หากภัยพิบัติขึ้น ผู้มีบุญอยู่ที่ไหนก็รอด ผู้ไม่มีบุญอยุ่ที่ไหนก็ไม่รอด

ครูบาอาจารย์ท่านบอกว่า ภัยพิบัติที่โลกเทวดาเขาล้างมนุษย์ที่ไม่มีศีลธรรมนั้น ประกอบด้วย วิบัติของ ดิน น้ำ ลม ไฟ สงครามและโรคระบาด

เทวดาเขาจะคัดเอาเฉพาะผู้มีบุญเท่านั้น ที่จะให้อยู่รอด หากใครรักษาศีลได้บริสุทธิ์ ก็มีสิทธิ์รอด ครับ

และก็จะไม่มีที่หลบภัยสำหรับผู้ไม่มีศีลธรรม สำหรับผู้ที่มีศีลธรรมแล้ว ไม่ต้องหลบภัยก็รอดพ้นจากภัยพิบัติ ครับ

 

ข้อมูลของคุณอัญญาสิทธิ์ ตรงกับข้อมูลที่ผมได้ยินมาจากอาจารย์ท่านหนึ่งที่เป็นฆาราวาสท่านเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ใหญ่ ท่านบอกมาเหมือนกันว่าคนที่มีศีลปฏิบัติธรรมรอดทุกคน

 

เห็นด้วย อย่างยิ่งครับ จึงเน้นให้ทุกๆคนได้ธรรมมะกัน เป็นเครื่องรอด เป็นบุญคุ้มตัว

 

เร่งปฏิบัติธรรมเร่งร่วมกันสร้างบุญกุศลกันเอาไว้ครับ

 

อนุโมทนา เรา ท่าน อย่าได้ประมาท จงให้ทาน รักษาศิล เจริญภาวนา
เข้าไว้ ศิลอย่างน้อยเอาแค่ศิล 5 ถ้าทำได้ และรักษาไว้ให้บริสุทธิ์จริงๆ
อย่าเป็นคนขาดสติ ให้รู้ลมหายใจ เข้า ออก อย่างต่อเนื่อง กิเลศก็เข้าหายากละ
และอย่าลืม พ่วง พรหมวิหาร 4 เข้าไปด้วย อย่างนี้ พอจะป้องกันภัยต่างๆได้นะ

 

ทำไมพวกคุณคิดว่าการรอดจากภัยพิบัติถึงเรียกว่าเป็นผู้มีบุญ แต่ผมกลับไม่คิดอย่างนั้นน่ะ ผมว่าพวกที่รอดนี่ถือว่ายังมีกรรมที่ต้องชดใช้กันต่อไปถ้าคุณได้ศึกษาธรรมมะอย่างจริงจังก็น่าจะรู้ บางครั้งผู้มีบุญไม่จำเป็นต้องมีชีวิตรอดจากภัยพิบัติซะเสมอไปหรอกรู้มั้ยเพราะอะไรเพราะว่าโลกที่เราอยู่ในยุคนี้นับวันมีแต่เสื่อมลงเข้าไปทุกทีคุณจะอยู่รอดเพื่อเห็นความเสื่อมของคนสังคมเหรอ สู้หมั่นทำบุญเยอะๆ กตัญญูต่อบุพการี รู้จักให้ทาน เจริญภาวนา ยึดมั่นในศีล 5 เมื่อตายไปแล้วได้ขึ้นสวรรค์ตามแต่บุญที่ทำมาหรือถ้าให้ดีเลยคือเข้าสู่นิพพานเลยยิ่งดี ผมว่านี่แหละคือผู้รอดพ้นจากภัยพิบัติอย่างแท้จริง

 

ผู้ที่ตายจากภัยพิบัตินั้น ครูบาอาจารย์ท่านบอกว่า จิตวิญญาณของคนพวกนี้ส่วนใหญ่จะถูกกวาดต้อนลงนรก ครับ

