รับปรึกษาปัญหาเรื่องตรวจเลือดและส่งเสริมสุขภาพ โดย นักเทคนิคการแพทย์

วสุธรรม · 17 พฤษภาคม 2017

ประวัติความเป็นมาโดยสังเขป

ผม วสุธรรม ประกอบอาชีพ เทคนิคการแพทย์
วทบ.เทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น รุ่นที่11(2532)
เปิดคลินิกเทคนิคการแพทย์นาน 10ปีครับ

ลักษณะการให้บริการ

1.ให้คำแนะนำการบริการเจาะเลือด หรือเก็บสิ่งส่งตรวจต่างๆ
เพื่อนำมาวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการของคลินิกฯ
เช่น ตรวจเลือดหาปริมาณน้ำตาลในเลือด ไขมัน ตรวจน้ำปัสสาวะ
เสมหะ อุจจาระ น้ำอสุจิ น้ำจากในร่างกาย หมู่เลือด และเชื้อโรค
ต่างๆ ได้แก่ เชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัสต่างๆ และหมู่เลือด เป็นต้น

2.ให้คำแนะนำการส่งเสริมสุขภาพ

การใช้บริการเฉพาะในเว๊บพลังจิต(ฟรี)

ถ้าสหธรรมิกท่านใดมีข้อสงสัย ถามมาได้ครับ ผมจะเป็นที่ปรึกษาด้าน
สุขภาพแก่ทุกท่านฟรี เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์เป็นวิทยาทาน โดย
1.ตอบกระทู้นี้ไว้
2.แบบลับ PM หรือ อีเมลล์ตามชอบครับ

ผมยินดีช่วยเหลือทุกท่าน ด้วยความเต็มใจครับ ขอเชิญครับ

ด้วยความรักและปรารถนาดี
โดย วสุธรรม

นักเทคนิคการแพทย์ said:

นักเทคนิคการแพทย์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ไปที่: ป้ายบอกทาง, ค้นหา
นักเทคนิคการแพทย์ (อังกฤษ: Medical technologist หรือ Medical laboratory technologist หรือ Medical Laboratory Scientist) เป็นวิชาชีพทางการแพทย์ ที่ปฏิบัติงานภายในห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ หรือ ห้องปฏิบัติการเวชศาสตร์ชันสูตร ตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ พ.ศ. 2547 ได้ให้ความหมายของวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ไว้ว่า เป็นวิชาชีพที่กระทำต่อมนุษย์เพื่อให้ได้สิ่งตัวอย่างทางการแพทย์ และการดำเนินการโดยวิธีทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการตรวจ ทดสอบ วิเคราะห์ วิจัย และการรายงานผลการตรวจ เพื่อวินิจฉัย การติดตามการรักษา การพยากรณ์โรค และการป้องกันโรค หรือเพื่อประเมินภาวะสุขภาพ และใช้คำนำหน้านามว่า ทนพ.หรือ ทนพญ. นำหน้าชื่อสกุลได้<SUP id=cite_ref-0 class=reference>[1]</SUP>
<TABLE id=toc class=toc><TBODY><TR><TD>เนื้อหา

<LI class="toclevel-1 tocsection-1">1 ประวัติวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ในประเทศไทย <LI class="toclevel-1 tocsection-2">2 มหาวิทยาลัยที่เปิดสอนวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ในประเทศไทย <LI class="toclevel-1 tocsection-3">3 สาขาวิชา <LI class="toclevel-1 tocsection-4">4 การขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกอบวิชาชีพ <LI class="toclevel-1 tocsection-5">5 คำนำหน้าชื่อและอักษรย่อ <LI class="toclevel-1 tocsection-6">6 หน้าที่ของเทคนิคการแพทย์ <LI class="toclevel-1 tocsection-7">7 การประกอบอาชีพ <LI class="toclevel-1 tocsection-8">8 อ้างอิง <LI class="toclevel-1 tocsection-9">9 ดูเพิ่ม

10 แหล่งข้อมูลอื่น

</TD></TR></TBODY></TABLE><SCRIPT type=text/javascript>//<![CDATA[if (window.showTocToggle) { var tocShowText = "แสดง"; var tocHideText = "ซ่อน"; showTocToggle(); } //]]></SCRIPT> ประวัติวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ในประเทศไทย

วิชาชีพเทคนิคการแพทย์ในประเทศนั้น มีประวัติความเป็นมา<SUP id=cite_ref-1 class=reference>[2]</SUP> ดังนี้

พ.ศ. 2487 เนื่องจาก คณะแพทยศาสตร์และศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ ขาดแคลนบุคลากรที่จะทำการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ จึงนำพยาบาลมาฝึกหัดในการตรววิเคราะห์ ซึ่งเป็นการใช้บุคลากรไม่ตรงตามสาขาวิชาที่เรียนมา ทางคณะฯ จึงได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นเพื่อร่างหลักสูตรในการผลิตบุคลากรทางห้องปฏิบัติการ แต่โครงการต้องระงับไป เนื่องจากอยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

พ.ศ. 2497 อธิบดีกรมมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ได้ขอความช่วยเหลือจากองค์การบริหารวิเทศกิจแห่งสหรัฐอเมริกา (USAID ในปัจจุบัน) และได้ส่ง นพ.วีกูล วีรานุวัตติ์ และ นพ.เชวง เดชะไกศยะ ไปศึกษาดูงานเกี่ยวกับเทคนิคการแพทย์ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นเวลา 1 ปี

พ.ศ. 2499 ได้เริ่มการก่อสร้างโรงเรียนเทคนิคการแพทย์ ขึ้นที่คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ และที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และมีพระราชกฤษฎีจัดตั้ง “โรงเรียนเทคนิคการแพทย์” สังกัดมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ กระทรวงสาธารณสุขโดยนักศึกษาเทคนิคการแพทย์รุ่นแรกของประเทศไทย สำเร็จการศึกษาระดับอนุปริญญาเทคนิคการแพทย์ (อทกพ.)

