ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ทอร์นาโดพัดถล่ม'โอไฮโอ'ดับแล้ว 7 ศพ

    [​IMG]

    พายุทอร์นาโดพัดถล่ม รัฐโอไฮโอ อิลินอย และมิชิแกน บ้านร่วม 100 หลังคาเรือนพังเสียหาย ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตแล้ว 7 ศพ...

    สำนักข่าวบีบีซี รายงานเมื่อวันที่ 07 มิ.ย. ว่า พายุทอร์นาโด และฝนฟ้าคะนอง พัดถล่มทางตะวันออกเฉียงเหนือ ของรัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา ทำบ้านเรือนกว่า 50 หลังคาเรือนพังทลาย ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 7 ศพ

    นอกจากนี้ พายุฝนยังคงกระหน่ำในบางพื้นที่ของรัฐอิลินอย จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 17 คน บ้านพังเสียหายราว 30 หลังคาเรือน ด้านรัฐมิชิแกน โดนผลพวงด้วยเช่นกัน ทำให้โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ต้องปิดตัว หลังพายุลมแรงทำให้ตึกหลังหนึ่ง ภายในโรงไฟฟ้าพังเสียหาย และชาวบ้านไม่มีไฟฟ้าใช้ช่วงระยะเวลาหนึ่ง ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บที่รัฐนี้ ข่าวระบุว่า เบื้องต้นมีอย่างน้อย 11 คน

    ไทยรัฐออนไลน์ วันจันทร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ.2553

    โอมานอ่วม ไซโคลน"เพ็ต"กระหน่ำ ตายแล้ว 15 คน

    [​IMG]

    ไซโคลนเพชรพัดกระหน่ำโอมาน ได้คร่าชีวิตประชาชนแล้ว 15 คน และสูญหาย 2 คน ก่อนที่จะเคลื่อนตัวไปยังปากีสถาน...

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 6 มิ.ย. เจ้า หน้าที่กองกำลังป้องกันพลเรือนโอมานเปิดเผยว่า ไซโคลนเพ็ตที่พัดกระหน่ำโอมาน ได้คร่าชีวิตประชาชนแล้ว 15 คน และสูญหาย 2 คน ก่อนที่จะเคลื่อนตัวไปยังปากีสถาน

    พล.อ.มาเลก อัล-มูอัมมารี หัวหน้ากองกำลังป้องกันพลเรือน ระบุว่า ชาวโอมาน 3 คน และผู้ที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานในโอมาน 2 คน ซึ่งเป็นชาวบังกลาเทศ 1 คน และปากีสถาน 1 คน เสียชีวิตจากเหตุไซโคลนเพชรพัดกระหน่ำช่วงเช้าวันอังคารที่ผ่านมา

    ด้านเจ้าหน้าที่ กล่าวว่า ไซโคลนเพ็ตได้อ่อนกำลังลงเมื่อวันศุกร์ก่อนที่จะเคลื่อนตัวด้วยกำลังลมที่มี ความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงไปทางปากีสถาน ซึ่งเจ้าหน้าที่ปากีสถานได้อพยพประชาชนราว 60,000 ออกจากพื้นที่บริเวณชายฝั่งทางใต้ของประเทศไปยังที่ปลอดภัยก่อนหน้านี้แล้ว อย่างไร ก็ตาม สถานการณ์ในโอมานเริ่มกลับสู่สภาวะปกติแล้ว

    ขณะที่ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฝนได้หยุดตกและท้องฟ้าเริ่มแจ่มใสที่บริเวณเหนือเมืองมัสกัตและพื้นที่ ชายฝั่งด้านตะวันออกของประเทศที่ได้รับผลกระทบจากเหตุพายุพัดกระหน่ำครั้งนี้แล้ว

    ไทยรัฐออนไลน์ วันจันทร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ.2553

    ไซโคลน"เพ็ต"ถล่มปากีสถาน ดับแล้ว 7 ศพ

    [​IMG]

    เนื่องจากถูกไฟฟ้าช็อต หลังเกิดน้ำท่วมฉับพลัน ทำให้บ้านเรือนจมน้ำ ถนนถูกตัดขาด เพราะฝนตกหนักและมีลมกรรโชกแรง ทางการปากีสถานได้สั่งอพยพผู้คนพ้นพื้นที่เสี่ยงภัยไว้แล้ว...

    สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่าวันนี้ (6 มิ.ย.) พายุไซโคลน “เพ็ต” พัดถล่มชายฝั่งทางใต้ของปากีสถานเมื่อช่วงเย็นวันเดียวกันนี้ ทำให้เกิดฝนตกหนักและลมกระโชกแรงในการาจี เมืองเอกจังหวัดสินธ์ หลังคร่าชีวิตผู้คนในโอมานมาแล้ว 15 คน

    อย่างไรก็ดี ทางการปากีสถานสั่งอพยพผู้คนพ้นพื้นที่เสี่ยงภัยไว้แล้ว แต่ก็มีรายงานด้วยว่ามีผู้เสียชีวิตแล้ว 7 คน เนื่องจากถูกไฟฟ้าช็อต หลังเกิดน้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่ซึ่งทำให้บ้านเรือน หลายหลังและถนนหลายสายพังขาดเสียหายด้วย

    ไทยรัฐออนไลน์ วันจันทร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ.2553

    บิ๊กยูเอ็นเผย ของช่วยเหลือบรรเทาทุกข์มีไม่พอ

    [​IMG]

    ผู้ช่วยเลขาธิการ ยูเอ็น ชี้ โลกเผชิญภัยพิบัติจากโลกร้อนเพิ่มมากขึ้น เกิดภัยพิบัติธรรมชาติต่างๆ นานา ทำให้ความต้องการสิ่งของช่วยเหลือ มีมากกว่าทรัพยากรที่มีอยู่...

    สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า นายจอห์น โฮล์ม ผู้ช่วยเลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) กิจการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม แถลงระหว่างการหารือของเจ้าหน้าที่ระดับสูงในเรื่องการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ที่ออสเตรเลีย วันนี้ (6 มิ.ย.) ว่า มนุษย์เผชิญหายนะภัยเกี่ยวกับสภาพอากาศ และผลพวงจากภาวะโลกร้อนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

    นายโฮล์มส์ กล่าวว่า ปี 2553 นี้ยังเป็นปีแห่งความยุ่งยากในการทำงาน นับแต่เหตุแผ่นดินไหวที่เฮติเมื่อเดือนม.ค.เป็นต้นมา โลกก็เผชิญภัยพิบัติธรรมชาติต่างๆ นานา จนความต้องการสิ่งของช่วยเหลือมีมากกว่าทรัพยากรที่มี และเมื่อสิบปีก่อน ไม่มีใครคำนึงถึงปัญหาโลกร้อน แต่ตอนนี้ภาวะโลกร้อนไม่ใช่ภัยคุกคามที่เป็นภาพคลุมเครือในอนาคตแล้ว แต่มันก่อภัยคุกคามต่อหน้าต่อตาพวกเราเลยทีเดียว

    ไทยรัฐออนไลน์ วันจันทร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ.2553

    ที่มา ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มิถุนายน 2010
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    แหล่งอาหารโปรตีนกำลังจะหมดไป...
    มาเพาะเลี้ยงสาหร่ายเกลียวทองกันเถอะ

    [​IMG]

    สไปรูไลน่าอาหารที่ดีของคนและสัตว์

    สไรูไลนาหรือสาหร่ายเกลียวทอง คือ สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินชนิดหนึ่งที่เป็นแพลงก์ตอนที่มีขนาดเล็กมากจนมองด้วยตาเปล่าแทบไม่เห็น ชีวิตประกอบด้วยเซลล์ที่มาต่อกันเป็นเส้นเกลียวหรือเส้นตรง สืบพันธุ์โดยหักเป็นท่อนแล้วยาวต่อไป พบได้ในแหล่งน้ำเขตร้อนรวมทั้งประเทศไทย เนื่องจากสไปรูไลนาเป็นสาหร่ายขนาดเล็กที่ผนังเซลล์ไม่มีเซลลูโลส จึงกินง่าย ย่อยง่าย ดูดซึมเร็วและกากน้อย ประกอบกับสไปรูไลนามีคุณค่าทางโภชนาการหลากหลายมาก มีโปรตีนดี อุดมด้วยไวตามินและเกลือแร่หลายชนิด มีสารเร่งสีสำหรับสัตว์ และมีสารต้านเชื้อโรคโดยเฉพาะไวรัส จึงเหมาะที่จะนำมาเพาะเลี้ยงเพื่อเป็นอาหารของคนและสัตว์ เพื่อสุขภาพที่ดีทุกคนควรรับประทานสไปรูไลนาสด วันละ 1 - 2 ช้อนโต๊ะ ทุกวัน

    การเพาะเลี้ยงสไปรูไลนา(สาหร่ายเกลียวทอง)

    พันธุ์สไปรูไลนาหรือหัวเชื้อ

    ติดต่อได้ที่ สถาบันวิจัยการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง กรมประมง จ.สงขลา ,หน่วยให้คำปรึกษาและพัฒนาการเลี้ยงกุ้งกุลาดำ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จ.นครศรีธรรมราช และภาควิชาเพาะเลี้ยง คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กรุงเทพฯ

    การลำเลียงพันธุ์

    ใส่ถุงพลาสติก หรือภาชนะอื่น โดยไม่ต้องอัดออกซิเจน แต่ต้องคุมอุณหภูมิไม่ให้เกิน 25oC เช่น ลำเลียงไปในรถติดแอร์ หรือกรองหัวเชื้อให้เข้มข้นขึ้น บรรจุกล่องโฟมที่มีน้ำแข็ง ปิดฝาผนึกให้แน่นไม่ให้อากาศเข้าในการลำเลียงระยะไกล

    อุปกรณ์

    ภาชนะ การเพาะเลี้ยงเพื่อเก็บผลผลิตควรใช้ภาชนะที่มีความจุไม่ต่ำกว่า 50 ลิตร ถ้าเป็นภาชนะใส เช่น ตู้กระจกไม่จำกัดความลึก แต่ถ้าเป็นภาชนะทึบ ความลึกไม่ควรเกิน 70 เซนติเมตร และความลึกต้องน้อยกว่าความยาวของเส้นผ่าศูนย์กลาง หรือความกว้างของปากภาชนะ ภาชนะต้องวางให้ได้รับแสง ภาชนะ 50-100 ลิตร วางบริเวณชายคาที่แสงแดดส่องตรง 1-2 ชั่วโมงต่อวัน ถ้าเป็นภาชนะที่มีความจุตั้งแต่ 500 ลิตร ให้วางกลางแจ้ง โดยมีหลังคาใสกันฝนและมีผ้าพรางแสง เมื่อแดดมากเกินไป

    อุปกรณ์ให้ฟองอากาศ หรืออุปกรณ์ที่จะทำให้น้ำหมุนวน จะเป็นปั๊มลมโดยใช้หัวทรายหรือท่อเอสลอนเจาะรูให้ลมออก หรือจะใช้กังหันก็ได้ โดยมีเงื่อนไข คือ ทำให้น้ำหมุนวนทั่วถึงแต่ไม่แรงเกินไป

    ปุ๋ย สไปรูไลนาเป็นพืช เจริญเติบโตโดยการสังเคราะห์แสง เมื่อได้ปุ๋ย สามารถใช้ปุ๋ยได้หลายสูตรเช่นเดียวกับที่ใช้เพาะเลี้ยงสาหร่ายหรือแพลงก์ตอนพืชอื่นๆ

    สูตรปุ๋ยที่แนะนำ

    สูตรทั่วไป สำหรับเพาะเลี้ยงสไปรูไลนา 1 ตันหรือ 1000 ลิตร

    โซเดียมไนเตรท (NaNO3) 150 กรัม
    ไดโปแตสเซียมหรือไดโซเดียมไฮโดรเจนฟอสเฟต (K2HPO4หรือNa2HPO4 ) 30 กรัม
    โซเดียมไบคาร์บอเนต (NaHCO3) 1000 กรัม
    อามิ-อามิ หรือกากผงชูรส (ถ้ามี) ชนิดเจือจาง500 ซีซี หรือ ชนิดเข้มข้น 100 ซีซี
    *** ละลายปุ๋ยทีละตัวจนได้น้ำใส ถ้าปุ๋ยเกาะกันเป็นก้อนตำให้แหลกก่อน

    สูตรพิเศษ สำหรับเพาะเลี้ยงสไปรูไลนา 1 ตัน หรือ 1000 ลิตร

    โซเดียมไบคาร์บอเนต (NaHCO3) 3000 กรัมโซเดียมไนเตรท (NaNO3) 500 กรัม
    ไดโปแตสเซียมหรือไดโซเดียมไฮโดรเจนฟอสเฟต (K2HPO4หรือNaHPO4 ) 150 กรัม
    โปแตสเซียมซัลเฟต (K2SO4) 300 กรัม
    โซเดียมคลอไรท์ หรือเกลือแกง (NaCl)300 กรัม
    แมกนีเซียมซัลเฟต (MgSO4.7H2O) 60 กรัม
    แคลเซียมคลอไรท์ (CaCl2) 12 กรัม
    เฟอรัสซัลเฟต (FeSO4.7H2O) 3 กรัม
    อีดีทีเอ (EDTA) 24 กรัม
    อามิ- อามิ (ถ้ามี) เข้มเข้ม100 มล. หรืออามิ-อามิเจือจาง 500 มล.

