ร่วมแลกเปลี่ยนเคล็ดลับในการประคองศีล 5 กันคะ่

ศีล 5 ....เรื่องที่ฟังดูธรรมดาๆ
แต่จะมีใครสักกี่คนล่ะค่ะ ที่กล้าออกมายืนยันว่า
ตนนั้นสามารถถือศีลได้บริบูรณ์ 100 %


เรื่องของศีลนอกจากจะเป็นตัวปิดปากประตูนรกให้กับเราแล้ว

ยังเป็นตัวเตือนสติที่ดีมากๆ อีกตัวหนึ่งค่ะ

เตือนสติ ก่อนการหลงเชื่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ผู้ใดผู้หนึ่งที่

วิธีการง่ายๆ ก่อนเชื่อผู้มีความสามารถพิเศษ หูทิพย์ ตาทิพย์
เข้าถึงเจโตย้อนชาติกลับอดีต กรรมเก่า กรรมใหม่

คือ ต้องรู้และพิสูจน์เรื่องจริงที่เรารู้ได้ เช่น เงินในกระเป๋าตังค์เรามีเท่าไร บอกให้ได้ว่า แบงค์อะไรบ้าง

พิสูจน์ เรื่องที่เราเองก็พิสูจน์ได้คะ

ขนาดเรื่องที่เห็นด้วยตาเนื้อยังไม่รู้ เรื่องที่เกิดผ่านไปเมื่อวาน
ยังบอกไม่ได้ สันนิฐาน ว่าสิ่งที่เขาพูดอาจจะไม่ใช่ของแท้

หากผู้ที่พึงสำรวมศีลอยู่ตลอดเวลารึมีความพยายามและตั้งมั่นอย่างยิ่งยวดใน การประคองศีลให้ครบจะระมัดระวังคำพูดมากกกกกกก ไม่พูดๆๆๆ เพราะเกรงจะผิดศีล

ผู้ที่มีศีลห้าบริบูรณ์คือ พระโสดาบัน ขึ้นไปจ๊ะ
คนทั่วไปรักษาได้แต่ไม่บริบูรณ์เนื่องว่าสติยังไม่สมบูรณ์ค่ะ ทำได้เป็นช่วงๆ เท่านั้น

ดังนั้นจึงต้องเอาธรรมด้านอื่นๆ ช่วยประคองศีลของตน
ยกตัวอย่างผู้เขียนเองใช้พรหมวิหารและหิริโอตปะ
แม้กระนั้นก็ยังไม่สมบูรณ์


==================

องค์วินิจฉัยศีล

การฆ่าสัตว์ต้องประกอบด้วยองค์ ๕ คือ

๑. สัตว์นั้นมีชีวิต
๒. รู้อยู่ว่าสัตว์นั้นมีชีวิต
๓. มีจิตคิดจะฆ่าสัตว์นั้น
๔. มีความพยายามฆ่าสัตว์นั้น
๕. สัตว์ตายด้วยความพยายามนั้น

การลักทรัพย์ต้องประกอบด้วยองค์ ๕ คือ

๑. ทรัพย์หรือสิ่งของนั้นมีเจ้าของหวงแหน
๒. รู้อยู่ว่าทรัพย์นั้นมีเจ้าของหวงแหน
๓. มีจิตคิดจะลักทรัพย์นั้น
๔. มีความพยายามลักทรัพย์นั้น
๕. ลักทรัพย์ได้ด้วยความพยายามนั้น


การประพฤติผิดในกามต้องประกอบด้วยองค์ ๔ คือ

๑. หญิงหรือชายที่ไม่ควรละเมิด
๒. มีจิตคิดจะเสพเมถุน
๓. ประกอบกิจในการเสพเมถุน
๔. ยังอวัยวะเพศให้ถึงกัน


การพูดเท็จต้องประกอบด้วยองค์ ๔ คือ

๑. เรื่องนั้นไม่จริง
๒. มีจิตคิดจะพูดให้ผิดไปจากความจริง
๓. พยายามที่จะพูดให้ผิดไปจากความจริง
๔. คนฟังเข้าใจความหมายตามที่พูดนั้น


การดื่มน้ำเมาต้องประกอบด้วยองค์ ๔ คือ

๑. น้ำที่ดื่มเป็นน้ำเมา
๒. มีจิตคิดจะดื่ม
๓. พยายามดื่ม
๔. น้ำเมานั้นล่วงพ้นลำคอลงไป