และหลังจากภัยพิบัติแล้ว ศีลธรรมบนโลกมนุษย์จะเจริญรุ่งเรือง ใกล้เคียงกับสมัยพุทธกาล เพียงแต่ไม่มีพระพุทธเจ้า พระอรหันต์และพระอริยสงฆ์ จะออกมาโปรดคนกันมาก จึงเป็นยุคแห่งเนื้อนาบุญสำคัญสำหรับผู้ที่จะสร้างบุญบารมีให้ยิ่งๆขึ้นไป

ส่วนคนที่สามารถอยู่รอดได้หลังจากภัยพิบัติ ก็ด้วยบุญกุศลคุ้มครองรักษา เขาเหล่านั้นมีภพภูมิสวรรค์รองรับอยู่แล้วครับ

 

พวกที่รอดจากภัยพิบัติ จากกลียุคสู่ยุคแห่งศานติ นั้น

เรียกว่าเป็นผู้ที่ใช้บุญมาเพื่อยังประโยชน์ สืบต่อ พระบวรพุทธศาสนา ให้ดำรงต่อไป จนครบ 5000 ปีครับ

กรรมที่ชำระล้างโลกในครั้งนี้นั้น มีตระแกรงร่อนที่ถี่ละเอียดมาก

เหลือแต่ผู้ที่เป็นสัมมาทิฐิและมีจิตเมตตาอย่างแท้จริง มีหน้าที่ ตามที่ได้อธิฐานจิตมาเพื่องานส่วนรวมเท่านั้น ที่จะรอดจากภัยพิบัติไปได้

เมื่อผ่านพ้นภัยพิบัติไปได้ ได้สติ คิดทบทวน เหตุแห่งมหาวิบัติอันเกิดจาก ทิฐิวิบัติเป็นปฐม อาศัย ความโลภในวัตตุ ทุนนิยมล่าอาณานิคม กอบโกยทรัพยากรโลกด้วยความหลงในแรงโมหะ ครั้นผู้ใดขัดขืนขัดขวางก็สร้างกระแสแห่งความแตกแยกเกลียดชังจนเกิดความโกรธแค้น ประหัตประหารกันด้วยปัญญาแห่งอวิชชา วาจา สื่อ จนถึง ศาตราวุธ อย่างไร้ความปราณี สิ้นในเมตตาจากจิตใจคน จนโลกหมุนเคลื่อนสู่การทำลายล้างอย่างสมบูรณ์

มีเพียงผู้มีเมตตาจิตอันบริสุทธิ์ ชนผู้มีศานติวิหารแห่งจิตใจ อันไม่ได้หมายถึง ชาติใด เชื้อชาติเผ่าพันธุ์ใด หรือศาสนาใด เป็นเพียงผู้เข้าถึงเมตตาแห่งหัวใจอย่างแท้จริง ที่จะพึงรอดจาก ภัยพิบัติไปได้

สู่ยุคที่ชนทั้งหลาย มีทิฐิธรรมอันประกอบไปด้วยเมตตา ต่อทุกสรรพสิ่งอย่างแท้จริง

ปราศจากศัตรู ปราศจากการทำลายล้าง ปราศจากความโกรธ ความเกลียดชังลง

มีแต่เมตตาความรัก ความเห็นอกเห็นใจกัน การเอื้อเฟื้อ เจือจาน แบ่งปัน ให้ โดยปราศจากเงื่อนไข ทั้งต่อ มนุษย์ด้วยกันก็ดี ต่อสัตว์ทั้งหลายก็ดี ต่อผืนดิน ผืนน้ำ ผืนฟ้า และเหล่าพืชพฤกษ์ไพรทั้งหลาย

ที่สุด มนุษย์ก็เข้าใจในภาษาเดียวกัน ภาษาสัตว์ ภาษาที่สื่อด้วยหัวใจ

หัวใจแห่งเมตตา อันเป็นภาษาสากลแห่งจักรวาล และภพทั้งปวง

เมื่อจิตของมวลมนุษย์ละเอียดอ่อนปราณีตอีกครั้ง ก็ย่อมน้อมเข้าสู่ธรรมแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้โดยง่าย

