OO นโม โพธิสัตวา/ อวโลกิเตศวร OO

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย ?????????, 16 มกราคม 2010.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,170
    กระทู้เรื่องเด่น:
    20
    ค่าพลัง:
    +29,715
    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.836082/[/MUSIC]
     
  2. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    OOไกลแสนไกล อาจใกล้แสนใกล้OO

    ..มหาโพธิสัตว์ ที่หลายท่านสวดภาวนาพร่ำหา

    อาจพบได้ง่ายมาก

    ยามเมื่อเราสร้างมหาการุณ มหาเมตตาจิต ที่เราเอง...
     
  3. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    [​IMG]
     
  4. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    Explanation of Mudras


    <TABLE cellSpacing=2 cellPadding=4 width=800 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center width="37%">[SIZE=-1]"Gesture of Holding the Juwel"[/SIZE]
    [SIZE=-1](manidhara) The hands are arched and hold a wishing juwel, which can not be seen because of it´s transparency. This is a mudra of Avalokiteshvara, and is often confused with the similar gesture of greeting. [/SIZE]
    </TD><TD vAlign=center width="26%"><CENTER><TABLE cellSpacing=0 cols=1 cellPadding=8 width="5%" border=2><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER><CENTER>[SIZE=-1] [/SIZE]</CENTER></TD><TD vAlign=center width="37%">[SIZE=-1]"Haltens des Juwels"[/SIZE]
    [SIZE=-1](manidhara) Die Hände sind ausgewölbt und bergen das wegen seiner Transparenz unsichtbare Wunschjuwel Cintamani. Geste des Avalokiteshvara, fälschlich oft mit der Grußgeste verwechselt[/SIZE]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    [​IMG]
     
  6. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    ในสมัยพุทธกาล

    หลังจากที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว
    เมื่อถึงคราวที่พระองค์จักได้เสด็จพระราชดำเนินพร้อมพระภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ เยือนกรุงกบิลพัสดิ์ เพื่อโปรดพุทธบิดาและพระประยูรญาติ

    ในครานั้น พระน้านางประชาบดีโคตมี ซึ่งเป็นแม่นมและมีศักดิ์เป็นน้าแท้ๆของพระพุทธเจ้าได้ทราบข่าว ก็มีความปลาบปลื้มปีติเป็นล้นพ้น ได้ดำริที่จะทอผ้าไตรจีวรเนื้อดีไว้ถวายพระพุทธองค์ พระนางได้ลงมือปลูกหม่อนเลื้ยงไหมด้วยตัวเอง ในภาชนะทองคำบริสุทธิ์แท้ราคาแพงทั้งหมด และได้ทำการทอผ้าไตรจีวรเป็นผ้าไหมอย่างดีไว้ถวายพระบรมศาสดา เมื่อถึงเวลาที่พระพุทธเจ้าเสด็จ พระน้านางได้น้อมนำผ้าเข้าไปถวายพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าไม่ทรงรับ(พระพุทธเจ้าทำอะไรพระองค์มีเหตุผลเสมอ และมักจะมีเหตุการณ์สำคัญๆเกิดขึ้นเสมอ) พระน้านางก็เสียใจและทรงพระกันแสง(ร้องให้) พระน้านางจึงได้นำไปถวายพระสารีบุตร พระสารีบุตรก็ไม่รับ ถวายพระโมคคัลลานะพระโมคคัลลานะก็ไม่รับ ถวายพระเถระชั้นผู้ใหญ่ ก็ไม่มีใครรับ ในที่สุดก็ได้ไปถวายพระภิกษุบวชใหม่ที่นั่งอยู่ท้ายสุด พระภิกษุรูปนั้นได้รับไว้ พระภิกษุรูปนั้นเป็นพระภิกษุหนุ่มบวชใหม่ ยังเป็นพระธรรมดาอยู่ ชื่อว่า "อชิตภิกษุ" พระน้านางได้ทรงพระกันแสงและรำพึงรำพันว่า ตัวเรานี้บุญวาสนาน้อยนัก เป็นถึงน้าของพระพุทธเจ้า ตั้งใจทอผ้ากาสาวพัสต์อย่างดีมาถวายพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็ไม่ทรงรับ พระที่รับกลับเป็นพระบวชใหม่ ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ พระบรมศาสดาทรงแย้มพระโอษฐ์(ยิ้ม) แล้วตรัสให้พระอานนท์นำบาตรของพระองค์มา ทันใดนั้นพระพุทธเจ้าได้ขว้างบาตรของพระองค์ขึ้นไปบนอากาศ หายลับตาไป และได้ตรัสให้พระอรหันต์ทั้งหลายหาบาตรของพระองค์ให้เจอ โดยพระองค์ได้พยากรณ์ว่า จะไม่มีพระอรหันต์รูปใดหาบาตรของพระองค์เจอ แต่องค์ที่หาเจอจะเป็นพระบวชใหม่ที่ชื่อพระอชิตภิกษุ แล้วตอนนั้นพระองค์จะเฉลยว่าพระอชิตภิกษุเป็นใคร (เพื่อเป็นอุบายให้พระน้านางคลายความเศร้าโศกลงบ้าง) ในลำดับนั้นพระสารีบุตรได้เหาะขึ้นไปเป็นองค์แรกก้หาไม่เจอ พระโมคคัลลานะผู้เลิศด้วยฤทธิ์เหาะขึ้นไปหาก้หาไม่เจอ พระอรหันต์ทั้งหลายผู้มีฤทธิ์เป็นอเนกอนันต์ได้เหาะขึ้นไปหาก็หาไม่เจอ (ประลองฤทธิ์กับพระพุทธเจ้า) ไม่มีองค์ไหนหาเจอ ในที่สุดพระพุทธเจ้าได้ตรัสสั่งให้พระอชิตภิกษุเป็นผู้หาบาตรให้เจอ พระอชิตภิกษุน้อมรับพุทธบัญชาได้ออกมายืนอยู่ ณ ที่โล่งแจ้ง ได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า ถ้าหากแม้นความปรารถนาของอาตมาภาพในพระสัมมาสัมโพธิญาณ ในการตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคตจักสัมฤทธิ์ผล ขอให้บาตรของพระชินษีร์จงลอยลงมาสู่มือของอาตมา ณ บัดนี้เถิด ทันใดนั้นบาตรของพระพุทธเจ้าก็ได้ลอยลงมาสู่พระหัตถ์ของพระอชิตภิกษุ และทันใดนั้นเองพระพุทธเจ้าก็ได้บันลือสีหนาทให้กับพระอชิตภิกษุโดยการพยากรณ์ว่า หลังจากสิ้นศาสนาของพระองค์ พระอชิตภิกษุรูปนี้จักได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าต่อจากพระองค์ มีพระนามว่า "พระศรีอริยะเมตไตรย์"



    OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO



    พระมหาโพธิสัตว์ที่อยู่ในปรมัตถบารมี

    มีจิตสะอาด ทรงสภาวะจิตใกล้เคียงพระอริยเจ้า

    เพียงแต่ไม่ตัดสังโยชน์ขั้นสูง เพราะ ต้องรอกลับมาเกิดเป็นพระพุทธเจ้า

    จิตทรงวิปัสสนาญาณ ไม่ต่ำกว่าโคตรภูญาณเป็นนิสสัย



    สามารถทำวิกขัมภนวิมุตติ, ตทังควิมุติ ฯลฯ

    คือ ทำจิตหลุดพ้นชั่วคราว ด้วยอำนาจสมาบัติแห่ง สมถวิปัสสนา

    สัมผัสพระนิพพานได้ขณะหนึ่ง เป็นระยะๆไป

    แต่ ยังต้องทรงมีขันธ์ห้าอยู่

    รอเวลาตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตามคิว เท่านั้นเอง


    เมื่อลาจากพุทธภูมิจึง ตรัสรู้อริยสัจจ์ เป็นพระสาวกขั้นสูงได้ง่าย

    ด้วยบารมีทำมามากล้น กว่าความเป็นสาวกปกติ

    ( นี่กล่าวถึง ผู้บำเพ็ญบารมีสามสิบทัศน์ขั้นปรมัตถบารมีมามาก แล้ว )



    การเคารพ การสักการะ การนับถือ พระมหาโพธิสัตว์เหล่านี้

    หากไม่ประเสริฐแล้ว พระพุทธองค์คงไม่ส่งเสริมมหาอุบาสิกาท่านนั้นให้ได้ทำบุญกับพระอชิตเถระโพธิสัตว์


    ....การที่ใครมีกำลังใจ นับถือ สักการะ ทำบุญ กับพระมหาโพธิสัตว์ นั่นก็ประเสริฐ

    อย่าทำลายกำลังใจที่ดีของเค้าเลย


    วิถีจิตของแต่ละคน ในระหว่างก่อนเข้าพระนิพพานอาจต่างกัน

    ไปสนใจ ขัดแย้ง กับลีลาที่ต่างกันทำไม

    จะนิกายไหน ชาติไหน ภาษาไหน
    เพศไหน
    มหายาน หินยาน

    ฯลฯ

    ..ก็แค่ ผ้าต่างสี ที่ห่อดวงแก้วบริสุทธิ์ไว้ภายใน...