.......จากความรู้ในเรื่อง องค์วินิจฉัยศีล เราจะสามารถตอบข้อสงสัยได้ว่า การกระทำใดเป็นการกระทำที่ผิดศีล ทำให้ศีลขาด

ตัวอย่างเช่น การที่เราไล่ยุง แล้วบังเอิญทำให้ยุงตายโดยที่เรามิได้มีจิตคิดจะฆ่ายุงเลย อย่างนี้เรียกว่ายังไม่ผิดศีล ศีลยังไม่ขาด เพราะเป็นการกระทำที่ไม่ครบองค์ ๕ ของการฆ่าสัตว์

ส่วนการกระทำใดๆ ที่แม้จะไม่ครบองค์วินิจฉัยศีล เช่น การฆ่ามีองค์ ๕ แต่ทำไปแค่องค์ ๔ อย่างนี้เรียกว่าศีลทะลุ และถ้าลดหลั่นลงมาอีก ก็จะเรียกว่า ศีลด่าง ศีลพร้อย ตามลำดับ

นอกจากนี้ พระอรรถกถาจารย์ ยังได้แสดงหลักสำหรับวินิจฉัยว่า การละเมิดศีลแต่ละข้อจะมีโทษมากหรือน้อย นั้นขึ้นอยู่กับสิ่งต่อไปนี้


การฆ่าสัตว์ มีโทษมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับ


๑. คุณ การฆ่าสัตว์ที่มีคุณมาก จะมีโทษมากกว่าการฆ่าสัตว์ที่มีคุณน้อยหรือไม่มีคุณ เช่นฆ่าพระอรหันต์ มีโทษมากกว่าฆ่าปุถุชน ฆ่าสัตว์ที่ช่วยงานมีโทษมากกว่าฆ่าสัตว์ดุร้าย เป็นต้น

๒. ขนาดกาย สำหรับสัตว์ดิรัจฉานจำพวกที่ไม่มีคุณเหมือนกัน การฆ่าสัตว์ใหญ่ มีโทษมากกว่าการฆ่าสัตว์เล็ก

๓. ความพยายาม มีความพยายามในการฆ่ามาก มีโทษมาก มีความพยายามน้อย มีโทษน้อย

๔. กิเลสหรือเจตนา กิเลสหรือเจตนาแรง มีโทษมาก กิเลสหรือเจตนาอ่อน มีโทษน้อยเช่น การฆ่าด้วยโทสะ หรือความเกลียดชัง มีโทษมากกว่าการฆ่าเพื่อป้องกันตัว


การลักทรัพย์ มีโทษมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับ

๑. คุณค่าของทรัพย์สินสิ่งของนั้น
๒. คุณความดีของผู้เป็นเจ้าของทรัพย์นั้น
๓. ความพยายามในการลักทรัพย์นั้น


การประพฤติผิดในกาม มีโทษมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับ

๑. คุณความดีของผู้ที่ถูกละเมิด
๒. ความแรงของกิเลส
๓. ความเพียรพยายามในการประพฤติผิดในกามนั้น


การพูดเท็จ มีโทษมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับ

๑. ความเสียหายที่เกิดขึ้นว่ามากน้อยเพียงใด
๒. คุณความดีของผู้ที่ถูกละเมิด
๓. ผู้พูดนั้นเป็นใคร เช่น

- คฤหัสถ์ที่โกหกว่า " ไม่มี " เพราะไม่อยากให้ของๆ ตน อย่างนี้มีโทษน้อย แต่การเป็นพยาน
เท็จมีโทษมาก

- บรรพชิต พูดเล่นมีโทษน้อย แต่การพูดว่าตน " รู้เห็น " ในสิ่งที่ตนไม่รู้ไม่เห็น มีโทษมาก


การดื่มน้ำเมา มีโทษมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับ

๑. อกุศลจิต หรือกิเลสในการดื่ม
๒. ปริมาณที่ดื่ม
๓. ผลที่เกิดจากการกระทำผิดพลาด ชั่วร้าย ที่ตามมาจากการดื่มน้ำเมา


