรีดเสื้อทีมเตรียมเอาไว้ให้ค่ะ ฮิ ฮิ ฮิ
    :cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กรกฎาคม 2009
  13. cabin

    cabin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    207
    ค่าพลัง:
    +828
    ไปปฏิบัติธรรมมา 4 วัน 3 คืน ที่วัดเขาวง เอาบุญมาฝากให้เพื่อน ๆ กัลยณมิตร และขอโมทนาบุญที่ทุกท่านได้ไปปฏิบัติธรรมและทำบุญมาด้วยนะครับ
    เรื่องที่จะไปวัดเขาวงตอนเจ็ดโมงนั้น ผมเห็นว่าจะสะดวกหรือเปล่า ยังไงพี่หญิงลองโทรไปสอบถามก่อนนะคับ เพราะว่าที่ผมไปมาจะเป็นช่วงที่หลวงตาและพระออกเดินบิณฑบาตพอดี และกว่าจะฉันเสร็จและให้พรเสร็จก็ประมาณ 8 โมงกว่า ๆ หลวงตาท่านถึงออกมานั่งที่ศาลาเพื่อรับญาติโยม หรือจะไปร่วมใส่บาตรพระช่วงเช้าก็ดีนะคับ เพราะว่ามีพระอยู่ประมาณ 20 รูป ถือโอกาสถวายสังฆทานไปในตัวเลย
    ไปรักษาศีลคราวนี้ปิติใจน้ำไหลไปหลายครั้ง ที่ดีใจที่สุดคือชักนำพ่อกับแม่ให้เข้าวัดไปถือศีลด้วย ถึงแม้ท่านจะมีเวลาแค่ 1 คืนก็ยังดีเพราะปกติ มักจะเข้าวัดทำบุญเฉย ๆ ไม่เคยไปอยู่ค้างที่วัด ดีใจที่อย่างน้อยเป็นอุบายให้พ่อกับแม่ได้มาสร้างกุศลที่ยิ่งกว่าการทำบุญปกติ อย่างที่สองคือได้สนทนากับหลวงตาท่าน ผมเพิ่งไปพบท่านครั้งแรก แต่ก็ได้รับความเมตตาตั้งแต่วันแรกที่พบ เมื่อสบโอกาสจึงหาช่องทางตอนที่ปลอดคนแล้ว ไปเรียนถามท่านเกี่ยวกับปัญหาสมาธิ จึงขอนำมาเผยแพร่เป็นธรรมทาน ดังข้อความต่อไปนี้ หากผิดตกบกพร่องประการใดลูกขอขมาอภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

    ผู้เขียน : หลวงตาครับการทำสมาธิเราจะมีวิธีอย่างไรที่จะทำให้จิตสงบและจิตรวมได้เร็ว เพราะปรกติธรรมชาติของปุถุชนธรรมดาจิตมักแส่ส่ายออกไป และคิดฟุ้งซ่านเสมอ ๆ ทั้งที่เราไม่ได้มีเจตนาจะคิด

    หลวงตา : มันเป็นธรรมดานะโยม ถ้าหากจิตไม่ฟุ้งซ่านนั่นก็ระดับพระอนาคามีขึ้นไป ถ้าหากมันฟุ้งก็ปล่อยมันฟุ้งไปแต่ให้เป็นไปเรื่องที่เป็นกุศล เมื่อได้สติกลับมาแล้วก็ให้รวมจิตเข้ามาอยู่ในองค์ภาวนา เราจะไปเอาอย่างหลวงปู่หลวงพ่อท่านอื่น ๆ ไม่ได้หรอก เพราะว่าท่านทำมาหลายสิบปี เรายังทำได้ไม่ถึงท่านก็ให้ทำต่อไปแล้ววันหนึ่งจะได้เอง ต้องอาศัยการฝึกฝนทำไปเรื่อย ๆ เหมือนกับการปลูกต้นไม้ เมื่อขั้วผลไม้สุกมันย่อมหลุดออกมาเอง ให้ตั้งใจบำเพ็ญต่อไป ชาติเสือก็จงทำตามอย่างเสือ จะไปเดินอย่างช้างก็ไม่ได้ เพราะมันไม่ใช่ช้าง ชาติเสือจะไปเดินตามอย่างแมวก็ไม่ได้ เพราะว่ามันไม่ใช่แมว จงภูมิใจในบุญบารมีของตนเองว่าที่เกิดมาชาตินี้ประเสริฐสุดกว่าชาติไหน ๆ เพราะว่าที่ผ่านมาแล้วมันก็ไม่ดีเท่าชาตินี้ ก็ให้อฐิษฐานบารมีเอาเวลาที่จิตสงบ ขอให้พบครูบาอาจารย์ที่ท่านสามารถชี้ทางให้เราได้ จะได้ช่วยแก้ปัญหาเวลาที่ติดขัด ที่ผ่านมาไม่ใช่ครูบาอาจารย์ที่ไหนดีก็วิ่งตามเขาไปหมด จะไปเอาอย่างท่านไม่ได้ แต่ให้ดูท่านเป็นแบบอย่างได้ จริตกรรมฐานก็ให้อธิษฐานเอาชอบแบบไหนเอาแบบนั้นเลยลูกเอ่ย

    ผู้เขียน : หลวงตาครับ แล้วอภิญญาสมาบัติต่าง ๆ จำเป็นมั้ยต้องมีของเก่าในอดีตชาติ หากชาตินี้มาเริ่มทำใหม่ จะมีหวังได้หรือเปล่าครับ

    หลวงตา : ทำไมจะไม่ได้ไม่จำเป็นต้องของเก่าหรอก ก็ที่ผ่านเคยเกิดเป็นพรหมเทวดามาแล้วทั้งนั้น หลายภพชาติ เหาะเหินเดินอากาศได้ ทำไมจะทำอภิญญาไม่ได้ มันก็อันเดียวกันนั่นแหละ ทำไปเถอะถึงเวลามันเมื่อขั้วสุกผลไม้มันก็หลุดออกมาเอง ขอให้ตั้งใจจริงเท่านั้นแหละ (ท่านมองแล้วก็ยิ้ม ๆ เพราะท่านคงรู้ว่าผู้เขียนไม่ค่อยตั้งใจจริง 55)

