สตรีที่โลกลืม.....นางแก้ว

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย phoenix, 9 ตุลาคม 2004.

  1. Kamen rider

    Kamen rider เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    3,763
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,998
    มันก็เลย จำเป็น ต้องอนุโลม ปฏิบัติ ตัวตาม ระบบสมมุติ บนโลกนั้นๆ

    สัตว์เป็น เช่น ใด พระโพธิสัตว์ ก็เป็นเช่นนั้น ไม่ว่า ท่านจะเสวย ชาติ เป็น ราชา จักรพรรดิ์ เศรษฐี กุฎุมพี พราหมณ์ ก็เสวยชาติ นี่ครับ ก็ต้อง รับสมมุติ หน่อย มีคู่ พูดง่าย คือ ให้ เหมือน ชาวบ้าน ถ้าท่านทำตัว แตกต่างเกินไป คงจะสำเร็จ ใน โลก นี้ช้าครับ

    การมีคู่ ผมคิดว่า จำเป็นครับ ช่วยประคับ ประคองกัน

    สุขมากกกกก ทุกข์ก็มากกก คู่บารมี ไม่ใช่ อยู่ดีดี ก็เป็นเลย นะครับ ต้องอฐิษฐาน ตามกันมา แม้กระทั่ง ชีวิต ก็ให้ได้ เพื่อ เป็น ปัจจัย เพื่อพระโพธิยาน ให้พระโพธิสัตว์ แต่ละองค์

    ตัดมาที่พระชาติ ที่ พระพุทธองค์ เป็น พระเวสสันดร บริจาค ลูก เมีย บางท่านอาจมองว่าเป็นการกระทำ ที่ แสน จะเขลา สร้าง บาป สร้างกรรมให้ลูก

    ถ้าในมุมมองของ ทางธรรม ทางพุทธภูมิ เขาจะมองว่า ลูกเมีย ที่ต้องโดน พระเวสสันดร บริจาค ให้ ชาวบ้าน เพราะท่าน อธิษฐาน เป็นลูก เป็น เมีย ติดตามกันมา เป็นปัจจัย เพื่อ พระโพธิยาน

    ปัจจัยตรงใหนล่ะ แล้ว มันสุดยอด แห่งทานตรงใหน

    สิ่งที่ร้อยรัด ใจ เราได้อย่างเยี่ยม ยอด สลัดได้ยากที่สุดดดดดด มันก็คือ สายสัมพันธ์ แห่ง บุตร และ ภรรยา ถ้ายิ่ง บำเพ็นบารมี มาด้วยกัน ความรัก ความผูกพันธ์ ยิ่งลึกซึ้งขนาดใหน

    ถ้าสามารถ สลัด สิ่ง ที่ สลัดได้ ยาก ที่สุด นี่แหละ ยอดแห่งทาน

    ใครจะปราถนา เป็น คู่ บารมี ของเหล่า พุทธิภูมิ ทำใจได้เลยยยยยย
     
  2. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,695
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,020
    กระทู้ดีนะ
    จริงๆนะ ส่วนมากเราไม่ค่อยได้เห็นข้อมูลและให้คำสำคัญกับนางแก้วมากเลย
    นางแก้วเป็นสตรีที่น่าชื่นชมยกย่อง ที่ปราถนาทนทุกข์ยากกับพุทธภูมิมาเป็นหลายล้านชาติ เพื่อให้เกิดพระพุทธเจ้ามาโปรด มนุษย์และเทวดา พรหม
    นางแก้วมีความสำคัญกับพุทธภูมิมากนะ บารมีไม่ยิ่งหย่อน บำเพ็ญบารมีกับพุทธภูมิอย่างใกล้ชิด

    น่าจะมีใครจัดทำเว็ปนางแก้ว
    หรือใครก็ได้ไปหารวบรวมข้อมูลขึ้นมา จากที่ต่างๆหรือพระไตรปิฏกแล้วมาโพสเป็นกระทู้
    แล้วผมก้จะเอาขึ้นมาเป้นเนื้อหาหลักของเว็ป
     
  3. ploy

    ploy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2005
    โพสต์:
    137
    ค่าพลัง:
    +113
    ใช่ค่ะเห็นด้วยค่ะ
     
  4. Fame

    Fame เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    89
    ค่าพลัง:
    +266
    /|\ ..............
     
  5. เถรี

    เถรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    326
    ค่าพลัง:
    +6,511
    อยากรู้จัง ถ้าพวก Feminist เข้ามาอ่าน จะโพสต์ว่ากระไร
    (b-oneeye)
     
  6. ren

    ren เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2005
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +2,646
    โมทนาคะ กระทู้นี้ดีมาก

    ไม่ค่อยมีใครกล่าวถึง นางแก้ว คู่บารมีของพระโพธิ์สัตย์กันเท่าไร
    อ่านแล้วซึ้งอ่ะ ตำนานรักของพ่อกะแม่เราซึ้งมากๆ
     
  7. ง้วนดิน

    ง้วนดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    2,362
    ค่าพลัง:
    +11,047
    ปาล์มเอ๊ย....
    ทำเปนเล่น
    เด๋วป้าก้อสมัครหรอก
     
  8. Seel

    Seel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    260
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,604
    เหอๆ แล้วถ้าเกิดนางแก้ว กลายเป็นนายแก้วขึ้นมาล่ะ
     
  9. เถรี

    เถรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    326
    ค่าพลัง:
    +6,511
    มีบุรุษท่านใดสนใจจะสมัครเป็น"นายแก้ว" ของข้าพเจ้าบ้างไหม
    หุหุหุ
    (b-oneeye)
     
  10. rinnn

    rinnn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    7,666
    ค่าพลัง:
    +24,025
    เราก้อเป็นนางแก้วเหมือนกันนะ..แต่เป็นนางแก้วหน้าม้าอ่ะ..ฮ่าๆๆๆ
     
  11. animejanai

    animejanai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    510
    ค่าพลัง:
    +494
    อืม ทำไมอยู่ๆมีกระทู้เกี่ยวกับนางแก้วหว่า... ไม่เข้าใจเลยจริงๆ
    เอ๊ะ! ต้องการบอกอะไรหรือเปล่า?
     
  12. nakoruru

    nakoruru เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2005
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +1,120
    พระภัททากัจจานาเถรี เอตทัคคะในฝ่ายผู้ทรงอภิญญา พระภัททากัจจานาเถรี เป็นราชธิดาของพระเจ้าสุปปพุทธะ แห่งโกลิยวงศ์ ในพระนคร
    เทวทหะ เป็นพระกนิษฐภคินีของพระเทวทัต บรรดาพระประยูรญาติได้ขนานพระนามว่า
    “ภัททากัจจานา” หรือที่นิยมเรียกพระนามว่า “ยโสธราพิมพา”
    • พอประสูติโอรสพระสามีก็หนีบวช
      เมื่อพระนางเจริญวัยขึ้นจนมีพระชนมายุ ๑๖ พรรษา ได้รับอภิเษกเป็นอัครมเหสีของเจ้า
      ชายสิทธัตถะ บรมโพธิสัตว์ แห่งศากยวงศ์ ในพระนครกบิลพัสดุ์ และเมื่อพระชนมายุ ๒๙
      พรรษา ได้ประสูติพระโอรสพระนามว่า “พระราหุลกุมาร”
      ในวันที่พระราหุลกุมารประสูตินั้นเจ้าชายสิทธัตถะบรมโพธิสัตว์ได้เสด็จออกทรงผนวช
      และทรงบำเพ็ญเพียรอยู่ ๖ ปี ก็ได้บรรลุพระสัพพัญญุตญาณ ที่โคนต้นพระศรีมหาโพธิ์ จากนั้น
      พระพุทธองค์ ก็ทรงจาริกไปตามคามนิคมต่าง ๆ เพื่อเทศนาสั่งสอนเวไนยสัตว์ให้ได้บรรลุอมฤต
      ธรรม ตามสมควรแก่อำนาจวาสนาบารมีแล้วได้เสด็จสงเคราะห์พระประยูรญาติ ณ หบิลพัสดุ์บุรี
      ยังพระประยูรญาติศากยวงศ์ มีพระเจ้าสุทโธทนะพุทธบิดาเป็นประธาน ได้ดื่มน้ำอมฤตธรรม
      จนได้บรรลุอริยภูมิตั้งแต่พระโสดาบันจนถึงพระอรหันต์เป็นจำนวนมาก
      ในคราวที่พระบรมศาสดา เสด็จโปรดพระประยูรญาติครั้งนี้ พระราหุลกุมาร ก็ได้ติด
      ตามองค์พระบิดาบรรพชาเป็นสามเณร นอกจากนี้ศากยกุมารทั้งหลายจากสกุลอื่น ๆ ก็เสด็จออก
      บวชเป็นจำนวนมาก ครั้นกาลต่อมา พระเจ้าสุทโธทนะพุทธบิดาเข้าสู่พระปรินิพพานแล้ว จาก
      นั้น พระนางมหาปชาบดีโคตมี พร้อมด้วยขัติยนารีชาวศากยะ ๕๐๐ นาง ก็พากันเสด็จออก
      บรรพชาในสำนักพระศาสดากันทั้งสิ้น

