หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง กับ หลวงพ่อจันทร์ วัดมฤคทายวัน

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย modpong, 13 มีนาคม 2010.

  1. เด็กบางแค

    เด็กบางแค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    468
    ค่าพลัง:
    +1,989
    สวัสดีครับ ผมคอยตามมาอ่านแต่ไม่ได้ล็อคอินเข้ามานะครับ ผมเคยแต่ได้ยินชื่อหลวงปู่ครับ
    ขอบพระคุณสำหรับบทความดีๆ ด้วยนะครับ
     
  2. tong5959

    tong5959 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    2,056
    ค่าพลัง:
    +6,083
    [​IMG]
     
  3. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ...ขอบคุณครับคุณ TATTY ที่ช่วยตอบแทนให้...ยังมีอัฐิท่านก็เยี่ยมแล้ว...ลูกศิษย์ท่านที่ปลุกเสกก็ยอดเยี่ยมครับ....
    ....ขอบคุณครับ.คุณ ..เด็กบางแค..ที่ติดตาม ผมให้ความรู้แก่พวกท่านเต็มที่ แต่ในรูปแบบของผมนะครับ....บางท่านทราบข้อมูลบางอย่างมาไม่ตรงกับผม ผมก็จนใจครับเพราะยังไงผมก็จะเขียนไปตามที่ผมสัมผัสมา ..บางทีท่านก็ต้องพิจารณาที่มาของข้อมูลอย่างถ่องแท้....post ก่อนหน้าผมก็เคยบอกไปแล้ว ว่าผมทนไมได้ที่มีข้อมูลบางส่วนที่สับสน คนรุ่นใหม่ที่เพิ่งสนใจก็ได้รับข้อมูลที่สับสนไป จากหนังสือบ้าง จาก web บ้าง
    ผมจะยกตัวอย่างให้ .....พี่ชายคนโตที่รับการลงกระหม่อมจาก หลวงพ่อศุข...นี่แหละ
    (เล่าไว้ในตอนก่อนหน้านี้) วันหนึ่ง มีรุ่นน้องที่ชอบเล่นพระและทำตัว...คล้ายเซียน...พระรุ่น พระอะไร..รู้หมด
    ............ทราบจากคนอื่นว่า พี่ชายผมมีพระดีๆหลายองค์ ก็มาขอดู พี่ชายผมก็ถอดสร้อยให้ดู .....แกก็ดู องค์นั้น องค์นี้...ดูไปก็บอกไปองค์นี้เป็นพิมพ์อะไร..ประวัติเป็นยังไง...พอไปถึงองค์สำคัญคือ...เหรียญหลวงพ่อศุข องค์ประจำตัว (เล่าไปแล้วเหมือนกันว่า..พิเศษยังไง.....แกยังเก่งรู้ว่าเป็นรุ่น ๒๕๐๐ (แม้ว่าไม่เห็นด้านหลัง เพราะมีชันนางโรง ผสมชานหมากท่านแปะปิดอยู่) ....แกก็เริ่มหัวเราะ(..เยาะหน่อยๆ) แล้วบอกพี่ชายผม
    ...พี่..รุ่นนี้ไม่ทันท่านหรอกพี่เอามาห้อยทำไม..( แล้วยังหัวเราะต่อ....) พี่ผมก็ดึงสร้อยพระกลับมา แล้วบอกแกด้วยไปหน้าเฉยๆว่า....เอาเหอะยังไง...ตูก็ยังห้อยต่ออยู่ดี...เพราะพระองค์นี้พ่อตูรับมาจากมือ..หลวงพ่อศุขเอง...แล้วตูก็นั่งอยู่ตอนนั้นด้วย แล้วเอ็งว่า...ทันท่านมั้ยวะ........ .....จากมาดราชสีห์ ก็ กลายเป็น....หมาหงอย ไปทันที....... แล้วก็ ยกมือ ไหว้พี่ชายผม ขอโทษ และ ต่อด้วยคำว่า ...เหรอพี่...
    ....นี่เป็นเหตุการณ์เมื่อประมาณ ๒-๓ ปีที่ แล้ว ที่มีบางคนได้เหรียญรุ่นนี้มา เจอ พวกเซียน(จริงรึเปล่า) และพวกซื้อ-ขาย พระบอกว่า...ไม่ทันท่าน....ราคาเหรียญไม่เกิน ๕๐๐ บาท ....ผมมีรุ่นพี่ที่เคารพรักยิ่งอยู่คนหนึ่ง ...แกชื่อ..พี่หยอย...ชอบพระ..คอเดียวกันเลย...ถนัดพระสายใต้....ตอน หลวงพ่อศุข เริ่มดัง(มีลงเรื่องต่อเนื่องในหนังสือพระรายเดือน....ซัก สิบกว่าปีแล้ว) ราคายังอยู่หลักพันอยู่เลย ขนาดสวยๆ.. พี่แกอ่านเรื่องก็สนใจ ....ก่อนหน้านี้แกไม่เคยรู้จักเลย แกรู้ว่าผมเคยอยู่เมืองเพชร แกก็ถามผมเรื่อง หลวงพ่อศุข ผมก็เล่าให้แกฟังแบบที่ผมเล่าให้พวกท่านนี่แหละ คราวนี้แกก็คลั่งเลย...ตอนนั้นเหรียญปี ๒๔๙๘ มีปลอมแล้ว หลายเวอร์ชั่นด้วย แกอยากได้มั่ง ผมก็เอาของผมให้แกดู แล้วจำไว้ แต่ผม บอกแกว่า ถ้าี่พี่เจอ...เหรียญวัดเพรียง(ตอนนั้นยังไม่มีปลอม...ไม่มีใครรู้จัก) กับ เหรียญปี ๒๕๐๐ (ไม่มีปลอมเหมือนกัน ) พี่เก็บไว้เลยนะ
    ท่านปลุกเสกเอง ทั้งคู่ ตอนนั้นหนังสือพระไม่กล่าวถึงเลย.....แกก็ถามผมว่า ...เอ็งชัวร์นะ... ผมก็บอกแก....ชัวร์พี่..พี่เจอเท่าไหร่เก็บไว้เลย..ยังไม่มีปลอมด้วย แกก็บอก OK ...ข้าเชื่อเอ็ง หลังจากนั้นไม่กี่เดือน แกก็โทรมาบอก ว่าได้แล้ว วัดเพรียง ไมถึง ๑๐๐ บาท หลังจากนั้นแกก้ได้ ๒๕๐๐ ก็ไม่ถึง ร้อย เหมือนกัน แกก็ไล่เก็บมาตลอด
    ซัก ๓ - ๔ ปีถัดมา หนังสือก็ค่อยๆ เผยเรื่องเหรียญ วัดเพรียงออกมา .....ขณะที่เหรียญ ๒๕๐๐ ไปถาม เซียนๆก็บอกว่า ...ไม่ทันท่าน....แถมยังมีหนังสือบางเล่มบอก...ทำนองเดียวกัน วงการทั่วไปก็ยังเชื่อเช่นนั้นมาจนเมื่อ ๒-๓ปี ที่แล้ว มาเจอ พี่หยอยอีกที่งานศพ
    แกยังตะหงิดๆเรื่อง เหรียญ ๒๕๐๐ แกก็ยังผมว่า เอ็งชัวร์นะ ....ผมก็บอกแก ....ชัวร์พี่ พี่ถามผมอีก ร้อยครั้ง ผมก็บอกเหมือนเดิม....แกก็บอก...ข้าไม่ถามเอ็งอีกแล้วข้ามั่นใจแน่แล้ว แกมาเล่าทีหลังว่า แกไปหาพวกขายพระขาซี้แกกี่คนๆ ก็จะบอกว่าพี่จะเก็บไปทำไม...ไม่ทันท่าน แกก็บอกพวกนั้นว่าไม่เป็นไรข้าชอบ.....ป่านนี้แกคงสบายใจแล้ว..
    ...เพราะเริ่มมีการ...ระบุบ้างแล้วว่า ...ทันท่าน...................
    .......ความจริงตั้งแต่แรกตอนที่หลวงพ่อเริ่มมาดังใหม่ๆซัก ปี ๒๕๓๖-๒๕๓๗ อะไรประมาณนี้ เมื่อเริ่มสืบประวัติท่าน ที่เมืองเพชร เซียนท้องถิ่น คนเฒ่าคนแก่ ที่วัด.. ทำไมจะไม่รู้ว่า... ท่านปลุกเสกเหรียญกี่รุ่น...ผมก็ไม่ทราบว่าเกี่ยวกับ..ผลประโยชน์รึเปล่า...
    ..............................................................................
    ......................................................................................
    หลวงพ่อศุข ท่านเสีย ประมาณ เดือน ธันวาคม ปี ๒๕๐๐....ครับ..เข้าใจไว้ด้วย
    .......................................................................................
    ท่านปลุกเสกพระในปี ๒๕๐๐ มีรายดังต่อไปนี้ เท่าที่ผมทราบ
    ๑. ร่วม ปลุกเสก พระ ๒๕ พุทธศตวรรษ กับ เกจิทั่วประเทศ ที่กรุงเทพ วัดสุทัศน์
    ...............................................................................................
    ๒..ร่วม ปลุกเสก พระ ๒๕ พุทธศตวรรษ และ ธงเสมาธรรมจักร ของ จังหวัดเพชรบุรี ร่วมกับเกจิอาจารย์ ของเมืองเพชร ที่ วัดมหาธาตุเพชรบุรี
    ...............................................................................................
    ๓ ... ร่วม ปลุกเสก พระสมเด็จ ปี ๒๕๐๐ ของหลวงปู่นาค วัดระฆัง ร่วมกับ เกจิจากหลายสำนัก ที่ วัดระฆัง...กรุงเทพ
    ...................................................................................................
    ๔. ร่วม ปลุกเสก พระกริ่ง และ พระพุทธชินราช ของ โรงพยาบาลสงฆ์ ร่วมกับ
    เกจิหลายสำนัก ที่ โรงพยาบาลสงฆ์ กรุงเทพ
    ..................................................................................................
    ๕. ปลุกเสกเดี่ยว เหรียญรูปหลวงพ่อ(บล็อก ๒๔๙๘ เดิม ที่ หลวงพ่อจันทร์เก็บไว้)หลัง..ชันนางโรงปั๊มพระลีลาเป็นรอยบุ๋มลงไป ของหลวงพ่อจันทร์ (รุ่น ๑ แท้จริงของหลวงพ่อจันทร์) เพื่อฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ ที่วัดโตนดหลวง เพชรบุรี
    ...................................................................................................
    ๖. ปลุกเสกเดี่ยว เหรียญรูปหลวงพ่อ(แกะบล็อกใหม่) ด้านลัง ระบุ ปี ๒๕๐๐ เพื่อฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ ของวัดโตนดหลวง ดำเนินการโดย หลวงพ่อจันทร์
    ..................................................................................................
    ทั้งหมดนี้ไม่ได้เรียงลำดับก่อนหลัง......แล้วพวกที่ว่า ปี๒๕๐๐ ท่านป่วย จนมรณภาพ....เอามาจากไหน....