    เท่าที่พอจำได้ก็มีแค่นี้แหละครับ อันอื่น ๆ ก็ลืมไปบ้าง แต่ผมเชื่อมั่นว่าหลวงตาท่านคงเป็นพระอริยเจ้าขั้นใดขั้นหนึ่งแน่นอน ส่วนจะขั้นไหนนั้นองค์ท่านเองรู้ตัวเองดีที่สุด เพราะที่สัมผัสได้ ท่านเป็นพระสุปฎิปัณโณที่มีแต่ความเมตตา และมีจริยาที่น่าเลื่อมใส ที่สำคัญท่านเหมือนล่วงรู้วาระจิต นึกคิดสงสัยอะไรก็เทศนาตอบได้อย่างใจนึก ถึงแม้ท่านจะตอบอ้อม ๆ ก็ตาม ผมนี่ฟังแล้วปิติน้ำตาไหล กราบ กราบ กราบ ช่วงท้าย ๆ นี่ท่านยังสอนมวยผู้เขียนอีก ท่านพูดแล้วมองหน้ามาบอกว่า ที่พระพุทธเจ้าท่านห้ามไม่ให้พระแสดงอภิญญาเพราะว่าจะทำให้ คนแห่มาทำบุญแต่พระที่แสดงได้ ส่วนพระสงฆ์องค์เจ้าที่ท่านจิตบริสุทธิ์แต่แสดงอภิญญาไม่ได้ก็จะไม่มีใครไปทำบุญ แล้วอย่างนี้ศาสนาจะอยู่ครบห้าพันปีมั้ย หรือพระที่แสดงได้ท่านก็คงต้องแสดงมันทั้งวันเพราะถ้าไม่แสดงฤทธิ์คนมันก็จะไม่ทำบุญ กิเลศคนมันก็เป็นแบบนี้แหละลูกเอ่ย หรือหลวงปู่หลวงพ่อที่แสดงได้เพื่อรักษาศรัทธาญาติโยม มันก็ดีอยู่หรอกที่จะเป็นกำลังใจให้ลูกศิษย์ได้ฌาณตามมา แต่เดี๋ยวพวกแกก็ไม่ต้องทำงานวิ่งตามไปขอบวชทันทีเลยใช่มั้ยลูกเอ่ย

    ช่วงวันอาสาฬหบูชา ได้มีโอกาสยกเทียนในโบสถ์มาถวายพระเพราะเด็กวัดมีอยู่น้อย คนที่ไปปฏิบัติก็ต้องช่วยกัน หลวงตาท่านก็บอกว่า จุดไฟแสงสว่างให้พระท่านด้วยลูกเอ่ย อย่าให้พระท่านต้องลำบากจุดเอง พระท่านจะได้เดินเวียนเทียน จึงได้จุดเทียนถวายให้หลวงตาและพระสงฆ์ทั้งหลายเดินเวียนเทียนรอบโบสถ์ หวังว่าอานิสงค์ครั้งนี้จะให้ข้าพเจ้าได้ดวงตาเห็นธรรมในชาตินี้เทอญ
    พุทโธ อัปมาโณ
    ธัมโม อัปมาโณ
    สังโฆ อัปมาโณ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กรกฎาคม 2009
  14. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    รายชื่อสมาชิกร่วมทริปธรรมทัศนาจร (๕) ,รายชื่อกัลยาณมิตรบริจาคเงินร่วมทำบุญ

    <label for="rb_iconid_2">[​IMG] </label>รายชื่อสมาชิกร่วมทริปธรรมทัศนาจร (๕) สักการะพระพุทธฉาย ,พระพุทธบาทสระบุรี ,วัดถ้ำเขาวง ,อุทยานถ้ำเพชร-ถ้ำทอง ,ย้อนรอยเมืองปากน้ำโพ กราบสรีระพระอริยสงฆ์ วันที่ ๘-๙ ส.ค.๕๒

    ;aa8;aa8;aa8


    ๑. คุณ ญ.ผู้หญิง
    ๒. คุณกร
    ๓. คุณ Teetab
    ๔. คุณ cabin
    ๕. คุณ ug_buddha จ่ายแล้ว ลว.๒๘ ก.ค.๕๒
    ๖. คุณ i-Anne
    ๗. ตุณ ธ.เธียรไท แจ้งขอถอนตัว เนื่องจากงานเข้า ลว.๑๔/๐๗/๕๒
    ๘. คุณ ธ.เธียรไท แจ้งขอถอนตัว เนื่องจากงานเข้า ลว.๑๔/๐๗/๕๒
    ๙. คุณ กาลกตา
    ๑๐. คุณ cinderella2517
    ๑๑. คุณ LittleNon
    ๑๒. คุณเบญจขันธ์
    ๑๓. คุณ raiderman
    แจ้งขอถอนตัว เนื่องจากงานเข้า ลว.๒๑/๐๗/๕๒
    ๑๔. คุณบุตรสา
    ๑๕. คุณพรหมประกาศิต
    ๑๖. คุณวรุณบุตร
    ๑๗. คุณจิม
    ๑๘. คุณเอ
    ๑๙. ตุณ mang12
    ๒๐. คุณเพชรลัดดา
    ๒๑. คุณ donjudo077
    ๒๒. คุณฤดูใบไม้ผลิ
    ๒๓. คุณลักษณาวลัย
    ๒๔. คุณลักษณาวลัย


    รวมสมาชิกแจ้งความประสงค์ร่วมเดินทาง จำนวน ๒๔ คน
    ขอถอนตัวเนื่องจากงานเข้า จำนวน ๓ คน

    คงเหลือสมาชิกร่วมเดินทาง ณ.วันที่ ๒๙ ก.ค.๕๒ จำนวน ๒๑ คน




    <label for="rb_iconid_2">[​IMG] </label>
    รายชื่อผู้บริจาคเงินร่วมทำบุญในทริปธรรมทัศนาจร (๕)<label for="rb_iconid_31">[​IMG]</label>
    ๑. คุณ boontar จำนวน ๕๐๓.๒๕ บาท
    ๒. คุณ omio จำนวน ๓๐๐ บาท
    ๒. หลาน ๆ สกุล "ศราำัภัยวานิช" จำนวน ๙๖.๗๕ บาท

    จำนวนเงินร่วมทำบุญ ณ.วันที่ ๒๙ ก.ค.๕๒ รวม ๙๐๐ บาท





    __________________________________________________


    <label for="rb_iconid_2">[​IMG] </label>รายชื่อกัลยาณมิตรผู้ร่วมบริจาคเงินเข้ากองกฐินวัดท่าขนุน <label for="rb_iconid_31">[​IMG]</label>
    (ยังเปิดรับบริจาคเรื่อย ๆ ก่อนนำไปถวายพระอาจารย์ร่วมกันในงานมหากฐินวันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๒)