    ทางด้านพระนครกบิลพัสดุ์ ก็ว่างเว้นกษัตริย์ที่จะปกครองดูแล หมู่อำมาตย์ราชปุโรหิต
    ทั้งหลายได้ประชุมปรึกษาเห็นพ้องต้องกันได้ทำพิธีราชาภิเษกอัญเชิญเจ้าชายมหานามศากยราช
    ผู้เป็นพระเชษฐโอรสของพระเจ้าอมิโตทนะ ขึ้นครอบครองราชย์สมบัติในกรุงกบิลพัสดุ์สืบต่อ
    ไป
    • ออกบวชตามพระสวามีและโอรส
      ฝ่ายพระนางยโสธราพิมพาราชเทวี พระชนนีของพระราหุลกุมาร ทรงว้าเหว่าโศกาดูร
      ด้วยพระดำริว่า “โลกสันนิวาสนี้ มิมีอะไรแน่นอน พระสวามีและลูกน้อยต่างก็ได้เสด็จออก
      บรรพชา อีกทั้งพระประยูรญาติทั้งชายหญิง ก็พากันออกบวชตามเสด็จ เมื่อเป็นเช่นนี้ จะมี
      ประโยชน์อะไรแก่เราในเพศฆราวาส เราควรสละสมบัติทั้งปวงแล้วออกบวชโดยเสด็จพระภัสดา
      ในบัดนี้ จะประเสริฐกว่า”
      พระนางจึงเสด็จเข้าไปกราบทูลลาพระเจ้ามหานามะ แล้วพร้อมด้วยพระนาง
      รูปนันทาชนบทกัลยาณีและสาวสนมกำนัล รวมประมาณ ๕๐๐ นาง เสด็จไปยังพระวิหารเชตวัน
      เมืองสาวัตถี ถวายอัญชลีแล้วกราบทูลขออุปสมบท สมเด็จพระบรมศาสดาประทานสงเคราะห์
      ด้วยครุธรรม ๘ ประการ
      พระนาง ครั้นบวชแล้วได้นามปรากฏว่า “ภัททากัจจานาเถรี” ได้เรียนพระกรรมฐาน
      ในสำนักพระบรมศาสดาแล้วเจริญวิปัสสนา ได้บรรลุพระอรหัตผล พร้อมด้วยปฏิสัมภิทาทั้ง
      ๔ ประการ
      เมื่อบรรลุเป็นพระอรหันต์แล้ว ปรากฏว่าพระเถรีเป็นผู้เชี่ยวชาญชำนาญในอภิญญาทั้ง
      หลาย นั่งขัดสมาธิครั้งเดียวสามารถระลึกชาติได้ถึงหนึ่งอสงไขยยิ่งด้วยแสนกัป
      เมื่อคุณความสามารถปรากฏเช่นนั้น พระบรมศาสดา ได้ทรงสถาปนาแต่งตั้งพระเถรีนี้
      ในตำแหน่งเอตทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุณีสาวิกาทั้งหลายในฝ่าย ผู้ทรงอภิญญา
    <! story ********************************><! bottom **************************>
     
  13. nakoruru

    nakoruru เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2005
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +1,120
    <CENTER>ยโสธราเถริยาปทานที่ ๘</CENTER><CENTER>ว่าด้วยบุพจริยาของพระยโสธราเถรี</CENTER> [๑๖๘] ดิฉันมีฤทธิ์มาก มีปัญญามาก มีภิกษุณี ๑,๑๐๐ องค์ เป็นบริวาร
    เข้าไปเฝ้าพระสัมพุทธเจ้า ถวายอภิวาทแล้วเห็นลายลักษณ์กงจักร
    ของพระศาสดา แล้วนั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนหนึ่ง ได้กราบทูลว่า
    หม่อมฉันมีอายุ ๗๘ ปี ล่วงเข้าปัจฉิมวัยแล้ว ถึงความเป็นผู้มีกาย
    เงื้อมลงแล้วขอกราบทูลลาพระมหามุนี หม่อมฉันมีวัยแก่ มีชีวิต
    น้อย จักละพระองค์ไป มีที่พึ่งของตนได้ทำแล้ว มีมรณะใกล้เข้ามา
    ในวัยหลัง ข้าแต่พระมหาวีรเจ้า หม่อมฉันจักถึงความดับในคืนวันนี้
    มิได้มีชาติ ชรา พยาธิและมรณะ จักไปสู่นิพพานที่ไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง
    เป็นบุรีอันไม่มีความแก่ ความตายและไม่มีภัย บริษัทเข้าเฝ้าพระองค์
    อยู่ รู้จักความผิด ขอประทานโทษ ณ ที่เฉพาะพระพักตร์พระองค์
    เมื่อหม่อมฉันท่องเที่ยวไปในสงสาร หากมีความพลั้งพลาดใน
    พระองค์ ขอพระองค์ทรงโปรดประทานโทษแก่หม่อมฉันเถิด.
    พระมีผู้พระภาคตรัสว่า
    ดูกรท่านผู้ปฏิบัติตามคำสอนของเรา ท่านจงแสดงฤทธิ์ และตัดความ
    สงสัยของบริษัททั้งปวงในศาสนาเถิด.
    พระยโสธราเถรีกราบทูลว่า
    ข้าแต่พระมหาวีรเจ้า หม่อมฉันชื่อยโสธราเป็นปชาบดีของพระองค์
    เมื่อยังทรงครองอาคารวิสัย เกิดในศากยสกุลตั้งอยู่ในองค์สมบัติ
    ของหญิง ประเสริฐกว่าหญิง ๑๖๙,๐๐๐ นาง ข้าแต่พระมหาวีรเจ้า
    หม่อมฉันเมื่ออยู่ในพระราชวังของพระองค์ เป็นประธานเป็นใหญ่
    กว่าหญิงทั้งปวง สมบูรณ์ด้วยรูปสมบัติ และอาจารสมบัติ
    ดำรงอยู่ในความเจริญทุกสมัย นารีทั้งมวลย่อมเคารพหม่อมฉัน
    เหมือนพวกมนุษย์เคารพเทวดา ฉะนั้น หม่อมฉันเป็นประมุข
    แห่งนางกัญญาหนึ่งพัน ในราชพระนิเวศน์ของพระศากยบุตร นาง
    กัญญาเหล่านั้นร่วมสุขร่วมทุกข์กัน ปานประหนึ่งว่าพวกเทวดาใน
    นันทวัน ฉะนั้น หม่อมฉันเป็นบัณฑิต ล่วงกามธาตุด้วยรูปธาตุ
    มิได้มีใครๆ มีรูปเหมือนรูปของหม่อมฉัน เว้นแต่พระองค์ผู้เป็น
    นายกของโลก หม่อมฉันขอภิวาทพระสัมพุทธเจ้าแล้ว จักแสดง
    ฤทธิ์ถวาย พระยโสธราเถรี แสดงฤทธิ์ชนิดต่างๆ มากมาย
    แสดงกายเท่าภูเขาจักรวาล แสดงศีรษะเท่าอุตรกุรุทวีป แสดงแขน
    สองข้างเท่าทวีปทั้งสอง แสดงสรีระเป็นต้นหว้าประจำทวีปมีกิ่ง
    ด้านใต้มีลูกเป็นพวง กิ่งต่างๆ ก็มีลูกดก แสดงดวงจันทร์ และ
    ดวงอาทิตย์เป็นนัยน์ตา แสดงเขาสุเมรุเป็นกระหม่อมแสดงเขา
    จักรวาลเป็นหน้า เอาต้นหว้าพร้อมทั้งรากทำเป็นพัดเดินเข้าไป
    เฝ้าถวายบังคมพระศาสดาผู้เป็นนายกของโลกแสดงเพศช้าง เพศม้า
    ภูเขา และทะเล ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ เขาสุเมรุ และเพศท้าว
    สักกเทวราช กราบทูลว่า ข้าแต่พระมหาวีรเจ้าผู้มีพระจักษุ หม่อมฉัน
    ผู้ชื่อว่ายโสธรา ขอถวายบังคมพระยุคลบาท พระเถรีเอาดอกไม้
    ปิดพันโลกธาตุไว้ และนิรมิตเป็นเพศพรหมแสดงสุญญตธรรมอยู่
    กราบทูลว่า ข้าแต่พระวีรเจ้าผู้มีพระจักษุ หม่อมฉันผู้ชื่อว่ายโสธรา
    ขอถวายบังคมพระยุคลบาท หม่อมฉันเป็นผู้มีความชำนาญในฤทธิ์
    มีความชำนาญในทิพโสตธาตุ มีความชำนาญในเจโตปริยญาณ ย่อม
    รู้ปุพเพนิวาสญาณ และทิพจักษุอันหมดจดวิเศษ มีอาสวะทั้งปวง
    หมดสิ้นแล้ว บัดนี้ ภพใหม่ไม่มีอีก ข้าแต่พระมหาวีรเจ้า หม่อมฉัน
    มีญาณในอรรถะ ธรรมะ นิรุตติ และปฏิภาณเกิดขึ้นในสำนักของ
    พระองค์ ความพร้อมเพรียงแห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ผู้เป็นนาถะ
    ของโลก พระองค์ทรงแสดงดีแล้ว ข้าแต่พระมหามุนี อธิการเป็น
    อันมากของหม่อมฉันย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์แก่พระองค์ ข้าแต่
    พระมุนีมหาวีรเจ้า ขอพระองค์พึงทรงระลึกถึงกุศลกรรมเก่าของ
    หม่อมฉันเถิดข้าแต่พระมหาวีรเจ้า หม่อมฉันสั่งสมบุญไว้เพื่อ
    ประโยชน์แก่พระองค์ ข้าแต่พระมหาวีรเจ้า หม่อมฉันงดเว้น
    อนาจารในสถานที่ไม่ควร แม้ชีวิตก็ยอมสละเพื่อประโยชน์แก่
    พระองค์ได้ ข้าแต่พระมหามุนี พระองค์ประทานหม่อมฉันเพื่อให้
    เป็นภรรยาผู้อื่นหลายพันโกฏิกัป ก็เพื่อประโยชน์แก่พระองค์ หม่อม
    ฉันมิได้เสียใจในเรื่องนั้นเลย ข้าแต่พระมหามุนี พระองค์ประทาน
    หม่อมฉันเพื่ออุปการะหลายพันโกฏิกัป เพื่อประโยชน์แก่พระองค์
    หม่อมฉันมิได้เสียใจในเรื่องนั้นเลย ข้าแต่พระมหามุนี พระองค์
    ประทานหม่อมฉันเพื่อประโยชน์เป็นอาหารหลายพันโกฏิกัป หม่อม-
    ฉันมิได้เสียใจในเรื่องนั้นเลย หม่อมฉันบริจาคชีวิตหลายพันโกฏิกัป
    ประชุมชนจักทำการพ้นจากภัย ก็ยอมสละชีวิตของหม่อมฉันให้
    ข้าแต่พระมหามุนี หม่อมฉันย่อมไม่เคยหวงเครื่องประดับและผ้า
    นานาชนิดซึ่งอยู่ที่ตัว และภัณฑะคือตัวหญิง เพื่อประโยชน์แก่
    พระองค์ ข้าแต่พระมหามุนิมหาวีรเจ้า ทรัพย์ ข้าวเปลือกปัจจัย
    เครื่องบริจาค บ้าน นิคม ไร่นา บุตร ธิดา ช้าง ม้า โค ทาสี
    ภรรยา มากมายนับไม่ถ้วน พระองค์ทรงบริจาคแล้วเพื่อประโยชน์
    แก่พระองค์ (พระองค์ตรัสบอกหม่อมฉันว่า) เราย่อมให้ทานกะพวก
    ยาจก เมื่อเราให้ทานอันอุดม เราย่อมไม่เห็นหม่อมฉันเสียใจ ข้าแต่
    พระมหามุนี หม่อมฉันยอมรับทุกข์มากมายหลายอย่างจนนับไม่ถ้วน
    ในสงสารเป็นอเนกเพื่อประโยชน์แก่พระองค์ ข้าแต่พระมหามุนี
    หม่อมฉันได้รับสุขย่อมอนุโมทนา และในคราวที่ได้รับทุกข์ก็ไม่
    เสียใจ เป็นผู้ยินดีแล้วในที่ทุกแห่งเพื่อประโยชน์แก่พระองค์ ข้าแต่
    พระมหามุนี พระสัมพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมโดยมรรคาอันสมควร
    เสวยสุขและทุกข์แล้ว ได้บรรลุซึ่งพระโพธิญาณ หม่อมฉันได้ร่วม
    มาเป็นอันมาก กับพระสัมพุทธเจ้าพระนามว่าโคดมผู้เป็นนายกของ
    โลก เป็นเทพผู้ประเสริฐ พระองค์ก็ได้ร่วมมาเป็นอันมาก กับพระ
    สัมพุทธเจ้าพระองค์อื่นๆ ผู้เป็นนาถะของโลก ข้าแต่พระมหามุนี
    อธิการของหม่อมฉันมีมากเพื่อประโยชน์แก่พระองค์ หม่อมฉันเมื่อ
    แสวงหาพุทธธรรมอยู่ก็ได้เป็นบริจาริกาผู้รับใช้ของพระองค์ ในสี่
    อสงไขยแสนกัป พระมหาวีรเจ้าพระนามว่าทีปังกร ผู้เป็นนายก
    ของโลก เสด็จอุบัติขึ้นแล้ว ประชาชนในปัจจันตประเทศ มีจิตใจ
    ยินดีนิมนต์พระตถาคตเจ้าแล้ว ช่วยกันแผ้วถางหนทางสำหรับเป็น
    ที่เสด็จพระพุทธดำเนิน ณ กาลครั้งนั้น พระองค์เป็นพราหมณ์
    นามว่าสุเมธ ตกแต่งหนทางยาว เพื่อพระสุคตเจ้าผู้ทรงเห็นธรรม
    ทั้งปวง หม่อมฉันมีสมภพในสกุลพราหมณ์ เป็นหญิงสาวมีนามว่า
    สุมิตตาเข้าไปสู่สมาคม ถือดอกบัวไป ๘ กำ เพื่อบูชาพระศาสดา
    แต่ได้ถวายพระองค์ผู้เป็นฤาษีอุดม ในท่ามกลางประชุมชน ครั้งนั้น
    หม่อมฉันได้เห็นพระองค์ประกอบสุภกิจอยู่นาน มีความกรุณา เมื่อ
    ฤาษีนั้นเดินเลยไปแล้วยังดึงใจหม่อมฉันให้นิยม จึงได้สำคัญว่า
    ชีวิตของเรามีผล ครั้งนั้น หม่อมฉันเห็นความพยายามของพระองค์
    นั้นมีผลจึงได้ถวายดอกบัวแก่พระองค์ผู้เป็นฤาษี ด้วยบุญที่ทำมาก่อน
    แม้จิตของหม่อมฉันก็เลื่อมใสในพระสัมพุทธเจ้า หม่อมฉันยิ่งมีจิต
    เลื่อมใสในพระองค์ผู้เป็นฤาษีมีมนัสสูง มิได้เห็นสิ่งอื่นที่ควรถวาย
    จึงได้ถวายดอกบัวแก่พระองค์ผู้เป็นฤาษีพร้อมด้วยกล่าวว่า ข้าแต่
    พระฤาษี ดอกบัว ๕ กำ จงมีแก่ท่าน ดอกบัว ๓ กำ จงมีแก่ดิฉัน
    ข้าแต่ท่านพระฤาษีดอกบัวเหล่านั้นจงมีเสมอกับด้วยท่านนั้น เพื่อ
    ประโยชน์แก่โพธิญาณของท่าน