พ.ศ. 2500 มีพระราชกฤษฎีจัดตั้ง "คณะเทคนิคการแพทย์ " ในมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ ซึ่งมีศาสตราจารย์นายแพทย์วีกูล วีรานุวัตติ์ เป็นคณบดีท่านแรก ซึ่งนับเป็นการเปิดหน้าประวัติศาสตร์เทคนิคการแพทย์ในประเทศไทย นับแต่นั้นเป็นต้นมา

พ.ศ. 2503 คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ ได้ปรับขยายหลักสูตรจากอนุปริญญา เป็นระดับปริญญาตรี ได้วุฒิวิทยาศาสตรบัณฑิต (เทคนิคการแพทย์) ซึ่งเป็นการปรับหลักสูตรก่อนประเทศสหรัฐอเมริกาถึง 2 ปี

พ.ศ. 2549 กระทรวงศึกษาธิการได้ออกประกาศว่าด้วยหลักเกณฑ์การกำหนดชื่อปริญญา โดยชื่อเทคนิคการแพทย์สำหรับหลักสูตรที่เปิดดำเนินการอยู่แล้วให้ใช้ชื่อเดิมคือ “วิทยาศาสตรบัณฑิต (เทคนิคการแพทย์)" และชื่อย่อ “วท.บ. (เทคนิคการแพทย์) ” สำหรับหลักสูตรที่จะขอเปิดใหม่ ตามประกาศดังกล่าวให้ใช้ชื่อปริญญาระดับปริญญาตรีว่า “เทคนิคการแพทยบัณฑิต” และใช้ชื่อย่อ “ทพ.บ.” <SUP id=cite_ref-2 class=reference>[3]</SUP>

มหาวิทยาลัยที่เปิดสอนวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ในประเทศไทย

การเรียนการสอนวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ เริ่มขึ้นที่คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดลเป็นแห่งแรก ในปี พ.ศ. 2500<SUP id=cite_ref-3 class=reference>[4]</SUP> โดยมีที่ทำการอยู่ 2 แห่ง คือ โรงพยาบาลศิริราช และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ต่อมาคณะเทคนิคการแพทย์ ที่ตั้งอยู่ในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ได้โอนมาเป็นภาควิชาเทคนิคการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และแยกออกมาเป็นคณะสหเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อปี พ.ศ. 2534<SUP id=cite_ref-4 class=reference>[5]</SUP> ซึ่งนับเป็นสถาบันแห่งที่ 2 ที่เปิดการเรียนการสอนในวิชาชีพนี้ ต่อมาจึงมีการตั้ง คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นแห่งที่ 3 ปัจจุบัน มีสถาบันอุดมศึกษาที่เปิดการเรียนการสอนทั้งหมด 11 แห่ง ได้แก่

คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล

คณะสหเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

คณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

สำนักวิชาสหเวชศาสตร์และสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์

คณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

คณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา

คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยรังสิต

คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ

โครงการจัดตั้งคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

<DL><DD>ดูเพิ่ม รายชื่อคณะสหเวชศาสตร์ในประเทศไทย </DD></DL> สาขาวิชา

การเรียนการสอนในสาขาเทคนิคการแพทย์นั้น ครอบคลุมสาขาวิชาต่าง ๆ ดังนี้

สาขาเคมีคลินิก (Clinical chemistry)

สาขาจุลชีววิทยาคลินิก (Clinical microbiology)

สาขาจุลทรรศนศาสตร์คลินิก (Clinical Microscopy)

สาขาเวชศาสตร์การธนาคารเลือด (Transfusion medicine)

สาขาปรสิตวิทยาทางการแพทย์ (Medical parasitology)

สาขาภูมิคุ้มกันวิทยาคลินิก (Clinical immunology)

สาขาโลหิตวิทยา (Hematology)

ในการเรียนชั้นปีที่ 4 จะได้มีการฝึกปฏิบัติงานตามโรงพยาบาลคลอบคลุมทุกสาขาวิชา ปัจจุบันได้มีการเปิดสอนเทคนิคการแพทย์เฉพาะสาขา ใน การดูแลของ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล<SUP id=cite_ref-5 class=reference>[6]</SUP> ในหลักสูตร ประกาศนียบัตรบัณฑิตเทคนิคการแพทย์ (สาขาวิชาหลัก) ป. บัณฑิตเทคนิคการแพทย์ (สาขาวิชาหลัก)

ประกาศนียบัตรบัณฑิตเทคนิคการแพทย์ สาขา โลหิตวิทยา (ป. บัณฑิตเทคนิคการแพทย์ (โลหิตวิทยา))

ประกาศนียบัตรบัณฑิตเทคนิคการแพทย์ สาขา จุลทรรศนศาสตร์คลินิก (ป. บัณฑิตเทคนิคการแพทย์ (จุลทรรศนศาสตร์คลินิก))

ประกาศนียบัตรบัณฑิตเทคนิคการแพทย์ สาขา เคมีคลินิก (ป. บัณฑิตเทคนิคการแพทย์ (เคมีคลินิก))

ประกาศนียบัตรบัณฑิตเทคนิคการแพทย์ สาขา จุลชีววิทยาคลินิก (ป. บัณฑิตเทคนิคการแพทย์ (จุลชีววิทยาคลินิก))

ประกาศนียบัตรบัณฑิตเทคนิคการแพทย์ สาขา วิทยาภูมิคุ้มกันคลินิก (ป. บัณฑิตเทคนิคการแพทย์ (วิทยาภูมิคุ้มกันคลินิก))

ประกาศนียบัตรบัณฑิตเทคนิคการแพทย์ สาขา ปรสิตวิทยา (ป. บัณฑิตเทคนิคการแพทย์ (ปรสิตวิทยา))