    *** สารเคมีหรือปุ๋ยใช้เกรดการค้าที่ปลอดภัยในการปลูกพืช สารเคมีและอุปกรณ์ซื้อจากร้านขายอุปกรณ์ในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ หรือร้านขายเคมีภัณฑ์

    น้ำ น้ำที่ใช้ในการเพาะเลี้ยงใช้น้ำใสสะอาดที่ใช้หุงต้มได้ เช่น น้ำบาดาล น้ำบ่อ น้ำประปาที่ไม่มีคลอรีน น้ำที่ใช้ในการล้างสไปรูไลนาใช้น้ำเย็นที่ใสสะอาดใช้หุงต้มได้ แล้วล้างด้วยน้ำที่ดื่มได้เป็นน้ำสุดท้าย

    สวิง สำหรับกรองสไปรูไลนาทำด้วยผ้าสกรีนภาพ ขนาดตา 60 ไมครอน สำหรับกรองเศษตะกอนทำด้วยผ้าเย็บมุ้งขนาดตา 500 - 700 ไมครอน

    *** ผ้าขนาดตา 60 ไมครอน ซื้อจากร้านขายผ้าสกรีนภาพ

    วิธีการเพาะเลี้ยง

    1. ล้างภาชนะและอุปกรณ์ เช่น หัวทรายให้สะอาด ตากให้แห้ง วางให้ได้แสงอย่างเพียงพอ อุณหภูมิอยู่ในช่วง 28 - 35 องศาเซลเซียส

    2. เช็คปริมาณสไปรูไลนาในหัวเชื้อที่ได้ ถ้า 1 ลิตร มี สไปรูไลนา(กรองด้วยสวิง 60 ไมครอน) 1 ช้อนกาแฟ เพิ่มน้ำได้ 2 เท่า ถ้าได้ 2 ช้อนกาแฟ เพิ่มน้ำได้ 5 เท่า ถ้าได้ 10 ช้อนกาแฟ เพิ่มน้ำได้ 29 เท่า

    3. ควรเริ่มเพาะเลี้ยงในตอนเช้า โดยใช้น้ำที่จะเพิ่มลงไปละลายปุ๋ย ใส่น้ำปุ๋ยและน้ำส่วนที่เหลือลงในภาชนะ ใส่หัวเชื้อที่มีอุณหภูมิใกล้เคียงกับน้ำในภาชนะลงไป เสียบปลั๊กให้น้ำเคลื่อน ถือเป็นการเริ่มต้นเพาะเลี้ยง

    *** อย่าให้น้ำฝนลงในภาชนะที่เพาะเลี้ยงสไปรูไลนามากเกิน 5 - 10% ของปริมาตรน้ำทั้งหมด

    *** ถ้าเลี้ยงสไปรูไลนากลางแจ้ง หรืออุณหภูมิของน้ำเกิน 30oC อย่าให้น้ำหยุดเคลื่อนเกิน 1 ชั่วโมง

    4. หลังจากเพาะเลี้ยงได้ 2 วัน ตรวจสอบปริมาณสไปรูไลนา ทุกวัน ถ้า 1 ลิตร กรองสไปรูไลนาได้ไม่ต่ำกว่า 1 ช้อนกาแฟ ให้เพิ่มน้ำเพิ่มปุ๋ยหรือเก็บเกี่ยวได้ เก็บเกี่ยวกี่ครั้งก็ได้ แต่เมื่อเหลือสไปรูไลนาในภาชนะเลี้ยง 1 ช้อนกาแฟในน้ำ 3 ลิตร ต้องหยุดเก็บเกี่ยว และใส่ปุ๋ย ภาชนะ 1 ตัน ถ้าเก็บครั้งเดียวจะเก็บสไปรูไลนาได้ 2 - 4 กิโลกรัม

    *** ถ้าสไปรูไลนาที่เพาะเลี้ยงมีสีเข้มขึ้น เรื่อยๆ มองดูคล้ายเมฆสีเขียว ใช้แก้วตักดูไม่เห็นตะกอนแขวนลอย แสดงว่าสไปรูไลนาเจริญเติบโตดี ถ้าสีจางลงและเป็นสีมอ ๆ คล้ายเปื้อนฝุ่น แสดงว่าแสงมากเกินไป ถ้าเพาะเลี้ยงเกิน 7 วัน จึงได้สไปรูไลนา 1 ช้อนกาแฟ/ลิตร แสดงว่าแสงน้อยไป เหมาะสำหรับการเก็บรักษาหัวเชื้อ แต่ไม่เหมาะสำหรับการเพาะเลี้ยงเพื่อเก็บผลผลิต ถ้าสไปรูไลนาเกาะกลุ่มใช้มือตีเบา ๆ หรือเพิ่มการเคลื่อนมวลน้ำเพื่อไม่ให้เกาะกลุ่ม ถ้าไม่มีสีเขียวเลย แสดงว่าตายแล้ว

    *** ในช่วงที่อากาศเย็นหรือหลังเที่ยงคืน สามารถถอดปลั๊กเครื่องทำให้น้ำเคลื่อน 2 ชั่วโมง หรือนานกว่านั้น เพื่อยืดอายุการใช้งานของเครื่อง ประหยัดไฟและเพื่อตรวจดูสภาพของ สไปรูไลนา ถ้าสไปรูไลนาลอยอยู่ผิวน้ำมาก แสดงว่าสไปรูไลนาแข็งแรงและส่วนใหญ่แก่แล้ว ถ้าเห็นน้ำเป็นสีเขียวทั่วภาชนะ แสดงว่าแข็งแรงดีแต่ยังอ่อน แต่ถ้าส่วนใหญ่จมอยู่ข้างล่างแสดงว่าไม่แข็งแรงหรือกำลังขาดปุ๋ย

    วิธีเก็บเกี่ยว

    ควรเก็บเกี่ยวในช่วงเช้ามืดหรือช่วงอากาศเย็น หยุดเครื่องทำให้น้ำเคลื่อน 1 - 2 ชั่วโมง เมื่ออากาศเย็น 5 - 10 นาที เมื่ออากาศร้อน ตักน้ำในบ่อหรือถังเพาะใส่สวิง สไปรูไลนาจะค้างอยู่ในสวิงขนาด 60 ไมครอน ขณะที่ตะกอนหยาบค้างอยู่ในสวิงตาหยาบ ส่วนน้ำเลี้ยงพร้อมตะกอนขนาดเล็กจะหลุดออกไป เทน้ำสะอาด (ใช้น้ำแช่น้ำแข็งยิ่งดี) ลงบนสไปรูไลนาเบา ๆ ใช้มือช้อนใต้สวิง ขยับมือเพื่อช่วยให้ทุกเส้นสายของสไปรูไลนาได้รับการล้างโดยน้ำไหลผ่านหลาย ๆ ครั้ง จนสะอาด สไปรูไลนา 1 ขีด ใช้น้ำล้างประมาณ 15-20 ลิตร

    สไปรูไลนาที่ล้างสะอาด สีจะเป็นมันเนื้อละเอียด กลิ้งในถุงพลาสติก ดมดูไม่มีกลิ่น ชิมดูไม่ได้รสอื่นยกเว้นหวานมันเล็กน้อย ถ้ากลืนจะรู้สึกลื่นคอ ล้างเสร็จรับประทานได้ทันที หากยังไม่รับประทานให้บรรจุภาชนะแล้วแช่น้ำแข็งทันที เพื่อรักษาคุณภาพ

    *** สไปรูไลนาแท้ จะทำให้สดชื่นกระปรี้กระเปร่าขึ้น หลังจากรับประทานแล้วประมาณ 10 นาที ถ้าทาใบหน้าแล้วทิ้งไว้ให้แห้งจะรู้สึกตึงที่ใบหน้า ล้างออกจะเห็นใบหน้าสะอาดขึ้น ถ้าปวดท้องอาการจะทุเลาหลังรับประทานไม่เกิน 1 ชม.

    วิธีเก็บรักษา

    เก็บในตู้เย็นใต้ช่องแช่แข็ง (แต่ไม่เป็นน้ำแข็ง)หรือแช่ในน้ำแข็ง หรือเก็บที่อุณหภูมิ 1-2องศาเซลเซียส ได้นาน 3-10 วัน แต่ต้องเก็บเกี่ยวมาอย่างดี และไม่นำออกนอกตู้เย็นนาน หากรับประทานไม่หมดภายใน 7 วันให้นำไปแช่แข็งหรืออบหรือตากแห้ง จะเก็บในตู้เย็นได้นานแต่คุณค่าทางอาหารจะลดลง

    ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสอบถามได้ที่
    คุณธิดา เพชรมณี
    www.nicaonline.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 24829-47.jpg
      24829-47.jpg
      ขนาดไฟล์:
      71.5 KB
      เปิดดู:
      5,373
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มิถุนายน 2010
  3. goldbell

    goldbell เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +1,340
    เมื่อคืนฝันว่ามีภัยพิบัติเกิดขึ้น ท้องฟ้ามืดมิดไปหมด มีลูกไฟตกลงมาจากท้องฟ้า
    และมีจานบินมารับคนที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบขึ้นจานบิน
     
  4. pangbualun

    pangbualun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2010
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +285
    .........ธาตุกำเริบ ทานเยอะไปหน่อย
     
  5. Jurassic_Park

    Jurassic_Park เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    61
    ค่าพลัง:
    +288
    คนเค้ามาเตือน ก็ต้องฟังเค้า ต้องอยู่ในความไม่ประมาท พร้อมรับมือกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นสิครับ
    ไม่ใช่คอยไปกระแทกแดกดัน นี่มันกระทู้ ภัยพิบัติและการเตรียมการ นะครับ ถ้ามือไม่พายก็อย่าเอาเท้าราน้ำ
    ดีแต่ถ่วงความเจริญของส่วนรวม ไม่เชื่อก็ไปห้องอื่น ไปห้องดารา บันเทิง ไปหาความสำราญเถิดพ่อคุณ
    คนในนี้เค้าจะสนทนาเรื่องภัยพิบัติกันครับ จะเข้ากระทู้ไหนก็ดูชื่อกระทู้นิดนึงครับ ไม่ใช่หลับหูหลับตาเข้ามา
    ทำตัวเป็นแกะดำ โพสต์ไม่สร้างสรรค์ คนอื่นเค้าจะรำคาญครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มิถุนายน 2010
  6. ktapr

    ktapr สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +17
    ผมว่าปีนี้ ประเทศไทย น่าเป็นห่วง เรื่องภัยแล้งมากๆ เลย
     