    <CENTER>จบภาณวารที่ ๔.</CENTER> สุเมธฤาษีรับดอกบัว แล้วบูชาพระพุทธทีปังกร ผู้แสวงหาคุณธรรม
    ใหญ่ มีบริวาร ยศมาก เสด็จดำเนินมาในท่ามกลางประชุมชน เพื่อ
    ประโยชน์แก่โพธิญาณ พระมหามุนีมหาวีรเจ้าทีปังกร ทอดพระเนตร
    เห็นสุเมธฤาษีผู้มีมนัสสูงแล้ว ทรงพยากรณ์ในท่ามกลางประชุมชน
    ข้าแต่พระมหามุนีในกัปอันประมาณมิได้แต่กัปนี้ พระมหามุนี
    ทีปังกรทรงพยากรณ์กรรมของหม่อมฉันอันเป็นกรรมตรงว่า ดูกรฤาษี
    ผู้ใหญ่ อุบาสิกาผู้นี้ จักเป็นผู้มีจิตเสมอกัน มีกุศลกรรมเสมอกัน
    ทำกุศลร่วมกัน เป็นที่รักของบุญกรรม เพื่อประโยชน์แก่ท่าน น่าดู
    น่าชม น่ารักยิ่ง น่าชอบใจ มีวาจาอ่อนหวาน จักเป็นธรรมทายาท
    ผู้มีฤทธิ์ของท่าน อุบาสิกานี้ จักรักษากุศลธรรมทั้งหลายเหมือนพวก
    เจ้าของทรัพย์ รักษาทรัพย์ที่เก็บไว้เองในคลัง ฉะนั้น ประชาชนจะ
    อนุเคราะห์ อุบาสิกาผู้ที่เป็นที่รักของท่านนั้น อุบาสิกานี้จักมีบารมี
    เต็ม จักละกิเลสได้ดังราชสีห์ละกรง แล้วจักบรรลุโพธิญาณ
    ในกัปอันประมาณมิได้แต่กัปนี้ พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์หม่อมฉัน
    ด้วยพระวาจาใด หม่อมฉันเมื่ออนุโมทนาพระวาจานั้น เป็นผู้ทำ
    กรณียกิจอย่างนี้ หม่อมฉันยังจิตให้เลื่อมใสในกุศลกรรมที่ได้ทำไว้
    แล้วนั้น ได้เสวยผลในกำเนิดเทวดาและมนุษย์มากมาย ได้เสวย-
    สุขและทุกข์ในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ในภพนี้ซึ่งเป็นภพหลัง
    หม่อมฉันเกิดในศากยสกุล มีรูปสมบัติ มีโภคสมบัติ มียศ มีศีล
    สมบูรณ์ด้วยองคสมบัติทั้งปวง ได้รับสักการะอย่างยิ่งในสกุล
    ทั้งหลาย มีลาภ สรรเสริญและสักการะ พรั่งพร้อมไปด้วยโลกธรรม
    มีจิตไม่ประกอบด้วยทุกข์ ไม่มีภัยแต่ที่ไหนๆ สมจริงตามพระดำรัส
    ที่พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ในกาลนั้นยโสธรานารีผู้มีเพียร แสดง
    อุปการะทั้งภายในพระราชฐานและแก่พวกเจ้าในพระนคร มีอุปการะ
    ทั้งในยามสุขและยามทุกข์ เป็นผู้บอกประโยชน์ให้และทำความ
    อนุเคราะห์ หม่อมฉันยังมหาทานให้เป็นไปแล้วแก่พระพุทธเจ้า ห้า-
    ร้อยโกฏิและพระพุทธเจ้าเก้าร้อยโกฏิ ข้าแต่พระมหาราช ขอพระองค์
    ทรงสดับอธิการเป็นอันมากของหม่อมฉัน หม่อมฉันยังมหาทานให้
    เป็นไป แก่พระพุทธเจ้าร้อยสิบเอ็ดโกฏิ ซึ่งเป็นนายกผู้เลิศของโลก
    ข้าแต่พระมหาราช ... หม่อมฉันยังมหาทานให้เป็นไปแก่พระพุทธเจ้า
    ร้อยยี่สิบโกฏิ และแก่พระพุทธเจ้าร้อยสามสิบโกฏิ ... หม่อมฉันยัง
    มหาทานให้เป็นไปแก่พระพุทธเจ้าร้อยสี่สิบโกฏิและแก่พระพุทธเจ้า
    ร้อยห้าสิบโกฏิ ... หม่อมฉันยังมหาทานให้เป็นไป แก่พระพุทธเจ้า
    ร้อยหกสิบโกฏิ และแก่พระพุทธเจ้าร้อยเจ็ดสิบโกฏิ ... หม่อมฉันยัง
    มหาทานให้เป็นไปแก่พระพุทธเจ้าร้อยแปดสิบโกฏิ และแก่พระ-
    พุทธเจ้าร้อยเก้าสิบโกฏิ ... หม่อมฉันยังมหาทานให้เป็นไปแก่พระ-
    พุทธเจ้าแสนโกฏิ ซึ่งเป็นนายกผู้ประเสริฐของโลก ... หม่อมฉันยัง
    มหาทานให้เป็นไปแก่พระพุทธเจ้าเก้าพันโกฏิ และแก่พระพุทธเจ้า
    อื่นอีกซึ่งเป็นนายกของโลก ... หม่อมฉันยังมหาทานให้เป็นไปแก่
    พระพุทธเจ้าแสนโกฏิ และแก่พระพุทธเจ้าแปดสิบห้าโกฏิแก่
    พระพุทธเจ้าร้อยแปดสิบห้าโกฏิ แก่พระพุทธเจ้ายี่สิบเจ็ดโกฏิ ...
    หม่อมฉันยังมหาทานให้เป็นไป แก่พระปัจเจกพุทธเจ้าผู้ปราศจาก
    ราคะ มีแปดโกฏิเป็นที่สุด ข้าแต่พระมหาราช ... หม่อมฉันยัง
    มหาทานให้เป็นไปแก่พระขีณาสพผู้ปราศจากมลทิน เป็นพระพุทธ-
    สาวกมาก นับไม่ถ้วน ข้าแต่พระมหาราช ขอพระองค์จงทรงฟัง
    อธิการเป็นอันมากของหม่อมฉัน แต่หม่อมฉัน หม่อมฉันยัง
    มหาทานให้เป็นไปแล้วแก่พระพุทธเจ้าผู้ทรงประพฤติธรรมทั้งหลาย
    และพระอริยสงฆ์ผู้ประพฤติในสัทธรรม ในกาลทั้งปวง ด้วย
    ประการอย่างนี้ บุคคลผู้ประพฤติธรรม ย่อมอยู่เป็นสุขทั้งในโลกนี้
    และโลกหน้า ควรประพฤติธรรมให้เป็นสุจริต ไม่ควรประพฤติ-
    ธรรมให้เป็นทุจริต เพราะบุคคลผู้ประพฤติธรรมย่อมอยู่เป็นสุขทั้งใน
    โลกนี้และโลกหน้า หม่อมฉันเบื่อหน่ายในสงสาร จึงออกบวช
    พร้อมด้วยบริวารชนพันหนึ่ง ครั้นบวชแล้วก็หมดกังวล ละอาคาร
    สถานแล้วออกบวช ยังไม่ทันถึงครึ่งเดือนก็ได้บรรลุจตุราริยสัจ
    คนเป็นอันมากนำจีวรบิณฑบาต เสนาสนะ และเภสัชปัจจัยเข้ามา
    ถวาย เหมือนลูกคลื่นในทะเล ดิฉันเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ... พระ-
    พุทธศาสนาดิฉันได้ทำเสร็จแล้ว หม่อมฉันได้รับทุกขวิบัติมากอย่าง
    และสุขสมบัติมากอย่างเช่นนี้ ถึงพร้อมแล้วซึ่งความเป็นผู้บริสุทธิ์
    สมบูรณ์ด้วยคุณทั้งปวง บุคคลผู้ถวายตนของตนแก่พระพุทธเจ้าผู้
    แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ เพื่อประโยชน์แก่บุญ ก็ย่อมพรั่งพร้อมไป
    ด้วยสหาย ลุถึงนิพพานบทอันเป็นอสังขตะ กรรมทั้งปวงส่วนอดีต
    ปัจจุบันและอนาคต ของหม่อมฉันหมดสิ้นไปแล้ว ข้าแต่พระองค์
    ผู้มีพระจักษุ หม่อมฉันขอถวายบังคมพระยุคลบาท.
     