ประกาศนียบัตรบัณฑิต สาขา อุปกรณ์เวชศาสตร์ชันสูตร (ป.บัณฑิต (อุปกรณ์เวชศาสตร์ชันสูตร))

การขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกอบวิชาชีพ

ในอดีตผู้ที่จะประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ได้นั้น จะต้องจบหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต (เทคนิคการแพทย์) และต้องขึ้นทะเบียนขอใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะ ซึ่งออกโดยกองการประกอบโรคศิลปะ กระทรวงสาธารณสุข แต่ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 ผู้ประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์จะต้องขึ้นทะเบียนขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ จาก สภาเทคนิคการแพทย์
ในบางมลรัฐของประเทศสหรัฐอเมริกา เช่น ใน มลรัฐฮาวาย, มลรัฐแคลิฟอร์เนีย, มลรัฐฟลอริดา, มลรัฐเนวาดา และมลรัฐลุยเซียนา เป็นต้น นักเทคนิคการแพทย์จะต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพตามกฎหมาย และจะต้องมีการศึกษาต่อเนื่องเพื่อต่ออายุใบอนุญาตเป็นประจำ

คำนำหน้าชื่อและอักษรย่อ

ในประเทศไทย นักเทคนิคการแพทย์สามารถใช้คำนำหน้าชื่อ เพื่อแสดงถึงการเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ได้ โดยให้ผู้ประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ชาย ใช้คำนำหน้าชื่อ "ทนพ." และผู้ประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์หญิง ใช้คำนำหน้าชื่อ "ทนพญ." <SUP id=cite_ref-6 class=reference>[7]</SUP>
สำหรับในประเทศสหรัฐอเมริกา นักเทคนิคการแพทย์จะใช้อักษรย่อว่า "MT" ซึ่งมาจาก "Medical technologist (เรียกสั้น ๆ ว่าMed tech)" ซึ่งคล้าย ๆ กับแพทย์ที่ใช้อักษรย่อคำว่า "MD" ย่อมาจาก Doctor of medicine และ พยาบาลจะใช้คำย่อว่า "RN" ซึ่งย่อมาจาก Registered Nurse และถ้าหากนักเทคนิคการแพทย์ที่ผ่านการรับรองจาก "ชมรมพยาธิวิทยาคลินิกแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ American Society for Clinical Pathology" ก็อาจจะใช้คำย่อว่า "MT (ASCP)" และเช่นเดียวกัน ถ้าหากผ่านรับการรับรองจาก "สมาคมธนาคารเลือดแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ American Association of Blood Banks ก็สามารถใช้ชื่อย่อว่า "SBB" ได้เช่นกัน โดยสามารถเขียนอักษรย่อเป็น "MT (ASCP) SBB"
หน้าที่ของเทคนิคการแพทย์

เทคนิคการแพทย์นั้นมีหน้าที่ในการเก็บตัวอย่างได้แก่ การเจาะเลือดผู้ป่วย ผู้มารับบริการ ทางเส้นเลือดดำ เส้นเลือดปลายนิ้วเป็นต้น หากสิ่งส่งตรวจจากผู้เข้ามารับบริการ เช่น เลือด ปัสสาวะ อุจจาระ ได้ถูกส่งต่อมา เทคนิคการแพทย์จะมีหน้าที่ในกระบวนการตรวจสอบคุณภาพก่อนการวิเคราะห์ โดยจะทำการตรวจสอบชื่อและสิ่งส่งตรวจของผู้ป่วยว่าเป็นคนเดียวกัน และคุณภาพของสิ่งส่งตรวจว่าเหมาะสมสำหรับนำมาทดสอบทางห้องปฏิบัติการหรือไม่ เนื่องจากสิ่งส่งตรวจที่ไม่เหมาะสมจะมีผลต่อการผลทดสอบด้วย
หลังจากนั้น จะนำสิ่งส่งตรวจไปทำการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการทางการแพทย์เพื่อวินิจฉัย พยากรณ์ ติดตาม หรือประเมินสุขภาวะของผู้เข้ามารับบริการ ซึ่งจะรายงานผลให้แก่แพทย์หรือผู้ป่วยได้ทราบต่อไป
นอกจากนั้น เทคนิคการแพทย์ยังต้องควบคุมคุณภาพต่าง ๆ ภายในห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ อาทิเช่น การควบคุมคุณภาพของการรับสิ่งส่งตรวจ ขั้นตอนระหว่างการทดสอบ และตรวจสอบความถูกต้องของผลทดสอบ โดยปกตินั้น เทคนิคการแพทย์จะทำการลงชื่อเพื่อรับรองผลการทดสอบทุกครั้งก่อนรายงานผลทางห้องปฏิบัติการ
การประกอบอาชีพ

เทคนิคการแพทย์สามารถทำงานในห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ทั้งในภาครัฐและเอกชน นอกจากนี้ ยังสามารถทำงานอย่างอื่นได้ เช่น เป็นผุ้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์เครื่องมือและน้ำยาทางการแพทย์ หรือศึกษาต่อในระดับปริญญาโทและปริญญาเอกได้ในหลายสาขาทั้งในและต่างประเทศเช่น

สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์

สาขาอายุรศาสตร์เขตร้อน

สาขาพยาธิวิทยาคลินิก

สาขากายวิภาคศาสตร์

สาขาสรีรวิทยาทางการแพทย์

สาขาประสาทวิทยาศาสตร์

สาขานิติวิทยาศาสตร์

สาขาบริหารพยาธิวิทยาคลินิก

สาขาชีวเวชศาสตร์

สาขาชีวเคมีทางการแพทย์

สาขาเภสัชวิทยา

สาขาชีวเคมีคลินิกและอณูวิทยาทางการแพทย์

สาขาภูมิคุ้มกันวิทยา

สาขาปรสิตวิทยา

สาขาจุลชีววิทยาทางการแพทย์

สาขาวิทยาศาสตร์โลหิตวิทยาคลินิก

สาขาวิทยาศาสตร์ปฏิบัติการคลินิก

สาขาพยาธิชีววิทยา

สาขาวิทยาศาสตร์ความงามและสุขภาพ

นอกจากนี้ยังสามารถเรียนต่อ แพทยศาสตร์ หลักสูตร 5 ปี ประเทศฟิลิปปินส์

อ้างอิง

<LI id=cite_note-0>^ พระราชบัญญัติวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ พ.ศ. 2547 <LI id=cite_note-1>^ ศูนย์ข่าวเทคนิคการแพทย์ : ประวัติวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ <LI id=cite_note-2>^ ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง หลักเกณฑ์การกำหนดชื่อปริญญา พ.ศ. ๒๕๔๙ <LI id=cite_note-3>^ พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งคณะเทคนิคการแพทย์ ในมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๐๐ <LI id=cite_note-4>^ ประวัติคณะสหเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย <LI id=cite_note-5>^ [1]

^ กำหนดใช้คำนำหน้าชื่อผู้ประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์

ที่มา
นักเทคนิคการแพทย์ - วิกิพีเดีย
Click to expand...

วสุธรรม · 5 มกราคม 2010

เลือด คือ....

เลือด คืออะไร
ตอบ
เลือด เป็นเนื้อเยื่อเกี่ยวพันชนิดหนึ่งซึ่งมีสารระหว่างเซลล์ เป็นของเหลว
เป็นตัวกลางติดต่อระหว่างเซลล์ของร่างกาย และมีเม็ดเลือดเป็นเซลล์
ล่องลอยอยู่ ในร่างกายมีเลือดอยู่ประมาณ7–8%ของน้ำหนักตัวปริมาณ
ของเลือดแตกต่างกันไปตาม อายุ ขนาดน้ำหนักตัว เพศ และสภาวะของ
สุขภาพ เลือดมีสีแดงเมื่ออยู่ในหลอดเลือดแดงมีสีคล้ำลงเล็กน้อย เมื่อ
อยู่ในหลอดเลือดดำ มีความหนืดกว่าน้ำ 5 เท่า มีอุณหภูมิประมาณ
37.8<SUP>๐</SUP>C มีฤทธิ์เป็นด่างเล็กน้อยมีกลิ่นคาว

ร่างกายของเราแบ่งออกได้เป็นหลายระบบดังภาพที่1

ทุกระบบต้องการเลือดไปหล่อเลี้ยงทั้งสิ้น

เราจะนำเลือดมาศึกษาได้โดย ใช้กระบอกสูบพลาสติก และเข็มสำหรับ
เจาะเลือด เลือดของคนเรา เมื่อได้เจาะสูบเอาเลือดออกจากหลอดเลือด
ดำ จะเกิดกระบวนการอย่างหนึ่ง ซึ่งมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เรียกว่า
"กระบวนการทำให้เลือดแข็งตัว " เลือดที่เกิดกระบวนการฯแล้วจะแข็งตัว
เป็นเยื่อบางๆ มีคุณสมบัติ ห่อหุ้มเซลล์เม็ดเลือดแดง และเม็ดเลือดขาวที่
มีรวมกันมากมาย เป็นร้อยล้านๆเซลล์ให้หดตัวมีขนาดเล็กลง ซึ่งเมื่อเรา
นำเลือดนี้ ตั้งทิ้งไว้นานประมาณ 30 นาที จะมองเห็นเลือดแยกออกเป็น
2 ส่วน คือ
-ลิ่มเลือด
-น้ำเหลืองแบบซีรั่ม

เลือดที่ได้เจาะในตอนแรกนั้น เมื่อได้นำสารกันเลือดแข็งตัว
(เช่น สารโปแตสเซียม อีดีทีเอ หรือสารเกลือโซเดียมซิเตรท) ผสมลงไปใน
เลือดที่เราเจาะออกมาได้จากหลอดเลือดดำของคน แบ่งออกได้เป็น 2 ส่วน
ใหญ่ๆ คือ

1.น้ำเหลืองแบบพลาสม่า(Plasma)

2.เซลล์เม็ดเลือด(คลิกขยายภาพดูรายละเอียด)
<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>

รูปที่3 แสดงภาพเซลล์เม็ดเลือดแดง ถูกย้อมด้วยสี แล้วนำมาดูด้วยกล้อง
จุลทรรศน์ กำลังขยาย 1000X

วสุธรรม · 5 มกราคม 2010

การตรวจวิเคราะห์เม็ดเลือดอย่างสมบูรณ์

เลือดของคนเรานี้ นำมาวิเคราะห์โรคต่างๆได้มากมาย เช่น

1.การตรวจวิเคราะห์เม็ดเลือดอย่างสมบูรณ์
(Complete Blood Count /นิยมเรียกCBC) มี 3 วิธี
ได้แก่
1.1 แบบmanual เป็นวิธีเดิม ใช้อ้างอิง และในแลบ
เล็กทั่วไป
1.2 เครื่องอัตโนมัติแบบ3parts Diff ดีกว่าวิธีที่1
1.3 เครื่องอัตโนมัติแบบ 5parts Diff ดีที่สุด

จัดเป็นการตรวจยอดนิยมที่แพทย์มักใช้ตรวจคัดกรองโรค
ในผู้ป่วย ไม่สบาย เช่น เป็นไข้ ปวดหัว ตัวร้อน ฯ