    ....รายการที่ ๑ , ๓ และ ๔ มี พระจากเพขรบุรี ร่่วมพิธี ๓ องค์ คือ พระสุวรรณมุนี(หลวงพ่อชิต ) วัดมหาธาตุ พระครูพินิจสุตคุณ (หลวงพ่อทองศุข) วัดโตนดหลวง และพระครูวิบูลย์ศีลาจารย์ (หลวงพ่อผิน) วัดโพธิ์กรุ บ้านลาด
    ...................เฉพาะองค์สุดท้ายนี่ จำชื่อ ท่านให้ดี...นี่แหละ...ของจริง....ถ้าไม่แน่จริงก็คงไม่ถูกนิมนต์ ร่วมกับสุดยอดอาจารย์ทั้งสอง...ของเมืองเพชรหรอกครับ ท่านเก่งจริงๆ แตนักเลงพระทั่วไปไม่รู้จัก...............
    ...........................................สวัสดี....ขอคั่นอีกที...มันมีอารมณ์


     
  4. sareem

    sareem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +434
    สุดยอดครับน้า..ผมอ่านแล้วชอบมากครับได้ความรู้ขึ้นอีกเยอะเลยครับ
     
  5. มากับพระครับ

    มากับพระครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,153
    ค่าพลัง:
    +1,836
    เพิ่งพักจากภาระกิจกลับเข้าเวปมาเห็นพี่จขกท.นำเรื่องราวของคุณพ่อศุขมาเล่าให้คนรุ่นหลังได้อ่านแล้วรู้สึกทราบซึ้งในความศรัทธาจริงๆ จนอดเข้าร่วมกระทู้ไม่ได้ หากผมมีเวลาจะขออนุญาติเล่าเสริมในส่วนที่ผมได้สัมผัสมาหน่อยนะครับ วันนี้ขอนำรูปขาวดำคุณพ่อ กับ คุณพ่อจ่าง วัดเขื่อนเพชร ศิษย์รุ่นใหญ่ของคุณพ่ออีกรูปหนึ่งมาลงให้ชม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มีนาคม 2010
  6. มากับพระครับ

    มากับพระครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,153
    ค่าพลัง:
    +1,836
    หากวันอาทิตย์มีเวลาจะค่อยๆค้นรูปต่างๆพร้อมข้อมูลมาเพิ่มอีกครับ ที่จริงแล้วผมเคยนำประวัติวัดและประวัติคุณพ่อสั้นๆมาลงไว้ในกระทู้เก่าๆ มีเวลาจะขออนุณาติท่านจขกท.ไปดึงมารวมไว้ที่นี่ครับ
     
  7. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    .......ขอบคุณอีกครั้งครับ....คุณSAREEM พอผ่านไป หลายๆตอน ผมก็จะเล่าสาเหตุที่มา ที่เหรียญหลวงพ่อศุขปี ๒๔๙๘ ทำไมถึงพึ่งจะมาดังระดับสากล หลังจากสร้างมาร่วม ๔๐ ปี ขณะที่ เหรียญที่สร้างทีหลังหลายปี ใช้เวลาแค่ ไม่ถึง ๑๐ ปี(เหรียญเมืองเพชร เหมือนกัน) ก็ดังแพงเกือบ หมื่น แต่เวลาเดียวกันตอนนั้น หลวงพ่อศุูข ราคาไม่ถึงพัน (ในระดับสากล ไม่ใช่ท้องถิ่น)......ที่มาก็เพราะประสพการณ์ความเหนียว ของเหรียญ ปี ๒๔๙๘ นั่นเอง .....อ๊ะ...อ๊ะ...งง..ละซิ....แล้วผมจะเล่าให้ฟัง.....ทีหลัง....
    .................................................................................................
    ........กลับมาเข้าเรื่อง ระหว่างที่อยู่เมืองเ้พชร พ่อผมก็มีงานอดิเรก อย่างนึงคือ....การถ่ายรูป....พ่อผมต้องเก็บหอมรอมริบ เป็นเวลาหลายปีมาก ที่จะซื้อกล้องถ่ายรูป ซักตัว.......เป็นกล้องที่ต้องคนอายุใกล้เคียงกับผมถึงจะเคยเห็น กล้องที่ก่อนจะถ่ายต้องดึง...HOOD (เป็นกล่องผ้าที่ต่อมาจาก เลนส์ ยืดเข้า-ออกได้) ขนาด ฟิลม์ ๗๐ มม. ทุกอย่างต้อง กะ เอาและ ตั้ง เองหมด ทั้ง ขนาดช่องรับแสง ความเร็วหน้ากล้อง และ ระยะ โฟกัส แต่พ่อก็ มีความชำนาญ ถ่ายภาพได้ดี..........เหตุการณ์ล่วงเลยเข้ามากลางปี ๒๔๙๕ พ่อก็ไม่ได้บอกผมว่า พ่อรู้ล่วงหน้าจากคำสั่งที่ให้ไปรับตำแหน่งใหม่่ที่กรุงเทพรึเปล่า หรือพ่ออยากจะถ่ายรูปหลวงพ่อไว้บูชาที่ห้องพระฐานะพระที่พ่อนับถือที่สุด ....หรือเพราะจะจากหลวงพ่อไปไกลโอกาศที่กลับมาหาคงยากจะได้เอาไว้กราบบูชายามคิดถึงหลวงพ่อ .......แต่ก่อนหน้าพ่อก็ได้ปรีกษากับแม่แล้วว่า....อยากได้รูปหลวงพ่อไว้ดูเป็นที่ระลึก และก็ไว้บูชาด้วย
    ...........เหนือสิ่งอื่นใด สิ่งที่ทั้งพ่อและแม่เคยคุยกันและแปลกใจคือ ปกติพระผู้ใหญ่ที่มีคนเเคารพนับถือกันทั้งเมือง แบบหลวงพ่อ เขาก็จะมีรูปถ่ายแขวนไว้บ้าง ......บาน หรือ สองบาน แต่หลวงพ่อ ...ไม่มี.... พ่อกับแม่ก็ไม่ได้ถามท่าน......เพราะก็เข้าใจความ..สมถะ..ของท่าน แต่ในใจพ่อด้วยความนับถือ อยากจะให้...มี...กับเข้าบ้าง และมันก็เป็นผลพลอยได้เราก็มีรูปไว้บูชา ที่วัด ก็จะได้มีรูป หลวงพ่อเก็บไว้ด้วย...................................
    .................................................................................
    ...........................ดังนั้น เมื่อถึง วันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๔๙๕ (วันที่ถ่ายรูป พ่อเขียนไว้ใต้รูปท่าน ฉะนั้นท่านทั้งหลาย ไม่ต้องแปลกใจว่า ทำไมจำได้ ) พ่อผมก็เตรียม กล้อง พร้อม ฟิลม์ เดินทางไปที่วัดโดย ไม่ได้แจ้งให้ท่านทราบมาก่อน ก็ไปเหมือนไปเยี่ยมท่านปกติ หลังจากสนทนากันซักพัก
    ..........พ่อก็บอกหลวงพ่อว่า อยากจะขออนุญาตถ่ายรูปหลวงพ่อเก็บไว้บูชาเผื่อต้องมีการโยกย้าย ก็ยังมีความรู้สึกเหมือนมีหลวงพ่ออยู่เป็นมิ่งขวัญด้วย(ทำนองนี้....) ทีแรกท่านก็นิ่งสักพัก (ท่านทั้งหลายคงจำได้ว่า ผมเคยเล่ามาแล้ว ว่า หลวงพ่อจันทร์บอกว่า สิ่งที่ท่านไม่ชอบคือ การถูกถ่ายรูป...)......
    .......................................................................
    ....แล้วท่านก็พยักหน้้าตอบรับ ท่านก็เอา...จีวร(ขยำๆ พับครึ่งไว้)ที่ท่านพาดไหล่ไว้มาคล้องคอ โดยชายจีวร(ที่พับครึ่งไว้เดิม)ทั้งสองปลาย ห้อยลงมาปิดนมท่านไว้(ท่านคงไม่อยากให้ดูแล้วไม่ดี)....ลักษณะเหมือนที่ท่านผ้าเช็ดตัวมาคล้องคอแบบนั้นแหละ...................ที่ต้องขยายความเพื่อที่ืท่านจะเข้าใจ...ว่าท่านให้ความเมตตากับพ่อผมขนาดไหน....คือขอขยายความเรื่องท่านหน่อย.....ด้วยความสนิทและคุ้นเคย เวลาพ่อกับแม่ไปเยี่ยมท่าน ่ทานก็จะอยู่ในชุดปกติของท่าน.....คือ สบง กับ จีวรขยำๆพาดบ่าข้างเดียว ไม่ใส่อังสะ ง่ายๆ..ก็บอกแล้วว่าท่านไม่ชอบพิธีรีตรอง.....ไม่ต้องมาห่มจีวรเหมือนเวลาที่มีเแขกจากที่อื่นมาหา....
    ............................................ท่านก็นั่งที่ขอบชานบน แล้วก็ ห้อยขาลงมา เหมือนนั่งเก้าอี้ แล้วก็เอามือทั้งสองข้าง วางบนเข่า...เป็นไงครับเหมือนที่ ผมบอกมั้ยว่า แบบสบาย สบาย (นี่แหละ ครับที่พระอริยสงฆ์ ระดับ หลวงพ่อจันทร์ เห็นภาพนี้ครั้งแรก (เมื่อพ่อผม เอาไปให้ท่านดู......ที่ผมจะเล่าในรายละเอียดในการไปพบท่าน ในตอนของ หลวงพ่อจันทร์ )...น้ำตาท่านไหลออกมาคลอเบ้า ด้วยความคิดถึงอาจารย์ท่าน ท่านยิ้มแล้วบอกว่า..ไม่เคยเห็นรูป..คุณพ่อ(คำที่ท่านเีรียกอาจารย์ท่าน) ที่สบายเป็นตัวตนของท่านจริงๆเหมือนรูปนี้มาก่อน....แล้วท่านก็...นิ่ง..จ้องภาพไปแล้วก็ยิ้มไป.....(ผมอยู่ตรงนั้น..ขณะนั้น..และเห็นชัดกับลูกกะตาตัวเอง)
    (ผมจะมาเล่าในรายละเอียด อีกครั้ง เพราะรูปนี้มี...สิ่งที่แสดงถึง...ปาฏิหารย์จากพลัง..ฌานอันแก่กล้า ของหลวงพ่อศุข...ซึ่งจะเปิดเผยโดยหลวงพ่อจันทร์.....คอยหน่อยครับ..ถ้าอยากรู้)