  7. Homealond

    Homealond เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +476
    ฝันว่ามีวัตถุประหลาดสีน้ำเงิน มาหมุนๆบนท้องฟ้า และซักพักก็ใหญ่ขึ้นแล้วแตกออกเป็นหน้าคน พูดเกี่ยวกับแผ่นดินไหวหรือภูเขาไฟระเบิดซักกะอย่างนี่ล่ะค่ะ เมื่อไหร่ยังไม่ทราบ

    แปลกใจมาก ร้อยวันพันปีไม่เคยฝันอย่างนี้
     
  8. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    เด็กชาวอินโดเสียชีวิต 12 คนจากสะพานแขวนหัก ที่อาเจะ

    <table border="0" cellpadding="2" cellspacing="2" width="100%"><tbody><tr><td colspan="2" valign="top" width="100%">2010-06-07 07:41:25 - Technological Disaster - Indonesia

    </td> </tr> <tr> <td colspan="2" width="100%">
    </td> </tr> <tr> <td valign="top"> <table align="left" border="0" cellpadding="1" cellspacing="1" width="100%"> <tbody><tr> <td width="25%">EDIS Code:</td> <td>AC-20100607-26414-IDN</td> </tr> <tr> <td>Date&Time:</td> <td>2010-06-07 07:41:25 [UTC]</td> </tr> <tr> <td>Continent:</td> <td>Indonéz szigetvilág</td> </tr> <tr> <td>Country:</td> <td>Indonesia</td> </tr> <tr> <td>State/Prov.:</td> <td>Province of Aceh, </td> </tr> <tr> <td>Location:</td> <td>Sumatra, </td> </tr> <tr> <td>City:</td> <td>The area wasn\'t definied.</td> </tr> <tr> <td colspan="2"> Number of dead people: 12
    Number of injured people: 25
    Damage level: Heavy (Level 3)

    Not confirmed information!
    </td> </tr> </tbody></table> </td> <td align="right" width="440"> [​IMG] </td> </tr> <tr> <td colspan="2" valign="top"> Description: </td> </tr><tr> <td colspan="2" valign="top"> Twelve Indonesian children died when a suspension bridge collapsed as they were taking part in a traditional ceremony to dispel bad luck, an official said Monday. The accident took place Sunday in a remote village in Aceh province, Sumatra island, district chief Ibnu Hasyim said. "There were about 37 kids gathered together on a wire-cable suspension bridge when it collapsed and they fell into a river," he said. Twenty-five children were rescued with minor injuries but 12 others, all below the age of 12, were swept away in the strong currents. The children were watching a ritual ceremony to dispel misfortune after a measles outbreak in the area. "The adults were throwing offerings in the form of chickens into the river" when the bridge collapsed, the official said.
    </td></tr></tbody></table>
     
  9. pangbualun

    pangbualun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2010
    โพสต์:
    140
    ค่าพลัง:
    +285
    ....ใจเย็นๆ..ก้อมาถูกห้องแล้วนี่ ห้องภัยพิบัติสนทนาเรื่องภัยพิบัติ..ฝันๆๆๆนะซิมาไม่ถูกห้อง...ต้องขอโทษท่านด้วยหากทำให้ไม่พอใจ
     
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เวเนซุเอลาทุ่ม 2,000 ล้านซื้อเครื่องบินรบจากจีน </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>7 มิถุนายน 2553 14:20 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    ฮูโก ซาเวซ ผู้นำเวเนซุเอลา

    เอเจนซี - เวเนซุเอลาจะใช้เงิน 82 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 2,700ล้านบาท)สำหรับการซื้อเครื่องบินชุดที่สอง อันได้แก่ อากาศยานฝึกเค- 8 จากจีน ประธานาธิบดีฮูโก ชาเวซ เผยเมื่อวานนี้(6)

    รัฐบาลสังคมนิยมของชาเวซ สั่งซื่อเครื่องบินจู่โจมและเครื่องบินฝึก จำนวน 18 ลำจากจีน โดยชาติละตินอเมริกันแห่งนี้ได้รับส่งมอบจำนวน 6 ลำแรก เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา​

    "เราได้อนุมัติเงิน 82 ล้านดอลลาร์สำหรับการซื้อล็อลตที่สอง คือ เครื่องบินฝึกเค8 ที่จีนผลิต อากาศยานนี้มีเป้าหมายเพื่อความมั่นคงและด้านกลาโหมของประเทศ" ผู้นำเวเนซุเอลากล่าวระหว่างการแถลงประจำสัปดาห์ทางสถานีโทรทัศน์​

    สหรัฐฯ ซึ่งกล่าวหาชาเวซ ผู้เป็นพันธมิตรของคิวบาและอิหร่านว่าจุดปะทุให้เกิดการแข่งขันอาวุธทั่วอเมริกาใต้ และยังคว่ำบาตรการขายชิ้นส่วนอาวุธของสหรัฐฯให้แก่ประเทศกลุ่มผู้ส่งออกน้ำมันในปี 2006 ด้วย​

    ก่อนหน้านี้ ชาเวซเผยว่า ต้องการซื้อเครื่องบินเค-8จำนวน 40 ลำ โดยสั่ง 18 ลำจากจีน หลังจากแผนการซื้อเครื่องบินรุ่นเดียวกันนี้จากบริษัทสัญชาติบราซิลล้มเหลว ซึ่งดูเหมือนว่าน่าจะเป็นเพราะเครื่องบินพวกนี้ใช้ระบบไฟฟ้าของสหรัฐฯ ทั้งนี้ ยังไม่ชัดเจนว่าเครื่องบินล็อตที่สองนี้มีจำนวนกี่ลำและจะส่งมอบกันเมื่อใด​

    เจ้าหน้าที่รัฐบาลเวเนซุเอลากล่าวเมื่อเดือนมีนาคมว่า เครื่องบินเหล่านี้จะถูกนำไปใช้ฝึกนักบินในท้องถิ่น และเฝ้าสกัดพวกค้ายา ซึ่งใช้เวเนซุเอลาเป็นจุดผ่านทางพื่อลอบขนโคเคนจากโคลัมเบียไปยังสหรัฐฯ ทวีปยุโรป และแอฟริกา​

    เวเนซุเอลายังเคยซื้อเครือข่ายระบบเรดาร์จากจีน และทุ่มเงิน 4 ,000 ล้านดอลลาร์เพื่อซื้ออาวุธจากรัสเซียด้วย ซึ่งได้แก่ รถถัง ระบบขีปนาวุธ และเครื่องบินขับไล่ เพื่อทดแทนเครื่องบินขับไล่เอฟ-16 ที่ต้องห้ามจากมาตรการคว่ำบาตรทางการค้าจากสหรัฐฯ ทั้งนี้ ชาเวซกล่าวว่าเขาเพียงต้องการทำให้กองทัพมีความทันสมัย​

    "วันนี้ จีนกลายเป็นหนึ่งในพันธมิตรที่สำคัญที่สุดของเวเนซุเอลา และเวเนซุเอลาก็เป็นพันธมิตรที่สำคัญอย่างยิ่งของจีนในโลกด้วย" ผู้นำเวเนซุเอลากล่าว

    ทั้งนี้ บริษัทจีนหลายแห่งเป็นหุ้นส่วนในการสำรวจค้นหาน้ำมันในแถบทุ่งน้ำมันออรินโนโกของเวเนซุเอลา และปักกิ่งยังเผยว่ายังจัดสรรทุนให้แก่โครงการระยะยาวต่างๆ ในประเทศผู้ส่งออกน้ำมันแห่งทวีปอเมริกาใต้แห่งนี้ด้วย​


    หนุ่มอิตาลีตกปลาดุกยักษ์หนัก 113 กก.ทุบสถิติยุโรป

    [​IMG]

    [​IMG]
    โรเบอร์โตกับปลาดุกตัวเขื่อง หนัก 250 ปอนด์

    ฮือฮา! หนุ่มอิตาลีจับปลาดุกยักษ์ หนัก 250 ปอนด์ ลำตัวยาว 8.2 ฟุตได้ นับเป็นการตกปลาน้ำจืดด้วยเบ็ดตัวใหญ่ที่สุดในยุโรป...

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 6 มิ.ย. ว่า โรเบอร์โต นักตกปลา ชาวอิตาลี วัย 32 ปี ต้องต่อสู้กับคันเบ็ดนานร่วม 45 นาที กว่าจะได้ปลาดุกตัวเขื่องขึ้นมาจากแม่น้ำโป ในเมืองมานโตวา ทางตอนเหนือของอิตาลี เนื่องจากปลาดุกตัวที่เขาตกได้นั้น ตัวใหญ่มหึมาอย่างเหลือเชื่อ หนัก 250 ปอนด์ ( ราว 113 กิโลกรัม) ลำตัวยาว 8.2 ฟุต นับเป็นการทำลายสถิติตกปลาน้ำจืดตัวใหญ่ที่สุดในยุโรปเลยทีเดียว​

    สถิติเดิมเป็นของ คริสตอฟ ดูบรุย นักตกปลาชาวฝรั่งเศส สามารถตกปลาดุก หนัก 246 ปอนด์ 14 ออนซ์ ได้ที่แม่น้ำเอโบร ในประเทศสเปน​

    อย่างไรก็ตาม สถิติดังกล่าวยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่สมาคมเกม์ตกปลานานาชาติ กำลังอยู่ระหว่างทำการตรวจเช็ค และเชื่อว่าจะสามารถยืนยันสถิติใหม่นี้ได้ในเร็ววัน​

    ไทยรัฐออนไลน์ วันจันทร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ.2553​

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. LuckyFriday

    LuckyFriday เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +1,153
    สำรวจทะเลกรณีปลาตายและทะเลเดือน{แตกประเด็นจาก X9256231}
    PANTIP.COM : X9329221
     
  12. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** มนุษย์ สัตว์ ต้นไม้ ****

    [​IMG]

    [​IMG]

    สังขารเป็นปลา แต่ข้างในก็เหมือนคุณ
    จิตวิญญาณ ....​

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "​
     
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เหลือน้ำใช้ 45 วัน เขื่อนสิริกิต์ แล้งสุดรอบ 18 ปี

    [​IMG]

    เขื่อนสิริกิติ์ เจอวิกฤติภัยแล้งในรอบ 18 ปี เหลือนํ้าใช้แค่ 54 วัน ปริมาณน้ำลดลงจนเรือและแพที่มีไว้ใช้บริการนักท่องเที่ยว ต้องจอดเกยตื้น ถ้าฝนไม่ตกอีกสองเดือนที่จะถึงปีหน้าจะประสบปัญหาภัยแล้งหนักมากกว่าที่เป็นอยู่.....

    เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.นายประเสริฐ ธำรงวิศวะ ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขื่อนสิริกิติ์-ฝ่ายบริหารเปิดเผยถึงสถานการณ์ ปริมาณน้ำในเขื่อนสิริกิติ์ซึ่งขณะนี้ระดับนํ้าได้ลดปริมาณลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ไม่สามารถระบายน้ำออกจากเขื่อนฯในปริมาณมากได้ ประกอบกับปริมาณฝนที่ตก ทิ้งช่วงเป็นเวลานานส่งผลทำให้ไม่มีน้ำไหลเข้าสู่อ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์ ซึ่งในขณะนี้เขื่อนสิริกิติ์มีปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเหลือเพียงร้อยละ 6 หรือ 539.68 ล้านลูกบาศก์เมตร เหลือน้ำที่จะใช้ได้เพียงแค่ 54 วัน ซึ่งกรมชลประทานได้ประสานกับทางเขื่อนสิริกิติ์ให้ระบายน้ำ วันละ 10 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยปกติจะมีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บนํ้าเขื่อนสิริกิติ์ เพียงวันละ 3 ล้านลูกบาศก์เมตร ในปริมาณน้ำที่มีอยู่ เขื่อนจะสามารถปล่อยน้ำใช้ประโยชน์ท้ายเขื่อน เพียง 2 เดือน

    เพื่อช่วยเหลือเกษตรบริเวณท้ายเขื่อน รวมไปถึงเกษตรกรที่อาศัยน้ำตามโครงการสูบน้ำด้วยไฟฟ้า จ.อุตรดิตถ์ จำนวน 89 สถานี พื้นที่ส่งน้ำทั้งหมด 229,769 ไร่เพื่อรักษาระดับการผลิตกระแสไฟฟ้าและไม่ให้น้ำในอ่างเก็บน้ำแห้งขอดจน เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของเขื่อนและวิกฤติภัยแล้ง จึงจำเป็นต้องให้เกษตรกรเลื่อนการทำนาปีออกไปก่อน ประมาณกลางเดือน ก.ค.2553 ส่วนเกษตรผู้ปลูกข้าวนาปรัง จะทำนาได้เพียง 1 ครั้ง เนื่องจากต้นทุนนํ้า ปี 53 ตํ่ากว่าเกณฑ์มากคาดว่าปี 54 จะเกิดปัญหาวิกฤติภัยแล้งอย่างหนัก

    นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า เมื่อหลายปีที่ผ่านมาประมาณวันที่ 9 ก.ค.2535 ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์ เคยมีปริมาณนํ้าตํ่าสุด 128 เมตร ณ ปัจจุบันสถานการณ์ปริมาณน้ำของเขื่อนสิริกิติ์ในช่วงเดือน มิ.ย.ปีนี้ ถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำมากในรอบ 18 ปี หากเกษตรกรไม่วางแผนการใช้น้ำและไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของทางราชการผลผลิต ทางการเกษตรอาจได้รับความเสียหาย

    ทางด้าน นายโยธินศร์ สมุทรคีรีจ์ ผวจ.อุตรดิตถ์ เปิดเผยว่า เนื่องจากปริมาณน้ำในเขื่อนสิริกิติ์ มีไม่เพียงพอที่จะส่งน้ำให้สถานีสูบน้ำ ในแม่น้ำน่าน กรมชลประทานจึงได้แจ้งให้เกษตรกร เลื่อนการทำนาปี ออกไปก่อนเพื่อป้องกันข้าว กล้า เสียหาย สำหรับจำนวนสถานีสูบน้ำในเขต จ.อุตรดิตถ์ ที่ใช้น้ำจากแม่น้ำน่าน มีจำนวน 89 สถานี พื้นที่ส่งน้ำทั้งหมด 229,769 ไร่ ได้แก่ โครงการน้ำริด อำเภอเมือง จำนวน 1 สถานี พื้นที่ส่งน้ำ 44.659 ไร่ เป็นพื้นที่ในเขตชลประทาน 34,446 ไร่ และนอกเขตชลประทาน 10,213 ไร่ สถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า (ที่ถ่ายโอนให้ อปท.แล้ว)

    คือ อำเภอ ท่าปลา จำนวน 4 สถานี พื้นส่งน้ำ 3,000 ไร่ , อำเภอเมือง, จำนวน 32 สถานี พื้นที่ส่งน้ำ 55,440 ไร่ อำเภตรอน, 15 พื้นที่ส่งน้ำ 39,070 ไร่ อำเภอพิชัย จำนวน 37 สถานีสูบน้ำ พื้นที่ส่งน้ำ 87,300 ไร่ เกษตรกรโดยเฉพาะกลุ่มในจังหวัดภาคกลางจะต้องเลื่อนการทำนาปี ปี 2553 ออกไปก่อน เนื่องจากปริมาณน้ำในเขื่อนสิริกิติ์ไม่เพียงพอและทางเขื่อนสิริกิติ์คาดการ ว่าหากว่าอีกสองเดือนยังไม่มีฝนพายุลูกใหญ่พัดผ่านตกในต้นน้ำจะส่งผลทำให้ เขื่อนสิริกิติ์ไม่มีน้ำเพียงพอต่อการเกษตรทั่วๆไป

    ไทยรัฐออนไลน์ วันจันทร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ.2553

    เฒ่ากาฬสินธุ์สยอง แมลงนับล้าน บุกบ้านกินนอนไม่ลง

    [​IMG]

    สยองขนลุก เฒ่า 83 ชาว อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ ถูกแมลงด้วงปีกแข็งนับล้านบุกขึ้นเต็มบ้านพัก เดือดร้อนหนัก เวลากินก็กินไม่ได้ซ้ำเวลานอนต้องเอาสำลีอุดหู เกรงถูกชอนไชเข้าสู่ร่างกาย...

    วันที่ 7 มิ.ย. 2553 นายอลิสา ชาลี นายก อบต.โคกเครือ อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่นำเครื่องพ่นยาฆ่าแมลง ไปฉีดพ่น ที่บ้านเลขที่ 182 บ้านหนองกบ หมู่ 11 ต.โคกเครือ ซึ่งเป็นบ้านพักของนายหนู โกมาร อายุ 83 ปี หลังต้องทนกับเหตุการณ์สยองขนลุก และได้รับความเดือดร้อนรำคาญมานานกว่า 7-8 ปี เนื่องจากมีแมลงปีกแข็งสีดำจำนวนนับแสนนับล้านตัว บินเข้ามาอาศัยที่บ้านหลังดังกล่าว เป็นเหตุให้ความเป็นอยู่บ้านหลังดังกล่าว ได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก

    โดย นายหนู โกมาร เจ้าของบ้าน เปิดเผยว่า บ้านตนเองเป็นบ้านไม้ใต้ถุนโล่ง สร้างอยู่ท้ายหมู่บ้านติดป่าเขา อยู่กับภรรยาแค่ 2 คน ส่วนลูกๆไปทำงานที่กรุงเทพฯ แมลงเหล่านี้เริ่มบินเข้ามาภายในบ้านหลายปีแล้ว โดยเฉพาะวันขึ้น 15 ค่ำ (วันพระ) เวลา 2-3 ทุ่มจะพากันบินเข้ามาเต็มพื้นบ้านและตามมุมตามซอก เวลานอนต้องเอาสำลีอุดหู เพราะเกรงจะถูกแมลงชอนไชเข้าไปในร่างกาย ซ้ำร้ายเวลาที่จะรับประทานอาหาร ก็ต้องปิดให้มิดชิด เจ้าหน้าที่ก็ฉีดพ่นเกือบทุกเดือน แต่ก็ยังมาอยู่ตลอด ตัวที่ตายก็ตายไป ตัวหรือฝูงที่มาใหม่ก็ทวีคูณเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ภายในหมู่บ้านมีเป็นร้อยหลังคาเรือน แต่มันก็มาอยู่แค่หลังคาเดียว ดีที่มันไม่กัด ถ้าจะย้ายหนีก็ไม่รู้จะหนีไปอยู่ไหน

    นายณรงค์ฤทธิ์ อุปจันโท นักวิชาการเกษตร อบต.โคกเครือ เผยว่า แมลงปีกแข็งนี้ ทางวิชาการเรียกว่า ด้วงปีกแข็ง อยู่ในตระกูลด้วง ไม่ทำอันตรายเพียงแต่สร้างความรำคาญเท่านั้น ทาง อบต. ได้ใช้เครื่องพ่นหมอกควัน มาฉีดพ่นให้เป็นประจำ แต่ไม่ยอมหมด มีแต่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ ที่ทำได้ก็เพียงให้ทุเลาลง ก่อนที่จะทำให้คุณตาหนู จะเสียสุขภาพจิตไปมากกว่านี้

    ไทยรัฐออนไลน์ วันจันทร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ.2553

    ตื่นกล้วยประหลาด ยอดบัวตูมโผล่ ชาวบ้านแห่ขอหวย

    [​IMG]

    ชาวเมืองคอน ตื่น พบต้นกล้วยประหลาด ถูกตัดต้นตายซากนานนับแรมปี กลับมียอดโผล่เป็นดอกบัวตูม เชื่อเป็นกล้วยตานีศักด์สิทธิ์ แห่กราบไหว้เพื่อความเป็นศิริมงคล และบวกขอเลขเด็ดตามฟอร์มจำนวนมาก...

    ชาวเมืองคอน ตื่นหลังพบ ซากต้นกล้วยตานีประหลาด ที่ถูกตัดต้นทิ้งไปเป็นเวลาแรมปี กลับมีปลียอดโผล่ออกมาคล้ายดอกบัวตูม ที่บริเวณหลังบ้านของนางปราณี เคี่ยมขาว อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6/3 หมู่ที่ 6 ต.พรหมโลก อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช

    โดย นางปราณี เจ้าของ เปิดเผยว่า ได้ตัดต้นทิ้งแล้วนำกล้วยไปแจกจ่ายให้แก่เพื่อนบ้าน เมื่อเดือนมิถุนายน 2552 โดยเว้นโคนลำต้นไว้ที่ประมาณ 1 เมตรเศษ จนกระทั่งในช่วงเช้าวันนี้(7 มิ.ย. 2553) ตนเองได้ใช้พร้าไปถางหญ้าที่รกปกคลุมทั่วบริเวณเพื่อปลูกพืชผักสวนครัว ต้องถึงกับตกตะลึง เมื่อพบว่าต้นกล้วยตานี ที่ตัดต้นทิ้ง กลับมีปลียอดโผล่ออกมา มีสีเขียวปนชมพู คล้ายดอกบัวตูม ทั้งๆที่ต้นกล้วยตานีมีสภาพแห้งเฉาตายแล้วก็ตาม

    ส่วนชาวบ้าน กล่าวในทำนองเดียวกันว่า ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเจอกล้วยประหลาดอย่างนี้มาก่อน และเชื่อว่าเป็นกล้วยที่มีความศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่สิงสถิตย์ของนางตานี จากนั้นจึงมีชาวบ้านทยอยเดินทางเข้ามากราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคลและขอเลขเด็ดเป็นจำนวนมาก

    ไทยรัฐออนไลน์ วันจันทร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ.2553

    คนแห่เก็บหอยชักตีนเต็มหาดกระบี่ ยาวกว่า 3 กม.อ้างไม่เคยเจอมาก่อน

    [​IMG]

    ชาวบ้านกับนักท่องเที่ยวแห่เก็บหอยชักตีน ถูกคลื่นซัดเกลื่อนหาดนพรัตน์ธารา จ.กระบี่ ยาวกว่า 3 กม. นำขาย กก.ละ 80-100 บาท อ้างไม่เคยเจอมาก่อน...

    เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 2553 บริเวณชายหาดคลองแห้ง ตรงข้ามที่ทำการอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี ม.3 ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง มีนักท่องเที่ยวชาวไทย และ ชาวบ้านในพื้นที่หลายร้อยคนเดินเก็บหอยชักตีนและหอยทะเล เพื่อนำไปประกอบอาหารและขายต่อ หลังจากเกือบตลอดทั้งวันนี้มีคลื่นลมแรงซัดหอยชักตีน หอยทะเลจำนวนอื่นๆ และหญ้าทะเลจำนวนมากเข้ามาบนชายหาดรวมระยะทางมากกว่า 3 กิโลเมตร

    ทั้งนี้ ชาวบ้านในพื้นที่ระบุว่า ส่วนใหญ่จะเลือกเก็บหอยชักตีน เพราะมีราคาสูงถึงกิโลกรัมละประมาณ 80-100 บาท และเป็นอาหารขึ้นชื่อของ จ.กระบี่ โดยพบว่าหอยชักตีนมีจำนวนมากและมีขนาดใหญ่ ซึ่งถือเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยพบมาก่อน ส่วนสาเหตุนั้น คาดว่า เนื่องจากมีคลื่นลมและคลื่นใต้น้ำกำลังแรง จึงได้พัดหอยขึ้นมาเต็มชายหาด ทำให้ชาวบ้านเก็บหอยได้คนละไม่ต่ำกว่า 3-10 กิโลกรัม

    ไทยรัฐออนไลน์ วันจันทร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ.2553

    ที่มา http://www.thairath.co.th
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    สหรัฐฯ-วิกฤตคราบน้ำมันดันราคาอาหารทะเลพุ่ง

    [​IMG]

    วิกฤตคราบน้ำมันอ่าวเม็กซิโกเริ่มส่งผลกระทบต่อราคาอาหารทะเล และธุรกิจท่องเที่ยวตามพื้นที่ชายฝั่งรัฐทางใต้ของสหรัฐอเมริกา ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าวิกฤตการณ์ดังกล่าวจะยืดเยื้อไปจนถึงฤดูใบไม้ร่วง

    โดยเจ้าของร้านขายหอยนางรมที่รัฐลุยเซียนา เผยว่าต้องซื้อหอยนางรมจากพ่อค้าคนกลางในราคาที่สูงขึ้นถึงร้อยละ 20 ซึ่งเป็นผลมาจากวิกฤตคราบน้ำมันในอ่าวเม็กซิโก ทำให้ทางการต้องออกมาตรการควบคุมการจับสัตว์ทะเลเพิ่มมากขึ้นทั่วอ่าวเม็กซิโก ประกอบกับความวิตกกังวลของธุรกิจประมงที่ต่างต้องจับตา ท่ามกลางการคาดการณ์ว่าวิกฤตคราบน้ำมันดันราคาอาหารทะเลพุ่งสูงกว่านี้ ย่อมจะส่งผลกระทบต่อร้านขายอาหารทะเลขนาดเล็กอย่างแน่นอน เพราะหากขึ้นราคาจะไม่สามารถแข่งขันกับร้านอาหารทะเลที่ใหญ่กว่าได้ ทำให้ต้องควักกระเป๋าจ่ายค่าส่วนต่างไป อย่างไรก็ตามเจ้าของร้านหลายคนยืนยันว่าจะไม่นำอาหารทะเลที่ปนเปื้อนสารพิษจากน้ำมันมาขายให้ลูกค้าอย่างแน่นอน

    ขณะที่เกษตรกรฟาร์มหอยนางรมที่คาบสมุทรรัฐฟลอริดาต่างจับตามองคราบน้ำมันที่กำลังเคลื่อนตัวใกล้เข้ามาทุกวันด้วยความวิตกเช่นกัน โดยกล่าวว่าหากลอยมาถึงชายฝั่งซึ่งส่วนใหญ่เป็นฟาร์มหอยนางรมเมื่อใด อาชีพและอนาคตของพวกตนคงต้องจบสิ้นอย่างแน่นอน และขณะนี้เร่งมือจับหอยนางรมให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนที่คราบน้ำมันจะมาถึง ขณะที่ธุรกิจท่องเที่ยวตามรัฐชายฝั่งเริ่มได้รับผลกระทบแล้ว หลังจากนักท่องเที่ยวบางส่วนได้ยกเลิกห้องพักและเปลี่ยนไปเที่ยวที่รัฐชายฝั่งตะวันออกแทน

    ส่วนความคืบหน้าการควบคุมการรั่วไหลของน้ำมันในอ่าวเม็กซิโก แม้ว่าวิธีการล่าสุดจะประสบความสำเร็จ บริษัทบีพี.สามารดูดถ่ายน้ำมันที่รั่วไหลได้มากขึ้น แต่ผู้เชี่ยวชาญก็ออกมาเตือนว่า วิกฤตการณ์ดังกล่าวจะยังคงยืดเยื้อไปจนถึงฤดูใบไม้ร่วง

    หัวหน้าผู้บริหารบริษัทบีพี.เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวถึงความคืบหน้าในการใช้วิธีการดูดถ่ายน้ำมันที่รั่วออกมาจากบ่อในอ่าวเม็กซิโก ว่าขณะนี้สามารถถ่ายน้ำมันที่รั่วไหลออกมาได้วันละ 10,000 บาร์เรลแล้ว หรือคิดเป็น 50 เปอร์เซ็นต์จากปริมาณน้ำมันที่คาดว่า รั่วไหลตกวันละ 1.9 หมื่นบาร์เรล ทำให้ความหวังที่จะแก้ปัญหาวิกฤตคราบน้ำมันครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯเริ่มมีมากขึ้น

    อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่หน่วยยามฝั่งสหรัฐฯระดับสูง ที่ดูแลเกี่ยวกับการรับมือปัญหาดังกล่าวเตือนว่า ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปได้ว่าขณะนี้บีพี.ประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ตราบใดที่น้ำมันยังคงรั่วไหล เพราะจะวางใจได้ก็ต่อเมื่อการขุดเจาะบ่อลดความดัน 2 บ่อ เพื่อหยุดยั้งน้ำมันที่รั่วไหลอย่างถาวรจะสำเร็จ ซึ่งต้องรอไปจนถึงเดือนสิงหาคม ทำให้หลายฝ่ายเตือนว่าวิกฤตน้ำมันรั่วไหลครั้งนี้จะยืดเยื้อไปจนถึงฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่เดือนกันยายนไปจนถึงเดือนพฤศจิกายน

    ข่าวทีวีช่อง 3วันจันทร์ ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2553

    สหรัฐฯน้ำท่วมหนัก

    [​IMG]

    พื้นที่ตอนกลางของสหรัฐฯ ต้องเผชิญกับพายุทอร์นาโดพัดถล่มจำนวนหลายลูก ขณะที่หลายประเทศในยุโรปตอนกลางประสบปัญหาน้ำท่วมหนักต้องอพยพประชาชนหนีตายหลายพันคน

    หลายรัฐตอนกลางของสหรัฐฯ รวมทั้งรัฐอิลลินอยส์ เพนซิลเวเนีย มิชิแกน และโอไฮโอ ต้องเผชิญกับพายุทอร์นาโดพัดถล่มหลายลูกเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยที่โอไฮโอมีผู้เสียชีวิต 7 คน รวมทั้งเด็กเล็ก 1 คน ส่วนทางตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐมิชิแกน พายุลมแรงได้สร้างความเสียหายให้โรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ถึง 2 แห่ง ทำให้ต้องสั่งปิดโรงงานเป็นการชั่วคราวทันที และมีรายงานว่ามีกระแสไฟฟ้าดับเป็นบริเวณกว้างส่งผลกระทบต่อประชาชนกว่า 35,000 คน

    แต่ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเกิดจากการปิดโรงงานนิวเคลียร์หรือไม่ นอกจากนี้ยังทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 10คน ที่เมืองดันดี หลังมีรายงานว่าเกิดพายุทอร์นาโดเคลื่อนตัวผ่านเมืองดังกล่าว และที่รัฐอิลลินอยส์เกิดพายุทอร์นาโดหลายลูกพร้อมๆกันที่เมืองดีไวท์ ทำลายบ้านเรือนประชาชนไป 10 หลัง และบ้านเคลื่อนที่อีกกว่า 40 หลัง ทำให้มีผู้บาดเจ็บกว่าสิบคน

    ส่วนที่ยุโรป หลายประเทศในยุโรปกลางกำลังเผชิญกับน้ำท่วมครั้งเลวร้าย โดยที่โปแลนด์มีผู้เสียชีวิตถึง 18 คน นายกรัฐมนตรีโดนัลด์ ทัสก์ ได้เดินทางไปเยือนพื้นที่ประสบภัยใกล้กับเมืองซานโดมีเรซ เมื่อวานนี้ โดยพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดอยู่ทางใต้ ทำให้ต้องอพยพชาวบ้านกว่า 3,000 คน ออกจากหมู่บ้าน 8 แห่ง อาสาสมัครจำนวนมากได้ร่วมมือกับทหาร และเจ้าหน้าที่กู้ภัยเร่งนำเอากระสอบทรายมาสร้างเขื่อนกั้นน้ำ หลังจากบ้านเรือนจำนวนมากได้รับความเสียหาย

    และที่สโลวาเกีย เจ้าหน้าที่ต้องอพยพประชาชนกว่า 1,500 คน ออกจากเมืองโคซิซ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 หลังน้ำได้ไหลทะลักเข้าท่วมทำลายอาคารบ้านเรือน สวนไร่นา และรถยนต์เสียหายจำนวนมาก ทำให้ต้องระงับการให้บริการรถไฟหลายเส้นทาง ขณะที่นายกรัฐมนตรีโรเบิร์ต ฟิโก้ อนุมัติเงินช่วยเหลือจำนวน 25 ล้านยูโร พร้อมกล่าวว่าอุทกภัยครั้งนี้เลวร้ายที่สุดในรอบ 100 ปีเลยทีเดียว

    ส่วนที่ฮังการี ต้องอพยพประชาชนราว 2,300 คนในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะทางตะวันออกเฉียงเหนือ หลังจากระดับน้ำในแม่น้ำ 3 สาย เพิ่มสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เจ้าหน้าที่กุ้ภัยกว่า 12,000 นาย ต้องระดมกำลังเร่งสร้างเขื่อนจากกระสอบทรายความยาว 1,500 เมตร ปกป้องกรุงบูดาเปสต์ไม่ให้น้ำไหลเข้าท่วมย่านธุรกิจ

    ข่าวทีวีช่อง 3วันจันทร์ ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2553

    สหรัฐฯ-นกและสัตว์น้ำกว่าพันตัวได้รับผลกระทบจากคราบน้ำมัน

    [​IMG]

    ยอดรวมของจำนวนนกและสัตว์น้ำที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาคราบน้ำมันรั่วไหลจากแท่นขุดเจาะน้ำมันในอ่าวเม็กซิโกเมื่อเดือนที่แล้ว เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะที่รัฐลุยเซียนา สหรัฐฯสามารถช่วยเหลือนกที่ยังมีชีวิตอยู่ และตายแล้วได้หลายพันตัว

    เจ้าหน้าที่จากศูนย์วิจัยและช่วยเหลือนกนานาชาติกำลังเร่งทำความสะอาดและช่วยเหลือนกและสัตว์น้ำ ที่ได้รับผลกระทบจากคราบน้ำมันรั่วไหล ตลอดแนวชายฝั่งเกาะ ควีน บีส ของรัฐลุยเซียนา สหรัฐฯ ซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่ตามธรรมชาติของนกเพลลิแกนสีน้ำตาล โดยก่อนหน้านี้ สภาพอากาศที่เลวร้ายได้ทำให้คราบน้ำมันไหลเข้าไปในพื้นที่ฝูงนกเพลลิแกน สีน้ำตาล อาศัยอยู่ รายงานระบุว่า มีนกเพลลิแกนสีน้ำตาลตัวหนึ่งทั่วทั้งตัวเต็มไปด้วยคราบน้ำมัน นกบางตัวพยายามดิ้นรนข้ามทุ่นลอยน้ำที่กั้นคราบน้ำมันแต่ก็ไม่สำเร็จ

    จนถึงขณะนี้ เจ้าหน้าที่สามารถช่วยเหลือนกที่ได้รับผลกระทบจากคราบน้ำมันที่ยังมีชีวิตอยู่ ได้ 5,177 ตัว และ เก็บซากนกที่ตายแล้ว 547 ตัว นับตั้งแต่เกิดวิกฤตคราบน้ำมันรั่วไหลจากแท่นจุดเจาะน้ำมันของบีพี ดีบวอเตอร์ ฮอริซอน เข้าสู่อ่าวเม็กซิโก เมื่อวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งทำให้มีน้ำมันรั่วไหลสู่ท้องทะเลแล้ว ราว 23 - 47 ล้านบาร์เรล สร้างความเสียหายในระบบนิเวศ รวมไปถึงธุรกิจด้านการประมงอย่างหนัก ขณะที่บริษัทบีพี พยายามทำทุกวิถีทางในการหยุดการรั่วไหลของคราบน้ำมัน แต่ก็ยังล่าช้า และจากวิกฤตนี้ ทำให้บีพี สูญเสียเงิน ราว 67 ล้านเหรียญสหรัฐ

    ข่าวทีวีช่อง 3วันจันทร์ ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2553

    ที่มา http://www.krobkruakao.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มิถุนายน 2010
  15. Kongp