เมื่อตรวจเลือดรายการนี้ จะได้ ค่าผลการตรวจวัดต่างๆดังนี้

-เซลล์เม็ดเลือดแดง(Red Blood Cells or Erythrocytes)
1.ค่าHct (Hematocrit) บอกความเข้มข้นของเม็ดเลือดแดง
2.ค่าHb(Hemoglobin)บอกปริมาณฮีโมโกบิน ในเลือด
3.ค่าMCV(ค่าปริมาตรเฉลี่ยของเม็ดเลือดแดง)
4.ค่าMCH(ค่าน้ำหนักสารฮีโมโกลบินเฉลี่ยของเม็ดเลือดแดง)
5.ค่าMCHC(ค่าความเข้มข้นสารฮีโมโกบินต่อหน่วยปริมาตรของ
เม็ดเลือดแดง)
6.ค่าRDW(ค่าความแตกต่างของปริมาตรเม็ดเลือดแดง)
7.ค่าRbc count(ค่านับจำนวนเม็ดเลือดแดง)
8.ผลตรวจฟิลม์เลือดด้วยกล้องจุลทรรศน์

-เซลล์เม็ดเลือดขาว(White Blood Cells or Leukocyte)

1.ค่าWbc count(ค่านับจำนวนเม็ดเลือดขาว)
2.ค่าWbc differential (ค่านับแยกชนิดจำนวนเม็ดเลือดขาว)

-เกล็ดเลือด(Platelet)

1.ค่าPlatelet count(ค่านับจำนวนเกล็ดเลือด)
2.ค่าMPV(ค่าปริมาตรเฉลี่ยของเกล็ดเลือด)
3.ค่าPCT(ค่าร้อยละของเกล็ดเลือดอัดแน่น)
4.ค่าPDW(ค่าความแตกต่างของเกล็ดเลือด)

วสุธรรม · 4 มกราคม 2010

ประโยชน์ของCBC

การตรวจ CBC จะบอกอะไรบ้าง<O</O

การตรวจ CBC จะประกอบไปด้วยการตรวจต่างๆ ได้แก่ การตรวจนับจำนวน
เซลล์เม็ดเลือดขาว (White blood cell count; WBC count) การตรวจหาปริมาณ
ฮีโมโกลบิน (Hemoglobin) การตรวจหาปริมาณเม็ดเลือดแดงอัดแน่น (Hematocrit;
Hct) การนับแยกชนิดของเซลล์เม็ดเลือดขาว (White blood cell differentiation)การ
ตรวจดูสัณฐานวิทยา หรือลักษณะรูปร่างของเซลล์เม็ดเลือดแดง (Red blood cells
morphology) และ คาดการณ์จำนวนเกร็ดเลือด (Platelet estimation) รวมถึงความ
ผิดปกติของเกร็ดเลือด

<O</O

ประโยชน์ของการตรวจ
ให้ทราบถึงสภาวะสุขภาพของร่างกาย และความเสี่ยงต่อการเกิดโรค ซึ่งจะมี
ประโยชน์ในการป้องกันและรักษาโรคต่างๆ เช่น การตรวจเลือดเพื่อวินิจฉัย เพื่อค้นหา
ความผิดปกติในระยะแรกเริ่มจะเป็นประโยชน์สำหรับการป้องกัน และรักษาโรคได้ทันการ<O</O

วสุธรรม · 5 มกราคม 2010

สารเคมีต่างๆ ที่ตรวจพบในเลือด

สารเคมีที่สำคัญมีมากมาย ไม่น่าเชื่อเลยว่า
เลือดของคนเราจะมีสารเคมีมากมาย

ซึ่งในปัจจุบัน เรามักใช้เครื่องตรวจสารเคมีในเลือด
แบบอัตโนมัติกัน

โรคเบาหวาน
1.น้ำตาล(Sugar,glucose)
ควรตรวจเมื่อได้อดอาหารและเครื่องดื่มทุกชนิด นาน8-12 ช.ม.

โรคไต(การทำงานของไต)
2.สารยูเรียไนโตรเจน(Urea)
3.สารครีเอตินีน(Creatinine)
(โดยทั่วไปคนเป็นโรคไต จะสูงทั้งสองตัว)

โรคเก๊าทส์
4.กรดยูริค(Uric acid)

โรคความดันเลือดสูง ไขมันอุดตันหลอดเลือด
และโรคหัวใจ เป็นต้น
5.ไขมันโคเลสเตอรอลทั้งหมด(Total cholesterol)
6.ไขมันโคเลสเตอรอลชนิดดี มีประโยชน์
(HDL-C ;High density lipoprotein cholesterol)
พบสูง คือ สุขภาพดี พบน้อย คือ ควรแก้ไขปรับปรุง
7.ไขมันโคเลสเตอรอลชนิดไม่ดี มีโทษ
(LDL-C ;Low density lipoprotein cholesterol)
มาจากการทานเนื้อหมู เนื้อไก่มากเกินไป

โรคอ้วน
8.ไขมันไตรกลีเซอไรด์(Triglyceride)
ใครชอบดื่มเบียร์ และกินข้าวอาหารหมู่แป้งเยอะมาก เกินความต้องการ
ของร่างกาย จะมีผลทำให้ไขมันไตรกลีเซอไรด์สูงมากครับ

พรุ่งนี้ค่อยมา ศึกษา
โรคตับ ตับบวม และตับอักเสบกันครับ
สำหรับคืนนี้ผม ง่วงแล้ว ขอตัวไปนอนก่อน
พรุ่งนี้ผมต้องเปิดคลินิก 6.30น.
ราตรีสวัสดิ์ครับ... .. .