    สุดท้าย ก็เพื่อความพ้นทุกข์เป็นที่สุด


    ....การบูชาผู้มีจิตสะอาด เป็นมหาโพธิสัตว์ มีธรรมเป็นที่ตั้งเช่นนี้ ก็เป็นมงคลอย่างยิ่ง....<!-- google_ad_section_end -->


    แต่ ขอประการใหญ่ ประการหนึ่ง

    สำหรับผู้นับถือพระโพธิสัตว์มหายาน


    คือ .... การ นำคำสอนที่บิดเบือน หรือ แย้งกับพระพุธพจน์

    มาแอบอ้างเป็นธรรมพระโพธิสัตว์ในพุทธศาสนา

    จะเป็นบาปมหันต์



    เจตนาดี แต่ ด้วยวิธีการที่พลาด ... อาจนำสรรพชีวิต หลงไปอีกนาน ....

    ผลกระทบข้างเคียงที่แรงกว่านั้น คือ

    ทำลายพระธรรม อันเป็นแก่นแห่งการหลุดพ้น ซึ่งมาจากพุทธวจนะ

    เป็นการทำลายหนทางหลุดพ้นในพุทธศาสนา หรือ ทำลาย
    พระศาสนา นั่นเอง


    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) --><!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มิถุนายน 2010
  7. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    เรื่อง การที่พระมหาโพธิสัตว์หลายพระองค์

    มีครูบาอาจารย์หลายท่านบอกว่า องค์โน้น องค์นี้ไปนิพพานแล้วนั้น

    ก็ยังทำคลางแคลงใจให้หลายท่าน

    เพราะ 1. ศิษย์หลายคนยังพบเห็นท่านได้อยุ่
    2. พบแล้ว ยังคุยกันว่า ท่านไม่ได้เข้านิพพานทั้งแท่ง???

    ฯลฯ

    เช่น หลวงปู่สด วัดปากน้ำ ( ภาษีเจริญ )

    ถ้าอธิบายด้วยวิชชาธรรมกาย

    จะง่ายที่จะเข้าใจกว่า

    คือ กายหลักมี 18 กาย

    แต่ละกาย แตกได้เป็นอนันต์

    บางองค์ มีกายอรหัตต์ หรือ การอรหัตต์ที่พิเศษตามบารมี แตกหรือพัฒนาเป็น
    กายจักรพรรดิ กาย ฯลฯ ซึ่งส่วนนี้ จะเชื่อมโยงกับ พระนิพพานเป็นหลักไว้
    เรียกว่า ยึดฐานที่มั่น อันเป็นเป้าหมายไว้ก่อน

    ส่วน กายต้นๆ ตั้งแต่มนุษย์กาย กายมนุษย์ละเอียด กายทิพย์ กายพรหม ฯลฯ
    ก็ทำงานในภพสาม โปรดสัตว์ สร้างบารมีอยู่

    ถ้าครูอาจารย์ท่านอื่นไปนิพพาน ก็เห็นกายอรหัตต์ของท่าน

    บางท่านไปดุสิต เห็นเทวกาย ก็บอกว่า ท่านอยู่ดุสิต

    ก็เป็นเช่นนี้หละครับ



    เรื่องนี้ ฟังไว้ก่อนได้นะครับ ...แต่อย่าเพิ่งปรามาสเป็นมโนกรรม วจีกรรม

    ดีออก.... ไม่เสียกำลังใจด้วย ที่มีมหาโพธิสัตว์มากมาย

    ช่วยเหลือสรรพชีวิตแบบนี้


    วิสสัยแห่งพุทธภูมิ เป็นอจินไตย<!-- google_ad_section_end -->
     
  8. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    พระโพธิสัตว์ เทพ เซียนทั้งหลาย

    ท่านก็มีธรรมกายของท่าน กายเทพ กายพรหมของท่าน ที่ยังคงอยู่ในภพสาม และ ภพพิเศษของท่าน ช่วยเหลือสรรพชีวิตอยู่เช่นกัน

    แต่ .... นิพพานของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อยูตรงศูนย์กลางที่สุด นำสัตว์โลกออกจากกองทุกข์ได้ถาวร

    เรื่องนอกคัมภีร์มีมากมาย


    .........แต่พวกเรา พุทธศาสนิกชน ไม่ว่านิกายไหน มีแกนกลางร่วมกันคือ

    อริยมรรคมีองค์แปด อันเป็นหนทางพ้นทุกข์<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2010
  9. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    [​IMG]
     
  10. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    [​IMG]
     
  11. ?????????

    ????????? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2009
    โพสต์:
    464
    ค่าพลัง:
    +5,893
    [​IMG]
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...