    Kongp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +3,909
    เดี๋ยวนี้ มีแต่ข่าว เรื่องแปลกๆ เยอะ นะครับ โดยเฉพาะ แมลง สัตว์

    วันก่อน ที่อ่านจากคำบอกเล่า ที่นี่ เรื่องผีเสื้อ บินจากตะวันออกไปตะวันตก จำนวนเยอะมาก ที่เชียงใหม่

    วันก่อน ผมไปสระบุรี ผมก็เห็น นะครับ ผีเสื้อเยอะมาก บินจากออกไปตกเหมือนกัน

    น่าจะเกิดจากสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงไป
     
  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    อาหารและสงคราม-เล่าเรื่องการกินของคนในยามสงคราม

    [​IMG]

    กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เงินทองคือมายา-ข้าวปลาคือของจริง ยังคงเป็นวาทะที่ยังใช้ได้ดีเสมอทุกยุคทุกสมัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสงครามที่มักเกิดปัญหาขาดแคลนอาหาร ข้าวยากหมากแพง บางครั้งมีเงินแต่ไม่สามารถหาอาหารมาประทังชีวิต ทั้งนี้ยังไม่รวมถึงภัยธรรมชาติที่มักถาโถมมาพร้อม ๆ กับสงคราม วิกฤติและการต่อสู้ดิ้นรนของผู้คนจึงเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

    สำหรับประเทศไทย สมัยสงครามโลกครั้งที่สองน่าจะเป็นช่วงเวลาเดือดร้อนแสนสาหัส เพราะนอกจากภัยสงครามแล้ว ผู้คนในที่ต่างๆ ยังประสบกับภัยน้ำท่วม นาล่ม อาหารไม่พอกิน และภาวะอดอยากหิวโหย อีกด้วย นายชีวสิทธิ์ บุญยเกียรติ์ นักวิชาการศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร เล่าว่า เมื่อปีที่ผ่านมา ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร ได้จัดนิทรรศการ “ย้อนยุค ข้าวยากหมากแพง” โดยนิทรรศการดังกล่าวได้เล่าถึงสาเหตุความอดอยากของคนไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน รวมไปถึงการช่วยเหลือจากทางการและการปรับตัวของผู้คนให้มีชีวิตรอดอย่างมีความหวัง

    ยามสงครามชาวบ้านต้องประทังชีวิตด้วยการขุดเผือก มัน หน่อไม้ ขุยไผ่ มากินแทนข้าว หรือหุงกับรวมกับข้าว นอกจากนี้ความขาดแคลนทำให้ต้องประดิษฐ์และค้นหาสิ่งใหม่ทดแทน เช่น การใช้ใยสำปะรดแทนด้าย ใช้น้ำมันพืชแทนน้ำมันก๊าด หรือในยามน้ำท่วมซึ่งทำให้การประกอบอาหารเป็นไปได้อย่างลำบากจึงได้คิดค้นวิธีปรุงอาหารง่าย ๆ เช่น แกงจืดนอกหม้อที่ปรุงได้ในชาม หรือทำอาหารที่เก็บไว้กินได้นาน เช่น ปลาทูต้มเค็ม เป็นต้น

    แนวคิดการจัดนิทรรศการในข้างต้นจะถูกนำมาเสนอใหม่อีกครั้งในรูปแบบของเสวนาโต๊ะกลมภายใต้ชื่อ “อาหารและสงคราม-เล่าเรื่องการกินของผู้คนในยามสงคราม” ซึ่งได้รับเกียรติร่วมสนทนาจากคุณ Wong Hong Suen ผู้เขียนหนังสือ wartime kitchen ที่อธิบายถึงปัญหาการขาดแคลนอาหารในระหว่างและหลังสงครามโลกครั้งที่สองในสิงคโปร์ และผศ.ดร.มณธิรา ราโท ซึ่งศึกษาวิจัยเกี่ยวกับสงครามและความหิวในสังคมเวียดนาม ผ่านงานวรรณกรรมของ “นามกาว” ซึ่งระบุว่าสิ่งที่เคียงคู่ไปกับภาวะสงครามก็คือ ภาพของความอดอยาก แร้นแค้น และหิวโหยของผู้คน

    ในประเทศเวียดนาม สงครามโลกครั้งที่สองและสงครามมหาเอเชียบูรพาได้ส่งผลให้ประชากรต้องเสียชีวิตจากความอดอยากหิวโหยประมาณสองล้านคน ชาวบ้านที่นั่นต้องทำทุกอย่างเพื่อให้มีชีวิตรอด กินทุกอย่างที่ไม่เคยกิน ไม่ว่าจะเป็นรากไม้ เปลือกไม้ หญ้า วัชพืช ดิน หรือแม้แต่กินเนื้อมนุษย์ ขณะที่ความหิวโหยได้เข้ามาสั่นคลอนความคิดเรื่องจริยธรรมและคุณธรรมของผู้คน ทำให้เกิดปัญหาลักขโมย บางคนต้องขายลูกหรือทิ้งลูกตามเมืองใหญ่ ตามถนนในเมืองใหญ่ๆ เช่น ฮานอย ไฮฟอง ปรากฏพบโครงกระดูกหรือภาพของผู้คนที่มีร่างกายซูบผอมยืนเปลือยกายตามกำแพงเพื่อรอความตาย ซึ่งในแต่ละวันจะมีเจ้าหน้าที่มาเก็บซากศพตามถนนไปทิ้งย่านชานเมือง

    อย่างไรก็ตามหากมองอีกด้านหนึ่ง การเผชิญกับภัยสงครามไม่ว่าจะในประเทศไทย เวียดนาม หรือสิงคโปร์ เรายังคงพบว่าท่ามกลางการดิ้นรนเอาตัวรอดตามสัญชาติญาณของมนุษย์ ยังคงมีการรวมพลังต่อสู้ ฝ่าฝันกับวิกฤติที่นับเป็น “ชะตากรรมร่วม” ปรากฏอยู่

    ในกรณีประเทศเวียดนาม ปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่นำไปสู่ชัยชนะของขบวนการคอมมิวนิสต์นั้น เป็นเพราะพรรคคอมมิวนิสต์เป็นกลุ่มการเมืองเดียวในขณะนั้นที่ตอบสนองต่อปัญหาความอดอยากของประชาชน เช่น การนำกองกำลังเวียดมินห์เข้าบุกยึดโกดังเก็บข้าวของญี่ปุ่น มีกิจกรรมรณรงค์ต่างๆ เพื่อต่อสู้กับความหิวโหย อาทิ การแบ่งปันข้าวและเสื้อผ้า การรณรงค์เพื่อให้ประชาชนอดข้าวบางมื้อเพื่อนำข้าวที่ได้ไปช่วยเหลือคนยากจน พร้อมกับปลุกใจให้ประชาชนร่วมกันต่อสู้กับความอดอยากหิวโหย ดังที่โฮจิมินห์เคยกล่าวไว้ว่า “ความอดอยากไม่ได้อันตรายน้อยกว่าสงคราม... ...การต่อสู้กับความอดอยากก็เหมือนกับการต่อสู้กับศัตรูต่างชาติที่เราจะชนะได้อย่างแน่นอน...”

    แน่นอน สงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงแล้ว แต่ในปัจจุบันเรายังต้องผจญกับสงครามการค้าและการเมืองอย่างไม่หยุดยั้ง การเกิดขึ้นของวิกฤติต้มยำกุ้ง วิกฤติแฮมเบอร์ และการผันผวนของราคาน้ำมัน ล้วนเป็นส่วนหนึ่งที่ผลักดันให้เราเข้าสู่สภาวะข้าวยากหมากแพง “ล่องหน” ซึ่งนับวันยิ่งทวีความรุนแรงและบีบคั้นมากขึ้นทุกขณะ การเรียนรู้และทำความเข้าใจในวิกฤติการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตจึงมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างหนทางรับมือและแก้ไขวิกฤติการณ์ในปัจจุบัน

    อย่างน้อย เราคงได้เรียนรู้ว่า แม้ในยามที่เลวร้ายที่สุด มนุษย์มิเคยสิ้นหวัง...
    ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) จึงขอเชิญชวนผู้สนใจเข้าเป็นส่วนหนึ่งของวงเสวนาโต๊ะกลมเรื่องอาหารยามสงครามฯ อันเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่หลากหลายของการประชุมประจำปีทางมานุษยวิทยา ซึ่งจัดโดยศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Relocate หรือ ติดต่อคุณ ศิวัช นนทะวงษ์ 0-28809429 ต่อ 3811

    <TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD vAlign=top>เขียนโดย ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร</TD></TR></TBODY></TABLE>
    วันพฤหัสบดีที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๓

    ที่มา www.food4change.in.th
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC01758.jpg
      DSC01758.jpg
      ขนาดไฟล์:
      67.8 KB
      เปิดดู:
      1,336
  17. sorakom22

    sorakom22 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +90
    ขอบคุณ คุณเกษม มากครับสำหรับ เหตุการน้ำมันรั่ว ตอนนี้ต้องจับตาอย่างหนักครับ
     
  18. ragpon

    ragpon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    456
    ค่าพลัง:
    +954
    *** มนุษย์ สัตว์ ต้นไม้ ****
    มนุษย์ทำลายสัตว์
    มนุษย์ทำลายต้นไม้
    มนุษย์ทำลายกันเอง
    และ จะมีสิ่งใดต้องการมนุษย์อยู่อีกไหม
    คำตอบ คือกรรมใดๆพึงกระทำแล้วล้วน ย้อนกลับมาเท่ากันจะมากหรือน้อยอยู่ที่ความตั้งใจ พยายามมุ่งมั่น
    ขอให้ทุกสิ่งอธิฐานให้เขายกโทษอดโทษ แก่มนุษย์เยอะๆเทอญ จะได้เบาลงบ้าง
     
  19. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    [​IMG]


    เมื่อคืนนี้ฝันว่าอยู่ที่บ้าน เเละเห็นเเสงเเบบนี้บนท้องฟ้าเเต่เเสงมากกว่านี้ 12 เเถว

    ก็เลยถือกล้องถ่ายรูปออกไปถ่ายกับ Likely สองคน

    เเล้วอยู่ๆน้ำก็ขึ้นมา ประมาณน้ำท่วมฉับพลัน หรือ น้ำตกในหน้าฝนเอ่อล้น

    น้ำขึ้นเร็วมาก เเต่ในฝันสติดีมาก เลยขึ้นไปอยู่บนกล่องหรือโต๊ะอะไรสักอย่างกับ Likely

    พอโต๊ะลอยไปเรื่อยน้ำก็ลดลงหน้าห้างพอดี สรุปว่า น้ำขึ้นเร็วเเละลงเร็ว รู้สึกภูมิใจที่เราสติเราดีใช้ได้ทีเดียว

    เเถมขณะลอยน้ำนั่งมองกล้องด้วยความกลุ้มใจ เนื่องจากกลัวกล้องพัง

    ตอนสะดุ้งตื่นมา สิ่งเเรกที่คิด โชคดีจังที่เป็นเเค่ความฝัน กล้องเรายังปลอดภัยดี =='

    (โอ๊ะเเม่จ้าว...!!! นั้นคือสิ่งที่ิเราคิดอย่างเเรกตอนรู้ตัวหรือนี้???)

    ไม่กลัวเลยเเต่ห่วงคนที่บ้านมากกว่าว่าจะเป็นยังไงเพราะว่า กลัวพวกเขาจมน้ำตายถ้าอยู่ๆน้ำท่วมขนาดนั้น

    เเล้วตัวอยู่ในบ้านจะออกมาได้ยังไง?
     