........อย่างไรก็ตาม การละเมิดศีลในทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นศีลขาด ศีลทะลุ ศีลต่าง หรือ ศีลพร้อย
ก็ล้วนแต่เป็นการทำลายคุณภาพใจให้เสื่อมลง หรือที่เราเรียกว่าบาปนั่นเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
หากละเมิดศีลในกรณีที่เกิดโทษมาก เป็นบาปมาก คุณภาพใจจะยิ่งถูกทำลายให้เศร้าหมองมืดมน
มากขึ้นด้วย

เราจึงควรศึกษาในเรื่องเหล่านี้ เพื่อให้การรักษาศีลของเรา เป็นไปด้วยความรู้ความเข้าใจ อัน
จะนำมาซึ่งการรักษาคุณภาพใจได้อย่างบริสุทธิ์ สะอาด สุขสบาย ไม่เดือดเนื้อร้อนใจในภายหลัง



จากหนังสือ.....

ศีล....เป็นที่ตั้งแห่งความดีงาม
พระมหาสุวิทย์ วิชฺเชสโก ป.ธ. ๙

:z6:z6:z6:z6
​

[FONT=&quot]จึงของเล่าประสบการณ์และที่มาของการรักษาศีลข้อ [/FONT]1ของเราให้เพื่อนๆฟังน่ะค่ะ
[FONT=&quot]
ห้ามฆ่า[/FONT]

[FONT=&quot]ด้วยความที่เป็นเด็กบ้านนอกอีสานบ้านนา ก็จะมีปลาสดๆ ดิ้น[/FONT][FONT=&quot]ดุกดิ๊กให้กินอยู่เสมอ
[/FONT] [FONT=&quot]โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนน่ะคะ[/FONT][FONT=&quot]ไม่รู้มันมาจากไหนเยอะแยะ
[/FONT]
[FONT=&quot]แม่ครัวหัวป่าอย่างเรา ไม่พ้นเป็นเพชรฆาต[/FONT][FONT=&quot]ทุบหัวปลา ดิ้วแด่วๆเพื่อนำมาต้มยำทำแกงให้สมาชิกในบ้านได้รับประทานกัน[/FONT] ===> [FONT=&quot]ฆ่ามันแล้ว .... แล้วไง .... ก็เฉยๆ อ่ะ ([/FONT]O_O)

[FONT=&quot]แต่อนาคตสดใสของแม่ครัวมือสังหารก็ต้องจบลง[/FONT]
[FONT=&quot]เนื่องจาก .... การทำทาน[/FONT]
[FONT=&quot]เด็กบ้านนอกคอกนา[FONT=&quot]เดินทางเข้ามาทำงานในกรุงเทพ[/FONT][FONT=&quot]เราไปทำบุญบ่อยๆที่วัดระฆัง[/FONT][FONT=&quot]มักจะซื้อปลาดุกจากตลาดไปปล่อยที่วัดเป็นประจำ[/FONT][/FONT][FONT=&quot]น้องปลาทั้งหลายจะรีบกระโจนลงน้ำราวกับว่ามันดีใจที่รอดตาย[/FONT][FONT=&quot]เราเองก็มีความสุขที่ได้ช่วยมัน[/FONT]

[FONT=&quot]การทำอะไรบ่อยๆ จนชิน ทำให้จิตของเรา [/FONT]memory
[FONT=&quot]ความรู้สึกแบบนั้นไว้[/FONT] ......

[FONT=&quot]หลักจากนั้นก็มีบางอย่างเปลี่ยนแปลงค่ะ [/FONT]<o></o>[FONT=&quot]

จากที่เคยเป็นคนชอบกินปลาดุก

หลังจากนั้ยระยะหนึ่ง ปลาดุกเข้าปากคำแรกก็แทบจะย้อนกลับมาทางเดิม [/FONT]<o></o>[FONT=&quot]ภาพของเจ้าปลาน้อยๆที่เราปล่อย ทำให้นึกถึงความสุขของปลา
เมื่อมันได้รอดพ้นจากความตาย<o></o>[/FONT][FONT=&quot]และทุกครั้งที่เห็นปลาถูกจับขัง
เพื่อรอเป็นอาหารก็จะรู้สึกเลยค่ะว่า ปลามันเศร้า มันตกใจ และกลัว [/FONT]<o></o>[FONT=&quot]ส่วนเราเอง จะกินไอ้ตัวนั้นไม่ลงเลย การฆ่าสัตว์โดยเจตนาก็แทบบบบบบบบบบบบบบ ไม่เกิดขึ้น [/FONT]<o></o>
[FONT=&quot]จากการทำทานให้ชีวิตบ่อยๆ ที่เราก็คิดเพียงเป็นการทำบุญ [/FONT]<o></o>[FONT=&quot]แค่ความสนุกที่ได้ปล่อยปลา ....