    ๑. คุณ cabin ๑,๐๕๐ บาท *** ต้นบุญกองกฐินของชาวคณะฯ (ผู้ประมูลเสื้อบึงลับแลหมายเลข ๙ ของพระอาจารย์ )
    ๒. เงินคงเหลือทริปธรรมทัศนาจร (๔) จำนวน ๒๐๐ บาท
    . คุณ cinderella2517 ๒๙๙ บาท
    ๔.
    คุณ มเหสี ๑๕๐ บาท
    ๕. คุณ บุญญสิกขา ๑๕๐ บาท
    ๖. คุณ ยายผีป่า ๑๕๐ บาท* ลพ.หน่อยนำใส่ตู้กฐินทางวัดให้แล้ว
    ๗. คุณ กาลกตา ๑๕๐ บาท
    ๘. คุณ เบญจขันธ์ ๑๕๐ บาท
    ๙. คุณ LittleNon ๑๕๐ บาท
    ๑๐. คุณ กระบือน้อย ๑๕๐ บาท
    ๑๑. คุณ i-Anne ๑๕๐ บาท
    ๑๒. คุณ ขันติธรรม ๑๕๐ บาท
    ๑๓. คุณ ug_buddha ๑๕๐ บาท
    ๑๔. คุณ Teetab ๑๓๐ บาท
    ๑๕. คุณ วรุณบุตร ๑๐๘ บาท
    ๑๖. คุณ กร ๑๐๐ บาท
    ๑๗. คุณ ญ.ผู้หญิง ๑๐๐ บาท
    ๑๘. หลาน ๆ สกุล "ศราภัยวานิช" จำนวน ๖๓ บาท

    <label for="rb_iconid_24">[​IMG] </label><label for="rb_iconid_24">[​IMG] </label>จำนวนเงินกองกฐินชาวคณะฯ ณ.วันที่ ๒๙ ก.ค.๕๒ รวม ๓,๔๐๐ บาท



    <label for="rb_iconid_31">[​IMG]</label>ขออนุโมทนากับกัลยาณมิตรทุกท่าน ทุกผู้ ทุกนาม ในกุศลผลบุญที่ได้ร่วมสร้างในครั้งนี้้ด้วยค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กรกฎาคม 2009
  15. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    <label for="rb_iconid_31">[​IMG] </label>อนุโมทนาบุญทั้งหมดทั้งมวลกับน้องกอล์ฟด้วยค่ะ พี่เองก็ได้ร่วมทำบุญกับวัดต่าง ๆ หลายสถานที่ และปิดท้ายด้วยการร่วมสวดสาธยายพระไตรปิฎกที่วัดใหม่ยายแป้น ก็ขอนำบุญนี้มาฝากกัลยาณมิตรทุกท่านด้วยเช่นเดียวกันค่ะ

    ขอบคุณมากสำหรับคำแนะนำเรื่องวัดเขาวงทั้งจากน้องชไมและน้องกอล์ฟ พี่ก็นั่งมองดูเวลาอยู่เ่ช่นเดียวกัน เพราะทราบมาว่าหลวงตาจะฉันเช้าในช่วงเวลาที่ชาวคณะเราเดินทางไปถึง แต่ในตอนแรกพี่มองว่าจะให้พวกเราได้เดินชมความงดงามและกราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในบริเวณวัดก่อน เมื่อหลวงตาฉันเสร็จแล้วถึงจะได้กราบหลวงตา ถวายเงินร่วมทำบุญและร่วมรับศีลรับพรก่อนที่จะออกเดินทางต่อ

    ที่นี้มีโปรแกรมเสริมเข้ามา คือรอยพระพุทธฉาย เพราะฉะนั้น พี่จะปรับการเดินทางใหม่ โดยช่วงเช้าคณะเราจะแวะนมัสการรอยพระพุทธฉาย ก่อนที่จะออกเดินทางต่อไปนมัสการรอยพระพุทธบาทสระบุรี และต่อเนื่องด้วยการไปกราบหลวงตาวัชรชัยวัดเขาวงค่ะ เพียงเท่านี้ก็น่าจะทำให้เวลาในการเดินทางของคณะไม่กระทบกับแผนเดิมมากนัก <label for="rb_iconid_28">[​IMG]</label>

    ;aa24
     
  16. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    ประวัติโดยสังเขป ของสถานที่ตามเส้นทางทริปธรรมทัุศนาจร (๕)

    ๑. วัดพระพุทธฉาย อ.เมือง จ.สระบุรี

    [​IMG]

    <label for="rb_iconid_2">[​IMG] </label>
    พระพุทธฉาย (เงาพระพุทธเจ้า)
    คือ เงาเลือนลางที่เป็นรอยประทับอยู่ที่หน้าผา เชิงเขา บริเวณวัดพระพุทธฉาย มีลักษณะคล้ายพระพุทธรูปยืน สันนิษฐานว่าค้นพบในสมัยพระเจ้าทรงธรรมแห่งกรุงศรีอยุธยา โปรดให้สร้างวัดพระพุทธฉาย ราวพ.ศ.๒๑๖๓-๒๑๗๑

    ตำนานพระพุทธฉายโดยย่อ พระพุทธเจ้าเสด็จมาที่เขาฆาฏกะ(เขาพระพุทธฉาย)เพื่อโปรดนายพรานฆาฏกะจน สำเร็จพระอรหันต์ ครั้นพระพุทธเจ้าเสด็จกลับ พระฆาฏกะได้ทูลขอให้ประทานสิ่งอันเป็นอนุสรณ์ เพื่อสักการะกราบไหว้ พระพุทธเจ้าจึงทรงแสดงพุทธปาฏิหาริย์ให้เงาของพระองค์ติดอยู่ในเนื้อหิน ที่เงื้อมเขาพระพุทธฉายบรรพต


    [​IMG]
    <label for="rb_iconid_2">[​IMG] </label>รอยพระพุทธบาทเบื้องขวา
    ประวัติการค้นพบครั้งแรก

    รอยพระพุทธบาทเบื้องขวา วัดพระพุทธฉาย ประทับรอยอยู่ในเนื้อหินยอดเขาลม(เขาพระพุทธฉาย) สันนิษฐานว่ามีการค้นพบในสมัยพระเจ้าทรงธรรม กรุงศรีอยุธยา ในครั้งนั้น มีพระสงฆ์จำนวนหนึ่งออกไปถึงลังกาทวีปเพื่อบูชารอยพระพุทธบาทที่เขาสุมณกูฏ ถูกพระสงฆ์ลังกาถามว่า รอยพระพุทธบาทที่มีอยู่ทั้งหมดนั้นเขาสุวรรณบรรพตก็อยู่ในประเทศไทย คนไทยไม่ไปบูชารอยพระพุทธบาทที่นั่นดอกหรือ จึงต้องออกมาบูชาถึงลังกาทวีป พระภิกษุสงฆ์จำนวนนั้นกลับมานำความขึ้นบังคมทูลพระเจ้าทรงธรรม พระองค์จึงโปรดให้มีตราสั่งไปยังหัวเมืองเที่ยวตรวจค้นดูตามภูเขาว่าจะมีรอย พระพุทธบาทอยู่ ณ ที่แห่งใด