  14. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    ไม่เคยลืมเลย .....มีความเคารพท่านมากๆ ทุกวันนี้ที่ได้"คู่"ดี(ตรงสแปกทุกๆอย่าง)ก็เพราะ ได้สร้าง "หัวใจจำลอง2ดวงปัณจุพระบรมธาตุและพระธาตุขององค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาและสมเด็จแม่พระยโสธราพิมพามหาเถรี" โดยมีพระคุณเจ้าท่านหนึงได้ปั้นให้ แล้วได้ไปปัณจุในพระมหาเจดีย์ที่วัด"อโศการาม" ทางด้านทิศตะวันออก ไม่นานหลังจากปัณจุดวงพระหทัยจำลองก็ได้สมหวัง....และอีกไม่นานนี้จะสร้างแม่พระยโสธาราเพราะขออะไรก็ได้สมความปราดถนา และมีความเคารพท่านมากๆ(ท่านใจดีสุดๆ...ขออะไรก็ได้)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กันยายน 2006
  15. suchat

    suchat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    204
    ค่าพลัง:
    +1,239
    โมทนา กับคุณ toe ครับ เผื่อผลบุญโมทนากับการทำกุศลของ toe จะส่งผลให้ผมได้พบนางแก้วกะคนอื่นบ้าง ครับ .......โมทนาสาธุครับ(verygood)
     
  16. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    สาธุๆๆ ถ้าจะขออะไรสมเด็จแม่พระให้เอาน้ำ"มะม่วง"ไปถวายท่าน จะสมหวังทุกๆอย่าง สมเด็จแม่พระทรงใจดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆ
     