เราไม่เคยรู้เลยว่าสิ่งนี้เป็นการขัดเกลาจิตใจ [/FONT]<o></o>[FONT=&quot]ให้เป็นผู้อ่อนโยนมีเมตตา และเมตตาตัวนี้ก็เป็นตัวนำประคองศีลให้เกิดกลายเป็นคุณธรรมในใจ

[/FONT]<o></o>[FONT=&quot]เมื่อใดที่คิดจะละเมิด หิริ โอตะปะ ก็จะบังเกิด ผุดขึ้นอัตโนมัติ [/FONT]<o></o>[FONT=&quot]มือเย็นเวียนหัวท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด เหมือนคนที่ทำความผิดมากๆ
จิตใจก็ร้อนรนร่างกายไม่เป็นสุข
หากเราไปทุบหัวปลา รึทำร้ายสัตว์โดยตั้งใจให้มันตายคามือ
คาตีน คงอยู่ไม่ได้แน่ๆ [/FONT]

แล้วเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ทั้งหลายมีเคล็ดลับในการประคองศีล 5 ให้ด่างพร้อยน้อยที่สุด อย่างไรกันบ้างคะ่ ร่วมแลกเปลี่ยนและเล่าประสบการณ์ดีๆ เกี่ยวกับการรักษาศีลของตนกันคะ่

;aa46;aa46;aa46;aa46;aa46


ขออนุโมทนาทุกความตั้งใจอันดีงามในการพยายามรักษาศีลน่ะคะ
เป็นกำลังใจให้ทุกๆคนเลยยยย wel lcome_dog

 

ถ้ามีสติบริบูรณ์ ก็อาจถึงร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ ไม่อาจดีกว่าถึงครับ

 

ครูบาอาจารย์ท่านเคยสอนผมว่า ศีลของเราจะบริสุทธิ์ได้ก็ด้วย พรหมวิหาร 4 ครับ...

ถ้าไม่มีพรหมวิหาร 4 ยากที่ศีลจะบริสุทธิ์ด้วยใจจริง.....ไม่ต้องมาพึงสังวรระวังอยู่....ไม่ว่าจะด้วยกรณีใด......ผู้ฝึกศีลใหม่ๆ จำเป็นจะต้องพึงระวังอยู่เสมอ....แต่เมื่อใดก็ตามที่พรหมวิหาร 4 จับอัตโนมัติ.....จะไม่ใช่รักษาศีล...แต่ศีลจะรักษาเราไปเลย....จะเป็นไปเลยครับ.....

พรหมวิหาร 4 เป็น 1 ในกรรมฐาน 40 และที่สำคัญ เป็นอาหารของศีลครับ.....

อ่านจากเจ้าของกระทู้รู้ได้ชัดเจนว่าพรหมวิหาร 4 เริ่มที่จะจับแล้วครับ.....ตัวเมตตามาเลยใช่ไมครับ..........ทรงไว้นะครับ...ดีแล้ว....

สำหรับผมนั้นไม่ต่างกัน...พยายามทำไปเรื่อยๆ..จับทั้งศีลไปพรหมวิหาร...เพราะถ้าขาดศีลเมื่อไร...กรรมฐานไม่เป็นผล.....ต้องทรงไว้ครับ...บางครั้งอาจมีหลุดบ้าง...ก็เป็นเรื่องธรรมดา...หลุดเมื่อไรเลวเมื่อนั้นเลย(จริงๆแล้วก็ยังเลวอยู่)....

โมทนากับเจ้าของกระทู้นะครับ.....

วิธีการปฏิบัติก็แล้วแต่บุคคลนะครับ....ตั้งใจปฏิบัติทุกท่าน...