    .......................................................................................
    ................................................แล้วท่านก็ก้มหน้าลงเล็กน้อย...และ..หลับตา (....นี่แหละครับท่านทั้งหลายที่นับถือท่าน และมีหรือ อยากมี เหรียญ ล็อกเก็ต(ที่ทำมาจากรูปถ่าย..ทำกันเอง) หรือ ภาพถ่าย ของท่าน จำไว้เลยว่า ท่านไม่เคย..ลืมตา..ถ่ายภาพ แม้แต่ภาพเดียว...หลับตาครับ...ต้องหลับตาเท่านั้น..จึงจะเป็นของท่าน(แม้แต่ภาพของพ่อผม)
    .......นั่นเป็นที่มา..ของเหรียญที่เขา(ไม่ใช่ผม)บอกว่าเป็นรุ่น ๑ ในรูป เป็นพระสงฆ์ที่ลืมตา ความเป็นมา....ผมไม่ทราบ..............
    ...................................................
    หลวงพ่อจันทร์ยืนยันกับผมว่า ท่านจะไม่ลืมตาถ่ายภาพเด็ดขาด เป็นรูปแบบของท่าน และท่านจะไม่ให้ใครถ่ายภาพท่าน..ถ้าท่านไม่อนุญาต ..และมีคนเคยลองหลายคนแล้ว...แต่ถ่ายไม่ติด........และหลวงพ่อจันทร์ยังบอกว่า....หลวงพ่อศุขไม่เคยสร้างเหรียญมาก่อน จนท่านขอ อนุญาตจัดสร้างให้เป็นครั้งแรก..๒๔๙๘...ผมยืนยัน....
    .........ขออภัย...มีอารมณ์อีกแล้วครับ เวลานึกถึง....เรื่องนี้
    ...................................................................................
    วกกลับเข้าเรื่องครับ...พ่อผมเล่าว่าพอท่านหลับตา ก็เหมือนสัญชาตญาณบอกเองว่า...พร้อมถ่ายแล้ว ซึ่งใช้เวลาตั้งค่าต่างๆเล็กน้อย ก็ คลิ้ก...
    ...............ความที่พ่อผมรู้อยู่แล้วว่า...ท่านอยู่ในสภาพนั้นท่านก็จะนิ่งแน่นอน....เมื่อ ถ่ายฯเสร็จ พ่อผมก็บอกท่าน (..ภาพเดียว พ่อมั่นใจ ) แล้ว เหตุการณ์ ก็กลับมาเหมือนเดิม สนทนากันต่อ แล้วซักพักพ่อกับแม่ก็ลากลับ
    .....ผมยืนยันกับท่านทั้งหลายได้..จากคำบอกเล่าของหลวงพ่อจันทร์ว่า ท่านไม่เคยให้ใครถ่ายภาพท่านแบบนี้มาก่อน (ภาพแบบสบายๆไม่เป็นทางการ และไม่ครองจีวรเต็มรูปแบบ )และไม่เคยเห็นภาพแบบนี้ของหลวงพ่อศุขหลังจากเวลาที่พ่อถ่าย(๒๔๙๕)เลย............................................
    ...............หลังจากนั้น พ่อผมก็เอา ฟิลม์ไปล้างและ อัดขยาย เป็นรูปขนาด ๕ นิ้ว คูณ ๗ นิ้ว ๒ รูป แล้วเอาไปเข้ากรอบ โดย แปะติดกับกระดาษแข็ง ขนาดใหญ่กว่า (ตามสไตล์การเข้ากรอบรูปสมัยนั้น) ก่อนจะนำเข้ากรอบ
    .......พ่อจะเขียนใต้รูป(บนกระดาษแข็ง..ว่า หลวงพ่อสุข อินทโชโต
    บรรทัดที่สอง ถ่ายเมื่อ ๑๕ กรกฏาคม ๒๔๙๕ ......ทั้งสองรูปเหมือนกัน แล้วเข้ากรอบไม้สีเหลือง ที่ปิด กระจกด้านหน้า และ อัดกระดาษแข็ง ด้านหลังอีก ๑ แผ่น เหมือนกัน ทั้งสองกรอบ .....รูปหนึ่ง(พร้อมกรอบ)เก็บไว้ที่บ้านที่ห้องพระ..(ที่ผมเน้นไว้...เรื่องสำคัญ จะปรากฏหลังจากนี้อีก ๒๐ ปี แล้วผมจะเล่าให้ฟัง....ภายหลัง) .....แล้วพ่อกับแม่ผมก็ นำอีกรูปพร้อมกรอบไปถายหลวงพ่อที่วัด ....หลวงพ่อท่านเห็นรูปตัวเอง...ก็ยิ้มนิดๆ
    พ่อผมก็บอกกับท่านว่า รูปนี้ขอถวายหลวงพ่อไว้ติดที่นี่ เผื่อไว้ให้คนได้ดูเป็นที่ระลึกและบูชา ท่านก็รับไว้ แล้วให้ ลูกศิษย์ท่านหาที่แขวนไว้แถวนั้น หลังจากสนทนาอีกซักพักพ่อกับแม่ก็กราบลาท่าน.........
    .............ท่านทั้งหลายคงแปลกใจว่าทำไม...พ่อผมไม่เอารูปที่บ้านมาให้ท่านลง..ให้ ผมบอกท่านไว้ในตอนแรกว่าพ่อผมไม่ได้สนใจเรื่องนี้ ก็เลยไม่ทราบธรรมเนียมเหมือนคนอื่นที่เขาทำกัน .....คิดแต่เอาไว้กราบไหว้บูชาเหมือนกับ พระพุทธรูป เฉยๆ
    .................................................หลังจากนั้นจนก่อนที่พ่อจะย้าย พ่อ ก็ยืนยันว่า ยังอยู่ที่เดิม ........แต่หลวงพ่อจันทร์ท่านบอกว่าไม่เคยเห็นรูปที่แขวนไว้เลย (ปกติ พ่อกับแม่ ไปเยี่ยม หลวงพ่อ ไม่เสาร์ ก็ อาทิตย์ แต่ หลวงพ่อจันทร์ ซึ่งขณะนั้น ครองตำแหน่ง เจ้าอาวาส อยู่วัดช้างแทงกระจาด
    ก็จะมาเยี่ยมหลวงพ่อศุข วันธรรมดา เลยไม่มีโอกาศได้พบท่านซักที ทั้งๆที่ตอนนั้น ท่านชื่อเ้สียงเริ่มโด่งดังแล้ว ) แสดงว่า หลังจากพ่อผมย้าย ต้องมีคนมาแอบขโมยไปแน่.........................................................
    .......................................ในตอนหน้า ก็เป็นตอนที่ พ่อกับ แม่กราบลาท่าน และ ท่านก็มอบ วัตถุมงคลให้ .............
    ........................................สวัสดีและขอบคุณทุกท่านที่สนใจอ่านติดต่อกันเรื่อยมา...ครับด้วยความจริงใจ........
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤษภาคม 2010
  8. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    .......โอ้....ด้วยความยินดีอย่างยิ่ง ..และขอบคุณมากๆครับ คุณ..มากับพระ ผมเคยได้ยินชื่อเสียงมานานแล้วครับ เป็นรุ่นน้อง หลวงพ่อจันทร์ อีกองค์ที่เก่ง.......
     