  17. PCO

    PCO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    377
    ค่าพลัง:
    +3,626
    อ้างอิง
    toe
    ไม่เคยลืมเลย .....มีความเคารพท่านมากๆ ทุกวันนี้ที่ได้"คู่"ดี(ตรงสแปกทุกๆอย่าง)
    ก็เพราะ ได้สร้าง "หัวใจจำลอง2ดวงปัณจุพระบรมธาตุและพระธาตุขององค์สมเด็จ
    พระจอมไตรบรมศาสดาและสมเด็จแม่พระยโสธราพิมพามหาเถรี" โดยมีพระคุณเจ้า
    ท่านหนึงได้ปั้นให้ แล้วได้ไปปัณจุในพระมหาเจดีย์ที่วัด"อโศการาม" ทางด้านทิศ
    ตะวันออก ไม่นานหลังจากปัณจุดวงพระหทัยจำลองก็ได้สมหวัง....และอีกไม่นาน
    นี้จะสร้างแม่พระยโสธาราเพราะขออะไรก็ได้สมความปราดถนา และมีความเคารพ
    ท่านมากๆ(ท่านใจดีสุดๆ...ขออะไรก็ได้)
    ใช่อย่างที่คุณโตพูด สำหรับผมก็ระลึกนึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของท่าน
    พระเจ้าแม่นางแก้วคู่พระบารมีทุกๆพระองค์ไม่มีวันลืม โดยฉะเพาะอย่างยิ่งพระเจ้าแม่
    พรรณวดีศรีโสภาค ก็ถึงขนาดอธิฐานขอให้คู่บารมีนางแก้วของผมนั้นจงประดุษถอด
    แบบทุกอย่างมาจากพระเจ้าแม่กันเลย
    เรื่องคู่ครองของผมในชาตินี้ก็เรียกว่าลองผิดลองถูกหมดไปหลายคน เฉพาะ
    คนที่คิดว่าจะเป็นเมียหลวงก็เกือบสิบคน ส่วนเมียราษฎร์ก็เกินสิบ เพราะผมก็มีเมตตา
    ปราณีแบบหลวงพ่อนี่ คือมันอย่างนี้ความที่ผมมันเป็นหัวหน้าคนแทบจะตลอดชีวิต
    เป็นมันตั้งแต่จำความได้เข้าโรงเรียนก็เป็นหัวหน้าชั้นตลอด แล้วก็ดันเรียนดีความจำดี
    สอบมันได้ที่หนึ่งทุกทีไป เสียดายที่มีโอกาสเรียนหนังสือน้อยไปหน่อย
    คนที่เป็นหัวหน้าคนอย่างผมนี่มัน
    ก็คงจะมีลักษณะ หน้าแด่น หางดอก หลังอาน ขาสิงห์ อะไรทำนองนั้น ในสมัยวัยรุ่น
    จึงบางทีไปถูกชะตาน้องหญิงที่อังเอิญเคราะร้ายมาชอบผมเข้า สมัยตั้งแต่เด็กผมนั้น
    ชอบคาถาอาคมแทบจะทุกอย่างไม่เว้นแม้เรื่องที่ทำให้ผู้หญิงชอบ ทีนี้ที่ผมอยู่เป็น
    หมู่บ้านชนบทตำบลที่อยู่นั้นในตัวของตำบลในสมัยนั้น เต็มไปด้วยที่เรียกกันว่าเสือ
    ปล้นแทบจะทุกหลังคาเรือนทุกคนไม่ว่าหญิงหรือชายเขาจะรู้ลีลาของคนที่สู้คน คนที่
    ที่เป็นเสือปล้น คนที่เป็นนักเลงกันอย่างดี การเป็นเสือกันนั้นไม่ใช่ปล้นเพราะฐานะยาก
    จนส่วนมากนั้นฐานะดี ที่บางทีปล้นก็เลือกฉะเพาะคนที่มีความรวยแบบไม่สะอาดเท่า
    นั้น และอีกอย่างถ้าไม่สู้คนก็จะถูกคนอื่นข่มเหงรังแก บ้านถูกปล้นถูกขโมย ทรัพย์สิน
    อื่นๆ เช่น เลือกสวน ไร่ นา ถูกบุกรุกเขตแดน หรือแม้กระทั่งโกงกันซึ่งหน้า ยิ่งผู้หญิง
    สาวนี่จะถูกฉุดไปทำเมียนี่บ่อยมาก ใครที่มีลูกสาวนี่พ่อแม่จะระวังมาก เพราะการฉุด
    นี่มีทั้งพาพวกมาฉุดเอาที่บ้าน ที่วัดขณะไปทำบุญในเทศกาลต่างๆ เพราะฉะนั้นส่วน
    มากจึงเป็นคนที่สู้คนทั้งชายหญิงแทบจะทุกคนจะมีอาวุธประจำกาย ผู้ชายจะมีมีด
    ปลายแหลมยาวประมาณสองคืบหรือยี่สิบนิ้วมีปลอกไปใหนก็เหน็บหลังไปหรือเหน็บ
    พุงไป ผู้หญิงก็จะพกปืนสั้นเป็นส่วนมากเพราะพกง่ายตำรวจไม่ค่อยตรวจค้นสมัยก่อน
    ตำรวจหญิงหาทำยายาก การปล้นผมสังเกตุดูคล้ายกับการไปแสดงแสนยานุภาพซะ
    มากกว่าเพราะในสมัยเด็กผมเห็นหลายครั้งที่เห็นผู้ใหญ่ได้ของมาส่วนมากมีสองอย่าง
    คือควายฝูง กับทรัพย์สิน ก็เอาควายมาผูกไว้แล้วก็ส่งข่าวให้เจ้าของมาเอา โดยรู้ใน
    ตอนหลังว่าก็ไม่ได้เอาค่าไถ่แต่อย่างใด ทรัพย์สินก็เหมือนกันมาฝังไว้แล้วก็บอกตำ
    แหน่ง เจ้าของก็มาขุดเอาไปเจ้าทรัพย์นี่ต่างตำบลต่างอำเภอกันเลยใกลๆทั้งนั้นเคย
    ถามผู้ใหญ่เขาก็บอกว่า ส่วนใหญ่ที่ปล้นมานั้นจะเป็นทรัพย์สินพวกที่เป็นเสือปล้น
    หรือพวกที่เป็นอันธพาลข่มเหงรังแกคน ที่ทำนั้นเขาก็บอกว่าถ้าเราไม่ทำเราก็จะอยู่
    ไม่เป็นสุขจะถูกเขาปล้นชิงการที่ตำบลเรามีเสืออะไรต่ออะไรมากนี่เพราะเราต้องคุ้ม
    ครองเขตของเราไม่ต้องการให้ใครมารังแกเรา ท่านนั้นท่านก็บอกว่าเราก็ไม่รังแกใคร
    แต่คนในเขตนี้ควรจะเป็นลูกผู้ชายที่สู้คนที่เป็นนักเลง คำว่านักเลงก็หมายความว่า
    รักในความยุติธรรม รู้แพ้รู้ชนะ รู้จักเด็ก รู้จักผู้ใหญ่ รู้จักพ่อ แม่ ครูบาอาจารย์ วงค์
    คนาญาติ พรรคพวกเพื่อนฝูง สุภาพอ่อนน้อมอ่อนโยน ไม่นิ่งดูดาย ช่วยเหลือสาธา
    รณะ และผู้อื่นเท่าที่จะทำได้ มีคุณธรรม หิริโอตัปปะ ท่านพูดมากกว่านี้เล่าใพ้ฟัง
    เท่านี้พอ พอให้รู้ที่มาที่ไปของผม ที่เล่าข้างบนนี้เป็นรุ่นปู่รุ่นพ่อ
    ที่นี้พอถึงสมัยผมเป็นวัยรุ่นบ้างจากสันดารเดิมบวกสภาพแวดล้อมแบบที่เล่ามา
    ผมก็คะนองไปตามประสาผม เรื่องความเป็นนักเลงนั้นไม่ต้องเล่าเพราะโดยพื้นฐาน
    ของผมนั้นปรารถนาพระโพธิณาณวิริยาธิกะพิเศษอยู่แล้ว แล้วหลวงพ่อก็เคยบอกว่า
    ลูกของท่านมาจากใหนนี่สังเกตุง่าย ถ้ามาจากเทวดา หรือนางฟ้านี่จะเรียบร้อยนิ่ม
    นวลทั้งหญิงชาย แต่ถ้ามาจากพรหมนี่จะแกร่งๆหน่อยจะแข็งๆไม่ค่อยจะยอมใครโดย
    ฉะเพาะเรื่องความยุติธรรม จะสู้หัวชนฝา ส่วนเรื่องน้องหญิงของผมนั้นขออนุญาติ
    เล่าบันทึกไว้เป็นการขอขมาเขาเหล่านั้นที่เคยได้ล่วงเกิน เพราะความที่มีเมตตาของ
    ผมนี่แหละ และน้องหญิงในย่านนั้นและใกล้เคียงสมัยนั้นนิยมคนสู้คนเขาคงคิดว่าให้
    ความคุ้มครองเขาได้ ผมเองก็มีเพื่อนมากทั้งรุ่นเดียวกัน ทั้งรุ่นพี่ รุ่นน้องและแทบจะ
    ทุกที่ผมมักจะเป็นหัวหน้าฝูงอยู่เสมอ ก็มีหลายอย่างที่เพื่อนๆชอบ รุ่นพี่ชอบ แม้กระ
    ทั่งบรรดาผู้ใหญ่ก็ชอบ ในเมื่อบรรดาผู้ใหญ่ชอบได้ลูกสาวของบรรดาผู้ใหญ่ก็ชอบได้
    น้องสาวของเพื่อนก็ชอบได้ พี่สาวของเพื่อนก็ชอบได้ เมื่อสาวๆชอบได้ผมก็ชอบได้
    มันก็เลยต้องไปในที่ต่างคนต่างชอบก็เจอกัน ก็มีที่ผู้หญิงบางคนเขาไม่ถูกชะตา เขา
    ไม่ชอบหน้าเคยถามเขาว่าทำไม เขาก็บอกไม่รู้ รู้แต่ว่าพอเห็นหน้าแล้วมันวูปขึ้นมา