วสุธรรม · 5 มกราคม 2010

โรคตับ ตับบวม และตับอักเสบ

โรคตับ ตับบวม และตับอักเสบกัน
หรือ ดูการทำงานของตับ(Liver Function test)

โดยตรวจหา

1.สารโปรตีนทั้งหมด (Total protein)

2.สารโปรตีนชนิดอัลบูมีน (Albumin)

3.สารโปรตีนชนิดโกลบูลิน (Globulin)

4.สารน้ำดีทั้งหมด (Total bilirubin)

5.สารน้ำดีขนิดละลายในน้ำ (Direct bilirubin )

6.สารน้ำดีขนิดไม่ละลายในน้ำ (Indirect bilirubin)

7.เอ็นไซม์ SGOT หรือ AST

8.เอ็นไซม์ SGPT หรือ ALT

9.เอ็นไซม์อัลคาไลฟอสฟาเตส (Alkali phosphatase)

วสุธรรม · 5 มกราคม 2010

ตับได้รับสารพิษ และโรคหัวใจ

สารเคมีตัวที่จำเพาะต่อเรื่องตับได้รับสารพิษคือ

1.เอ็นไซม์ GGT(Gamma GT)

สารเคมีตัวที่จำเพาะต่อโรคหัวใจ คือ

1.เอ็นไซม์ CK nac

2.เอ็นไซม์ CK mb

3.เอ็นไซม์ LDH

วสุธรรม · 5 มกราคม 2010

โรคต่อมธัยรอยด์

โรคต่อมธัยรอยด์

สามารถตรวจได้โดย ตรวจหาระดับของฮอร์โมน ตามความนิยมใช้ได้
ดังนี้คือ

1.ปริมาณของฮอร์โมน T3(Thyroid hormone 3)

2.ปริมาณของฮอร์โมน T4(Thyroid hormone 4)

3.ปริมาณของฮอร์โมน FT4(Free thyroid hormone 4)

4.ปริมาณของฮอร์โมน TSH(Thyroid stimulating hormone)

วสุธรรม · 6 มกราคม 2010

เกลือแร่ ที่สำคัญของร่างกาย

เกลือแร่ที่สำคัญ พบได้หลายชนิด เช่น

1.อิเลค์โตรไลท์(Electrolyte) ได้แก่
1.1 โซเดียม(Sodium;Na+)
1.2 โปแตสเซียม(Potassium;K+)
1.3 คลอไรด์(Chloride;Cl-)
1.4 ไบคาร์บอเนต(Bicarbonate;Co2)
1.5 แอนอิออนแกพ(Anion gap)

2.แคลเซียม(Calcium)
3.ฟอสฟอรัส(Phosphorus)
4.แมกนีเซียม(Magnesium)

วสุธรรม · 9 มกราคม 2010

น้ำตาลในเลือดสะสม3เดือน

เราสามารถประเมินน้ำตาลในเลือดสะสม3เดือน โดยตรวจได้จาก

การตรวจวัดปริมาณสารฮีโมโกบิน เอวัน ซี(Hemoglobin A1C)

ซึ่งฮีโมโกบินตัวนี้ อยู่ภายในเม็ดเลือดแดง มีคุณสมบัติพิเศษกว่าฮีโมโกบิน

อื่นๆ คือตัวมันชอบจับน้ำตาลสะสมไว้ในตัวมันเอง เม็ดเลือดแดงส่วนมาก

จะมีอายุเฉลี่ยนาน90วัน

วสุธรรม · 9 มกราคม 2010

การตรวจเลือดก่อนแต่งงาน หรือก่อนมีบุตร

การตรวจเลือดก่อนแต่งงาน หรือก่อนมีบุตร แบ่งออกได้เป็น 2 แบบคือ

1.โรคเลือดจางที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม จากพ่อแม่สู่ลูก ได้แก่
1.1 โรคเลือดจางธาลัสซีเมีย (Thalassemia)
1.2 โรคเลือดจางฮีโมโกบิน อี (Hemoglobin E)
1.3 โรคเลือดจางจากขาดเอ็นไซม์G6PD (G6PD defficiency)

2.โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ได้แก่
2.1 โรคติดเชื้อไวรัสโรคเอดส์หรือHIV (HIV infection)
2.2 โรคติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ ชนิด บี (HBV infection)
2.3 โรคติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ ชนิด ซี (HCV infection)
2.4 โรคซิฟิลิส (Syphylis) โรคนี้เคยหายไปนาน ปัจจุบันเริ่ม
ตรวจพบอีกแล้ว

ถ้าคุณได้ผ่านการตรวจโรคทั้งสองกลุ่มแล้วจึงจะ
รับรองได้ว่า จะกำเนิดบุตรที่เป็นปกติและปลอดภัย
ได้ครับ

วสุธรรม · 11 มกราคม 2010

ผมขออนุญาต พักกระทู้ชั่วคราว

เพื่อเข้าปฏิบัติธรรม(ที่บ้าน)

อนุโมทนาครับ

วสุธรรม · 22 มกราคม 2010

สารบัญความรู้ จากวสุธรรม

http://palungjit.org/threads/รับปรึกษาปัญหาเรื่องตรวจเลือดและส่งเสริมสุขภาพฟรี.220805/
http://palungjit.org/threads/รักษาโรคมึนหัว-อ่อนเพลีย-เป็นประจำ-หายด่วน-แต่ไม่หายขาด.217163/
http://palungjit.org/threads/ปราบโรคไข้เลือดออกและโรคชิคุนกุนยาได้แล้ว.220002/
http://palungjit.org/threads/คุณมีสเปรย์ฆ่าเชื้อโรค-ใช้กันหรือยัง-เชิญชมที่นี่.219564/

http://palungjit.org/threads/สตอเบอ...ากนิมิตรหลวงปู่โลกอุดร-โดย-เรืองตะวัน.219195/