  9. CheKuvara

    CheKuvara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,460
    ค่าพลัง:
    +19,342
    ขอบคุณมากครับ ที่นำเรื่องราวและความรู้ดีๆ มาให้อ่านกัน ขอชมอีกอย่างครับ ผมอ่านมาตั้งแต่หน้าแรก พิมพ์ผิดน้อยมากๆครับ แสดงถึงความตั้งใจในการถ่ายทอดจริงๆ นับถือๆครับ
     
  10. มากับพระครับ

    มากับพระครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,153
    ค่าพลัง:
    +1,836
    เรื่องเหรียญรุ่นแรกนั้นแกะมาจากรูปในใบสุทธิของคุณพ่อศุขครับ จึงเป็นหน้าหนุ่ม และจริงอย่างที่ว่าคุณพ่อไม่เคยลืมตาถ่ายรูปครับ และศิษย์ในสายของคุณพ่อเป็นอย่างนี้ทุกองค์จนผมต้องเรียนขอทุกท่านทุกครั้งที่ถ่ายรูปว่าขอให้หลวงพ่อลืมตาให้ถ่าย ปัจจุบันศิษย์ของคุณพ่อรุ่นอายุมากก็ยังอยู่หลายองค์ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มีนาคม 2010
  11. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    .......ขอบคุณครับ คุณ...มากับพระครับ....ผมเข้าใจที่คุณบอก แต่ที่ผมบอกว่า...มาจากสูจิบัตร...ผมเคยอ่านแล้วครับ..ที่มาจากใครผมไม่ทราบ แต่หลวงพ่อจันทร์ยืนยัน กับผมเองว่า แม้ในภาพสูจิบัตรพระท่านก็...หลับตา และให้ทุกท่านสังเกตว่า ...ภาพพระที่ติดสูจิบัตร จะไม่....เอียงข้างครับ ต้องถ่ายหน้าตรงเท่านั้น แม้ในปัจจุับัน... และมีรูปถ่าย บางรูปที่บอกว่าเป็นรูปท่าน ออกแนวคล้ายๆเหรียญที่คุณว่า ...แต่..ขอโทษ สังเกตการห่มจีวร ซิครับ...นั่นเป็นการ ห่มคลุมชัดๆ ....คือพระในภาพต้องเป็น พระธรรมยุติ.....แต่ หลวงพ่อศุข ท่านเป็น พระมหานิกาย (มหานิกายแท้ด้วยไม่ใช่มหานิกายแปลง....วัดที่ท่านบวช และ วัดโตนดหลวง ..เป็นวัดมหานิกาย จะไม่ห่มจีวรแบบ ธรรมยุติ เด็ดขาด)การห่มจีวรออกนอกวัด จะห่มมังกร การห่ม...ลูกบวบ(ชายจีวรที่ถูกหมุน เป็นกลมๆ ยาวไปตลอดแนว) จะลอดใต้ รักแร้และวิ่งเป็นเกลียวไปตามแขน...แต่ท่านถ้าเห็นในภาพ ....ลูกบวบ จะขนานไปกับลำตัวและข้ามไหล่ ซึ่ง เป็นลักษณะการ...ห่มคลุม ของ พระธรรมยุติ ลองไปถามพระที่มีพรรษาหน่อย ...ได้เลยว่า จริงอย่างที่ผมพูดรึเปล่า หรือ ถ้าอยู่ กรุงเทพ เช้าๆ ไปที่ วัดสุทัศน์ ครั้งหนึ่ง และ วัดบวร ครั้งหนึ่ง
    ตอน พระออกมาบิณฑบาท แล้วท่านจะเห็นเอง ................ผมยืนยัน ว่าไม่ใช่ทั้งหัวข้อที่ ๑ และที่ ๒..........
    อย่าลืมนะครับผมเปิดกระทู้นี้มาไม่ใช่เรื่อง ธุรกิจ....ผมยืนยัน ว่าไม่มีการแอบแฝงใด ....ข้อมูลที่นำเสนอผมจะวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือก่อน อย่างมีเหตุผลและหลักการ ปัจจุบัน หน้าที่ผม ก็เป็น ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมโยธา ผมต้องหลักการทางวิชาการในการทำงานเสมอครับ ผมไม่เคย...มั่ว ฉะนั้นการอ้างอิงผม..ผมมองที่มาของข้อมูลด้วย สังเกตจากตอนผ่านๆมาได้.......
    ...................................................................
    ผมก็บอกไปแล้วว่าส่วนของกระทู้้ที่ผมนำเสนออาจมีที่ไม่ตรงกับได้รับทราบมา แต่ผมก็ยังจะเสนอในรูปแบบของผมต่อไป ถ้ามีิ่สิ่งใดขัดแย้งหรือขัดผลประโยชน์ใด ก็ขออภัยและอย่าอ่านเลยครับท่านจะได้ไม่รำคาญ.....
    ......................................................................
    .......ผมนำเสนอในสิ่งที่เป็นจริงและถูกต้องเป็นประโยชน์...และจะยืนยันในอุดมการณ์ต่อไป....ผมสัญญา.....
     