    คล้ายน้อยใจเลยพาลไม่ชอบหน้าแถมหมั่นใส้เป็นงั้นก็มี โถไอ้เรารึก็แสนจะเรียบร้อย
    ยังจะหมั่นใส้เราซะอีก
    ในตอนนั้นเรื่องคาถาอาคมนี่ชอบมากและผู้ใหญ่ส่วนมากนี่ก็มีประจำใจกันเป็นปกติ
    ส่วนผมก็จดจำเรื่องคาถาอาคมมันสารพัดได้เรื่องไม่ได้เรื่องบ้างตามเรื่องตามราว
    คาถาที่ชอบเกี่ยวกับเรื่องผู้หญิงนี่มีหลายบท ที่ใช้บ่อยคือเรียกให้มาหาก็ได้ สกดให้
    หลับก็ได้ ก็เรียกออกมาหากันเลย เขาอยู่ในห้องเราอยู่นอกห้องหรือแม้เข้าบ้านเขา
    ไม่ได้นั่งรอหน้าบ้านได้เลยเดี๋ยวเดินออกมาหา และอีกอย่างคือสกดให้หลับ
    แล้วไปอุ้มออกมาเลยเอาขนาดที่นอนอยู่กับพ่อกับแม่นี่แหละ อันนี้อุ้มมานอนให้ตาก
    น้ำค้างเล่นซะบ้าง เอามานอนในสวนให้ตกใจเล่นบ้าง เพราะในสมัยนั้นตำบลผมไม่มี
    ไฟฟ้าใช้ ในหมู่บ้านก็เป็นสวนผลไม้มืดครึ้มขนาดกลางวันนี่ยังวังเวงน่ากลัวยิ่งกลาง
    คืนนี่มืดมากขนาดมองไม่เห็นมือตัวเองแม้จะเอามาใกล้ๆหน้า คนที่กลัวผีนี่ไม่กล้า
    ลงจากบ้านคนเดียว แต่ในกรณีใช้คาถาอาคมนี่จะไม่ทำอะไรไม่ได้ล่วงเกินอะไร
    ไม่ใช่เป็นคนดีอะไรหรอก กลัวเสื่อมจากสิ่งต่างๆที่อาจารย์ให้มา กลัวเสื่อมจากคุณ
    ธรรมของนักเลง กลัวว่าจะไดัชื่อว่าหน้าตัวเมียที่ทำลักษณะเขาไม่มีทางสู้อย่างนี้
    กลัวว่าคาถาอาคมต่างๆจะเสื่อม แหมอาจารย์ก็เข้าใจหลอกเรา คิดแล้วเสียดาย
    อุ้มนี่เอาซะหลายคนจนตอนหลังเขาชักจะจับได้ว่าไอ้ที่ออกมานอนตากน้ำค้างตาก
    ยุงนั้นเธอไม่ได้นอนหลับละเมอเดินออกมาเอง แต่มันเป็นเพราะผมไปอุ้มเธอออกมา
    และก็ต้องเป็นเวรกรรมของผมที่ต้องนั่งเฝ้าโบกไล่ยุงจนกว่าเธอจะตื่นนี่มันทารุณ
    ยิ่งกว่าไอ้คนที่หลับซะอีก ก็โธ่เอ๋ยอุตส่าห์ไปขโมยคาบปลาย่างเนื้ออ่อนมาด้วยความ
    ยากลำบากแล้วก็มานั่งเฝ้าเฉยๆ เฮ้อ....เวรกรรม ไม่ใช่อะไรเพียงแค่อยากสั่งสอน
    พอเจอแบบนี้เข้าในตอนหลังสบายมาก ทุกคนแสดงออกนอกหน้าว่ายอมไม่มีใคร
    แสดงอาการรังเกียจอีก เห็นหน้ากันอีกนี่คนที่เจอแบบนี้จะแสดงอาการว่าอายจัด
    ก็สงสารเหมือนกันแต่ที่ทำก็เพียงจะสั่งสอนเท่านั้น
    (อ้อเรื่องคาถานี้ใครอย่าถามนะเพราะเมื่อผมพบหลวงพ่อพบตัวเองผมก็เลิกสนใจ
    เพราะมันก่อให้เกิดความทุกข์ใจมากแนะไว้อย่างหนึ่งคาถาทุกอย่างจะมีผลก็ต่อเมื่อ
    เราทรงสมาธิขึ้นไปจนได้ฌานระดับต่างๆเท่านั้น)
    ทีนี้มาเข้าเรื่องนางแก้วในปัจจุบัน เมื่อปี2536มีเหตุให้ต้องแยกทางกันกับเมีย
    หลวงคนหนึ่ง ก็คิดว่าเอเราจะอยู่เป็นฆราวาสผู้ครองเรือนหรือบวชแล้วเข้าป่าดีหว่า
    เพราะเป็นฆราวาสก็มีเหตุให้ไปบวช พอบวชอยู่พักก็มีเหตุให้สึกออกมา ก็เลยอธิฐาน
    ขอกับท่านย่าท่านแม่ว่าถ้าหากลูกนี้ยังมีวิสัยที่จะเป็นฆราวาสผู้ครองเรือนก็ขอให้ได้
    คนที่เคยป็นคู่ครองในอดีตที่ทำบุญร่วมกันมา หรือคนที่เป็นเชื้อสายของวัดท่าซุงคือ
    คนที่เลื่อมใสสัทธาในคำสั่งสอนของหลวงพ่อเท่านั้นนอกนั้นไม่เอามันเหนื่อยใจ
    พอคิดแบบนี้ก็จุดธูปเทียนบูชาพระทำสมาธิกรรมฐานเต็มอัตราที่ตัวเองทำได้
    พอคลายออกมาก็อธิฐานใหม่แล้วก็ทรงสมาธิเต็มที่โดยทิ้งอารมณ์ความอยากได้
    คือเรื่องขอเมียนี่เราเป็นคนขอกับท่านย่าท่านแม่ แต่การที่จะได้หรือไม่ได้นี่ถือว่า
    ท่านย่าท่านแม่ท่านหามาให้ไม่ใช่เรื่องของเราอารมณ์ใจก็สบายไม่มีความกังวลใดๆ
    การทรงอารมณ์ก็ง่าย
    หลังจากอธิฐานในวันแรกได้ไม่เกินหนึ่งอาทิตย์หลังจากนั้นก็อธิฐานทุกวันก็ได้
    เรื่องคือญาติที่มีศักดิ์เป็นพี่สาวของผมเกิดมีอาการเจ็บหลังขึ้นมา ก็มาชวนผมให้ไป
    เป็นเพื่อนไปหาพระที่ต่างอำเภอเพื่อขอน้ำมันจากพระมาทาที่หลังที่มีอาการเจ็บของ
    เธอทั้งๆที่ผมก็ให้น้ำมันชาตรีไปแต่เธอไม่ค่อยเลื่อมใสหลวงพ่อเธอก็เลยไม่ทาไม่ใช้
    ให้เกิดประโยชน์ ก็ตกลงไปก็นัดวันที่จะไปกัน พอถึงวันไปก็ปรากฎว่ามีคนเพิ่มไปอีก
    สองคนเป็นผู้หญิงทั้งคู่เอารถมอเตอร์ไซร์กันสองคัน ในรถคันของผมก็มีผู้หญิงไป
    หนึ่งคนในตอนนั้นไม่ได้คิดไม่ได้สะดุดใจอะไร เมื่อไปถึงวัดพี่สาวของผมกับผู้หญิง
    อีกคนก็เข้าไปหาพระกันส่วนผมกับผู้หญิงทีไปด้วยไม่เข้าไปก็เดินเล่นในวัดก็คุยกัน
    ธรรมดาจนไปถึงศาลาท่าน้ำวัดตั้งอยู่ติดแม่น้ำยม ขณะที่ผมยืนมองแม่น้ำคิดอะไร
    เรื่อยเฉื่อยอยู่นั้นผู้หญิงที่ไปกับผมและเดินคุยกันอยู่นี้เธอก็เดินมายืนใกล้ๆด้านข้าง
    ค่อนไปทางข้างหลังของผม เธอมาพูดขึ้นว่า ถ้าหากว่าเขาจดทะเบียนสมรสด้วยพ่อ
    จะกลับไปทำงานอีกหรือปล่าวล่ะ (เธอเรียกตัวเองว่าเขา และเรียกผมว่าพ่อ) ผมแทบ
    ไม่เชื่อหูตัวเองเพราะมันเหลือเชื่อสำหรับผมมาก ไม่คิดมาก่อนเลยที่ผมอธิฐานขอ
    กับท่านแม่นั้น ท่านแม่เมตตานำมาประทานให้ดีมากถึงปานนี้ สำหรับผมแล้วน้อง
    หญิงคนนี้มันเกินที่จะคิดด้วยซ้ำไป เธออายุห่างกับผมสิบห้าปี ตอนนั้นเธออายุยี่สิบ
    สามปีเป็นคนที่เป็นหน้าตาของหมู่บ้านในทุกด้าน เป็นตัวแทนแบบอย่างของหมู่บ้าน
    ในแทบจะทุกเรื่อง
    ก็เป็นอันว่าผมก็ตัดสินใจ ตอนนั้นรับปากว่าจะกลับไปทำงานอีกเธอก็บอกว่า
    จะไปด้วยเลย ก็มึนๆว่ามันจะเป็นไปได้ยังไงเพราะไม่เคยพูดคุยกับเธอในแบบชู้สาว
    มาก่อนเลย ผมก็ตกงานในปีนั้นถูกให้ออกจากงานที่ทำประจำสาเหตุก็จากที่ทำงาน
    หนักหมอนรองกระดูกสันหลังแตกเจ็บหลังมากทำงานไม่ได้หลายเดือนเขาจึงให้ออก
    จากงานมาอาศัยอยู่กับน้าชายคนเดียวของผม ก็รักษาตัวอยู่ประมาณสี่เดือน เงินก็
    เริ่มหมดผมมีเงินเหลืออยู่หกร้อยบาท ผมบอกว่าไม่มีเงินนะเธอบอกว่าเธอมีทองติด
    ตัวเป็นสร้อยคออยู่หนึ่งบาทเป็นสร้อยข้อมือสองสลึงแค่นี้พอ เมื่อกลับมาถึงบ้านก็
    คิดว่าเอเอาไงหว่า ก็ผ่านไปสองวัน วันที่สองก็ขี่มอเตอร์ไซร์ไปหาเธอที่บ้านปรากฏ
    ว่าเธอไม่อยู่ทางบ้านบอกว่าเธอไปหาพี่สาวที่เป็นช่างเสริมสวยในตลาดก็ตามไปพบ