    เมื่อค้นพบจึงโปรดให้สร้างเป็นมหาเจดียสถานมีพระมณฑปสวมรอยพระพุทธบาท และโปรดให้สร้างสังฆาราม แล้วทรงพระราชอุทิศที่ส่วนหนึ่งโดยรอบพระพุทธบาทและพระพุทธฉายถวายเป็นพุทธ บูชา ต่อมาถึงรัชสมัยพระเสือ ราว พ.ศ.๒๒๔๖-๒๒๕๑ ปรากฏว่าทรงปฏิสังขรณ์พระมณฑปโปรดให้เปลี่ยนแปลงเป็นพระมณฑป ๕ ยอด โดยไม่มีผู้ใดซ่อมแซมอีกเลย รวมอายุของพระมณฑปนับจากสมัยพระเจ้าเสือได้ประมาณเกือบ ๔๐๐ ปี


    เหตุ ที่พระมณฑปซึ่งมีอายุเกือบ ๔๐๐ ปี คงสภาพอยู่ได้ก็คงด้วยอำนาจความศักดิ์สิทธิ์แห่งรอยพระพุทธบาทเป็นแน่แท้ ไม่เช่นนั้นแล้วคงตั้งอยู่ไม่ได้แน่เพราะเหตุมีพายุฝนหลายครั้งหลายหนด้วย กันจนสิ่งปลูกสร้างขึ้นภายหลังยังถูกพายุฝนพัดพังพินาศจนหมดสิ้นคงเหลืออยู่ แต่พระมณฑปหลังนี้เท่านั้นเป็นที่อัศจรรย์

    ประวัติการค้นพบครั้งหลัง
    ปี พุทธศักราช ๒๕๓๗ โดยกรมศิลปากรได้ตั้งงบประมาณเพื่อบูรณะซ่อมแซมพระมณฑป ๕ ยอดซึ่งชำรุดทรุดโทรมไปมากตามกาลเวลา และได้เข้าดำเนินการซ่อมแซม เมื่อเดือนกรกฎาคม ๒๕๓๗ การซ่อมแซมดำเนินการมาถึงเดือน สิงหาคม ช่างได้เคลื่อนย้ายรอยพระพุทธบาทจำลองออกไป เพื่อจะทำการซ่อมแซมนั้น ขณะที่เคลื่อนย้ายรอยพระพุทธบาทจำลองออกไป และทำการทุบพื้นซีเมนต์เก่า ก็พบว่าภายใต้พื้นปูนซีเมนต์เก่านั้น มีทรายหยาบๆ อยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อคุ้ยทรายออกจึงปรากฎเห็น "รอยพระพุทธบาท" เด่นชัด ลักษณะเป็นรอยพระพุทธบาทเบื้องขวา ตรงกลางมีรอยธรรมจักร ถูกต้องตามลักษณะทุกประการ ฯ

    <table width="100%"><tbody><tr><td valign="top" width="49%">
    [​IMG]
    </td> <td valign="top" width="49%">
    [​IMG]
    </td> </tr> <tr> <td valign="top" width="49%">

    รอยพระพุทธบาทจำลอง วัดพระพุทธฉาย
    ก่อนพบ รอยพระพุทธบาทประทับอยู่บนหิน
    </td> <td valign="top" width="49%">

    ทุบพื้นซิเมนต์พบรอยพระพุทธบาท
    วัดพระพุทธฉาย ประทับอยู่บนหิน
    </td></tr></tbody></table>​
    <label for="rb_iconid_2">
    [​IMG] </label>โบราณสถาน ถ้ำฤาษี อายุพันปี /ภาพเขียนยุคก่อนประวัติศาสตร์

    [​IMG]
     
  17. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    ๒. วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี

    ตั้งอยู่ที่อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี ตามพระราชพงศาวดารกล่าวว่า มีพระภิกษุไทยคณะหนึ่งเดินทางไปยังลังกาทวีป เพื่อนมัสการรอยพระพุทธบาท พระสงฆ์ลังกากล่าวว่า ประเทศไทยก็มีรอยพระพุทธบาทอยู่แล้วที่เขาสุวรรณบรรพต จึงได้นำความกราบทูลสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมให้ทรงทราบ และได้สืบหาจนพบรอยพระพุทธบาท เพื่อเป็นที่สักการะบูชา เป็นศูนย์รวมแห่งพลังศรัทธาอันยิ่งใหญ่ พระพุทธบาทสระบุรีเป็นพระอารามหลวง ที่พระมหากษัตริย์แทบทุกพระองค์ทรงทำนุบำรุงและเสด็จไปนมัสการตลอดมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา จนถึงกรุงรัตนโกสินทร์


    [​IMG]
     
  18. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    ๓. วัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี

    ั้งอยู่ที่วัดเขาวง บ้านเขาวง หมู่ ๕ ตำบลเขาวง อำเภอพระพุทธบาท ห่างจากตัาอำเภอพระพุทธบาทประมาณ ๓ กิโลเมตร ที่ปากถ้ำมีอักษรมอญโบราณ (ปัลลวะ) ซึ่งเป็นแบบอักษรของชาวอินเดียฝ่ายใต้ ปรากฎมีในภาคกลาง และภาคใต้ของประเทศไทยในสมัยก่อนสุโขทัย จนวิวัฒนาการมาเป็นอักษรขอมและ มอญโบราณ ซึ่งพ่อขุนรามคำแหงมหาราชทรงนำมาดัดแปลงประดิษฐ์เป็นต้นกำเนิดอักษรไทยจนถึงทุกวันนี้ อักษรจารึกถ้ำนารายณ์ มีข้อความ ๓ บรรทัด ถูกจารึกในสมัยพุทธศตวรรษที่ ๑๒ (ยุคทวาราวดี) ในยุคนั้น ชนชาติมอญมีอำนาจรุ่งเรือง อักษรจารึก เขียนเป็นคำบอกร้อยแก้ว กรมศิลปากรแปลไว้ว่า

    “กัณทราชัย ผู้ตั้งแคว้นอนุราธปุระ ได้มอบให้พ่อลุงสินาธะ
    เป็นตัวแทนพร้อมกับชาวเมือง (อนุราธปุระ) จัดพิธีร้องรำ
    เพื่อเฉลิมฉลอง(สิ่ง)ซึ่งประดิษฐานไว้แล้วข้างในนี้”


    [​IMG]

    สถานที่แห่งนี้เป็นศาสนสถานมาเป็นเวลายาวนาน สืบความไปถึงสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงเสด็จจากวังนารายณ์เมืองละโว้ (ลพบุรี) ไปว่าราชการที่กรุงศรีอยุธยา ทรงผ่านประทับแรม ณ ถ้ำนารายณ์ ...

    และสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมซึ่งทรงเสด็จมานมัสการรอยพระพุทธบาท ก็ได้เสด็จประทับพักแรมในถ้านารายณ์ ซึ่งมีอากาศเย็นสบายตลอดปี และจากจารึกอักษรผนังปากถ้ำก็ปรากฏหลักฐานว่า ถ้ำนี้ได้เคยเป็น ที่บำเพ็ญกุศลมาตั้งแต่สมัยอนุราธปุระ เมื่อกว่า ๑,๒๐๐ ปีมาแล้ว ผ่านความรุ่งเรืองและเสื่อมโทรมและฟื้นฟูขึ้นเป็นวัดตามประเพณีการปกครองแผ่นดินและการสืบพระพุทธศาสนา ดังกล่าวข้างต้น​

    ปัจจุบันนี้ โดยการนำของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) และพระธรรมสิทธินายก (ธงชัย สุขญาโณ) แห่งวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร วัดเขาวง ได้พัฒนาขึ้นมาสู่สภาพวัดพัฒนาตัวอย่างที่มีผลงานดีเด่น ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานที่ขึ้นทะเบียนของกรมศิลปากรแล้วเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๔๕ ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา และยังเป็นแหล่งพันธุ์ไม้และสัตว์หาดูยาก คือโมกราชินี จันผา, นกหัวจุก, กระรอกเผือก ฯลฯ เพื่อรักษาไว้เป็นมรดกวัฒนธรรมศาสนาของชาติไทยสืบไป

    วัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) เป็นสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดสระบุรี และปฏิบัติกรรมฐานตามสายพระเดชพระคุณพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) มีหลักเจริญภาวนามหาสติปัฏฐานสูตร รับผู้เข้าพักปฏิบัติธรรมตลอดทั้งปี ตามระเบียบและจารีตของสำนัก
     
  19. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    ๔. หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์

    [​IMG]

    อภินิหารครั้งสุดท้ายของหลวงพ่อเดิม
    ในวันนั้นหลวงพ่อเดิมมีอาการเพียบหนัก แต่สติของหลวงพ่อเดิมยังดีอยู่ คงหลับตานอนอยู่กับที่พร้อมกับเจริญภาวนาเป็นลำดับ สลับกับการลืมตาถามเวลาว่าเวลาเท่าใดแล้วเป็นระยะๆ ไป ไม่แสดงอาการกระสับกระสายให้เห็นเลย คงมีความอดทนอย่างเยียมยอดสมกับเป็นนักปฏิบัติธรรมอย่างเยี่ยม เป็นเวลาประมาณ ๑๗.๐๐ น. หลวงพ่อลืมตาแล้วถามเวลาเป็นครั้งสุดท้าย คราวนี้หลวงพ่อถามว่าน้ำในสระทั้งสองลูกมีระดับเป็นอย่างไร พอกินกันไหม เพราะหลวงพ่อไม่ได้ออกไปตรวจตราจึงเป็นห่วง ด้วยน้ำในสระนั้นคือเส้นโลหิตใหญ่ที่หล่อเลี้ยงชีวิตของชาวบ้านหนองโพด้วย เป็นที่ดอนกันดารน้ำ หลวงพ่อพยายามขยายสระให้กว้างขึ้นเป็นลำดับเพื่อเก็บกักน้ำ ผูู้้ดูแลท่านจึงตอบว่าแห้งขอดลงไปแล้วเพราะฝนไม่ตกมาเป็นระยะนานแล้งมาก ถ้าฝนไม่ตกลงมาในวันสองวันนี้น่ากลัวจะอดน้ำกันแน่นอน เมื่อหลวงพ่อได้ยินดังนั้นก็ไม่กล่าวว่าอะไร สองมือของท่านประคองขึ้นไว้บนหน้าอกของท่าน นัยน์ตาของท่านหลับสนิทมองเห็นทรวงอกของท่านสะท้อนขึ้นลงแผ่วๆ ในลักษณะการเข้าสมาธิเป็นลำดับ ทันใดนั้นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้นเป็นที่เล่าสืบกันมาถึงทุกวันนี้

    กล่าวคือฟ้าที่สว่างไม่มีเค้าแห่งเมฆฝนเลยแม้แต่น้อย กลับมืดครึ้มลงเป็นลำดับด้วยเมฆฝนที่ตั้งเค้า พร้อมกับสายลมกระโชกแรงขึ้น และฝนก็พร่างพรมลงจากฟากฟ้าดุจเทพมนต์ ตกหนักมากตกอย่างไม่ลืมหูลืมตา เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในระยะเวลาอันสั้นไม่มีใครคิดเหนือความคาดหมายว่าฟ้าที่สว่าง ๆ ไม่มีวี่แววฝนนั้นจะมีเมฆฝนและฝนตกลงมาก่อนเลย ฝนตกลงมาจนกระทั่งน้ำไหลลงไปในสระได้ครึ่งสระทั้งสองลูกเป็นระยะเวลาประมาณ ๓๐ นาที ฝนจึงเริ่มขาดเม็ดลง พร้อมกันนั้นลมหายใจของหลวงพ่อก็ขาดหายไปพร้อมกับสายฝนเป็นอัศจรรย์ อันเป็นสิ่งที่แสดงว่าหลวงพ่อได้บันดาลให้ฝนตกลงมาเพื่อต่อชีวิตชาวหนองโพ ไม่ให้อดน้ำ โดยอาศัยบารมีศีลอันบริสุทธิ์ของท่าน และอำนาจฌาณสมาบัติอันสูงส่งของหลวงพ่อเป็นอภินิหารครั้งสุดท้าย ที่หลวงพ่อแสดงให้เห็นประจักษ์ชัดถึงบารมีของท่าน ด้วยเมตตาบารมีที่ท่านมีต่อสัตว์ผู้ยากคือชาวหนองโพที่จะอดน้ำกันเดือดร้อน นี่แหละเมตตาธรรมของท่านแม้ชีวิตท่านจวนจะดับสูญแล้วยังอุตส่าห์เป็นห่วงเป็นใยในผู้ที่อาศัยบารมีท่าน ร่มโพธิ์ใหญ่ในวัดหนองโพล้มลงแล้ว ร่มโพธิ์ที่เคยให้ร่มเงากับศานุศิษย์ได้ถูกพายุแห่งการเวลาพัดกระโชกจนถึง การล่มสลาย เป็นที่น่าเสียดาย