  12. tong5959

    tong5959 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    2,056
    ค่าพลัง:
    +6,083
    [​IMG]
    เยี่ยมครับพี่
     
  13. Ong

    Ong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    2,501
    ค่าพลัง:
    +12,861
    กระทู้คุณภาพ เข้ามาเกาะขอบจอรออ่านต่อครับ ซู๊ดยอดดดด
     
  14. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ....ขอบพระคุณอย่างสูงครับ คุณ tong 5959 แลคุณ 0ng ที่ให้กำลังใจมา .....ผมขอแถม ให้ท่านทั้งหลาย ไป search ภาพพระเกจิที่ร่วมปลุกเสกพระ ๒๕ พุทธศตวรรษ ปี ๒๕๐๐ ที่วัดสุทัศน์ กับ รูปพระเกจิร่วมปลุกเสกพระพุทธชินราชอินโดจีน ปี ๒๔๘๕ ที่ี วัดสุทัศน์ิ เหมือนกัน.....
    ......ทั้งสองรายการนี้ หลวงพ่อศุขเข้าร่วมปลุกเสกด้วย แต่ท่านไม่ถ่ายรูปด้วย บอกแล้วครับว่า.....ท่านไม่ชอบ....ใครหน้าไหนก็มาบังคับท่านไม่ได้...ถ้าท่านไม่ยอมเอง และ ใครหน้าไหนก็มาบังคับให้ท่านลืมตา ตอนถ่ายรูปไม่ได้ ...หลวงพ่อจันทร์บอก หลวงพ่อศุข ถึง แม้ท่านจะเสียสละ ให้กับผู้เืดือดร้อนขนาดไหน ท่านไม่ใช่พระอรหันต์ บางอย่างที่เป็นส่วนตัวท่านก็ไม่ให้ใคร ละเมิด อย่าลืมนะครับว่าก่อนท่านบวชท่านเป็นอย่างไร หลวงพ่อจันทร์อยู่กับ่ท่านมาตั้งแต่ท่านเริ่มธุดงค์.......ท่านทราบถึงจิตใจของหลวงพ่อศุข.....มากกว่าใครทั้งหมด...........
    .............................ท่านใดเคยเห็น รูปถ่าย หลวงพ่อทับ วัดทอง ผู้สร้างพระมหาอุตม์อันลือลั่น ระหว่างมีชีวิตอยู่หรือไม่......
    ..............................ท่านใดเคยเห็น รูปถ่าย หลวงพ่อเนียม วัดน้อย อาจารย์หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ระหว่างมีชีวิตหรือไม่(อย่าเอา ภาพเขียนที่มาดัดแปลงเห็นเป็นรูปท่านนั่งมาอ้างนะครับ)........
    ......................................................................
    .....คำตอบคือ ไม่มีครับ... ท่านทั้งสองไม่ให้ใครมาถ่ายรูปท่าน..ระหว่างมีชีวิตทั้งสิ้น (ยิ่งกว่าหลวงพ่อศุขอีก)..........
    ......ภาพหลวงพ่อทับที่นั่งบนเก้าอี้นั้น....ท่านมรณภาพแล้ว............
    ......ภาพหลวงพ่อเนียมนอน..ยิ้มอยู่ในท่าไสยยาสน์..นั่น...ท่านก็มรณภาพแล้วเช่นเดียวกัน.................

    ........ผมจะหยุดเรื่องนี้....และอย่าถามหรือ..ยกอะไรมาอีก..เพื่อผมจะได้
    เล่าเรื่องที่ผมตั้งใจไว้ต่อไป
     
  15. sareem

    sareem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +434
    รอติดตามชมตอนต่อไปครับน้า..
     