noonei789 · 24 มกราคม 2010

ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆค่ะ

paul1234 · 24 มกราคม 2010

หวัดดีครับพี่ ผมจบ วิศวะ.รุ่น 24 ยินดีที่รู้จัก

<TABLE style="WIDTH: 194pt; BORDER-COLLAPSE: collapse" cellSpacing=0 cellPadding=0 width=258 border=0><COLGROUP><COL style="WIDTH: 38pt; mso-width-source: userset; mso-width-alt: 1865" width=51><COL style="WIDTH: 65pt; mso-width-source: userset; mso-width-alt: 3145" width=86><COL style="WIDTH: 65pt; mso-width-source: userset; mso-width-alt: 3181" width=87><COL style="WIDTH: 26pt; mso-width-source: userset; mso-width-alt: 1243" width=34><TBODY><TR style="HEIGHT: 15pt" height=20><TD class=xl66 style="BORDER-RIGHT: #ece9d8; BORDER-TOP: #ece9d8; BORDER-LEFT: #ece9d8; WIDTH: 38pt; BORDER-BOTTOM: #ece9d8; HEIGHT: 15pt; BACKGROUND-COLOR: #b6dde8" width=51 height=20> </TD><TD class=xl66 style="BORDER-RIGHT: #ece9d8; BORDER-TOP: #ece9d8; BORDER-LEFT: #ece9d8; WIDTH: 65pt; BORDER-BOTTOM: #ece9d8; BACKGROUND-COLOR: #b6dde8" width=86> </TD><TD class=xl66 style="BORDER-RIGHT: #ece9d8; BORDER-TOP: #ece9d8; BORDER-LEFT: #ece9d8; WIDTH: 65pt; BORDER-BOTTOM: #ece9d8; BACKGROUND-COLOR: #b6dde8" width=87> </TD><TD class=xl66 style="BORDER-RIGHT: #ece9d8; BORDER-TOP: #ece9d8; BORDER-LEFT: #ece9d8; WIDTH: 26pt; BORDER-BOTTOM: #ece9d8; BACKGROUND-COLOR: #b6dde8" width=34> </TD></TR><TR style="HEIGHT: 15.75pt" height=21><TD class=xl66 style="BORDER-RIGHT: #ece9d8; BORDER-TOP: #ece9d8; BORDER-LEFT: #ece9d8; BORDER-BOTTOM: #ece9d8; HEIGHT: 15.75pt; BACKGROUND-COLOR: #b6dde8" height=21> </TD><TD class=xl67 style="BORDER-RIGHT: #ece9d8; BORDER-TOP: #ece9d8; BORDER-LEFT: #ece9d8; BORDER-BOTTOM: #ece9d8; BACKGROUND-COLOR: #b6dde8; mso-ignore: colspan" align=left colSpan=2>อนุโมทนา... สาธุ...</TD><TD class=xl66 style="BORDER-RIGHT: #ece9d8; BORDER-TOP: #ece9d8; BORDER-LEFT: #ece9d8; BORDER-BOTTOM: #ece9d8; BACKGROUND-COLOR: #b6dde8"> </TD></TR><TR style="HEIGHT: 24.75pt; mso-height-source: userset" height=33><TD class=xl68 style="BORDER-RIGHT: #ece9d8; BORDER-TOP: #ece9d8; BORDER-LEFT: #ece9d8; BORDER-BOTTOM: #002060 2pt double; HEIGHT: 24.75pt; BACKGROUND-COLOR: #b6dde8; mso-ignore: colspan" align=left colSpan=4 height=33>ขอให้เจริญในธรรม..และถึงซึ่งนิพพาน</TD></TR><TR style="HEIGHT: 23.25pt; mso-height-source: userset" height=31><TD class=xl66 style="BORDER-RIGHT: #ece9d8; BORDER-TOP: #ece9d8; BORDER-LEFT: #ece9d8; BORDER-BOTTOM: #ece9d8; HEIGHT: 23.25pt; BACKGROUND-COLOR: #b6dde8" height=31> </TD><TD class=xl69 style="BORDER-RIGHT: #ece9d8; BORDER-TOP: #ece9d8; BORDER-LEFT: #ece9d8; BORDER-BOTTOM: #ece9d8; BACKGROUND-COLOR: #b6dde8; mso-ignore: colspan" align=left colSpan=2>ทาน ศิล สมาธิ ปัญญา</TD><TD class=xl66 style="BORDER-RIGHT: #ece9d8; BORDER-TOP: #ece9d8; BORDER-LEFT: #ece9d8; BORDER-BOTTOM: #ece9d8; BACKGROUND-COLOR: #b6dde8"> </TD></TR></TBODY></TABLE>

prapang · 25 มกราคม 2010

ค่ะ หนูขอปรึกษาด้วยนะคะ คือหนูไปตรวจสุขภาพมาแล้วพบว่ามีก้อนเนื้อที่ตับน่ะค่ะ หมอเค้าให้ไปตรวจอีกครั้งว่าเป็นเนื้อดีหรือเนื้อร้าย หนูไม่กล้าจะไปตรวจอีกอ่ะ ยอมรับค่ะว่ากลัว เอ่อ...หนูควรจะทำอย่างไรดีค่ะ กราบรบกวนช่วยตอบด้วยนะคะ

วสุธรรม · 26 มกราคม 2010

ตอบคำถาม

prapang said: ↑

ค่ะ หนูขอปรึกษาด้วยนะคะ คือหนูไปตรวจสุขภาพมาแล้วพบว่ามีก้อนเนื้อที่ตับน่ะค่ะ หมอเค้าให้ไปตรวจอีกครั้งว่าเป็นเนื้อดีหรือเนื้อร้าย หนูไม่กล้าจะไปตรวจอีกอ่ะ ยอมรับค่ะว่ากลัว เอ่อ...หนูควรจะทำอย่างไรดีค่ะ กราบรบกวนช่วยตอบด้วยนะคะ
Click to expand...