 

ข้อ ๔ ยากสุด โดยเฉพาะ พูดเล่นเพ้อเจ้อ
รองมาก็พูดด่า-เสียดสี
ยากน้อยสุด ก็ มุสา

 

รักษาใจ ใจดีศิลก้ดี

 

<CENTER>ธรรมะจากหลวงปู่อว้าน เขมโก

ศีลก็เปรียบเหมือนเขื่อน




</CENTER><CENTER></CENTER><DD>น้ำย่อมไหลจากที่สูงลงที่ต่ำ กระแสน้ำก็ต้องไหลลงสู่ทะเล เมื่อน้ำจืดไหลลงทะเลมันก็เป็นน้ำเค็ม ซึ่งมันยากนะที่จะทำน้ำเค็มให้เป็นน้ำจืดได้อีก ฉะนั้นจึงต้องมีเขื่อน สร้างเขื่อนกั้นไว้ ไม่ให้น้ำจืดไปตามกระแส ไม่ให้ไหลลงสู่ที่ต่ำ ฉันใด



<DD>การเกิดเป็นมนุษย์ก็เช่นกัน ถ้าเราปล่อยไปตามกระแส ไปตามกิเลส มันก็จะไหลลงสู่ทะเลเป็นน้ำเค็ม ยากที่จะทำเป็นน้ำจืด พวกเราก็ยากที่จะเกิดมาเป็นมนุษย์ได้อีก ถ้าไม่สร้างเขื่อนกั้นไว้ ไม่มีศีลไม่รักษาศีลไว้ พวกเราก็จะหมุนลงไปเกิดในภพภูมิต่ำนะ (อบายภูมิ 4)

--------------------------------------------------

เพิ่มเติมเทคนิคในการรักษาศีล 5 ขอเรานะ

คือการเจริญ มรณานุสติอยู่เสมอ ....
ถามว่าเกี่ยวอะไรด้วย คำตอบง่ายๆ ก็คือ การที่เรานึกถึงความตายบ่อยๆ มันจะกลับให้เราไปทบทวนศีลของเราทันที และจะส่งผลในเรื่องของการปฎิบัติธรรมด้านอื่นๆ อีกด้วย hello8


--------------------------
<DD>
<DD>นอกจากนี้ถ้าหากกังลังธรรมของเรายังอ่อน ไม่พอที่จะให้เรารักษาศีลทั้ง 5 ข้อได้
<DD>
<DD>ก็ขอให้เราเลือกรักษาศีลข้อใดข้อหนึ่งไปก่อน ข้อไหนพอที่จะรักษาได้ง่ายที่สุดก็ตั้งใจรักษาศีลนั้นด้วยความตั้งใจ ไม่ต้องรักษาในวิธีเรียงแบบให้เป็นแถวก็ได้
<DD>
<DD>สมมติว่าเรามีคามสามารถที่จะรักษาศีลข้อกาเมได้ ก็ต้องรักษาศีลข้อนี้ไป หรือเรามีความสามารถในการรักษาศีลข้ออทินนา เราก็ต้องรักษาข้อนี้ไป หรือจะรักษาทั้งสองข้อพร้อมกันทั้งสองข้อก็ได้
<DD>
<DD>นี้ก็ให้นึกถึงความสามารถของตัวเราเอง เมื่อเรามีศีลหนึ่งข้อหรือสองข้อไว้แล้ว
<DD>
<DD>ศีลที่เรารักษาอยู่แล้วก็มีความเจริญ มีพลังพอที่จะรักษาศีลข้อที่เหลือให้ได้ จะเพิ่มศีลในการรักษาอีก ๓ - ๔ - ๕ ข้อก็อาจเป็นได้ นี้คือการรักษาศีลโดยธรรม
<DD>
<DD>;aa13;aa13;aa13
</DD>

 