  20. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>รวบแก๊งปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยโหดที่ตรัง </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>วันนี้(7 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.ภูมิ บาลทิพย์ รอง ผกก.ป. สภ.เมืองตรัง

    รับแจ้งจากแม่ค้าในพื้นที่ ว่าที่บ้านเลขที่ 15/13 ต.ควนขัน อ.เมืองตรัง มีแก๊งทวงหนี้โหดที่มีการปล่อยเงินกู้นอกระบบ และมีการตระเวนเก็บดอกเบี้ยทำให้ได้ความเดือดร้อน หลังรับแจ้งจึงสั่งการให้ พ.ต.ท. สุทธิพร นราพงศ์ สวป. พร้อมด้วย ร.ต.ท.พนมรุ้ง ขอนพุดซา รอง สวป. และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปราม รุดตรวจสอบที่เกิดเหตุพบแก๊งทวงหนี้โหดกำลังนับเงินอยู่ในบ้าน

    เมื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแสดงตัวเข้าจับกุม ก็ได้ทำการปิดประตูบ้านเพื่อป้องกันเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้น

    พร้อมกับนำเงินที่นับเอาไปซ่อนไว้ภายในห้องต่างๆของบ้าน จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องใช้เวลานานกว่า 15 นาที จึงสามารถจับกุมผู้ต้องได้จำนวน 8 คน ประกอบด้วย 1.นายศุภนุ แสนกุล อายุ 25 ปี เป็นหัวหน้าแก๊งทวงหนี้ 2.นายเอ็ม (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี 3.นายสุ นามสมมุติ อายุ 18 ปี 4.นายนพดล พัดสงค์ อายุ 22 ปี 5.นายธนทิต แสนกุล อายุ 21 ปี 6.นายอิ นามสมมุติ อายุ 19 ปี 7.นายธนกร แซ่เห็น อายุ 20 ปี กาญจนบุรี และ8.นายชูศักดิ์ นิลทอง อายุ 30 ปี พร้อมด้วยของกลาง เงินสดที่ได้จากการทวงหนี้เพียงบางส่วนจำนวน 950 บาท แฟ้มบัญชีลูกค้า จำนวน 5 แฟ้ม สมุดบัญชีลูกค้า จำนวน 2 เล่ม และบัญชีรายชื่อลูกหนี้อีกจำนวนหนึ่ง

    ทั้งนี้สืบเนื่องจาก ทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับแจ้งจากแม่ค้าใน ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง ที่ได้รับความเดือดร้อน

    เนื่องจากไปกู้เงินนอกระบบรายวันมาจากนายทุน เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบอาชีพ และไม่สามารถหาเงินมาชดใช้คืนให้กับเจ้าหนี้เป็นรายวันได้ และได้ถูกชายฉกรรจ์ ที่เป็นแก๊งปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยโหดกลุ่มนี้ นอกจากเรียกเก็บดอกเบี้ยในอัตราสูงแล้ว ยังมีพฤติกรรมเอาเปรียบและข่มขู่ลูกหนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการจับกุมดังกล่าว

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>หมูโหดขายโลละ 130 บาท </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า

    ยอมรับว่าขณะนี้ยังมีตลาดสดบางแห่งจำหน่ายเนื้อหมูเกินราคาที่ กก.ละ 120-130 บาท สูงกว่าราคาเฉลี่ย 115-120 บาท และหลังจากนี้ส่งเจ้าหน้าที่กระทรวง ลงพื้นที่ตรวจสอบราคาเนื้อหมู ทั่วทั้งประเทศ หากพบพื้นที่ใดมีราคาแพงก็ จะนำโครงการเนื้อหมูธงฟ้า กก.ละ 98 บาท ไปจำหน่าย เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ประชาชน ในพื้นที่ มีโอกาสซื้อเนื้อหมูราคาถูก หรือ หากได้รับความเดือดร้อนสามารถร้องเรียนเข้ามาได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน โทร 1569 ตลอด 24 ชม.

    “เรื่องนี้เราเข้าใจคนขายว่าหากขาย ปริมาณน้อยก็มีต้นทุนแฝงสูงกว่า แต่กรมฯ จำเป็นต้องดูแลผู้บริโภคไม่ให้เดือดร้อนด้วย และหากราคายังแพง กระทรวงพาณิชย์หาวิธีแทรกแซงเพื่อเพิ่มทางเลือกในการซื้อเนื้อ หมู และอาหารสดประเภทอื่นราคาถูก ให้ประชาชนในย่านนั้นแทน โดยคาดว่าหลัง จากนี้ภายใน 1 สัปดาห์ จะได้รับข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ชัดเจนว่าพื้นที่ไหนราคาแพงบ้าง และต้องจัดหมูธงฟ้า รวมถึงสินค้าอื่นไปขาย”

    สำหรับราคาเนื้อหมูที่ปรับขึ้นสูง อยู่ระหว่างวันที่ 19-20 พ.ค. สูงถึง กก.ละ 140 บาท

    แต่ตอนนี้ราคาเริ่มลดลงมาใกล้เคียงภาวะปกติแล้ว โดยราคาหมูเป็นเฉลี่ยที่ กก.ละ 61-62 บาท หมูเนื้อแดง 115-120 บาท ซึ่งเป็นราคาที่น่าพอใจสำหรับทุกฝ่าย ส่วนสาเหตุผู้ประกอบการบางรายขายราคาแพง เนื่องจากเป็นตลาดขนาดเล็ก มียอดขายไม่มากทำให้ผู้ประกอบการต้องบวกกำไรค่าบริหารจัดการเพิ่ม หรือบางที่มีการสั่งซื้อเนื้อหมูเฉพาะส่วน ทำให้ต้นทุนเฉลี่ยสูงกว่าซื้อหมูมาทั้งตัว

    นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์มีนโยบายดูแล
    ราคาสินค้าต่อไป


    โดยขอความร่วมมือผู้ประกอบการช่วยตรึงราคาสินค้าออกไปอีก 3 เดือน หลังจากมาตรการเดิมจะสิ้นสุดปลายเดือน มิ.ย. นี้ ขณะเดียวกันมอบหมายให้กรมการค้าภายในหาข้อสรุปการปรับราคาสินค้าใหม่ด้วย นอกจากนี้จะเข้าไปดูแลการขายสินค้า โดยเฉพาะอาหารปรุงสุกตามท้องตลาด เนื่องจากมีผู้ร้องเรียนว่าราคาอาหารเริ่มสูงขึ้นตามราคาวัตถุดิบ โดยอาจแก้ไขด้วยการจัดร้านอาหาร มิตรกับธงฟ้า ซื้อวัตถุดิบธงฟ้ามาใช้ เพื่อให้ราคาอาหารไม่สูงเกินจนกระทบต่อผู้บริโภค

    “ตอนนี้ปัญหาการเมืองก็ยังแรงอยู่ ยังไม่อยากให้ปัญหาราคาสินค้ามาซ้ำเติมประชาชนอีก จึงสั่งการให้กรมการค้าภายในหารือกับผู้ผลิตเพื่อขอความร่วมมือตรึงราคาสินค้าต่อไปอีก 3 เดือน โดยเฉพาะสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพในชีวิตประจำวัน ส่วนสินค้าที่ต้องใช้วัตถุดิบนำเข้าจากต่างประเทศต้องพิจารณาเป็นราย ๆ”

    นายสุรชัย สุทธิธรรม นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่าวว่าสมาคมฯจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มหลังผลผลิตหมูออกสู่ตลาดไม่เพียงพอกับความต้องการบริโภค เนื่องจากหมูโตช้ากว่าปกติ

    รายงานข่าวแจ้งว่าที่ผ่านมาสมาคม ผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ประกาศปรับขึ้นราคาลูกหมูอีกตัวละ 60 บาท คือ ปรับจากตัวละ 1,840 บาท เป็น 1,900 บาท ส่วนหมูเป็นหน้าฟาร์มปรับราคาเพิ่มขึ้นเฉลี่ยกิโลกรัมละ 0.50-4.50 บาท แบ่งการปรับขึ้นราคาตามพื้นที่ได้ ดังนี้ จ.ราชบุรีเพิ่มขึ้นอีกกก.ละ 1 บาทจาก 61 บาท เป็น 62 บาท นครปฐมเพิ่ม 1.50 บาท จาก 60.50 บาท เป็น 62 บาท ฉะเชิงเทราเพิ่ม 1.50 บาท จาก 60.50 บาทเป็น 62 บาท ชลบุรีเพิ่ม 1.50 บาท จาก 60.50 บาท เป็น 62 บาท ส่วนภาคอีสานเพิ่ม 0.50 บาท จาก 63.50 บาท เป็น 64 บาท เชียงใหม่เพิ่ม 0.50 บาท จาก 63.50 บาท เป็น 64 บาท สุราษฎร์ธานีเพิ่ม 4.50 บาท จาก 63.50 บาท เป็น 68 บาท และสงขลาเพิ่ม 4.50 บาท จาก 63.50 บาท เป็น 68 บาท.

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>เหลือน้ำใช้45วัน เขื่อนสิริกิต์ แล้งสุดรอบ18ปี</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>เขื่อนสิริกิติ์ เจอวิกฤติภัยแล้งในรอบ 18 ปี เหลือนํ้าใช้แค่ 54 วัน ปริมาณน้ำลดลงจนเรือและแพที่มีไว้ใช้บริการนักท่องเที่ยว ต้องจอดเกยตื้น ถ้าฝนไม่ตกอีกสองเดือนที่จะถึงปีหน้าจะประสบปัญหาภัยแล้งหนักมากกว่าที่เป็นอยู่.....

    เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.นายประเสริฐ ธำรงวิศวะ ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขื่อนสิริกิติ์-ฝ่ายบริหารเปิดเผยถึงสถานการณ์

    ปริมาณน้ำในเขื่อนสิริกิติ์ซึ่งขณะนี้ระดับนํ้าได้ลดปริมาณลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ไม่สามารถระบายน้ำออกจากเขื่อนฯในปริมาณมากได้ ประกอบกับปริมาณฝนที่ตก ทิ้งช่วงเป็นเวลานานส่งผลทำให้ไม่มีน้ำไหลเข้าสู่อ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์ ซึ่งในขณะนี้เขื่อนสิริกิติ์มีปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเหลือเพียงร้อยละ 6 หรือ 539.68 ล้านลูกบาศก์เมตร เหลือน้ำที่จะใช้ได้เพียงแค่ 54 วัน ซึ่งกรมชลประทานได้ประสานกับทางเขื่อนสิริกิติ์ให้ระบายน้ำ วันละ 10 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยปกติจะมีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บนํ้าเขื่อนสิริกิติ์ เพียงวันละ 3 ล้านลูกบาศก์เมตร ในปริมาณน้ำที่มีอยู่ เขื่อนจะสามารถปล่อยน้ำใช้ประโยชน์ท้ายเขื่อน เพียง 2 เดือน เพื่อช่วยเหลือเกษตรบริเวณท้ายเขื่อน รวมไปถึงเกษตรกรที่อาศัยน้ำตามโครงการสูบน้ำด้วยไฟฟ้า จ.อุตรดิตถ์ จำนวน 89 สถานี พื้นที่ส่งน้ำทั้งหมด 229,769 ไร่เพื่อรักษาระดับการผลิตกระแสไฟฟ้าและไม่ให้น้ำในอ่างเก็บน้ำแห้งขอดจน เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของเขื่อนและวิกฤติภัยแล้ง จึงจำเป็นต้องให้เกษตรกรเลื่อนการทำนาปีออกไปก่อน ประมาณกลางเดือน ก.ค.2553 ส่วนเกษตรผู้ปลูกข้าวนาปรัง จะทำนาได้เพียง 1 ครั้ง เนื่องจากต้นทุนนํ้า ปี 53 ตํ่ากว่าเกณฑ์มากคาดว่าปี 54 จะเกิดปัญหาวิกฤติภัยแล้งอย่างหนัก

    นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า เมื่อหลายปีที่ผ่านมาประมาณวันที่ 9 ก.ค.2535 ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์ เคยมีปริมาณนํ้าตํ่าสุด 128 เมตร

    ณ ปัจจุบันสถานการณ์ปริมาณน้ำของเขื่อนสิริกิติ์ในช่วงเดือน มิ.ย.ปีนี้ ถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำมากในรอบ 18 ปี หากเกษตรกรไม่วางแผนการใช้น้ำและไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของทางราชการผลผลิต ทางการเกษตรอาจได้รับความเสียหาย