    เธอที่ร้านก็ขออนุญาติกับพี่สาวว่าจะพากันไปเที่ยวที่ในตัวจังหวัด เมื่อไปถึงก็ชวนกัน
    ไปจดทะเบียนสมรสกันเลย แล้วก็เป็นอันว่าพากันไปเลยไม่กลับบ้าน การที่เราสอง
    คนทำแบบนี้ทำให้ทางบ้านเธอพากันโกรธเธอมาก ประกาศตัดขาดกันเลยแต่ดูเธอ
    ไม่รู้สึกเสียใจอะไรที่ทางบ้านตัดขาดอย่างนี้ หลังจากนั้นประมาณสองเดือนผมก็
    พยายามหาเงินไปทำพิธีส่งตัวขอขมาผูกข้อมือ
    ในวันผูกข้อมือนั้นญาติทางฝ่ายผมมีแค่สองคนคือยายห่างๆกับน้าชาย ญาติทาง
    ฝ่ายเธอก็มีแค่สองคนมีแม่กับพี่สาวคนอื่นๆเขาลงจากบ้านหมดเขาไม่ยอมอยู่ คนใน
    หมู่บ้านก็โกรธเธอไม่มีใครเขามาสักคนเดียว ในวันนั้นหลังจากผูกข้อมือเสร็จทางพ่อ
    ของเธอและพี่ๆก็ไล่เราสองคนออกจากบ้านเลยไม่ให้เรานอนค้างแม้สักคืนเดียวทั้งๆ
    ที่คืนนั้นดึกมากแล้วเกือบเที่ยงคืนดีว่าเรามีรถมอเตอร์ไซร์จึงเข้าไปนอนค้างในเมือง
    กันได้
    ก็เป็นอันว่าผมไปสอบเข้าทำงานอีกเป็นงานอย่างเดิมคืองานที่เกี่ยวกับการ
    สำรวจขุดเจาะและผลิตก๊าสและน้ำมันในอ่าวไทยแต่คนละที่กับที่เดิมตั้งแต่ปี2536
    เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน ภรรยาคนนี้ก็เป็นทุกอย่างที่ทำให้ผมมีเรี่ยวแรงกำลังใจในกิจ
    ทุกอย่าง และเธอก็ได้ทำให้ผมเห็นตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันมาสิบกว่าปีว่าเธอสมกับที่
    ท่านย่าท่านแม่โปรดประธานมาให้จริงๆอยู่ในศีลในธรรมโดยธรรมชาตินิสัยมาแต่เดิม
    เลยและเธอก็ได้ช่วยให้ผมได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารพระและเป็นแม่งานในการจัด
    เตรียมสถานที่ในงานทำบุญประจำปีที่วิหารน้ำน้อย อ.หาดใหญ่ทุกปีที่ถือว่าเป็นเป็น
    วาสนาอย่างยิ่งเพราะทุกปีพระที่มาเป็นประธานในงานคือท่านเจ้าอาวาสวัดท่าซุง
    องค์ปัจจุบัน หลวงพี่พระครูปลัดอนันต์ พุทธญาโณ หลวงพี่ชัยวัฒน อชิโต และพระ
    จากวัดท่าซุงโดยภรรยาผมรองอันดับหนึ่งนางแก้วคนนี้
    จะเป็นคนปรุงอาหารถวายพระและดูแลอาหาร เครื่องดื่ม และอื่นๆ
    ด้วยตัวเธอเองทุกปี ก็ถือว่าเป็นวาสนาของผมและภรรยายิ่งนักที่พระท่านมาโปรดถึง
    ที่ โดยฉะเพาะปีพิเศษนี้ ครบรอบ30ปี ของการสร้างวิหารน้ำน้อย และครบ60ปีการ
    การครองราชของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    น้องหญิงที่ผมกำลังเอ่ยถึงอยู่นี้แม้ว่าเธอจะไม่ใช่นางแก้วที่ถึงพร้อมด้วยประการ
    ทั้งปวงก็ตาม แต่ก็ถือได้ว่าเธอคือรองอันหนึ่งนางแก้วของผมเลยทีเดียว
    เพราะนางแก้วในดวงใจที่ผมจำได้อย่างฝังใจไม่มีวันลืมเลือนนั้น มีวิสัยเป็นแม่ของ
    มหาชนทั้งหลาย เป็นพี่ใหญ่ที่เมตตาปราณีมีความเที่ยงธรรมเป็นที่พึ่งได้ของบรรดา
    น้องนางทั้งปวง เป็นคู่ทุกข์คู่ยากในทุกสถานการณ์ ซื่อสัตย์จงรักภักดิ์ดีตั้งแต่ต้นจน
    ถึงกาลอวสานต์ เป็นทั้งนักรบชั้นเลิศที่เคียงบ่าเคียงไหล่ทุกเมื่อที่ถึงใหนก็ถึงกัน สรุป
    ก็คือคล้ายกับถอดแบบมาจากท่านพระเจ้าแม่พรรณวดีศรีโสภาคฉันใดก็ฉันนั้น
    ในวันนี้ที่ผมมาเล่าเรื่องราวยืดยาวเกี่ยวกับนางแก้วก็เพราะตอนนี้พอดีว่าผมได้
    เกิดการบาดเจ็บเนื่องจากหมอนรองกระดูกสันหลังแตกอีกเจ็บปวดมากจนถึงขั้นต้อง
    ผ่าตัดไอ้เรื่องเจ็บหลังอย่างสาหัสนี้มันเจ็บมาสามวาระแต่ละครั้งที่มันเจ็บนี่นานหลาย
    เดือนกว่าจะทุเลาเบาบาง มันพอมีเวลาว่างมากก็เลยมาเล่าให้ฟัง
    ครั้งแรกปี2530-2531 เจ็บอยู่ประมาณแปดเดือน การเจ็บคราวนั้นชีวิตพลิกผันจาก
    นักบวชที่กำลังเดินไปหาที่เหมาะๆจะตายเล่นซะหน่อยก็มีอันต้องสึกหาลาเพศออกมา
    ครั้งที่สองปี2535-2536 เจ็บอยู่ประมาณสิบเดือน การเจ็บคราวนั้นชีวิตพลิกผันอีก
    ถูกเลิกการจ้างงาน แยกทางกับภรรยา ออกจากบ้านแบบไม่มีเสื่อสักผืนหมอนสักใบ
    และในปี2536ทำให้ผมได้พบกับรองอันดับหนึ่งนางแก้วที่อยู่กันมาจนถึงปัจจุบัน
    ครั้งที่สามปี2549 เกิดอุบัติเหตุนิดเดียวหมอนรองกระดูกแตกอีกตรงบริเวณ L4-L5
    บาดเจ็บเมื่อต้นเดือนกรกฏาคม2549
    คราวนี้ถึงขั้นต้องผ่าต้ดที่ต้องผ่ากันถึงสี่ครั้งอาการก็ยัง นิจจัง คือมันเที่ยงอยู่แฮะ
    คือมันคล้ายกับหมาถูกรถทับขาหลังอย่างไรในวันแรกอย่างไร วันนี้คือ31ตุลาคม
    2549มันก็ยังเป็นอย่างนั้น ยังเดินเด้งหน้าเด้งหลังทรงตัวตรงยังไม่ได้เวลานั่งก็เจ็บยิ่ง
    เวลาเดินจะยิ่งเจ็บที่แผลผ่าตัดมาก ต้องนอนอยู่กับที่ตลอด ขาข้างที่เคยปวดไม่มีแรง
    นิ้วเท้าไม่มีแรงยังกระดิกไม่ได้ ในการผ่าที่ทำถึงสี่ครั้ง คือ
    ครั้งที่หนึ่ง 11 สิงหาคม 2549 ออกจากห้องผ่าตัด ประมาณ 16.00 น.
    พอหมดฤทธิยาอาการปวดต่างๆมันก็ตรงเข้าขย้ำปล้ำฟัดคลุกวงในเอาซะกระดิกไม่
    ได้ต้องขอยาฉีดแก้ปวดทุกหกชั่วโมง จึงพอทนปวดได้ นี่ก็ขนาดพยายามทรงสมาธิ
    ไอ้ตอนทรงน่ะไม่ค่อยจะปวด แต่ไอ้ตอนคลายสมาธินี่แหละที่แทบจะครางซักสอง
    สามหงิง หมอดูอาการสามสี่วันก็ไม่ดีขึ้นจึงตัดสินใจผ่าอีกแต่คนละตำแหน่ง
    ครั้งที่สอง 18 สิงหาคม 2549 ผ่าตัดตรงตำแหน่ง L5-S1 ออกจากห้องผ่าตัด
    ประมาณ 16.00 น.พอหมดฤทธิยาอาการปวดต่างๆมันก็กระโดดเข่าลอยเข้ามาเลย
    ทีนี้แถมมีศอกสั้น(มีเจ็บแผลที่ผ่าเพิ่มเข้ามาอีก)ร่วงลงนับแปดอีก ก็ต้องขอยาฉีด
    แก้ปวดทุกหกชั่วโมงเหมือนเดิม ขณะที่สลึมสลืออยู่นั้นกรรมการหันไปไล่ลงไอ้มุม
    แดงหาว่าชกไม่สมสักดิ์ศรี ปรากฏว่าหมอให้ออกจากโรงพยาบาลในวันที่21สิงหาคม
    2549 ก็ออกมาทั้งๆที่อาการต่างๆคงเดิมแถมไปโดนเข่าลอย ศอกกลับ เข้าไปอีก
    ก็ออกมาฟิตซ้อมพักฟื้นอยู่ที่บ้านความที่คู่ชกถูกไล่ลงทำให้สงสัยขอแก้มือ คือ
    อาการเจ็บปวดไม่ลดลงเลยก็กลับไปหาหมออีกเมื่อวันที่15กันยายน2549 หมอจับยัด
    เข้าเครื่อง X-RAY MRI อีกพอดูฟีล์มหมอก็อธิบายว่ามันมีไอ้หมอนรองกระดูกตรงระ