เมื่อนั้น โลกก็ปรากฏ ความเจริญในธรรม เจริญด้วยธรรม บริสุทธิ์ไปด้วยทิฐิอันวิสุทธิ

มากไปด้วย พระอริยะเจ้า พระสุปฏิปันโน พระโพธิสัตว์ แผ่นดินก็รุ่งเรืองในธรรม คล้ายดั่งสมัยพุทธกาลอีกครั้ง พระบรมสารีริกธาตุก็ปรากฏฉัพพรรณรังษีอัศจรรย์ ในทุกวันพระ วันโกน ให้ผู้คนได้กราบไหว้สักการะ ปฏิบัติบูชา จนมั่นคงในพระรัตนไตร

เมื่อมีผู้ปฏิบัติบูชามาก เข้าถึงธรรมมาก ผืนดิน ผืนน้ำ ก็กลับคืนสู่ความอุดมสมบูรณ์ ร่มรื่น ร่มเย็นในทุกผืนแผ่นดินธรรม

จนธรรมขยายออกไปด้วยเมตตา อันไม่มีประมาณ แม้ไม่เพียงในโลกนี้ แต่ยังภพอื่น ภูมิอื่น และไปยัง ทั่วจักรวาลอันประกอบไปด้วย อุตรทวีป อนุอุตรทวีปทั้งหลาย ก็พลอยปรากฏพบเห็นกัน

รับผลอานิสงค์ แห่งเมตตาอันไม่มีประมาณ

แผ่นดินแห่งศานติดำรงเป็นอาณาจักรแห่งสัมมาทิฐิ 1000 ปี

กระทั่งกิเลสตัณหาอุปทานมาบังใจ จนลืมเลือนซึ่งความเมตตา ความเสื่อมในธรรม ในจิตใจผู้คนก็ค่อยๆปรากฏขึ้นไปเรื่อยจนถึง กาลสิ้นพระศาสนา ในปีที่ 5000

บุญคือความสุข ความอิ่มใจ ความยินดีในธรรม

ให้เมตตาธรรม รักษาใจเราเอาไว้

 

แจ่มแจ้งเลยค่ะ คุณคณานันท์
ถ้ามันจะเกิดก็อยากให้มันเกิด ๆ ไปซะ
จะได้จบ ๆ เรื่อง
จะได้สงบสุข กันซะที

เวลาเหลือน้อย ให้รีบปฏิบัติ
ครูบาอาจารย์ท่านก็เตือนมานานแล้ว

 

ขออนุโมทนาด้วยค่ะ

กระทู้นี้ทำให้คิดได้มากขึ้น กรรมไม่มาวันนี้...มันก็ต้องมาวันอื่นอยู่ดี..

 

ทุกคนล้วนตายหมด

 

วันนี้สุโขทัยร้อนนนนนนนนนมากๆเลยค่ะ

สงสัยจะใกล้เวลาเก็บกวาดเต็มทีแล้วจริงๆ

 

ผมเชื่อตาม คริสเตียนนะท่าน พิพากษาปุ๊ปก็นรกปั๊ป

 

ขอบคุณมากครับ.............

 

ขอแสดงความคิดเห็นด้วยคนครับ
คือทุกวันนี้มนุษย์เรามีจิตใจที่เสื่อมถอย (เป็นส่วนใหญ่) ขาดศิลธรรม เป็นเหตุให้เกิดความแตกแยก เอารัดเอาเปรียบ ข่มเหง รังแก พระพุทธศาสเสื่อมถอย
ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นทุก ๆ ยุคของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์
เพื่อเป็นเปลี่ยนแปลง เริ่มต้นอารยธรรมใหม่จึงต้องมีการกวาดล้างสิ่งที่ไม่ดี คนไม่ดีออกไป เหลือไว้แต่สิ่งดี คนดี เพื่อเป็นการเริ่มต้นแห่งอารยธรรม