    เมื่อผู้ใกล้ชิดจับชีพจรดูจนแน่ใจว่าหลวงพ่อมรณภาพจึงแจ้งข่าว กับผู้อยู่ข้างนอกและต่อกันออกไปจนถึงในหมู่บ้าน วงปี่พาทย์ประจำวัดประโคมขึ้นพร้อมกัน กลองเภรีประจำวัดลั่นตูมขึ้นรัวกระหน่ำ ช้างของหลวงพ่อส่งเสียงร้องกันลั่น ราวแผ่นดินจะถล่นทะลาย น้ำตาไหลพรากทุกตัว ต่างเดินมาเอางวงจับหน้ากุฏิของหลวงพ่อเหนี่ยวไว้ร้องระรัวอาลัย ในมรณะกรรมของหลวงพ่อที่เคยดูแลมันมาแต่น้อยคุ้มใหญ่

    ขณะนั้นชาวบ้านกำลังง่วนอยู่กับงานในหมู่บ้านและละแวกใกล้เคียง จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงกลองเภรีดังรัวขึ้น และมีเสียงบอกกันต่อ ๆ ไปว่าหลวงพ่อมรณภาพไปแล้ว เท่านั้นเองทุกคนทิ้งงานทุกอย่าง เหมือนนัดกันไว้พากันรีบมาที่วัดหนองโพ เพื่อแสดงความไว้อาลัยในการมรณภาพของหลวงพ่อ ที่เป็นหญิงก็ร้องไห้โฮอย่างไม่อายใคร ที่เป็นชายใจแข็งก็ได้แต่ตาแดง ๆ แต่ในส่วนลึกของหัวใจอาลัยหลวงพ่อยิ่งนัก ทางคณะกรรมการได้จัดศพหลวงพ่อไว้ในกุฏิเพื่อจะจัดพิธีอาบน้ำศพขึ้น ในวันรุ่งขึ้นชาวบ้านก็ได้แต่เข้าไปกราบศพของหลวงพ่อ

    คณะกรรมการได้จัดกุฏิของหลวงพ่อได้จัดกุฏิของหลวงพ่อให้เข้ารูป พร้อมทั้งค้นดูของหลวงพ่อมีอะไรเป็นของมีค่า ที่จะเก็บรักษาไว้เป็นสมบัติของวัดต่อไป จากการค้นตรวจสอบทั่วทุกตารางนิ้ว ไม่ปรากฏว่ามีของมีค่าหรือเงินทองอยู่แม้แต่ในย่ามของหลวงพ่อก็ไม่มี มีอยู่สิ่งเดียวที่นายธนิต อยู่โพธิ์ กล่าวว่ามีค่าที่สุดของหลวงพ่อก็คือคัมภีร์ใบลานเก่า ๆ เล่มเล็ก ๆ ที่หลวงพ่อใช้อ่านสอนตัวเองอยู่จนตลอดชีวิต จากการนี้เองทำให้ทุกคนประจักษ์ความจริงว่า หลวงพ่อเป็นพระแท้ เป็นพระที่เป็นผู้ให้ไม่สะสม ไม่ติดในลาภสักการะและโลกธรรมแปด เป็นพระพุทธบุตรที่ซื่อตรงต่อคำสั่งสอนแห่งองค์สมเด็จพระบรมศาสดา และดำเนินตามทางมรรคผลนิพพาน ที่องค์พระบรมครูวางไว้ทุกประการ


    จีวรไม่พอครองศพหลวงพ่อเดิม
    วันรุ่งขึ้นคณะกรรมการได้จัดพิธีอาบน้ำศพหลวงพ่อเดิมขึ้น เมื่อเริ่มพิธีผู้คนหลั่งใหลมาจากทั่วสารทิศ มีทั้งผู้แทนจังหวัดนครสวรรค์ นายเกษม บุญศรี ตลอดพ่อค้า คหบดีชาวกรุงเทพฯ และชาวบ้านใกล้เคียง เมื่อรดน้ำศพแล้วต่างพากันแย่งชิงฉีกจีวรที่ครองศพหลวงพ่ออยู่ คณะกรรมการสุดจะโต้แย้งเพราะผู้คนมากมายก็ได้แต่ขอเวลาเปลี่ยนจีวรหลวงพ่อใหม่ กี่ชุดๆ ก็ไม่พอเพราะคนรุมฉีกทิ้งกันเพื่อเอาไปเป็นที่ระลึก จนในที่สุดเห็นว่าจีวรจะไม่พอครององค์หลวงพ่อจึงได้ประกาศห้ามฉีก จึงสามารถรักษาจีวรให้ครองติดศพหลวงพ่อได้ แสดงให้เห็นถึงความศรัทธาที่ประชาชนมีต่อหลวงพ่อแม้ยามที่มรณภาพไปแล้ว


    น้ำอาบศพเป็นน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์
    ในตอนรดน้ำศพหลวงพ่อเดิมนั้น พวกหนุ่ม ๆ และคนแก่ ที่นับถือองค์หลวงพ่อได้พากันไปอยู่ใต้ถุนศาลาอาบน้ำศพหลวงพ่อ พร้อมทั้งเอาขัน เอาแก้ว หรือบางคนก็แหงนหน้ารองน้ำอาบศพหลวงพ่อ ต่างน้ำมนต์กลืนกินเข้าไปอย่างไม่รังเกียจด้วยศรัทธาสูงสุด ข้างบนก็ฉีกทิ้งจีวรหลวงพ่อให้ชุลมุน ข้างล่างก็รองน้ำศพให้วุ่นหมด ลานวัดคนเดินกันเกลื่อนแทบจะหลีกกันไม่พ้น เหมือนหลวงพ่อจะแสดงปาฏิหารย์คนที่กินน้ำอาบศพหลวงพ่อกลุ่มหนึ่ง เมื่อเดินออกมานอกวัด ก็เจอกับอริอีกกลุ่มหนึ่งพอดี ได้เข้าตะลุมบอนกันเป็นพักใหญ่ กลุ่มที่กินน้ำอาบศพหลวงพ่อไม่เป็นอะไรเลยเป็นแต่หัวร้างข้างโน บวม ปูด ส่วนอริหัวร้างข้างแตกกันเป็นระนาว พอข่าวแพร่ คนก็ไปกินน้ำอาบศพหลวงพ่อกันอีก ท่านผู้อ่านก็ลองวาดภาพดูก็แล้วกันครับว่าเป็นอย่างไร นี่แหละครับบารมีหลวงพ่อต้องมีเวรยามรักษาศพหลวงพ่อ