    หว่างL4-L5 มันถูกกดทับและยื่นออกไปกดทับเส้นประสาทอีกก็ต้องผ่าตัดใหม่ทีนี้ถ้า
    ไม่ดีขึ้นก็ต้องทำการผ่าตัดใหญ่คือต้องใส่เหล็กเข้าไปช่วยพยุงข้อกระดูกก็บอกว่าแล้ว
    แต่หมอก็แล้วกัน เป็นอันว่าผ่าอีก
    ครั้งที่สาม 18 กันยายน 2549 ผ่าตัดตรงตำแหน่ง L4-L5 อีก ออกจากห้องผ่าตัด
    ประมาณ 16.30 น.พอหมดฤทธิยาอาการปวดต่างๆลดลงไปเหลือประมาณยี่สิบเปอร์
    เซนตรงปลายขาสูงขึ้นมาหนึ่งคืบเหลือแค่นี้ก็นอนไม่หลับแล้วเพราะปวดมากต้องฉีด
    ยาแก้ปวดเป็นระยะๆ ก็นอนวัดใจกับเจ้ากรรมนายเวรอยู่ประมาณหนึ่งอาทิตย์ เจ้ากรรม
    นายเวรส่ายหน้าลูกเดียวให้อะไรก็ไม่เอา จะยกน้องเมียให้หรือก็ไม่มีแล้ว
    ก็เลยผ่าอีก
    เป็นครั้งที่สี่เมื่อ 27 กันยายน 2549 ผ่าตัดตรงตำแหน่ง L4-L5 อีกทีนี้ใส่เหล็กดาม
    เข้าไปเสียดายไม่ได้เข้าพิธีปลุกเศกซะก่อนก็นอนวัดใจกับเจ้ากรรมนายเวรดูเชิงกัน
    อยู่หลายยกไม่ฟัดกันซะทีกรรมการหมอก็เลยบอกว่าไปดูเชิงกันต่อที่บ้านก็แล้วกัน
    ถ้าจะฟัดกันอีกก็เชิญไปฟัดกันที่วัดก็แล้วกันไม่ต้องมาโรงพยาบาลอีกเพราะหมอบอก
    หมอก็ทำทุกอย่างหมดแล้วเต็มที่ทั้งทีมแพทย์พยาบาล และโรงพยาบาล เพราะโรง
    พยาบาลราษฎร์ยินดีของ อ.หาดใหญ่นั้นก็จัดว่าเป็นโรงพยาบาลชั้นดีที่พรั่งพร้อม
    แทบจะทุกอย่าง ก็ออกจากโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2549 นอนพักฟื้นวัดใจ
    ดูเชิงกับเจ้ากรรมนายเวรมาจนบัดนี้ 31 ตุลาคม 2549 อาการปวดหลัง ปวดขาหมด
    ไป ตอนนี้ก็เหลือแต่เจ็บแผล และเจ็บระบมตลอดขาซ้าย และอาการต่างๆที่เล่า
    ไว้ข้างบน
    ที่เล่าเรื่องต่างๆมามากมายเพราะเห็นว่ามันเกี่ยวกับนางแก้วของผมมากและอีก
    อย่างก็ยังไม่รู้ว่าชีวิตจะพลิกผันไปอย่างไรอีก นี่ก็หยุดงานเขามาหลายเดือนแล้วตั้ง
    แต่ วันที่ 7 สิงหาคม 2549 จนปัจจุบัน
    ในวันนี้ขออนุญาติเล่าเรื่องรองอันด้บหนึ่งนางแก้วที่ท่านย่าท่านแม่ทรงโปรด
    ประทานมาให้นะครับเอาสั้นๆว่าตลอดเวลาสิบกว่าปีที่อยู่กันมานี้ทุกข์ยากลำบากมาก
    กว่าสุขสบายแต่เธอก็ได้ทำหน้าที่ของเธอไม่มีบกพล่อง ผมก็มาเข้าใจอย่างถ่องแท้
    ตามคำของพระเดชคุณหลวงพ่อพูดบ่อยมากว่าเมียดีนั้นเหมือนแม่ ท่านพูดเล่นกระ
    เซ้าเย้าแหย่คนโน้นคนนี้บ่อยๆเรื่องท่านแม่บ้าง แม้เรื่องสมาธิท่านก็พูดบ่อยๆที่ซอย
    สายลม ว่าภริยัง กสิณังบ้าง ภริยัง สรณังคัจฉามิบ้าง ก็ทำให้พวกเราได้เฮฮา กันเป็น
    ที่สนุกสนาน และผมสังเกตุดูเวลาพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านเอ่ย
    ถึงท่านแม่ท่านใดท่านหนึ่งคราวใดท่านจะพูดชื่นชมท่านแม่มากและจะเห็นประกายตา
    ท่านแจ่มใสมีความสุข ผมก็มาเข้าใจเอาตอนนี้จากภรรยาคนนี้ ยิ่งตอนเจ็บไข้ได้ป่วย
    ยาวนานอย่างนี้ อนาคตตัวเองและลูกจะเป็นอย่างไรไม่เห็นว่าเธอจะมีวิตกทุกข์ร้อน
    อะไรเฝ้าห่วงใยดูแลเอาใจใส่อย่างดียิ่งเหมือนแม่ที่ดูแลลูกน้อย อย่างไรก็อย่างนั้น
    ใครที่ยังไม่รู้ว่าแม่ดูแลลูกอ่อนเป็นอย่างไรก็ลองสังเกตุคนเป็นแม่ลูกอ่อนดูนะ ดูทุก
    ขั้นตอนตั้งแต่ลูกตื่นจนลูกหลับ แม้การนอนไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืนเธอจะอยู่ข้างๆ
    อยู่ใกล้ตลอดบางวันที่เธอต้องออกไปธุระบ้างเธอจะรีบกลับทันทีที่เสร็จธุระ นี่เธอเอา
    ใจใส่ต่อผมขนาดนี้ ก็เข้าใจคำว่าเหมือนแม่นั้นก็เพราะแบบนี้
    ก็ขอจบบันทึกเรื่องราวนางแก้วของผมชาตินี้ไว้เพียงนี้เพราะไม่ไว้ใจว่าอาการเจ็บ
    ปวดจะหายเป็นปกติดีกลับไปทำงานได้อีกหรือไม่จึงบันทึกต่างๆไว้ด้วยตัวเองในนี้
    ก็ขอกราบแทบเบื้องพระบาทระลึกนึกถึงท่านพระเจ้าแม่อดีตนางแก้วทุกๆพระองค์
    ตั้งแต่สมเด็จองค์ปฐมเป็นต้นลงมา มีท่านย่าท่านแม่พรรณวดี และท่านแม่ทั้งหลายที่
    ที่ลูกนี้เคยผ่านท้องมา ที่โปรดประธานน้องหญิงคนปัจจุบันมาให้
    และก็ขอโมทนาที่คุณโตจะสร้างแม่พระยโสธารา ขอให้สำเร็จสมความปรารถนา
    นะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 มกราคม 2017
  18. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,444
    สำหรับนางแก้วนี่ผมอ่านในหนังสือของพระพรหมโมลีท่านเล่าว่าเมื่อสมเด็จพระพุทธโคดมท่านเสวยพระชาติมาเป็นสุเมธดาบส ตอนระหว่างที่ทำทางไว้ถวายแด่พระพุทธทีปังกรนางแก้วคือนางสุมิตตาก็ไปช่วยสุเมธดาบสด้วยครั้นพระพุทธทีปังกรเสด็จมาท่านสุเมธเอากายลงทอกให้ทรงดำเนินผ่านแล้วตั้งจิตขอสำเร็จพรโพธิญาณ พระพุทธทีปังกรก็ทรงลัทยาเทศน์พยากรณ์ว่าอีก4อสงไขยแสนกัลป์นั้นจะได้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้านามว่าศรีศากยมุนีพุทธโคดมนางสุมิตตาจึงถวายดอกบัว8ดอกแล้วกล่าวเสียงดังขออธิษฐานเป็นนางแก้วของสุเมธดาบศทุกๆชาติ ทีแรกสุเมธท่านบอกให้อธิษฐานอย่างอื่นเถิดแต่ พระพุทธทีปังกรท่านทรงกล่าวว่าอันนางสุมิตตานี้ก็ปรารถนาจะเป็นคู่บารมีของสุเมธดาบสตั้งแต่พระชาติที่เกิดเป็นทุคตบุรุษแบกมารดาว่ายข้ามทะเล(เป็นพระชาติที่ทรงตั้งพระทัยจะขอเป็นพระพุทธเจ้าชาติแรก)เมื่อพระพุทธทีปังกรทรงเล่าจบลงท่านสุเมธดาบสก็ทรงรับในการพยากรณ์ทั้งหมด พระนางท่านทรงเป็นคู่บรามีอย่างแท้จริง เดี๋ยวนี้หาอ่านประวัติพระนางได้โดยได้นำมาทำเป็นการ์ตูนแล้วครับ
     
  19. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,166
    กระทู้เรื่องเด่น:
    24
    ค่าพลัง:
    +29,754
    สมบัติอย่างหนึ่งของจักรพรรดิ์ คือ นางแก้ว

    แต่ สำหรับพระพุทธองค์ และสาวกผู้บำเพ็ญ ทรงเสพธรรมปิติ หนึ่งในองค์
    โพชชงค์7 ประดุจจักรพรรดิ์ที่มีนางแก้วเป็นรัตนะที่ให้สุข
     
  20. ปทุมมุต

    ปทุมมุต ผมเป๋นใตร?

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +286
    กราบคารวะนางสาวแก้ว..อ่านสนุก
    ดีกว่านิยาย
     

แชร์หน้านี้

Loading...