  16. modpong

    modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    "..........ขอบคุณครับ คุณSAREEM ที่ติดตามกันตลอด นับเ็ป็นแฟนพันธุ์แท้กันเลย คุณมีความ..อึด..ที่จะรอ ผม ....ผม ก็มีความ..อึด...ที่จะเขียน...ต่อไป.......................................................
    ...........................................................................
    ผมว่าการที่ หลวงพ่อศุข เมตตาเอ็นดู พ่อแม่ผม ส่วนหนี่งคงมาจาก
    พฤติกรรม ของทั้ง พ่อแม่ผม คือ ไม่อวดเบ่ง เวลาที่พ่อมาวัด ก็เป็นเสาร์หรือไม่ก็อาทิตย์
    ก็จะแต่งตัว ธรรมดา .... จะมีจุดสังเกตก็ คือ ขับ...รถจี๊บทหาร ชาวบ้านคุยกับพ่อก็รู้แค่ เป็น ทหารมาจากในเมือง ไม่รู้ตำแหน่ง หรือ ยศ เพราะพ่อผมไม่เคยบอกใคร ทั้งๆที่ นายทหาร ยศ พันโท ในจังหวัดเล็กๆ อย่างเมืองเพชร ก็ ..หรูแล้ว และไม่เคยอวดเบ่งกับชาวบ้าน หรือแสดงอำนาจใด ออกจะถ่อมตัวเสียด้วย ไม่ตื๊อ พ่อไม่เคยขอในสิ่งที่ท่านไม่อยากทำ สนิทกับหลวงพ่อจนพอรู้ว่า อะไรท่านชอบอะไรท่านไม่ชอบ ต้องสนิทจริงๆครับ
    เพราะท่าน ...จะไม่พูด..ต้องสังเกตเอาเอง จากอากัปกิริยาท่าน ไม่ขอ พ่อ ไม่เคยขอวัตถุมงคลท้งหลาย เลย...ยกเว้นแต่ขอให้ท่าน ....สักให้... ก่อนที่พ่อจะไปกราบลาหลวงพ่อ ท่านเคยให้ .....ตะกรุดเงิน..๒ ดอก ขนาดความยาวประมาณ ๑ นิ้ว ฝากให้กับลูกชาย และ ลูกสาว พ่อ คนละดอก ....พ่อก็เอาเชือกมาคล้องติดต้ว ลูก มาตลอด.....
    ...........................................................................................
    .....จนใกล้วันที่จะต้องย้ายเข้าบางกอก( ฟังดู แล้วขลังกว่า....กรุงเทพ...เยอะ) พ่อกับแม่และลูกทั้งสองคน ก็ ไปวัดโตนดหลวง เพื่อไปลาท่าน พอกราบท่านเสร็จ พ่อก็บอกกับหลวงพ่อ และเล่ารายละเอียดที่ๆจะไปพอสมควร ท่านก็อวยชัยให้พร ท่านก็นิ่งมากเหมือนรู้อยู่แล้ว สักพักท่านก็เรียกแม่ ไปใกล้ๆ ท่านคว้กของออกมาจากย่าม ให้แม่แบมือ
    แล้วหย่อนของ ลงมือแม่......เป็น ..ตะกรุด ๓ กษัตริย์ ( ทอง นาก เงิน ) ขนาดแต่ละดอก เล็กยาวประมาณ ๒ เซ็นติเมตร พอแม่ถอยกลับไป ก็เรียกพ่อเข้าไปใกล้ๆ........
    .......แล้วท่านก็คาย..ชานหมาก..ออกมา และ บริกรรมซักพัก ก่อนที่จะยื่นมือออกมาหาพ่อ ( พ่อเล่้าว่า...ตอนนั้นทำอะไรไม่ถูก ไม่เคยรับชานหมากจาก หลวงพ่อองค์ไหนมาก่อน ) แล้วพ่อก็แบมือสองข้างออกรับ หลวงพ่อก็วาง..ชานหมาก..ไว้กับมือพ่อ ......แม่ความคิดไวกว่า รีบดึงผ้าเช็ดหน้าของพ่อ ออกมารับ ...ชานหมาก...และห่อไว้ (ลูกน้องพ่อเล่าว่า ปกติ ท่านไม่เคยให้ใคร เฉยๆ ต้องขอ หรือไม่งั้นต้องรอ..เก็บเอาเอง)........
    ........หลังจากนั้นทั้งครอบครัว ก็ รับน้ำมนต์จากท่าน แล้วท่านอวยชัยให้พร อีกครั้ง หลังจากนั้น พ่อกับแม่ก็กราบลาท่าน ตอนกำลังออกจากวัด ทั้งพ่อกับแม่ ก็เล่าให้ฟังเหมือนกันว่า รู้สึกใจหาย.... เพราะคิดว่าไม่ทราบว่าเมื่อไหร่เหมือนกันที่จะได้กลับมาเยี่ยม หลวงพ่ออีก........................
    ...........................แต่แล้วโชคชะตา ก็นำ ให้พ่อได้กลับมาเมืองเพชร อีกครั้ง
    ในปี ๒๔๙๘ ซึ่ง...คราวนี้ ครอบครัวได้สมาชิกเพิ่ม มาอีก ๒ เป็น ผู้ชายทั้งคู่ และแล้ว ผมก็ได้ เหยียบ...แผ่นดินเพชรบุรี...เป็นครั้งแรก
    ................................................................................................
    ....................คราวนี้ ืพ่อกลับมา รับตำแหน่งเป็น ผู้บังคับกองพัน ร. ๑๑ พัน ๓ รักษาพระองค์ ที่อยู่บริเวณ...วัดน้อย และ อีกตำแหน่งคือ ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกเพชรบุรี ส่วน แม่ก็ต้องรับตำแหน่ง เป็นอุปนายกเหล่ากาชาดจังหวัดเพชรบุรี ในฐานะของภรรยา ผู้บังคับการจังหวัดทหารบก นอกจากนี้เขตพระราชวังไกลกังวลที่หัวหิน อยู่ในความรับผิดชอบของจังหวัดทหารบกเพชรบุรี ช่วงเวลาดังกล่าว ในหลวง และ พระราชินี เสด็จ มาประทับบ่อย นอกจากความรับผิดชอบดังกล่าว พ่อต้องเข้าเวรราชองค์รักษ์ บ่อย ไม่มี คำว่าเสาร์ หรือ อาทิตย์ (สมัยนั้น นายทหารราชองค์รักษ์ มีอยู่ไม่ี่กี่สิบคน)
    ............................นั่นแหละครับที่ผมต้องแจกแจงให้ทราบเพราะ เวลาที่แน่นของทั้งพ่อ และแม่ กับ ช่วงแรกที่ต้องปรับตัวนานพอสมควร กว่าจะเข้าที่ ถึงจะมีเวลาไปหา หลวงพ่อศุข แต่เมื่อพ่อกับแม่ได้ไปเยี่ยม หลวงพ่อศุข ท่านก็มีของไว้ต้อนรับ ด้วย......
    ..............................................................................................
    แล้วผมจะกลับมาเล่าว่า ....เป็นอะไร.................................
    ..........................................สวัสดีและขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตาม.......
     