    หลังจากรดน้ำศพก็ได้มีการตั้งศพหลวงพ่อสวดพระอภิธรรม มีเจ้าภาพจองกันยาวยืดจนครบร้อยวันในวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๔๙๔ และได้เก็บศพของหลวงพ่อไว้เพื่อรอพิธีพระราชทานเพลิงศพ ในตอนนี้ได้มีผู้ศรัทธาในหลวงพ่อต้องการได้อัฐิของหลวงพ่อเดิม ได้พยายามลอบเข้าไปเพื่อจะดึงอัฐิของหลวงพ่อก่อนที่ยังมิได้พระราชทานเพลิง ด้วยความเลื่อมใสถือเป็นเครื่องรางของขลัง กรรมการวัดรู้เข้าก็ต้องจัดเวรยามดูแล เพราะไม่เช่นนั้นกว่าจะพระราชทานเพลิงศพแล้วสรีระของหลวงพ่อคงไม่เหลืออยู่แน่ เป็นที่น่าเศร้าสลดใจของผู้ที่จะได้รู้ข่าวจึงได้ป้องกันไว้ก่อนจะสายไปครั้นจะห้ามเสียเลยก็จะเป็นการทำลายน้ำใจผู้ศรัทธาจึงหาทางอื่นที่นุ่มนวล คือเฝ้าระวังกันเอา


    อัฐเถ้าอังคารคนแย่งกันทั้งยังร้อนระอุ
    ในวันพระราชทานเพลิงศพหลวงพ่อ มีมหรสพทุกชนิด ที่ลูกศิษย์ลูกหาพากันมาแสดง เพื่อเป็นการไว้อาลัยหลวงพ่อเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อไฟพระราชทานมาถึงแล้ว ประธานในพิธีได้จุดไฟพระราชทานต่อจากนั้น ก็เป็นขบวนของชาวบ้านร้านตลาด ตั้งแต่บ่ายยันค่ำคนไม่ลดน้อยลงไปเลย ใส่ไฟแล้วก็ไม่ไปไหนคงซุ่มอยู่แถวนั้น เมื่อไฟพระราชทานได้เผาสรีระของหลวงพ่อมอดไหม้ไปแล้วท่ามกลางฝนที่โปรยปรายลงมา เป็นละอองเบา ๆ ก่อความเย็นให้แก่ผู้คนที่เบียดเสียดเยียดยัดกัน กรรมการวัดได้ขึ้นเก็บอัฐิและเถ้าอังคารส่วนหนึ่ง เพื่อนำไปบรรจุในเจดีย์เพื่อเป็นที่เคารพสักการะของชาวบ้านหนองโพ และผู้ได้มาเยี่ยมเยือนในภายหลัง เมื่อคณะกรรมการเก็บอัฐิแล้ว ไฟยังไม่ทันจะหายร้อน บรรดาชาวบ้านและผู้เคารพนับถือ ต่างก็เฮละโลกันขึ้นไปบนเมรุเบียดเสียดเยียดยัดกัน เหยียบกัน ล้มคว่ำคะมำหงาย เพื่อแย่งชิงอัฐิของหลวงพ่อเดิม เพื่อนำไปสักการะบูชา ที่แข็งแรงไปถึงก่อนก็ได้อัฐิไป ที่มาทีหลังหรือเข้าไม่ถึงก็ได้เถ้าอังคาร ตามแต่จะเก็บได้ หลังจากคลื่นฝูงชนซาลงไปแล้วปรากฏว่าไม่มีอัฐิ หรือเถ้าอังคารของหลวงพ่อติดเมรุอยู่เลยแม้แต่น้อย เป็นที่น่าอัศจรรย์ว่าทั้งๆ ที่ไฟบนเมรุยังร้อนอยู่ แต่คนที่แย่งชิงกันนั้น ไม่มีใครมือพองเพราะความร้อนของเมรุแม้แต่น้อยเลย

    สรุปความท้ายประวัติ
    สิ้นไปแล้วดวงประทีปแห่งหนองโพ หลวงพ่อผู้ทรงความเมตตากรุณา หลวงพ่อผู้เป็นผู้ให้แต่อย่างเดียว ถึงแม้จะรับบ้างแต่ก็ให้ไปจนหมดสิ้น หลวงพ่อผู้ช่วยทุกข์ของสัตว์ผู้ยากที่บากหน้ามาหา หลวงพ่อที่ถือเอาพระพุทธพจน์เป็นหลักประจำจนตลอดชีวิต หลวงพ่อผู้มีเวทย์มนต์อันเรืองรองด้วยพระพุทธคุณหลวงพ่อ ผู้สรรสร้างความเจริญทั้งในพระพุทธศาสนาและแก่ชาวบ้าน หลวงพ่อผู้ถือคติทำดีกว่าพูด และผลงานคือข้อพิสูจน์คุณงามความดีของท่าน สิ่งที่ยังคงเหลือเตือนใจคนรุ่นหลังให้ระลึกถึงท่านคือ คุณงามความดีคำสั่งสอน รูปหล่อครั้งเมื่อมีชีวิตอยู่ ตลอดจนวัตถุมงคลที่ท่านปลุกเสกแจกให้กับศิษยานุศิษย์ที่คุ้มครองป้องกัน ชีวิตพวกเขาเหล่านั้นมาจนทุกวันนี้ ดังจะได้พูดถึงในภาควัตถุมงคลตอนต่อไปจากนี้ เพื่อท่านผู้อ่านทั้งหลายที่สนใจจะได้เสาะหาและเก็บไว้เพื่อเป็นที่ระลึกถึง ท่าน และป้องกันชีวิตของท่านจากเหล่าอันธพาลมิจฉาชีพ ตลอดจนอริราชศัตรูที่รุกรานอยู่รอบบ้านเมืองของเราในปัจจุบัน

    หลวงพ่อชาตะ เมื่อวันพุธ แรม ๑๑ ค่ำ เดือน ๓ ปีวอก จ.ศ. ๑๒๒๒
    ตรงกับวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๐๓

    หลวงพ่อมรณภาพเมื่อวันอังคาร แรม ๒ ค่ำ เดือน ๖ ตรงกับ
    วันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๔ เวลา ๑๗.๔๕ น.