    ทางด้าน นายโยธินศร์ สมุทรคีรีจ์ ผวจ.อุตรดิตถ์ เปิดเผยว่า เนื่องจากปริมาณน้ำในเขื่อนสิริกิติ์ มีไม่เพียงพอที่จะส่งน้ำให้สถานีสูบน้ำ ในแม่น้ำน่าน

    กรมชลประทานจึงได้แจ้งให้เกษตรกร เลื่อนการทำนาปี ออกไปก่อนเพื่อป้องกันข้าว กล้า เสียหาย สำหรับจำนวนสถานีสูบน้ำในเขต จ.อุตรดิตถ์ ที่ใช้น้ำจากแม่น้ำน่าน มีจำนวน 89 สถานี พื้นที่ส่งน้ำทั้งหมด 229,769 ไร่ ได้แก่ โครงการน้ำริด อำเภอเมือง จำนวน 1 สถานี พื้นที่ส่งน้ำ 44.659 ไร่ เป็นพื้นที่ในเขตชลประทาน 34,446 ไร่ และนอกเขตชลประทาน 10,213 ไร่ สถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า (ที่ถ่ายโอนให้ อปท.แล้ว) คือ อำเภอ ท่าปลา จำนวน 4 สถานี พื้นส่งน้ำ 3,000 ไร่ , อำเภอเมือง, จำนวน 32 สถานี พื้นที่ส่งน้ำ 55,440 ไร่ อำเภตรอน, 15 พื้นที่ส่งน้ำ 39,070 ไร่ อำเภอพิชัย จำนวน 37 สถานีสูบน้ำ พื้นที่ส่งน้ำ 87,300 ไร่ เกษตรกรโดยเฉพาะกลุ่มในจังหวัดภาคกลางจะต้องเลื่อนการทำนาปี ปี 2553 ออกไปก่อน เนื่องจากปริมาณน้ำในเขื่อนสิริกิติ์ไม่เพียงพอและทางเขื่อนสิริกิติ์คาดการ ว่าหากว่าอีกสองเดือนยังไม่มีฝนพายุลูกใหญ่พัดผ่านตกในต้นน้ำจะส่งผลทำให้ เขื่อนสิริกิติ์ไม่มีน้ำเพียงพอต่อการเกษตรทั่วๆไป.


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>แจ้งความเอาผิดร.พ.ฉีดวัคซีน2009 ตาย2ศพรวด</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>ผู้ใหญ่บ้านแม่เลา ต.ป่าแป๋ นำญาติผู้ตายสองคน แจ้งความเอาผิด ร.พ.แม่แตง อ้างฉีดวัคซีนหวัด2009 ถึงเสียชีวิต 2 ศพรวด
    <!--<iframe scrolling="no" src="fullURLmain/include/adsense/indetail.php" frameborder="0" height="266" width="250"></iframe>-->

    เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้(6 มิ.ย.) พ.ต.ท.สุรชัย บัวลาด สารวัตรเวร สภ.แม่แต่ง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่

    ได้รับแจ้งเหตุจากนายบุญทรัพย์ เชื้ออินทร์ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 5 บ้านแม่เลา ต.ป่าแป๋ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ แจ้งว่า ลูกบ้าน 2 คนเสียชีวิตเนื่องจากโรงพยาบาลแม่แตง ฉีดวัคซีนต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ 2009 ผู้เสียชีวิตคนแรกคือ นายประเสริฐ สมวิลาศ อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 73 หมู่ 5 บ้านแม่เลา ต.ป่าแป๋ อีกรายนางสุธรรม สังขรักษ์ อายุ 56 ปี อยู่หมู่บ้านเดียวกัน และเป็นผู้ป่วยอัมพฤกษ์อัมพาตเดินเองไม่ได้


    นายบุญทรัพย์ เปิดเผยว่าเบื้องต้นตนและญาติของนายประเสริฐ ได้เข้าแจ้งความเพื่อเอาผิดกับผู้เกี่ยวข้อง

    และเตรียมยื่นร้องขอความเป็นธรรมกับทางโรงพยาบาลให้ออกมารับผิดชอบ เนื่องจากทางญาติผู้ตายได้มาร้องเรียนตนว่า ญาติของเขาถูกแพทย์ของ ร.พ.แห่งนี้ ฉีดวัคซีนยาต้านไวรัสหวัดใหญ่2009ให้ โดยไม่ชี้แจงรายละเอียดให้ผู้ป่วยทราบ จนเป็นเหตุให้เสียชีวิต สำหรับผู้ตายทั้งสองรายนั้น เป็นชาวบ้านสองในสามคนที่ได้รับสิทธิจากรัฐให้ไปทำการรักษาฟรีตามโครงการตรวจสายตาโรคตา และรักษาผู้พิการฟรีที่สถานีอนามัยป่าแป๋รับผิดชอบ เมื่อตรวจเช็คโรคเบื้องต้นแล้วได้ส่งตัวทั้งสองรายไปรักษาฟรีที่โรงพยาบาล เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ที่ผ่านมา หลังแพทย์ตรวจความดันตา ตรวจเบาหวานและความดันแล้วยังได้ทำการฉีดยาให้กับลูกบ้านทั้งสองคน โดยมาแจ้งให้กับนายประเสริฐ ได้รับทราบภายหลังจากฉีดยาเข้าไปแล้ว ส่วนผู้ตายอีกรายที่เป็นอัมพฤกษ์คือนางสุธรรมนั้น ญาติเพิ่งมาทราบภายหลังที่บ้านว่าหมอฉีดยาให้ 2 เข็มแต่ไม่ได้แจ้งว่าเป็นยาอะไร

    หลังจากนั้นพอกลับบ้านมาได้ 1 วันคนทั้งสองก็มีอาการอ่อนเพลียล้มป่วยอาการทรุดหนักอย่างต่อเนื่อง

    โดยนายประเสริฐนั้นเดิมเป็นคนที่แข็งแรงมาก ทำงานรับจ้างขุดดิน แต่หลังฉีดยาทางภรรยาแจ้งว่า มีอาการนอนซมลุกไม่ขึ้น จนเพื่อนร่วมงานงง เช่นเดียวกับนางสุธรรมที่ก่อนไปหาหมอป่วยเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตเดินเหินไม่ค่อยสะดวกอยู่แล้ว หลังถูกฉีดยากลับบ้านมามีไข้สูงล้มป่วยอย่างหนัก

    นายบุญทรัพย์ กล่าวว่า ต่อมาครอบครัวของคนทั้งสอง จึงตกลงใจนัดหมายกันไปหาแพทย์ที่โรงพยาบาลอีกแห่งหนึ่ง

    ซึ่งเป็นโรงพยาบาลศูนย์ของ จ.เชียงใหม่ โดยญาติแจ้งให้แพทย์ทราบว่า คนทั้งสองมีอาการป่วยหนัก หลังจากถูก รพ.แห่งแรก ฉีดยาให้ หลังวินิจฉัยแพทย์ได้แจ้งกับญาตินางสุธรรมว่า ป่วยเป็นโรคฉี่หนู นางสุธรรม จึงขอกลับไปนอนรักษาตัวอยู่ที่บ้าน ต่อมาได้เสียชีวิตลงประมาณ 16.00 น.วันที่ 5 มิถุนายน ส่วนนายประเสริฐนั้น แพทย์ให้นอนรักษาตัวที่ รพ.แห่งที่2 อยู่หลายวัน เพราะมีอาการปอดอักเสบ

    ต่อมา ถูกส่งตัวเข้าห้องไอซียู และอาการทรุดหนัก แพทย์ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ เพราะปอดอักเสบอย่างหนัก

    ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีประวัติเป็นโรคปอดมาก่อน และอยู่ห้องไอซียูได้เพียง 1 คืนก็เสียชีวิตลงเมื่อ 05.00 น. วันนี้(6 มิถุนายน) ตนและญาติผู้เสียชีวิตจึงได้ไปรับศพและเข้าแจ้งความดำเนินคดี และอยากเรียกร้องให้โรงพยาบาลแห่งแรก ให้รับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้น โดยมองว่าการจะฉีดวัคซีนโรคหวัด2009 ให้กับประชาชนน่าจะเลือกทดลองฉีดในรายที่มีร่างกายแข็งแรงมากกว่า จะเลือกผู้ป่วยที่เป็นอัมพฤกษ์และเป็นผู้สูงวัย และต้องมีขั้นตอนแจ้งญาติและเจ้าตัวให้รับทราบรายละเอียดที่มากกว่านี้

    ด้านนายสมบัติ กีฬาแปง หัวหน้าสถานีอนามัยป่าแป๋ อ.แม่แตง กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเรื่องละเอียดอ่อน มีผลกระทบในพื้นที่ ตนไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ แต่ทราบว่า ทางสาธารณสุขจังหวัด เตรียมเปิดแถลงข่าวเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>"จุรินทร์" ปฏิเสธ 2 เหยื่อเชียงใหม่ ไม่ได้ตายเพราะฉีดวัคซีนหวัดใหญ่ฯ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle>นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.สาธารณสุข</TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>
    นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.สาธารณสุข (สธ.) กล่าวเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน ว่า

    จากข่าวที่ปรากฎเมื่อวันที่ 6 มิ.ย.ว่าจังหวัดเชียงใหม่มีผู้เสียชีวิตจากการรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 2009 จำนวน 2 รายนั้น ยืนยันว่าไม่ใช่ เนื่องจากคนแรก มีอาการเบาหวาน ความดัน และไขมันในเลือดสูง ทั้งนี้เริ่มป่วยตั้งแต่วันที่ 30 พ.ค.ด้วยโรคฉี่หนู และได้รับวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 วันที่ 26 พ.ค. ซึ่งห่างจากวันเสียชีวิต 10 วัน เบื้องต้นแพทย์วินิจฉัยว่าไม่เกี่ยวข้องกัน สำหรับรายที่สองซึ่งมีโรคประจำตัวหลายโรคนั้น เริ่มป่วยตั้งแต่วันที่ 30 พ.ค. และเสียชีวิตลงในวันที่ 5 มิ.ย. ไม่ได้รับวัคซีนไข้หวัด 2009 แต่อย่างใด


    นายจุรินทร์ กล่าวว่า ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ 2009 เพิ่ม 1 ราย และไม่มีผู้เสียชีวิต ทั้งนี้ยอดรวมตลอดปีมีทั้งสิ้น 6,635 ราย เสียชีวิต 32 ราย ส่วนวัคซีนทั้งหมด 2 ล้านโด๊สนั้น ได้ฉีดไปแล้ว 1.43 ล้านโด๊ส คิดเป็นร้อยละ 71.6

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>บางจากจ่อขึ้นราคาน้ำมัน อ้างค่าการตลาดต่ำ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>บางจากจ่อขึ้นราคาน้ำมัน หากราคาน้ำมันสำเร็จรูปตลาดสิงคโปร์ปรับลดไม่ถึงเหรียญ เหตุค่าการตลาดต่ำ
    <!--<iframe scrolling="no" src="fullURLmain/include/adsense/indetail.php" frameborder="0" height="266" width="250"></iframe>-->

    นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท
    บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)

    กล่าวว่า
    บางจากยังไม่มีแผนที่จะปรับราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ โดยต้องดูราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดสิงคโปร์เย็นนี้ (7 มิ.ย.) ก่อน เนื่องจากราคาน้ำมันดิบวันศุกร์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลงมาก


    ทั้งนี้หากราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดสิงคโปร์เย็นนี้ ปรับลดลงไม่ถึงเหรียญต่อบาร์เรล อาจต้องปรับขึ้นราคาขายปลีกในประเทศ เนื่องจากค่าตลาดอยู่ในเกณฑ์ต่ำเฉลี่ย 1 บาทต่อลิตร

    <!-- Tags Keyword -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...