  17. มากับพระครับ

    มากับพระครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,153
    ค่าพลัง:
    +1,836
    ใช่เหรียญรุ่นแรกนี้รึป่าวครับ? รูปถ่ายจริงก่อนไปแกะบล็อค หลวงพ่อย้อนเคยเอาให้ผมดู แต่ผมจำไม่ได้ว่าได้ถ่ายก็อปมารึป่าว และจำไม่ได้ว่าในรูปท่านลืมตารึป่าว? แต่คิดว่าไม่ลืมเพราะในตอนนั้นผมพยายามหารูปที่ท่านลืมตาให้ได้เพราะต้องการดูอะไรบางอย่าง รวมทั้งจะหาชื่อที่ถูกต้องของท่าน ถ้าจำไม่ผิดหลวงพ่อย้อนจึงไปนำหนังสือสุทธิของคุณพ่อมาให้ดู พอดูแล้วปรากฏว่าในรูปหนังสือสุทธิก็ไม่ลืมตา ถ้าผิดพลาดประการใดขออภัยด้วย เดี๋ยวจะพยายามลองหาไฟล์ภาพออกมา

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มีนาคม 2010
  18. มากับพระครับ

    มากับพระครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,153
    ค่าพลัง:
    +1,836
    อย่าลืมนะครับผมเปิดกระทู้นี้มาไม่ใช่เรื่อง ธุรกิจ....ผมยืนยัน ว่าไม่มีการแอบแฝงใด ....ข้อมูลที่นำเสนอผมจะวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือก่อน อย่างมีเหตุผลและหลักการ ปัจจุบัน หน้าที่ผม ก็เป็น ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมโยธา ผมต้องหลักการทางวิชาการในการทำงานเสมอครับ ผมไม่เคย...มั่ว ฉะนั้นการอ้างอิงผม..ผมมองที่มาของข้อมูลด้วย สังเกตจากตอนผ่านๆมาได้.......
    ...................................................................
    ผมก็บอกไปแล้วว่าส่วนของกระทู้้ที่ผมนำเสนออาจมีที่ไม่ตรงกับได้รับทราบมา แต่ผมก็ยังจะเสนอในรูปแบบของผมต่อไป ถ้ามีิ่สิ่งใดขัดแย้งหรือขัดผลประโยชน์ใด ก็ขออภัยและอย่าอ่านเลยครับท่านจะได้ไม่รำคาญ.....
    ......................................................................
    .......ผมนำเสนอในสิ่งที่เป็นจริงและถูกต้องเป็นประโยชน์...และจะยืนยันในอุดมการณ์ต่อไป....ผมสัญญา.....<!-- google_ad_section_end -->

    อย่าคิดมากเลยครับท่าน การเล่าหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลและข้อเท็จจริงล้วนเป็นประโยชน์ต่อการบันทึกประวัติศาสตร์ คงไม่ไปขัดแย้งหรือถูกมองว่ามีผลประโยชน์ทางธุรกิจกับใครหรอก ผมก็เป็นคนนึงที่ติดตามค้นคว้าเรื่องราวของคุณพ่อศุขมาตลอด พยายามสรุปหาข้อเท็จจริงอยู่เหมือนกัน โดยหวังว่าวันนึงเมื่อหอบูรพาจารย์เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาจะได้พิมพ์ประวัติของคุณพ่อแจก เมื่อผมได้อ่านข้อมูลของท่านแล้วรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ทำให้มีคนรับทราบเกียรติคุณของคุณพ่อในหลากหลายแง่มุมมากขึ้น เพราะท่านคือบูรพอาจารย์ของผมที่มาครอบให้ผมตามคำบอกเล่าของหลวงพ่อจ่าง วัดเขื่อนเพชรผู้ครอบ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มีนาคม 2010
  19. มากับพระครับ

    มากับพระครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,153
    ค่าพลัง:
    +1,836
    กลับมาอ่านดูโดยละเอียดแล้วเป็นข้อมูลที่น่าสนใจมากครับ เสียดายเมื่อวานผมจะรีบออกไปเพชรบุรีเลยโพสต์อย่างเดียวไม่ได้อ่าน และคืนวันศุกร์ก็กลับมาจากสุพรรณดึกและเหนื่อยด้วยเลยอ่านไม่ละเอียด จนเมื่อกี้โพสต์ไปแล้วกลับมาอ่านอีกทีจึงเข้าใจทีท่านว่าอาจไปขัดแย้งกะใคร เรื่องเหรียญรุ่นแรกนี้หาที่ไปที่มาไม่น่ายากนะครับเพราะคนที่อยู่ในเหตุการณ์ยังมีชีวิตอยู่หลายคน เช่นปู่หู้ หรือ อ.ชวาล เสมาพิทักษ์ครูใหญ่โรงเรียนวัดโตนดหลวงซึ่งคุมบัญชีวัดให้คุณพ่อ หรือครูประสิทธิ์ พ่วงพี ซึ่งสมัยเป็นเด็กคุณพ่อเอามาเลี้ยงคล้ายลูกบุญธรรมนอนอยู่ปลายเตียงคุณพ่อ ทั้งสองท่านน่าจะยังอยู่รวมถึงหลวงพ่อหวล วัดนิคมฯอดีตพระเลขาคุณพ่อก็ยังอยู่ แต่สิ่งที่หลวงปู่จันทร์บอกนี้ก็ต้องฟังครับเพราะหลายท่านบอกว่าหลวงปู่จันทร์เป็นหลานของคุณพ่อติดตามคุณพ่อมาจากวัดปราโมทย์ทีเดียว( ผิดถูกอย่างไร รบกวนเล่าให้น้องๆฟังบ้างนะครับ ) และปัจจุบันก็ยังมีพระหลานชายคุณพ่ออายุ ๙๐ ปีอยู่อีกรูปที่ท่านมักจะพาไปไหนมาไหนด้วยเมื่อในอดีต
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มีนาคม 2010
  20. มากับพระครับ

    มากับพระครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,153
    ค่าพลัง:
    +1,836
    รบกวนท่าน modpong ลองสอบถามคุณพ่อหน่อยครับว่าพระที่ลงเข็มสักให้ท่านอายุน้อยกว่าท่านซัก ๔-๕ ปีหรือไม่?ตัวเล็กๆดำๆหรือป่าว ถ้าใช่ท่านยังมีชีวิตอยู่ครับแถมเป็นหลานคุณพ่อด้วย
     

แชร์หน้านี้

Loading...