    สิริรวมอายุได้ ๙๒ ปี พรรษาที่ ๗๐


    ขอบคุณที่มา: ประวัติหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ
     
  20. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    ๕. หลวงปู่สี วัดเขาถ้ำบุญนาค อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์

    [​IMG]

    อภินิหารหลวงปู่สี

    ศิษย์ของท่านคนหนึ่ง มีบ้านเดิมอยู่ที่จังหวัดพิจิตร เป็นเจ้าของวงดนตรี และเป็นนักร้องรูปหล่อ (หากบอกชื่อ นักฟังเพลงทุกคนจะต้องรู้จัก) เคยมาหาท่านแล้วปรับทุกข์ว่า เงินที่ขายที่ทางได้้้หลายล้านนั้น เลี้ยงลูกวงไปเกือบหมดแล้ว เหลือเพียงไม่กี่แสนบาท ขอให้หลวงปู่แนะนำว่าควรจะเลิกวงดนตรี หรือเล่นต่อไป หลวงปู่สีบอกว่าให้เล่นต่อเพราะว่าต่อไปนี้จะดังไปทั่วประเทศ ศิษย์คนนั้นก็ให้สัจจะว่าถ้าดังทั่วประเทศเหมือนหลวงปู่ว่าจริง จะมาเล่นฟรีให้วัดปีละครั้งทุกปี ต่อมาก็ปรากฏว่าวงดนตรีนี้มีชื่อเสียงระดับเดียวกับวงดนตรีสายัณห์ สัญญา รับงานแสดงทั่วประเทศ สร้างความร่ำรวยให้เป็นอย่างมาก และเขาก็นำวงมาแสดงตามสัญญาทุกปี จนกระทั่งหลวงปู่สีมรณภาพ ก็ยังมาเล่นให้ฟรีจนถึงปี ๒๕๒๕ ก็ไม่มาเล่นเช่นเคย พอปี ๒๕๒๖ ชื่อเสียงของวงก็เริ่มตกต่ำลงเรื่อยๆ จนในปี ๒๕๒๗ จึงกลับมาขอขมาเล่นให้ฟรีอีก ปัจจุบันนี้เริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมาอีกครั้ง (ตอนเขียนเรื่องนี้ปี ๒๕๒๘ นะครับ) ใครเคยให้สัจจะไว้กับหลวงปู่สี ถ้าไม่รักษาสัจจะ จะต้องมีอันตกต่ำไม่มีความเจริญ

    ปกติหลวงปู่สีท่านชอบหมอลำมาก (เข้าใจว่าเป็นแหล่เทศน์ แต่ลูกศิษย์เข้าใจว่าเป็นหมอลำ) เมื่อท่านมรณภาพไปแล้วทุกปีในวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ทางวัดจะจัดงานครบรอบวันมรณภาพของท่าน โดยมีหนังกลางแปลง ๑ จอ และหมอลำ จัดมาได้สองปี ปีต่อไปงดหมอลำ ให้มีหนังกลางแปลงอย่างเดียวเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ปรากฏว่ารถฉายภาพยนตร์ไปเสียกลางทาง จน ๓ ทุ่มจึงได้ตั้งจอ พอจะฉายไฟดับ ต้องแก้ระบบไฟฟ้า และฝนตั้งเค้ามาทันทีทันใด แล้วตกอย่างหนัก เป็นอันว่าฉายภาพยนตร์ไม่ได้ จนต่อมาต้องมีหมอลำ (แหล่เทศน์) ถวายท่านด้วย (นี่แหละครับ ถือเป็นบทเรียน ลูกศิษย์เวลาจะทำอะไรต้องเคารพครูบาอาจารย์ ต้องขออนุญาตท่านก่อน เมื่อคราววัดโพธิ์ทองหล่อรูปหลวงปู่สี ก็ครั้งหนึ่งแล้ว น่าจะจำกันไว้ พวกเราลูกศิษย์หลวงพ่อฯ ก็ขอให้ถือเป็นแบบอย่าง อะไรไม่แน่ใจให้เรียนถามท่านก่อน มโนมยิทธิก็ได้กันเยอะแยะ จะทำอะไรเรียนถามท่านก่อนจะปลอดภัยที่สุดครับผม)

    หลวงปู่สีท่านป่วยด้วยโรคต่อมลูกหมากบวม โดยเข้าโรงพยาบาลเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๑๙ และเข้า ๆ ออก ๆ โรงพยาบาลอยู่ ๒-๓ ครั้ง พอถึงปลายเดือน ๓ ท่านก็บอกกับพระเณรในวัดว่า เดือน ๔ ท่านจะไปแล้ว ซึ่งก็เป็นจริงตามนั้น ท่านมรณภาพในวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๒๐ เวลา ๓ โมงเย็น ตรงกับ วันขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๔ อายุ ๑๒๘ ปี

    ก่อนท่านมรณภาพ ท่านพระครูนิวิฐปริยัติคุณ ถามท่านว่า หากหลวงปู่สีไป แล้วใครจะสร้างศาลาต่อล่ะ เพราะยังสร้างค้างอยู่ ท่านบอกว่า เสร็จแน่ จะมีคนช่วยสร้างเยอะ อย่าเอาศพท่านไปเผาก็แล้วกัน ซึ่งต่อมาศพของหลวงปู่สี ก็ไม่เน่าเปื่อย มีผู้คนศรัทธาไปร่วมทำบุญสร้างศาลากันมาก จนศาลาเสร็จเรียบร้อย และยังมีเงินเหลือพอที่จะสร้างหอสวดมนต์ได้อีก ๑ หลัง ในปี พ.ศ. ๒๕๒๓ หลังจากท่านมรณภาพแล้ว ๓ ปี คณะศิษย์ได้นำศพท่านออกมาจากโลงแก้ว เพื่อจะเปลี่ยนผ้าครองให้ท่านใหม่ ช่างภาพในอำเภอตาคลี มาขอกรรมการถ่ายรูปท่านไป ๕ รูป เมื่อล้างฟิล์มออกมาปรากฏว่าไม่ติดสักรูปเดียว รูปอื่น ๆ อีก ๓๑ รูป มีภาพทุกใบ เป็นเรื่องอัศจรรย์มาก เพราะแม้แต่ศพของท่านยังถ่ายรูปไม่ติด หากผู้ใดจะถ่ายรูปศพท่าน จะต้องจุดธูป ๙ ดอก ขอต่อท่านก่อน มิฉะนั้นจะถ่ายรูปไม่ติดเพราะเป็นเช่นนี้หลายรายแล้ว ชาวตาคลีรู้เรื่องนี้ดีทุกคน

    มีบางคนไปนมัสการพระศพของหลวงปู่สี แล้วนำเอาเถ้าขี้ธูป และก้านธูปในกระถางหน้าศพท่าน กลับไปเลี่ยมห้อยคอแทนพระเครื่อง ปรากฏว่ามีอานุภาพดีมากทางป้องกันอันตรายต่างๆ อีกทั้งโชคลาภค้าขายก็ไม่ใช่ย่อย ฉะนั้นก้านธูป และขี้ธูปในกระถางธูปหน้าศพท่าน จึงมักไม่ค่อยมีเหลือ หากผู้ใดไปนมัสการท่าน ลองจุดธูปแล้วอธิษฐานขอจากหลวงปู่สี แล้วดึงเอามาบูชาเพียงก้านเดียวก็พอ อย่าโลภมากเป็นอันขาด รับรองว่าใช้แทนวัตถุมงคลของท่านได้เป็นอย่างดี

    ขอบคุณที่มา : ประวัติหลวงปู่สี วัดเขาถ้ำบุญนาค
     

แชร์หน้านี้

Loading...