หากผมเข้าใจผิด โปรดอภัย และโปรดชี้แนะผมด้วย

 

เห็นด้วยมากที่สุด แสดงว่าผมเข้าใจถูกแล้ว

 

เห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้ค่ะ

 

เรื่องของผู้มีศีลธรรม นี่เราจะดูจากภายนอกได้บางส่วนเท่านั้นจากการประพฤติปฏิบัติ จากการกระทำของเขาในปัจจุบัน ส่วนที่ดูได้ยากก็คือบุญบารมีที่เขาสั่งสมมา ว่ามากน้อยขนาดไหน

ช่วงนี้ครูบาอาจารย์ของผมท่านลงมาจากเบื้องบน ท่านเป็นห่วงลูกหลานของพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ที่ลงมาสร้างบารมีและทำหน้าที่ในพุทธศาสนา ท่านสั่งให้หาลูกแก้วใสขนาดเล็กมา แล้วท่านจะลงมาอธิษฐานหรือประสิทธิ์ให้ เพื่อให้แต่ละคนพกติดตัว ท่านบอกว่าเมื่อพวกที่เขาลงทำหน้าที่มาคัดหรือล้างมนุษย์ที่มีศีลธรรมต่ำ ถ้าเขาได้เห็นแสงฉับพรรณรังษีจากลูกแก้วนี้ เขาก็จะละเว้น ผู้ที่ครอบครองลูกแก้วนี้ก็จะปลอดภัยจากภัยพิบัติทั้งปวง แต่ท่านก็มีข้อกำหนดว่าแจกจ่ายให้เฉพาะผู้ที่อยู่ในทำนองครองธรรมเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ที่จะได้รับลูกแก้วไปก็มีเฉพาะผู้ที่อยู่ในเครือข่ายลูกหลานของพระพุทธเจ้าห้าพระองค์และครอบครัวเท่านี้

ลูกแก้วที่ว่านี่ท่านเรียกว่า "แก้วพระรัตนตรัย" ท่านบอกว่าวัตถุธาตุที่จะป้องกันภัยพิบัติที่กำลังเกิดขึ้นได้นั้น ต้องได้รับการประสิทธิ์จากพระพุทธองค์เท่านั้น นอกเหนือจากพระพุทธองค์แล้ว ไม่มีบารมีใดที่จะสามารถต้านทานภัย จากภัยพิบัติได้ เบื้องบนเขาให้สิทธิ์ไว้เฉพาะพระพุทธองค์เท่านั้น

เป็นที่น่าเสียดายว่า ลูกแก้วนี้มีจำนวนจำกัด ท่านให้ทำแจกอย่างเดียว จะตั้งราคาหรือเช่าหา ซื้อขายไม่ได้ ท่านจะกำหนดเองว่าใครจะมีสิทธิ์จะได้รับแก้วพระรัตนตรัยนี้ ผมก็มีหน้าที่ไปคัดสรรลูกแก้วที่มีคุณสมบัติ คือหาลูกแก้วที่มีเทวดารักษา เมื่อท่านทำพิธีให้แล้ว ผมก็มีหน้าที่แจกจ่ายลูกแก้วตามที่ครูบาอาจารย์ท่านคอยกระซิบบอก

 

มหาอนุโมทนา ...

อ่านแล้วนึกอยากได้ลูกแก้วพระรัตนตรัยนี้ไว้บูชาพกติดตัว
ไม่รู้จะมีบุญบารมีแค่ไหน

 

สาธุครับ...
ขออนุญาตคัดลอกไปเผยแพร่ครับ
อ่านแล้วช่วยคลายความสงสัยเรื่องที่ว่า...
ทำไมผู้รอดจากภัยพิบัติโดยไม่เสียสตินั้นจึงเรียกว่าเป็นผู้มีความดี หรือเป็นผู้มีบุญ