<CENTER>อานิสงส์ของการรักษาศีล

</CENTER><DD>อานิสงส์ของการรักษาศีล5 คำว่า ศีล ได้แก่สภาพเช่นไร ศีลอย่างแท้จริงเป็นไปด้วยความมีสติ รู้สิ่งที่ควรหรือไม่ควร ระวังการระบายออกทางทวารทั้งสาม คอยบังคับกาย วาจา ใจ ให้เป็นไปในขอบเขตของศีลที่เป็นสภาพปกติ ศีลที่เกิดจากการรักษา มีสภาพปกติไม่คะนองทาง กาย วาจา ใจ ให้เป็นที่เกลียด นอกจากความปกติงดงามทาง กาย วาจา ใจ ของผู้มีศีลว่า เป็นศีล เป็นธรรม
<DD>เราควรรักษาศีล5
<DD>1 สิ่งมีชีวิตเป็นสิ่งที่มีคุณค่า จึงไม่ควรเบียดเบียนข่มเหงและทำลายคุณค่าแห่งความเป็นอยู่ของเขาให้ตกไป
<DD>2 สิ่งของ ของใครๆ ก็รัก และสงวน ไม่ควรทำลาย ฉก ปล้น จี้ เป็นต้น อันเป็นการทำลายสมบัติ และทำลายจิตใจกัน
<DD>3 ลูก หลาน สามี ภรรยา ใครๆ ก็รักสงวนอย่างยิ่ง ไม่ปรารถนาให้ใครมาอาจเอื้อมล่วงเกิน เป็นการทำลายจิตใจของผู้อื่นอย่างหนัก และเป็นบาปไม่มีประมาณ
<DD>4 มุสา การโกหกพกลม เป็นสิ่งทำลายความเชื่อถือของผู้อื่นให้ขาดสะบั้นลงอย่างไม่มีดี แม้เดรัจฉานเขาก็ไม่พอใจคำหลอกลวง จึงไม่ควรโกหกหลอกลวงให้ผู้อื่นเสียหาย
<DD>5 สุรา ยาเสพติด เป็นของมึนเมาแสะให้โทษ ดื่มเข้าไปย่อมทำให้คนดีๆ กลายเป็นคนบ้าได้ ลดคุณค่าลงโดยลำดับ ผู้ต้องการเป็นคนดี มีสติปกครองตัวอย่างมนุษย์ จึงไม่ควรดื่มสุรา เครื่องทำลายของสุขภาพทางร่างกายและใจ อย่างยิ่ง เป็นการทำลายตัวเอง และผู้อื่นไปด้วยในขณะเดียวกัน
</DD><DD>อานิสงส์ศีล5เมื่อรักษาได้ </DD>

<DD>1 ทำให้อายุยืน ปราศจากโรคภัยเบียดเบียน
<DD>2 ทรัพย์สมบัติที่อยู่ในการปกครอง มีความปลอดภัยจากโจรผู้ร้ายมาราวี เบียดเบียนทำลาย
<DD>3 ระหว่าง ลูก หลาน สามีภริยา อยู่ด้วยกันเป็นผาสุกไม่มีผู้คอยล่วงล้ากล้ากลาย ต่างครองกันอยู่ด้วยความเป็นสุข
<DD>4 พูดอะไรมีผู้เคารพเชื่อถือ คำพูดมีเสน่ห์เป็นที่จับใจไพเราะ ด้วยสัตย์ ด้วยศีล
<DD>5 เป็นผู้มีสติปัญญาดีและเฉลียวฉลาด ไม่หลงหน้าหลงหลัง จับโน่นชนนี่ เหมือนคนบ้าคนบอหาสติไม่ได้ ผู้มีศีล เป็นผู้ปลูกและส่งเสริมสุขบนหัวใจคนและสัตว์ทั่วโลก ให้มีแต่ความอบอุ่นใจ ไม่เป็นที่ระแวงสงสัย ผู้ไม่มีศีลเป็นผู้ทำลายหัวใจคนและสัตว์ ให้ได้รับความทุกข์เดือนร้อนทุกหย่อมหญ้า </DD>
;aa35

 

ไม่ประมาทในสรรพสิ่งทั้งปวง ก็ครอบคลุม ครบแล้วครับ

 

คิดว่าข้อ ฆ่าสัตว์ เบียดเบียนเขาทำแล้วรู้สึกยากมากเลย บางครั้ง เราเผลอไม่รู้ตัว ไปเยียบเขาพิการบ้าง หรือบางตัวก็ยังไม่เสียชีวิตในตอนนั้นเลย ไม่รู้จะทำยังงัย เลยนึกในใจให้บุญกุศลที่เราทำมาส่งให้เขาไปเกิดในภพภูมิที่ดีขึ้นนะครับ ไม่รู้จะช่วยได้มัย