1.ที่คลินิกตรวจเลือดของผม มีบริการตรวจสุขภาพรวม ได้พบว่า มีลูกค้า
จำนวนมาก มีภาวะตับอักเสบ มีเอ็นไซม์ตับ2ชนิดที่มีค่าสูงระดับเล็กน้อย
คือAST or SGOTและALT or SGPT ซึ่งถ้าไปตรวจอัลต้าซาวนด์จะพบ
ถุงน้ำ หรือก้อนเนื้อได้
ไม่ต้องตกใจครับ ถ้าพบเอ็นไซม์ตับดังกล่าวมีค่าสูงเล็กน้อย โดยทั่วไป
มักพบว่ามีสาเหตุมาจาก ไม่ได้ระวังตนเองปล่อยให้ยุงกัดเสมอ จะทำให้มี
เชื้อไวรัสไข้เลือดออกชนิดที่3-4 เข้าไปชุมนุมกันที่ตับ(โดยทั่วไปผู้ป่วยจะ
มีอาการคล้ายเป็นหวัดเรื้อรัง มึนงงศรีษะเสมอ และอ่อนเพลียผิดปกติ
ถ้าคุณมีอาการดังกล่าวสามารถแก้ไขได้โดย 1.ระวังอย่าให้ยุงกัดอีก
2.ดื่มนมถั่วเหลืองเป็นประจำวันละ1-3กล่องต่อวัน นาน7วัน ก้อนเนื้อดัง
กล่าวจะสามารถยุบหายเป็นปกติได้ครับ
2.ถ้าจะให้ดีควรตรวจเลือด หาสารอัลฟ่าฟีโทโปรตีน(Alpha feto protein)
ซึ่งจำเพาะต่อมะเร็งตับ ซึ่งถ้าเป็นมะเร็งตับจะมีค่าสูงปานกลางถึงมาก
แต่ผมเชื่อว่าคุณน่าจะเป็นตามข้อ1 มากกว่าครับ( มีคนเป็นเยอะแยะเลย)

prapang · 26 มกราคม 2010

หนูขอกราบขอบพระคุณอย่างที่สุดเลยค่ะ ที่ให้คำแนะนำ กำลังใจดีขึ้นมาจนเป็นน้ำตาไหลไม่หยุดเลยค่ะ ขอบพระคุณมากจริง ๆ

uuuu0010 · 23 กุมภาพันธ์ 2010

มีประโยชน์มากคะ

kikinlala · 24 กุมภาพันธ์ 2010

วสุธรรม said: ↑

1.ที่คลินิกตรวจเลือดของผม มีบริการตรวจสุขภาพรวม ได้พบว่า มีลูกค้า
จำนวนมาก มีภาวะตับอักเสบ มีเอ็นไซม์ตับ2ชนิดที่มีค่าสูงระดับเล็กน้อย
คือAST or SGOTและALT or SGPT ซึ่งถ้าไปตรวจอัลต้าซาวนด์จะพบ
ถุงน้ำ หรือก้อนเนื้อได้
ไม่ต้องตกใจครับ ถ้าพบเอ็นไซม์ตับดังกล่าวมีค่าสูงเล็กน้อย โดยทั่วไป
มักพบว่ามีสาเหตุมาจาก ไม่ได้ระวังตนเองปล่อยให้ยุงกัดเสมอ จะทำให้มี
เชื้อไวรัสไข้เลือดออกชนิดที่3-4 เข้าไปชุมนุมกันที่ตับ(โดยทั่วไปผู้ป่วยจะ
มีอาการคล้ายเป็นหวัดเรื้อรัง มึนงงศรีษะเสมอ และอ่อนเพลียผิดปกติ
ถ้าคุณมีอาการดังกล่าวสามารถแก้ไขได้โดย 1.ระวังอย่าให้ยุงกัดอีก
2.ดื่มนมถั่วเหลืองเป็นประจำวันละ1-3กล่องต่อวัน นาน7วัน ก้อนเนื้อดัง
กล่าวจะสามารถยุบหายเป็นปกติได้ครับ
2.ถ้าจะให้ดีควรตรวจเลือด หาสารอัลฟ่าฟีโทโปรตีน(Alpha feto protein)
ซึ่งจำเพาะต่อมะเร็งตับ ซึ่งถ้าเป็นมะเร็งตับจะมีค่าสูงปานกลางถึงมาก
แต่ผมเชื่อว่าคุณน่าจะเป็นตามข้อ1 มากกว่าครับ( มีคนเป็นเยอะแยะเลย)
Click to expand...

รบกวนถามนิดนึงนะคะ ทำไมนมถั่วเหลืองจึงไปสลายก้อนนั้นได้คะ แล้ว
แล็บคุณวสุอยู่ที่ไหนคะ?

เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

รับปรึกษาปัญหาเรื่องตรวจเลือดและส่งเสริมสุขภาพ โดย นักเทคนิคการแพทย์

วสุธรรม พลังรักอมตะ

วสุธรรม พลังรักอมตะ

ไฟล์ที่แนบมา:

tissuePS copy.jpg

Bloodcompos.JPG

NormalRBC.jpg

วสุธรรม พลังรักอมตะ

วสุธรรม พลังรักอมตะ

ไฟล์ที่แนบมา:

DSC09900.JPG

เครื่องตรวจเลือด.JPG

วสุธรรม พลังรักอมตะ

วสุธรรม พลังรักอมตะ

วสุธรรม พลังรักอมตะ

วสุธรรม พลังรักอมตะ

วสุธรรม พลังรักอมตะ

วสุธรรม พลังรักอมตะ

วสุธรรม พลังรักอมตะ

วสุธรรม พลังรักอมตะ

วสุธรรม พลังรักอมตะ

noonei789 เป็นที่รู้จักกันดี

paul1234 เป็นที่รู้จักกันดี

prapang เป็นที่รู้จักกันดี

วสุธรรม พลังรักอมตะ

prapang เป็นที่รู้จักกันดี

uuuu0010 เป็นที่รู้จักกันดี

kikinlala เป็นที่รู้จักกันดี

แชร์หน้านี้

แชร์หน้านี้

เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

รับปรึกษาปัญหาเรื่องตรวจเลือดและส่งเสริมสุขภาพ โดย นักเทคนิคการแพทย์

ไฟล์ที่แนบมา:

tissuePS copy.jpg

Bloodcompos.JPG

NormalRBC.jpg

ไฟล์ที่แนบมา:

DSC09900.JPG

เครื่องตรวจเลือด.JPG

แชร์หน้านี้

การค้นหาที่มีประโยชน์

ติดต่อเรา