อีกข้อหนึ่งข้อมุสา วาจาสัจ เหมือนเราพูดออกไปแล้ว แล้วเราทำตามที่พูดไม่ได้เหมือนเราไปโกหกเขายังงัยไม่รู้อะครับกับแบบรับปากหรือสัญญาไปแล้ว แล้วเกิดทำตามไม่ได้ เหมือนเราไม่ได้รักษาวาจาที่พูดออกไป เหมือนคนโบราณเขาให้ถือ วาจา เป็นสำคัญเลยอะครับ

การตั้งสัจจะวาจามีผลต่อการปฏิบัติเหมือนกันครับ
ถ้าใครเคยอธิษฐาน หรือ ตั้ง สัจจะวาจา แล้วก็มีสิ่งที่เราเคารพเป็นพยาน ก็จะรู้เลยว่าส่งผลต่อการปฏิบัติดีขึ้น ถ้าเกิดกำลังใจน้อยผิดสัจจะวาจาที่ตั้งไว้เมื่อไหร่ก็ส่งผลต่อการปฏิบัติให้เห็นทันทีเลยครับ เลยไม่ค่อยกล้าตั้งอะครับกำลังใจยังน้อยอยู่เลยครับ

 

อยู่ที่เจตนาครับ ไม่ครบองค์ ต้องครบองค์ องค์อะไรลองศึกษาดูครับ

 

ผิด ชอบ ชั่ว ดี บาป บุญ คุณ โทษ

ศีล คือ ข้อควรละ เป็นเครื่องป้องกันความเศร้าหมอง ^-^

 

ถือศีลควรระลึกถึงศีลอยู่ตลอดเวลาเพื่อไม่ให้จิตหลุดจากอารมณ์ของการรักษาถือศีล5ผมมีอุบายโดยส่วนตัวว่า หลังจากเราปาวารนาศีลแล้วกำหนดในใจว่าเราจะรักษาศีลจากวันนี้ไปถึงวันนี้ หรือจากชั่วโมงนี้ไปถึงชั่วโมงนี้ ทำงานอยู่ก็สามารถทำได้โดยจิตหรืออารมณ์ยังคงอยู่และเป็นเครื่องเตือนจิตอยู่ตลอดเวลาอย่าเกร็งทำตัวให้สบาย ๆปกติ โดยใช้บริกรรมในใจว่า ปา อา กา มุ สุ (หัวใจศีล5) อนุโมทนาสาธุกับผู้รักษาศีลครับ

 

มีศีลก็ต้องมีสติจะรักษาศีลก็ต้องรักษาสติไว้ให้ได้ครับ

 

เหมือนกันเลยค่ะ เราเองก็คิดว่าข้อนี้อ่ะ รักษายากสุดชอบพูดเล่นพูดหยอก สนุกสนาน พูดด่าเสียดสีก็มีบ้าง
(แอบนินทาเจ้านายกับเพื่อน เหอๆ)

ส่วนมุสาาาา บางที่สถาณการณ์มันจำเป็นอ่ะ เศร้า

ไม่รู้เหมือนกันคะ่ ว่าจะใช้อุบายอย่างไรให้ศีลขอนี้ดี

ใครมีคำแนะนำดีๆ ก็บอกกันบ้างเน้อ......



:z7:z7:z7

rabbit_scaryrabbit_scary
​

 

:z10:z10:z10


มีเกล็ดความรู้มาฝากคะ่ ดูจากกระทู้ข้างบนเลยนะ่คะ่ เพิ่มเติ่มให้อ่านกัน

 

ดูที่ปัจจุบันครับ
แล้วก็ก่อนนอนตั้งใจรักษาศีล ตื่นนอนก็ตั้งใจไว้ว่าวันนี้เราจะรักษาศีลให้ครบ
แต่ตอนนอนหลับศีลบริสุทธิ์แน่ครับ
ทำให้เป็นปกติ มีสติก็จะรักษาได้เองครับ นอกจากจะขาดเจตนาก็ไม่ครบองค์ดังที่ว่า
ถ้าคิดอะไรที่คิดว่าจะผิดศีลแล้วพยายามอย่าให้ล่วงออกทางกายกรรม วจีกรรม
ก็จะรักษาได้เองครับ ถ้าพลาดไปแล้วก็แล้วไปแก้ไขไม่ได้ ก็กลับมาดูที่ปัจจุบันว่าตอนนี้เราผิดศีลไหม สำหรับผมทำใจแบบนี้ครับ

 

ผมใช้การตั้ง "สัจจะอธิฐาน" ครับคือทุกเช้าหลังจากตื่นนอนผมจะสมาทานศีล 5 (ถ้าเป็นวันพระจะเป็นศีล 8 ครับ) เป็นการตั้งสัจจะกับตัวเองว่าในวันนี้เราจะรักษาศีลให้บริสุทธิ์ก่อนที่จะนั่งสมาธิในตอนเช้า

ส่วนในระหว่างวันผมก็จะใช้การบริกรรม "พุทโธ" ในช่วงที่ไม่ได้พูดคุยกับคนอื่นหรือต้องใช้ความคิดหนักๆ แต่ถ้าต้องพูดคุยกับคนอื่นหรือต้องใช้ความคิดหนักๆในการการทำงานผมก็จะใช้ "ปัญญาอมรมสมาธิ" ตีกรอบความคิดให้เข้ามาอยู่เฉพาะเรื่องที่ผมจะต้องพูดคุยหรือต้องใช้ความคิดไม่ให้ฟุ้งซ่านกระจัดกระจายครับ (วิธีการนี้ผมดัดแปลงมาจากคำสอนของหลวงพ่อสงบ มนัสสันโตเรื่อง "สมาธิอบรมปัญญา" กับ "ปัญญาอมรมสมาธิ" ครับ)

ทั้ง 2 วิธีที่ผมได้กล่าวนี้ช่วยให้ผมสามารถรักษาทั้งศีล 5 และศีล 8 ในระดับของปุถุชนได้ดีทีเดียวครับคือในส่วนของศีล 5 ผมสามารถรักษาให้บริสุทธิ์ได้อย่างไม่ลำบากนักถึง 4 ข้อยกเว้นศีลข้อ 4 นี่ยังไม่ค่อยบริสุทธิ์เท่าไหร่ครับเพราะมักจะเผลอหลุดไปกับการพูดคุยเล่นกับเพื่อนๆครับ ส่วนศีล 8 นี่ผมมักจะหลุดในข้อ 7 เพราะผมมักจะเผลอร้องเพลงบ่อยๆเวลาอารมณ์ดีครับ

ขอแสดงความนับถือครับ

IRONMAIDEN

 

เราว่าข้อมุสานี้รักษายากน่ะ ไม่ได้แปลว่าเรารักการโกหกหร็อกน่ะ
แต่การอยู่ในสังคมอะรไที่พูดตรงเกินไปก็ลำบาก ไม่อยากจะทำเลย
รู้สึกว่าเวลาพูดหลอกๆไปทีไรเราลำบากใจทุกที

 

ศีลแปดเรื่องการร้องเพลงเรามีบ้างนะ่

ตอนนั้นไปบวชถือศีลแปด รู้เลยว่า ไม่ไหว
หลังเที่ยงก็ห้ามกินอะไร น้ำก็กินได้แต่นำปาณะ
วันไหนไม่มีเจ้าภาพเลี้ยงก็กินน้ำเปล่า
เลยรู้เลยคะ่ ความหิวนี้มันทุกข์ จิตกระวนกระวาย ไม่สงบ
รู้เลยว่า กำลังใจเรายังไม่ดีพอจะถือศีล 8

 

เมื่อก่อนเคยถือศีล 8 เหมือนกัน แต่เนื่องจาก ทำไม่ไหว
เพราะต้องเรียน ด้วย ทำงานบ้าง ทำให้สุขภาพไม่ไหว(ป่วยง่าย)
หลายครั้งข้อระเบียบศีล8เยอะไปหมด แต่งหน้าก็ไม่ได้
หลาย ครั้งต้องไปงานเลี้ยงก็ต้องมีบ้างที่ต้องแต่งหน้า
เพื่อให้เกียรติ คนที่เชิญเราไปงานเสื่อผ้าก็ต้องเลือกให้เหมาะสม
ข่าวสารก็ต้องติดตามจากสื่อด้วยเช่่นโรคระบาด(Outbreak)เป็นข้อห้ามของศีล8ด้วยซิ
ก็เลยหันมานับถือศีลเพียงข้อเดียว ไม่หนักด้วยนะ